แรงรัก แรงอาฆาต

-

เขียนโดย anawat

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 23.08 น.

  13 ตอน
  5 วิจารณ์
  2,556 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2566 09.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) มาวิน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แรงรัก  แรงอาฆาต

บทที่3 มาวิน

 

บ้านมาวิน(หนึ่งเดือนต่อมา)

   หลังจากงานวิวาห์ในคืนนั้น  ระยะเวลาได้ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว  ท้องของเจ้าสาวของมาวิน  ก็โตขึ้นทุกขณะ  ส่วนตัวมาวินเองนั้น

                      “ไม่ต้องห่วงนะครับพ่อแม่” ชาติชายกล่าวขึ้น  กับพ่อแม่ของมาวิน “เดี๋ยวผมจัดการให้เองครับ”

                      “แม่ฝากชายด้วยนะลูก” แม่กล่าวขึ้น  พรางเอามือไปจับไหล่ชาติชาย “แม่เป็นห่วงวินเขาจังเลย”

                      “ได้เลยครับแม่”

   สิ้นเสียงชาติชาย  เขาก็เดินมุ่งหน้าไปที่ห้องของเพื่อน  เสียงเท้าเขากระทบกับบันได  เสียงดังสนั่นหวั่นไหว  ราวกับว่าเขาไปโกรธใครมาก็มิปาน  เมื่อเขาเดินถึงหน้าห้องนอนของเพื่อนเขา  เขาเอื้อมมือเปิดประตูห้องของเพื่อนเขา  เสียงดังสนั่นราวกับประตูจะพังคามือเขา 

   แต่เมื่อประตูห้องของเพื่อนเขาถูกเปิดออก  เขาก็ต้องหยุดชะงัก  ให้กับกลิ่นละมุดก็พุ่งเข้ามาเตะที่จมูกเขา  ภายในห้องนอน  มีแต่ขวดสุราวางเรียงรายเต็มไปหมด  กับสภาพของเพื่อนเขา  ที่นอนไม่ได้สติ  ราวกับคนที่ดื่มน้ำเมาเข้าไปทั้งชีวิต  โดยที่มิได้หยุดพักก็มิปาน

   ชาติชายที่เห็นสภาพเพื่อนของเขาแบบนั้น  ก็มิรอช้าที่จะเดินเข้าไปเรียกเพื่อนเขา  โดยการเอามือตบเข้าไปที่ตามตัวของเพื่อนเขา  เพื่อให้เพื่อนเขาได้สติเสียที

                      “ไอ้วิน” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางเอามือตบไปที่ตัวเพื่อนเขา “ตื่นเว้ย  นี่มันสายโด่งแล้ว  มึงจะนอนกินบ้านกินเมืองรึไงฮะ”

   ชาติชายเรียกมาวินอยู่พักใหญ่ๆ  กว่าที่มาวินจะได้สติ  และงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่เหมือนคนพึ่งนอน  และเขาเริ่มกล่าวกับมาวิน

                      “เอออ” มาวินกล่าวขึ้น  ด้วยสีหน้าที่งัวเงีย  แต่ตาเขายังลืมไม่เต็มที่นัก “กูตื่นแล้ว  แล้วมึงมาทำไมแต่เช้าเนี่ย  ไอ้ชาย”

   ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น  ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  กับคำพูดของเพื่อนเขา  เขาจึงกล่าวออกมา

                      “นี่มึงไม่รู้ตัวเลยเหรอ  ไอ้วิน” ชาติชายกล่าวขึ้น  ด้วยสีหน้าที่ผิดหวังในตัวเพื่อน “ว่าตั้งแต่ที่มึงแต่งงานมาเนี่ย  มึงก็เอาแต่เมาหยำเปทุกวัน  จนขาดงานขาดการ  จนพ่อกับแม่มึง  ต้องโทรไปขอร้อง  ให้กูมาช่วยพูดกับมึงเนี่ย”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็มองไปรอบๆห้อง  ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย  ก่อนที่เขาจะตอบเพื่อนเขาอย่างไม่รู้สึกอะไร

                      “อ้อ” มาวินกล่าวขึ้น  ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “พ่อกับแม่กู  ขอให้มึงมาเหรอ  งั้นมึงกลับไปเถอะ  กูสบายดีไม่เป็นอะไรหรอก”

   ชาติชายที่ได้ยินเพื่อนตนพูดดังนั้น  ก็ถึงกับหัวเสีย  และลุกขึ้นไปกระชากผ้าห่มออก  ก่อนที่จะกล่าวกับมาวินต่อ

                      “ไม่เป็นไรห่าอะไร” ชาติชายกล่าวขึ้น  ด้วยสีหน้าที่หัวเสียเอามากๆ “มึงลองดูไปรอบๆห้องมึงสิ  มีแต่ขวดเหล้ากับกลิ่นเต็มห้องไปหมด  แล้วเมียมึงไปไหน  ทำไมเขาไม่ดูแลมึงเลยฮะ  ปล่อยให้ผัวตัวเองเมาเหมือนหมาขนาดนี้” 

                      “เมียกูเหรอ” มาวินกล่าวขึ้น  ด้วยท่าทางที่เหมือนคนยังไม่ได้สติดีนัก “ถ้าเมียกู  เขาทำงานที่จังหวัดใกล้เคียงกับเราเนี่ย  จะไปๆมาๆที่บ้านกับที่ทำงาน  ก็ลำบาก  เลยเช้าหออยู่ใกล้ๆที่ทำงาน  จะกลับมาเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์”

   ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น  ก็ถงกับชักสีหน้าตกใจ  พรางถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่  ก่อนที่เขาจะเดินเข้าหาเพื่อนเขา  และกระชากแขนเพื่อนเขาลุกออกมาจกาที่นอน

                      “งั้นมึงจะอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วไอ้วิน” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางลากมาวินออกจากที่นอน “มึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย”

   มาวินที่เห็นเพื่อนของตนกระชากตนออกจากที่นอน  ก็ถึงกับสบถออกมา  ด้วยอาการตกใจ

                      “เฮ้ยเดี๋ยวไอ้ชาย” ชาติชายกล่าวขึ้น  ด้วยอาการตกใจ  ด้วยท่าทางกึงวิ่งกึงเดิน “มึงทำอะไรของมึงเนี่ย”

                      “เออมึงไปอาบน้ำเถอะ” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางลากมาวินเข้าไปในห้องน้ำ  ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำให้มาวิน “เดี๋ยวห้องมึง  กูจะให้พวกพี่แม่บ้านเขามาเก็บกวาดให้”

   พูดจบชาติชายก็ตะโกนเรียกพี่แม่บ้าน  ให้ขึ้นมาทำความสะอาดห้องของมาวิน  จนยามนี้กลิ่นละมุด  ที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง  ก็มลายหายไป  เหลือเพียงกลิ่นน้ำยาทำความสะอาด  ที่ได้ป้ายปาด  และถูไปทั่วห้อง  จนห้องสะอาดน่านอนขึ้นมาทันตาเห็น  ก็มิปาน  ส่วนมาวินที่เดินออกมาจากห้องน้ำ  ที่สภาพเขาตอนนี้ตัวเปียกปอน  เหมือนสุนัขที่ตกน้ำ  ได้ถามกับชาติชายไป

                      “ไอ้ชาย” มาวินกล่าวขึ้น  พรางเช็ดตัวไปด้วย “มึงทำอะไรของมึงเนี่ย”

                      “มีงรีบแต่งตัวเลย” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางชี้ให้มาวินไปแต่งตัว “แล้วเดี๋ยวไปกับกู  ขืนมึงอยู่ในสภาพแบบนี้นะ  ทั้งงานการมึง  และอนาคตมึงต่อจากนี้ได้พังหมดแน่”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็ทำสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก  แต่เขาก็ตอบตกลงเพื่อนเขาไป  ด้วยอาการที่รำคาญ

                      “เออๆ” มาวินกล่าวขึ้น  ด้วยอาการที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก “มึงออกไปรอกูข้างนอกสักแปปนึงแล้วกัน”

   พูดจบชาติชายก็เดินออกไปรอข้างนอกอยู่พักใหญ่ๆ  ก่อนที่มาวินเพื่อนของเขา  จะเดินออกมาจากห้อง  ด้วยเสื้อคอกลมแขนยาวสีขาว  ตัดกางเกงสแล็คขายาวสีน้ำเงินยาว  ก่อนที่เขาจะกล่าวกับชาติชายต่อ

                      “เอ้า” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางผับแขนเสื้อที่ยาวของเขา “มึงจะพากูไปไหนอ่ะ”

   สิ้นเสียงของมาวิน  ชาติชายก็กล่าวขึ้นมาต่อ  ก่อนที่เขาจะเดินลงบันไดไปพราง

                      “เออ” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางเดินลงบันไดไปด้วย “มึงตามกูมาเถอะ  เดี๋ยววันนี้กูจะเป็นคนพามึงเที่ยวที่ต่างๆเอง”

   พูดจบชาติชายกับมาวินก็เดินลงมาถึงชั้นหนึ่งพอดี  เขาทั้งคู่ก็พบกับพ่อกับแม่  ที่ยืนรออยู่ด้วยท่าทางที่เป็นกังวล  ว่าชาติชายจะพาลูกชายของเขา  ออกมาจากห้องนอนได้ไหม  แต่เมื่อเขาเห็นมาวินตามลงมาด้วย  พ่อกับแม่ก็ดูจะมีสีหน้าที่สบายใจขึ้น  มาวินที่เห็นพ่อกับแม่  ก็เอ่ยออกมาทันที

                      “พ่อกับแม่เนี่ย” มาวินกล่าวขึ้น  ด้วยสีหน้าที่เซ็ง  ปนน้ำเสียงที่ล้อเล่น “ร้ายจริงๆเลยนะครับ  ไปเรียกให้ไอ้ชาย  พาผมออกแบบนี้เนี่ย”

                      “ก็แกหายเงียบอยู่ในห้องเลย” พ่อกล่าวขึ้น  ด้วยสีหน้าที่ดูยิ้มแย้ม  เหมือนได้สิ่งที่ต้องการ “พ่อกับแม่ก็คิดว่าแกเป็นอะไรไปแล้วรึเปล่า  พ่อเลยต้องวานให้ชายเขามาดูลูกน่ะ  เพราะพ่อคิดว่า  เขาเป็นคนเดียวที่จะพาแกออกมาจากไอ้ห้องรูหนูของแกได้”

   สิ้นเสียงของพ่อ  ชาติชายก็กล่าวขึ้นมาต่อ  ด้วยอาการเขิล  ที่พ่อของเพื่อนสนิทหวังในตัวเขาขนาดนี้

                      “เออๆ” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางหันไปคุยกับเพื่อนเขา  ก่อนที่จะหันกลับมาคุยกับพ่อแม่ต่อ “มึงอ่ะๆม่ต้องยุ่งกับพ่อแม่เขา  แล้วตามกูมา  พ่อแม่ครับ  ผมขอยืมตัวไอ้วินวันนึงนะครับ”

                      “ได้เลยจ้ะ” แม่กล่าวขึ้น  ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม  พรางหยอกล้อกับชาติชาย “เอาไปสักสองวันก็ได้”

   สิ้นเสียงแม่  ชาติชายเดินเข้าไปกอดคอมาวิน  พรางพาเดินไปที่รถ  และทั้งคู่ก็สตาร์ทรถ  และขับออกไปจากบ้านกัน  ระหว่างทาง  มาวินเอ่ยถามกับชาติชาย

                      “มึงจะบอกกูได้รึยังไอ้ชาย” มาวินกล่าวขึ้น  พรางหันไปมองชาติชาย “ว่ามึงจะพากูไปที่ไหน”

   ชาติชายหันมายิ้มให้เพื่อนเขา  แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป  แต่กลับรีบขับรถไปยังจุดหมายที่เขาตั้งใจไว้

ร้านอาหาร

   ชาติชายพามาวินมายังร้านอาหารแห่งนึง  แต่สีหน้าของมาวิน  กลับไม่ดีสักเท่าไหร่นัก  เหมือนเขามีอะไรในใจกับร้านอาหารแห่งนี้  เมื่อเป็นเช่นนั้น  เขาจึงเอ่งกับเพื่อนของเขา

                      “ไอ้ชาย” มาวินกล่าวขึ้น  พรางหันไปมองเพื่อนเขา  ด้วยสีหน้าที่ดูกระวนกระวาย “มึงพากูมาที่นี่ทำไม”

                      “เอ้า” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางทำสีหน้ากวนๆ “มึงนี่ก็ถามแปลกๆเนอะ  มาร้านอาหาร  ก็ต้องกินข้าวสิวะ  ไปลงได้แล้ว”

                      “แต่มึงก็รู้ใช่ไหม” มาวินกล่าวขึ้น  พรางกลืนน้ำลายเสียงดังอึ้ก  ที่ได้ยินอย่างชัดเจนออกมา “ว่าร้านนี้  เป็นร้านที่กูกับเอิญชอบมากินน่ะ  แล้วก็ยังเป็นร้านที่กูขอเอิญ...”

   มาวินที่กำลังจะพูดต่อ  ก็ต้องหยุดชะงักกับคำพูดต่อไปของเขา  ชาติชายที่เห็นเพื่อนตนเองแบบนั้น  เขาจึงเอ่ยพูดขึ้นมาต่อเอง

                      “รู้” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางเอนตัวไปพิงกับเบาะรถยนต์ “ร้านนี้  เป็นร้านประจำของมึงกับเอิญ  และยังเป็นร้านที่มึงกับเอิญเจอกันครั้งแรกด้วยและมึงก็ขอเอิญแต่งงานด้วย  กูพูดถูกไหม”

   สิ้นเสียงชาติชาย  มาวินหันมามองชาติชายด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความสงสัย  ต่อสิ่งที่เพื่อนเขากำลังจะทำ

                      “งั้น” มาวินกล่าวขึ้น  พรางหันมามองชาติชาย  ด้วยสายตาที่มีแต่ความสงสัย “มึงพากูมาที่นี่ทำไม”

   ชาติชายที่ได้ยินเพื่อนตนเองพูดดังนั้น  บวกกับสีหน้าของเพื่อนเขาในยามนี้  ก็ทำให้ชาติชายยิ้มออกมา  ด้วยอาการของคนที่มีชัยชนะอย่างเต็มเปี่ยม  ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นมาต่อ

                      “เถอะน่า” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางปลดสายคาดเอว  และเตรียมจะลงจากรถ “เอาเป็นว่า  วันนี้มึงไปกับกูแล้วกัน  แล้วเดี๋ยวมึงจะรู้คำตอบเอง  ว่ากูทำแบบนี้ทำไม  ไม่แน่นะ  ระหว่างทางที่มึงไปกับกู  มึงอาจจะรู้คำตอบก่อนก็ได้  แต่ตอนนี้มึงรีบลงจากรถก่อน  กูหิวข้าวเต็มที่แล้วเนี่ย  กว่าจะลากมึงลงมาจากเตียงได้”

   พูดจบชาติชายก็เดินลงจากรถไป  ส่วนมาวิน  ในเมื่อเพื่อนตนเองพูดแบบนั้นแล้ว  ก็ยอมที่จะเดินตามเพื่อนเขาอย่างว่าง่าย  ระหว่างเดิน  มาวินก็นึกไปถึงเรื่องราวต่างๆของเอิญกับเขาที่ร้านนี้  ครั้งแรกที่ทั้งคู่ต่างเขิลอาย  จนต้องพาเพื่อนมาด้วย  ครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เจอหน้ากัน  ครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้สบตากัน  จนต่างตกหลุมรักกัน  ร้านนี้ต่างมีความทรงจำนั้นอยู่มากมาย  ชาติชายกับมาวินเดินเข้าไปในร้านอาหาร  พนักงานในร้านต่างกล่าวทักทายมาวิน  อย่างคนคุยเคยกัน  บางคนก็ถามหาเอิญอดีตแฟนสาวของเขา  เพราะเวลาที่มาวินมาที่นี่  ก็ต้องมีเอิญมาด้วย  เวลาที่เอิญมาที่นี่ก็ต้องมีมาวินมาด้วย  ทั้งคู่ต่างมีกันและกันในยามที่มาที่นี่  สีหน้าของมาวินที่เห็นแบบนั้น  ก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก  แต่ก๋ต้องฝืนยิ้มออกมา  เพื่อให้สถานการณ์ในตอนนั้น  เป็นปกติที่สุด  ชาติชายที่เห็นสีหน้าเพื่อนตนเองก็ยิ้มออกมา  พรางเอามือไปกอดคอเพื่อน  และตบไปที่ไหล่ของมาวินเบาๆ  เพื่อเป็นการปลอบในเพื่อน  ทั้งคู่เข้าไปนั่งสั่งอาหารกินกัน  พรางคุยกันไปต่างๆนาๆตามภาษาเพื่อน  ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกมาจากร้าน  และชาติชายก็พามาวินไปในสถานที่ต่อไป

B&W  CARFE

   มาวินที่เห็นดังนั้น  ก็หน้าถอดสีอีกครั้งหนึ่ง  เพราะคาเฟ่แห่งนี้  เป็นคาเฟ่ที่เอิญกับเขาชอบมานั่งดูวิว  ชมบรรยากาศกัน  และถ่ายรูปเล่นกัน

                      “ไอ้ชาย” มาวินกล่าวขึ้น  พรางเอามือไปจับที่ไหล่ชาติชาย “นี่มึงตั้งใจจะพากูไปในที่ที่กูกับเอิญชอบไปกันใช่ไหม”

   ชาติชายที่ได้ยินเพื่อนตนเองพูดแบบนั้น  ก็ยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง  ก่อนที่เขาจะกล่าวกับเพื่อนเขาต่อ

                      “เห็นมะ” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางผายมือขวาไปด้านข้าง “กูบอกแล้ว  ว่าไม่แน่นะ  มึงอาจจะรู้  ว่ากูจะทำอะไรก็ได้”

                      “แล้วมึง” มาวินกล่าวขึ้น  พรางมองหน้าเพื่อนเขา  อย่างแปลกใจปนโมโห “จะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันวะ”

                      “กูบอกมึงแล้วไงไอ้วิน” ชาติชายกล่าวขึ้น  และมองเพื่อนของเขา  ด้วยสายตาที่มีเลสนัย “ว่าเดี๋ยวมึงก็จะเข้าใจคำตอบเอง  ไปเข้าไปในร้านกัน  กูอยากกินกาแฟแล้วก็ถ่ายรูปด้วย  นานๆทีได้หยุดงานหลายๆวันที  ขอสนุกให้เต็มที่หน่อยวะ”

   มาวินที่เห็นท่าทางของเพื่อนเขา  ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  และเป็นอีกครั้ง  ที่มาวินเดินตามชาติชายเข้าไปในร้านอย่างว่าง่าย  บรรยากาศภายในร้าน  ทำให้มาวินต้องยืนนิ่ง  และตัวแข็งอีกครั้ง  เพราะเมื่อเขาเข้ามาในร้าน  ภาพเก่าๆที่เขาเคยมากับเอิญ  มากลับวนเข้ามาภายในหัวเขาอีกครั้ง  โต๊ะตัวในสุดของร้าน  ที่เขาทั้งคู่เคยนั่งจู๋จี๋กัน  วิวข้างนอกติดริมแม่น้ำ  ที่มีดอกไม้ที่ถูกดูแลอย่างดี  ขึ้นสูงเขียวขจีที่มองออกไปช่างสบายตา  น่าถ่ายรูปยิ่งนัก  ที่เอิญอดีตแฟนสาวของเขา  ชอบขอร้องให้เขาถ่ายรูปให้  ภาพเหล่านั้นที่มันไม่เคยหายไปจากใจเขาเลย  มันเหมือนกลับมาตอกย้ำเขาอีกครั้งหนึ่ง  ชาติชายที่เห็นเพื่อนเขายืนนิ่งอยู่  แต่เมื่อเขาสังเกตใบหน้าของเพื่อนเขาดีๆ  มันกลับเต็มไปด้วยความคิดถึงความโหยหา  ชาติชายที่เห็นแบบนั้น  จึงเอ่ยกับเพื่อนเขาขึ้นมา

                      “เฮ้ยไอ้วิน” ชาติชายกล่าวขึ้น  มาวินที่ได้ยินเพื่อนเขาเรียก  ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ “ยืนเหม่อเลยนะมึง  ไปไปถ่ายรูปกันดีกว่า”

   มาวินที่เหมือนคนพึ่งได้สติ  ก็มีท่าทีที่ลุกลี้ลุกลน  ก่อนที่จะตอบเพื่อนเขาไปด้วยท่าทางงงๆ

                      “เออๆ  กูไปสั่งกาแฟแปปนะ”

   พูดจบมาวินเดินไปสั่งกาแฟ  เมื่อพนักงานเห็นมาวิน  จึงเอ่ยถามถึงเอิญขึ้นมา  เพราะเวลาที่เห็นมาวินมาที่นี่  ก็ต้องเห็นเอิญมาด้วย  แต่ในวันนี้พนักงานกลับเห็นมาวินมากับคนอื่นแทน  มาวินที่ได้ยินพนักงานถามดังนั้น  จึงทำได้เพียงยิ้มออกไป  เพียงเลี่ยงการตอบคำถามในครั้งนี้  ชาติชายที่เห็นแบบนั้นกลับยิ้มออกมา  ด้วยความพึงพอใจกับสถานการณ์ในตอนนี้  พรางพามาวินไปถ่ายรูปมุมต่างๆภายในร้าน  เมื่อทั้งคู่ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้ว  ชาติชายจึงชวนมาวินไปยังที่ต่อไป  มาวินที่ได้ยินดังนั้น  จึงเอ่ยถามชาติชายออกมา

                      “ยังมีที่ต่อไปอีกเหรอวะ”

                      “ก็เออดิวะ” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางเดินไปที่รถ “ก็กูบอกแล้วไง  ว่าวันนี้กูขอตัวมึงวันนึง  ไปๆมึงไปขึ้นรถเถอะ  เดี๋ยวกูพาไปที่ต่อไป”

   และเป็นอีกครั้ง  ที่มาวินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  แต่สุดท้ายเขาก็ยอมที่จะขึ้นรถของเพื่อนเขาอย่างว่าง่าย  วิวข้างทางวิวที่คุ้นเคย  ที่เมื่อมาวินขับรถมาเอิญ  มันช่างชวนให้มาวินคิดถึงเอิญอยู่ไม่น้อย  ตลอดทางของทั้งคู่  มาวินได้แต่นิ่งเงียบ  และมองออกไปนอกรถด้วยอาการที่เหมือนคนเหม่อลอย  แต่ปนไปด้วยความโหยหาใครบางคน  และที่ต่อไปที่ชาติชายพามาวินก็คือ

วัดใหญ่(ภายในตัวเมืองทางภาคเหนือ)

   มาวินที่เห็นวัดในครั้งนี้  ทำสีหน้าเซ็งๆ  เหมือนรู้อยู่แล้วว่าสุดท้าย  เพื่อนเขาก็ต้องพามาวัดที่มาประจำกับเอิญ  เมื่อลงจากรถได้  ชาติชายก็ไม่รอช้า  ที่จะรีบชวนมาวินไปไหว้พระกัน

                      “เอ้า” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางเร่งมาวิน  ให้รีบลงจากรถ “นั่งอยู่ทำไม  รีบลงมาได้แล้ว  ยังต้องไปกันอีกหลายที่”

   สิ้นเสียงชาติชาย  มาวินก็ลงมาจการถแต่โดยดี  แต่ดูเหมือนครั้งนี้มาวินจะไม่พูดอะไรมาก  แต่หน้าตาของเขาที่ชาติชายสังเกตเห็น  มันยังมีความโหยหาเรื่องราวในครั้งเก่าๆอยู่  มาวินมองไปรอบๆวัด  ด้วยสีหน้าที่โหยหา  และคิดถึงอะไรบางอย่าง  ที่เคยมีร่วมกับวัดนี้  เขาเดินไปอย่างช้าๆ  พรางมองไปรอบๆวัด  เหมือนโจรที่ตั้งใจจะมาขโมยอะไรบางอย่างก็มิปาน  เขากับชาติชาย  เข้าไปไหว้พระในโบสถ์กัน  และทำบุญกัน  ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกมา  และเตรียมตัวขึ้นรถไปที่ต่อไป 

   ชาติชายยังคงพามาวินตระเวนไปในที่ต่างๆ  ที่มาวินเคยไปกับเอิญ  ทุกๆสถานที่ที่ชาติชายพาไป  มาวินจะมีสีหน้าที่บ่งบอกว่า  ยังคงมีความรักความโหยหา  ที่มาวินมีต่อเอิญอย่างเต็มเปี่ยม  ใบหน้าที่บ่งบอกว่า  เขาไม่เคยลืมเรื่องราวที่มีต่อเอิญไปเลยแม้เพียงสักนิด  ต่อในขณะเดียวกัน  ทุกๆครั้งมาวินก็จะมีสีหน้าที่ดีขึ้น  ในทุกๆสถานที่ที่ชาติชายพาไป  จนสุดท้ายชาติชายพามาวินไปที่ทุ่งหญ้าโล่งกว้าง  ที่อยู่บนภูเขาแห่งนึ่ง  ที่อากาศบนยอดเขาแห่งนั้นช่างเย็นสบาย  บวกกับอากาศที่เป็ยธรรมชาติ  ที่เมื่อหายใจเข้าไปแล้ว  รู้สึกสบายปอดอย่างบอกไม่ถูกกันเลย  ชาติชายจอดรถที่ทุ่งหญ้าแห่งนั้น  พรางพามาวินลงมานั่งคุยกันนะที่แห่งนั้น  ด้วยกาแฟคนล่ะแก้ว  ที่มีไว้เป็นอรรถรสช่วยเพิ่มรสชาติของการคุยกัน  มาวินที่เข้าใจความหมายของเพื่อนเขา  จึงเอ่ยขึ้น

                      “ที่มึงพากูไปสถานที่ต่าง  ที่กูเคยไปกับเอิญ  ก็เพราะ” มาวินกล่าวขึ้น  พรางนั่งมองวิวรอบๆตัวเขา “มึงอยากให้กูอยู่กับอดีตที่ผ่านมาให้ได้ใช่รึเปล่าวะ”

   ชาติชายที่ได้ยินเพื่อนตนเองพูดดังนั้น  ก็ยิ้มออกมา  เหมือนสิ่งที่เขาพยายามทำ  มันไม่สูญเปล่าเลย  เขาจึงเอ่ยกับเพื่อนเขาต่อ

                      “รู้จนได้นะมึง” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางหันไปมองหน้ามาวิน “แล้วเป็นไง  ต่อจากนี้มึงคิดว่ามึงจะอยู่กับมันได้ไหมวะ”

                      “สี่วัน” มาวินกล่าวขึ้น  ชาติชายที่ได้ยินแบบนั้น  จึงหันมามองเพื่อนเขา  ด้วยความสงสัย “หลังจากที่แยกกับเอิญที่ร้านอาหารในวันนั้น  กูก็รู้นะว่าเขาบล็อกไลท์กูไปแล้ว  แต่กูก็พยายามทักไลท์คุยอยู่ในไลท์ของเขาคนเดียวสี่วัน  เพียงเพราะกูหวังว่า  วันนึงเขาจะมาอ่านไลท์กู  และตอบไลท์กูบ้าง  ก็แค่นั้นเอง”

                      “แล้วเฟสบุ๊คล่ะ” ชาติชายกล่าวขึ้น  ด้วยสีหน้าที่สงสัย  ปนตกใจในสิ่งที่เพื่อนเขาทำ “มึงลองทักเฟสบุ๊คเขาไปหรือยัง  หรือเฟสบุ๊คเขาก็บล็อคมึงเหมือนกัน”

   มาวินที่ได้ยินเพื่อนตนเองถามต่อ  จึงยกกาแฟขึ้นมาดูดอย่างคนที่หิวกระหายน้ำเอามากๆ  ก่อนที่เขาจะกล่าวกับเพื่อนเขาต่อ

                      “หลังจากที่แต่งงานกันไป” มาวินกล่าวขึ้น  พรางมองไปที่ไกลสุดลูกหูลูกตา  ที่ทุ่งหญ้าแห่งนั้น “เมย์ก็ยังคงระแวงกู  ในเรื่องผู้หญิง  เธอเอาเฟสบุ๊คกูไปไล่ลบเพื่อนผู้หญิงออกหมด  กูก็ไม่อยากจะให้มีปัญหามาก  กูก็เลยปล่อยเขาไป  ยิ่งเอิญเมย์ยิ่งหาทางไม่ให้กูติดต่อได้เข้าไปใหญ่  แต่ไลท์ของกู  กูใส่รหัสในการเข้าเอาไว้  เมย์เลยมายุ่งกับไลท์กูไม่ได้น่ะ”

   ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น  ก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่  เขาจึงเอ่ยถามเพื่อนเขาไปต่อ

                      “มึงแต่งงานไป” ชาติชายกล่าวขึ้น  พรางมองหน้าเพื่อนเขา “มึงไม่มีความสุขเลยเหรอวะ  อย่างเฟสบุ๊คนี่  มันเรื่องส่วนตัวนะเว้ย”

   มาวินที่ได้ยินสิ่งที่เพื่อนเขาถาม  ก็ยิ้มออกมาบางๆ  พรางกล่าวกับเพื่อนเขาต่อ

                      “ความสุขเหรอวะ” มาวินกล่าวขึ้น  พรางยกแก้วกาแฟขึ้นมาดูด “ตั้งแต่ที่กูเลิกกับเอิญไป  ทุกวันโลกกูเหมือนมันมืดไปหมด  ความสุขเดียวของกู  คือการได้กินเหล้า  เมาแล้วก็หลับไป  ทุกวันกูเฝ้าคิดถึงแต่เอิญ  เขาจะเป็นยังไงบ้าง  เขาจะมีความสุขดีไหม  เขาจะคิดถึงกูบ้างไหม  เขาจะเสียใจขนาดไหน  ส่วนตัวกู  อยากจะไปเจอเขา  อยากไปเที่ยวในสถานที่ที่กูเคยไปกับเขา  อยากจะโอบกอดเขาอีกครั้ง  อยากโทรคุยกับเขาทุกๆวัน  แต่กูก็ทำไม่ได้แล้ว  ความรู้สึกกู  เหมือนกูพึ่งเลิกกับเขาไปเมื่อวานเองนะเว้ย”

                      “มึงไม่จำเป็นต้องลืมนิ” มาวินที่ได้ยินเพื่อนตนเองพูดดังนั้น  ก็หันหน้ามามองเพื่อนของเขา  ด้วยความสงสัย “มึงเคยได้ยินรายการน้าคนนึงมะ  ที่น้าเขาเคยบอกไง  เราไม่จำเป็นต้องลืม  แค่เลือกเก็บสิ่งดีๆเอาไว้  ก็พอแล้วนิ  การที่กูพามึงมาเที่ยวในที่ๆมึงเคยมากับเอิญแบบนี้  เพราะกูอยากให้มึงรู้สึแบบนั้นแหล่ะเพื่อน  แต่ตอนนี้  มึงเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว  มึงก็ควรจะโฟกัสแค่อนาคตของครอบครัวมึง  แค่นั้นก็พอแล้วเว้ย”

   สิ้นเสียงชาติชาย  เพื่อนทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน  ก่อนที่ทั้งคู่จะยกแก้วกาแฟมาชนกัน  และดูดกาแฟจนหมกแก้ว  ก่อนที่มาวินจะเอ่ยถามขึ้นมาต่อ

                      “แล้วหลังจากวันนั้น” มาวินหันไปมองหน้าชาติชาย “มึงกับอลิซเป็นไงมั้งวะ”

   ชาติชายที่ได้ยินเพื่อนของคนถามดังนั้น  ก็หัวเราะออกมา  มาวินที่เห็นดังนั้น  ก็ทำสีหน้าแปลกใจ  ก่อนที่ชิชายจะพูดกับเพื่อนเขาต่อ

                      “หลังจกาวันนั้น  ก็เรียกว่าโครตแย่” ชาติชายเอ่ยขึ้น  พรางมองไปกลางทุ่ง  ที่มีผู้คนมากมายต่างมาถ่ายรูปกัน “เวลากูเจอเขาแต่ล่ะที่นี่นะ  เหมือนคนที่โกรธกันมาแต่ชาติปางไหน  บางที่นะเขาเจอกู  กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย  เขาก็ว่ากู “ไอ้คนเจ้าชู้  เพื่อนนายเจ้าชูยังไง  นายก็คงเจ้าชู้ไม่ต่างกันหรอก” แบบนี้แหล่ะ  หรือบางทีถ้าเขาเดินมากับเพื่อนเขา  เขาก็จะแบบเก็บอาการหน่อย  แต่ทำท่าทางไม่พอใจกู  ฟึดฟัดใส่กู  หรือถ้ากูต้องทำงานกับเขานินะ  เขาก็จะคอยแกล้งกูตลอดเลยแหล่ะ  กูพยายามยิ้มให้เขา  แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย  โตรตอึดอัด  กูบอกให้”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็หัวเราะเสียงดังลั่น  ไม่ต่างจากที่ชาติชายหัวเราะเมื่อกี้เลย  พรางกล่าวกับเพื่อนเขา

                      “กูขอโทษนะมึง  ที่ทำให้มึงกับอลิซต้องเป็นแบบนั้นน่ะ”

   สิ้นเสียงมาวิน  ชาติชายก็ทำท่าเหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่กลางทุ่ง  เขาเพ่งมองอยู่พักใหญ่ๆ  ก่อนที่เขาจะหันมากล่าวกับเพื่อนเขา

                      “นั่นไงมึง” ชาติชายชี้ไปที่ใครสักคนที่อยู่กลางทุ่ง  มิวนที่เห็นดังนั้นก็มองตามไป “ถามหาอลิซ  เธอก็อยู่นั่นแล้วไง”

   ที่กลางทุ่ง  อลิซหญิงสาวที่เป็นเพื่อนของเอิญ  ยามนี้เธอเองกำลังถ่ายรูปอยู่กับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง  พวกมาวินที่เห็นดังนั้น  ก็มองหน้ากัน  ก่อนที่ชาติชายจะยิ้มออกมาเบาๆ  เหมือนเขามีอะไรในใจก็มิปาน

                      “ไอ้วิน” มาวินที่ได้ยินเพื่อนตนเรียก  ก็หันมามอง “เดี๋ยวกูมานะ  เดี๋ยวกูไปทักทายอลิซหน่อย”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็แอบตกใจนิดๆ  เขาจึงเอ่ยถามเพื่อนเขาไป

                      “เฮ้ย  จะดีเหรอวะมึง” มาวินกล่าวขึ้น  พรางหันไปมอชาติชาย “เดี๋ยวมึงก็โนด่ามาอีกหรอก”

   แต่ดูเหมือนสิ่งที่มาวินพูด  ชาติชายจะไม่ได้สนใจเลย  ชาติชายมุ่งตรงไปที่อลิซ  มาวินที่มองดูอยู่  ก็แอบลุ้นตามชาติชาย ชาติชายกล่าวทักทายอลิซ  ด้วยใบหน้าที่เป็นมิตรของเขา

                      “อ้าวคุณ  ลามาเที่ยวที่นี่เหมือนกันเหรอ”

   อลิซที่หันหลังให้ชาติชายอยู่  ก็หันมามองตามเสียงที่ทักเขา  ก่อนที่ใบหน้าของอลิซ  จากที่ยิ้มแย้มอยู่  ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่บึ้งตึง  ราวกับไปโกรธใครมาแต่เนิ่นนาน  แต่กระนั้น  เขาก็ยังคงเอ่ยถามชาติชายต่อ

                      “นี่นายก็ลามาเหมือนกันเหรอ”

                      “ใช่  แต่ของผมมาธุระน่ะน”

                      “เหรอ  งั้นเชิญนายไปทำธุระของนายต่อเถอะ”

   สิ้นเสียงอลิซ  เธอก็เดินจากไปจากที่ตรงนั้น  ด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง  ชาติชายที่เห็นดังนั้น  จึงเอ่ยถามเธอต่อ

                      “เดี๋ยวสิคุณ” ชาติชายตะโกนเอ่ยถามอลิซเสียงดังลั่นไปทั่งบริเวณนั้น “จะรีบไปไหนล่ะ  คุยกันก่อนสิ”

   แต่ถึงกระนั้น  อลิซก็ไม่แม้แต่จะหันมามองชาติชายเลย  แต่ตัวชาติชายเอง  ก็แอบยิ้มออกมานิดๆ  ส่วนมาวินที่เห็นเพื่อนตนเองพยายามเข้าไปคุยกับสาว  ก็แอบหัวเราะออกมาเบาๆ  ไม่ให้น่าเกลียดสักเท่าไหร่  ก่อนที่เพื่อนของเขาจะเดินกลับมาหาเขา  เขาจึงพูดกับเพื่อนเขาออกไป 

                      “ไงมึง” มาวินตะโกนถามเพื่อนเขา “อยู่ดีไม่ว่าดี  ไปแซวเขาก็โดนซะ”

   ชาติชายที่ได้ยินเพื่อนเขาแซว  ก็หัวเราะออกมาด้วยใบหน้าที่มีความสุข  ก่อนที่ชาติชายจะพูดกับเพื่อนเขา

                      “ไป” ชาติชายกล่าวกับเพื่อนเขา  ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม “กลับกันดีกว่า”

   สิ้นเสียงชาติชาย  ทั้งคู่ต่างเดินกลับไปที่รถ  และสตาร์ทรถเพื่อกลับบ้านกัน  เมื่อมาถึงชาติชายพามาวินมาส่งถึงหน้าบ้าน  พ่อกับแม่ที่เห็นมาวิน  ต่างเดินมาหามาวิน  ก่อนที่พ่อจะกล่าวกับมาวิน

                      “เมย์รอลูกอยู่ข้างบนน่ะ” พ่อกล่าวพราวชี้นิ้วไปที่ข้างบนบ้าน “เห็นว่ามีเรื่องจะคุยด้วย”

   มาวินที่ได้ยินแบบนั้น  ก็พยักหน้าตอบรับ  และเดินขึ้นห้องของเขาไปแบบไร้คำพูดใดๆ  ชาติชายที่เห็นแบบนั้น  จึงเอ่ยถามกับพ่อแม่ของมาวิน

                      “ไอ้วินมันเล่าให้ฟัง” ชาติชายเอ่ย  พรางมองไปที่ข้างนบ้าน “หลังจากแต่งงานไป  เมย์ก็ควบคุมชีวิตมันหมดเบยเหรอครับ”

   พ่อกับแม่ที่ได้ยินดังนั้น  ต่างก็ส่ายหัวพร้อมๆกันทั้งคู่  ก่อนที่แม่จะหันมาพูดกับชาติชาย

                      “ไม่ไหวๆ” แม่พูดไปส่ายหัวไป  ด้วยสีหน้าที่เซ็งๆพรางเอามือกุมขมับไว้ “เรียกว่าไม่เอาอะไรเลย  มาถึงก็ชวนวินออกไปเที่ยวตลอด  หรือบางวันกลับมา  ยังไม่ทันที่วินจะคุยกับผู้หญิงคนไหนเลย  เมย์ก็ชวนวินทะเลาะ  หาว่าวินไปคุยกับผู้หญิงอื่นบ้าง  ยังคิดถึงเอิญอยู่บ้าง  แล้วถ้าไม่มีเรื่องอะไรสำคัญจริงๆ  แค่หน้าพ่อกับแม่ยังไม่อยากจะมองเลย  ตัววินเอง  แต่งงานไป  แม่ดูออกเลยล่ะ  ว่าเขาไม่มีความสุขเท่าไหร่เลย  งานบ้านกับข้าว  เป็นผู้หญิงน่าจะช่วยๆกันบ้าง  แต่นี่เอาแต่แต่งสวยอย่างเดียว  แม่ล่ะสงสารเจ้าวินมันจับใจเลยล่ะ  ตอนนี้น่ะนะ”

                      “ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ชาติชายกล่าวต่อ  ด้วยสีหน้าที่ตกใจปนไม่อยากจะเชื่อ

   สิ้นเสียงแม่  พ่อที่ฟังอยู่จึงกล่าวเสริมขึ้นมาต่อ

                      “นี่แค่ส่วนเล็กๆนะ” พ่อกล่าวพรางผายมือไปด้านข้าง “ถ้าชายได้มาสัมผัสเหมือนพ่อกับแม่แล้วก็เจ้าวิน  จะรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ไหวจริงๆ  บางทีห้องรกหยั่งกับรูหนูกลิ่นเหม็นไปทั่วห้อง  คนเป็นเมียแท้ๆ  ยังไม่คิดจะทำห้องให้มันสะอาดเลย”

   ชาติชายที่ได้ยินแบบนั้น  ก็ถึงกับกลืนน้ำลายเสียงดังอึ้กออกมา  ก่อนที่เขาจะยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา  และกล่าวลากับพ่อของมาวิน  และกลับบ้านไป  ส่วนมาวินที่ภรรยาของเขาเรียกให้ขึ้นมา  ก็ได้ยินเสียงภรรยาของเขาคุยโทรศัพท์กับใครบางคน  ที่น้ำเสียงเหมือนคุยกับคนรัก  ที่หวานชื่นเหมือนทั้งคู่พึ่งจีบกันใหม่ๆ  มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็หยุดชะงักอยู่ที่หน้าห้องครู่หนึ่ง  ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเอื้อมมือไปจับที่ลูกบิดประตู  และบิดประตูห้องเสียงดังแกร๊ก  ภรรยาของเขาที่ได้ยินเสียงเปิดประตู  ก็รีบกล่าวกับปลายสายให้วางสายโทรศัพท์  และหันมาต่อว่ามาวิน  ด้วยใบหน้กับน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยว

                      “ทำไมเข้ามาไม่เคาะประตูก่อน”

                      “โทษที” มาวินกล่าวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “แล้วพ่อบอกมีเรื่องจะคุย  มีอะไรเหรอ”

                      “พรุ่งนี้หนูอยากไปคาเฟ่ B&W” เมย์พูด  พรางเอามือไปท้าวไว้ที่เตียง “พี่พาไปหน่อยสิ”

   มาวินที่ได้ยินชื่อคาเฟ่  ก็ถึงกับทำสีหน้าตกใจ  เหงื่อของเขาไหลออกมา  ถึงเขาจะทำใจได้บางส่วนแล้ว  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า  เขาจะไปสถานที่ต่างๆ  ที่เคยไปกับเอิญได้แบบไม่คิดอะไร  เขาจึงเอ่ยถามเมย์กลับไป

                      “คาเฟ่อื่นก็มีตั้งเยอะ” มาวินกล่าวพรางผายมือไปด้านข้าง “ทำไมต้องไปที่นี่ด้วย”

   เมย์ที่ได้ยินดังนั้น  ก็ทำสีหน้าไม่พอใจ  เหมือนเขารู้อยู่เต็มอก  ว่าสถานที่นี้เป็นที่ที่มาวินชอบไปกับเอิญอยู่บ่อย  เมย์จึงกล่าวกับมาวินด้วยน้ำเสียงที่โมโห

                      “ทำไมยังไม่ลืมนังคนนั้นอีกเหรอไง”

                      “พูดอะไรออกมาน่ะ” มาวินกล่าว  ด้วยสีหน้าที่มีอาการผิดหวังนิดๆ “พี่ก็แค่สงสัยว่าคาเฟ่อื่นก็มี  ทำไมเมย์ต้องอยากไปที่นี่ด้วย”

   มาวินพูดไป  ก็เหมือนจะยิ่งเป็นการทะเลาะกันมากขึ้น  เพราะตัวเมย์เองไม่ยอมที่จะฟังมาวินเลย

                      “ก็หนูอยากไปที่นี่นิ” เมย์กล่าว  ด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มมาวิน “การที่พี่มีข้ออ้างกับคาเฟ่นี้  เพราะพี่ยังลืมเรื่องในอดีตที่เคยไปกับมันไม่ได้สินะ  พี่ยังคิดถึงมันอยู่ตลอดใช่ไหม”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็ถอนหายใจออกมา  พรางเดินหนีออกมาจากห้อง  เพราะไม่อยากที่จะทะเลาะด้วย  แต่เมย์ที่เห็นดังนั้น  ยังคงตะโกนไล่หลังมาวินมา  ด้วยน้ำเสียงที่โมโห

                      “นั่นพี่จะไปไหนน่ะ  กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”

   ถึงกระนั้นมาวินก็ยังคงไม่กลับไปหาเมย์  แต่เขาเลือกที่จะเดินออกจาบ้านไป  โดยบอกกับพ่อแม่ของเขาเอาไว้เพียงว่า

                      “คืนนี้ผมไม่กลับบ้านนะครับ  ไม่ต้องรอ”

   พ่อกับแม่ของมาวินที่ได้ยินมาวินทะเลาะกับเมย์  ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร  ทำได้เพียงแค่เงียบเท่านั้น  เพราะพฤติกรรมหลายๆอย่างของลูกสะใภ้  ที่เอาแต่หึงสามีแบบไม่มีเหตุผล  และชวนทะเลาะอยู่ตลอดเวลา  แต่ตลอดทางที่มาวินออกจากบ้านไป  เมย์ยังคงส่งความและโทรหาเพื่อตามมาวินตลอดทาง  มาวินจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  และปิดเสียงโทรศัพท์  และปิดการแจ้งเตือนข้อความทั้งหมด  เพื่อไม่ให้เมย์ตามได้  ค่ำคืนนั้นมาวินได้ตระเวณไปที่ร้านเหล้าแห่งนึง  ที่เป็นร้านที่เขาเองก็ไม่รู้จัก  เพราะเมย์พูดถึงเอิญขึ้นมา  บวกกับพฤติกรรมของเมย์  ทำให้มาวินคิดถึงเอิญขึ้นมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้  มาวินจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  และกดเข้าไปที่ไลท์ของเอิญ  พรางกดข้อความทักไปหาเอิญใจความว่า

                      “เป็นยังไงบ้าง  สบายดีไหม”

   ถึงกระนั้นมาวินพยายามเท่าไหร่  มันก็ยังคงไร้ผล  เพราะเอิญยังคงบล็อกไลท์ของเขาอยู่  ในตอนนี้เขาทำได้เพียงกระดกแก้วเหล้า  และนั่งคิดถึงเรื่องราวในอดีต  ที่เขาเคยมีร่วมกับเอิญเพียงเท่านั้น  เขาคิดว่าถ้าวันนั้นเขาไม่เจ้าชู้  ป่านนี้เขาคงได้แต่งงานกับเขาที่เขารักสุดหัวใจไปแล้ว  เขาวางแผนอนาคตร่วมกับเอิญไว้หลายอย่าง  แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้พังลงไปหมด  แต่ดูเหมือนความคิดทั้งหมดของเขาคงต้องหยุดลงเพียงเท่านี้  เมื่อหญิงสาวคนหนึ่ง  เดินเข้ามาหามาวิน  และขอชนแก้วกับเขา  ดูเหมือนหญิงสาวคนนี้  จะปลุกสัญชาติญาณของหนุ่มเพลบอยของมาวินเข้าให้แล้ว  เขาหยิบแก้วเหล้าที่วางเปล่าของเขามา  และทำการเติมส่วนผสมของเหล้าให้ครบถ้วน  และชนแก้วกับหญิงสาวคนนั้น  ต่างคนต่างกระดกกันคนล่ะอึก  หญิงสาวจึงเอ่ยถามมาวินขึ้นมา  พรางนั่งลงที่ข้างๆมาวิน

                      “มาคนเดียวเหรอค๊ะ”

    มาวินที่ได้ที  จึงตอบหญิงสาวไปอย่างกวนๆ  พรางยื่นหน้าที่ใกล้ๆหญิงสาว

                      “ถ้าผมมีคนมาด้วย  คุณก็ต้องเห็นแล้วสิครับ  แต่นี่คุณไม่เห็นใครมาด้วย  ก็แปลว่าผมโสด”

   สิ้นเสียงมาวิน  ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กับ  พร้อมส่งสายตาหวานหยดย้อย  ที่ดูยังไงในค่ำคืนนี้  ทั้งคู่คงจะสายความสัมพันธ์กันต่ออีกทั้งคืน  โดยที่มาวินพาหญิงสาวมาเปิดโรงแรม  ก่อนทีทั้งคู่จะไม่รอช้า  กอดจูบกันนัวเนีย  เสื้อผ้าของทั้งคู่ต่างกรัเด็นไปคนล่ะทิศทางของที่แขวน  ร่างของทั้งคู่กอดก่ายกันอยู่บนที่นอน  ก่อนที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะสานกันยันเช้า

   ก่อนที่ตอนเช้ามาวินจะรีบกลับบ้าน  เพื่อไม่ให้เมย์และคนที่บ้านสงสัยไปมากกว่านี้  แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน  เมย์ที่เห็นเขาเดินเข้าบ้านมา  ก็เกิดอาการโมโห  และกรนด่ามาวินออกไป

                      “ไปไหนมาทั้งคืนห๊ะ”

                      “ร้านเหล้า” มาวินกล่าว  พรางชี้นิ้วไปแถวๆบ้านตนเอง “แถวๆนี้แหล่ะ”

                      “อย่าเฉไฉ” เมย์กล่าว  พรางเดินเข้ามาชี้หน้ามาวิน  ด้วยอาการโมโห “คุณไปหาอีนางเอิญมาใช่ไหม”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็ทำสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก

                      “พูดเรื่องอะไรกันฮะ” มาวินกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “ผมไม่ได้ติดต่อเขามาตั้งนานแล้ว  คุณก็เป็นคนบล็อคเขาไปเองนิ  คุณก็รู้ดีอยู่แล้ว”

                      “ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจ” เมย์กล่าว  พรางแบมือขอโทรศัพท์จากมาวิน “ทำไมไม่เอาไลท์ของคุณมาให้ชั้นดูล่ะห๊ะ”

   มาวินที่เห็นดังนั้น  ก็ปัดมือของเมย์ออก  พรางกล่าวกับเมย์ด้วยอาการโมโห

                      “นั่นมันพื้นที่ส่วนตัวของผมนะ” มาวินกล่าวด้วยอาการโมโห “ผมคงให้คุณยุ่งไม่ได้หรอก”

   เมย์ที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมา  ด้วยสีหน้าที่เจ้าเล่  ก่อนที่จะกล่าวกับมาวินต่อ

                      “มีความลับจริงๆด้วยสินะ” เมย์กล่าวพรางกำมือด้วยอาการโมโห “ก็ได้ชั้นไม่ยุ่งก็ได้  แต่คุณต้องทำตามที่ชั้นสั่ง  คุณคงจะทำให้สินะ”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็ทำสีหน้าสงสัยในสิ่งที่เมย์กำลังจะพูด  สิ้นเสียงเมย์  เมย์ก็เดินหายขึ้นไปบนห้อง  ก่อนที่เขาจะเดินกลับลงมา  ในมือถือตะกร้าผ้ากองใหญ่มา  ที่ข้างในบรรจุชุดชั้นใน  และกางเกงในของผู้หญิง  ที่ในยามปกติจะมีแม่บ้านคอยซักให้ตลอด  แต่ตอนนี้เมย์เอามากองไว้ที่ตรงหน้ามาวิน  พรางกล่าวกับมาวิน

                      “เอามันไปซักให้ชั้นสิ”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็เกิดอาการโมโห  พ่อกับแม่ที่ดูอยู่  ก็ถึงกับตกใจในสิ่งที่เมย์พูดออกมา  แต่ท่านก็ไม่อยากจะยุ่งอะไรมากนัก

                      “พูดอะไรน่ะ” มาวินกล่าว  ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก “ปกติแม่บ้านเขาก็ทำให้ตลอด  ทำไมต้องให้ชั้นทำด้วย”

                      “ชั้นบอกให้เอาไปซักให้ชั้นไง”

   เมย์ตะโกนลั่นบ้าน  ที่คนทั้งบ้านได้ยิน  ก็ถึงกับตกใจกันยกใหญ่  ส่วนมาวินที่เห็นดังนั้น  ขี้เกียจที่จะต่อล้อต่อเถียงด้วย  ปนไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องปวดหัวอีกแล้ว  เขาจึงยอมที่จะหยิบตระกร้าผ้าอันนั้นมา  และนำมันไปซักแต่โดยดี  พ่อกับแม่ที่เห็นดังนั้น  ก็ถึงกับส่ายหัวกับการกระทำของลูกสะใภ้  เพราะการที่ให้ผู้ชายเอาชุดชั้นในกับกางเกงในของตนไปซัก  มันเหมือนการดูถูกกันก็มิปาน

    แต่ดูเหมือนเมื่อผ่านค่ำคืนนั้นมา  จะมีบางสิ่งบางอย่างในตัวของมาวิน  ได้เปลี่ยนไปแล้ว  สัญชาติญาณของหนุ่มเพลบอยในตัวของเขาได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง  แต่ก็ดูเหมือนความอาลัยอาวรณ์ที่เขามีให้เอิญ  มันจะไม่ได้หายไปเสียทีเดียว  หลังจากค่ำคืนนั้น  เขายังคงออกเที่ยวทุกคืน  โดยที่เขาไม่สนใจเมย์เลย  โดยที่ตัวของเมย์เอง  ก็ยังคงบ่นและด่าเขาโดยที่ไม่ให้เกียรติเขาเช่นเคย  แต่มาวินก็ไมได้สนใจอะไร  เขายังคงออกตระเวนเที่ยวหาหญิงสาวที่จะมาเป็นเหยื่อของเขา  ในค่ำคืนนั้นๆทุกๆคืน  โดยที่พ่อแม่ของเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร  แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจะทำทุกๆวัน  นั่นคือการส่งข้อความหาเอิญ  ด้วยประโยคเดิมๆ

                      “เป็นยังไงบ้าง  สบายดีไหม”

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา

                      “เฮ้ยไอ้วิน” ชาติชายกล่าว ด้วยท่านั่งกอดอกไขว้ขา  อยู่บนโต๊ะทำงานของมาวิน “กูได้ข่าวมา  เสือผู้หญิงกลับมาแล้วเหรอวะ”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็กล่าวกับเพื่อนเขาต่อ

                      “เสือห่าอะไรวะ” มาวินกล่าว พรางยักไหล่  และผายมือไปด้านข้าง “กูก็แค่หาความสุขให้ตัวเองไง”

   ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น  ก็ถอนหายใจออกมา  พรางกล่าวกับมาวินต่อ

                      “คือมันก็ดีนะ  ที่มึงทำแบบนั้น  แล้วกลับมาทำงานได้แบบนี้” ชาติชายกล่าว พรางผายมือไปด้านข้าง “และกูก็เข้าใจ  ที่เมียมึงแม่งก็แบบ  เอาแต่ใจชิบหาย  หาเรื่องทะเลาะกับมึงได้ทุกวัน  เป็นกูคงประสาทแดกตาย  แต่ยังไงเขาก็เป็นเมียมึง  แล้วเขาท้องอยู่  มึงก็ช่วยทำตัวดีๆกับเขาหน่อยได้ไหมวะ”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็เอามือมากุมไว้ที่ปลายคาง  พรางกล่าวกับชาติชายเพื่อนเขา

                      “ขนาดคนอย่างมึงยังบอกเลยนิ” มาวินกล่าว  พรางเอามือไปกุมไว้ที่ปลายคาง “ถ้าเป็นมึงก็ประสาทแดกตายอ่ะ  ถ้ามันไม่มีความสุข  แล้วมึงจะต้องทนทำไมวะ  กูก็แค่หาความสุขให้ตัวเอง  กูไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”

   สิ้นเสียงมาวิน  ชาติชายถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง  ก่อนที่เขาจะกล่าวกับเพื่อนเขาแบบเซ็งๆ

                      “เออๆตามใจมึงแล้วกัน  แค่งานมึงไม่เสียก็พอ”

   พูดจบทั้งคูต่างเดินออกไปจากบริษัท  และพากัไปหาอะไรกิน  ตามภาษาเพื่อนฝูง  ที่มีเรื่องคุยกันมากมาย  แต่ดูเหมือนมาวินที่เขาจะมีความสุขขึ้นมาบ้างแล้ว  แต่ในบางครั้ง  ใบหน้าของเขาก็เจือปนไปด้วยความศร้าในจิตใจที่มันอยูส่วนลึก  เชายังคงออกเที่ยวทุกค่ำคืน  เปลี่ยนหญิงสาวไปเรื่อยๆมากหน้าหลายตา  คืนไหนที่เมย์ไม่อยู่  เขาต่างพาหญิงสาวมาสานสัมพันธ์ที่ห้องของเขา  คืนไหนที่เมย์อยู่เขาก็พาหญิงสาวไปที่โรงแรม  พ่อกับแม่ที่เห็นดังนั้น  ต่างก็ส่ายหัวกัน  จนวันนึงที่เขาไม่ได้ออกไปไหน  พ่อเขาที่เห็นดังนั้น  จึงเดินเข้ามาคุยกับเขา

                      “ไงพ่อเสือผู้หญิง” พ่อกล่าว  พรางนั่งลงที่ข้างมาวิน “แปลกนะ  ที่วันนี้ไม่ออกไปไหน”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็ยิ้มให้พ่อเบาๆ  ก่อนที่เขาจะกล่าวออกมา  ด้วยน้ำเสียงที่โหยหาใครสักคน

                       “ต่อให้ผมเที่ยวมากแค่ไหน  เปลี่ยนผู้หญิงกี่คน” มาวินกล่าวด้วยสีหน้าที่เหม่อลอย  เหมือนคิดถึงใครบางคน “แต่มันก็ไม่เลิกทำให้ผมคิดถึงคนสำคัญเพียงคนเดียวได้เลย”

  พ่อที่ได้ยินดังนั้น  ก็เข้าใจจิตใจของลูกชายของเขาได้ในทันที  เขาเอามือมาตบไหล่ลูกชายของเขา  พรางกล่าวกับลูกชายของเขา

                      “พ่อก็เข้าใจแกนะ” พ่อกล่าว  พรางตบไหล่ลูกชายตน “มันอาจจะยากเกินไปที่จะลืมน่ะนะ  แต่เราก็คิดถึงเขา  ในแบบที่เราไม่ต้องเสียใจสิ  คิดถึงเขาแค่ให้รู้ว่า  ครั้งหนึ่งเราเคยมีเขาอยู่  คิดถึงเขาแค่ให้รู้ว่า  ครั้งหนึ่งช่วงเวลาดีๆของเรากับเขา  มันเคยมีร่วมกันน่ะ  แล้วสุดท้าเราจะไม่เจ็บ  นะลูกนะ  พ่อเข้าใจว่าตอนนี้แกอาจจะอึดอัดที่เมียแกนิสัยเอาแต่ใจ  และชวนแกทะเลาะอยู่บ่อยครั้ง  แต่ในเมื่อแต่งเข้ามาแล้ว  มันคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วล่ะ  พ่อกับแม่ก็ต้องทำใจในเรื่องนี้เหมือนกัน  นะลูกนะ”

   สิ้นเสียงพ่อ  พ่อก็เดินจากไป  ปล่อยให้มาวินได้นั่งทบทวนอะไรอยู่ตรงนั้นหลายๆอย่าง  ก่อนที่จะมีเสียงข้อความในโทรศัพท์เขาดังขึ้นมา  พรางมีสายลมแห่งความโหยหาที่เขารอมานาน  พัดมาเบาๆและประทะเข้าที่ตัวของเขา  เขาเปิดความนั้นอ่าน  ใจความว่า

                      “เราสบายดี  ขอบคุณนะที่ยังไม่ลืมกัน  แต่เรากำลังจะแต่งงานแล้วนะ  ถ้าวินว่าง  ก็มางานแต่งเราด้วยนะ  แล้วก็ขอบคุณสิ่งดีๆและช่วงเวลาดีๆที่เคยมอบให้กันนะ  เราจะไม่ลืมมันเลย”

   โดยข้อความนั้นเป็นข้อความของเอิญ  ที่ตอบมาวินกลับมา  มาวินที่ได้อ่านข้อความนั้น  ก็ถึงกับน้ำตาไหลออกมา  มันเป็นน้ำตาที่มีทั้งความดีใจ  ปนกับความเสียใจในความรู้สึกเดียวกัน

 

By  hikari… 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา