เอกภพคู่ขนาน
เขียนโดย หยาดน้ำหวาน
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 11.16 น.
แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 11.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ใครคนนั้นอยู่ใกล้........สุดแสนไกล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผ่านมาสองสัปดาห์ ร่างโปร่งที่กำลังนั่งขบคิดกับงานที่ลูกค้าให้โจทย์มาซึ่งจะต้องสื่อถึง ความโชคดี แต่แค่นั่นมันก็ง่ายไปสำหรับเขาผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่เจ้านายรักนักรักหนา พ่วงตำแหน่งพี่รหัสเนิ่นนานมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยและชายที่ตามจีบเพื่อนเขา จนตอนนี้ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาขยันขายขนมจีบให้เพื่อนรักของเขาในทุกวัน
“ ถ้าเราใส่ความรักเข้าไปด้วยละมันจะออกมาแบบไหนลองคิดดูนะหนาน ” เจ้าของร่างหนาที่สวมแว่นตาสีชานั่งอยู่บนโซฟาสีฟ้าภายในห้องพักพนักงานพูดออกมาเมื่อเห็นว่าลูกน้องพ่วงตำแหน่งน้องรักทำท่าคิดหนักมาหลายวันแล้ว ก่อนที่ร่างโปร่งอีกคนจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วถอนหายใจพร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ ผม......ครับผมจะลองกลับไปคิดดู ” ขนานตอบกลับออกไปก่อนจะมองไปที่ผู้มาใหม่
เพื่อนรักของเขาเดินหิ้วถุงพะรุงพะรังเข้ามา ร่างหนาผู้เป็นเจ้านายเห็นดังนั้นจึงเด้งตัวขึ้นยืนยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเดินไปถือของในมือของคนตัวเล็ก เพื่อนรักถูกฉุดของในมือไปวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อย
“ สวัสดีครับคุณ ธิรักษ์ ยังไม่ถึงกำหนดส่งงานไม่ใช่หรอครับทำไ-” ไม่ทันได้พูดจบคนตัวเล็กก็ต้องชะงักทันทีที่ร่างหนาของนายสุธิรักษ์ก้าวเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยทักทายตามด้วยทักจีบ
“ ถ้าบอกว่ามาหาตัวเล็กล่ะครับพี่พอจะมีสิทธิ์มั้ย ” ฮ่ะ ฮ่ะ ร่างหนาหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยต่อ “ พี่แค่มาดูหนานมันหน่อยน่ะเห็นช่วงนี้ดูเครียดกลัวจะคิดงานไม่ออก แต่วันนี้ให้กลับเร็วหน่อยดีกว่าเผื่อระหว่างทางมีไอเดียอะไร ” สุธิรักษ์หยอกเอิ้นคนตัวเล็กเสร็จแล้วหันไปพูดกับร่างโปร่งที่ตอนนี้กำลังค้นหาของกินในถุงอยู่
“ ครับ ผมว่าจะขอกลับก่อนพอดี มู่กลับพร้อมเรามั้ย ” ร่างโปรงเอ่ยชวนเพื่อนตัวเล็กก่อนจะโดนสายตาตึงทมึนของพี่รหัสเข้าให้
“ อุ้ย เราว่าเรา ไป ไปคนเดียวดีกว่า เดี๋ยวผมว่าจะขอตัวกลับตอนนี้นะครับพี่รัก ” ร่างโปร่งพูดอึกอักกับเพื่อนสนิท เสร็จจากนั้นก็หันไปบอกผู้ที่เป็นเจ้านายแล้วพาตัวเองออกจากห้องไปเงียบๆ โดยไม่ลืมหยิบกระเป๋าสะพายใบเก่งออกมาด้วย
สองขาเยื้องย่างไปตามทางช้าๆ ในหัวที่ตอนนี้ยังคิดไม่ตกกับงานที่ควรจะแล้วเสร็จแต่มันก็ไม่สำเร็จซะที คนตัวบางหยุดลงตรงหน้าร้านคาเฟ่ที่เคยมากับเพื่อนเมื่อสัปดาห์ก่อนนู้น มือขาวผลักประตูเข้าไปข้างในทำให้เกิดเสียงกรุ๊งกริ๊งดังขึ้น เรียกความสนใจจากชายหนุ่มหน้าเคาน์เตอร์ได้เป็นอย่างดี “มุมอ่านค่าเฟ่ ยินดีต้อนรับครับคุณลูกค้าเชิญเลือกเมนูและที่นั่งตามสบายเลยครับ ” ประโยคเดิมๆ ที่พนักงานทุกคนในร้านรวมถึงชายหนุ่มต้องพูดเป็นทุกครั้งที่มีบุคคลเข้ามาใหม่ภายในร้าน
ร่างโปร่งหยุดเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงบาร์ริมหน้าต่างที่เดิม พลิกหน้ากระดาษเมนูพิจารณาเครื่องดื่มสักพัก ก่อนประมวลผลจากความอยากร่างโปร่งเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์เพื่อสั่งเมนู
“ ชาพีชเย็นกับเฉาก๊วยครับ ” คนตัวบางก้มหน้ามองเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม พยายามเก็บอาการไม่ให้เสียทรงกลัวอีกคนจับไต๋ได้ ดวงหน้าน่ารักแดงระเรื่อก่อนจะหันกลับไปยังที่นั่งเดิม
ร่างสูงยิ้มกริ่มรับออเดอร์ที่อีกคนสั่ง ก่อนลงมือทำแล้วนำไปเสิร์ฟที่บาร์ริมหน้าต่าง ภพนั่งลงข้างๆอีกคนอย่างแผ่วเบา ขณะที่ขนานกำลังใจจดจ่ออยู่กับสมุดเล่มหนึ่ง ขีดเขียนบางอย่างลงไปแล้วลบอยู่แบบนั้นหลายครั้งจนคนที่นั่งดูกลัวว่าสมุดจะขาดเอาเสียก่อน มือหนาเอื้อมมือแตะแขนคนข้างๆ เบาๆ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ ระวังกระดาษจะขาดนะครับ ผมว่าเปลี่ยนแผ่นดีกว่ามั้ย เอ่อ น้ำแข็งละลายหมดแล้วครับ ” ภพเอ่ยขึ้น คนตัวบางที่ง่วนอยู่กับการขีดเขียนถึงกับสะดุ้งก่อนหันกลับไปมองคนที่นั่งข้างๆ ตาโตเบิกกว้างหน้าเห่อร้อนขึ้นสีชมพูตัดกับผิวขาว ขนานอึกอัก ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดูดก่อนว่าลงที่เดิมพร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ เอ่อ ขอบคุณสำหรับน้ำครับ ” ขนานขอบคุณออกไปก่อนก้มหน้างุดลง ใบหูแดงลามไปยังสองพวงแก้มใสอีกครั้ง ใจเต้นโครมครามไม่อยู่สุข ชื้นเหงื่อขึ้นที่มือ ประหม่า เขาประหม่ามากตอนนี้มันอยู่ใกล้เกินไป เก็บทรงหน่อยสิหนาน อย่ากระโตกกระตาก
“ เอิ่ม ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาทขอถามได้มั้ยครับ ว่าในสมุดวาดนั่นคุณ เอ่อ วาดอะไรอยู่หรอครับ ” ภพเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้ ในเมื่อนั่งมองอีกคนขีดเขียนแล้วลบอยู่หลายรอบ
“ อะ เอ่อ พอดีทางรับงานลูกค้ามาน่ะครับ ทางนั้นเขาอยากได้ ชิ้นงานที่สื่อถึงความโชคดีกับความรักลงไปด้วย ” ร่างโปร่งตอบกลับอีกคนด้วยเสียงเครือๆ
“ ตะ แต่ว่าตอนนี้ยังคิดไม่ตกว่าจะเขียนรูปแบบไหนดี ในหัวมันมีหลายอย่างมากเลยครับ ” การไม่เป็นตัวของตัวเองทำให้ร่างโปร่งโพร่งความคิดออกมาในขณะนั้น ร่างสูงยิ้มกว้างมองคนตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู
“ อืม เราลองใส่ความรู้สึกลงในงานรึยังละ แบบที่เราอยากจะทำให้เขาแค่คนเดียว ” ขนานเอียงคอมองเลิกคิ้วขึ้นพลางคิดตาม และใช่เขาใส่แค่ความรักที่ประดิษฐ์ขึ้นแต่ไม่เคยใส่ความรู้สึกที่อยากทำให้ใครลงไป ถ้าความรู้สึกที่อยากทำให้ใครก็คงเป็นคนตรงหน้าเขานี้แหละ ขุดคิด ถึงความรู้สึกที่มันอัดอยู่เก้าปีมันไม่ยากเลยเพราะมันมีให้แค่คนนี้ คนเดียวเท่านั้น
กรุ๊งกริ๊ง เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นตามด้วยเสียงเอื้อนเอ่ยนุ่มๆของชายหนุ่มเจ้าของร้าน “ มุมอ่านค่าเฟ่ ยินดีต้อนรับครับคุณลูกค้าเชิญเลือกเมนูและที่นั่งตามสบายเลยครับ ” เจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ก้าวฉับไปยังเคาน์เตอร์ปล่อยให้อีกคนนั่งมองตามหลัง
ร่างโปร่งที่ตกผลึกความคิด ปล่อยใจขีดเขียนตามอารมณ์ความรู้สึกที่มีทั้งหมดตอนนี้จนได้ร่างแบบของชิ้นงาน พลางพรู่ลมหายใจยาวๆ ออกมา เหมือนสมองมันโล่งไปหมดมันปลดล็อคความวิตกตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขนาดปิดสมุดลงยัดใส่กระเป๋าก่อนจะคว้านหาเครื่องเล่นเพลงตัวโปรดขึ้นมาแต่หายังไงก็ไม่เจอ เกินความกังวนขึ้นในใจขึ้นอีกครั้งเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาเพื่อนรักที่น่าจะยังอยู่ที่ทำงานทันที
พลั้นเสียงรอสายดังขึ้นไม่นานปลายทางก็กดรับ “ ว่าไงหนาน แปบๆ ‘กึกกั๊ก หนานหรอ’ มีอะไรรึป่าว ” เสียงกึกกั๊กพร้อมกับเสียงใครบางคนที่อยู่ด้วยขนานเลิกคิ้วสงสัยก่อนจะยิ้มมุมปากเอ่ยออกไป
“ ยังอยู่ที่ทำงานมั้ย พอดีเราหาเครื่องเล่นเพลงไม่เจอ คิดว่าน่าจะอยู่ที่โต๊ะ ” ขนานตอบออกไปก่อนได้ยินเสียงครูดเก้าอี้และเสียงเดินตามมา
“ อืมม แปบนะ อยู่หนายน๊า ไม่เห็นอะหนานไม่ใช่อยู่ที่ห้องหรอหาดูยัง ” เสียงเดินตามด้วยเสียงเปิดประตูสลับด้วยเสียงกุ๊กกั๊กเหมือนค้นหาของดังออกมาจากปลายสายก่อนได้คำตอบที่น่าผิดหวัง
“ เราอยู่ข้างนอกอยู่น่ะ สงสัยน่าจะไว้ที่ห้องแหละ เอิ่มมว่าแต่เมื่อกี๊ไม่ได้อยู่ในห้องหรอไปไหนมาอะ ” ไม่วายจะหยอดเพื่อนรักสักหน่อยคุยเล่นสักพักก่อนขอวางสายไป ร่างโปร่งทึงผมตัวเองอย่างคนบ้า เขาน่ะกว่าจะได้เครื่องนั้นมามันใช้เวลาเก็บตังตั้งหลายเดือนเลยนะเรียกได้ว่าเป็นลูกรักของเขาเลยก็ได้
ร่างสูงที่ตอนนี้ยืนมองคนที่นั่งทึงผมตัวเองอย่าบ้าคลั่งก็กลัวว่าหัวจะหลุดเอา เมื่อก่อนหน้ายังดีๆ อยู่เลยทำไมตอนนี้เป็นสภาพนี้ได้ละ ร่างสูงเดินมาหยุดข้างๆมือหนาคว้าแขนสองข้างรวบเข้าหาตัว คนตัวบางชะงักเงยหน้าขึ้นมองอีกคนอย่านึกสงสัย สีหน้าหงุดหงิดของคนตัวขาวแสดงออกมาให้เห็นได้ชัด
“ หัวหลุดออกมาทำไงฮึ ” เสียงนุ่มๆ เอ่ยขึ้นพลางมองหน้าคนน่ารักตรงหน้า ผมชี้ฟูฟ่องไม่เป็นทรง มันดูตลกมากแต่ก็อดเอ็นดูไม่ไหว
“ อ่า ขอโทษครับ ” คนตัวบางพูดเสียงเบาหลุบตาต่ำไม่สบอีกคน
“ เห้ยย ขอโทษทำไมคุณไม่ได้ผิดอะไร เพียงแค่ผมเห็นว่าคุณน่าจะมีอะไรให้ช่วยเฉยๆ ว่าไงครับเป็นอะไรรึป่าว ” ร่างสูงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ ปะ ป่าวครับพอดีหาของไม่เจอมันเลยหงุดหงิดนิดหน่อย เอ่อ คุณทำไมถึงใส่ใจคนแปลกหน้าขนาดนี้ละครับ ” คนตัวบางตอบ ก่อนจะถามออกไปอย่างนึกสงสัย ก็นายเอกภพน่ะแสนดีที่หนึ่ง
“ คนที่อยู่ใกล้ตัว ผมใส่ใจหมดแหละครับอีกอย่างคุณก็เป็นลูกค้าที่ร้านด้วย ” เป็นเพียงแค่ลูกค้าสินะร่างโปร่งหลุบตาต่ำลง คนตรงหน้าก็เทคแคร์ดีทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวนั่นแหละเกิดนึกน้อยใจขึ้นมากับตัวเองซะงั้น
“ อ๋อครับ งั้นคุณบริกรช่วยคิดตังให้ด้วยนะครับ ” ร่างโปรงพูดบอกอีกคนแล้วเก็บของที่กระจายอยู่บนบาร์ลงกระเป๋าใบโปรดก่อนเดินตามหลังคนตัวสูงไปยังเคาน์เตอร์
“ วันนี้ไม่คิดตังครับ อย่าลืมทานเฉาก๊วยให้อร่อยนะ ” ร่างโปร่งยังไม่ทันหยิบกระป๋าตังออกมาจ่ายก็ถูกอีกคนพูดดักไว้ก่อน แล้วยื่นเฉาก๊วยให้ขนานรับถุงมาอย่างงงงวย
ยื้อหยุดกับการจ่ายตังอยู่นานร่างโปร่งก็แพ้ราบคาบให้กับคนตัวสูงที่มีอิทธิพลต่อใจ ได้แต่ยื่นมือรับถุงที่ใส่ก้วยเฉาก๊วยกับขนมปังกรอบก่อนจะเดินออกจากร้านไป
ทักทายนักอ่านที่น่ารักทุกคนจ้า
อย่าลืมติชมและให้กำลังใจนักเขียนด้วยนะจ๊ะ
ปล.#เอกภพคู่ขนาน ขอบคุณที่เข้ามาท่องโลกเอกภพในจักรวาลที่ไม่รู้ว่าจะได้คู่ขนานหรือไม่นะคะ เจอกันตอนต่อไปจ้า
จะใกล้แค่ไหนอยู่กี่ปีแสง................ก็คือไกลอยู่ดี
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ