เจ้าหญิงของฉัน
-
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.
27 ตอน
35 วิจารณ์
11.48K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
27) เมื่อเจ้าหญิงอายุครบ 27 ปี Pt.2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรถเอสยูวีสีดำคันเขื่องแล่นมาจนถึงบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีในเวลาใกล้ๆ สิบเอ็ดโมงเช้า แต่เนื่องจากวันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ทำให้มีผู้คนมาสักการะและเที่ยวชมมากเป็นพิเศษจนการหาที่จอดรถกลายเป็นของยากไปแล้วในตอนนี้
ป๊อปสอดส่ายสายตามองหาช่องจอดที่ว่างอยู่ แต่กลับกลายเป็นว่ามีรถจอดแน่นขนัดเต็มไปหมด วนแล้ววนอีกก็ยังหาช่องจอดว่างๆ ไม่ได้สักที่จนเริ่มมีอาการหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ใบหม่อนชำเลืองมองใบหน้าคร้ามของพี่ชายที่เริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาแล้วพลันย่นจมูกขึ้น เข้าใจความรู้สึกของพี่ชายเป็นอย่างดีเพราะบ่อยครั้งที่ตัวเองขับรถไปทำงานสายๆ มักจะต้องเสียเวลาวนหาที่จอดรถแบบนี้เหมือนกัน เผอิญเห็นรถเก๋งเล็กคันหนึ่งกำลังจะถอยออกมาพอดี ไม่รอช้ารีบเอื้อมมือเล็กไปสะกิดท่อนแขนของคนขี้หงุดหงิดเบาๆ
“<<พี่ป๊อปๆ ช่องนี้จะว่างแล้ว รอคันนั้นออกก่อนน้า>>”
ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงใสบอกให้รอช่องจอดที่กำลังจะว่างในไม่ช้า เมื่อรถเก๋งคันเล็กตรงหน้าเคลื่อนตัวออกไปแล้ว มือซ้ายรีบเข้าเกียร์ออกตัวก่อนสาวพวงมาลัยพาให้ยานพาหนะคู่ใจเสียบเข้าช่องจอดได้อย่างพอดิบพอดี...
ทั้งสามพากันเดินเข้าไปในบริเวณพื้นที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี แต่เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปข้างในเท่านั้นแทบจะหันหลังกลับในทันทีเพราะวันนี้ผู้คนมาสักการะเจ้าพ่อหลักเมืองกันอย่างเนืองแน่นจนแทบจะไม่มีที่เดิน
ดวงตากลมโตคู่สวยของเจ้าของวันเกิดเริ่มฉายแววท้อขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพความพลุกพล่านตรงหน้า หันไปมองหน้าพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้เชิงขอความเห็นอะไรบางอย่าง
“<<จะกลับดีไหมอ่ะพี่ป๊อป ไว้ค่อยมาไหว้วันหลังก็ได้นะ>>” ถามเสียงกระเง้ากระงอดใส่คนเป็นพี่ชาย
“<<เฮ้ย เอาน่า เข้าไปไหว้เถอะอุตส่าห์มาแล้ว เราอยากมาไหว้ไม่ใช่เหรอ>>”
ป๊อปบีบมือเรียวเล็กที่กุมอยู่เบาๆ พร้อมพยักหน้าเชิงให้กำลังใจ ขณะที่พัชรหันไปส่งยิ้มให้กับว่าที่น้องสะใภ้เชิงให้กำลังใจเช่นกัน
“เข้าไปกันเถอะ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินนำหน้าสองพี่น้องเข้าไปยังพื้นที่หน้าศาลที่ตอนนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนจนแทบจะไม่มีที่เดิน ทั้งสามพากันเดินไปยังจุดจำหน่ายเครื่องสักการะของศาล ครั้งนี้ใบหม่อนตัดสินใจซื้อเครื่องสักการะชุดใหญ่เพราะยังไงรู้ว่าพี่ชายเป็นคนจ่ายเงินให้อยู่แล้ว
“<<พี่ป๊อปจ่ายเงินให้หนูด้วย>>” เสียงใสออกคำสั่งกับคนเป็นพี่ชายพร้อมกับยื่นเครื่องสักการะชุดใหญ่ที่ตัวเองซื้อให้คนเป็นพี่ชายดู แอบกลั้นขำไว้แทบไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอีกฝ่าย
“<<ห๊า ตั้งห้าร้อยเลยเหรอ>>”
“<<นะๆๆๆๆๆ วันนี้วันเกิดน้องน้า ซื้อให้น้องหน่อยน้าพี่ป๊อป พี่ชายสุดที่รัก คริๆ>>”
ใบหม่อนไม่ยอมแพ้เมื่อส่งสายตาแฝงความซุกซนปนอ้อนกับกิริยาท่าทางน่ารักน่าชังที่ชวนให้ใจละลายทุกครั้งที่ได้เห็น ไม่ใช่ป๊อปคนเดียวที่ต้องยอมแพ้ แม้แต่พัชรที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วยยังต้องยอมแพ้ให้กับลูกอ้อนของว่าที่น้องสะใภ้คนนี้
แบงก์ห้าร้อยกับแบงก์ร้อยสองใบสำหรับเครื่องสักการะชุดใหญ่หนึ่งชุดกับเครื่องสักการะชุดรองลงมาอีกสองชุดถูกหย่อนใส่ตู้บริจาคที่อยู่ตรงหน้าก่อนพากันไปจุดธูปไหว้ตามจุดต่างๆ ที่ทางศาลกำหนดให้ท่ามกลางบรรยากาศที่เบียดเสียดไปด้วยผู้คนที่มาไหว้อย่างหนาแน่น กว่าจะผ่านไปได้แต่ละจุดค่อนข้างยากลำบากไหนมือทั้งสองข้างถือเครื่องสักการะที่ซื้อมา ไหนจะต้องจุดธูปจุดเทียนอีก ขณะที่ป๊อปคอยชำเลืองมองซ้ายมองขวาด้วยกลัวว่าน้องสาวกับแฟนสาวจะพลัดหลงระหว่างทาง จนเมื่อมาถึงเทวรูปจำลองสำหรับปิดทอง ทั้งสามพากันไปปิดทองเทวรูปจำลองคนละมุมแต่ไม่ไกลกันมากนัก และแล้วเวลาแห่งความยากลำบากสำหรับพัชรก็ได้มาถึงเมื่อต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไปไหว้องค์เจ้าพ่อหลักเมืององค์จริงด้านในตัวศาล
ร่างบางก้มลงนั่งตรงยกพื้นใกล้ๆ ทางเข้าศาล หันมาฝากพวงมาลัยให้กับแฟนหนุ่มก่อนก้มลงเลิกขากางเกงยีนขึ้นปลดซิปถอดรองเท้าบูทที่สวมอยู่ออกมาวางไว้ใกล้ๆ กับรองเท้าผ้าใบราคาแพงของว่าที่น้องสะใภ้ ลุกขึ้นเดินตามทั้งสองเข้าไปข้างใน
ทั้งสามพากันนั่งคุกเข่ารวมกันในมุมหนึ่งในบริเวณศาลประดิษฐานเจ้าพ่อหลักเมืององค์จริงที่ค่อนข้างแคบพอสมควร ประจวบเหมาะกับเจอความหนาแน่นของผู้คนที่มาไหว้เรื่อยๆ ต่างคนต่างยกมือไหว้ขอพรต่อองค์เจ้าพ่อหลักเมืองตรงหน้าด้วยความสงบ จิตใจน้อมระลึกถึงคำอธิษฐานที่ส่งไปให้เจ้าพ่อหลักเมืองได้รับรู้
ใบหม่อนนั่งพนมมือหลับตาอธิษฐานขอพรอยู่นานพอสมควรก่อนลืมตาขึ้น ลุกขึ้นนำคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้นำพวงมาลัยไปวางยังพานที่อยู่ด้านนอกราวเหล็กกั้นระหว่างเทวรูปทั้งสองกับพื้นที่สักการะ พร้อมใจกันก้มลงกราบอีกหนึ่งครั้งก่อนลุกเดินออกมายังบริเวณรอบๆ ตัวศาลหลักที่เป็นเก๋งจีนหลังใหญ่ครอบไว้
“<<พี่ป๊อป ถ่ายรูปให้หนูหน่อยสิ>>” ใบหม่อนได้โอกาสอ้อนคนเป็นพี่ชายพร้อมกับยื่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินที่เปิดโหมดกล้องรอไว้พร้อม
มีหรือที่ป๊อปจะปฏิเสธคำขอของน้องสาวลง มือหนาเอื้อมมารับสมาร์ทโฟนจากอีกฝ่ายมาตั้งท่าเตรียมถ่ายรูปคนเป็นเจ้าของที่เริ่มโพสท่ารอ รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าสวยหวานที่ฉีกกว้างจนเห็นฟันเหล็กครบทุกซี่พร้อมกับลักยิ้มที่บุ๋มลงไปอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตคู่สวยหยีลงเป็นรูปสระอิเปล่งประกายสดใสสู้กล้องให้คนเป็นพี่ชายได้เก็บภาพเต็มที่ จนเมื่อถ่ายรูปภายในศาลจนหนำใจแล้ว...
ทั้งสามพากันเดินออกจากตัวศาลมายังตรงที่วางรองเท้าไว้ ขณะเดียวกันพัชรก้มลงเลิกขากางเกงพร้อมกับยัดขาเรียวสวยเข้าไปในรองเท้าบูทหนังสีดำที่วางอยู่ แต่ครั้งนี้ไม่รูดซิปขึ้นเผื่อต้องถอดอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ใบหม่อนเดินนำหน้าพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ไปยังศาลาที่แขวนระฆังมหามงคลใบใหญ่ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก เมื่อไปถึงทั้งสามต่างควักแบงก์ยี่สิบขึ้นมาพนมมือไหว้อธิษฐานอยู่สักพักก่อนหย่อนลงตู้ทำบุญตีระฆังไป แล้วก็เป็นใบหม่อนที่ลงมือลั่นระฆังขอพรเอง
ป๊อปหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดโหมดถ่ายวีดีโอแบบสโลว์โมชั่นรอไว้ เมื่อพร้อมแล้ว มือเล็กทั้งสองข้างของหญิงสาวจับไปที่ท่อนซุงขนาดใหญ่โยกออกมาก่อนปล่อยให้พุ่งเข้าไปชนที่ตัวระฆังส่งเสียงก้องกังวานกระหึ่มไปทั่วบริเวณสามครั้ง เมื่อตีครั้งสุดท้ายจบลงพร้อมกับโหมดวีดีโอของชายหนุ่มได้ถูกปิดลง หญิงสาวยืนหลับตาพนมมือขอพรอีกครั้งหนึ่งก่อนผละออกมา
“<<พี่ป๊อป พี่พัชรจะตีระฆังด้วยไหม>>” หญิงสาวทำท่าเอียงคอน่ารักเอ่ยถามพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้
ทั้งสองหันไปมองหน้ากันเชิงถามความเห็นก่อนพยักหน้าและยิ้มให้กัน ไม่รอช้าเดินไปตรงจุดที่ให้ยืนตีระฆังทันที ทั้งสองช่วยกันจับท่อนซุงใหญ่ที่แขวนอยู่ให้พุ่งไปหาตัวระฆังตรงหน้าที่ส่งเสียงกระหึ่มกังวานขึ้นมาจำนวนสามทีอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ใบหม่อนยืนเก็บภาพด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือก่อนแอบส่งไปให้ครอบครัวดูผ่านแอพพลิเคชั่นสีเขียว
หลังจากลั่นระฆังเสร็จก็เป็นเวลาเดินเที่ยวภายในบริเวณศาลพร้อมกับเก็บรูปโดยที่ป๊อปทำหน้าที่เป็นตากล้องให้กับทั้งสองสาวเหมือนกับทุกครั้ง เมื่อเดินผ่านอาคารรูปมังกรเล่นน้ำหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้ากับบรรดาผู้รอเข้าชมที่ต่อคิวเข้าเป็นแถวยาวเหยียดถึงห้องจำหน่ายบัตรตรงหน้า ป๊อปไม่รีรอที่จะหันไปถามเจ้าของวันเกิดที่ตอนนี้ย่นจมูกขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าเบ้เมื่อได้เห็นจำนวนคนตรงหน้า
“<<ใบหม่อนจะเข้าไปดูไหม>>”
“<<หึ ไปถ่ายรูปตรงอื่นดีกว่า>>” เสียงใสเอ่ยปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดเมื่อเห็นแถวยาวเหยียดตรงหน้า
“นั่นสิป๊อป นี่ก็จะเที่ยงแล้วอ่ะ หาข้าวกินด้วยดีกว่า” พัชรพูดเสริมขึ้นมา คิ้วเรียวสวยยังขมวดมุ่นอยู่
ได้ฟังดังนั้นแล้วป๊อปไม่รอช้ารีบพาทั้งสองเดินออกไปยังบริเวณด้านนอกตรงลานประติมากรรมจีนใกล้ๆ กับตัวอาคารทันที ไม่ลืมที่จะชักภาพสองสาวที่พร้อมใจกันแอ็กท่าแข่งกันอย่างสุดฤทธิ์สู้กล้องเต็มที่
“<<พี่ป๊อปมาถ่ายรูปกับหนูนี่>>”
ใบหม่อนไม่รอให้พี่ชายได้ตอบอะไร มือเล็กรีบคว้าข้อมือใหญ่ดึงเข้ามาหาตัวในทันที ทำเอาป๊อปแทบจะลอยหวือตามแรงดึงจนตั้งตัวไม่ติด ไม่ต้องพูดอะไรมากเมื่อหญิงสาวทำท่าเกาะแขนซบไหล่กว้างของคนเป็นพี่ชาย ส่งยิ้มสดใสสู้กล้องที่ตอนนี้พัชรเป็นคนลั่นชัตเตอร์อยู่ ขณะที่ป๊อปได้แต่ยิ้มบางๆ ยืนแข็งทื่อเป็นตอไม้ตามประสาคนที่ไม่ค่อยชอบออกสื่อให้น้องสาวได้ซบไหล่ตัวเองเต็มที่
“ป๊อปยิ้มหน่อยสิ” เสียงหวานของตากล้องออกคำสั่ง “ป๊อปถ่ายรูปทีไรชอบทำหน้านิ่งทุกทีเลย”
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มกว้างขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งจากคนรัก พร้อมกับยกแขนทำท่าหัวใจคู่กับคนเป็นน้องสาวสู้กล้องอีก และทำท่าอีกหลายท่าตามคำสั่งของคนที่ตัวเองไม่กล้าขัดใจจนได้รูปสวยๆ ไปอีกสี่ห้ารูปในเวลาต่อมา
“พี่พัชรมาถ่ายกับพี่ป๊อปบ้างค่า”
ร่างบางเดินเข้ามาหาว่าที่น้องสะใภ้อย่างเร็วไว ส่งสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินคืนให้กับคนเป็นเจ้าของก่อนเดินเข้ามาโอบเอวใหญ่ของชายคนรักไว้ หันไปส่งสายตาและยิ้มให้หนึ่งทีแทนคำพูดทั้งหมดที่มีให้ และแล้ว ทั้งสองทำท่ายกแขนขึ้นเอียงตัวเข้าหากันเป็นรูปหัวใจให้คนเป็นน้องเล็กได้เก็บภาพประทับใจนี้ไว้ เมื่อถ่ายรูปเทคแรกเสร็จ ป๊อปอาศัยจังหวะนี้หันไปประทับรสจูบอันแสนหวานบนใบหน้าขาวใสในจังหวะที่หญิงสาวเผลอ เหมือนใบหม่อนจะรู้คิวเมื่อลงมือกดชัตเตอร์ลงพร้อมกับจังหวะที่คนเป็นพี่ชายประทับริมฝีปากหยักบนพวงแก้มนุ่มพอดี
พัชรปรายตามองค้อนใส่ชายคนรักเมื่อรู้ตัวว่าโดนแอบขโมยจูบทีเผลอ มือเล็กฟาดลงไปบนท่อนแขนแกร่งทันทีโดยไม่ให้โอกาสแฟนหนุ่มได้แก้ตัว
“ขโมยจูบเค้าอีกแล้วนะป๊อป เค้าอายนะ ไม่รู้จักอายบ้างหรือไง ชิ” เสียงหวานว่าให้ไม่จริงจังนัก
คนขโมยจูบหัวเราะร่วนในลำคอเบาๆ เมื่อโดนแฟนสาวว่าให้ ยักไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่หระก่อนพาทั้งสองสาวเดินเล่นต่อไปจนถึงบริเวณหน้าศาลที่มีบรรดาแผงขายลอตเตอรี่วางเรียงรายกันเต็มไปหมด พากันเดินดูไปตามแผงต่างๆ เผื่อเจอเลขที่ถูกใจซื้อติดมือไว้
ป๊อปมองลอตเตอรี่ที่ถูกจัดเรียงในแผงจนละลานตาไปหมดอย่างพินิจพิเคราะห์ ในใจตอนนี้คิดถึงเลขทะเบียนรถของน้องสาวที่ตัวเองเอาไปเปลี่ยนป้ายขาวให้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา พยายามมองหาแล้วมองหาอีกยังไม่เจอสักที แต่แล้วเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้เขามองหาต่อจนเจอชุดเรียงสามใบตรงมุมบนของแผงด้านบน เห็นเลขทะเบียนรถของน้องสาวชัดเจน ไม่รอช้าเอื้อมมือไปหยิบทันที
“<<เท่าไหร่ครับป้า>>”
“<<ชุดสามใบสามร้อยจ้าพ่อหนุ่ม>>”
ชายหนุ่มก้มลงควักกระเป๋าตังค์ออกมา หยิบแบงก์ร้อยสามใบส่งให้แม่ค้าในทันที “<<เอ้านี่ครับคุณป้า>>”
“<<ขอบใจจ้ะพ่อหนุ่ม ขอให้ได้ขอให้ถูกรางวัลใหญ่นะจ๊ะ>>”
ป๊อปลอบยิ้มให้กับตัวเองพลางนึกในใจ ‘ขอให้เป็นจริงอย่างที่ป้าพูดครับ’ มือหนาเก็บลอตเตอรี่ชุดสามใบใส่กระเป๋าตังค์ทันที
ใบหม่อนปรายตามองคนเป็นพี่ชายแล้วลอบยิ้มน้อยๆ ส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ย มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นเกาะท่อนแขนใหญ่ทำกิริยาเหมือนกับแมวสาวอ้อนผู้เป็นเจ้าของ “<<พี่ป๊อปถูกหวยแล้วแบ่งน้องบ้างน้า>>”
“<<ก็แหงอยู่แล้วล่ะ>>” ป๊อปย้อนกลับไปแบบไม่จริงจังนัก ยกมือหนาขึ้นบีบผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกไปมา “<<ยังไงให้พ่อให้แม่ ให้แม่คุณให้ใบหม่อนอยู่แล้วล่ะ เฮ้ย เดี๋ยวพี่ต้องแบ่งเป็นสินสอดไว้ขอแฟนพี่ด้วยไงล่ะ ฮิๆๆ>>”
พัชรได้ยินแบบนั้นถึงกับปรายตามองค้อน เบะปากใส่ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ “แหมป๊อป ต้องถูกหวยก่อนใช่ไหมถึงจะมาขอเค้าได้เนี่ย เงินเก็บตัวเองก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ คุณตาคุณยายเรียกสินสอดเค้าไม่แพงหรอกย่ะ”
“เก็บเงินอีกนิดนึงน่าพัชร เราไม่ปล่อยให้พัชรรอนานหรอก” ป๊อปเอ่ยด้วยท่าทางขี้เล่นแต่แฝงความจริงจังอยู่ในที “พร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวไปหมั้นเลย ฮิๆ”
พัชรถึงกับอายม้วนเมื่อได้ยินคำตอบของแฟนหนุ่ม เปลี่ยนจากสีหน้าหงิกงอเป็นรอยยิ้มหวานในทันที ใบหน้าสวยหวานค่อยๆ กลายเป็นสีแดงราวลูกตำลึงสุกพร้อมกับความร้อนวูบวาบจับไปทั่วใบหน้า หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวถี่ขึ้นจนแทบไม่เป็นจังหวะแล้ว
“จ้า เค้าจะรอนะ”
เวลาผ่านไปจนถึงตอนเที่ยง ความหิวเริ่มประท้วงให้ทั้งสามพากันเดินไปยังหมู่บ้านมังกรสรรค์ที่เพียงเดินข้ามสะพานไป แต่ก็ต้องเจอกับความเนืองแน่นของผู้คนที่มาเที่ยวมารับประทานอาหารมื้อเที่ยงกันจนแทบจะไม่มีที่ว่างให้นั่ง สุดท้ายแล้วได้แต่ซื้อซาลาเปากับน้ำดื่มจากร้านสะดวกซื้อมานั่งกินเล่นยังม้านั่งตรงกลางลานเท่านั้น...
“เฮ้อ วันนี้วันอะไรนะ คนแน่นไปหมดเลย จะเข้าร้านไหนก็เต็ม” ป๊อปบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดพลางเคี้ยวซาลาเปาไส้หมูสับไข่เค็มในมือไป สีหน้าของชายหนุ่มไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
พัชรได้แต่ชำเลืองมองหน้าของแฟนหนุ่มก่อนลงมือละเลียดซาลาเปาในมือที่พอขับไล่อาการหิวออกไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกันนัก มีเพียงแต่ใบหม่อนคนเดียวที่ซีเรียสกับเรื่องนี้เพียงแป๊ปเดียวก็ลืมเมื่อได้กินของอร่อยๆ ในมือ
“<<พี่ป๊อปไม่ต้องคิดมากน้า แค่พี่ป๊อปเลี้ยงซาลาเปาน้องในวันเกิด น้องก็ดีใจแล้วล่ะจ้า>>”
ใบหม่อนใช้สรรพนามนี้เป็นครั้งที่สองกับโหมดอารมณ์ดีซึ่งมีไม่บ่อยนักกับคนเป็นพี่ชาย พลางละเลียดซาลาเปาในมืออย่างเอร็ดอร่อย
ป๊อปชำเลืองมองหน้าคนเป็นน้องสาวแล้วคลี่ยิ้มขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นกิริยาท่าทางน่ารักสดใสจนชวนให้ลืมความรู้สึกหงุดหงิดใจไปชั่วขณะหนึ่ง
“<<ฮึ ก็แหงล่ะสิใบหม่อน คนแน่นทุกร้านเลยจนต้องมานั่งกินกันแบบนี้เนี่ย>>”
“<<ช่างเถอะพี่ป๊อปแค่นี้เอง เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯ ไปพี่ป๊อปก็พาน้องเลี้ยงอะไรอร่อยๆ แล้วล่ะ คริๆ>>”
เสียงใสย้อนให้พร้อมกับส่งสายตาเปล่งประกายอ้อนวอนไปยังคนเป็นพี่ชาย และแล้วป๊อปก็ต้องยอมแพ้สายตาแบบนี้อีกครั้งเมื่อ...
“<<ใบหม่อนอยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่กับพี่พัชรเลี้ยง ดีไหม>>”
จู่ๆ ป๊อปโบ้ยไปหาแฟนสาวเสียอย่างนั้น ขณะที่คนโดนโบ้ยหันมาส่งสายตาจิกหนึ่งทีก่อนเป็นฝ่ายให้คำตอบกับว่าที่น้องสะใภ้เสียเอง
“ให้พี่ป๊อปเลี้ยงคนเดียวดีไหมจ๊ะน้องใบหม่อน ก็น้องใบหม่อนเป็นน้องสาวของพี่ป๊อปไง”
แต่กลับกลายเป็นว่าใบหม่อนไม่ยอมเข้าข้างเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ใบหม่อนทำสีหน้ามู่ทู่ด้วยอาการน้อยใจ กลีบปากอิ่มสวยได้รูปเริ่มเอ่ยตัดพ้อขึ้นมา
“<<พี่พัชรก็เป็นพี่สาวของหนูนี่นา พี่พัชรเลี้ยงหนูด้วยสิ นะๆๆๆๆๆๆๆๆ>>”
ป๊อปหันมามองหน้าแฟนสาวที่เริ่มทำสีหน้าลำบากใจไปกลั้นขำไปไม่หยุด มือหนาข้างที่ว่างเอื้อมมาคว้ามือเล็กขาวสะอาดพร้อมกับบีบเบาๆ หนึ่งที “เอาน่าพัชร ก็ใบหม่อนนับว่าพัชรเป็นพี่สาวอีกคนไง เราก็หารกันเลี้ยงน้องสาวเราสิ”
“อ่ะๆ ก็ได้ป๊อป” สุดท้ายพัชรก็ต้องรับปากจนได้เมื่อเจอลูกอ้อนของพี่น้องคู่นี้ “แต่ยังไงป๊อปก็ต้องจ่ายมากกว่าเค้าอยู่ดีนะ น้องใครคนนั้นรับผิดชอบไป เข้าใจไหม”
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับถอนหายใจพรืดยาว รู้สึกลำบากใจเล็กๆ ลำพังแค่ยอมน้องสาวคนเดียวก็จะแย่แล้ว นี่ยังต้องมายอมคู่ชีวิตในอนาคตอีก แต่เพื่อคนที่เขารักมากที่สุดทั้งสองคนแล้วเขาทำได้เสมอถึงแม้จะทำให้ลำบากใจบ้างก็ตาม
ที่จริงพัชรไม่ได้อยากจะผลักภาระให้กับคนรักเลยแม้แต่น้อย แต่ที่พูดไปแบบนั้นเพราะเจ้าตัวยังตั้งตัวไม่ติดเมื่อถูกว่าที่น้องสะใภ้จู่โจมเข้ามาแบบนี้ พอเข้าใจความรู้สึกของคนรักว่าเป็นยังไงเมื่อความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง เพราะว่าที่น้องสะใภ้คนนี้ช่างประจบประแจงช่างอ้อนเสียเหลือเกินจนเจ้าตัวต้องยอมใจอ่อนตามไปด้วย
ระหว่างนั้นใบหม่อนหยิบสมาร์ทโฟนคู่ใจขึ้นมาเขี่ยหน้าจอเล่นไปละเลียดซาลาเปาในมือไปเรื่อยๆ กวาดสายตาอ่านข้อความบนโซเชียลมีเดียไปเพลินๆ แต่เผอิญได้ยินน้ำเสียงเข้มที่กำลังคิดถึงดังแว่วมาในระยะใกล้กับใบหูเล็กของตัวเอง
“<<ใบหม่อน>>”
หญิงสาวละสายตาจากสมาร์ทโฟนในมือช้อนตามองเจ้าของเสียงของคนที่กำลังคิดถึง ทันใดนั้นกลีบปากอวบอิ่มสวยได้รูปคลี่ยิ้มกว้างขึ้นมาด้วยอาการดีใจเป็นที่สุดเมื่อ...
“<<โบ้>>”
ใบหม่อนรีบลุกขึ้นสวมกอดกับร่างสูงโปร่งของแฟนหนุ่มทันทีด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งคิดถึงทั้งน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่มีเวลาให้ได้เจอกันเลย ทางด้านคนเป็นพี่ชายอย่างป๊อปแทบจะหูผึ่งเมื่อได้ยินเสียงใสเอ่ยเรียกชื่อว่าที่น้องเขย
“<<คิดถึงจังเลยใบหม่อน>>” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นด้วยอาการดีใจ ท่อนแขนเพรียวยังโอบร่างสูงระหงของแฟนสาวไว้แนบแน่น
“<<เค้าก็คิดถึงตัวเหมือนกันแหละโบ้>>”
หลังจากกอดกันจนหายคิดถึงแล้วทั้งสองต่างฝ่ายต่างผละออกมาอยู่ในระยะห่างพอที่จะสบตาและยิ้มให้กันได้ แล้วผู้มาใหม่หันมายกมือไหว้ทักทายว่าที่พี่เขยกับว่าที่พี่สะใภ้ตามมารยาทด้วยท่าทางที่บ่งบอกถึงความคุ้นเคยกัน
“<<พี่ป๊อปพี่พัชรสวัสดีครับ>>”
“<<อ้าวโบ้ เป็นไงบ้างมึง สบายดีนะ>>” ป๊อปยกมือรับไหว้ว่าที่น้องเขย ออกปากถามกลับไปตามปกตินิสัย ขณะที่พัชรยกมือรับไหว้และส่งยิ้มหวานให้ ไม่พูดอะไรอีกเพราะเจ้าตัวไม่ได้รู้จักและสนิทสนมกับอีกฝ่ายมากนัก
“<<สบายดีครับพี่>>” โบ้ยังตอบฉาดฉานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน “<<แล้วลมอะไรหอบให้พี่ป๊อปพาใบหม่อนกลับบ้านมาได้ครับเนี่ย เห็นใบหม่อนบอกว่าพี่ป๊อปเอาแต่บ้างานจนแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลยไม่ใช่เหรอครับ ฮิๆๆ>>” ยอกย้อนให้ด้วยท่าทางขี้เล่นตามปกตินิสัย รู้อยู่แล้วว่าว่าที่พี่เขยคนนี้ไม่ทำอะไรแน่
“<<มึงอยากโดนกูต่อยแบบวันนั้นอีกไหมวะโบ้>>” ป๊อปจี้จุดอีกฝ่ายในทันที สีหน้าของชายหนุ่มในตอนนี้เริ่มฉายแววดุให้อีกฝ่ายเห็น ทั้งที่ในใจไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วนอกจากอยากแกล้งว่าที่น้องเขยเท่านั้น ยังไม่ทันที่จะยกมือขึ้นทำท่าง้างหมัด
“<<โหพี่ป๊อป มาถึงจะชกผมเลยเหรอ>>” โบ้ย้อนให้ด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้น นัยน์ตาตี่เริ่มฉายแววหวาดกลัวให้เห็น “<<ผมไม่อยากโดนพี่เขยต่อยหรอกครับ แค่โดนวันนั้นหมัดเดียวผมก็รู้ซึ้งแล้วพี่ มึนไปหลายวันเลยคร้าบ>>”
“<<หึๆ>>” ป๊อปหัวเราะในลำคอเบาๆ พเยิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแสดงความรู้สึกสะใจที่ได้แกล้งว่าที่น้องเขย “<<กูล้อเล่นน่าโบ้ กูไม่ทำมึงหรอก มึงก็รู้นิสัยกูไม่ใช่เหรอวะ>>”
[[<<ฮ่าๆ>>]]
ทั้งสองหัวเราะขึ้นพร้อมเพรียงกันอย่างรู้ใจกัน ถึงแม้ว่าเมื่อแรกเจอจะไม่ค่อยดีกันเท่าไหร่นัก แต่พอคุ้นเคยกันมากเข้ากลับกลายเป็นสนิทสนมกันมาจนถึงตอนนี้
“<<พี่ป๊อปนี่น้า หัวร้อนง่ายจังเลย แค่นี้จะต่อยหน้าแฟนหนูแล้วเหรอ>>” ใบหม่อนว่าเสียงสะบัดใส่คนเป็นพี่ชายในทันทีพลางปั้นหน้างอใส่อย่างขัดใจ
“<<ฮื้ม ไม่มีอะไรน่าใบหม่อน>>”
โบ้อดที่จะขำไม่ได้เหมือนเห็นท่าทางหงอๆ ของว่าที่พี่เขยหลังจากโดนแฟนสาวของตัวเองว่าให้เมื่อสักครู่ รู้อยู่แล้วว่าพี่เขยคนนี้ยอมแฟนสาวของตัวเองมากขนาดไหนถึงแม้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม ไม่รอช้าหันไปอ้อนแฟนในทันทีด้วยความรู้สึกคิดถึง และถือโอกาสในครั้งนี้ขอโทษด้วยที่แทบจะไม่มีเวลาให้กันเลย
ทางด้านป๊อปเลือกที่จะถอยฉากออกมาเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ปล่อยให้น้องสาวได้มีเวลาพลอดรักกับว่าที่น้องเขยบ้าง ยิ่งเห็นว่าที่น้องเขยกำลังเดินหน้าง้อน้องสาวตัวเองแล้วนึกถึงในวันที่ตัวเองทะเลาะกับแฟนสาวแล้วต้องมานั่งง้อแบบนี้แล้วอดที่จะยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้จนพัชรเริ่มสังเกตเห็น อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
“ยิ้มอะไรป๊อป หืม”
“ฮึๆ ไม่มีอะไรหรอกพัชร” ป๊อปหันไปตอบคนรักพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ “แค่นึกถึงตอนที่เราทะเลาะกันแล้วเราต้องง้อพัชรเฉยๆ น่ะ”
พัชรทำท่าเอียงลำคอระหงเบะปากเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขม็งไปที่ใบหน้าคร้ามของอีกฝ่าย “ก็ตอนนั้นป๊อปงี่เง่านี่นา เค้าก็โกรธสิ” เสียหวานย้อนให้ “แต่เพราะวัยด้วยมั้งป๊อป ตอนนั้นเค้าใจแข็งกับป๊อปมาก นึกถึงแล้วเค้าสงสารป๊อปในตอนนั้นมากเลยนะ”
“แล้วตอนนี้ล่ะหืม” ป๊อปย้อนถามกลับไป สีหน้าเริ่มฉายแววขี้เล่นให้เห็น
“ก็แล้วไงล่ะป๊อป เค้าก็เฉยๆ แหละ รู้อยู่แล้วว่าป๊อปเป็นยังไง เลยไม่ค่อยทะเลาะกันไงล่ะเว้นแต่เค้าจะงี่เง่าใส่ป๊อปเองเป็นบางครั้งอ่ะ”
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงหวานเอื้อนเอ่ยคำตอบที่ฟังแล้วตรงกับสิ่งที่เป็นในตอนนี้ ด้วยวุฒิภาวะที่มีมากขึ้นตามวัยทำให้เลือกที่จะมองข้ามปัญหาบางอย่างไปแล้วหันหน้าคุยกันมากขึ้น ผิดกับเมื่อก่อนเพียงแค่มีอะไรสะกิดนิดหน่อยก็ผิดใจกันแล้ว นึกแล้วถือโอกาสให้รางวัลกับคนรักด้วยการโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนบรรจงพรมจูบอันแสนหวานลงบนพวงแก้มขาวละเอียดนุ่มลื่นเจือกลิ่นหอมอ่อนหนึ่งทีพอให้ชื่นใจ แต่กลับกลายเป็นฝ่ายหญิงสาวที่หน้าแดงด้วยอาการเขินอาย ยิ่งเป็นที่สาธารณะแบบนี้ยิ่งอายมากกว่าเดิมอีก
“นี่ป๊อปไม่อายคนอื่นบ้างเหรอไง ขโมยจูบเค้าต่อหน้าต่อตาชาวบ้านเลยนะ” เสียงหวานแหวดแหวใส่คนขโมยจูบในทันที ทั้งโกรธทั้งอายในเวลาเดียวกัน
ป๊อปได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อโดนคนรักว่าให้ ดูออกว่าอายมากขนาดไหน แต่มันห้ามใจไม่ได้จริงๆ ได้แต่ยิ้มรับความผิดของตัวเองไป ไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเจ้าตัวเมื่อสักครู่อยู่ในสายตาของน้องสาวและว่าที่น้องเขยที่กำลังมองมาด้วยอาการอิจฉาตาร้อนผะผ่าวอยู่ในตอนนี้
ใบหม่อนเชิดหน้าปรายตามองพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ด้วยสายตาที่แฝงความหมั่นไส้ก่อนหันกลับไปหาคนรักของตัวเอง กระพริบตาถี่ๆ อ้อนวอนให้อีกฝ่ายทำในสิ่งที่อยากทำบ้าง ไม่นานนักทั้งสองต่างโน้มหน้าเข้าหากัน ประกบริมฝีปากของกันและกันอย่างดูดดื่มสมกับที่ห่างกันไปนานก่อนผละออกมาส่งสายตาให้กันและกันอีกครั้งหนึ่ง เรียกรอยยิ้มจากคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่สลับบทบาทมาเป็นผู้ชมบ้างหลังจากแสดงบทรักไปแล้วเมื่อสักครู่
“<<โบ้รักใบหม่อนนะ>>”
“<<เค้าก็รักตัวเหมือนกันแหละโบ้>>”
เมื่อได้เผยความรู้สึกในใจของกันและกันแล้ว เผอิญว่าวันนี้ฝ่ายชายไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดมาให้เพราะเจอกันโดยบังเอิญ ทำให้เกิดความฉุกละหุกจนหาของขวัญให้ไม่ทัน แต่แล้ว มือขวาของชายหนุ่มบรรจงถอดแหวนทองวงหนึ่งที่สวมใส่ติดตัวอยู่ออกมา คว้ามือเรียวเล็กข้างซ้ายของหญิงคนรักขึ้นมาก่อนสบตากับอีกฝ่ายหนึ่งที ค่อย ๆ สวมแหวนทองลงบนนิ้วนางเรียวเล็กได้รูปของหญิงสาวอย่างเบามือ
“<<สุขสันต์วันเกิดนะใบหม่อน>>”
หยาดน้ำตาใสๆ ไหลรื้นคลอหน่วยตาคู่สวยของหญิงสาวด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนแทบหายใจไม่ออก ระคนกับความรู้สึกรักและคิดถึงแฟนหนุ่มที่ไม่ได้เจอกันนานมากเพราะด้วยทำงานกันคนละที่ถึงแม้จะสังกัดเดียวกันก็ตาม แต่ด้วยโชคชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้ทั้งสองได้กลับมาเจอกันอีกครั้งตั้งแต่เจ้าตัวโอนย้ายกลับมาที่สังกัดเดิม และในที่สุด วันนี้ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่งหลังจากรอคอยมานาน
โบ้ใช้นิ้วโป้งเรียวหนาได้รูปเกลี่ยๆ รอบขอบตาคู่สวยที่น้ำตาลเริ่มไหลรื้นออกมาไม่หยุดจนอาบบนพวงแก้มนุ่ม มองเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวยที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำไหวระริกไม่หยุดด้วยความรักที่มีล้นอยู่ในใจจนเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ค่อยๆ โน้มปากหยักได้รูปประทับรอยจูบเหนือเปลือกตาของหญิงสาวหวังจะช่วยขับไล่น้ำตาที่ไหลรื้นให้หมดไป แต่กลับกลายเป็นว่า...
“<<ขอบคุณมากนะโบ้ ฮึก ที่ไม่ลืม... ฮึก วันเกิดเค้า... ฮึก>>”
เสียงใสขาดช่วงเป็นระยะเพราะแรงสะอื้น หยาดน้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาไม่หยุดในตอนนี้ หัวใจดวงน้อยของเจ้าตัวเต้นระรัวถี่ขึ้นจนไม่เป็นจังหวะยามได้อยู่ใกล้กับชายคนรักคนนี้
โบ้ค่อยๆ ผละหน้าออกมาจากเปลือกตาของหญิงสาว ใช้มือข้างหนึ่งเชยใบหน้ากลมกึ่งรูปไข่สวยหวานของคนเจ้าน้ำตาขึ้นให้อยู่ในตำแหน่งที่สบตาได้ถนัด มืออีกข้างหนึ่งลูบๆ ไปบนแผ่นหลังบางอย่างเบามือ สัมผัสไออุ่นจากเรือนกายของคนรักที่กำลังสั่นเทาเพราะแรงสะอื้นอยู่
“<<โบ้ไม่ลืมหรอก วันเกิดของคนที่โบ้รักทั้งคน โบ้จะลืมได้ไงล่ะ>>”
เสียงทุ้มอบอุ่นที่กลั่นออกมาจากหัวใจส่งไปให้หญิงคนรักได้รับรู้ ถึงแม้ด้วยภาระงานที่ทำให้เขาต้องห่างไกลกับอีกฝ่ายแค่ไหน แต่หัวใจของเขาไม่เคยอยู่ห่างจากคนรักคนนี้เลย ตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันจนถึงทุกวันนี้
ใบหม่อนค่อยๆ สงบลงพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มแห้งเหือดหาย ทิ้งคราบไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าสวยหวานที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเล็กน้อยจนเป็นคราบ ขณะที่โบ้บรรจงใช้นิ้วเกลี่ยคราบน้ำตาออกอย่างเบามือจนหายไปหมด พลางส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยผ่านดวงตากลมโตคู่สวยที่จ้องมองมาให้เข้าไปถึงหัวใจดวงน้อยของหญิงสาว รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าคร้ามเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวกลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง
ทางด้านคนเฝ้าสังเกตการณ์ทั้งสองได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อได้เห็นน้องสาวคนนี้มีความสุขกับคนรักอีกครั้ง หลังจากที่ต้องคอยรับรู้รับฟังเสียงพร่ำบ่นของหญิงสาวบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาถึงวันนี้ได้เจอกันแล้ว ตอนนี้ป๊อปคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกขอบคุณว่าที่น้องเขยคนนี้ในใจอยู่ไม่น้อย
“<<โบ้ พี่ป๊อป พี่พัชร มาถ่ายรูปกัน>>”
ใบหม่อนหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินคู่กายขึ้นมาเปิดโหมดกล้องหน้ารอไว้ หันไปเรียกให้แฟนหนุ่มและพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้มาเข้าเฟรมด้วยกัน หลังจากกดชัตเตอร์ถ่ายรูปเสร็จแล้ว...
“<<เอ้อโบ้ เดี๋ยวกูพาน้องกูไปไหว้หลวงพ่อโตวัดป่าฯ มึงจะตามไปด้วยไหมล่ะ>>”
โบ้คลี่ยิ้มน้อยๆ หันมาสบตากับว่าที่พี่เขยอย่างรู้กัน ใจจริงอยากตามไปด้วยมากๆ แต่ด้วยติดภารกิจบางอย่างทำให้ต้องจำใจปฏิเสธกลับไป
“<<อืม อยากไปมากเลยพี่ป๊อป แต่ผมติดธุระกับที่บ้านน่ะครับ>>” นัยน์ตาคมเข้มของโบ้เริ่มฉายแววรู้สึกผิดขึ้นมา หันไปมองหน้าใบหม่อนด้วยสายตาแบบเดียวกัน “<<เราขอโทษนะใบหม่อนที่ไปด้วยไม่ได้>>”
มาถึงตอนนี้อารมณ์น้อยอกน้อยใจของหญิงสาวได้เหือดหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ความเข้าใจว่าเพราะอะไรที่ทำให้ชายคนรักไม่มีเวลาให้กับเจ้าตัวเลย กลีบปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ เหมือนกำลังจะบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดมากพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ หนึ่งที
“<<ไม่เป็นไรหรอกจ้า ไม่ต้องคิดมากน้าตัว เค้าเข้าใจ>>”
ความกังวลใจของโบ้ค่อยคลายลงไปเมื่อได้ยินเสียงใสน่าฟังให้กำลังใจแบบนี้ ปากหยักค่อยๆ คลี่ยิ้มขึ้นมา หันไปหาว่าที่พี่เขยที่หันมายิ้มบางๆ เชิงให้กำลังใจอีกคนหนึ่ง
“<<เอาน่าโบ้ ครั้งหน้ายังมี เนี่ยพอใบหม่อนได้ย้ายแล้วเวลาว่างน่าจะมากขึ้น เดี๋ยวก็ร้องให้กูพากลับบ้านอีก>>”
ป๊อปเอ่ยกับว่าที่น้องเขยไป ชี้นิ้วไปทางคนเป็นน้องสาวด้วยท่าทางจริงจัง ขณะที่ใบหม่อนตีเข้าที่แขนใหญ่หนึ่งทีพลางส่งสายตาดุใส่ แอบอายแฟนหนุ่มเล็กๆ กับคำพูดของคนเป็นพี่ชายที่จงใจเน้นคำว่า ‘ร้อง’ ให้ได้ยิน
“<<ครับพี่ อื้ม ไว้ผมว่างๆ เดี๋ยวผมลงไปหาใบหม่อนด้วยครับ>>”
“<<เออลงมาเมื่อไหร่ก็บอกใบหม่อนด้วยละกัน มึงมาเลย มึงรู้จักคอนโดฯ กูนะโบ้>>”
“<<หึ ผมไม่รู้จักครับพี่ป๊อป ผมไปถึงหลงแน่เลย>>” โบ้ส่ายหน้าปฏิเสธ “<<ไว้ถึงวันนั้นผมไลน์บอกให้ใบหม่อนไปรับก็ได้ครับ แหะๆ งั้นผมไปก่อนครับพี่ แม่ผมคงจะรอนานแล้วล่ะครับ>>” ถือโอกาสยกมือไหว้บอกลาว่าที่พี่เขยกับพี่สะใภ้เสียเลย
“<<เออๆ ขับรถดีๆ เจอกันโอกาสหน้าเว้ยไอ้น้องเขย>>” ป๊อปยกมือรับไหว้ก่อนเอ่ยทิ้งท้ายตามมารยาท
“<<โบ้ไปก่อนนะใบหม่อน>>” ไม่ลืมหันไปบอกลาแฟนสาว ก่อนประทับริมฝีปากหยักลงบนพวงแก้มนุ่มหนึ่งที “<<ไว้กลับบ้านครั้งหน้าเจอกันนะถ้าเค้าว่างน่ะ>>”
“<<จ้า>>” ใบหม่อนคลี่ยิ้มหวานให้กับคนรัก “<<ไว้คราวหน้าเจอกันใหม่น้า บ๊ายบาย>>”
หญิงสาวโบกมือให้กับชายคนรักที่กำลังเดินจากไป กลีบปากอิ่มสวยยังคลี่ยิ้มกว้างอยู่อย่างอารมณ์ดี หันกลับมาหาคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่ตอนนี้พร้อมใจกันยิ้มให้และส่งสายตามองมาที่เจ้าตัวเป็นตาเดียวกันจนแทบจะหุบยิ้มลงแทบไม่ทัน ดวงตากลมโตคู่สวยยังซ่อนประกายวิบวับไม่แนบเนียนเท่าไหร่นักในตอนนี้เมื่อหัวใจดวงน้อยยังพองโตด้วยความรักอยู่
“<<แน่ะๆ ยิ้มใหญ่เลยนะใบหม่อน>>” สุดท้ายป๊อปเป็นคนแรกที่ออกปากแซว “<<ไง หายเหม็นความรักของพี่กับพัชรยังล่ะหืม ได้เจอโบ้แล้วนี่ ฮิๆ แหมเมื่อกี้เล่นใหญ่เลยนะคะใบหม่อน>>”
ไม่พูดเปล่า ป๊อปยังเอื้อมมือไปคว้าผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกไปมาเป็นการหยอกล้ออีกหนึ่งทีก่อนถูกมือเล็กทั้งสองข้างแกะออกในเวลาต่อมา
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอดใส่ ยังมีร่องรอยอาการเขินอายอยู่บนใบหน้าให้เห็น “<<เอามือที่จับของกินมาจับผมคนอื่นแบบนี้ได้ไงพี่ป๊อป อี๋ สกปรก>>”
“อ้าวเหรอ นึกว่าเขินจนทำอะไรไม่ถูกแล้วนะเนี่ย ฮิๆ”
ป๊อปได้แต่คลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับส่ายศีรษะทุยไปมาและพ่นลมหายใจเบาๆ รู้ได้ทันทีว่าน้องสาวตัวเองกำลังเขินอายเป็นอย่างมาก ขณะที่ใบหม่อนส่งค้อนวงใหญ่ให้ กลบเกลื่อนอาการเขินอายไม่ให้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ได้รับรู้แต่ไม่ทันแล้วเมื่อ...
“ป๊อปอย่าไปแกล้งน้องเขาสิ ดูสิน้องเขาเขินหน้าแดงหมดแล้วเนี่ย” พัชรไม่ได้มีเจตนาจะขยี้ว่าที่น้องสะใภ้แต่อย่างใด แค่ปรามไม่ให้แฟนหนุ่มพูดมากกว่านี้เท่านั้น ขณะที่ป๊อปคลี่ยิ้มกว่างขึ้นอย่างรู้ใจเมื่อได้สบตากัน
ใบหม่อนได้แต่ย่นจมูกขึ้นอย่างอิดหนาระอาใจกับพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้เหลือเกิน รู้สึกอับอายที่โดนพี่ๆ ทั้งสองแกล้งแซวแกล้งแหย่กับเหตุการณ์ที่ได้เจอแฟนหนุ่มที่ห่างหายกันไปนานในวันคล้ายวันเกิดของตัวเองเท่านั้น
“<<พอได้แล้วพี่ป๊อป พี่พัชร หนูเขินจะแย่แล้วเนี่ย ชิ>>” ใบหม่อนว่าเสียงสะบัดใส่พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้หนึ่งทีก่อนชักสีหน้างอง้ำใส่ “<<ไปได้แล้วพี่ป๊อป ไหนบอกว่าจะพาหนูไปไหว้หลวงพ่อโตไง>>” ได้ทีหันไปออกคำสั่งกับพี่ชายตัวเองต่อ
“<<เออๆ ไปๆ เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก่อน เดี๋ยวไปกัน>>”
ป๊อปพูดกลั้วยิ้มบางๆ เมื่อโดนเจ้าของวันเกิดออกคำสั่งแบบนี้ ทั้งสามต่างลุกขึ้นพากันแยกย้ายไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก จัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนพากันไปยังลานจอดรถเตรียมออกเดินทางไปยังที่หมายต่อไป...
.......................................................................................................
ณ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
“<<เฮ้อ กว่าจะหาที่จอดรถได้>>”
ป๊อปโพล่งออกมาอย่างโล่งใจหลังจากจอดรถเสร็จ เนื่องด้วยวันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ มีผู้คนมานมัสการหลวงพ่อโตอย่างเนืองแน่นจนหาที่จอดรถในวัดแทบไม่ได้จนต้องวนรถรออยู่นาน แต่เผอิญตรงลานหน้าพระอุโบสถมีรถคันหนึ่งกำลังจะออกไป เขาไม่รอช้าที่จะหักรถเสียบเข้าไปจอดทันที
“<<นั่นสิพี่ป๊อป เห็นพี่ป๊อปวนรถอยู่นานมากเลย>>” เสียงใสของเจ้าของวันเกิดเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน นึกเห็นใจพี่ชายที่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถอยู่นาน
“<<เฮ้อ นั่นสิ นี่มันวันอาทิตย์นี่นา>>” ป๊อปหันไปเอ่ยกับคนเป็นน้องสาว “<<ไปกันเถอะ เดี๋ยวคนแน่น>>”
ทั้งสามพากันลงจากยานพาหนะเจ็ดที่นั่งมุ่งหน้าไปยังบริเวณวิหารหลวงพ่อโตที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักหลังจากป๊อปหันไปกดรีโมตสั่งให้ล็อกรถ แต่แล้วก็ต้องพบกับมวลมหาชนที่มานมัสการหลวงพ่อโตเป็นจำนวนมากจนแน่นขนัดไปทั่วบริเวณ พาให้กว่าจะเดินไปถึงค่อนข้างลำบากพอสมควรกว่าจะถึงบริเวณจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียน
“ป๊อปคิดถูกเปล่าเนี่ยที่พาน้องใบหม่อนมา ดูสิ คนแน่นไปหมดเลย” พัชรหันมาถามชายคนรักเมื่อได้เห็นบรรยากาศอันเนืองแน่นตรงหน้า รู้สึกท้อใจแทนเพราะกว่าจะเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาได้
“เอาเถอะพัชร คนสุพรรณฯ ต้องมาไหว้หลวงพ่อโตแหละ ฮิๆ” ป๊อปพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ตามสไตล์
“ใช่แล้วล่ะพี่พัชร บ้านหนูนับถือหลวงพ่อโตกันทั้งบ้านแหละ” ใบหม่อนหันไปเอ่ยกับว่าที่พี่สะใภ้ น้ำเสียงใสชวนให้คนฟังยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้ยิน
“<<พี่ป๊อปออกค่าดอกไม้ธูปเทียนให้หนูเลย>>” ใบหม่อนได้โอกาสสั่งคนเป็นพี่ชายในทันที
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำสั่ง มือหนาล้วงกระเป๋าตังค์ขึ้นมาหยิบแบงก์ยี่สิบสามใบ ยกมือขึ้นอธิษฐานอยู่สักพักแล้วหย่อนลงตู้บริจาคไป จัดแจงหยิบดอกไม้ธูปเทียนทองคำเปลวทั้งสามชุดออกมาแจกจ่ายให้กับคนเป็นน้องสาวและคนรักก่อนพาฝ่าฝูงชนเข้าไปยังบริเวณให้จุดธูปจุดเทียนด้านหน้าพระวิหาร แต่ติดที่ว่าต้องฝ่าฝูงชนที่เริ่มหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมจนเข้าไปถึงได้อย่างทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย ทั้งสามพากันจุดธูปเทียนยังตะเกียงที่ทางวัดเตรียมไว้ รีบยกมือไหว้อธิษฐานอย่างลวกๆ รีบปักธูปลงในกระถางอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้โดนเบียดเข้ามาอย่างหนักจนแทบไม่มีสมาธิจะไหว้แล้ว
แต่เมื่อเดินไปถึงบริเวณประตูทางเข้าพระวิหารเท่านั้นก็แทบลมจับทันทีเมื่อเห็นจำนวนฝูงชนที่เบียดเสียดแย่งกันเข้าไปไหว้องค์หลวงพ่อโตด้านในจนแทบจะไม่มีที่ให้เดินแล้ว
ใบหม่อนขมวดคิ้วทำหน้าแหยงๆ เมื่อเห็นคนจำนวนมหาศาลตรงหน้า หันไปมองหน้าคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่ทำสีหน้าหวาดหวั่นไม่ต่างกันพาให้รู้สึกห่อเหี่ยวใจตามไปด้วย ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงพร้อมกับริมฝีปากอวบอิ่มที่หุบคว่ำลงอย่างรวดเร็ว
“<<พี่ป๊อป ไหว้ด้านนอกก็ได้มั้งอ่ะ ดูสิ คนแน่นขนาดนี้แล้ว>>”
ป๊อปชำเลืองมองสีหน้าของคนเป็นน้องสาวแล้วรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เอื้อมมือไปคว้ามือเรียวสวยบีบเบาๆ เชิงให้กำลังใจ
“<<มาถึงขนาดนี้แล้ว เข้าไปเถอะ พี่ว่าพอเข้าไปได้แหละ>>” พูดกับน้องสาวจบหันไปพยักหน้าให้กับแฟนสาว “เข้าไปกันเถอะพัชร”
ใบหม่อนชำเลืองมองคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่หันมายิ้มให้กันด้วยสายตาแสดงความรู้สึกย่อท้อเล็กๆ แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วจะให้หันหลังกลับไปก็ไม่ใช่เรื่อง ตัดสินใจพาตัวเองเดินนำหน้าพี่ๆ ทั้งสองตรงไปยังชานบันใดใกล้ตัวอาคาร ต่างคนต่างก้มลงถอดรองเท้าวางให้ใกล้กันมากที่สุดในมุมที่จำกันได้ ด้วยจำนวนคนที่เยอะเหลือเกินมีโอกาสที่รองเท้าจะหายได้สูงมาก ประจวบเหมาะกับรองเท้าของแต่ละคนต่างมีราคาแพงทั้งนั้นโดยเฉพาะรองเท้าของทั้งสองสาว
ทั้งสามพากันเดินเบียดเสียดผู้คนเข้าไปด้านในพระวิหาร เพียงแหงนหน้ามององค์หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์องค์ใหญ่สีทองอร่ามตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เหลือบพระเนตรมองต่ำลงมาด้วยความเมตตาแก่ทุกคนที่เข้ามานมัสการ
ใบหม่อนแหงนหน้ามองพระพักตร์หลวงพ่อโตแล้วยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเหล็กครบทุกซี่ในทันที ลืมความรู้สึกเบียดเสียดกับผู้คนไปชั่วขณะ ค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งพับเพียบพร้อมกับพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ในพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ต่างคนต่างพนมมือไหว้อธิษฐานไปแหงนหน้ามองพระพักตร์ขององค์หลวงพ่อโตไป ถึงแม้บรรยากาศรอบข้างจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากเพียงใดก็ไม่อาจทำลายสมาธิของทั้งสามได้
‘หลวงพ่อโตเจ้าคะ ปีนี้หนูอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว ขอให้ปีนี้มีแต่เรื่องดีๆ มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตของหนูนะคะ หนูได้ย้ายกลับมาทำที่กรมชลประทานแล้วถึงไม่ได้ย้ายกลับบ้านก็ตาม ขอให้หนูเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นๆ ไป ขอให้หนูไม่อับจนหนทาง มีทางก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ นะเจ้าคะ และหนูขอให้แม่คุณของหนู คุณพ่อคุณแม่ของหนูมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงๆ ทุกคน ขอให้พี่ชายของหนูมีความสุขมากๆ ขอให้พี่ชายของหนูสอบติดข้าราชการให้ได้ ขอให้พี่ชายของหนูขอพี่พัชรแต่งงานด้วยนะเจ้าคะ ถ้าชาติหน้ามีจริง หนูขอเกิดมาเป็นลูกพ่อแม่ของหนูในทุกๆ ชาติ เกิดเป็นน้องของพี่ป๊อปในทุกๆ ชาตินะเจ้าคะหลวงพ่อ’
หญิงสาวนึกอธิษฐานในใจไป ดวงตากลมโตจ้องมองพระพักตร์หลวงพ่ออยู่ตลอดเวลาแทบไม่กระพริบ สมาธิตอนนี้จดจ่อไปกับองค์หลวงพ่อโตเพียงอย่างเดียว ราวกับหลุดออกไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่มีผู้คนเดินวุ่นวายจอแจ มีเพียงแต่ความเงียบสงบ ความรู้สึกล่องลอยราวกับปุยนุ่นลอยไปในอากาศเท่านั้น
ป๊อปชำเลืองมองเห็นน้องสาวนั่งนิ่งพนมมือแหงนหน้ามององค์หลวงพ่อโตอยู่นาน หันไปสบตากับแฟนสาวที่นั่งถัดออกไปแล้วยิ้มให้กันและกัน ร่างสูงใหญ่เขยิบทำท่าลุกขึ้นล้วงสมาร์ทโฟนสีดำจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดโหมดกล้องเก็บรูปองค์หลวงพ่อโตที่อยู่ตรงหน้าและเก็บรูปร่างสูงระหงของหญิงสาวที่นั่งพนมมือนิ่งอยู่ ไม่รอช้าส่งเข้าไปในกล่องแชตในแอพพลิเคชั่นสีเขียวของอีกฝ่ายในทันที
ร่างสูงระหงก้มลงกราบองค์หลวงพ่อโตหลังจากอธิษฐานขอพรเสร็จ เงยหน้าขึ้นมาเห็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้พร้อมใจกันหันมามองและอมยิ้ม แล้วก็เป็นพี่ชายที่เอื้อมมือมาจับผมมัดจุกเหนือศีรษะของเจ้าตัวโยกไปมาเชิงหยอกล้อเหมือนกับทุกครั้งที่เจ้าตัวทำผมทรงนี้
“<<ขอพรหลวงพ่อซะนานเลยนะใบหม่อนหน้ากลม>>”
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป ปล่อยได้แล้ว>>” ใบหม่อนปรายตามองดุใส่
ได้ผลเมื่อป๊อปยอมปล่อยมือจากผมมัดจุกแต่โดยดี ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มน้อยๆ พลางส่ายศีรษะทุยไปมา นัยน์ตาสองชั้นหลบมองผ่านเลยไปหาคนรักที่มองตาแป๋วอยู่
“ไปกันเถอะป๊อป คนแน่นจนเค้าหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย”
ทั้งสามพร้อมใจกันก้มลงกราบหลวงพ่อโตอีกรอบหนึ่งก่อนพากันเดินฝ่าฝูงชนออกไปยังด้านนอกพระวิหาร สอดส่ายสายตามองหารองเท้าของทั้งสามที่วางไว้ตรงมุมหนึ่งหน้าพระวิหารท่ามกลางกองรองเท้าของผู้คนที่มานมัสการอย่างเนืองแน่นในวันนี้ ยังดีที่รองเท้าของพัชรสังเกตเห็นได้ง่ายเพราะเป็นรองเท้าบูทคู่เดียวท่ามกลางกองรองเท้าผ้าใบและรองเท้าแตะที่วางอยู่รายรอบ ไม่รอช้าต่างคนต่างเดินมุ่งไปยังกองรองเท้าของตัวเองที่วางอยู่ทันที แอบนึกดีใจเล็กๆ ที่รองเท้าของแต่ละคนยังอยู่ดีไม่ถูกเตะกระจัดกระจายหายไปไหน
พัชรก้มตัวลงดึงขากางเกงยีนปลายขาดรุ่ยขึ้นสวมรองเท้าบูทแบบลวกๆ ไม่ได้รูดซิปขึ้นเพราะกลัวไม่ทันเพราะตอนนี้บรรดาผู้คนที่มากราบนมัสการหลวงพ่อโตยิ่งทวีมากขึ้นเรื่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาเห็นคนรักกับว่าที่น้องสะใภ้ยืนรออยู่ ทั้งสามพากันเดินออกมาจากบริเวณพระวิหารในทันทีเพราะคนเริ่มแน่นจนหายใจหายคอแทบไม่ได้แล้ว
“<<ใบหม่อนจะเดินเที่ยววัดต่อไหมหรือกลับเลยดี>>” ไม่ลืมที่จะหันไปถามคนเป็นน้องสาวหลังจากเดินพ้นจากบริเวณพระวิหารแล้ว
ใบหม่อนกลอกตามองบนทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก ตอนนี้เจ้าตัวเริ่มคิดอะไรไม่ออกแล้วเมื่อเจอสถานการณ์ตรงหน้ามองไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนแน่นขนัดไปหมด มองไปทางคุ้มขุนช้างก็มีคนเดินขึ้นลงมากมายจนแทบจะเบียดกัน มองไปทางโบสถ์หลังใหม่ที่ยังสร้างไม่เสร็จก็ดูแน่นขนัด มิพักจะไปที่โบสถ์มอญด้านหลังที่เนืองแน่นไม่ต่างกันแถมเจ้าตัวยังเข้าไปไหว้ไม่ได้เพราะห้ามผู้หญิงเข้า ดวงตากลมโตคู่สวยเหลือบลงมาสบตากับคนเป็นพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ด้วยความรู้สึกท้อใจอยู่ไม่น้อย
“<<พี่ป๊อปอยากพาหนูไปไหนต่อไหมล่ะ ดูสิไปที่ไหนๆ คนก็แน่นไปหมดจนหนูไม่อยากเดินแล้วอ่ะพี่ป๊อป>>”
“นั่นสิจ๊ะน้องใบหม่อน” พัชรเสริมขึ้นมาด้วยความรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อยระคนความรู้สึกอึดอัดส่วนตัว “พี่ว่ากลับไปหาอะไรอร่อยๆ กินที่กรุงเทพฯ หรือไปช็อปปิ้งดีไหมจ๊ะน้องใบหม่อน”
หญิงสาวเจ้าของวันเกิดหันขวับไปหาว่าที่พี่สะใภ้ในทันที ดวงตากลมโตลุกวาวขึ้นด้วยอาการดีใจ “จริงเหรอคะพี่พัชร”
“จริงสิจ๊ะน้องใบหม่อน” เสียงหวานเอ่ยกับว่าที่น้องสะใภ้ มองผ่านเลยมายังคนตัวใหญ่ที่ยืนยิ้มแหยๆ อยู่
ป๊อปรู้ชะตากรรมตัวเองทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ นัยน์ตาสองชั้นหลบเริ่มออกอาการเลิ่กลั่กให้เห็น เริ่มเก็บทรงไม่อยู่ เหงื่อกาฬเม็ดโตผุดออกมาไหลอาบบนใบหน้าคร้ามพร้อมกับอาการร้อนผะผ่าวที่หน้า หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น ยิ่งเจอลูกอ้อนของเจ้าของวันเกิดที่สยบเขาอยู่ทุกครั้งที่ได้ยินเมื่อ...
“<<พี่ป๊อป หนูว่ากลับกรุงเทพฯ ดีกว่า พาหนูไปช็อปปิ้งหน่อย นะๆๆๆๆๆๆ>>”
ไม่ใช่แค่เสียงใสที่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำออดอ้อนเท่านั้น ศีรษะสวยได้รูปโน้มลงมาซบต้นแขนใหญ่พร้อมกับมือทั้งสองข้างเริ่มตะกุยไปบนท่อนแขนราวกับแมวอ้อนเจ้าของ ขณะที่ผู้สมรู้รวมคิดอย่างพัชรคลี่ยิ้มหวานพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ป๊อปชำเลืองมองกิริยาท่าทางของคนเป็นน้องสาวแล้วอดขำไม่ได้ ยังไงไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้วยิ่งวันนี้ตรงกับวันคล้ายวันเกิดด้วย ก็ยิ่งอยากจะพาไปถึงแม้จะรู้ตัวว่าจะต้องเสียเงินมากขนาดไหนเพราะว่าน้องสาวคนนี้ช็อปปิ้งเก่งเหลือเกิน
“<<ไปสิ จะไม่พาไปได้ไงล่ะหืม>>” ป๊อปก้มหน้าลงมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสของคนขี้อ้อน เอื้อมมืออีกข้างมาจับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกไปมาเป็นการหยอกล้ออีกหนึ่งที
“<<พี่ป๊อปรับปากแล้วนะ ห้ามผิดคำพูดล่ะ ไม่งั้นหนูโกรธพี่ป๊อปนะ>>”
ใบหม่อนส่งสายตาคาดคั้นกับพี่ชายพร้อมกับผละศีรษะตัวเองออกหลังจากผมมัดจุกเหนือศีรษะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ดวงตากลมโตคู่สวยยังไม่ละสายตาไปจากใบหน้าคร้าม
ป๊อปไม่พูดอะไรอีกนอกจากหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่แอบส่งสายตาคาดโทษไปยังผู้สมรู้ร่วมคิดที่มีฐานะเป็นคนรักของตัวเอง ขณะที่คนโดนคาดโทษแกล้งทำสายตาล้อเลียนประมาณว่ากลัวทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าวิธีทำโทษของแฟนหนุ่มคืออะไร ทั้งสามพากันเดินกลับไปยังรถเอสยูวีเจ็ดที่นั่งสีดำคันเดิมที่จอดอยู่ตรงลานหน้าพระอุโบสถหลังใหม่เตรียมตัวออกเดินทางต่อ...
....................................................................................................
ณ ห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ
ทั้งสามมาถึงห้างตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ๆ หลังจากขับรถดิ่งตรงจากสุพรรณบุรีในเวลาเพียงชั่วโมงกว่า เมื่อรถเอสยูวีสีดำจอดสนิทและดับเครื่องเรียบร้อย ทั้งสามต่างพากันลงจากรถยืดเส้นยืดสายสักเล็กน้อยหลังจากนั่งอยู่เป็นเวลานานก่อนพากันเดินเข้าไปในตัวห้างท่ามกลางบรรยากาศพลุกพล่านของผู้คนที่มาช็อปปิ้งในวันอาทิตย์ ขณะทีป๊อปแอบอาศัยจังหวะที่คนรักเผลอยื่นริมฝีปากหยักภายใต้หนวดเครารกครึ้มประทับลงบนพวงแก้มขาวใสอ่อนนุ่มของแฟนสาวหนึ่งทีเป็นการทำโทษที่แอบสมรู้ร่วมคิดกับน้องสาวตัวเองจนต้องพามาเที่ยวห้างในตอนนี้
พัชรรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าเมื่อโดนแฟนหนุ่มทำโทษด้วยการขโมยจูบเข้าอย่างจังเมื่อตอนเผลอ ดวงตาคู่สวยถลึงใส่คนขโมยจูบอย่างเอาเรื่อง ไม่รอช้า มือเรียวเล็กหนีบเข้าที่เนื้อท่อนแขนใหญ่อย่างจัง
“โอ๊ย…”
“นี่แน่ะ ขโมยจูบเค้าอีกแล้วนะป๊อป ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอไงห๊า”
ป๊อปร้องเสียงหลงจนคนรอบข้างหันมามองด้วยสายตาที่หลากหลายความรู้สึก บ้างแอบซุบซิบนินทาให้เห็นกัน ขณะที่พัชรคลี่ยิ้มร้ายพลางปรายตามองหน้าคนโดนหยิกด้วยแววตาแสดงอาการสะใจเป็นที่สุดที่ได้เอาคืนคนรักแบบนี้
ใบหม่อนส่งเสียงหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองร้องเสียงหลงเพราะโดนหยิก หันไปยิ้มให้กับว่าที่พี่สะใภ้อย่างรู้ใจกันก่อนหันไปเยาะเย้ยคนเป็นพี่ชายอีกรอบหนึ่ง
“<<โอ๋ๆๆ เจ็บไหมคะพี่ชาย น่าสงสารจังเลยอ่ะ แบร่>>”
หญิงสาวแกล้งดัดเสียงอย่างโอเวอร์ก่อนลงท้ายด้วยการแลบลิ้นหลอกใส่ เห็นหน้าพี่ชายตอนหงุดหงิดแล้วอดที่จะขำไม่ได้ แต่ก็ไม่ใจร้ายกับอีกฝ่ายมากเกินไปเมื่อมือเรียวสวยยื่นมาลูบๆ ตรงที่โดนหยิกเมื่อสักครู่ก่อนก้มหน้าลงเป่าลมอุ่นๆ ลงไปหวังช่วยขับไล่ความเจ็บปวดให้หมดไป
“<<เพี้ยง! หายไวๆ น้า ไม่เจ็บแล้วน้าพี่ชายของหนู>>”
ปากหยักได้รูประบายยิ้มบางๆ เมื่อเห็นหญิงสาวเป่าแขนข้างที่โดนหยิก ที่จริงอาการเจ็บปวดหายไปพร้อมกับอาการหงุดหงิดแล้วเมื่อได้รับสัมผัสอันอบอุ่นจากมือเรียวเล็กที่ลูบและเป่าซ้ำไปอีกหนึ่งที ยิ่งได้สบกับดวงตากลมโตคู่สวยที่ฉายแววซุกซนปนออดอ้อนแล้วรู้สึกดีขึ้นมาแทบจะทันที
พัชรชำเลืองมองสองพี่น้องด้วยความรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ โดยเฉพาะว่าที่น้องสะใภ้ที่ตอนแรกเหมือนจะเข้าข้างตัวเอง แต่ไปๆ มาๆ กลับไปปลอบใจคนขโมยจูบตัวเองเสียอย่างนั้น
และแล้วเวลาแห่งการช็อปปิ้งได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อทั้งสองสาวพากันเดินเข้าไปยังโซนขายเสื้อผ้าสตรี ปล่อยให้ชายหนุ่มเดินตามหลังเงียบๆ ดูทั้งสองสาวชี้ชวนกันเลือกเสื้อผ้ากับรอเป็นคนจ่ายเงินเท่านั้น ยังดีที่ว่าตอนนี้กำไรหุ้นของไตรมาสที่แล้วบวกกับเงินค่างานยังเหลืออยู่เยอะพอที่จะให้ช็อปปิ้งในครั้งนี้ได้ จนเมื่อมาถึงร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงแบรนด์เนมร้านหนึ่ง
ใบหม่อนชำเลืองมองโซนจำหน่ายกางเกงทำงานอย่างประเมิน หลังจากที่ได้โอนย้ายมาแล้วที่ทำงานใหม่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการแต่งตัวมากนัก เลยเลือกที่จะใส่กางเกงไปทำงานมากกว่า แต่ว่ากางเกงที่มีอยู่ในตอนนี้บางตัวใส่ไม่ได้แล้วเพราะคับบ้างหรือผ้าเปื่อยจนขาดบ้าง ในใจตอนนี้อยากได้กางเกงขาห้าส่วนรัดรูปสักหน่อยเพราะต้องการอวดหุ่นตัวเอง
ขณะที่พัชรสังเกตรูปร่างของว่าที่น้องสะใภ้ที่ค่อนข้างสูงโปร่งสะโอดสะอง สะโพกเว้าได้สัดส่วนพอดี ถือว่าเป็นคนหุ่นดีพอสมควร เริ่มนึกอะไรได้ขึ้นมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้าไปเลือกดูกางเกงทำงานอยู่ ร่างบางพาตัวเองเข้าไปใกล้ก่อนออกปากถาม
“น้องใบหม่อนอยากได้กางเกงเหรอจ๊ะ”
“ใช่แล้วค่าพี่พัชร เนี่ยกางเกงที่บ้านหลายตัวหนูเริ่มใส่ไม่ได้แล้วอ่ะ มันคับ” เสียงใสเอ่ยกระเง้ากระงอดกับว่าที่พี่สะใภ้
พัชรคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อได้ฟังคำตอบ ดวงตาคู่สวยตวัดมองร่างสูงระหงอย่างประเมินก่อนหันไปมองกางเกงขาห้าส่วนที่อีกฝ่ายกำลังเลือกดูอยู่
“พี่ว่าน้องใบหม่อนลองใส่ขาม้าแบบพี่ดีไหมจ๊ะ”
ใบหม่อนขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างครุ่นคิด ในใจอยากได้กางเกงขาห้าส่วนเข้ารูปเพราะใส่แล้วดูทะมัดทะแมงและคล่องตัวกว่า แต่เมื่อได้ยินคำถามจากว่าที่พี่สะใภ้แบบนี้เริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมา ก้มลงชำเลืองมองกางเกงยีนขาม้าปลายขาดรุ่ยที่ว่าที่พี่สะใภ้สวมอยูก่อนเงยหน้าขึ้นสำรวจร่างบางที่จัดว่าหุ่นดีไม่แพ้เจ้าตัวเหมือนกันอย่างประเมิน
“จะให้หนูใส่ขาม้าแบบพี่พัชรเหรอคะ หนูว่ามันไม่เข้ากับหนูเท่าไหร่หรอก” เสียงใสตอบอ้อมแอ้มๆ ดวงตากลมโตฉายแววความไม่มั่นใจให้เห็น
“ลองดูสิจ๊ะ พี่ว่าน้องใบหม่อนตัวสูงแบบนี้ใส่ขาม้าสวยอยู่นะ” พัชรคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนให้คำตอบ
ได้ฟังคำของว่าที่พี่สะใภ้แล้วเกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมา แต่สุดท้ายหญิงสาวแขวนกางเกงขาห้าส่วนที่เลือกไว้คืนยังที่เดิม เดินเลยไปยังราวที่แขวนกางเกงขาม้าที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ไม่รอช้าหยิบออกมาแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องลองชุดทันที เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ร่างสูงระหงเดินออกมาอวดกางเกงขาม้าที่ลองใส่ให้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ดู
“<<พี่ป๊อปเป็นไงบ้าง สวยไหม>>” เสียงใสเอ่ยถามพี่ชายอย่างร่าเริง แต่สีหน้าของสาวเจ้าในตอนนี้ยังเผยให้เห็นความไม่มั่นใจอยู่
ป๊อปก้มลงมองกางเกงขาม้าสีดำที่ห่อหุ้มขาเรียวสวยกับรองเท้าผ้าใบแบรนด์เนมที่ตัวเองซื้อให้ตั้งแต่วันเกิดปีที่แล้วอย่างประเมิน ยอมรับเลยว่าเมื่อยามที่น้องสาวใส่กางเกงขาม้าแบบนี้แล้วดูดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หันไปส่งสายตากับคนรักที่เพิ่งยุน้องสาวไปเมื่อสักครู่
“แหมพัชร ชวนให้น้องเราใส่ขาม้าเลยเรอะ”
พัชรหันมาคลี่ยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มแทนคำพูดทั้งหมด หันกลับไปหาว่าที่น้องสะใภ้ที่กำลังยืนพอยต์เท้าอวดโฉมกางเกงขาม้าให้ดูอยู่
“<<น้องพี่หุ่นดีขนาดนี้พี่ว่าใส่อะไรก็สวยหมดแหละ>>” ป๊อปพูดไปคลี่ยิ้มไป ตรงกับความรู้สึกในใจตอนนี้
ใบหม่อนคลี่ยิ้มหวานให้กับคนเป็นพี่ชายก่อนหันไปหาว่าที่พี่สะใภ้ “พี่พัชร หนูว่าหนูต้องลองใส่แล้วล่ะ ก็ดูดีเหมือนกันนะ แต่มันรุ่มร่ามไปหน่อยอ่ะ”
“มันก็เป็นแบบนี้แหละจ้า แต่ใส่ๆ ไปเดี๋ยวมันก็ชิน ถ้าขายาวเกินก็ตัดออกได้เลาะออกได้นี่ พี่ว่ามันใส่สบายกว่าขาเดฟเข้ารูปอีกนะ” พัชรหล่นความเห็นออกมา ดวงตาคู่สวยกวาดสายตาลงมองอย่างประเมิน “แต่กางเกงขาม้าเอาไว้ใส่กับรองเท้าทำงานหรือคัชชูจะดูดีกว่าใส่กับผ้าใบอีกนะพี่ว่า”
“ก็จริงของพี่พัชรแหละค่ะ” ใบหม่อนปรับน้ำเสียงให้นิ่งเรียบ “แต่หนูไม่ชอบใส่คัชชูนี่นา ใส่แล้วเจ็บเท้าอ่ะพี่พัชร”
ร่างสูงระหงเดินกลับเข้าไปห้องลองชุดอีกครั้ง ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจหญิงสาวก็เดินกลับออกมากับกางเกงยีนขายาวรัดรูปตัวเดิม คราวนี้เดินตรงรี่เข้าไปคว้าท่อนแขนใหญ่พร้อมกับซบศีรษะสวยลงบนท่อนแขนอ้อนคนเป็นพี่ชายในทันที
“<<พี่ป๊อปซื้อกางเกงให้น้องหน่อยน้า>>”
ป๊อปคลี่ยิ้มน้อยๆ พลางเอื้อมมือข้างที่ว่างไปจับผมมัดจุกแล้วบีบเบาๆ เชิงหยอกล้อหนึ่งที “<<ได้สิ พี่ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว>>”
บัตรเดบิตในมือของชายหนุ่มถูกยื่นให้กับพนักงานแคชเชียร์ในทันที เห็นตัวเลขบนหน้าจอแล้วแอบหวั่นใจเล็กๆ ไม่คิดว่าแค่กางเกงขาม้าสองตัวราคารวมกันล่อไปเกือบสามพันบาท แต่เพื่อน้องสาวคนนี้เขายอมทำให้ได้อยู่แล้ว
ใบหม่อนเดินนำหน้าพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ด้วยกิริยาท่าทางร่าเริงสดใสหลังจากที่ได้ถลุงเงินของพี่ชายไปกับกางเกงทำงานตัวใหม่สองตัวเป็นการประเดิม ในใจของหญิงสาวในตอนนี้กะอยากช็อปให้เต็มที่ในวันเกิดปีที่ยี่สิบเจ็ด แต่อีกใจหนึ่งนึกเกรงใจพี่ชายอยู่ไม่น้อยจนอยากจะควักเงินตัวเองจ่ายบ้าง
สองสาวพากันเดินไปยังโซนจำหน่ายเครื่องสำอาง ต่างชี้ชวนกันให้ลองครีมบำรุงผิว โทนเนอร์ อายไลเนอร์ แป้งรองพื้น ลิปสติก บลัชออนหลากหลายแบรนด์อย่างเพลิดเพลินตามประสาผู้หญิงจนแทบไม่สนใจชายหนุ่มคนเดียวที่ตอนนี้เดินแยกตัวไปเดินอีกโซนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันนักพอให้ได้เห็นกัน
“ปกติน้องใบหม่อนกรีดตาบ้างไหมจ๊ะ” พัชรเอ่ยปากถามขึ้นมาเมื่อมาถึงโซนที่จำหน่ายอายไลเนอร์
“ไม่อ่ะพี่พัชร หนูไม่ค่อยชอบ” ใบหม่อนส่ายหน้าปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “มันไม่เข้ากับหน้าหนูอ่ะพี่พัชร”
พัชรพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจเมื่อได้ยินคำตอบจากว่าที่น้องสะใภ้ หันไปให้ความสนใจกับอายชาโดว์ที่อยู่ตรงเชลฟ์ตรงหน้าต่อ ต่างคนต่างชี้ชวนกันหยิบมาลองกันสลับกับพูดคุยกับพนักงานขายไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วใบหม่อนอดใจไม่ไหวจัดบลัชออนสำหรับปัดแก้มและอายชาโดว์ทาขอบตามาอีกชุดหนึ่งกับเซตครีมบำรุงผิวทั้งกลางวันกลางคืน หมดไปร่วมๆ เกือบสามพัน แต่ครั้งนี้เจ้าตัวต้องเป็นคนควักเงินจ่ายเอง ขณะที่พัชรจ่ายเงินให้ในส่วนครีมบำรุงผิวพร้อมกับจัดเซตบำรุงผิวของตัวเองอีกชุดหนึ่ง
“หูยน้องใบหม่อนซื้อเยอขนาดนี้จะใช้หมดไหมเนี่ย” พัชรอดที่จะถามไม่ได้เมื่อเห็นของในมือว่าที่น้องสะใภ้
“ไม่รู้สิพี่พัชร แต่หนูก็ใช้เรื่อยๆ นะ ต่อไปหนูคงแต่งหน้าไปทำงานทุกวันแล้วล่ะค่ะพี่พัชร” เสียงใสตอบกลับมาอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ถึงแม้ปกติเป็นคนไม่แต่งหน้ามาก แต่ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องแต่งหน้าบ้างแล้ว
สองสาวพากันเดินออกมาจากโซนจำหน่ายเครื่องสำอาง พยายามชะเง้อมองหาคนตัวใหญ่ที่ตอนนี้หายไปไหนสักที่จนเริ่มรู้สึกกระวนกระวายด้วยกันทั้งคู่ ต่างคนต่างแยกกันออกเดินตามหาในบริเวณนั้น บังเอิญพัชรเห็นคนที่เป็นเป้าหมายกำลังเดินเล่นดูของตรงโซนจำหน่ายเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
“อ้าวอยู่ตรงนี้เองเหรอ เค้ากับน้องใบหม่อนหาตั้งนานแน่ะ”
เสียงหวานที่คุ้นหูดังแว่วกระทบโสตประสาทของคนตัวใหญ่พร้อมกับความรู้สึกอุ่นๆ ที่มือ ใบหน้าคร้ามหันกลับมามองเห็นคนรักยืนกุมมือส่งยิ้มหวานให้ มองผ่านเลยไปเห็นน้องสาวตัวเองยืนคลี่ยิ้มแห้งๆ อยู่ไม่ไกล
“อืม ก็ยืนรอนานๆ มันเบื่อนี่เลยเดินเล่นดูอะไรหน่อยน่ะ” ป๊อปเอ่ยตอบคนรักพลางโน้มหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าสวยหวานของคนรัก บรรจงกดจมูกโด่งราวสันเขื่อนลงบนพวงแก้มนุ่มหนึ่งที
พัชรจิกเล็บเรียวสวยบนมือหนาของชายหนุ่มเป็นเชิงปราม รู้สึกอายที่ถูกแฟนหนุ่มขโมยหอมแก้มต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ ดวงตาคู่สวยมองดุใส่คนขโมยหอมแก้มหนึ่งที
“อีตาบ้า ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอไง” เสียงหวานว่าให้ไม่จริงจังนัก “ป๊อปเล่นหายไปแบบนี้เค้ากับน้องใบหม่อนเป็นห่วงนะ ตามหาแทบแย่เลย ชิ”
“<<นั่นสิพี่ป๊อป หนูกับพี่พัชรเดินตามหาแทบแย่>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอดใส่อย่างน้อยใจระคนเป็นห่วง เหลือบตามองหน้าคนเป็นพี่ชายด้วยความรู้สึกน้อยใจเล็กๆ
ป๊อปคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นกิริยาท่าทางของคนรักกับน้องสาวที่แสดงออกให้เห็น นึกขอโทษในใจที่แยกตัวออกมาโดยไม่ยอมบอกกล่าวจนทำให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วง รู้ตัวอีกทีทั้งสามพากันเดินเลยไปจนถึงโซนจำหน่ายรองเท้าแล้ว
เมื่อใบหม่อนเห็นรองเท้าผ้าใบแบรนด์เนมรุ่นใหม่ล่าสุดวางล่อตาอยู่ตรงหน้า ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาก่อนหยิบขึ้นมาสำรวจทันทีด้วยอาการตื่นเต้น ขณะที่ป๊อปลอบยิ้มบางๆ ให้กับตัวเองพลางนึกในใจ
‘เสียเงินอีกแน่กู’
พัชรเดินแยกตัวไปดูรองเท้าวิ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ไกลนัก คิดจะซื้อติดไว้สักคู่เผื่อได้ใส่วิ่งในวันหยุดบ้าง กะจะชวนให้แฟนหนุ่มกับว่าที่น้องสะใภ้ไปวิ่งตอนเช้าบ้างดีกว่าจะมาหมกตัวอุดอู้อยู่แต่ในห้อง ใบหน้าสวยหวานแหงนขึ้นดูรองเท้าวิ่งหลากหลายรุ่นหลายแบบให้เลือกจนละลานตาไปหมด หันไปมองแฟนหนุ่มที่ตอนนี้เดินเข้าไปหาว่าที่น้องสะใภ้ที่ยืนเลือกรองเท้าผ้าใบอยู่
“<<หูยแพงจังเลยอ่ะพี่ป๊อป คู่ตั้งเจ็ดพันกว่าแน่ะ>>” เสียงใสเอ่ยกับคนเป็นพี่ชายพร้อมกับชี้ป้ายราคาให้อีกฝ่ายดู
“<<แล้วเราชอบไหมล่ะใบหม่อน ถ้าชอบก็เอาเลย พี่ซื้อให้ เอาไหม>>”
ใบหม่อนคว่ำปากลงในทันทีด้วยความรู้สึกเกรงใจคนเป็นพี่ชาย ดวงตากลมโตเหลือบมองต่ำลงก่อนตัดใจวางรองเท้าผ้าใบในมือคืนชั้นวางเหมือนเดิม รู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อยแต่ติดที่ว่าราคามันแพงเหลือเกิน
“<<ไว้ก่อนดีกว่าพี่ป๊อป หนูว่ามันแพงเกินอ่ะ>>”
ป๊อปชำเลืองมองหน้าคนเป็นน้องสาวแล้วอดเห็นใจไม่ได้ จริงอยู่ที่กำไรหุ้นของตัวเองกับเงินค่างานในบัญชีมีมากกว่าห้าแสนบาทซึ่งมากพอที่จะซื้อให้ได้ก็ตาม แต่เมื่อเห็นน้องสาวมีท่าทีแบบนี้แล้วก็ได้แต่ยิ้มรับการตัดสินใจไป
“<<แล้วอยากได้คู่ไหนไหม เดี๋ยวพี่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ดีไหมล่ะคะ>>”
“<<เดี๋ยวหนูขอคิดดูก่อนนะพี่ป๊อป มีคู่สวยๆ ถูกใจหนูหลายคู่เลยล่ะ งั้นหนูไปดูก่อนดีกว่า>>”
ร่างสูงระหงเดินจากไปยังชั้นวางรองเท้าผ้าใบรุ่นอื่นๆ ที่วางไว้บนชั้นจนละลานตาด้วยท่าทางร่าเริงอีกครั้ง ป๊อปหันไปมองตามแผ่นหลังบางที่เดินจากไปก่อนลอบยิ้มให้กับตัวเอง นึกถึงชั้นวางรองเท้าที่ห้องในตอนนี้ที่เต็มไปด้วยรองเท้าหลากหลายแบบทั้งรองเท้าทำงาน รองเท้าผ้าใบหลากหลายแบรนด์หลายสีสันของหญิงสาวที่ยึดครองพื้นที่ไว้เกือบหมด เหลือพื้นที่ให้รองเท้าผ้าใบกับรองเท้าแตะของเขาเองและพื้นที่วางรองเท้าของแฟนสาวเพียงเท่านั้น
‘เต็มชั้นแน่เลยใบหม่อน ฮิๆ ซื้อเยอะขนาดนี้จะใส่ทันไหมเนี่ย’
เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างสูงระหงเดินตรงมาหาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับรองเท้าผ้าใบสีดำสลับขาวในมือ เสียงใสของเจ้าของร่างระหงเอื้อนเอ่ยขึ้นด้วยอาการตื่นเต้น
“<<พี่ป๊อป หนูเอาคู่นี้ดีกว่า แค่สามพันบาทเอง>>”
“<<เอาจริงนะ ซื้อไปแล้วใส่ด้วยล่ะ>>” ป๊อปถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ “<<ไม่ใช่ซื้อไปแล้วไปวางทิ้งไว้เฉยๆ ล่ะ เต็มชั้นวางจนไม่มีที่แล้วเนี่ย>>”
“<<ไม่รู้ล่ะ>>” ใบหม่อนย้อนให้อย่างเป็นต่อ เพราะรู้ว่ายังไงพี่ชายก็ต้องยอมอยู่แล้ว “<<รู้อย่างเดียวว่าพี่ป๊อปต้องซื้อให้หนู เข้าใจไหม>>”
สุดท้ายแล้วป๊อปก็ต้องเสียเงินซื้อรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ให้กับคนเป็นน้องสาวด้วยความเต็มใจ บัตรเดบิตในมือถูกยื่นให้กับพนักงานแคชเชียร์ เห็นตัวเลขราคาและข้อความแจ้งเตือนเงินออกจากบัญชีผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วทำเอาคนตัวใหญ่ลอบถอนหายใจเบาๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเมื่อเห็นใบหม่อนยิ้มกว้างอย่างร่าเริงที่ตัวเองซื้อรองเท้าให้ใส่ก็ทำให้เขาลืมความกังวลใจที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ปากหยักคลี่ยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกดีใจไปกับหญิงสาวด้วย
“<<ขอบคุณมากน้าพี่ป๊อปที่ซื้อให้หนูอ่ะ>>” เสียงใสเอ่ยขอบคุณคนเป็นพี่ชายด้วยท่าทางร่าเริงมากกว่าเดิม
“<<ฮื้ม อยู่แล้วล่ะ ไม่ให้พี่ซื้อของให้น้องสาวพี่แล้วจะให้พี่ซื้อให้ใครล่ะหืม>>” ป๊อปย้อนถามกลับไป เอื้อมมือขึ้นไปจับผมมัดจุกเหนือศีรษะของหญิงสาวโยกไปมาก่อนปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว
“อ้าวป๊อป น้องใบหม่อน รอเค้านานไหมอ่ะ”
พัชรเดินเข้ามาหาสองพี่น้องที่ยืนรออยู่ไม่ไกลหลังจากจ่ายเงินซื้อรองเท้าวิ่งคู่ใหม่เสร็จ หันไปสบตาชายคนรักที่ตอนนี้คลี่ยิ้มบางๆ ให้ก่อนมองผ่านเลยไปทางว่าที่น้องสะใภ้ที่กำลังออกอาการดีใจที่ได้รองเท้าคู่ใหม่อยู่
“รอไม่นานหรอกน่าพัชร” ป๊อปเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลแผ่วเบา “ว่าแต่พัชรซื้อรองเท้าคู่ใหม่ด้วยเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิป๊อป อยากได้รองเท้าวิ่งนี่นา” เสียงหวานเอ่ยตอบด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด “เนี่ยมัวแต่อุดอู้อยู่ในห้อง วันหลังเค้าต้องชวนป๊อปกับน้องใบหม่อนออกไปวิ่งบ้างแล้ว ดูสิ ป๊อปเอาแต่หมกตัวจนอ้วนตายแล้วเนี่ย คริๆ”
ใบหม่อนหลุดขำพรืดออกมาเมื่อได้ยินว่าที่พี่สะใภ้แซะคนเป็นพี่ชาย แอบส่งสายตาแฝงความซุกซนมองไปที่ใบหน้าคร้ามที่เริ่มทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกครั้ง
‘ก็พี่ป๊อปอ้วนจริงๆ นี่นา ยอมรับความจริงหน่อยสิคะ’ หญิงสาวนึกในใจ
ป๊อปได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ รับคำของแฟนสาวแบบไม่มีทางปฏิเสธได้ เพราะชีวิตของตัวเองในทุกๆ วันเอาแต่กิน ทำงาน แล้วก็นอนแค่นั้น และบางคืนอดหลับอดนอนติดต่อกันด้วย นับตั้งแต่ออกมาเป็นฟรีแลนซ์จนถึงปีนี้เป็นเวลาสามปีแล้วที่ชีวิตของเขาวนลูปแบบนี้ จะมีโอกาสได้ออกไปข้างนอกบ้างเพียงแค่ประชุมงานหรือนัดทานข้าว นัดเที่ยวกับแฟนสาวเท่านั้น จวบจนวันที่ใบหม่อนลงมาอยู่ด้วยก็ยังเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องเหมือนเดิมถึงแม้จะเริ่มออกไปข้างนอกมากขึ้นก็ตาม ผิดกับเมื่อครั้งที่ยังทำงานประจำอยู่ที่ได้มีเวลาออกไปเดินเล่นไกลๆ ก่อนเข้างานบ้าง
“ถ้าพัชรชวนเราไปวิ่งก็ดีเหมือนกันนะ”
“อย่าขี้เกียจล่ะป๊อป ออกกำลังกายบ้างเผื่อป๊อปจะได้ผอมลงบ้างไง คริๆ”
“ดีเลยค่าพี่พัชร เนี่ยหนูคิดว่าว่างๆ อยากชวนพี่ป๊อปออกไปตีแบตฯ อนเย็นเหมือนกัน หนูอยากเห็นพี่ป๊อปตีแบตฯ อ่ะ ตลกดี คริๆ” ใบหม่อนอาศัยจังหวะแทรกบทสนทนาระหว่างพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้เข้าไปได้อย่างแนบเนียน
ป๊อปปรายตามองหน้าทะเล้นของคนเป็นน้องสาวแล้วได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ยอมรับว่าตัวเองตีแบตฯ แทบไม่เป็นเลยเพราะไม่เก่งกีฬามาตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว ทุกครั้งที่น้องสาวชวนให้เขาเล่นแบตฯ ด้วยมักจบที่เสียงหัวเราะเชิงล้อเลียนของอีกฝ่ายเพราะด้วยความที่เขาใช้มือซ้ายตีและทำท่าเก้ๆ กังๆ จนชวนให้รู้สึกขบขัน และแน่นอนว่าเขาแพ้น้องสาวของเขาหลุดลุ่ยทุกแมตช์ทุกตา ถึงอย่างนั้นก็ตามเขาก็เต็มใจที่จะเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวคนนี้จวบจนวันที่เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและห่างๆ กันไปเป็นเวลานานกว่าหกเจ็ดปีแล้ว
“ดีเลยจ้าน้องใบหม่อน พี่อยากตีแบตฯ เหมือนกัน นี่ๆๆ ไว้วันหยุดดีกว่าไหมจ๊ะ”
“ดีๆๆ จ้าพี่พัชร”
เสียงใสขานรับว่าที่พี่สะใภ้อย่างเห็นดีเห็นงาม หันมาหาคนเป็นพี่ชายที่ยังเหลือร่องรอยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้เห็นบนใบหน้า กลีบปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับส่งสายตาแฝงความขี้เล่นอยู่ในที
“<<พี่ป๊อปต้องมาตีแบตกับพวกหนูด้วย เข้าใจไหม>>”
“<<อืมๆ ได้>>” มีหรือที่ป๊อปจะปฏิเสธแม้จะรู้ชะตากรรมของตัวเองดี “<<ถ้าพี่เล่นด้วยแล้วอย่ามาบ่นพี่ละกัน เข้าใจไหมคะใบหม่อนหน้ากลม>>”
รอยยิ้มอันสดใสหุบลงอย่างรวดเร็ว คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน จมูกโด่งเชิดรั้นย่นขึ้นจนเห็นริ้วรอยชัดเจน ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงฉายแววดุใส่
“<<ย่ะ อีพี่ชายบ้า>>” เสียงใสสะบัดพรืดใส่ “<<ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะพี่ป๊อป ใช่สิ หน้าหนูไม่ได้เรียวแบบพี่พัชรนี่>>” พูดจบแล้วส่งค้อนวงใหญ่ให้คนปากสว่างหนึ่งที
“<<ฮิๆ พอๆ ไปกันเถอะ หิวยังล่ะใบหม่อน>>” คนโดนมองค้อนใส่หัวเราะออกมาอย่างไม่ยี่หระ
“<<ไม่ต้องเลยพี่ป๊อป หนูไม่คุยด้วยแล้ว ชิ>>”
ใบหม่อนสะบัดบ๊อบใส่คนเป็นพี่ชายในทันที ยังรู้สึกงอนไม่หายหลังจากโดนคนเป็นพี่ชายพูดล้อเลียนถึงแม้ว่าตัวเองจะอยู่ในสถานะที่เป็นต่อเพราะยังไงอีกฝ่ายก็ต้องยอมให้อยู่แล้วก็ตาม
ทั้งสามพากันเดินผ่านร้านรวงต่างๆ ไปจนถึงร้านจำหน่ายรองเท้าแบรนด์เนมร้านหนึ่ง พัชรไม่รอช้ารีบเดินนำสองพี่น้องเข้าไปข้างในทันที ไม่ลืมที่จะคว้าข้อมือใหญ่ของคนรักไว้ด้วยราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินแยกตัวออกไปอีก จนมาถึงข้างในร้านที่รายล้อมไปด้วยรองเท้าสำหรับสุภาพสตรีรูปแบบต่างๆ ส่วนใหญ่เน้นไปทางรองเท้าใส่ทำงานหลากหลายรูปแบบที่วางบนชั้นวางให้ละลานตาไปหมด
พัชรไม่รอช้าเดินไปตรงโซนจำหน่ายรองเท้าบูทในทันที ในใจของหญิงสาวคิดอยากได้รองเท้าคู่ใหม่อยู่พอดีเพราะคู่ที่ใส่อยู่ในตอนนี้เริ่มพังจนซ่อมไปหลายครั้งทั้งลงมือซ่อมเองกับส่งร้านซ่อม ล่าสุดเพิ่งหยอดกาวร้อนไปเพราะพื้นรองเท้าเริ่มเปิดแล้ว หญิงสาวเลือกรองเท้าบูทแบบครึ่งน่องรูปทรงเหมือนกับคู่เดิมที่เจ้าตัวใส่อยู่และง่วนไปกับการลองรองเท้าคู่ที่เลือกไว้โดยมีพนักงานในร้านคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
ขณะที่ใบหม่อนเดินแยกไปดูรองเท้าคัชชูอยู่อีกด้านหนึ่ง ยังไงจะไม่ใส่ส้นสูงเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็น แต่ดูแล้วไม่เจอคู่ที่ถูกใจสักทีเพราะมีแต่แบบส้นสูงทั้งนั้น ไม่มีแบบส้นแบนที่ตัวเองอยากได้ให้เลือกเลยแม้แต่คู่เดียวจนเจ้าตัวออกอาการผิดหวัง รีบเดินกลับมาหาคนเป็นพี่ชายที่นั่งดูว่าที่พี่สะใภ้ลองใส่รองเท้าคู่ใหม่อยู่
“<<อ้าวใบหม่อน ไม่ไปดูรองเท้าแล้วเหรอ>>”
ป๊อปเอ่ยถามขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงยุบตัวของเบาะข้างๆ ตัว เห็นร่างสูงระหงเพิ่งหย่อนตัวลงนั่งพร้อมกับหยิบสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินขึ้นมาเขี่ยหน้าจอเล่น
“<<ไปดูแล้วอ่ะพี่ป๊อป มีแต่ส้นสูงทั้งนั้นเลยหนูไม่ชอบอ่ะ>>” ใบหม่อนเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอดใส่ก่อนโน้มหน้าเข้ามาซบกับท่อนแขนแกร่งของคนเป็นพี่ชาย “<<อีกอย่างหนูยังไม่อยากได้รองเท้าทำงานหรอกพี่ป๊อป ปกติหนูก็ใส่ผ้าใบไปทำงานอยู่แล้วนี่นา>>”
มือหนาเอื้อมไปลูบบนพวงแก้มป่องของคนเป็นน้องสาวด้วยความรู้สึกเอ็นดู ปากหยักได้รูประบายยิ้มพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งยังเด็กที่น้องสาวของเขามักชอบเอาหน้ามาซบอกกับแขนของเขาทุกครั้งยามเมื่อได้อยู่ด้วยกันถึงแม้จะมีห่างๆ กันไปบ้างเมื่อต่างคนต่างโตขึ้นและด้วยช่องว่างระหว่างวัยที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แต่วันนี้หญิงสาวกลับมาทำกิริยาแบบนี้กับเขาอีกครั้งจนทำให้อดที่จะนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งก่อนไม่ได้จนเผลอยิ้มออกมาคนเดียว
“ป๊อปว่าคู่นี้สวยไหม”
เสียงหวานที่คุ้นหูปลุกให้คนตัวใหญ่หลุดจากภวังค์ความคิดออกมา ชำเลืองมองไปทางหญิงคนรักที่ส่งสายตามองมาราวกับเด็กน้อยรอคำตอบอยู่
นัยน์ตาสองชั้นหลบเหลือบมองรองเท้าบูทส้นสูงหนังสีดำมันปล๊าบสูงครึ่งน่องทรงหัวตัดในมือของคนรักอย่างประเมิน มันช่างเหมือนกับคู่เดิมที่หญิงสาวสวมอยู่ในตอนนี้ราวกับถอดแบบกันมา รู้ได้ทันทีว่าแฟนสาวเลือกที่จะซื้อรองเท้าแบบเดิมทั้งที่ได้ลองแบบอื่นมาแล้วก็ตาม
“ไม่สวยได้ไงล่ะพัชร มันเหมือนคู่เดิมที่พัชรใส่อยู่นี่นา”
พัชรคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับพ่นลมหายใจหนึ่งที เหลือบมองรองเท้าคู่ใหม่ที่อยู่ในมือ กลีบปากเรียวสวยผุดยิ้มพราวขึ้นมา “ใช่แล้วล่ะป๊อป ไม่มีคู่ไหนถูกใจเค้าเหมือนกับคู่นี้นี่นา ป๊อปก็รู้นี่ว่าเค้าไม่ชอบใส่รองเท้าปลายแหลม มันบีบเท้าเค้าน่ะ”
ยังไม่ทันที่ป๊อปจะได้อ้าปากพูดอะไรต่อ เสียงใสของคนที่ซบแขนของเขาเอ่ยแทรกขึ้นมาหน้าตาเฉย
“พี่พัชรไม่เบื่อบ้างเหรอคะ ใส่แต่รองเท้าบูทเนี่ย หนูเห็นแล้วอึดอัดแทนเลย”
“ไม่หรอกจ้าน้องใบหม่อน” พัชรคลี่ยิ้มหวานขึ้นมา “พี่ชอบของพี่แบบนี้แหละ มันเรียบร้อยทะมัดทะแมงดี ไม่ต้องกลัวรองเท้าหลุดตอนเดินด้วย”
สุดท้ายแล้วพัชรตัดสินใจเลือกรองเท้าคู่ใหม่คู่นี้เพราะถูกใจตั้งแต่แรกเห็นและใส่สบายที่สุดเมื่อเทียบกับคู่อื่น ทั้งสามพร้อมใจกันลุกขึ้นพากันเดินไปยังแคชเชียร์ ขณะที่รองเท้าคู่ใหม่ถูกส่งให้พนักงานร้านนำไปแพ็กกล่องเตรียมไว้ก่อน
พัชรหยิบบัตรเดบิตขึ้นมาเตรียมยื่นไปยังพนักงานเครื่องแคชเชียร์ แต่ป๊อปกลับเบรกไว้เสียเฉยๆ พร้อมกับยื่นบัตรเดบิตในมือของตัวเองให้พนักงานแคชเชียร์แทน
“พัชรไม่ต้องจ่ายหรอก เราซื้อให้เอง”
บัตรเดบิตของชายหนุ่มถูกรูดไปกับเครื่องด้วยฝีมือของพนักงานแคชเชียร์ก่อนถูกส่งคืนกลับมาพร้อมกับถุงใส่กล่องรองเท้าและคำขอบคุณจากพนักงาน มือหนารับถุงใส่กล่องรองเท้าก่อนส่งต่อให้กับคนเป็นเจ้าของที่หันมาส่งยิ้มหวานให้
“ขอบคุณมากนะป๊อป” เสียงหวานเอ่ยขอบคุณหลังจากรับถุงใส่กล่องรองเท้าจากมือของชายคนรัก กลีบปากเรียวบางสวยได้รูปยังยิ้มไม่หุบ “ที่จริงป๊อปไม่ต้องจ่ายให้ก็ได้นะ มันแพงมากเลยเค้าเกรงใจน่ะ”
“หึๆ” ป๊อปหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกับยักไหล่ขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก เราเต็มใจซื้อให้น่ะ”
ใบหม่อนได้ฟังดังนั้นถึงกับเบะปากมองบนด้วยอาการหมั่นไส้ในคำพูดของคนเป็นพี่ชาย อดไม่ได้ที่จะแขวะออกมา
“<<แหวะ จะอ้วก!!! ทีกับพี่พัชรนี่แหมรีบควักตังค์ให้เลยนะ ทีกับน้องกับนุ่งไม่มีแบบนี้บ้างเลย>>”
เสียงหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างไม่ยี่หระดังแว่วออกมาผ่านปากหยักได้รูปภาพใต้หนวดเครารกครึ้มที่กำลังผุดยิ้มบางๆ มือหนาเอื้อมขึ้นมาเหนือศีรษะสวยได้รูปของคนที่เพิ่งแขวะไปเมื่อสักครู่ แต่คราวนี้ไม่แม้แต่จะเอื้อมมือไปจับผมมัดจุกโยกเล่นเหมือนกับครั้งก่อนๆ แต่กลับกลายเป็นมะเหงกลูกเขื่องชนเข้ากับหน้าผากโค้งมนสวยอย่างเบามือราวกับว่าแค่สะกิดเท่านั้น
“<<ไม่ต้องมาแขวะพี่เลยนะคะใบหม่อน พี่ก็เปย์ให้เราแบบเดียวกันแหละ แค่เราคนเดียวก็ล่อไปเจ็ดพันแล้วล่ะ หึๆๆ>>”
“<<พี่ป๊อปอ่ะ>>” ใบหม่อนย่นจมูกขึ้นปรายตามองด้วยสายตาแสดงความรู้สึกน้อยใจ “<<แค่นี้ทำไมต้องเขกหัวหนูด้วย>>”
ป๊อปไม่พูดอะไรอีกนอกจากทำท่าโคลงศีรษะคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนหันไปให้ความสนใจกับแฟนสาว ปล่อยให้คนเป็นน้องสาวนึกเต้นแร้งเต้นกาในใจด้วยความรู้สึกถึงความเป็นผู้พ่ายแพ้ในเกมนี้โดยสมบูรณ์แบบ
.....................................................................................................
สองสาวพากันเดินช็อปปิ้งกันอย่างเพลิดเพลินตามประสาผู้หญิงจนรู้ตัวอีกทีบรรดาถุงสกรีนโลโก้แบรนด์เนมต่างๆ ที่ล้วนแต่เป็นเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอางและของใช้จุกจิกต่างแขวนอยู่ในมือของคนตัวใหญ่ที่ต้องรับหน้าที่ถือของให้จนแทบจะเต็มไม้เต็มมือแล้ว
“น้องใบหม่อนจ๊ะ พี่ว่าพอแค่นี้ก่อนไหม เนี่ยดูสิพี่ชายของน้องใบหม่อนถือของจนเต็มมือแล้วล่ะจ้ะ”
กลายเป็นพัชรที่ต้องเป็นคนเบรกว่าที่น้องสะใภ้เสียเองหลังจากตระเวนช็อปจนแทบไม่มีมือให้ถือถุงแล้ว
ใบหม่อนเบะปากขึ้นพลางกลอกตาขึ้นมองบน ชำเลืองมองไปทางคนถือของที่ทำสีหน้าชวนให้คาดเดาได้ยากว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เริ่มรู้สึกเกรงใจคนเป็นพี่ชายที่ต้องเป็นคนออกเงินให้แทบจะทุกอย่างยกเว้นเครื่องสำอาง ซ้ำยังต้องมาเป็นคนถือของให้อีก ลำพังของของเจ้าตัวได้กินพื้นที่ในมือของคนเป็นพี่ชายจนเกือบหมดแล้ว ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยช้อนขึ้นมองเข้าไปในดวงตาสองชั้นหลบของคนเป็นพี่ชาย ทำท่ากระมิดกระเมี้ยนส่งเสียหัวเราะเบาๆ แก้เขิน
“<<แหะๆ หูยเต็มมือเลยอ่ะพี่ป๊อป น้องขอโทษน้ามันเพลินจริงๆ นี่นา>>”
“<<ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักคำนี่คะใบหม่อน>>” ป๊อปแค่นยิ้มบางๆ ยังไงก็โกรธน้องสาวคนนี้ไม่ลงอยู่แล้ว
กลายเป็นใบหม่อนที่เป็นฝ่ายหน้าชาเองเมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นพี่ชาย จริงอยู่ที่อีกฝ่ายยอมเจ้าตัวมาตลอด แต่ครั้งนี้รู้สึกได้ว่าเจ้าตัวเริ่มเกินเลยคำว่าจุดเกรงใจมากไปเหมือนกันเมื่อเล่นถลุงเงินของพี่ชายไปเป็นหมื่นกับเสื้อผ้าและของกระจุกกระจิกตามประสาผู้หญิง มีเพียงชุดเครื่องสำอางเท่านั้นที่ใช้เงินของตัวเองจ่าย
ป๊อปสังเกตสีหน้าของคนเป็นน้องสาวแล้วอดที่จะกลั้นขำไม่ได้เสียเอง ที่จริงแล้วที่ตัวเองเริ่มหน้าบึ้งเพราะไม่ใช่เสียเงินไปเป็นหมื่น แต่เพราะหนักของที่ถืออยู่ในมือทั้งสองข้างจนไม่มีมือว่างแล้ว และของแต่ละชิ้นก็ไม่ใช่เบาๆ เลยแม้แต่น้อย
“<<มาๆ งั้นน้องช่วยถือของให้ ถือเป็นการไถ่โทษละกันน้า>>”
คราวนี้ใบหม่อนรีบกุลีกุจอเข้ามาแย่งของของตัวเองจากมือข้างหนึ่งของคนเป็นพี่ชายไปถือเองในทันทีพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในมือของชายหนุ่มค่อยๆ หมดไปเมื่อจู่ๆ คนเป็นเจ้าของมาแย่งของไปถือเอง รู้สึกดีขึ้นทันตาเห็นหลังจากต้องเดินถือของหนักอยู่เป็นเวลานาน
“<<ใบหม่อนหิวไหม จะให้พาไปกินร้านไหนล่ะ>>”
ไม่เอ่ยถามเปล่าๆ เมื่อมือข้างหนึ่งที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระเอื้อมขึ้นมาจับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยได้รูปโยกไปมาเชิงหยอกล้อ ตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ
ใบหม่อนกลอกตามองบนอยู่สักพักหนึ่ง แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงอยู่เหนือศีรษะตัวเองจนรำคาญมากกว่า
“<<อย่าเล่นผมหนูสิพี่ป๊อป>>” เสียงใสแว้ดใส่คนเป็นพี่ชาย “<<หนูยังไม่ค่อยหิวหรอก หนูว่าซื้ออะไรกลับไปทำกินกันที่ห้องดีกว่าพี่ป๊อป หนูอยากฉลองวันเกิดกับพี่ป๊อปพี่พัชรสามคนอ่ะ>>”
“<<เอางั้นเหรอ>>” ป๊อปถามซ้ำอีกทีหนึ่งด้วยท่าทางไม่เชื่อใจนัก รู้สึกแปลกใจเพราะปกติแล้วสาวเจ้ามักอ้อนให้เขาพาไปกินข้าวตามร้านต่างๆ มากกว่าจะกลับไปกินที่ห้อง
หญิงสาวพยักหน้ายืนยันความตั้งใจอีกหนึ่งทีพร้อมกับเผยให้เห็นกลีบปากอวบอิ่มได้รูปกำลังคลี่ยิ้มน้อยๆ ดวงตากลมโตคู่สวยเปล่งประกายเว้าวอนจนคนตัวใหญ่คลายความสงสัยลงไปเสียสิ้น ปากหยักได้รูปบนใบหน้าคร้ามระบายยิ้มบางๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาพรืดยาว หันไปหาแฟนสาวก่อนสบตาและยิ้มให้กันและกันอย่างรู้ใจว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
ทั้งสามพากันไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ชั้นล่างสุดของห้างพร้อมกับรถเข็นที่ต้องแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งให้กับบรรดาสารพัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและของจุกจิกของทั้งสองสาวจนแทบจะไม่มีที่ให้วางจนต้องเอารถเข็นอีกคนหนึ่งมา และก็เป็นหน้าที่ของทั้งสองพี่น้องที่ต้องเข็นรถเข็นไปคนละคัน ปล่อยให้พัชรทำหน้าที่จ่ายตลาดไป...
เวลาผ่านไปไม่นานนัก สารพัดวัตถุดิบต่างๆ สำหรับปรุงอาหารมื้อพิเศษยามเย็นวันนี้ถูกนำมาใส่รถเข็นคันที่ว่างจนเกือบเต็มพื้นที่ ทั้งเนื้อหมูสันในชิ้นโตสำหรับทำสเต็ก ผักต่างๆ น้ำสลัดและเครื่องปรุงน้ำซอส กับวัตถุดิบอื่นๆ สำหรับปรุงอาหารประจำวัน และเครื่องดื่มที่เป็นเพียงน้ำอัดลมหลากสีเท่านั้น เพราะว่า...
“<<พี่ป๊อป พี่พัชร วันนี้วันเกิดน้อง ห้ามกินเหล้ากินเบียร์เด็ดขาด เข้าใจไหม>>”
ใบหม่อนออกคำสั่งเฉียบขาดกับพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ด้วยท่าทางจริงจัง จนคนที่ออกอาการเซ็งมากที่สุดหนีไม่ป๊อปที่แสดงออกทางสีหน้าให้เห็นชัดเจน แต่ไม่กล้าขัดใจคนเป็นน้องสาวอยู่แล้ว ได้แต่ผ่อนลมหายใจเบาๆ ขับไล่ความรู้สึกเซ็งให้ออกไป
หลังจากช็อปปิ้งเสร็จภายในเวลาเกือบสองชั่วโมง รู้ตัวอีกทีทั้งสามพากันเข็นรถเข็นทั้งสองคันที่เต็มไปด้วยสัมภาระมากมายมายังชั้นที่รถเอสยูวีสีดำคันใหญ่จอดนิ่งสงบท่ามกลางหมู่รถยุโรปแบรนด์หรูที่จอดเรียงรายใกล้ๆ กัน ป๊อปก้มลงล้วงรีโมตกุญแจขึ้นมายิงปลดล็อกรถก่อนเดินตรงรี่ไปยังด้านหลัง กดปุ่มเปิดประตูท้ายขึ้นมาให้สองสาวเข็นรถเข็นเข้ามาใกล้ๆ จัดแจงวางเรียงของจนเต็มพื้นที่ด้านหลัง ต้องแบ่งของส่วนหนึ่งที่ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้ากับของจุกจิกไปไว้ยังเบาะหลัง
ป๊อปเดินกลับไปนั่งประจำที่นั่งคนขับอีกครั้ง รอเพียงเจ้าของวันเกิดกับแฟนสาวขึ้นมานั่งยังเบาะข้างคนขับและเบาะหลังตามลำดับ เสียงเครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงหน้าส่งเสียงคำรามดังก้องกระหึ่มราวกับยกโรงสีข้าวมายังอาคารจอดรถพร้อมทำหน้าที่พาเอสยูวีเจ็ดที่นั่งคันใหญ่เคลื่อนตัวออกไปในที่สุด...
..........................................................................
ป๊อปสอดส่ายสายตามองหาช่องจอดที่ว่างอยู่ แต่กลับกลายเป็นว่ามีรถจอดแน่นขนัดเต็มไปหมด วนแล้ววนอีกก็ยังหาช่องจอดว่างๆ ไม่ได้สักที่จนเริ่มมีอาการหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ใบหม่อนชำเลืองมองใบหน้าคร้ามของพี่ชายที่เริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาแล้วพลันย่นจมูกขึ้น เข้าใจความรู้สึกของพี่ชายเป็นอย่างดีเพราะบ่อยครั้งที่ตัวเองขับรถไปทำงานสายๆ มักจะต้องเสียเวลาวนหาที่จอดรถแบบนี้เหมือนกัน เผอิญเห็นรถเก๋งเล็กคันหนึ่งกำลังจะถอยออกมาพอดี ไม่รอช้ารีบเอื้อมมือเล็กไปสะกิดท่อนแขนของคนขี้หงุดหงิดเบาๆ
“<<พี่ป๊อปๆ ช่องนี้จะว่างแล้ว รอคันนั้นออกก่อนน้า>>”
ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงใสบอกให้รอช่องจอดที่กำลังจะว่างในไม่ช้า เมื่อรถเก๋งคันเล็กตรงหน้าเคลื่อนตัวออกไปแล้ว มือซ้ายรีบเข้าเกียร์ออกตัวก่อนสาวพวงมาลัยพาให้ยานพาหนะคู่ใจเสียบเข้าช่องจอดได้อย่างพอดิบพอดี...
ทั้งสามพากันเดินเข้าไปในบริเวณพื้นที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี แต่เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปข้างในเท่านั้นแทบจะหันหลังกลับในทันทีเพราะวันนี้ผู้คนมาสักการะเจ้าพ่อหลักเมืองกันอย่างเนืองแน่นจนแทบจะไม่มีที่เดิน
ดวงตากลมโตคู่สวยของเจ้าของวันเกิดเริ่มฉายแววท้อขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพความพลุกพล่านตรงหน้า หันไปมองหน้าพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้เชิงขอความเห็นอะไรบางอย่าง
“<<จะกลับดีไหมอ่ะพี่ป๊อป ไว้ค่อยมาไหว้วันหลังก็ได้นะ>>” ถามเสียงกระเง้ากระงอดใส่คนเป็นพี่ชาย
“<<เฮ้ย เอาน่า เข้าไปไหว้เถอะอุตส่าห์มาแล้ว เราอยากมาไหว้ไม่ใช่เหรอ>>”
ป๊อปบีบมือเรียวเล็กที่กุมอยู่เบาๆ พร้อมพยักหน้าเชิงให้กำลังใจ ขณะที่พัชรหันไปส่งยิ้มให้กับว่าที่น้องสะใภ้เชิงให้กำลังใจเช่นกัน
“เข้าไปกันเถอะ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินนำหน้าสองพี่น้องเข้าไปยังพื้นที่หน้าศาลที่ตอนนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนจนแทบจะไม่มีที่เดิน ทั้งสามพากันเดินไปยังจุดจำหน่ายเครื่องสักการะของศาล ครั้งนี้ใบหม่อนตัดสินใจซื้อเครื่องสักการะชุดใหญ่เพราะยังไงรู้ว่าพี่ชายเป็นคนจ่ายเงินให้อยู่แล้ว
“<<พี่ป๊อปจ่ายเงินให้หนูด้วย>>” เสียงใสออกคำสั่งกับคนเป็นพี่ชายพร้อมกับยื่นเครื่องสักการะชุดใหญ่ที่ตัวเองซื้อให้คนเป็นพี่ชายดู แอบกลั้นขำไว้แทบไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอีกฝ่าย
“<<ห๊า ตั้งห้าร้อยเลยเหรอ>>”
“<<นะๆๆๆๆๆ วันนี้วันเกิดน้องน้า ซื้อให้น้องหน่อยน้าพี่ป๊อป พี่ชายสุดที่รัก คริๆ>>”
ใบหม่อนไม่ยอมแพ้เมื่อส่งสายตาแฝงความซุกซนปนอ้อนกับกิริยาท่าทางน่ารักน่าชังที่ชวนให้ใจละลายทุกครั้งที่ได้เห็น ไม่ใช่ป๊อปคนเดียวที่ต้องยอมแพ้ แม้แต่พัชรที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วยยังต้องยอมแพ้ให้กับลูกอ้อนของว่าที่น้องสะใภ้คนนี้
แบงก์ห้าร้อยกับแบงก์ร้อยสองใบสำหรับเครื่องสักการะชุดใหญ่หนึ่งชุดกับเครื่องสักการะชุดรองลงมาอีกสองชุดถูกหย่อนใส่ตู้บริจาคที่อยู่ตรงหน้าก่อนพากันไปจุดธูปไหว้ตามจุดต่างๆ ที่ทางศาลกำหนดให้ท่ามกลางบรรยากาศที่เบียดเสียดไปด้วยผู้คนที่มาไหว้อย่างหนาแน่น กว่าจะผ่านไปได้แต่ละจุดค่อนข้างยากลำบากไหนมือทั้งสองข้างถือเครื่องสักการะที่ซื้อมา ไหนจะต้องจุดธูปจุดเทียนอีก ขณะที่ป๊อปคอยชำเลืองมองซ้ายมองขวาด้วยกลัวว่าน้องสาวกับแฟนสาวจะพลัดหลงระหว่างทาง จนเมื่อมาถึงเทวรูปจำลองสำหรับปิดทอง ทั้งสามพากันไปปิดทองเทวรูปจำลองคนละมุมแต่ไม่ไกลกันมากนัก และแล้วเวลาแห่งความยากลำบากสำหรับพัชรก็ได้มาถึงเมื่อต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไปไหว้องค์เจ้าพ่อหลักเมืององค์จริงด้านในตัวศาล
ร่างบางก้มลงนั่งตรงยกพื้นใกล้ๆ ทางเข้าศาล หันมาฝากพวงมาลัยให้กับแฟนหนุ่มก่อนก้มลงเลิกขากางเกงยีนขึ้นปลดซิปถอดรองเท้าบูทที่สวมอยู่ออกมาวางไว้ใกล้ๆ กับรองเท้าผ้าใบราคาแพงของว่าที่น้องสะใภ้ ลุกขึ้นเดินตามทั้งสองเข้าไปข้างใน
ทั้งสามพากันนั่งคุกเข่ารวมกันในมุมหนึ่งในบริเวณศาลประดิษฐานเจ้าพ่อหลักเมืององค์จริงที่ค่อนข้างแคบพอสมควร ประจวบเหมาะกับเจอความหนาแน่นของผู้คนที่มาไหว้เรื่อยๆ ต่างคนต่างยกมือไหว้ขอพรต่อองค์เจ้าพ่อหลักเมืองตรงหน้าด้วยความสงบ จิตใจน้อมระลึกถึงคำอธิษฐานที่ส่งไปให้เจ้าพ่อหลักเมืองได้รับรู้
ใบหม่อนนั่งพนมมือหลับตาอธิษฐานขอพรอยู่นานพอสมควรก่อนลืมตาขึ้น ลุกขึ้นนำคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้นำพวงมาลัยไปวางยังพานที่อยู่ด้านนอกราวเหล็กกั้นระหว่างเทวรูปทั้งสองกับพื้นที่สักการะ พร้อมใจกันก้มลงกราบอีกหนึ่งครั้งก่อนลุกเดินออกมายังบริเวณรอบๆ ตัวศาลหลักที่เป็นเก๋งจีนหลังใหญ่ครอบไว้
“<<พี่ป๊อป ถ่ายรูปให้หนูหน่อยสิ>>” ใบหม่อนได้โอกาสอ้อนคนเป็นพี่ชายพร้อมกับยื่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินที่เปิดโหมดกล้องรอไว้พร้อม
มีหรือที่ป๊อปจะปฏิเสธคำขอของน้องสาวลง มือหนาเอื้อมมารับสมาร์ทโฟนจากอีกฝ่ายมาตั้งท่าเตรียมถ่ายรูปคนเป็นเจ้าของที่เริ่มโพสท่ารอ รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าสวยหวานที่ฉีกกว้างจนเห็นฟันเหล็กครบทุกซี่พร้อมกับลักยิ้มที่บุ๋มลงไปอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตคู่สวยหยีลงเป็นรูปสระอิเปล่งประกายสดใสสู้กล้องให้คนเป็นพี่ชายได้เก็บภาพเต็มที่ จนเมื่อถ่ายรูปภายในศาลจนหนำใจแล้ว...
ทั้งสามพากันเดินออกจากตัวศาลมายังตรงที่วางรองเท้าไว้ ขณะเดียวกันพัชรก้มลงเลิกขากางเกงพร้อมกับยัดขาเรียวสวยเข้าไปในรองเท้าบูทหนังสีดำที่วางอยู่ แต่ครั้งนี้ไม่รูดซิปขึ้นเผื่อต้องถอดอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ใบหม่อนเดินนำหน้าพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ไปยังศาลาที่แขวนระฆังมหามงคลใบใหญ่ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก เมื่อไปถึงทั้งสามต่างควักแบงก์ยี่สิบขึ้นมาพนมมือไหว้อธิษฐานอยู่สักพักก่อนหย่อนลงตู้ทำบุญตีระฆังไป แล้วก็เป็นใบหม่อนที่ลงมือลั่นระฆังขอพรเอง
ป๊อปหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดโหมดถ่ายวีดีโอแบบสโลว์โมชั่นรอไว้ เมื่อพร้อมแล้ว มือเล็กทั้งสองข้างของหญิงสาวจับไปที่ท่อนซุงขนาดใหญ่โยกออกมาก่อนปล่อยให้พุ่งเข้าไปชนที่ตัวระฆังส่งเสียงก้องกังวานกระหึ่มไปทั่วบริเวณสามครั้ง เมื่อตีครั้งสุดท้ายจบลงพร้อมกับโหมดวีดีโอของชายหนุ่มได้ถูกปิดลง หญิงสาวยืนหลับตาพนมมือขอพรอีกครั้งหนึ่งก่อนผละออกมา
“<<พี่ป๊อป พี่พัชรจะตีระฆังด้วยไหม>>” หญิงสาวทำท่าเอียงคอน่ารักเอ่ยถามพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้
ทั้งสองหันไปมองหน้ากันเชิงถามความเห็นก่อนพยักหน้าและยิ้มให้กัน ไม่รอช้าเดินไปตรงจุดที่ให้ยืนตีระฆังทันที ทั้งสองช่วยกันจับท่อนซุงใหญ่ที่แขวนอยู่ให้พุ่งไปหาตัวระฆังตรงหน้าที่ส่งเสียงกระหึ่มกังวานขึ้นมาจำนวนสามทีอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ใบหม่อนยืนเก็บภาพด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือก่อนแอบส่งไปให้ครอบครัวดูผ่านแอพพลิเคชั่นสีเขียว
หลังจากลั่นระฆังเสร็จก็เป็นเวลาเดินเที่ยวภายในบริเวณศาลพร้อมกับเก็บรูปโดยที่ป๊อปทำหน้าที่เป็นตากล้องให้กับทั้งสองสาวเหมือนกับทุกครั้ง เมื่อเดินผ่านอาคารรูปมังกรเล่นน้ำหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้ากับบรรดาผู้รอเข้าชมที่ต่อคิวเข้าเป็นแถวยาวเหยียดถึงห้องจำหน่ายบัตรตรงหน้า ป๊อปไม่รีรอที่จะหันไปถามเจ้าของวันเกิดที่ตอนนี้ย่นจมูกขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าเบ้เมื่อได้เห็นจำนวนคนตรงหน้า
“<<ใบหม่อนจะเข้าไปดูไหม>>”
“<<หึ ไปถ่ายรูปตรงอื่นดีกว่า>>” เสียงใสเอ่ยปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดเมื่อเห็นแถวยาวเหยียดตรงหน้า
“นั่นสิป๊อป นี่ก็จะเที่ยงแล้วอ่ะ หาข้าวกินด้วยดีกว่า” พัชรพูดเสริมขึ้นมา คิ้วเรียวสวยยังขมวดมุ่นอยู่
ได้ฟังดังนั้นแล้วป๊อปไม่รอช้ารีบพาทั้งสองเดินออกไปยังบริเวณด้านนอกตรงลานประติมากรรมจีนใกล้ๆ กับตัวอาคารทันที ไม่ลืมที่จะชักภาพสองสาวที่พร้อมใจกันแอ็กท่าแข่งกันอย่างสุดฤทธิ์สู้กล้องเต็มที่
“<<พี่ป๊อปมาถ่ายรูปกับหนูนี่>>”
ใบหม่อนไม่รอให้พี่ชายได้ตอบอะไร มือเล็กรีบคว้าข้อมือใหญ่ดึงเข้ามาหาตัวในทันที ทำเอาป๊อปแทบจะลอยหวือตามแรงดึงจนตั้งตัวไม่ติด ไม่ต้องพูดอะไรมากเมื่อหญิงสาวทำท่าเกาะแขนซบไหล่กว้างของคนเป็นพี่ชาย ส่งยิ้มสดใสสู้กล้องที่ตอนนี้พัชรเป็นคนลั่นชัตเตอร์อยู่ ขณะที่ป๊อปได้แต่ยิ้มบางๆ ยืนแข็งทื่อเป็นตอไม้ตามประสาคนที่ไม่ค่อยชอบออกสื่อให้น้องสาวได้ซบไหล่ตัวเองเต็มที่
“ป๊อปยิ้มหน่อยสิ” เสียงหวานของตากล้องออกคำสั่ง “ป๊อปถ่ายรูปทีไรชอบทำหน้านิ่งทุกทีเลย”
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มกว้างขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งจากคนรัก พร้อมกับยกแขนทำท่าหัวใจคู่กับคนเป็นน้องสาวสู้กล้องอีก และทำท่าอีกหลายท่าตามคำสั่งของคนที่ตัวเองไม่กล้าขัดใจจนได้รูปสวยๆ ไปอีกสี่ห้ารูปในเวลาต่อมา
“พี่พัชรมาถ่ายกับพี่ป๊อปบ้างค่า”
ร่างบางเดินเข้ามาหาว่าที่น้องสะใภ้อย่างเร็วไว ส่งสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินคืนให้กับคนเป็นเจ้าของก่อนเดินเข้ามาโอบเอวใหญ่ของชายคนรักไว้ หันไปส่งสายตาและยิ้มให้หนึ่งทีแทนคำพูดทั้งหมดที่มีให้ และแล้ว ทั้งสองทำท่ายกแขนขึ้นเอียงตัวเข้าหากันเป็นรูปหัวใจให้คนเป็นน้องเล็กได้เก็บภาพประทับใจนี้ไว้ เมื่อถ่ายรูปเทคแรกเสร็จ ป๊อปอาศัยจังหวะนี้หันไปประทับรสจูบอันแสนหวานบนใบหน้าขาวใสในจังหวะที่หญิงสาวเผลอ เหมือนใบหม่อนจะรู้คิวเมื่อลงมือกดชัตเตอร์ลงพร้อมกับจังหวะที่คนเป็นพี่ชายประทับริมฝีปากหยักบนพวงแก้มนุ่มพอดี
พัชรปรายตามองค้อนใส่ชายคนรักเมื่อรู้ตัวว่าโดนแอบขโมยจูบทีเผลอ มือเล็กฟาดลงไปบนท่อนแขนแกร่งทันทีโดยไม่ให้โอกาสแฟนหนุ่มได้แก้ตัว
“ขโมยจูบเค้าอีกแล้วนะป๊อป เค้าอายนะ ไม่รู้จักอายบ้างหรือไง ชิ” เสียงหวานว่าให้ไม่จริงจังนัก
คนขโมยจูบหัวเราะร่วนในลำคอเบาๆ เมื่อโดนแฟนสาวว่าให้ ยักไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่หระก่อนพาทั้งสองสาวเดินเล่นต่อไปจนถึงบริเวณหน้าศาลที่มีบรรดาแผงขายลอตเตอรี่วางเรียงรายกันเต็มไปหมด พากันเดินดูไปตามแผงต่างๆ เผื่อเจอเลขที่ถูกใจซื้อติดมือไว้
ป๊อปมองลอตเตอรี่ที่ถูกจัดเรียงในแผงจนละลานตาไปหมดอย่างพินิจพิเคราะห์ ในใจตอนนี้คิดถึงเลขทะเบียนรถของน้องสาวที่ตัวเองเอาไปเปลี่ยนป้ายขาวให้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา พยายามมองหาแล้วมองหาอีกยังไม่เจอสักที แต่แล้วเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้เขามองหาต่อจนเจอชุดเรียงสามใบตรงมุมบนของแผงด้านบน เห็นเลขทะเบียนรถของน้องสาวชัดเจน ไม่รอช้าเอื้อมมือไปหยิบทันที
“<<เท่าไหร่ครับป้า>>”
“<<ชุดสามใบสามร้อยจ้าพ่อหนุ่ม>>”
ชายหนุ่มก้มลงควักกระเป๋าตังค์ออกมา หยิบแบงก์ร้อยสามใบส่งให้แม่ค้าในทันที “<<เอ้านี่ครับคุณป้า>>”
“<<ขอบใจจ้ะพ่อหนุ่ม ขอให้ได้ขอให้ถูกรางวัลใหญ่นะจ๊ะ>>”
ป๊อปลอบยิ้มให้กับตัวเองพลางนึกในใจ ‘ขอให้เป็นจริงอย่างที่ป้าพูดครับ’ มือหนาเก็บลอตเตอรี่ชุดสามใบใส่กระเป๋าตังค์ทันที
ใบหม่อนปรายตามองคนเป็นพี่ชายแล้วลอบยิ้มน้อยๆ ส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ย มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นเกาะท่อนแขนใหญ่ทำกิริยาเหมือนกับแมวสาวอ้อนผู้เป็นเจ้าของ “<<พี่ป๊อปถูกหวยแล้วแบ่งน้องบ้างน้า>>”
“<<ก็แหงอยู่แล้วล่ะ>>” ป๊อปย้อนกลับไปแบบไม่จริงจังนัก ยกมือหนาขึ้นบีบผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกไปมา “<<ยังไงให้พ่อให้แม่ ให้แม่คุณให้ใบหม่อนอยู่แล้วล่ะ เฮ้ย เดี๋ยวพี่ต้องแบ่งเป็นสินสอดไว้ขอแฟนพี่ด้วยไงล่ะ ฮิๆๆ>>”
พัชรได้ยินแบบนั้นถึงกับปรายตามองค้อน เบะปากใส่ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ “แหมป๊อป ต้องถูกหวยก่อนใช่ไหมถึงจะมาขอเค้าได้เนี่ย เงินเก็บตัวเองก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ คุณตาคุณยายเรียกสินสอดเค้าไม่แพงหรอกย่ะ”
“เก็บเงินอีกนิดนึงน่าพัชร เราไม่ปล่อยให้พัชรรอนานหรอก” ป๊อปเอ่ยด้วยท่าทางขี้เล่นแต่แฝงความจริงจังอยู่ในที “พร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวไปหมั้นเลย ฮิๆ”
พัชรถึงกับอายม้วนเมื่อได้ยินคำตอบของแฟนหนุ่ม เปลี่ยนจากสีหน้าหงิกงอเป็นรอยยิ้มหวานในทันที ใบหน้าสวยหวานค่อยๆ กลายเป็นสีแดงราวลูกตำลึงสุกพร้อมกับความร้อนวูบวาบจับไปทั่วใบหน้า หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวถี่ขึ้นจนแทบไม่เป็นจังหวะแล้ว
“จ้า เค้าจะรอนะ”
เวลาผ่านไปจนถึงตอนเที่ยง ความหิวเริ่มประท้วงให้ทั้งสามพากันเดินไปยังหมู่บ้านมังกรสรรค์ที่เพียงเดินข้ามสะพานไป แต่ก็ต้องเจอกับความเนืองแน่นของผู้คนที่มาเที่ยวมารับประทานอาหารมื้อเที่ยงกันจนแทบจะไม่มีที่ว่างให้นั่ง สุดท้ายแล้วได้แต่ซื้อซาลาเปากับน้ำดื่มจากร้านสะดวกซื้อมานั่งกินเล่นยังม้านั่งตรงกลางลานเท่านั้น...
“เฮ้อ วันนี้วันอะไรนะ คนแน่นไปหมดเลย จะเข้าร้านไหนก็เต็ม” ป๊อปบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดพลางเคี้ยวซาลาเปาไส้หมูสับไข่เค็มในมือไป สีหน้าของชายหนุ่มไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
พัชรได้แต่ชำเลืองมองหน้าของแฟนหนุ่มก่อนลงมือละเลียดซาลาเปาในมือที่พอขับไล่อาการหิวออกไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกันนัก มีเพียงแต่ใบหม่อนคนเดียวที่ซีเรียสกับเรื่องนี้เพียงแป๊ปเดียวก็ลืมเมื่อได้กินของอร่อยๆ ในมือ
“<<พี่ป๊อปไม่ต้องคิดมากน้า แค่พี่ป๊อปเลี้ยงซาลาเปาน้องในวันเกิด น้องก็ดีใจแล้วล่ะจ้า>>”
ใบหม่อนใช้สรรพนามนี้เป็นครั้งที่สองกับโหมดอารมณ์ดีซึ่งมีไม่บ่อยนักกับคนเป็นพี่ชาย พลางละเลียดซาลาเปาในมืออย่างเอร็ดอร่อย
ป๊อปชำเลืองมองหน้าคนเป็นน้องสาวแล้วคลี่ยิ้มขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นกิริยาท่าทางน่ารักสดใสจนชวนให้ลืมความรู้สึกหงุดหงิดใจไปชั่วขณะหนึ่ง
“<<ฮึ ก็แหงล่ะสิใบหม่อน คนแน่นทุกร้านเลยจนต้องมานั่งกินกันแบบนี้เนี่ย>>”
“<<ช่างเถอะพี่ป๊อปแค่นี้เอง เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯ ไปพี่ป๊อปก็พาน้องเลี้ยงอะไรอร่อยๆ แล้วล่ะ คริๆ>>”
เสียงใสย้อนให้พร้อมกับส่งสายตาเปล่งประกายอ้อนวอนไปยังคนเป็นพี่ชาย และแล้วป๊อปก็ต้องยอมแพ้สายตาแบบนี้อีกครั้งเมื่อ...
“<<ใบหม่อนอยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่กับพี่พัชรเลี้ยง ดีไหม>>”
จู่ๆ ป๊อปโบ้ยไปหาแฟนสาวเสียอย่างนั้น ขณะที่คนโดนโบ้ยหันมาส่งสายตาจิกหนึ่งทีก่อนเป็นฝ่ายให้คำตอบกับว่าที่น้องสะใภ้เสียเอง
“ให้พี่ป๊อปเลี้ยงคนเดียวดีไหมจ๊ะน้องใบหม่อน ก็น้องใบหม่อนเป็นน้องสาวของพี่ป๊อปไง”
แต่กลับกลายเป็นว่าใบหม่อนไม่ยอมเข้าข้างเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ใบหม่อนทำสีหน้ามู่ทู่ด้วยอาการน้อยใจ กลีบปากอิ่มสวยได้รูปเริ่มเอ่ยตัดพ้อขึ้นมา
“<<พี่พัชรก็เป็นพี่สาวของหนูนี่นา พี่พัชรเลี้ยงหนูด้วยสิ นะๆๆๆๆๆๆๆๆ>>”
ป๊อปหันมามองหน้าแฟนสาวที่เริ่มทำสีหน้าลำบากใจไปกลั้นขำไปไม่หยุด มือหนาข้างที่ว่างเอื้อมมาคว้ามือเล็กขาวสะอาดพร้อมกับบีบเบาๆ หนึ่งที “เอาน่าพัชร ก็ใบหม่อนนับว่าพัชรเป็นพี่สาวอีกคนไง เราก็หารกันเลี้ยงน้องสาวเราสิ”
“อ่ะๆ ก็ได้ป๊อป” สุดท้ายพัชรก็ต้องรับปากจนได้เมื่อเจอลูกอ้อนของพี่น้องคู่นี้ “แต่ยังไงป๊อปก็ต้องจ่ายมากกว่าเค้าอยู่ดีนะ น้องใครคนนั้นรับผิดชอบไป เข้าใจไหม”
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับถอนหายใจพรืดยาว รู้สึกลำบากใจเล็กๆ ลำพังแค่ยอมน้องสาวคนเดียวก็จะแย่แล้ว นี่ยังต้องมายอมคู่ชีวิตในอนาคตอีก แต่เพื่อคนที่เขารักมากที่สุดทั้งสองคนแล้วเขาทำได้เสมอถึงแม้จะทำให้ลำบากใจบ้างก็ตาม
ที่จริงพัชรไม่ได้อยากจะผลักภาระให้กับคนรักเลยแม้แต่น้อย แต่ที่พูดไปแบบนั้นเพราะเจ้าตัวยังตั้งตัวไม่ติดเมื่อถูกว่าที่น้องสะใภ้จู่โจมเข้ามาแบบนี้ พอเข้าใจความรู้สึกของคนรักว่าเป็นยังไงเมื่อความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง เพราะว่าที่น้องสะใภ้คนนี้ช่างประจบประแจงช่างอ้อนเสียเหลือเกินจนเจ้าตัวต้องยอมใจอ่อนตามไปด้วย
ระหว่างนั้นใบหม่อนหยิบสมาร์ทโฟนคู่ใจขึ้นมาเขี่ยหน้าจอเล่นไปละเลียดซาลาเปาในมือไปเรื่อยๆ กวาดสายตาอ่านข้อความบนโซเชียลมีเดียไปเพลินๆ แต่เผอิญได้ยินน้ำเสียงเข้มที่กำลังคิดถึงดังแว่วมาในระยะใกล้กับใบหูเล็กของตัวเอง
“<<ใบหม่อน>>”
หญิงสาวละสายตาจากสมาร์ทโฟนในมือช้อนตามองเจ้าของเสียงของคนที่กำลังคิดถึง ทันใดนั้นกลีบปากอวบอิ่มสวยได้รูปคลี่ยิ้มกว้างขึ้นมาด้วยอาการดีใจเป็นที่สุดเมื่อ...
“<<โบ้>>”
ใบหม่อนรีบลุกขึ้นสวมกอดกับร่างสูงโปร่งของแฟนหนุ่มทันทีด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งคิดถึงทั้งน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่มีเวลาให้ได้เจอกันเลย ทางด้านคนเป็นพี่ชายอย่างป๊อปแทบจะหูผึ่งเมื่อได้ยินเสียงใสเอ่ยเรียกชื่อว่าที่น้องเขย
“<<คิดถึงจังเลยใบหม่อน>>” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นด้วยอาการดีใจ ท่อนแขนเพรียวยังโอบร่างสูงระหงของแฟนสาวไว้แนบแน่น
“<<เค้าก็คิดถึงตัวเหมือนกันแหละโบ้>>”
หลังจากกอดกันจนหายคิดถึงแล้วทั้งสองต่างฝ่ายต่างผละออกมาอยู่ในระยะห่างพอที่จะสบตาและยิ้มให้กันได้ แล้วผู้มาใหม่หันมายกมือไหว้ทักทายว่าที่พี่เขยกับว่าที่พี่สะใภ้ตามมารยาทด้วยท่าทางที่บ่งบอกถึงความคุ้นเคยกัน
“<<พี่ป๊อปพี่พัชรสวัสดีครับ>>”
“<<อ้าวโบ้ เป็นไงบ้างมึง สบายดีนะ>>” ป๊อปยกมือรับไหว้ว่าที่น้องเขย ออกปากถามกลับไปตามปกตินิสัย ขณะที่พัชรยกมือรับไหว้และส่งยิ้มหวานให้ ไม่พูดอะไรอีกเพราะเจ้าตัวไม่ได้รู้จักและสนิทสนมกับอีกฝ่ายมากนัก
“<<สบายดีครับพี่>>” โบ้ยังตอบฉาดฉานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน “<<แล้วลมอะไรหอบให้พี่ป๊อปพาใบหม่อนกลับบ้านมาได้ครับเนี่ย เห็นใบหม่อนบอกว่าพี่ป๊อปเอาแต่บ้างานจนแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลยไม่ใช่เหรอครับ ฮิๆๆ>>” ยอกย้อนให้ด้วยท่าทางขี้เล่นตามปกตินิสัย รู้อยู่แล้วว่าว่าที่พี่เขยคนนี้ไม่ทำอะไรแน่
“<<มึงอยากโดนกูต่อยแบบวันนั้นอีกไหมวะโบ้>>” ป๊อปจี้จุดอีกฝ่ายในทันที สีหน้าของชายหนุ่มในตอนนี้เริ่มฉายแววดุให้อีกฝ่ายเห็น ทั้งที่ในใจไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วนอกจากอยากแกล้งว่าที่น้องเขยเท่านั้น ยังไม่ทันที่จะยกมือขึ้นทำท่าง้างหมัด
“<<โหพี่ป๊อป มาถึงจะชกผมเลยเหรอ>>” โบ้ย้อนให้ด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้น นัยน์ตาตี่เริ่มฉายแววหวาดกลัวให้เห็น “<<ผมไม่อยากโดนพี่เขยต่อยหรอกครับ แค่โดนวันนั้นหมัดเดียวผมก็รู้ซึ้งแล้วพี่ มึนไปหลายวันเลยคร้าบ>>”
“<<หึๆ>>” ป๊อปหัวเราะในลำคอเบาๆ พเยิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแสดงความรู้สึกสะใจที่ได้แกล้งว่าที่น้องเขย “<<กูล้อเล่นน่าโบ้ กูไม่ทำมึงหรอก มึงก็รู้นิสัยกูไม่ใช่เหรอวะ>>”
[[<<ฮ่าๆ>>]]
ทั้งสองหัวเราะขึ้นพร้อมเพรียงกันอย่างรู้ใจกัน ถึงแม้ว่าเมื่อแรกเจอจะไม่ค่อยดีกันเท่าไหร่นัก แต่พอคุ้นเคยกันมากเข้ากลับกลายเป็นสนิทสนมกันมาจนถึงตอนนี้
“<<พี่ป๊อปนี่น้า หัวร้อนง่ายจังเลย แค่นี้จะต่อยหน้าแฟนหนูแล้วเหรอ>>” ใบหม่อนว่าเสียงสะบัดใส่คนเป็นพี่ชายในทันทีพลางปั้นหน้างอใส่อย่างขัดใจ
“<<ฮื้ม ไม่มีอะไรน่าใบหม่อน>>”
โบ้อดที่จะขำไม่ได้เหมือนเห็นท่าทางหงอๆ ของว่าที่พี่เขยหลังจากโดนแฟนสาวของตัวเองว่าให้เมื่อสักครู่ รู้อยู่แล้วว่าพี่เขยคนนี้ยอมแฟนสาวของตัวเองมากขนาดไหนถึงแม้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม ไม่รอช้าหันไปอ้อนแฟนในทันทีด้วยความรู้สึกคิดถึง และถือโอกาสในครั้งนี้ขอโทษด้วยที่แทบจะไม่มีเวลาให้กันเลย
ทางด้านป๊อปเลือกที่จะถอยฉากออกมาเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ปล่อยให้น้องสาวได้มีเวลาพลอดรักกับว่าที่น้องเขยบ้าง ยิ่งเห็นว่าที่น้องเขยกำลังเดินหน้าง้อน้องสาวตัวเองแล้วนึกถึงในวันที่ตัวเองทะเลาะกับแฟนสาวแล้วต้องมานั่งง้อแบบนี้แล้วอดที่จะยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้จนพัชรเริ่มสังเกตเห็น อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
“ยิ้มอะไรป๊อป หืม”
“ฮึๆ ไม่มีอะไรหรอกพัชร” ป๊อปหันไปตอบคนรักพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ “แค่นึกถึงตอนที่เราทะเลาะกันแล้วเราต้องง้อพัชรเฉยๆ น่ะ”
พัชรทำท่าเอียงลำคอระหงเบะปากเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขม็งไปที่ใบหน้าคร้ามของอีกฝ่าย “ก็ตอนนั้นป๊อปงี่เง่านี่นา เค้าก็โกรธสิ” เสียหวานย้อนให้ “แต่เพราะวัยด้วยมั้งป๊อป ตอนนั้นเค้าใจแข็งกับป๊อปมาก นึกถึงแล้วเค้าสงสารป๊อปในตอนนั้นมากเลยนะ”
“แล้วตอนนี้ล่ะหืม” ป๊อปย้อนถามกลับไป สีหน้าเริ่มฉายแววขี้เล่นให้เห็น
“ก็แล้วไงล่ะป๊อป เค้าก็เฉยๆ แหละ รู้อยู่แล้วว่าป๊อปเป็นยังไง เลยไม่ค่อยทะเลาะกันไงล่ะเว้นแต่เค้าจะงี่เง่าใส่ป๊อปเองเป็นบางครั้งอ่ะ”
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงหวานเอื้อนเอ่ยคำตอบที่ฟังแล้วตรงกับสิ่งที่เป็นในตอนนี้ ด้วยวุฒิภาวะที่มีมากขึ้นตามวัยทำให้เลือกที่จะมองข้ามปัญหาบางอย่างไปแล้วหันหน้าคุยกันมากขึ้น ผิดกับเมื่อก่อนเพียงแค่มีอะไรสะกิดนิดหน่อยก็ผิดใจกันแล้ว นึกแล้วถือโอกาสให้รางวัลกับคนรักด้วยการโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนบรรจงพรมจูบอันแสนหวานลงบนพวงแก้มขาวละเอียดนุ่มลื่นเจือกลิ่นหอมอ่อนหนึ่งทีพอให้ชื่นใจ แต่กลับกลายเป็นฝ่ายหญิงสาวที่หน้าแดงด้วยอาการเขินอาย ยิ่งเป็นที่สาธารณะแบบนี้ยิ่งอายมากกว่าเดิมอีก
“นี่ป๊อปไม่อายคนอื่นบ้างเหรอไง ขโมยจูบเค้าต่อหน้าต่อตาชาวบ้านเลยนะ” เสียงหวานแหวดแหวใส่คนขโมยจูบในทันที ทั้งโกรธทั้งอายในเวลาเดียวกัน
ป๊อปได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อโดนคนรักว่าให้ ดูออกว่าอายมากขนาดไหน แต่มันห้ามใจไม่ได้จริงๆ ได้แต่ยิ้มรับความผิดของตัวเองไป ไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเจ้าตัวเมื่อสักครู่อยู่ในสายตาของน้องสาวและว่าที่น้องเขยที่กำลังมองมาด้วยอาการอิจฉาตาร้อนผะผ่าวอยู่ในตอนนี้
ใบหม่อนเชิดหน้าปรายตามองพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ด้วยสายตาที่แฝงความหมั่นไส้ก่อนหันกลับไปหาคนรักของตัวเอง กระพริบตาถี่ๆ อ้อนวอนให้อีกฝ่ายทำในสิ่งที่อยากทำบ้าง ไม่นานนักทั้งสองต่างโน้มหน้าเข้าหากัน ประกบริมฝีปากของกันและกันอย่างดูดดื่มสมกับที่ห่างกันไปนานก่อนผละออกมาส่งสายตาให้กันและกันอีกครั้งหนึ่ง เรียกรอยยิ้มจากคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่สลับบทบาทมาเป็นผู้ชมบ้างหลังจากแสดงบทรักไปแล้วเมื่อสักครู่
“<<โบ้รักใบหม่อนนะ>>”
“<<เค้าก็รักตัวเหมือนกันแหละโบ้>>”
เมื่อได้เผยความรู้สึกในใจของกันและกันแล้ว เผอิญว่าวันนี้ฝ่ายชายไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดมาให้เพราะเจอกันโดยบังเอิญ ทำให้เกิดความฉุกละหุกจนหาของขวัญให้ไม่ทัน แต่แล้ว มือขวาของชายหนุ่มบรรจงถอดแหวนทองวงหนึ่งที่สวมใส่ติดตัวอยู่ออกมา คว้ามือเรียวเล็กข้างซ้ายของหญิงคนรักขึ้นมาก่อนสบตากับอีกฝ่ายหนึ่งที ค่อย ๆ สวมแหวนทองลงบนนิ้วนางเรียวเล็กได้รูปของหญิงสาวอย่างเบามือ
“<<สุขสันต์วันเกิดนะใบหม่อน>>”
หยาดน้ำตาใสๆ ไหลรื้นคลอหน่วยตาคู่สวยของหญิงสาวด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนแทบหายใจไม่ออก ระคนกับความรู้สึกรักและคิดถึงแฟนหนุ่มที่ไม่ได้เจอกันนานมากเพราะด้วยทำงานกันคนละที่ถึงแม้จะสังกัดเดียวกันก็ตาม แต่ด้วยโชคชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้ทั้งสองได้กลับมาเจอกันอีกครั้งตั้งแต่เจ้าตัวโอนย้ายกลับมาที่สังกัดเดิม และในที่สุด วันนี้ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่งหลังจากรอคอยมานาน
โบ้ใช้นิ้วโป้งเรียวหนาได้รูปเกลี่ยๆ รอบขอบตาคู่สวยที่น้ำตาลเริ่มไหลรื้นออกมาไม่หยุดจนอาบบนพวงแก้มนุ่ม มองเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวยที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำไหวระริกไม่หยุดด้วยความรักที่มีล้นอยู่ในใจจนเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ค่อยๆ โน้มปากหยักได้รูปประทับรอยจูบเหนือเปลือกตาของหญิงสาวหวังจะช่วยขับไล่น้ำตาที่ไหลรื้นให้หมดไป แต่กลับกลายเป็นว่า...
“<<ขอบคุณมากนะโบ้ ฮึก ที่ไม่ลืม... ฮึก วันเกิดเค้า... ฮึก>>”
เสียงใสขาดช่วงเป็นระยะเพราะแรงสะอื้น หยาดน้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาไม่หยุดในตอนนี้ หัวใจดวงน้อยของเจ้าตัวเต้นระรัวถี่ขึ้นจนไม่เป็นจังหวะยามได้อยู่ใกล้กับชายคนรักคนนี้
โบ้ค่อยๆ ผละหน้าออกมาจากเปลือกตาของหญิงสาว ใช้มือข้างหนึ่งเชยใบหน้ากลมกึ่งรูปไข่สวยหวานของคนเจ้าน้ำตาขึ้นให้อยู่ในตำแหน่งที่สบตาได้ถนัด มืออีกข้างหนึ่งลูบๆ ไปบนแผ่นหลังบางอย่างเบามือ สัมผัสไออุ่นจากเรือนกายของคนรักที่กำลังสั่นเทาเพราะแรงสะอื้นอยู่
“<<โบ้ไม่ลืมหรอก วันเกิดของคนที่โบ้รักทั้งคน โบ้จะลืมได้ไงล่ะ>>”
เสียงทุ้มอบอุ่นที่กลั่นออกมาจากหัวใจส่งไปให้หญิงคนรักได้รับรู้ ถึงแม้ด้วยภาระงานที่ทำให้เขาต้องห่างไกลกับอีกฝ่ายแค่ไหน แต่หัวใจของเขาไม่เคยอยู่ห่างจากคนรักคนนี้เลย ตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันจนถึงทุกวันนี้
ใบหม่อนค่อยๆ สงบลงพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มแห้งเหือดหาย ทิ้งคราบไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าสวยหวานที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเล็กน้อยจนเป็นคราบ ขณะที่โบ้บรรจงใช้นิ้วเกลี่ยคราบน้ำตาออกอย่างเบามือจนหายไปหมด พลางส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยผ่านดวงตากลมโตคู่สวยที่จ้องมองมาให้เข้าไปถึงหัวใจดวงน้อยของหญิงสาว รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าคร้ามเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวกลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง
ทางด้านคนเฝ้าสังเกตการณ์ทั้งสองได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อได้เห็นน้องสาวคนนี้มีความสุขกับคนรักอีกครั้ง หลังจากที่ต้องคอยรับรู้รับฟังเสียงพร่ำบ่นของหญิงสาวบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาถึงวันนี้ได้เจอกันแล้ว ตอนนี้ป๊อปคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกขอบคุณว่าที่น้องเขยคนนี้ในใจอยู่ไม่น้อย
“<<โบ้ พี่ป๊อป พี่พัชร มาถ่ายรูปกัน>>”
ใบหม่อนหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินคู่กายขึ้นมาเปิดโหมดกล้องหน้ารอไว้ หันไปเรียกให้แฟนหนุ่มและพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้มาเข้าเฟรมด้วยกัน หลังจากกดชัตเตอร์ถ่ายรูปเสร็จแล้ว...
“<<เอ้อโบ้ เดี๋ยวกูพาน้องกูไปไหว้หลวงพ่อโตวัดป่าฯ มึงจะตามไปด้วยไหมล่ะ>>”
โบ้คลี่ยิ้มน้อยๆ หันมาสบตากับว่าที่พี่เขยอย่างรู้กัน ใจจริงอยากตามไปด้วยมากๆ แต่ด้วยติดภารกิจบางอย่างทำให้ต้องจำใจปฏิเสธกลับไป
“<<อืม อยากไปมากเลยพี่ป๊อป แต่ผมติดธุระกับที่บ้านน่ะครับ>>” นัยน์ตาคมเข้มของโบ้เริ่มฉายแววรู้สึกผิดขึ้นมา หันไปมองหน้าใบหม่อนด้วยสายตาแบบเดียวกัน “<<เราขอโทษนะใบหม่อนที่ไปด้วยไม่ได้>>”
มาถึงตอนนี้อารมณ์น้อยอกน้อยใจของหญิงสาวได้เหือดหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ความเข้าใจว่าเพราะอะไรที่ทำให้ชายคนรักไม่มีเวลาให้กับเจ้าตัวเลย กลีบปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ เหมือนกำลังจะบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดมากพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ หนึ่งที
“<<ไม่เป็นไรหรอกจ้า ไม่ต้องคิดมากน้าตัว เค้าเข้าใจ>>”
ความกังวลใจของโบ้ค่อยคลายลงไปเมื่อได้ยินเสียงใสน่าฟังให้กำลังใจแบบนี้ ปากหยักค่อยๆ คลี่ยิ้มขึ้นมา หันไปหาว่าที่พี่เขยที่หันมายิ้มบางๆ เชิงให้กำลังใจอีกคนหนึ่ง
“<<เอาน่าโบ้ ครั้งหน้ายังมี เนี่ยพอใบหม่อนได้ย้ายแล้วเวลาว่างน่าจะมากขึ้น เดี๋ยวก็ร้องให้กูพากลับบ้านอีก>>”
ป๊อปเอ่ยกับว่าที่น้องเขยไป ชี้นิ้วไปทางคนเป็นน้องสาวด้วยท่าทางจริงจัง ขณะที่ใบหม่อนตีเข้าที่แขนใหญ่หนึ่งทีพลางส่งสายตาดุใส่ แอบอายแฟนหนุ่มเล็กๆ กับคำพูดของคนเป็นพี่ชายที่จงใจเน้นคำว่า ‘ร้อง’ ให้ได้ยิน
“<<ครับพี่ อื้ม ไว้ผมว่างๆ เดี๋ยวผมลงไปหาใบหม่อนด้วยครับ>>”
“<<เออลงมาเมื่อไหร่ก็บอกใบหม่อนด้วยละกัน มึงมาเลย มึงรู้จักคอนโดฯ กูนะโบ้>>”
“<<หึ ผมไม่รู้จักครับพี่ป๊อป ผมไปถึงหลงแน่เลย>>” โบ้ส่ายหน้าปฏิเสธ “<<ไว้ถึงวันนั้นผมไลน์บอกให้ใบหม่อนไปรับก็ได้ครับ แหะๆ งั้นผมไปก่อนครับพี่ แม่ผมคงจะรอนานแล้วล่ะครับ>>” ถือโอกาสยกมือไหว้บอกลาว่าที่พี่เขยกับพี่สะใภ้เสียเลย
“<<เออๆ ขับรถดีๆ เจอกันโอกาสหน้าเว้ยไอ้น้องเขย>>” ป๊อปยกมือรับไหว้ก่อนเอ่ยทิ้งท้ายตามมารยาท
“<<โบ้ไปก่อนนะใบหม่อน>>” ไม่ลืมหันไปบอกลาแฟนสาว ก่อนประทับริมฝีปากหยักลงบนพวงแก้มนุ่มหนึ่งที “<<ไว้กลับบ้านครั้งหน้าเจอกันนะถ้าเค้าว่างน่ะ>>”
“<<จ้า>>” ใบหม่อนคลี่ยิ้มหวานให้กับคนรัก “<<ไว้คราวหน้าเจอกันใหม่น้า บ๊ายบาย>>”
หญิงสาวโบกมือให้กับชายคนรักที่กำลังเดินจากไป กลีบปากอิ่มสวยยังคลี่ยิ้มกว้างอยู่อย่างอารมณ์ดี หันกลับมาหาคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่ตอนนี้พร้อมใจกันยิ้มให้และส่งสายตามองมาที่เจ้าตัวเป็นตาเดียวกันจนแทบจะหุบยิ้มลงแทบไม่ทัน ดวงตากลมโตคู่สวยยังซ่อนประกายวิบวับไม่แนบเนียนเท่าไหร่นักในตอนนี้เมื่อหัวใจดวงน้อยยังพองโตด้วยความรักอยู่
“<<แน่ะๆ ยิ้มใหญ่เลยนะใบหม่อน>>” สุดท้ายป๊อปเป็นคนแรกที่ออกปากแซว “<<ไง หายเหม็นความรักของพี่กับพัชรยังล่ะหืม ได้เจอโบ้แล้วนี่ ฮิๆ แหมเมื่อกี้เล่นใหญ่เลยนะคะใบหม่อน>>”
ไม่พูดเปล่า ป๊อปยังเอื้อมมือไปคว้าผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกไปมาเป็นการหยอกล้ออีกหนึ่งทีก่อนถูกมือเล็กทั้งสองข้างแกะออกในเวลาต่อมา
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอดใส่ ยังมีร่องรอยอาการเขินอายอยู่บนใบหน้าให้เห็น “<<เอามือที่จับของกินมาจับผมคนอื่นแบบนี้ได้ไงพี่ป๊อป อี๋ สกปรก>>”
“อ้าวเหรอ นึกว่าเขินจนทำอะไรไม่ถูกแล้วนะเนี่ย ฮิๆ”
ป๊อปได้แต่คลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับส่ายศีรษะทุยไปมาและพ่นลมหายใจเบาๆ รู้ได้ทันทีว่าน้องสาวตัวเองกำลังเขินอายเป็นอย่างมาก ขณะที่ใบหม่อนส่งค้อนวงใหญ่ให้ กลบเกลื่อนอาการเขินอายไม่ให้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ได้รับรู้แต่ไม่ทันแล้วเมื่อ...
“ป๊อปอย่าไปแกล้งน้องเขาสิ ดูสิน้องเขาเขินหน้าแดงหมดแล้วเนี่ย” พัชรไม่ได้มีเจตนาจะขยี้ว่าที่น้องสะใภ้แต่อย่างใด แค่ปรามไม่ให้แฟนหนุ่มพูดมากกว่านี้เท่านั้น ขณะที่ป๊อปคลี่ยิ้มกว่างขึ้นอย่างรู้ใจเมื่อได้สบตากัน
ใบหม่อนได้แต่ย่นจมูกขึ้นอย่างอิดหนาระอาใจกับพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้เหลือเกิน รู้สึกอับอายที่โดนพี่ๆ ทั้งสองแกล้งแซวแกล้งแหย่กับเหตุการณ์ที่ได้เจอแฟนหนุ่มที่ห่างหายกันไปนานในวันคล้ายวันเกิดของตัวเองเท่านั้น
“<<พอได้แล้วพี่ป๊อป พี่พัชร หนูเขินจะแย่แล้วเนี่ย ชิ>>” ใบหม่อนว่าเสียงสะบัดใส่พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้หนึ่งทีก่อนชักสีหน้างอง้ำใส่ “<<ไปได้แล้วพี่ป๊อป ไหนบอกว่าจะพาหนูไปไหว้หลวงพ่อโตไง>>” ได้ทีหันไปออกคำสั่งกับพี่ชายตัวเองต่อ
“<<เออๆ ไปๆ เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก่อน เดี๋ยวไปกัน>>”
ป๊อปพูดกลั้วยิ้มบางๆ เมื่อโดนเจ้าของวันเกิดออกคำสั่งแบบนี้ ทั้งสามต่างลุกขึ้นพากันแยกย้ายไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก จัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนพากันไปยังลานจอดรถเตรียมออกเดินทางไปยังที่หมายต่อไป...
.......................................................................................................
ณ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
“<<เฮ้อ กว่าจะหาที่จอดรถได้>>”
ป๊อปโพล่งออกมาอย่างโล่งใจหลังจากจอดรถเสร็จ เนื่องด้วยวันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ มีผู้คนมานมัสการหลวงพ่อโตอย่างเนืองแน่นจนหาที่จอดรถในวัดแทบไม่ได้จนต้องวนรถรออยู่นาน แต่เผอิญตรงลานหน้าพระอุโบสถมีรถคันหนึ่งกำลังจะออกไป เขาไม่รอช้าที่จะหักรถเสียบเข้าไปจอดทันที
“<<นั่นสิพี่ป๊อป เห็นพี่ป๊อปวนรถอยู่นานมากเลย>>” เสียงใสของเจ้าของวันเกิดเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน นึกเห็นใจพี่ชายที่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถอยู่นาน
“<<เฮ้อ นั่นสิ นี่มันวันอาทิตย์นี่นา>>” ป๊อปหันไปเอ่ยกับคนเป็นน้องสาว “<<ไปกันเถอะ เดี๋ยวคนแน่น>>”
ทั้งสามพากันลงจากยานพาหนะเจ็ดที่นั่งมุ่งหน้าไปยังบริเวณวิหารหลวงพ่อโตที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักหลังจากป๊อปหันไปกดรีโมตสั่งให้ล็อกรถ แต่แล้วก็ต้องพบกับมวลมหาชนที่มานมัสการหลวงพ่อโตเป็นจำนวนมากจนแน่นขนัดไปทั่วบริเวณ พาให้กว่าจะเดินไปถึงค่อนข้างลำบากพอสมควรกว่าจะถึงบริเวณจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียน
“ป๊อปคิดถูกเปล่าเนี่ยที่พาน้องใบหม่อนมา ดูสิ คนแน่นไปหมดเลย” พัชรหันมาถามชายคนรักเมื่อได้เห็นบรรยากาศอันเนืองแน่นตรงหน้า รู้สึกท้อใจแทนเพราะกว่าจะเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาได้
“เอาเถอะพัชร คนสุพรรณฯ ต้องมาไหว้หลวงพ่อโตแหละ ฮิๆ” ป๊อปพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ตามสไตล์
“ใช่แล้วล่ะพี่พัชร บ้านหนูนับถือหลวงพ่อโตกันทั้งบ้านแหละ” ใบหม่อนหันไปเอ่ยกับว่าที่พี่สะใภ้ น้ำเสียงใสชวนให้คนฟังยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้ยิน
“<<พี่ป๊อปออกค่าดอกไม้ธูปเทียนให้หนูเลย>>” ใบหม่อนได้โอกาสสั่งคนเป็นพี่ชายในทันที
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำสั่ง มือหนาล้วงกระเป๋าตังค์ขึ้นมาหยิบแบงก์ยี่สิบสามใบ ยกมือขึ้นอธิษฐานอยู่สักพักแล้วหย่อนลงตู้บริจาคไป จัดแจงหยิบดอกไม้ธูปเทียนทองคำเปลวทั้งสามชุดออกมาแจกจ่ายให้กับคนเป็นน้องสาวและคนรักก่อนพาฝ่าฝูงชนเข้าไปยังบริเวณให้จุดธูปจุดเทียนด้านหน้าพระวิหาร แต่ติดที่ว่าต้องฝ่าฝูงชนที่เริ่มหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมจนเข้าไปถึงได้อย่างทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย ทั้งสามพากันจุดธูปเทียนยังตะเกียงที่ทางวัดเตรียมไว้ รีบยกมือไหว้อธิษฐานอย่างลวกๆ รีบปักธูปลงในกระถางอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้โดนเบียดเข้ามาอย่างหนักจนแทบไม่มีสมาธิจะไหว้แล้ว
แต่เมื่อเดินไปถึงบริเวณประตูทางเข้าพระวิหารเท่านั้นก็แทบลมจับทันทีเมื่อเห็นจำนวนฝูงชนที่เบียดเสียดแย่งกันเข้าไปไหว้องค์หลวงพ่อโตด้านในจนแทบจะไม่มีที่ให้เดินแล้ว
ใบหม่อนขมวดคิ้วทำหน้าแหยงๆ เมื่อเห็นคนจำนวนมหาศาลตรงหน้า หันไปมองหน้าคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่ทำสีหน้าหวาดหวั่นไม่ต่างกันพาให้รู้สึกห่อเหี่ยวใจตามไปด้วย ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงพร้อมกับริมฝีปากอวบอิ่มที่หุบคว่ำลงอย่างรวดเร็ว
“<<พี่ป๊อป ไหว้ด้านนอกก็ได้มั้งอ่ะ ดูสิ คนแน่นขนาดนี้แล้ว>>”
ป๊อปชำเลืองมองสีหน้าของคนเป็นน้องสาวแล้วรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เอื้อมมือไปคว้ามือเรียวสวยบีบเบาๆ เชิงให้กำลังใจ
“<<มาถึงขนาดนี้แล้ว เข้าไปเถอะ พี่ว่าพอเข้าไปได้แหละ>>” พูดกับน้องสาวจบหันไปพยักหน้าให้กับแฟนสาว “เข้าไปกันเถอะพัชร”
ใบหม่อนชำเลืองมองคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่หันมายิ้มให้กันด้วยสายตาแสดงความรู้สึกย่อท้อเล็กๆ แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วจะให้หันหลังกลับไปก็ไม่ใช่เรื่อง ตัดสินใจพาตัวเองเดินนำหน้าพี่ๆ ทั้งสองตรงไปยังชานบันใดใกล้ตัวอาคาร ต่างคนต่างก้มลงถอดรองเท้าวางให้ใกล้กันมากที่สุดในมุมที่จำกันได้ ด้วยจำนวนคนที่เยอะเหลือเกินมีโอกาสที่รองเท้าจะหายได้สูงมาก ประจวบเหมาะกับรองเท้าของแต่ละคนต่างมีราคาแพงทั้งนั้นโดยเฉพาะรองเท้าของทั้งสองสาว
ทั้งสามพากันเดินเบียดเสียดผู้คนเข้าไปด้านในพระวิหาร เพียงแหงนหน้ามององค์หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์องค์ใหญ่สีทองอร่ามตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เหลือบพระเนตรมองต่ำลงมาด้วยความเมตตาแก่ทุกคนที่เข้ามานมัสการ
ใบหม่อนแหงนหน้ามองพระพักตร์หลวงพ่อโตแล้วยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเหล็กครบทุกซี่ในทันที ลืมความรู้สึกเบียดเสียดกับผู้คนไปชั่วขณะ ค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งพับเพียบพร้อมกับพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ในพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ต่างคนต่างพนมมือไหว้อธิษฐานไปแหงนหน้ามองพระพักตร์ขององค์หลวงพ่อโตไป ถึงแม้บรรยากาศรอบข้างจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากเพียงใดก็ไม่อาจทำลายสมาธิของทั้งสามได้
‘หลวงพ่อโตเจ้าคะ ปีนี้หนูอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว ขอให้ปีนี้มีแต่เรื่องดีๆ มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตของหนูนะคะ หนูได้ย้ายกลับมาทำที่กรมชลประทานแล้วถึงไม่ได้ย้ายกลับบ้านก็ตาม ขอให้หนูเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นๆ ไป ขอให้หนูไม่อับจนหนทาง มีทางก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ นะเจ้าคะ และหนูขอให้แม่คุณของหนู คุณพ่อคุณแม่ของหนูมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงๆ ทุกคน ขอให้พี่ชายของหนูมีความสุขมากๆ ขอให้พี่ชายของหนูสอบติดข้าราชการให้ได้ ขอให้พี่ชายของหนูขอพี่พัชรแต่งงานด้วยนะเจ้าคะ ถ้าชาติหน้ามีจริง หนูขอเกิดมาเป็นลูกพ่อแม่ของหนูในทุกๆ ชาติ เกิดเป็นน้องของพี่ป๊อปในทุกๆ ชาตินะเจ้าคะหลวงพ่อ’
หญิงสาวนึกอธิษฐานในใจไป ดวงตากลมโตจ้องมองพระพักตร์หลวงพ่ออยู่ตลอดเวลาแทบไม่กระพริบ สมาธิตอนนี้จดจ่อไปกับองค์หลวงพ่อโตเพียงอย่างเดียว ราวกับหลุดออกไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่มีผู้คนเดินวุ่นวายจอแจ มีเพียงแต่ความเงียบสงบ ความรู้สึกล่องลอยราวกับปุยนุ่นลอยไปในอากาศเท่านั้น
ป๊อปชำเลืองมองเห็นน้องสาวนั่งนิ่งพนมมือแหงนหน้ามององค์หลวงพ่อโตอยู่นาน หันไปสบตากับแฟนสาวที่นั่งถัดออกไปแล้วยิ้มให้กันและกัน ร่างสูงใหญ่เขยิบทำท่าลุกขึ้นล้วงสมาร์ทโฟนสีดำจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดโหมดกล้องเก็บรูปองค์หลวงพ่อโตที่อยู่ตรงหน้าและเก็บรูปร่างสูงระหงของหญิงสาวที่นั่งพนมมือนิ่งอยู่ ไม่รอช้าส่งเข้าไปในกล่องแชตในแอพพลิเคชั่นสีเขียวของอีกฝ่ายในทันที
ร่างสูงระหงก้มลงกราบองค์หลวงพ่อโตหลังจากอธิษฐานขอพรเสร็จ เงยหน้าขึ้นมาเห็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้พร้อมใจกันหันมามองและอมยิ้ม แล้วก็เป็นพี่ชายที่เอื้อมมือมาจับผมมัดจุกเหนือศีรษะของเจ้าตัวโยกไปมาเชิงหยอกล้อเหมือนกับทุกครั้งที่เจ้าตัวทำผมทรงนี้
“<<ขอพรหลวงพ่อซะนานเลยนะใบหม่อนหน้ากลม>>”
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป ปล่อยได้แล้ว>>” ใบหม่อนปรายตามองดุใส่
ได้ผลเมื่อป๊อปยอมปล่อยมือจากผมมัดจุกแต่โดยดี ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มน้อยๆ พลางส่ายศีรษะทุยไปมา นัยน์ตาสองชั้นหลบมองผ่านเลยไปหาคนรักที่มองตาแป๋วอยู่
“ไปกันเถอะป๊อป คนแน่นจนเค้าหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย”
ทั้งสามพร้อมใจกันก้มลงกราบหลวงพ่อโตอีกรอบหนึ่งก่อนพากันเดินฝ่าฝูงชนออกไปยังด้านนอกพระวิหาร สอดส่ายสายตามองหารองเท้าของทั้งสามที่วางไว้ตรงมุมหนึ่งหน้าพระวิหารท่ามกลางกองรองเท้าของผู้คนที่มานมัสการอย่างเนืองแน่นในวันนี้ ยังดีที่รองเท้าของพัชรสังเกตเห็นได้ง่ายเพราะเป็นรองเท้าบูทคู่เดียวท่ามกลางกองรองเท้าผ้าใบและรองเท้าแตะที่วางอยู่รายรอบ ไม่รอช้าต่างคนต่างเดินมุ่งไปยังกองรองเท้าของตัวเองที่วางอยู่ทันที แอบนึกดีใจเล็กๆ ที่รองเท้าของแต่ละคนยังอยู่ดีไม่ถูกเตะกระจัดกระจายหายไปไหน
พัชรก้มตัวลงดึงขากางเกงยีนปลายขาดรุ่ยขึ้นสวมรองเท้าบูทแบบลวกๆ ไม่ได้รูดซิปขึ้นเพราะกลัวไม่ทันเพราะตอนนี้บรรดาผู้คนที่มากราบนมัสการหลวงพ่อโตยิ่งทวีมากขึ้นเรื่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาเห็นคนรักกับว่าที่น้องสะใภ้ยืนรออยู่ ทั้งสามพากันเดินออกมาจากบริเวณพระวิหารในทันทีเพราะคนเริ่มแน่นจนหายใจหายคอแทบไม่ได้แล้ว
“<<ใบหม่อนจะเดินเที่ยววัดต่อไหมหรือกลับเลยดี>>” ไม่ลืมที่จะหันไปถามคนเป็นน้องสาวหลังจากเดินพ้นจากบริเวณพระวิหารแล้ว
ใบหม่อนกลอกตามองบนทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก ตอนนี้เจ้าตัวเริ่มคิดอะไรไม่ออกแล้วเมื่อเจอสถานการณ์ตรงหน้ามองไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนแน่นขนัดไปหมด มองไปทางคุ้มขุนช้างก็มีคนเดินขึ้นลงมากมายจนแทบจะเบียดกัน มองไปทางโบสถ์หลังใหม่ที่ยังสร้างไม่เสร็จก็ดูแน่นขนัด มิพักจะไปที่โบสถ์มอญด้านหลังที่เนืองแน่นไม่ต่างกันแถมเจ้าตัวยังเข้าไปไหว้ไม่ได้เพราะห้ามผู้หญิงเข้า ดวงตากลมโตคู่สวยเหลือบลงมาสบตากับคนเป็นพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ด้วยความรู้สึกท้อใจอยู่ไม่น้อย
“<<พี่ป๊อปอยากพาหนูไปไหนต่อไหมล่ะ ดูสิไปที่ไหนๆ คนก็แน่นไปหมดจนหนูไม่อยากเดินแล้วอ่ะพี่ป๊อป>>”
“นั่นสิจ๊ะน้องใบหม่อน” พัชรเสริมขึ้นมาด้วยความรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อยระคนความรู้สึกอึดอัดส่วนตัว “พี่ว่ากลับไปหาอะไรอร่อยๆ กินที่กรุงเทพฯ หรือไปช็อปปิ้งดีไหมจ๊ะน้องใบหม่อน”
หญิงสาวเจ้าของวันเกิดหันขวับไปหาว่าที่พี่สะใภ้ในทันที ดวงตากลมโตลุกวาวขึ้นด้วยอาการดีใจ “จริงเหรอคะพี่พัชร”
“จริงสิจ๊ะน้องใบหม่อน” เสียงหวานเอ่ยกับว่าที่น้องสะใภ้ มองผ่านเลยมายังคนตัวใหญ่ที่ยืนยิ้มแหยๆ อยู่
ป๊อปรู้ชะตากรรมตัวเองทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ นัยน์ตาสองชั้นหลบเริ่มออกอาการเลิ่กลั่กให้เห็น เริ่มเก็บทรงไม่อยู่ เหงื่อกาฬเม็ดโตผุดออกมาไหลอาบบนใบหน้าคร้ามพร้อมกับอาการร้อนผะผ่าวที่หน้า หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น ยิ่งเจอลูกอ้อนของเจ้าของวันเกิดที่สยบเขาอยู่ทุกครั้งที่ได้ยินเมื่อ...
“<<พี่ป๊อป หนูว่ากลับกรุงเทพฯ ดีกว่า พาหนูไปช็อปปิ้งหน่อย นะๆๆๆๆๆๆ>>”
ไม่ใช่แค่เสียงใสที่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำออดอ้อนเท่านั้น ศีรษะสวยได้รูปโน้มลงมาซบต้นแขนใหญ่พร้อมกับมือทั้งสองข้างเริ่มตะกุยไปบนท่อนแขนราวกับแมวอ้อนเจ้าของ ขณะที่ผู้สมรู้รวมคิดอย่างพัชรคลี่ยิ้มหวานพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ป๊อปชำเลืองมองกิริยาท่าทางของคนเป็นน้องสาวแล้วอดขำไม่ได้ ยังไงไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้วยิ่งวันนี้ตรงกับวันคล้ายวันเกิดด้วย ก็ยิ่งอยากจะพาไปถึงแม้จะรู้ตัวว่าจะต้องเสียเงินมากขนาดไหนเพราะว่าน้องสาวคนนี้ช็อปปิ้งเก่งเหลือเกิน
“<<ไปสิ จะไม่พาไปได้ไงล่ะหืม>>” ป๊อปก้มหน้าลงมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสของคนขี้อ้อน เอื้อมมืออีกข้างมาจับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกไปมาเป็นการหยอกล้ออีกหนึ่งที
“<<พี่ป๊อปรับปากแล้วนะ ห้ามผิดคำพูดล่ะ ไม่งั้นหนูโกรธพี่ป๊อปนะ>>”
ใบหม่อนส่งสายตาคาดคั้นกับพี่ชายพร้อมกับผละศีรษะตัวเองออกหลังจากผมมัดจุกเหนือศีรษะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ดวงตากลมโตคู่สวยยังไม่ละสายตาไปจากใบหน้าคร้าม
ป๊อปไม่พูดอะไรอีกนอกจากหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่แอบส่งสายตาคาดโทษไปยังผู้สมรู้ร่วมคิดที่มีฐานะเป็นคนรักของตัวเอง ขณะที่คนโดนคาดโทษแกล้งทำสายตาล้อเลียนประมาณว่ากลัวทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าวิธีทำโทษของแฟนหนุ่มคืออะไร ทั้งสามพากันเดินกลับไปยังรถเอสยูวีเจ็ดที่นั่งสีดำคันเดิมที่จอดอยู่ตรงลานหน้าพระอุโบสถหลังใหม่เตรียมตัวออกเดินทางต่อ...
....................................................................................................
ณ ห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ
ทั้งสามมาถึงห้างตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ๆ หลังจากขับรถดิ่งตรงจากสุพรรณบุรีในเวลาเพียงชั่วโมงกว่า เมื่อรถเอสยูวีสีดำจอดสนิทและดับเครื่องเรียบร้อย ทั้งสามต่างพากันลงจากรถยืดเส้นยืดสายสักเล็กน้อยหลังจากนั่งอยู่เป็นเวลานานก่อนพากันเดินเข้าไปในตัวห้างท่ามกลางบรรยากาศพลุกพล่านของผู้คนที่มาช็อปปิ้งในวันอาทิตย์ ขณะทีป๊อปแอบอาศัยจังหวะที่คนรักเผลอยื่นริมฝีปากหยักภายใต้หนวดเครารกครึ้มประทับลงบนพวงแก้มขาวใสอ่อนนุ่มของแฟนสาวหนึ่งทีเป็นการทำโทษที่แอบสมรู้ร่วมคิดกับน้องสาวตัวเองจนต้องพามาเที่ยวห้างในตอนนี้
พัชรรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าเมื่อโดนแฟนหนุ่มทำโทษด้วยการขโมยจูบเข้าอย่างจังเมื่อตอนเผลอ ดวงตาคู่สวยถลึงใส่คนขโมยจูบอย่างเอาเรื่อง ไม่รอช้า มือเรียวเล็กหนีบเข้าที่เนื้อท่อนแขนใหญ่อย่างจัง
“โอ๊ย…”
“นี่แน่ะ ขโมยจูบเค้าอีกแล้วนะป๊อป ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอไงห๊า”
ป๊อปร้องเสียงหลงจนคนรอบข้างหันมามองด้วยสายตาที่หลากหลายความรู้สึก บ้างแอบซุบซิบนินทาให้เห็นกัน ขณะที่พัชรคลี่ยิ้มร้ายพลางปรายตามองหน้าคนโดนหยิกด้วยแววตาแสดงอาการสะใจเป็นที่สุดที่ได้เอาคืนคนรักแบบนี้
ใบหม่อนส่งเสียงหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองร้องเสียงหลงเพราะโดนหยิก หันไปยิ้มให้กับว่าที่พี่สะใภ้อย่างรู้ใจกันก่อนหันไปเยาะเย้ยคนเป็นพี่ชายอีกรอบหนึ่ง
“<<โอ๋ๆๆ เจ็บไหมคะพี่ชาย น่าสงสารจังเลยอ่ะ แบร่>>”
หญิงสาวแกล้งดัดเสียงอย่างโอเวอร์ก่อนลงท้ายด้วยการแลบลิ้นหลอกใส่ เห็นหน้าพี่ชายตอนหงุดหงิดแล้วอดที่จะขำไม่ได้ แต่ก็ไม่ใจร้ายกับอีกฝ่ายมากเกินไปเมื่อมือเรียวสวยยื่นมาลูบๆ ตรงที่โดนหยิกเมื่อสักครู่ก่อนก้มหน้าลงเป่าลมอุ่นๆ ลงไปหวังช่วยขับไล่ความเจ็บปวดให้หมดไป
“<<เพี้ยง! หายไวๆ น้า ไม่เจ็บแล้วน้าพี่ชายของหนู>>”
ปากหยักได้รูประบายยิ้มบางๆ เมื่อเห็นหญิงสาวเป่าแขนข้างที่โดนหยิก ที่จริงอาการเจ็บปวดหายไปพร้อมกับอาการหงุดหงิดแล้วเมื่อได้รับสัมผัสอันอบอุ่นจากมือเรียวเล็กที่ลูบและเป่าซ้ำไปอีกหนึ่งที ยิ่งได้สบกับดวงตากลมโตคู่สวยที่ฉายแววซุกซนปนออดอ้อนแล้วรู้สึกดีขึ้นมาแทบจะทันที
พัชรชำเลืองมองสองพี่น้องด้วยความรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ โดยเฉพาะว่าที่น้องสะใภ้ที่ตอนแรกเหมือนจะเข้าข้างตัวเอง แต่ไปๆ มาๆ กลับไปปลอบใจคนขโมยจูบตัวเองเสียอย่างนั้น
และแล้วเวลาแห่งการช็อปปิ้งได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อทั้งสองสาวพากันเดินเข้าไปยังโซนขายเสื้อผ้าสตรี ปล่อยให้ชายหนุ่มเดินตามหลังเงียบๆ ดูทั้งสองสาวชี้ชวนกันเลือกเสื้อผ้ากับรอเป็นคนจ่ายเงินเท่านั้น ยังดีที่ว่าตอนนี้กำไรหุ้นของไตรมาสที่แล้วบวกกับเงินค่างานยังเหลืออยู่เยอะพอที่จะให้ช็อปปิ้งในครั้งนี้ได้ จนเมื่อมาถึงร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงแบรนด์เนมร้านหนึ่ง
ใบหม่อนชำเลืองมองโซนจำหน่ายกางเกงทำงานอย่างประเมิน หลังจากที่ได้โอนย้ายมาแล้วที่ทำงานใหม่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการแต่งตัวมากนัก เลยเลือกที่จะใส่กางเกงไปทำงานมากกว่า แต่ว่ากางเกงที่มีอยู่ในตอนนี้บางตัวใส่ไม่ได้แล้วเพราะคับบ้างหรือผ้าเปื่อยจนขาดบ้าง ในใจตอนนี้อยากได้กางเกงขาห้าส่วนรัดรูปสักหน่อยเพราะต้องการอวดหุ่นตัวเอง
ขณะที่พัชรสังเกตรูปร่างของว่าที่น้องสะใภ้ที่ค่อนข้างสูงโปร่งสะโอดสะอง สะโพกเว้าได้สัดส่วนพอดี ถือว่าเป็นคนหุ่นดีพอสมควร เริ่มนึกอะไรได้ขึ้นมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้าไปเลือกดูกางเกงทำงานอยู่ ร่างบางพาตัวเองเข้าไปใกล้ก่อนออกปากถาม
“น้องใบหม่อนอยากได้กางเกงเหรอจ๊ะ”
“ใช่แล้วค่าพี่พัชร เนี่ยกางเกงที่บ้านหลายตัวหนูเริ่มใส่ไม่ได้แล้วอ่ะ มันคับ” เสียงใสเอ่ยกระเง้ากระงอดกับว่าที่พี่สะใภ้
พัชรคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อได้ฟังคำตอบ ดวงตาคู่สวยตวัดมองร่างสูงระหงอย่างประเมินก่อนหันไปมองกางเกงขาห้าส่วนที่อีกฝ่ายกำลังเลือกดูอยู่
“พี่ว่าน้องใบหม่อนลองใส่ขาม้าแบบพี่ดีไหมจ๊ะ”
ใบหม่อนขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างครุ่นคิด ในใจอยากได้กางเกงขาห้าส่วนเข้ารูปเพราะใส่แล้วดูทะมัดทะแมงและคล่องตัวกว่า แต่เมื่อได้ยินคำถามจากว่าที่พี่สะใภ้แบบนี้เริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมา ก้มลงชำเลืองมองกางเกงยีนขาม้าปลายขาดรุ่ยที่ว่าที่พี่สะใภ้สวมอยูก่อนเงยหน้าขึ้นสำรวจร่างบางที่จัดว่าหุ่นดีไม่แพ้เจ้าตัวเหมือนกันอย่างประเมิน
“จะให้หนูใส่ขาม้าแบบพี่พัชรเหรอคะ หนูว่ามันไม่เข้ากับหนูเท่าไหร่หรอก” เสียงใสตอบอ้อมแอ้มๆ ดวงตากลมโตฉายแววความไม่มั่นใจให้เห็น
“ลองดูสิจ๊ะ พี่ว่าน้องใบหม่อนตัวสูงแบบนี้ใส่ขาม้าสวยอยู่นะ” พัชรคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนให้คำตอบ
ได้ฟังคำของว่าที่พี่สะใภ้แล้วเกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมา แต่สุดท้ายหญิงสาวแขวนกางเกงขาห้าส่วนที่เลือกไว้คืนยังที่เดิม เดินเลยไปยังราวที่แขวนกางเกงขาม้าที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ไม่รอช้าหยิบออกมาแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องลองชุดทันที เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ร่างสูงระหงเดินออกมาอวดกางเกงขาม้าที่ลองใส่ให้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ดู
“<<พี่ป๊อปเป็นไงบ้าง สวยไหม>>” เสียงใสเอ่ยถามพี่ชายอย่างร่าเริง แต่สีหน้าของสาวเจ้าในตอนนี้ยังเผยให้เห็นความไม่มั่นใจอยู่
ป๊อปก้มลงมองกางเกงขาม้าสีดำที่ห่อหุ้มขาเรียวสวยกับรองเท้าผ้าใบแบรนด์เนมที่ตัวเองซื้อให้ตั้งแต่วันเกิดปีที่แล้วอย่างประเมิน ยอมรับเลยว่าเมื่อยามที่น้องสาวใส่กางเกงขาม้าแบบนี้แล้วดูดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หันไปส่งสายตากับคนรักที่เพิ่งยุน้องสาวไปเมื่อสักครู่
“แหมพัชร ชวนให้น้องเราใส่ขาม้าเลยเรอะ”
พัชรหันมาคลี่ยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มแทนคำพูดทั้งหมด หันกลับไปหาว่าที่น้องสะใภ้ที่กำลังยืนพอยต์เท้าอวดโฉมกางเกงขาม้าให้ดูอยู่
“<<น้องพี่หุ่นดีขนาดนี้พี่ว่าใส่อะไรก็สวยหมดแหละ>>” ป๊อปพูดไปคลี่ยิ้มไป ตรงกับความรู้สึกในใจตอนนี้
ใบหม่อนคลี่ยิ้มหวานให้กับคนเป็นพี่ชายก่อนหันไปหาว่าที่พี่สะใภ้ “พี่พัชร หนูว่าหนูต้องลองใส่แล้วล่ะ ก็ดูดีเหมือนกันนะ แต่มันรุ่มร่ามไปหน่อยอ่ะ”
“มันก็เป็นแบบนี้แหละจ้า แต่ใส่ๆ ไปเดี๋ยวมันก็ชิน ถ้าขายาวเกินก็ตัดออกได้เลาะออกได้นี่ พี่ว่ามันใส่สบายกว่าขาเดฟเข้ารูปอีกนะ” พัชรหล่นความเห็นออกมา ดวงตาคู่สวยกวาดสายตาลงมองอย่างประเมิน “แต่กางเกงขาม้าเอาไว้ใส่กับรองเท้าทำงานหรือคัชชูจะดูดีกว่าใส่กับผ้าใบอีกนะพี่ว่า”
“ก็จริงของพี่พัชรแหละค่ะ” ใบหม่อนปรับน้ำเสียงให้นิ่งเรียบ “แต่หนูไม่ชอบใส่คัชชูนี่นา ใส่แล้วเจ็บเท้าอ่ะพี่พัชร”
ร่างสูงระหงเดินกลับเข้าไปห้องลองชุดอีกครั้ง ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจหญิงสาวก็เดินกลับออกมากับกางเกงยีนขายาวรัดรูปตัวเดิม คราวนี้เดินตรงรี่เข้าไปคว้าท่อนแขนใหญ่พร้อมกับซบศีรษะสวยลงบนท่อนแขนอ้อนคนเป็นพี่ชายในทันที
“<<พี่ป๊อปซื้อกางเกงให้น้องหน่อยน้า>>”
ป๊อปคลี่ยิ้มน้อยๆ พลางเอื้อมมือข้างที่ว่างไปจับผมมัดจุกแล้วบีบเบาๆ เชิงหยอกล้อหนึ่งที “<<ได้สิ พี่ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว>>”
บัตรเดบิตในมือของชายหนุ่มถูกยื่นให้กับพนักงานแคชเชียร์ในทันที เห็นตัวเลขบนหน้าจอแล้วแอบหวั่นใจเล็กๆ ไม่คิดว่าแค่กางเกงขาม้าสองตัวราคารวมกันล่อไปเกือบสามพันบาท แต่เพื่อน้องสาวคนนี้เขายอมทำให้ได้อยู่แล้ว
ใบหม่อนเดินนำหน้าพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ด้วยกิริยาท่าทางร่าเริงสดใสหลังจากที่ได้ถลุงเงินของพี่ชายไปกับกางเกงทำงานตัวใหม่สองตัวเป็นการประเดิม ในใจของหญิงสาวในตอนนี้กะอยากช็อปให้เต็มที่ในวันเกิดปีที่ยี่สิบเจ็ด แต่อีกใจหนึ่งนึกเกรงใจพี่ชายอยู่ไม่น้อยจนอยากจะควักเงินตัวเองจ่ายบ้าง
สองสาวพากันเดินไปยังโซนจำหน่ายเครื่องสำอาง ต่างชี้ชวนกันให้ลองครีมบำรุงผิว โทนเนอร์ อายไลเนอร์ แป้งรองพื้น ลิปสติก บลัชออนหลากหลายแบรนด์อย่างเพลิดเพลินตามประสาผู้หญิงจนแทบไม่สนใจชายหนุ่มคนเดียวที่ตอนนี้เดินแยกตัวไปเดินอีกโซนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันนักพอให้ได้เห็นกัน
“ปกติน้องใบหม่อนกรีดตาบ้างไหมจ๊ะ” พัชรเอ่ยปากถามขึ้นมาเมื่อมาถึงโซนที่จำหน่ายอายไลเนอร์
“ไม่อ่ะพี่พัชร หนูไม่ค่อยชอบ” ใบหม่อนส่ายหน้าปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “มันไม่เข้ากับหน้าหนูอ่ะพี่พัชร”
พัชรพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจเมื่อได้ยินคำตอบจากว่าที่น้องสะใภ้ หันไปให้ความสนใจกับอายชาโดว์ที่อยู่ตรงเชลฟ์ตรงหน้าต่อ ต่างคนต่างชี้ชวนกันหยิบมาลองกันสลับกับพูดคุยกับพนักงานขายไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วใบหม่อนอดใจไม่ไหวจัดบลัชออนสำหรับปัดแก้มและอายชาโดว์ทาขอบตามาอีกชุดหนึ่งกับเซตครีมบำรุงผิวทั้งกลางวันกลางคืน หมดไปร่วมๆ เกือบสามพัน แต่ครั้งนี้เจ้าตัวต้องเป็นคนควักเงินจ่ายเอง ขณะที่พัชรจ่ายเงินให้ในส่วนครีมบำรุงผิวพร้อมกับจัดเซตบำรุงผิวของตัวเองอีกชุดหนึ่ง
“หูยน้องใบหม่อนซื้อเยอขนาดนี้จะใช้หมดไหมเนี่ย” พัชรอดที่จะถามไม่ได้เมื่อเห็นของในมือว่าที่น้องสะใภ้
“ไม่รู้สิพี่พัชร แต่หนูก็ใช้เรื่อยๆ นะ ต่อไปหนูคงแต่งหน้าไปทำงานทุกวันแล้วล่ะค่ะพี่พัชร” เสียงใสตอบกลับมาอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ถึงแม้ปกติเป็นคนไม่แต่งหน้ามาก แต่ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องแต่งหน้าบ้างแล้ว
สองสาวพากันเดินออกมาจากโซนจำหน่ายเครื่องสำอาง พยายามชะเง้อมองหาคนตัวใหญ่ที่ตอนนี้หายไปไหนสักที่จนเริ่มรู้สึกกระวนกระวายด้วยกันทั้งคู่ ต่างคนต่างแยกกันออกเดินตามหาในบริเวณนั้น บังเอิญพัชรเห็นคนที่เป็นเป้าหมายกำลังเดินเล่นดูของตรงโซนจำหน่ายเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
“อ้าวอยู่ตรงนี้เองเหรอ เค้ากับน้องใบหม่อนหาตั้งนานแน่ะ”
เสียงหวานที่คุ้นหูดังแว่วกระทบโสตประสาทของคนตัวใหญ่พร้อมกับความรู้สึกอุ่นๆ ที่มือ ใบหน้าคร้ามหันกลับมามองเห็นคนรักยืนกุมมือส่งยิ้มหวานให้ มองผ่านเลยไปเห็นน้องสาวตัวเองยืนคลี่ยิ้มแห้งๆ อยู่ไม่ไกล
“อืม ก็ยืนรอนานๆ มันเบื่อนี่เลยเดินเล่นดูอะไรหน่อยน่ะ” ป๊อปเอ่ยตอบคนรักพลางโน้มหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าสวยหวานของคนรัก บรรจงกดจมูกโด่งราวสันเขื่อนลงบนพวงแก้มนุ่มหนึ่งที
พัชรจิกเล็บเรียวสวยบนมือหนาของชายหนุ่มเป็นเชิงปราม รู้สึกอายที่ถูกแฟนหนุ่มขโมยหอมแก้มต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ ดวงตาคู่สวยมองดุใส่คนขโมยหอมแก้มหนึ่งที
“อีตาบ้า ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอไง” เสียงหวานว่าให้ไม่จริงจังนัก “ป๊อปเล่นหายไปแบบนี้เค้ากับน้องใบหม่อนเป็นห่วงนะ ตามหาแทบแย่เลย ชิ”
“<<นั่นสิพี่ป๊อป หนูกับพี่พัชรเดินตามหาแทบแย่>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอดใส่อย่างน้อยใจระคนเป็นห่วง เหลือบตามองหน้าคนเป็นพี่ชายด้วยความรู้สึกน้อยใจเล็กๆ
ป๊อปคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นกิริยาท่าทางของคนรักกับน้องสาวที่แสดงออกให้เห็น นึกขอโทษในใจที่แยกตัวออกมาโดยไม่ยอมบอกกล่าวจนทำให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วง รู้ตัวอีกทีทั้งสามพากันเดินเลยไปจนถึงโซนจำหน่ายรองเท้าแล้ว
เมื่อใบหม่อนเห็นรองเท้าผ้าใบแบรนด์เนมรุ่นใหม่ล่าสุดวางล่อตาอยู่ตรงหน้า ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาก่อนหยิบขึ้นมาสำรวจทันทีด้วยอาการตื่นเต้น ขณะที่ป๊อปลอบยิ้มบางๆ ให้กับตัวเองพลางนึกในใจ
‘เสียเงินอีกแน่กู’
พัชรเดินแยกตัวไปดูรองเท้าวิ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ไกลนัก คิดจะซื้อติดไว้สักคู่เผื่อได้ใส่วิ่งในวันหยุดบ้าง กะจะชวนให้แฟนหนุ่มกับว่าที่น้องสะใภ้ไปวิ่งตอนเช้าบ้างดีกว่าจะมาหมกตัวอุดอู้อยู่แต่ในห้อง ใบหน้าสวยหวานแหงนขึ้นดูรองเท้าวิ่งหลากหลายรุ่นหลายแบบให้เลือกจนละลานตาไปหมด หันไปมองแฟนหนุ่มที่ตอนนี้เดินเข้าไปหาว่าที่น้องสะใภ้ที่ยืนเลือกรองเท้าผ้าใบอยู่
“<<หูยแพงจังเลยอ่ะพี่ป๊อป คู่ตั้งเจ็ดพันกว่าแน่ะ>>” เสียงใสเอ่ยกับคนเป็นพี่ชายพร้อมกับชี้ป้ายราคาให้อีกฝ่ายดู
“<<แล้วเราชอบไหมล่ะใบหม่อน ถ้าชอบก็เอาเลย พี่ซื้อให้ เอาไหม>>”
ใบหม่อนคว่ำปากลงในทันทีด้วยความรู้สึกเกรงใจคนเป็นพี่ชาย ดวงตากลมโตเหลือบมองต่ำลงก่อนตัดใจวางรองเท้าผ้าใบในมือคืนชั้นวางเหมือนเดิม รู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อยแต่ติดที่ว่าราคามันแพงเหลือเกิน
“<<ไว้ก่อนดีกว่าพี่ป๊อป หนูว่ามันแพงเกินอ่ะ>>”
ป๊อปชำเลืองมองหน้าคนเป็นน้องสาวแล้วอดเห็นใจไม่ได้ จริงอยู่ที่กำไรหุ้นของตัวเองกับเงินค่างานในบัญชีมีมากกว่าห้าแสนบาทซึ่งมากพอที่จะซื้อให้ได้ก็ตาม แต่เมื่อเห็นน้องสาวมีท่าทีแบบนี้แล้วก็ได้แต่ยิ้มรับการตัดสินใจไป
“<<แล้วอยากได้คู่ไหนไหม เดี๋ยวพี่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ดีไหมล่ะคะ>>”
“<<เดี๋ยวหนูขอคิดดูก่อนนะพี่ป๊อป มีคู่สวยๆ ถูกใจหนูหลายคู่เลยล่ะ งั้นหนูไปดูก่อนดีกว่า>>”
ร่างสูงระหงเดินจากไปยังชั้นวางรองเท้าผ้าใบรุ่นอื่นๆ ที่วางไว้บนชั้นจนละลานตาด้วยท่าทางร่าเริงอีกครั้ง ป๊อปหันไปมองตามแผ่นหลังบางที่เดินจากไปก่อนลอบยิ้มให้กับตัวเอง นึกถึงชั้นวางรองเท้าที่ห้องในตอนนี้ที่เต็มไปด้วยรองเท้าหลากหลายแบบทั้งรองเท้าทำงาน รองเท้าผ้าใบหลากหลายแบรนด์หลายสีสันของหญิงสาวที่ยึดครองพื้นที่ไว้เกือบหมด เหลือพื้นที่ให้รองเท้าผ้าใบกับรองเท้าแตะของเขาเองและพื้นที่วางรองเท้าของแฟนสาวเพียงเท่านั้น
‘เต็มชั้นแน่เลยใบหม่อน ฮิๆ ซื้อเยอะขนาดนี้จะใส่ทันไหมเนี่ย’
เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างสูงระหงเดินตรงมาหาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับรองเท้าผ้าใบสีดำสลับขาวในมือ เสียงใสของเจ้าของร่างระหงเอื้อนเอ่ยขึ้นด้วยอาการตื่นเต้น
“<<พี่ป๊อป หนูเอาคู่นี้ดีกว่า แค่สามพันบาทเอง>>”
“<<เอาจริงนะ ซื้อไปแล้วใส่ด้วยล่ะ>>” ป๊อปถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ “<<ไม่ใช่ซื้อไปแล้วไปวางทิ้งไว้เฉยๆ ล่ะ เต็มชั้นวางจนไม่มีที่แล้วเนี่ย>>”
“<<ไม่รู้ล่ะ>>” ใบหม่อนย้อนให้อย่างเป็นต่อ เพราะรู้ว่ายังไงพี่ชายก็ต้องยอมอยู่แล้ว “<<รู้อย่างเดียวว่าพี่ป๊อปต้องซื้อให้หนู เข้าใจไหม>>”
สุดท้ายแล้วป๊อปก็ต้องเสียเงินซื้อรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ให้กับคนเป็นน้องสาวด้วยความเต็มใจ บัตรเดบิตในมือถูกยื่นให้กับพนักงานแคชเชียร์ เห็นตัวเลขราคาและข้อความแจ้งเตือนเงินออกจากบัญชีผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วทำเอาคนตัวใหญ่ลอบถอนหายใจเบาๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเมื่อเห็นใบหม่อนยิ้มกว้างอย่างร่าเริงที่ตัวเองซื้อรองเท้าให้ใส่ก็ทำให้เขาลืมความกังวลใจที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ปากหยักคลี่ยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกดีใจไปกับหญิงสาวด้วย
“<<ขอบคุณมากน้าพี่ป๊อปที่ซื้อให้หนูอ่ะ>>” เสียงใสเอ่ยขอบคุณคนเป็นพี่ชายด้วยท่าทางร่าเริงมากกว่าเดิม
“<<ฮื้ม อยู่แล้วล่ะ ไม่ให้พี่ซื้อของให้น้องสาวพี่แล้วจะให้พี่ซื้อให้ใครล่ะหืม>>” ป๊อปย้อนถามกลับไป เอื้อมมือขึ้นไปจับผมมัดจุกเหนือศีรษะของหญิงสาวโยกไปมาก่อนปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว
“อ้าวป๊อป น้องใบหม่อน รอเค้านานไหมอ่ะ”
พัชรเดินเข้ามาหาสองพี่น้องที่ยืนรออยู่ไม่ไกลหลังจากจ่ายเงินซื้อรองเท้าวิ่งคู่ใหม่เสร็จ หันไปสบตาชายคนรักที่ตอนนี้คลี่ยิ้มบางๆ ให้ก่อนมองผ่านเลยไปทางว่าที่น้องสะใภ้ที่กำลังออกอาการดีใจที่ได้รองเท้าคู่ใหม่อยู่
“รอไม่นานหรอกน่าพัชร” ป๊อปเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลแผ่วเบา “ว่าแต่พัชรซื้อรองเท้าคู่ใหม่ด้วยเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิป๊อป อยากได้รองเท้าวิ่งนี่นา” เสียงหวานเอ่ยตอบด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด “เนี่ยมัวแต่อุดอู้อยู่ในห้อง วันหลังเค้าต้องชวนป๊อปกับน้องใบหม่อนออกไปวิ่งบ้างแล้ว ดูสิ ป๊อปเอาแต่หมกตัวจนอ้วนตายแล้วเนี่ย คริๆ”
ใบหม่อนหลุดขำพรืดออกมาเมื่อได้ยินว่าที่พี่สะใภ้แซะคนเป็นพี่ชาย แอบส่งสายตาแฝงความซุกซนมองไปที่ใบหน้าคร้ามที่เริ่มทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกครั้ง
‘ก็พี่ป๊อปอ้วนจริงๆ นี่นา ยอมรับความจริงหน่อยสิคะ’ หญิงสาวนึกในใจ
ป๊อปได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ รับคำของแฟนสาวแบบไม่มีทางปฏิเสธได้ เพราะชีวิตของตัวเองในทุกๆ วันเอาแต่กิน ทำงาน แล้วก็นอนแค่นั้น และบางคืนอดหลับอดนอนติดต่อกันด้วย นับตั้งแต่ออกมาเป็นฟรีแลนซ์จนถึงปีนี้เป็นเวลาสามปีแล้วที่ชีวิตของเขาวนลูปแบบนี้ จะมีโอกาสได้ออกไปข้างนอกบ้างเพียงแค่ประชุมงานหรือนัดทานข้าว นัดเที่ยวกับแฟนสาวเท่านั้น จวบจนวันที่ใบหม่อนลงมาอยู่ด้วยก็ยังเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องเหมือนเดิมถึงแม้จะเริ่มออกไปข้างนอกมากขึ้นก็ตาม ผิดกับเมื่อครั้งที่ยังทำงานประจำอยู่ที่ได้มีเวลาออกไปเดินเล่นไกลๆ ก่อนเข้างานบ้าง
“ถ้าพัชรชวนเราไปวิ่งก็ดีเหมือนกันนะ”
“อย่าขี้เกียจล่ะป๊อป ออกกำลังกายบ้างเผื่อป๊อปจะได้ผอมลงบ้างไง คริๆ”
“ดีเลยค่าพี่พัชร เนี่ยหนูคิดว่าว่างๆ อยากชวนพี่ป๊อปออกไปตีแบตฯ อนเย็นเหมือนกัน หนูอยากเห็นพี่ป๊อปตีแบตฯ อ่ะ ตลกดี คริๆ” ใบหม่อนอาศัยจังหวะแทรกบทสนทนาระหว่างพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้เข้าไปได้อย่างแนบเนียน
ป๊อปปรายตามองหน้าทะเล้นของคนเป็นน้องสาวแล้วได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ยอมรับว่าตัวเองตีแบตฯ แทบไม่เป็นเลยเพราะไม่เก่งกีฬามาตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว ทุกครั้งที่น้องสาวชวนให้เขาเล่นแบตฯ ด้วยมักจบที่เสียงหัวเราะเชิงล้อเลียนของอีกฝ่ายเพราะด้วยความที่เขาใช้มือซ้ายตีและทำท่าเก้ๆ กังๆ จนชวนให้รู้สึกขบขัน และแน่นอนว่าเขาแพ้น้องสาวของเขาหลุดลุ่ยทุกแมตช์ทุกตา ถึงอย่างนั้นก็ตามเขาก็เต็มใจที่จะเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวคนนี้จวบจนวันที่เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและห่างๆ กันไปเป็นเวลานานกว่าหกเจ็ดปีแล้ว
“ดีเลยจ้าน้องใบหม่อน พี่อยากตีแบตฯ เหมือนกัน นี่ๆๆ ไว้วันหยุดดีกว่าไหมจ๊ะ”
“ดีๆๆ จ้าพี่พัชร”
เสียงใสขานรับว่าที่พี่สะใภ้อย่างเห็นดีเห็นงาม หันมาหาคนเป็นพี่ชายที่ยังเหลือร่องรอยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้เห็นบนใบหน้า กลีบปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับส่งสายตาแฝงความขี้เล่นอยู่ในที
“<<พี่ป๊อปต้องมาตีแบตกับพวกหนูด้วย เข้าใจไหม>>”
“<<อืมๆ ได้>>” มีหรือที่ป๊อปจะปฏิเสธแม้จะรู้ชะตากรรมของตัวเองดี “<<ถ้าพี่เล่นด้วยแล้วอย่ามาบ่นพี่ละกัน เข้าใจไหมคะใบหม่อนหน้ากลม>>”
รอยยิ้มอันสดใสหุบลงอย่างรวดเร็ว คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน จมูกโด่งเชิดรั้นย่นขึ้นจนเห็นริ้วรอยชัดเจน ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงฉายแววดุใส่
“<<ย่ะ อีพี่ชายบ้า>>” เสียงใสสะบัดพรืดใส่ “<<ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะพี่ป๊อป ใช่สิ หน้าหนูไม่ได้เรียวแบบพี่พัชรนี่>>” พูดจบแล้วส่งค้อนวงใหญ่ให้คนปากสว่างหนึ่งที
“<<ฮิๆ พอๆ ไปกันเถอะ หิวยังล่ะใบหม่อน>>” คนโดนมองค้อนใส่หัวเราะออกมาอย่างไม่ยี่หระ
“<<ไม่ต้องเลยพี่ป๊อป หนูไม่คุยด้วยแล้ว ชิ>>”
ใบหม่อนสะบัดบ๊อบใส่คนเป็นพี่ชายในทันที ยังรู้สึกงอนไม่หายหลังจากโดนคนเป็นพี่ชายพูดล้อเลียนถึงแม้ว่าตัวเองจะอยู่ในสถานะที่เป็นต่อเพราะยังไงอีกฝ่ายก็ต้องยอมให้อยู่แล้วก็ตาม
ทั้งสามพากันเดินผ่านร้านรวงต่างๆ ไปจนถึงร้านจำหน่ายรองเท้าแบรนด์เนมร้านหนึ่ง พัชรไม่รอช้ารีบเดินนำสองพี่น้องเข้าไปข้างในทันที ไม่ลืมที่จะคว้าข้อมือใหญ่ของคนรักไว้ด้วยราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินแยกตัวออกไปอีก จนมาถึงข้างในร้านที่รายล้อมไปด้วยรองเท้าสำหรับสุภาพสตรีรูปแบบต่างๆ ส่วนใหญ่เน้นไปทางรองเท้าใส่ทำงานหลากหลายรูปแบบที่วางบนชั้นวางให้ละลานตาไปหมด
พัชรไม่รอช้าเดินไปตรงโซนจำหน่ายรองเท้าบูทในทันที ในใจของหญิงสาวคิดอยากได้รองเท้าคู่ใหม่อยู่พอดีเพราะคู่ที่ใส่อยู่ในตอนนี้เริ่มพังจนซ่อมไปหลายครั้งทั้งลงมือซ่อมเองกับส่งร้านซ่อม ล่าสุดเพิ่งหยอดกาวร้อนไปเพราะพื้นรองเท้าเริ่มเปิดแล้ว หญิงสาวเลือกรองเท้าบูทแบบครึ่งน่องรูปทรงเหมือนกับคู่เดิมที่เจ้าตัวใส่อยู่และง่วนไปกับการลองรองเท้าคู่ที่เลือกไว้โดยมีพนักงานในร้านคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
ขณะที่ใบหม่อนเดินแยกไปดูรองเท้าคัชชูอยู่อีกด้านหนึ่ง ยังไงจะไม่ใส่ส้นสูงเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็น แต่ดูแล้วไม่เจอคู่ที่ถูกใจสักทีเพราะมีแต่แบบส้นสูงทั้งนั้น ไม่มีแบบส้นแบนที่ตัวเองอยากได้ให้เลือกเลยแม้แต่คู่เดียวจนเจ้าตัวออกอาการผิดหวัง รีบเดินกลับมาหาคนเป็นพี่ชายที่นั่งดูว่าที่พี่สะใภ้ลองใส่รองเท้าคู่ใหม่อยู่
“<<อ้าวใบหม่อน ไม่ไปดูรองเท้าแล้วเหรอ>>”
ป๊อปเอ่ยถามขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงยุบตัวของเบาะข้างๆ ตัว เห็นร่างสูงระหงเพิ่งหย่อนตัวลงนั่งพร้อมกับหยิบสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินขึ้นมาเขี่ยหน้าจอเล่น
“<<ไปดูแล้วอ่ะพี่ป๊อป มีแต่ส้นสูงทั้งนั้นเลยหนูไม่ชอบอ่ะ>>” ใบหม่อนเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอดใส่ก่อนโน้มหน้าเข้ามาซบกับท่อนแขนแกร่งของคนเป็นพี่ชาย “<<อีกอย่างหนูยังไม่อยากได้รองเท้าทำงานหรอกพี่ป๊อป ปกติหนูก็ใส่ผ้าใบไปทำงานอยู่แล้วนี่นา>>”
มือหนาเอื้อมไปลูบบนพวงแก้มป่องของคนเป็นน้องสาวด้วยความรู้สึกเอ็นดู ปากหยักได้รูประบายยิ้มพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งยังเด็กที่น้องสาวของเขามักชอบเอาหน้ามาซบอกกับแขนของเขาทุกครั้งยามเมื่อได้อยู่ด้วยกันถึงแม้จะมีห่างๆ กันไปบ้างเมื่อต่างคนต่างโตขึ้นและด้วยช่องว่างระหว่างวัยที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แต่วันนี้หญิงสาวกลับมาทำกิริยาแบบนี้กับเขาอีกครั้งจนทำให้อดที่จะนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งก่อนไม่ได้จนเผลอยิ้มออกมาคนเดียว
“ป๊อปว่าคู่นี้สวยไหม”
เสียงหวานที่คุ้นหูปลุกให้คนตัวใหญ่หลุดจากภวังค์ความคิดออกมา ชำเลืองมองไปทางหญิงคนรักที่ส่งสายตามองมาราวกับเด็กน้อยรอคำตอบอยู่
นัยน์ตาสองชั้นหลบเหลือบมองรองเท้าบูทส้นสูงหนังสีดำมันปล๊าบสูงครึ่งน่องทรงหัวตัดในมือของคนรักอย่างประเมิน มันช่างเหมือนกับคู่เดิมที่หญิงสาวสวมอยู่ในตอนนี้ราวกับถอดแบบกันมา รู้ได้ทันทีว่าแฟนสาวเลือกที่จะซื้อรองเท้าแบบเดิมทั้งที่ได้ลองแบบอื่นมาแล้วก็ตาม
“ไม่สวยได้ไงล่ะพัชร มันเหมือนคู่เดิมที่พัชรใส่อยู่นี่นา”
พัชรคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับพ่นลมหายใจหนึ่งที เหลือบมองรองเท้าคู่ใหม่ที่อยู่ในมือ กลีบปากเรียวสวยผุดยิ้มพราวขึ้นมา “ใช่แล้วล่ะป๊อป ไม่มีคู่ไหนถูกใจเค้าเหมือนกับคู่นี้นี่นา ป๊อปก็รู้นี่ว่าเค้าไม่ชอบใส่รองเท้าปลายแหลม มันบีบเท้าเค้าน่ะ”
ยังไม่ทันที่ป๊อปจะได้อ้าปากพูดอะไรต่อ เสียงใสของคนที่ซบแขนของเขาเอ่ยแทรกขึ้นมาหน้าตาเฉย
“พี่พัชรไม่เบื่อบ้างเหรอคะ ใส่แต่รองเท้าบูทเนี่ย หนูเห็นแล้วอึดอัดแทนเลย”
“ไม่หรอกจ้าน้องใบหม่อน” พัชรคลี่ยิ้มหวานขึ้นมา “พี่ชอบของพี่แบบนี้แหละ มันเรียบร้อยทะมัดทะแมงดี ไม่ต้องกลัวรองเท้าหลุดตอนเดินด้วย”
สุดท้ายแล้วพัชรตัดสินใจเลือกรองเท้าคู่ใหม่คู่นี้เพราะถูกใจตั้งแต่แรกเห็นและใส่สบายที่สุดเมื่อเทียบกับคู่อื่น ทั้งสามพร้อมใจกันลุกขึ้นพากันเดินไปยังแคชเชียร์ ขณะที่รองเท้าคู่ใหม่ถูกส่งให้พนักงานร้านนำไปแพ็กกล่องเตรียมไว้ก่อน
พัชรหยิบบัตรเดบิตขึ้นมาเตรียมยื่นไปยังพนักงานเครื่องแคชเชียร์ แต่ป๊อปกลับเบรกไว้เสียเฉยๆ พร้อมกับยื่นบัตรเดบิตในมือของตัวเองให้พนักงานแคชเชียร์แทน
“พัชรไม่ต้องจ่ายหรอก เราซื้อให้เอง”
บัตรเดบิตของชายหนุ่มถูกรูดไปกับเครื่องด้วยฝีมือของพนักงานแคชเชียร์ก่อนถูกส่งคืนกลับมาพร้อมกับถุงใส่กล่องรองเท้าและคำขอบคุณจากพนักงาน มือหนารับถุงใส่กล่องรองเท้าก่อนส่งต่อให้กับคนเป็นเจ้าของที่หันมาส่งยิ้มหวานให้
“ขอบคุณมากนะป๊อป” เสียงหวานเอ่ยขอบคุณหลังจากรับถุงใส่กล่องรองเท้าจากมือของชายคนรัก กลีบปากเรียวบางสวยได้รูปยังยิ้มไม่หุบ “ที่จริงป๊อปไม่ต้องจ่ายให้ก็ได้นะ มันแพงมากเลยเค้าเกรงใจน่ะ”
“หึๆ” ป๊อปหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกับยักไหล่ขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก เราเต็มใจซื้อให้น่ะ”
ใบหม่อนได้ฟังดังนั้นถึงกับเบะปากมองบนด้วยอาการหมั่นไส้ในคำพูดของคนเป็นพี่ชาย อดไม่ได้ที่จะแขวะออกมา
“<<แหวะ จะอ้วก!!! ทีกับพี่พัชรนี่แหมรีบควักตังค์ให้เลยนะ ทีกับน้องกับนุ่งไม่มีแบบนี้บ้างเลย>>”
เสียงหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างไม่ยี่หระดังแว่วออกมาผ่านปากหยักได้รูปภาพใต้หนวดเครารกครึ้มที่กำลังผุดยิ้มบางๆ มือหนาเอื้อมขึ้นมาเหนือศีรษะสวยได้รูปของคนที่เพิ่งแขวะไปเมื่อสักครู่ แต่คราวนี้ไม่แม้แต่จะเอื้อมมือไปจับผมมัดจุกโยกเล่นเหมือนกับครั้งก่อนๆ แต่กลับกลายเป็นมะเหงกลูกเขื่องชนเข้ากับหน้าผากโค้งมนสวยอย่างเบามือราวกับว่าแค่สะกิดเท่านั้น
“<<ไม่ต้องมาแขวะพี่เลยนะคะใบหม่อน พี่ก็เปย์ให้เราแบบเดียวกันแหละ แค่เราคนเดียวก็ล่อไปเจ็ดพันแล้วล่ะ หึๆๆ>>”
“<<พี่ป๊อปอ่ะ>>” ใบหม่อนย่นจมูกขึ้นปรายตามองด้วยสายตาแสดงความรู้สึกน้อยใจ “<<แค่นี้ทำไมต้องเขกหัวหนูด้วย>>”
ป๊อปไม่พูดอะไรอีกนอกจากทำท่าโคลงศีรษะคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนหันไปให้ความสนใจกับแฟนสาว ปล่อยให้คนเป็นน้องสาวนึกเต้นแร้งเต้นกาในใจด้วยความรู้สึกถึงความเป็นผู้พ่ายแพ้ในเกมนี้โดยสมบูรณ์แบบ
.....................................................................................................
สองสาวพากันเดินช็อปปิ้งกันอย่างเพลิดเพลินตามประสาผู้หญิงจนรู้ตัวอีกทีบรรดาถุงสกรีนโลโก้แบรนด์เนมต่างๆ ที่ล้วนแต่เป็นเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอางและของใช้จุกจิกต่างแขวนอยู่ในมือของคนตัวใหญ่ที่ต้องรับหน้าที่ถือของให้จนแทบจะเต็มไม้เต็มมือแล้ว
“น้องใบหม่อนจ๊ะ พี่ว่าพอแค่นี้ก่อนไหม เนี่ยดูสิพี่ชายของน้องใบหม่อนถือของจนเต็มมือแล้วล่ะจ้ะ”
กลายเป็นพัชรที่ต้องเป็นคนเบรกว่าที่น้องสะใภ้เสียเองหลังจากตระเวนช็อปจนแทบไม่มีมือให้ถือถุงแล้ว
ใบหม่อนเบะปากขึ้นพลางกลอกตาขึ้นมองบน ชำเลืองมองไปทางคนถือของที่ทำสีหน้าชวนให้คาดเดาได้ยากว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เริ่มรู้สึกเกรงใจคนเป็นพี่ชายที่ต้องเป็นคนออกเงินให้แทบจะทุกอย่างยกเว้นเครื่องสำอาง ซ้ำยังต้องมาเป็นคนถือของให้อีก ลำพังของของเจ้าตัวได้กินพื้นที่ในมือของคนเป็นพี่ชายจนเกือบหมดแล้ว ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยช้อนขึ้นมองเข้าไปในดวงตาสองชั้นหลบของคนเป็นพี่ชาย ทำท่ากระมิดกระเมี้ยนส่งเสียหัวเราะเบาๆ แก้เขิน
“<<แหะๆ หูยเต็มมือเลยอ่ะพี่ป๊อป น้องขอโทษน้ามันเพลินจริงๆ นี่นา>>”
“<<ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักคำนี่คะใบหม่อน>>” ป๊อปแค่นยิ้มบางๆ ยังไงก็โกรธน้องสาวคนนี้ไม่ลงอยู่แล้ว
กลายเป็นใบหม่อนที่เป็นฝ่ายหน้าชาเองเมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นพี่ชาย จริงอยู่ที่อีกฝ่ายยอมเจ้าตัวมาตลอด แต่ครั้งนี้รู้สึกได้ว่าเจ้าตัวเริ่มเกินเลยคำว่าจุดเกรงใจมากไปเหมือนกันเมื่อเล่นถลุงเงินของพี่ชายไปเป็นหมื่นกับเสื้อผ้าและของกระจุกกระจิกตามประสาผู้หญิง มีเพียงชุดเครื่องสำอางเท่านั้นที่ใช้เงินของตัวเองจ่าย
ป๊อปสังเกตสีหน้าของคนเป็นน้องสาวแล้วอดที่จะกลั้นขำไม่ได้เสียเอง ที่จริงแล้วที่ตัวเองเริ่มหน้าบึ้งเพราะไม่ใช่เสียเงินไปเป็นหมื่น แต่เพราะหนักของที่ถืออยู่ในมือทั้งสองข้างจนไม่มีมือว่างแล้ว และของแต่ละชิ้นก็ไม่ใช่เบาๆ เลยแม้แต่น้อย
“<<มาๆ งั้นน้องช่วยถือของให้ ถือเป็นการไถ่โทษละกันน้า>>”
คราวนี้ใบหม่อนรีบกุลีกุจอเข้ามาแย่งของของตัวเองจากมือข้างหนึ่งของคนเป็นพี่ชายไปถือเองในทันทีพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในมือของชายหนุ่มค่อยๆ หมดไปเมื่อจู่ๆ คนเป็นเจ้าของมาแย่งของไปถือเอง รู้สึกดีขึ้นทันตาเห็นหลังจากต้องเดินถือของหนักอยู่เป็นเวลานาน
“<<ใบหม่อนหิวไหม จะให้พาไปกินร้านไหนล่ะ>>”
ไม่เอ่ยถามเปล่าๆ เมื่อมือข้างหนึ่งที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระเอื้อมขึ้นมาจับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยได้รูปโยกไปมาเชิงหยอกล้อ ตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ
ใบหม่อนกลอกตามองบนอยู่สักพักหนึ่ง แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงอยู่เหนือศีรษะตัวเองจนรำคาญมากกว่า
“<<อย่าเล่นผมหนูสิพี่ป๊อป>>” เสียงใสแว้ดใส่คนเป็นพี่ชาย “<<หนูยังไม่ค่อยหิวหรอก หนูว่าซื้ออะไรกลับไปทำกินกันที่ห้องดีกว่าพี่ป๊อป หนูอยากฉลองวันเกิดกับพี่ป๊อปพี่พัชรสามคนอ่ะ>>”
“<<เอางั้นเหรอ>>” ป๊อปถามซ้ำอีกทีหนึ่งด้วยท่าทางไม่เชื่อใจนัก รู้สึกแปลกใจเพราะปกติแล้วสาวเจ้ามักอ้อนให้เขาพาไปกินข้าวตามร้านต่างๆ มากกว่าจะกลับไปกินที่ห้อง
หญิงสาวพยักหน้ายืนยันความตั้งใจอีกหนึ่งทีพร้อมกับเผยให้เห็นกลีบปากอวบอิ่มได้รูปกำลังคลี่ยิ้มน้อยๆ ดวงตากลมโตคู่สวยเปล่งประกายเว้าวอนจนคนตัวใหญ่คลายความสงสัยลงไปเสียสิ้น ปากหยักได้รูปบนใบหน้าคร้ามระบายยิ้มบางๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาพรืดยาว หันไปหาแฟนสาวก่อนสบตาและยิ้มให้กันและกันอย่างรู้ใจว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
ทั้งสามพากันไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ชั้นล่างสุดของห้างพร้อมกับรถเข็นที่ต้องแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งให้กับบรรดาสารพัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและของจุกจิกของทั้งสองสาวจนแทบจะไม่มีที่ให้วางจนต้องเอารถเข็นอีกคนหนึ่งมา และก็เป็นหน้าที่ของทั้งสองพี่น้องที่ต้องเข็นรถเข็นไปคนละคัน ปล่อยให้พัชรทำหน้าที่จ่ายตลาดไป...
เวลาผ่านไปไม่นานนัก สารพัดวัตถุดิบต่างๆ สำหรับปรุงอาหารมื้อพิเศษยามเย็นวันนี้ถูกนำมาใส่รถเข็นคันที่ว่างจนเกือบเต็มพื้นที่ ทั้งเนื้อหมูสันในชิ้นโตสำหรับทำสเต็ก ผักต่างๆ น้ำสลัดและเครื่องปรุงน้ำซอส กับวัตถุดิบอื่นๆ สำหรับปรุงอาหารประจำวัน และเครื่องดื่มที่เป็นเพียงน้ำอัดลมหลากสีเท่านั้น เพราะว่า...
“<<พี่ป๊อป พี่พัชร วันนี้วันเกิดน้อง ห้ามกินเหล้ากินเบียร์เด็ดขาด เข้าใจไหม>>”
ใบหม่อนออกคำสั่งเฉียบขาดกับพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ด้วยท่าทางจริงจัง จนคนที่ออกอาการเซ็งมากที่สุดหนีไม่ป๊อปที่แสดงออกทางสีหน้าให้เห็นชัดเจน แต่ไม่กล้าขัดใจคนเป็นน้องสาวอยู่แล้ว ได้แต่ผ่อนลมหายใจเบาๆ ขับไล่ความรู้สึกเซ็งให้ออกไป
หลังจากช็อปปิ้งเสร็จภายในเวลาเกือบสองชั่วโมง รู้ตัวอีกทีทั้งสามพากันเข็นรถเข็นทั้งสองคันที่เต็มไปด้วยสัมภาระมากมายมายังชั้นที่รถเอสยูวีสีดำคันใหญ่จอดนิ่งสงบท่ามกลางหมู่รถยุโรปแบรนด์หรูที่จอดเรียงรายใกล้ๆ กัน ป๊อปก้มลงล้วงรีโมตกุญแจขึ้นมายิงปลดล็อกรถก่อนเดินตรงรี่ไปยังด้านหลัง กดปุ่มเปิดประตูท้ายขึ้นมาให้สองสาวเข็นรถเข็นเข้ามาใกล้ๆ จัดแจงวางเรียงของจนเต็มพื้นที่ด้านหลัง ต้องแบ่งของส่วนหนึ่งที่ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้ากับของจุกจิกไปไว้ยังเบาะหลัง
ป๊อปเดินกลับไปนั่งประจำที่นั่งคนขับอีกครั้ง รอเพียงเจ้าของวันเกิดกับแฟนสาวขึ้นมานั่งยังเบาะข้างคนขับและเบาะหลังตามลำดับ เสียงเครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงหน้าส่งเสียงคำรามดังก้องกระหึ่มราวกับยกโรงสีข้าวมายังอาคารจอดรถพร้อมทำหน้าที่พาเอสยูวีเจ็ดที่นั่งคันใหญ่เคลื่อนตัวออกไปในที่สุด...
..........................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ