เจ้าหญิงของฉัน
-
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.
27 ตอน
36 วิจารณ์
11.53K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) แม่กำปองหนาวมาก Pt.1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ใบหม่อนลงจากรถแท็กซี่หลังจากใช้เวลานั่งอยู่นานเกือบสองชั่วโมงที่ฝ่าด่านการจราจรติดขัดในยามเย็นวันศุกร์มาได้ ยังดีที่ว่ากระเป๋าสัมภาระของตัวเองฝากให้พี่ชายเอามาให้แล้ว มือเล็กหยิบแบงก์ห้าร้อยขึ้นมาจ่ายให้กับคนขับแท็กซี่ รับเงินทอนเสร็จร่างระหงรีบพาตัวเองเดินเข้ามาข้างในอาคารผู้โดยสาร หยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นเปิดแอพพลิเคชั่นสีเขียว แชตหาคนเป็นพี่ชาย
@@Baimon@@ : พี่ป๊อป หนูมาถึงแล้วน้า :
ข้อความถูกอ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนปลายทางจะพิมพ์ตอบกลับมา
@@POPENGL@@ : เข้ามาเลย ตอนนี้พี่รออยู่ที่ชั้นสี่ ใกล้ๆ เคาน์เตอร์เช็คอิน เราขึ้นชั้นสี่มาเลย :
ใบหม่อนอ่านแล้วไม่พิมพ์ตอบอะไรอีก รีบพาตัวเองขึ้นบันใดเลื่อนมายังชั้นสี่ของอาคารผู้โดยสาร มองไปรอบๆ เห็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ยืนถือกระเป๋าพะรุงพะรังอยู่ไม่ไกลนักท่ามกลางผู้คนเดินสวนกันไปสวนกันมาวุ่นวายไปหมด
จังหวะนั้นพัชรหันมาเห็นเจ้าของร่างสูงระหงของหญิงสาวพอดี รีบยกมือเป็นสัญญาณให้เห็น เมื่อหญิงสาวเดินมาจนถึงแล้ว
“พี่พัชรสวัสดีค่ะ” ใบหม่อนยกมือไหว้ว่าที่พี่สะใภ้ หันมาหาคนเป็นพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน “<<พี่ป๊อป รอหนูนานไหมอ่ะ>>”
“<<ไม่เป็นไร พี่กับพัชรเพิ่งมาถึงเหมือนกัน เอ้านี่กระเป๋าของเรา เดี๋ยวไปเช็คอินกัน>>” พูดจบมือหนาส่งกระเป๋าเป้ใบใหญ่สีดำแดงพร้อมตั๋วให้กับคนเป็นเจ้าของ
ทั้งสามพากันเดินไปต่อแถวรอเช็คอินที่เคาน์เตอร์ของสายการบินที่จองไว้ ป๊อปแอบเห็นว่าคิวยาวอยู่พอสมควร นึกเป็นห่วงน้องสาวไม่ได้ว่าตอนนี้หิวอยู่หรือไม่ หันไปชำเลืองมองน้องสาวที่ตอนนี้กำลังเมาท์กับพัชรฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
“<<ใบหม่อนหิวไหม>>”
คำตอบที่ได้มาเป็นเพียงการส่ายหน้าเชิงปฏิเสธเท่านั้น หญิงสาวส่งสายตาให้พี่ชายรับรู้ว่าไม่ต้องห่วง ยังไงตัวเองก็ทนหิวได้อยู่แล้วก่อนหันกลับไปคุยกับว่าที่พี่สะใภ้ต่อ
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ทั้งสามลงมือเช็คอินตามขั้นตอนก่อนพากันเดินเข้ามายังโถงพักคอยสำหรับผู้โดยสารขาออก ยังเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเครื่องออก ทั้งสามพากันไปนั่งรอที่เก้าอี้พักคอยสำหรับผู้โดยสาร ตอนนี้หน้าท้องแบนราบของใบหม่อนเริ่มประท้วงแล้วหลังจากทนหิวอยู่สักพัก และเหมือนสวรรค์โปรดเมื่อเห็นว่าที่พี่สะใภ้หยิบแฮมเบอร์เกอร์ที่ซื้อติดมือมาพอประทังความหิวสำหรับทั้งสามชีวิตได้
“น้องใบหม่อน เบอร์เกอร์จ้ะ กินแก้หิวเนาะ” เสียงหวานน่าฟังเอ่ยกับหญิงสาวก่อนยื่นแฮมเบอร์เกอร์ให้
“หูยขอบคุณมากนะคะพี่พัชร หนูกำลังหิวเลย” ใบหม่อนยกมือไหว้ขอบคุณก่อนรับของจากมือว่าที่พี่สะใภ้ รีบแกะกระดาษห่อออกก่อนลงมือละเลียดด้วยความหิวที่ยิ่งทวีมากขึ้นเรื่อยๆ
“เอ้านี่ของป๊อป กินซะ” คราวนี้พัชรทำหน้าที่แฟนที่ดีด้วยการชิงเอาแฮมเบอร์เกอร์ในมือยัดเข้าปากชายหนุ่มอย่างเต็มรักจนอีกฝ่ายแทบจะสำลักเพราะกินไม่ทัน เรียกเสียงหัวเราะจากใบหม่อนได้อย่างมากเลยทีเดียว ขณะที่พัชรแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลีบปากเรียวสวยลอบยิ้มร้าย
‘แกล้งเค้ามาเยอะแล้ว ถึงตาเค้าเอาคืนบ้างนะ คริๆ’ หญิงสาวนึกในใจ
“ไม่ต้องยัดปากเราก็ได้มั้งพัชร เราไม่ได้หิวขนาดนั้นซะหน่อย” ป๊อปตอบกลับมาทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก
“<<กินให้หมดปากก่อนค่อยพูดก็ได้น้าพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนออกปากเตือนไปหัวเราะไป ยิ่งเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของพี่ชายแล้วยิ่งทำให้อดขำไม่ได้
คราวนี้ป๊อปถือโอกาสเอาคืนคนรักด้วยการแอบขโมยหอมแก้มดื้อๆ ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้ตั้งตัว ตอนนี้อาการร้อนวูบวาบแล่นปราดไปทั่วใบหน้ารูปไข่เรียวยาวของหญิงสาวแล้ว ชายหนุ่มแอบมองใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังแดงไปทั่วทั้งหน้าไม่เว้นแม้กระทั่งใบหูเล็กขาวสะอาดที่เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วย
พัชรถองแขนของคนรักเข้าให้พร้อมกับมองจิกใส่อย่างขัดใจ “นี่ป๊อปขโมยหอมแก้มเค้าอีกแล้วนะ ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอไงห๊า!!!” แกล้งต่อว่าไปงั้น ที่จริงแล้วกำลังอายจนทำอะไรไม่ถูกมากกว่า ยิ่งเห็นสีหน้าคนขโมยหอมแก้มที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มไม่มีท่าทีสำนึกผิดด้วยแล้วก็ยิ่งชวนให้รู้สึกอายมากกว่าเดิมอีก
“แคร์ความรู้สึกเค้าด้วยนะป๊อป ถึงป๊อปจะไม่อายแต่เค้าอายนะ” น้ำเสียงของพัชรเริ่มจริงจังมากกว่าเดิม ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งมาที่ชายหนุ่มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้
ใบหน้าคร้ามเริ่มถอดสีเมื่อเห็นแววตาเอาจริงของคนรัก ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกินในใจจนแสดงออกผ่านสีหน้าเหยเก นัยน์ตาสองชั้นหลบที่เคยฉายแววกรุ้มกริ่มกลับหม่นหมองลงไปจนคนที่แกล้งทำเป็นโกรธต้องยอมใจอ่อน แม้แต่บุคคลที่สามอย่างใบหม่อนเห็นแล้วแทบจะเบือนหน้าหนีไม่ทัน เพราะถ้าเห็นพี่ชายตัวเองแสดงสีหน้าแบบนี้เมื่อใหร่ แสดงว่าเขากำลังรู้สึกย่ำแย่เป็นอย่างมากจนทำให้เจ้าตัวต้องใจอ่อนยอมตามทุกครั้ง
“เราขอโทษนะพัชร” เสียงเข้มกึ่งกระซิบแผ่วเบาลงกว่าเดิมมาก มือหนาเอื้อมมาบีบมือเรียวเล็กขาวสะอาดเบาๆ บ่งบอกว่ากำลังขอโทษอยู่
“ป๊อปเค้าขอโทษน้าที่ตวาดใส่ ก็เค้าอายนี่นา” พัชรให้เหตุผลด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ชำเลืองมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหม่นหมอง พลางบีบมือใหญ่ของคนรักตอบ
“<<พี่ป๊อป พี่พัชรเค้าให้อภัยแล้วน้า เลิกคิดมากได้แล้ว>>” ใบหม่อนเริ่มทนไม่ไหว ต้องบอกบทกับพี่ชาย
สีหน้าหม่นหมองของชายหนุ่มค่อยๆ กลับมายิ้มสว่างไสวเหมือนเดิมอีกครั้ง นัยน์ตาสองชั้นหลบมองเข้าไปในดวงตาคู่หวานที่มองยังไงไม่เคยเบื่อของคนรักก่อนชำเลืองมองไปยังใบหน้ากลมกึ่งรูปไข่ของอีกคนก่อนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
เวลาผ่านไปจนใกล้ถึงเวลาเครื่องขึ้น ทั้งสามพากันลุกขึ้นหยิบสัมภาระเดินไปต่อแถวเตรียมตัวเข้าเกตตามที่ระบุไว้บนตั๋วของแต่ละคน รอเวลาเพียงประตูเกตเปิดเท่านั้น ไม่กี่อึกใจ ประตูเกตเปิดขึ่นพร้อมกับแถวผู้โดยสารเริ่มขยับเข้าสู่เกตเตรียมขึ้นเครื่องพร้อมกับส่งกระเป๋าสัมภาระเตรียมโหลดลงเครื่อง
“<<ใบหม่อนไม่ลืมอะไรแล้วนะ เดี๋ยวโหลดกระเป๋าแล้วนะ>>” ป๊อปหันไปถามย้ำกับหญิงสาวที่เดินตามหลังตัวเอง
“<<หนูไม่ลืมอะไรแล้วล่ะพี่ป๊อป มือถือ พาวเวอร์แบงก์อยู่ในกระเป๋าเล็กของหนูหมดแล้ว>>” ใบหม่อนให้คำตอบกับพี่ชาย ก่อนย้อนถามกลับด้วยความรู้สึกเป็นห่วงไม่ต่างกัน “<<ว่าแต่พี่ป๊อปเถอะ เตือนหนูแล้วตัวเองลืมอะไรไว้ในกระเป๋าไหมเนี่ยหืม>>”
“<<หึ ไม่มี>>” ป๊อปทำหน้าเหรอหรา ส่ายหน้าไปมา “<<พี่มีแต่มือถือกับกระเป๋าตังค์นี่แหละ พาวเวอร์แบงก์ที่เราซื้อให้ก็ยังอยู่>>” พูดจบมือใหญ่ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบสิ่งของที่กล่าวมาให้ทั้งสองสาวดู
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่เริ่มประกาศเรียกผู้โดยสารเตรียมขึ้นเครื่องกระทั่งมาถึงชื่อของทั้งสาม ต่างคนต่างลุกจากเก้าอี้เดินไปตามทางจนถึงงวงช้างที่เชื่อมเข้าสู่ทางเข้าตัวเครื่อง พากันเดินไปตามทางระหว่างเก้าอี้ผู้โดยสารที่เรียงรายเป็นแนวยาว ป๊อปสอดส่ายสายตามองหาที่นั่งของตัวเองตามที่ระบุไว้บนตั๋วจนเดินมาถึงบริเวณกลางเครื่อง เห็นหมายเลขเก้าอี้ที่จองไว้ตรงช่องเก็บของเหนือเก้าอี้พอดี...
ใบหม่อนรีบเดินแทรกผ่านตัวพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้เข้าไปนั่งในที่นั่งริมหน้าต่างที่พี่ชายจองไว้ให้ ตามด้วยคนทำหน้าที่จองตั๋วนั่งตอนกลาง ปิดท้ายด้วยแฟนสาวของคนจองตั๋ว...
“<<ถ้าง่วงก็หลับไปเลยนะใบหม่อน ถึงแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก>>” ป๊อปหันไปย้ำกับคนนั่งริมสุด
“<<จร้า>>” ใบหม่อนทำแค่นเสียงใส่ “<<พี่ป๊อปสัญญากับหนูแล้วนะว่าจะปลุกหนู เพราะฉะนั้น ห้าม-เผลอ-หลับ-เด็ดขาด เข้าใจไหม!>>”
นิ้วเรียวยาวชี้ตรงมาที่ใบหน้าคร้ามในระยะใกล้จนแทบจะทิ่มตาพร้อมกับส่งสายตาดุใส่ แต่มีหรือที่พี่ชายคนนี้จะไม่ยอมให้กับน้องสาวเหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
“<<ครับแม่>>”
ชายหนุ่มตอบรับน้องสาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พลางเอื้อมมือไปเขย่าศีรษะสวยได้รูปเบาๆ เป็นเชิงหยอกล้อก่อนปล่อยมือออก
“<<ไม่ต้องมาเล่นหัวหนูเลยนะพี่ป๊อป หนูจะนอนแล้ว ชิ>>”
ใบหม่อนว่าให้แบบไม่จริงจังนักก่อนหันหน้าหนีไปทางหน้าต่าง ค่อยๆ เอนตัวพิงไปกับพนักเก้าอี้เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วราวกับปิดสวิตซ์...
ป๊อปมองหญิงสาวด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรักความห่วงใย พลันถอนหายใจเบาๆ ปากหยักภายใต้หนวดเคราหนายกยิ้มบางๆ ก่อนหันกลับมาหาหญิงคนรักที่นั่งอยู่อีกข้าง กำลังมองไปทางคนนอนหลับอยู่เช่นกัน
“ใบหม่อนหลับไปแล้วล่ะพัชร” เสียงเข้มเอ่ยกับคนรัก
“เค้าเห็นแล้วล่ะป๊อป ป๊อปอยู่เป็นเพื่อนเค้าด้วยล่ะ อย่าเพิ่งหลับนะ” พัชรได้ทีอ้อนคนรักเป็นการใหญ่
ป๊อปไม่พูดอะไรอีกนอกจากยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ จนสาวเจ้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ใบหน้าเริ่มร้อนวูบวาบแปลกๆ มองเข้าไปในดวงตาสองชั้นหลบสีน้ำตาลเข้มที่กำลังฉายแววกรุ้มกริ่มอยู่ และแล้วก็ได้รับคำตอบหลังจากถูกริมฝีปากอุ่นๆ แถมถูกหนวดเคราหนาตำลงไปบนพวงแก้มนุ่มเข้าอย่างจังก่อนผละออกไปหลังจากนั้นไม่นานนัก
“อีตาบ้า ขโมยหอมแก้มเค้าเหรอ ไม่อายคนอื่นบ้างเลยเหรอไงห๊า!”
เสียงหวานว่าให้แบบไม่จริงจังนักพร้อมกับฟาดเข้าที่แขนใหญ่เบาๆ และนั่นทำให้หญิงสาวลดอาการอายลงไปได้ไม่น้อย
ป๊อปไม่พูดอะไรต่อ นอกจากหันไปส่งยิ้มหวานให้กับคนที่ตัวเองเพิ่งขโมยหอมแก้ม มือหนาค่อยๆ เลื่อนขึ้นมากุมมือเรียวเล็กที่เพิ่งตีท่อนแขนเค้าไว้ราวกับกลัวว่าจะหลุดลอยไป...
.......................................................................
ณ หมู่บ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่
ทั้งสามเดินลงจากรถตู้รับส่งที่แล่นมาจากสนามบินในตัวเมืองเชียงใหม่หลังจากใช้เวลาหมดไปกับการเดินทางกว่าสามชั่วโมง มองไปรอบๆ ยังเห็นบรรยากาศที่ยังคงคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากถึงแม้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ลมหนาวในยามค่ำคืนพัดมาปะทะร่างจนสัมผัสได้ถึงอากาศที่หนาวเย็นกว่าที่อื่นหลายเท่าตัว
ป๊อปหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาเปิดกูเกิลแม็ปมองหาที่พักที่ตัวเองจองไว้ แต่เมื่อเห็นระยะทางแล้ว ใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเคราหันไปมองหน้าน้องสาวกับคนรักพลางถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที แอบกังวลใจว่าคนที่เขารักทั้งสองจะเมื่อยเอาเปล่าๆ
“<<ใบหม่อน เดินไกลหน่อยนะ ไหวไหม>>”
ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนถาม ปากอวบอิ่มได้รูปคลี่ยิ้มจนเห็นฟันขาวภายใต้เหล็กดัดฟันครบทุกซี่ “<<ไม่เป็นไรหรอกพี่ป๊อป เดินๆ แป๊บเดี๋ยวก็ถึงแล้วเนาะ แต่หนูเริ่มเมื่อยขาแล้วอ่ะ>>”
สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มออกอาการวิตกกังวลเล็กๆ เมื่อได้ยินคำตอบ รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาในใจ ทันใดนั้นป๊อปเดินอ้อมไปยังด้านหลัง มือทั้งสองข้างเอื้อมมาประคองร่างสูงระหงให้เดินไปด้วยกัน
พัชรหันมามองสองพี่น้องคู่นี้แล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้ และยังถือโอกาสร่วมวงด้วยการยื่นมือเข้ามาประคองว่าที่น้องสะใภ้ด้วยอีกแรงหนึ่ง
“<<ขอบคุณมากนะคะพี่ป๊อป พี่พัชร>>”
ใบหม่อนออกปากขอบคุณพี่ๆ ทั้งสองที่เข้ามาช่วยประคองและเดินไปด้วยกัน ก่อนหันไปส่งยิ้มให้ทีละคนแทนคำขอบคุณที่มีอยู่ในใจอีกครั้งหนึ่ง จนเวลาผ่านไปไม่นานนัก ทั้งสามเดินทางมาถึงบ้านอิงดอยซึ่งเป็นที่พักที่ป๊อปได้จองไว้
ป๊อปเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เช็คอินที่อยู่ตรงหน้า ติดต่อกับเจ้าหน้าที่รีเซปชั่นอยู่สักพักหนึ่งก่อนหันมาให้สัญญาณกับสองสาวที่รออยู่ด้านหลังให้เดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังห้องพักด้วยกัน
ห้องพักที่จองไว้สำหรับทริปนี้ได้ห้องใหญ่บนชั้นสองขนาดที่นอนได้สี่คน เห็นวิวหมู่บ้านแม่กำปองที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน เมื่อทั้งสามขึ้นมาถึง ต่างคนต่างเก็บกระเป๋าสัมภาระไว้ที่ข้างเตียงนอน ทางด้านใบหม่อนรีบเดินตรงรี่ไปที่ระเบียงทันทีที่เก็บกระเป๋าเสร็จ
“ท่าทางน้องใบหม่อนจะตื่นเต้นน่าดูเลยนะป๊อป” พัชรหันมาพูดกับคนรักก่อนส่งยิ้มหวานให้
“ฮึๆ เห็นน้องเราทำตัวดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเราแค่ไหน บทจะตื่นเต้นก็ทำตัวเป็นเด็กเลยล่ะ” พูดจบปากหยักคลี่ยิ้มกว้างออกมา รู้นิสัยน้องสาวตัวเองดีอยู่แล้วว่าเป็นยังไง มือหนารีบคว้ามือเล็กเรียวบางนุ่มนิ่มของคนรักพาเดินออกไปที่ระเบียงตามหลังใบหม่อนไปด้วย
สายลมหนาวในยามค่ำคืนพัดปะทะร่างของทั้งสามที่ตอนนี้พากันมายืนชมบรรยากาศบนระเบียงหน้าห้อง เห็นแสงไฟระยิบระยับจากหมู่บ้านแม่กำปองตรงหน้าชัดเจนชวนให้ดูอย่างเพลิดเพลินไม่รู้จักเบื่อ
ใบหม่อนหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ยืนดูอยู่ข้างหลัง กระทั่งจังหวะที่สาวเจ้าหันมาจะเก็บรูปห้องพัก ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อ...
“ตกใจ… พี่ป๊อป พี่พัชรมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“<<มาตั้งแต่เรายืนเก็บรูปที่ระเบียงแหละ ฮิๆ>>” ป๊อปพูดไปกลั้วหัวเราะไป เอื้อมมือไปยีผมยาวสลวยที่ถูกดัดเป็นลอนของหญิงสาวจนฟูฟ่อง
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนว่าให้ไม่จริงจังนัก พลางแกะมือของพี่ชายตัวเองออก
“<<ทำไม ตื่นเต้นเหรอเราอ่ะ>>” ป๊อปแกล้งถามเสียงยานคางใส่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าปกติเวลาไปเที่ยวที่ไหนหญิงสาวมักออกอาการตื่นเต้นทุกครั้ง
“<<อะไรๆ พี่ป๊อป ใครตื่นเต้นอ่ะ พี่ป๊อปรึเปล่า คริๆ>>” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน
ป๊อปไม่พูดอะไรอีกนอกจากคลี่ยิ้มมุมปาก ดูยังไงก็รู้ว่าสาวเจ้ากำลังตื่นเต้นอยู่ หันไปส่งสายตากับคนรักที่อยู่ข้างๆ ขณะที่พัชรส่งยิ้มตอบกลับไปเป็นทำนองรู้กันว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“พี่พัชรดูสิ หูย วิวสวยมากเลยอ่ะ” คราวนี้ใบหม่อนหันไปชวนว่าที่พี่สะใภ้ให้มาดูวิวที่อยู่ตรงหน้า
พัชรยอมเดินตามไปที่ขอบระเบียงเพื่อดูวิวข้างหน้าตามคำชวนของว่าที่น้องสะใภ้ เมื่อได้เห็นวิวตรงหน้าแล้วรู้สึกประทับใจจนอยากจะเก็บรูปไว้ ไม่ลืมหันมาชวนให้ป๊อปมาถ่ายรูปด้วยกัน
“ป๊อป มาถ่ายรูปด้วยกันสิ หูยวิวข้างหน้าสวยมากเลย”
“รอแป๊ป เดี๋ยวไปเอากล้องมาก่อน”
“<<พี่ป๊อป ใช้มือถือก็ได้มั้ง ถ่ายแค่นี้เอง ไอโฟนก็ถ่ายรูปชัดอยู่แล้วน้า>>” ใบหม่อนแย้งขึ้นมา
“<<เฮ้ย ใช้กล้องดีกว่า จะได้ถ่ายออกมาสวยๆ ไง รอพี่แป๊ปนะ>>”
คนตัวใหญ่เดินกลับเข้าไปข้างในห้อง เดินไปยังกระเป๋าสัมภาระของตัวเองตรงหัวเตียง เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋ากล้องถ่ายรูปขึ้นมาปลดซิปก่อนหยิบเอากล้องโปรที่ตัวเองซื้อไว้ออกมาพลิกไปพลิกมาอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่สักพัก ด้วยว่าไม่ค่อยได้หยิบออกมาใช้งานเท่าไหร่ หันไปมองสองสาวที่ตอนนี้กำลังผลัดกันถ่ายเซลฟี่ที่หน้าระเบียงโดยมีฉากหลังเป็นวิวหมู่บ้านแม่กำปองท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับ และตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะทำหน้าที่เป็นตากล้องให้กับทั้งสองสาว
ป๊อปเดินถือกล้องคู่ใจออกไปยังหน้าระเบียง มือหนายกกล้องขึ้นเล็งไปที่ทั้งสองสาวที่กำลังถ่ายเซลฟี่กับสมาร์ทโฟนราคาแพงในมือ นิ้วมือหนากดชัตเตอร์ทันทีโดยไม่ทันให้ทั้งสองสาวรู้ตัว
{{แชะ}}
ใบหม่อนเหลือบมาเห็นพี่ชายยืนถือกล้องอยู่ตรงหน้า จังหวะเดียวกับที่ตัวเองถ่ายเซลฟี่คู่กับว่าที่พี่สะใภ้เสร็จ เริ่มทำหน้าหงิกอย่างขัดใจเมื่อจู่ๆ ถูกถ่ายรูปโดยที่ไม่ทันให้ตัวเองได้ตั้งตัว
“<<พี่ป๊อปอ่ะ จะถ่ายรูปหนูแล้วไม่บอกกันเลย หนูยังไม่พร้อมนะ>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอดอย่างขัดใจ
“<<ก็แหม พี่อยากถ่ายน้องสาวกับแฟนพี่ในมุมที่ไม่ได้ตั้งใจบ้างน่ะ ฮิๆ>>”
ป๊อปหันหน้าจอด้านหลังกล้องออกมาให้น้องสาวกับคนรักดู เห็นภาพสองสาวกำลังแหงนหน้ายิ้มให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินในมือของใบหม่อนโดยมีแสงไฟระยิบระยับของหมู่บ้านแม่กำปองเป็นฉากหลัง ขนาดยังไม่ได้ปรับโฟกัสกับไอเอสโอภาพยังออกมาสวยอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ทำเอาหญิงสาวทั้งสองอดที่จะออกปากชมไม่ได้
“หูย ป๊อปถ่ายรูปสวยไม่เปลี่ยนเลยน้า”
“<<ว้าว พี่ป๊อปถ่ายสวยมากเลยอ่ะ พี่ป๊อป ถ่ายพวกหนูอีกสิ นะๆๆๆๆๆๆ”>>
ใบหม่อนได้ทีอ้อนพี่ชายตัวเองเป็นการใหญ่ เริ่มทำท่าตะกุยบนท่อนแขนแกร่งราวกับแมวอ้อนเจ้าของ ทางด้านป๊อปไม่อยากจะขัดใจน้องสาวสุดที่รักคนนี้อยู่แล้ว มือหนายกกล้องขึ้นเตรียมพร้อม รอให้ทั้งสองสาวออกแอ็กชั่นเต็มที่ ต่างคนต่างแข่งกันฉีกยิ้มหวานให้กล้องในมือของชายหนุ่มในแบบไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะใบหม่อนที่ปกติเป็นคนชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว คราวนี้เจ้าตัวฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน ลักยิ้มทั้งสองข้างบุ๋มลงจนเห็นได้ชัด เอียงศีรษะเข้าหาใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ของว่าที่พี่สะใภ้ และแล้วนิ้วมือของชายหนุ่มกดชัตเตอร์ลงไป
{{แชะ}}
หลังจากถ่ายเสร็จป๊อปรีบหันหน้าจอด้านหลังให้ทั้งสองสาวได้ดู และแล้วคำตอบที่ได้ทำให้เขาหัวใจพองโตยิ่งนักเมื่อ...
“<<หูย สวยมากเลยอ่ะพี่ป๊อป ชอบๆ มากเลยอ่ะ>>” เสียงใสเอ่ยออกมาด้วยอาการร่าเริงเป็นพิเศษเมื่อได้เห็นรูปตัวเองจากกล้องในมือของพี่ชาย
และแล้วก็เป็นเวลาถ่ายรูปอีกเซตใหญ่ คราวนี้พัชรยอมหลีกทางให้ว่าที่น้องสะใภ้ได้โพสท่าถ่ายรูปเต็มที่ ปลีกตัวเองมาอยู่ข้างหลังกล้องเคียงข้างคนรักที่กำลังทำหน้าที่ลั่นชัตเตอร์ถ่ายรูปให้กับหญิงสาวเจ้าของร่างสูงระหงที่อยู่ตรงหน้า แต่คราวนี้ใบหม่อนไม่ได้ออกท่าออกทางมากนักนอกจากยืนทำท่าเอียงคอคลี่ยิ้มหวานกับเพียงแค่ยืนพิงกับรั้วระเบียงเท่านั้น
เวลาผ่านไปจนถึงราวๆ เที่ยงคืน บรรยากาศรอบข้างเริ่มเงียบสงบลงพร้อมกับแสงไฟระยิบระยับที่ค่อยๆ ทะยอยปิดลงไป ลมหนาวยิ่งพัดผ่านแรงขึ้นจนทำให้รู้สึกหนาวมากกว่าเดิม ทั้งสามพากันเดินกลับเข้ามาในห้อง อากาศหนาวๆ แบบนี้ทำให้ไม่มีใครอยากจะอาบน้ำ ต่างคนต่างโดดขึ้นเตียงทันที ประจวบเหมาะกับว่าเตียงในห้องเป็นเตียงคู่สองเตียงและตอนนี้ทั้งสามยังไม่เลือกว่าใครจะนอนกับใครในตอนนี้
“<<ใบหม่อนจะนอนกับพี่ไหม>>” ป๊อปหันไปถามน้องสาวที่นั่งอยู่บนเตียงอยู่ใกล้ๆ กำลังดูรูปถ่ายจากหน้าจอด้านหลังกล้องอยู่
“<<หนูนอนอีกเตียงนึงดีกว่า ให้พี่พัชรนอนกับพี่ป๊อปแหละ>>” เสียงใสตอบกลับมาแบบไม่ต้องคิด ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนถาม
ป๊อปหันไปส่งสายตากับแฟนสาวที่นั่งอยู่เคียงข้างก่อนคลี่ยิ้มกรุ้มกริ่มบ่งบอกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยส่งสายตาดุใส่
“ไม่ต้องมาหื่นใส่เค้าเลยนะป๊อป แค่นอนด้วยกันเฉยๆ เข้าใจ๋”
พัชรรีบปรามทันทีเมื่อเห็นสีหน้ากรุ้มกริ่มของคนรัก และนั่นทำให้รอยยิ้มกว้างรีบหุบลงทันที ใบหน้าคร้ามเต็มไปด้วยร่องรอยของความผิดหวังเมื่อถูกคนรักเบรกเข้าให้
“อ่ะๆ ก็ได้ ไว้ค่อยจัดที่กรุงเทพฯ เนาะ ฮิๆ” ป๊อปตอบแบบเสียมิได้ แต่แอบทิ้งท้ายแกล้งให้หญิงสาวโมโหเล่นๆ
“อีตาบ้า” เสียงหวานแหวใส่ พลางสะบัดหน้าหนีออกอย่างขุ่นเคือง
ตั้งแต่คบกันมาเป็นสิบกว่าปี ยามใดที่ทั้งสองได้นอนร่วมเตียงเดียวกันแล้วมักจะมีอะไรด้วยกันตลอด แต่ที่พัชรต้องปฏิเสธเพราะค่ำคืนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเหมือนกับตอนที่อยู่ในกรุงเทพฯ แต่มีบุคคลที่สามอย่างใบหม่อนนอนร่วมห้องด้วย สาวเจ้าเลยต้องรักษาภาพลักษณ์ไว้ไม่ให้ว่าที่น้องสะใภ้เห็น และที่จริงแล้วกลัวถูกว่าที่น้องสะใภ้ล้อด้วย
“<<ใบหม่อน นี่เอียร์ปลั๊ก ไว้อุดหูตอนนอน พี่กรนดังนะเว้ย>>”
ป๊อปยื่นที่อุดหูให้กับน้องสาวที่กำลังเตรียมตัวนอนอยู่อีกเตียงหนึ่งพร้อมกับกำชับให้ใส่ทันที รู้ว่าตัวเองเป็นคนนอนกรนเสียงดังเป็นอย่างมาก กลัวว่าเสียงกรนของตัวเองจะไปรบกวนการนอนของน้องสาวเข้า
“<<จ้าพี่ชาย>>” ใบหม่อนคลี่ยิ้มให้ มือเล็กรับที่อุดหูจากพี่ชายอย่างรวดเร็ว “<<หนูรู้แล้วว่าพี่ป๊อปนอนกรน อย่าลืมให้ที่อุดหูพี่พัชรด้วยล่ะ>>”
“น้องใบหม่อน พี่ชินแล้วจ้า” พัชรไหวไหล่เชิงปฏิเสธ
“<<งั้นหนูนอนก่อนน้าพี่ป๊อป ฝันดีจ้า>>”
สิ้นเสียงใสน่าฟัง เปลือกตาสองชั้นปิดลงทันทีราวกับถูกชัตดาวน์ มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอตอบกลับมาเท่านั้น ปล่อยให้ป๊อปทำหน้าที่พี่ชายด้วยการเลิกผ้าห่มขึ้นมาคลุมทับร่างระหงที่นอนแผ่ไปบนเตียง
“นอนเถอะป๊อป นี่จะตีหนึ่งแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าตื่นสายน้า” เสียงหวานเอ่ยเชิญชวนให้คนตัวใหญ่มานอนด้วยกัน
ร่างสูงใหญ่เดินกลับมายังเตียงนอนของตัวเองอีกครั้งพร้อมกับบอกลาคนรักด้วยการยื่นใบหน้าคร้ามเข้าไปใกล้ๆ ประทับรอยจูบลงบนหน้าผากโค้งมนสวยได้รูปของคนรัก ฝ่ายหญิงสาวหลับตาพริ้มรับรสจูบอันแสนหวานที่ชายผู้เป็นที่รักฝากไว้ ทั้งสองต่างเอื้อมมือตระกองกอดพาร่างของทั้งคู่ลงไปนอนด้วยกัน มือหนาใหญ่ของชายหนุ่มคลี่ผ้าห่มออกคลุมทับร่างของทั้งคู่ เข้าสู่ห่วงนิทราไปด้วยกัน...
.......................................................................
เช้าวันใหม่ ณ ร้านกาแฟ บ้านอิงดาว
ทั้งสองเดินลงมายังชั้นล่างท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ แต่เมื่อก้าวเข้ามาในพื้นที่ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟหอมฉุยบวกกับบรรยากาศโดยรอบแล้ว ทำให้ทั้งสองลืมความรู้สึกเหน็บหนาวไปเสียสิ้น ร่างสูงใหญ่เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ที่ตั้งเครื่องชงกาแฟพร้อมพนักงานสาวสวยคนพื้นถิ่นที่กำลังชงกาแฟอยู่อย่างขะมักเขม้น มืออีกข้างหนึ่งจูงมือเรียวเล็กขาวราวงาช้างของคนรักให้เดินตามไปด้วย
“**สวัสดีเจ้า ร้านกาแฟบ้านอิงดาวยินดีตอนรับเจ้า รับอะไรดีเจ้าเช้านี้**”
พนักงานสาวพื้นถิ่นส่งเสียงต้อนรับทันทีที่เห็นหน้าลูกค้าคู่แรกในยามเช้า ไม่ลืมที่จะเอ่ยเชิญชวนให้อุดหนุนด้วย
แผ่นเมนูเคลือบพลาสติกใสถูกส่งมาให้กับทั้งคู่ เมื่อได้รับเมนูมาแล้ว ต่างคนต่างอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่แล้วบังเอิญใจของทั้งคู่ตรงกันเมื่อสั่งเมนูเดียวกัน
{{“ลาเต้คาราเมลเย็นแก้วครับ/ค่ะ”}}
ป๊อปทำท่าครุ่นคิดอยู่อีกสักพักหลังจากสั่งเมนูสำหรับตัวเองเสร็จ ในใจของเขาคิดถึงน้องสาวแท้ๆ ที่ยังนอนอยู่บนบ้านพักอยู่ “เอานมเมล่อนเย็นหนึ่งแก้ว กับสตอเบอรี่ชีสเค้กหนึ่งครับ เอาเป็นห่อกลับนะครับ” ไม่ลืมที่จะหันไปถามแฟนสาวก่อน
“พัชรจะเอาอะไรอีกไหม เดี๋ยวสั่งเพิ่มอีก”
พัชรกลอกตามองบนทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนออกปากสั่งกับพนักงานด้วยตัวเอง “เอาเลมอนชีสเค้กกับบลูเบอรี่ชีสเค้กอย่างล่ะกล่องค่า” สั่งเสร็จหันมาสบตากับชายหนุ่มอย่างรู้ใจว่าที่ตัวเองสั่งไปเผื่ออีกฝ่ายนั้นต้องชอบแน่ๆ
“**เชิญรอที่โต๊ะสักครู่เจ้า**”
ป๊อปเอื้อมมือคล้องกับมือขาวเรียวสวยของคนรักพาไปนั่งรอที่โต๊ะใกล้ๆ กับเคาน์เตอร์ ซึมซับบรรยากาศภายในร้านสักเล็กน้อย ระหว่างรอป๊อปถือโอกาสหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีดำของตัวเองขึ้นมาเปิดโหมดกล้องเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ ร้านไปด้วย จนพัชรอดที่จะแซวไม่ได้
“แหม มาถึงก็ถ่ายรูปเลยนะป๊อป”
เมื่อถูกแซวดังนั้น กล้องด้านหลังสมาร์ทโฟนทั้งสามตัวจับมาที่ใบหน้ารูปไข่เรียวยาวของหญิงสาวทันที ไม่ทันที่จะได้เตรียมตัว นิ้วมือหนากดชัตเตอร์บันทึกภาพไว้ทันทีพร้อมกับปากหยักภาพใต้หนวดเครารกครึ้มคลี่ยิ้มร้ายๆ
“ลบรูปเดี๋ยวนี้เลยนะป๊อป เค้ายังไม่พร้อมเลย” พัชรว่าให้ไม่จริงจังนักเมื่อเห็นหน้าเหวอๆ ของตัวเองในหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของคนรัก
“ฮึ เรื่องอะไรล่ะ รูปนี้พัชรก็สวยดีนะ แค่ทำหน้าเหวอแค่นั้นเอง” ป๊อปให้เหตุผล แต่ไม่อยากทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายด้วยการลงรูปในโซเชียลมีเดีย เพราะกลัวว่าจะทำให้ผิดใจกันเปล่าๆ “อืม พัชรโพสท่าสักหน่อยสิ เดี๋ยวเราถ่ายให้”
พัชรปรายตามองจิกใส่คนรักหนึ่งทีก่อนแกล้งหันไปมองทางอื่น มือเล็กยกขึ้นเท้าคางเรียวสวยโพสท่ารอให้ชายหนุ่มลั่นชัตเตอร์เก็บรูปไว้ หลังจากนั้นไม่นานนัก เสียงแจ้งเตือนในแอพพลิเคชั่นสีเขียวดังขึ้นจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีโรสโกลด์ของตัวเองดังขึ้น นิ้วเรียวเล็กสไลด์เปิดอ่านข้อความ เห็นรูปที่ฝ่ายชายถ่ายไว้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา...
“ป๊อปถ่ายเค้าสวยมากเลยอ่ะ” อดที่จะออกปากชมเชยไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ชายคนรักถ่ายออกมานั้นดูดีมากๆ
“ชอบไหมล่ะพัชร เดี๋ยวถ่ายให้อีก” ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มขึ้นมาก่อนออกปากถาม
“ไว้ถ่ายตอนไปหมู่บ้านสิ เค้าลองดูในเน็ตแล้วมีมุมให้ถ่ายรูปเพียบเลยล่ะ คริๆ พอได้แล้วป๊อป หน้าเค้าสดแบบนี้อายเขาตาย” พัชรเสนอความคิดเห็นก่อนปฏิเสธเสียงอ่อยๆ
“ฮื้ม ปกติพัชรก็ปล่อยหน้าสดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ฮิๆ” ป๊อปย้อนถามกลับมา เพราะตลอดสิบกว่าปีที่คบกันมา น้อยครั้งมากที่จะเห็นแฟนสาวแต่งหน้า นอกจากงานรับปริญญา หรือเวลาไปงานสังสรรค์แล้ว ทุกครั้งที่เจอกันหญิงสาวมักจะปล่อยหน้าสดตลอด มีเพียงแค่ทาแป้งรองพื้น เขียนคิ้วให้เข้มและทาปากด้วยลิปกลอสสีใสเท่านั้น เพียงแต่เช้าวันนี้สาวเจ้าไม่ได้ทำอย่างที่แล้วมาเท่านั้น
“ใช่ แต่นี่เค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยน้า คิ้วเค้ายังไม่มีเลย เค้าอายน้า”
ได้ฟังดังนั้นเขาไม่อยากจะขัดใจคนรักอีก ได้แต่หันสมาร์ทโฟนในมือเก็บภาพบรรยากาศตรงอื่นรอเวลาไปเรื่อยๆ กระทั่งเมนูที่สั่งไว้ทำเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับเสียงเรียกจากพนักงานประจำร้าน
“**ทั้งหมด 480 เจ้า**”
ป๊อปทำท่าจะควักแบงก์ห้าร้อยจากกระเป๋าตังค์เตรียมยื่นให้กับพนักงานร้าน แต่พัชรรีบยกมือห้ามไว้พร้อมกับควักแบงก์ร้อยสองใบกับแบงก์ห้าสิบหนึ่งใบออกมา
“ป๊อป เค้าหารด้วยสิ ยังไงก็กินด้วยกันน้า”
ศีรษะทุยได้รูปพยักหน้าตอบก่อนเก็บแบงก์ห้าร้อย หยิบแบงก์ร้อยสองใบกับแบงก์ยี่สิบอีกสามใบออกมารวมกับเงินของแฟนสาวยื่นให้กับพนักงานประจำร้านไป
“นี่ครับ ไม่ต้องทอนนะครับ ที่เหลือคือทิปครับผม”
“**ขอบคุณเจ้า วันหลังเพิ่นมาอุดหนุนใหม่เน้อเจ้า**”
ทั้งสองช่วยกันถือแก้วทั้งสามใบกับขนมอีกสามกล่องเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักด้วยกัน จนเมื่อกลับไปถึง ฝ่ายหญิงสาวทำหน้าที่เปิดประตูให้เข้าไปเพราะเห็นในมือของคนรักถือของเต็มมือจนไม่มีมือว่าง เมื่อมองเข้าไป ยังเห็นใบหม่อนนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงอยู่...
“น้องใบหม่อนยังไม่ตื่นเลยป๊อป”
“อืม ฮึๆ สงสัยเราสองคนตื่นเช้าเกินมั้ง นี่เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง ไปๆ ไปนั่งกินที่ระเบียงก่อนดีกว่า พัชรเรารบกวนหน่อย” ป๊อปออกปากชวนให้ไปนั่งกินที่ระเบียงหน้าห้องด้วยกัน แต่ก็ต้องรบกวนแฟนสาวสักหน่อย
พัชรเดินมารับแก้วกาแฟทั้งสองใบกับขนมอีกสองกล่องในมือของคนรักออกไปรอที่ระเบียงหน้าห้อง เหลือเพียงแก้วนมเมล่อนเย็นกับสตอเบอรี่ชีสเค้กที่ซื้อมาให้คนกำลังนอนหลับอยู่ ป๊อปค่อยๆ วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อนโน้มหน้าลงไปกระซิบข้างใบหูเล็กเบาๆ
“<<ใบหม่อน พี่ซื้อนมเย็นกับสตอเบอรี่ชีสเค้กมาให้นะ วางไว้ข้างหัวเตียง>>”
ร่างสูงใหญ่เดินออกไปที่ระเบียงหน้าห้อง รับแก้วกาแฟเย็นจากคนรักที่ออกมายืนรออยู่ก่อนแล้ว หันไปดูวิวหมู่บ้านแม่กำปองที่อยู่ตรงหน้าซึมซับบรรยากาศสักเล็กน้อยก่อนเริ่มจิบกาแฟในแก้ว
“เป็นไงบ้างพัชร ชอบไหมที่เราพามาเที่ยวแบบนี้”
หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานขึ้นมาก่อนละเลียดบลูเบอรี่ชีสเค้กในมือหนึ่งคำ “ชอบสิป๊อป ขอบคุณมากน้าที่พาเค้ามาเที่ยวน่ะ ถึงแม้จะให้เค้ารอตั้งสองสามปีก็เถอะ คริๆ” แอบแซะชายหนุ่มสักเล็กน้อยก่อนลงมือละเลียดกาแฟจากแก้วในมือต่อ
ป๊อปได้แต่คลี่ยิ้มน้อยๆ ยอมรับเลยว่าเป็นอย่างที่แฟนสาวพูดทุกอย่าง ที่จริงถ้าน้องสาวไม่ลงมาอยู่ด้วยแล้วคงไม่มีทางที่ได้ออกมาเที่ยวง่ายๆ แบบนี้ ตลอดช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาที่ตัวเองผันตัวมาเป็นฟรีแลนซ์ ลมหายใจของเขามีแต่งานกับงานแล้วก็งานเท่านั้น แทบจะไม่ให้เวลากับใครเลยแม้แต่คนรักที่ได้แต่นั่งทานข้าวกับเจอกันบ้างตามโอกาสต่างๆ เท่านั้น
“เราขอโทษนะพัชรที่ไม่มีเวลาพามาเที่ยวแบบนี้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้าป๊อป คิดมากน่า เค้าก็แค่น้อยใจนิดนึงน่ะ” พัชรเดินเข้ามาใกล้ๆ คนตัวใหญ่ ยื่นมือเล็กมาบีบมือของคนตัวใหญ่เบาๆ เชิงปลอบใจ
ทั้งสองเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการเดินไปยืนจีบกาแฟริมระเบียงชมวิวหมู่บ้านแม่กำปองท่ามกลางขุนเขาอันเงียบสงบกับสายลมหนาวที่พัดผ่านมาอย่างเพลิดเพลินสลับกับหันมาสบตาให้กันและกันเติมความหวานตามประสาคนรัก ตอนนี้ป๊อปเริ่มจะอดใจไม่ไหวแล้วเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานทำนองเชิญชวน รีบพาตัวเองเดินอ้อมไปด้านหลังร่างบาง สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมยาวตรงสลวย ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปประทับรอยจูบบนเรือนผมหนึ่งทีก่อนเดินกลับไปที่ริมระเบียงอีกครั้ง
ฝ่ายหญิงสาวค่อยๆ หลับตาลงซึมซับรสหวานจากรอยจูบบนเรือนผมยาวสลวยของตัวเอง เปลือกตาคู่สวยลืมขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเห็นคนที่เพิ่งทำหน้าที่จูบกลับมายืนอยู่ข้างๆ และโน้มใบหน้าที่ไม่มีความหล่อเหลาเข้ามาใกล้ๆ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจและไอเย็นที่พร่างพรูออกมา
“ป๊อปจะทำอะไรอ่ะ” แกล้งถามไปงั้น รู้ตั้งแต่อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้ว เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวเบี่ยงหน้าหนีไม่ได้
ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเคราหนาประทับรอยจูบมัดจำบนพวงแก้มใสก่อนค่อยๆ ผละหน้าออกมา ลอบมองใบหน้าขาวกระจ่างใสกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อราวมะเขือเทศสุกแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“พอได้แล้วป๊อป เค้าเขิน”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพลอดรักเติมความหวานอยู่นั้น ไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าของร่างสูงระหงเพรียวบางกำลังยืนดูดชานมเมล่อนเฝ้าดูอยู่เงียบๆ ตรงประตูกระจก มือเล็กอีกข้างถือสมาร์ทโฟนราคาแพงถ่ายรูปไว้หมดแล้ว
‘ขอหน่อยละกันน้าพี่ป๊อปพี่พัชร เหม็นความรักอ่ะ หมั่นไส้!!!’
ป๊อปทำเป็นได้ใจเข้าไปคลอเคลียกับคนรักเป็นการใหญ่ราวกับแมวเชื่องๆ กำลังอ้อนเจ้าของจนพัชรเริ่มออกอาการเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว มือเล็กได้แต่ปัดป้องไม่ให้ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้เพราะหัวใจกำลังจะละลายไปหมด แต่แล้วก็ต้องใช้ไม้ตายสุดท้ายก็คือ...
“ป๊อปเข้าไปดูน้องใบหม่อนดีกว่าไหม”
ได้ผลเมื่อคนตัวใหญ่ยอมผละออกไปแต่โดยดี แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปข้างใน ชายหนุ่มเห็นคนที่แฟนสาวพูดถึงยืนเต๊ะท่าดูดนมเมล่อนกับละเลียดสตอเบอรี่ชีสเค้กดูพวกเขายืนพลอดรักกันอย่างสบายใจ เห็นหญิงสาวส่งสายตาล้อเลียนพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน เหมือนจะบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเจ้าตัวเห็นตั้งแต่ตอนที่จูบกันแล้ว...
“<<อ้าวตื่นแล้วเหรอใบหม่อน>>”
“<<หนูตื่นตั้งแต่เห็นพี่ป๊อปยืนจูบพี่พัชรแล้ว คริๆ>>”
ร่างสูงระหงเดินถือแก้วชานมเมล่อนกับสตอเบอรี่ชีสเค้กออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ซึมซับบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยขุนเขาบ้างหลังจากนอนหลับเต็มอิ่มมาตลอดคืน แอบชำเลืองมองคู่รักที่ทำให้ตัวเองต้องเฝ้ามองอย่างอิจฉาอยู่สักพักก่อนหันหน้าออกไปดูวิวหมู่บ้านแม่กำปองที่อยู่ตรงหน้า จิบชานมเมล่อนไปอย่างเพลิดเพลิน
“<<ตื่นมาไม่เห็นบอกกล่าวกันเลย ตอนพี่ขึ้นมาเห็นเราหลับอยู่พี่ก็ไม่กล้าปลุก>>”
“<<หนูไม่ได้ว่าอะไรพี่ซักหน่อย พี่อ่ะคิดมาก บ้าบอ>>” ใบหม่อนว่าให้กับพี่ชายหนึ่งทีก่อนเบือนหน้าหนี แอบคลี่ยิ้มขึ้นมาลับหลัง ‘ถ้าหนูบอกพี่ป๊อปกับพี่พัชรก็รู้ตัวสิ คริๆ’
พัชรแอบกลั้นขำเมื่อเห็นพี่น้องคู่นี้ทะเลาะกัน อีกใจนึงยังรู้สึกอายกับวิธีบอกรักด้วยการจูบของแฟนหนุ่มไม่หาย หารู้ไม่เลยว่าฉากบอกรักของทั้งคู่นั้นอยู่ในสายตาของใบหม่อนหมดแล้ว
“<<ใบหม่อน วันนี้จะให้พี่พาไปเที่ยวไหนดีล่ะ>>” ป๊อปเริ่มหันไปชวนน้องสาวคุยบ้าง
“<<งืม หนูอยากเข้าไปหาของกินในหมู่บ้านอ่ะ หนูอ่านรีวิวแล้วมีหลายร้านที่อยากไปลองชิมเลยล่ะ>>”
ป๊อปคลี่ยิ้มขึ้นมาหลังจากได้ยินคำตอบจากปากของน้องสาว เป็นไปตามที่ตัวเองคาดไว้ไม่มีผิดเพราะรู้ว่าน้องสาวตัวเองชอบหาของกินและกินเก่งขนาดไหน
“<<ได้ เดี๋ยวพี่ดูเงินก่อนนะ>>” เอ่ยปากตอบน้องสาวแต่แอบหันไปส่งซิกกับคนรักที่ยืนอยู่อีกข้างหนึ่ง เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันรีบตัดบทออกมาก่อน
“อะไรๆ น้องใบหม่อนเป็นน้องของป๊อปนะ ป๊อปก็จ่ายคนเดียวสิ ไม่ต้องมาหารกับเค้าเลย ชิ”
ป๊อปได้แต่หน้าม้านเมื่อถูกตอกกลับมาแบบนี้ รีบดูดกาแฟในมือที่เริ่มละลายจนหมดก่อนซัดเลม่อนชีสเค้กอีกหนึ่งคำจนเต็มปาก “เออน่าเราไม่หารกับพัชรหรอก แต่กินด้วยกันเมื่อไหร่หารด้วยก็ดีนะ ตอนนี้หุ้นแดงอยู่หลายตัวเลยไม่น่าจะมีสำรองพอน่ะ”
พัชรปรายตามองดุใส่เมื่อเจอไม้นี้ เพราะหุ้นของตัวเองถืออยู่ก็เป็นตัวเดียวกับที่แฟนหนุ่มซื้อให้ และตอนนี้ก็กำลังแดงอยู่เหมือนกัน “ไม่ต้องเลยป๊อป ของเค้าก็แดงไม่ต่างจากของป๊อปแหละ”
“ฮึๆ ก็แดงไปด้วยกันเนี่ยแหละ” ป๊อปยื่นมือไปบีบจมูกเล็กโด่งเชิดรั้นของหญิงสาวโยกไปมาเชิงหยอกล้อ
“ปล่อยได้แล้วป๊อป เค้าหายใจไม่ออก” พัชรบ่นเสียงอู้อี้
ใบหม่อนรู้สึกตาร้อนผะผ่าวเมื่อเห็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้โชว์หวานให้เห็นอีก นึกน้อยใจตัวเองที่ต้องอยู่ห่างคนรักจนแทบไม่มีโอกาสได้เจอกันเหมือนคู่อื่นๆ บ้าง รู้สึกหวาดกลัวความสัมพันธ์ที่ห่างไกลแบบนี้อยู่ไม่น้อย ความกังวลใจของสาวเจ้าแสดงออกมาให้เห็นผ่านใบหน้ามุ่ยๆ จนคนเป็นพี่ชายสังเกตได้
“<<เป็นอะไรล่ะใบหม่อน คิดถึงโบ้เหรอ ฮิๆ>>”
ดวงตาคู่สวยเงยขึ้นมองดุใส่คนถามจี้จุด “<<ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของหนูเลยนะพี่ป๊อป สวีทกับพี่พัชรอยู่ได้ เห็นแล้วจะอ้วก>>”
“<<พี่ไม่ได้จะแส่เรื่องของเราหรอกใบหม่อน แค่เป็นห่วงเฉยๆ น่ะ เห็นเราหน้ามุ่ย มาเที่ยวทั้งทีมาทำหน้ามุ่ยแบบนี้ได้ไงล่ะหืม>>”
ป๊อปพูดไปเอื้อมมือไปยีผมยาวสลวยที่ถูกดัดเป็นลอนของคนหน้ามุ่ยจนฟู ยังไม่เปิดช่องให้อีกฝ่ายโต้ตอบ “<<ถ้าคิดถึงโบ้จริงๆ ไม่โทร.หา ไม่วีดีโอคอลหากันล่ะ พี่ว่าโบ้ก็คิดถึงใบหม่อนเหมือนกันน่ะแหละ>>”
ใบหน้าสวยหวานยังคงบูดบึ้งงอง้ำ มีเพียงดวงตากลมโตคู่สวยที่เริ่มเป็นประกายขึ้น “<<หนูก็ไลน์คุยกับโบ้ตลอดน้าพี่ป๊อป แต่มันอยู่ห่างกันแล้วหนูก็กลัวอยู่ดีแหละ>>”
“น้องใบหม่อนจ๊ะ พี่ไม่รู้หรอกนะว่าแฟนใบหม่อนเป็นคนยังไง แต่พี่พูดในมุมที่พี่เห็นจากป๊อปนะ” พัชรได้โอกาสเสริมขึ้นมา “ถ้าคนเราเชื่อใจกันและกัน ซื่อสัตย์ต่อกันและกัน ห่างกันแค่ไหนก็ไม่มีทางเปลี่ยนหรอกจ้ะ”
ป๊อปพยักหน้าเบาๆ หลังจากพัชรพูดจบ หันไปมองหน้าน้องสาวที่ตอนนี้เริ่มกลับมายิ้มได้บ้างแล้วถึงแม้จะยังมีร่องรอยความเศร้าอยู่บ้าง “<<ไปใบหม่อน อาบน้ำอาบท่าเดี๋ยวพาไปเที่ยว>>”
“<<ไม่อาบได้ไหมอ่ะพี่ป๊อป ขอแค่ล้างหน้าแปรงฟันน้า>>” ใบหม่อนทำแก้มป่องใส่ “<<ก็มันหนาวนี่นาพี่ป๊อป>>”
“<<อาบเถอะน่า ใบหม่อนจะได้ตัวหอมๆ ไง>>” ป๊อปแกล้งยื่นจมูกเข้ามาใกล้ๆ พวงแก้มนุ่มของหญิงสาว ทำท่าสูดดมฟืดๆ ก่อนผละออกมา เขาย่นจมูกขึ้นเล็กน้อยแสดงสีหน้าเหม็นให้หญิงสาวเห็น
“<<ถ้าน้องสาวพี่ตัวเหม็นเปรี้ยวแบบนี้ ไปเที่ยวทีอายเขาตายเลยล่ะ ฮ่าๆ>>”
“<<พี่ป๊อป!!!>>” เสียงใสแหวใส่ “<<ว่าหนูตัวเหม็นเหรอ!>>”
คราวนี้มือเล็กเริ่มจู่โจมใส่คนปากเสียแบบไม่ยั้ง กำปั้นน้อยเริ่มระดมทุบใส่หุ่นหมีของพี่ชายรัวๆ ปากอวบอิ่มต่อว่าไม่หยุดด้วยอารมณ์ขัดเคืองในใจ
“<<นี่แน่ะๆๆๆๆ ว่าหนูตัวเหม็นใช่ไหม ว่าแต่หนูตัวเหม็นแล้วพี่ป๊อปล่ะ ไม่อาบน้ำอาบท่าเหรอไงมาไล่หนูเนี่ย ห๊า! นี่แน่ะๆๆๆๆๆ>>”
“<<เฮ้ย ตีพี่ทำไมเนี่ย พี่อาบน้ำแล้วนะเว้ย>>” ป๊อปร้องเสียงหลง ยกมือปัดป้องเป็นการใหญ่ ขณะเดียวกัน พัชรได้แต่ยืนตะลึงงัน งงกับความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้อยู่ไม่น้อยถึงแม้จะรู้จักกันมานานแล้วก็ตาม
ใบหม่อนยอมหยุดเมื่ออารมณ์หายคุกรุ่นแล้ว แต่ยังออกอาการงอนให้พี่ชายเห็นอยู่ด้วยการปรายตามองจิกใส่ก่อนยอมเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวแต่โดยดี ร่างสูงระหงในเสื้อผ้าชุดเดินทางเมื่อคืนเดินจากไปพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากคนที่เจ้าตัวเพิ่งทุบตีไปมองตามจนลับตา...
“ป๊อปนีน้า ชอบแกล้งน้องใบหม่อนจังเลย”
เหมือนจังหวะซิตคอมเล็กๆ เมื่อพัชรเริ่มต่อว่าชายหนุ่มด้วยประโยคเดิมๆ ที่ได้ยินทุกครั้งหลังจากที่ป๊อปทะเลาะกับน้องสาวจบลงต่อหน้าต่อตาของแฟนสาวคนนี้ “ไปป๊อป เข้าไปข้างในเถอะ รอน้องใบหม่อนอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปเที่ยวกันน้า”
มือเรียวเล็กขาวราวงาช้างเอื้อมมาจับมือหนาของคนรักพากลับเข้ามาข้างในห้องอีกครั้ง ภายในห้องค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงแต่เสียงอาบน้ำจากข้างในห้องน้ำเท่านั้น ระหว่างรอคนอาบน้ำอยู่นั้นทั้งสองต่างหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาอัพเดตโซเชียลมีเดียส่วนตัวและศึกษาข้อมูลร้านอาหารต่างๆ ในหมู่บ้านไปเรื่อยๆ เผื่อเจอร้านไหนที่ถูกใจจะได้พาคนพิเศษที่กำลังอาบน้ำอยู่ไปกินด้วยเสียเลย จนเวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงเศษ ประตูห้องน้ำถูกเปิดขึ้น ร่างสูงระหงที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวปิดบังส่วนซ่อนเร้นเดินออกมา แต่เนินอกอวบอิ่มสีคล้ำราวกับน้ำผึ้งโผล่พ้นออกมาเหนือกระโจมอกพอดี เรือนผมยาวสลวยที่ถูกดัดเป็นลอนถูกคลุมทับไว้ด้วยหมวกอาบน้ำสีชมพูลายการ์ตูนสดใสอยู่
“<<พี่ป๊อปออกไปข้างนอกก่อน หนูจะแต่งตัว>>” เสียงใสออกปากไล่พี่ชายทันทีที่เดินออกมา
คนถูกออกปากไล่หันมายิ้มกระตุกๆ ใส่น้องสาวตัวเองหนึ่งทีก่อนยอมลุกเดินออกไปอย่างว่าง่าย “<<พี่ไม่ดูใบหม่อนแต่งตัวหรอกน่า พี่เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว นมคัพบีแบบนี้พี่เห็นจนเบื่อแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ>>” เสียงหัวเราะกรีดแหลมสูงราวกับแม่มดในการ์ตูนดิสนีย์ช่างยั่วอารมณ์โมโหของหญิงสาวให้ปะทุขึ้นในไม่ช้า
“ไปพัชร ออกไปนั่งรอด้วยกันมา” ป๊อปเอื้อมมือคว้าแขนเรียวสวยภายใต้เสื้อยืดแขนยาวพาออกไปข้างนอกด้วยกัน ทิ้งให้ใบหม่อนแว้ดแหวไล่หลังอยู่คนเดียว
“<<อีพี่ชายบ้า โรคจิตหรือไงห๊า ทะลึ่งที่สุดเลย คอยดูนะ กลับบ้านเมื่อไหร่หนูฟ้องแม่กับแม่คุณแน่!!!>>”
...............................................................................
ทั้งสามพากันเดินออกมาจากที่พักเตรียมตัวออกเที่ยวตามเส้นทางที่กำหนดไว้ แต่หลังจากพัชรได้ดูกูเกิลแม็ปสำรวจเส้นทางแล้วถึงกับอ่อนใจเพราะระยะทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งนั้นค่อนข้างไกลเกินกว่าที่จะเดินไหว แต่ทันใดนั้นเจ้าตัวเหลือบไปเห็นร้านบริการมอเตอร์ไซค์ให้เช่าอยู่ตรงหน้า หญิงสาวหันไปถามคนรักทันที
“ป๊อป ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวกันไหมล่ะ”
ทันใดนั้นใบหม่อนแย้งขึ้นมา “พี่พัชร ไม่รู้เหรอว่าพี่ป๊อปขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นอ่ะ คริๆ”
พัชรยิ้มแห้งๆ แก้เขินเล็กน้อย รู้อยู่ว่าแฟนหนุ่มขี่รถมอเตอร์ไซค์ไม่เป็น “ก็เช่าแค่สองคันไง พี่คันนึง น้องใบหม่อนคันนึงไงล่ะจ๊ะ มาเดินแบบนี้เมื่อยตาย ยกเว้นแต่พี่ป๊อปนั่นแหละจ้า” พูดจบแอบส่งสายตาไปยังคนรัก
รถมอเตอร์ไซค์แม่บ้านสองคันถูกเช่าเหมารวมตลอดทริปโดยที่ป๊อปเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมดถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ขี่เองเพราะขี่ไม่เป็นก็ตาม แต่แล้วตัวเองก็ต้องมานั่งซ้อนท้ายคันที่น้องสาวเป็นคนขี่
“<<พี่ป๊อป เกาะแน่นๆ น้า เดี๋ยวหงายหลังไปหนูไม่รู้ด้วยล่ะ>>” ใบหม่อนหันมากำชับพี่ชายที่นั่งซ้อนท้ายตัวเองอยู่
“<<ครับแม่ แม่ก็อย่าซิ่งเหมือนพี่ล่ะคร้าบ>>”
“<<พี่ป๊อปอ่ะ>>” ใบหม่อนยื่นมือเล็กหันมาตีแขนของพี่ชายเบาๆ เมื่อถูกยอกย้อนให้ ขณะที่คนโดนตีบุ้ยหน้าไปทางมอเตอร์ไซค์อีกคันที่แฟนสาวขี่อยู่ “<<ขี่ตามพี่พัชรให้ทันละกัน>>”
“<<จ้าลูกชายสุดที่รัก>>” หญิงสาวทำเสียงล้อเลียนใส่ “<<เกาะแม่แน่นๆ นะไอ้หมา คริๆๆๆ>>”
สองสาวขี่มอเตอร์ไซค์แล่นไปตามถนนสายหลักภายในหมู่บ้านอย่างช้าๆ ซึมซับบรรยากาศรอบข้างที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนแบบพื้นถิ่นที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาและต้นไม้หนาแน่นเขียวขจี กระแสลมหนาวพัดผ่านมาปะทะร่างของทั้งสามชีวิต ทางด้านป๊อปเริ่มตั้งหลักได้หยิบกล้องถ่ายรูปคู่กายขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศทั้งที่ยังนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่ใบหม่อนขี่อยู่ โชคดีที่ว่าสาวเจ้าขี่ค่อนข้างช้าทำให้การเก็บรูปนั้นง่ายขึ้นไปอีก
ใบหม่อนชำเลืองมองผ่านกระจกมองหลัง กลีบอวบอิ่มคลี่ยิ้มขึ้นเมื่อเห็นคนซ้อนท้ายยกกล้องขึ้นถ่ายรูปอย่างมีความสุข นึกอยู่ในใจ ‘ชอบล่ะสิพี่ป๊อป ได้ถ่ายรูปแบบนี้ เดี๋ยวหนูพาพี่ป๊อปไปหาที่ถ่ายรูปสวยๆ น้า’
สองสาวขี่รถไปตามทางเรื่อยๆ ย้อนออกมานอกหมู่บ้านมุ่งไปทางที่พัก จากสองข้างทางที่จอแจไปด้วยผู้คนค่อยๆ เข้าสู่บรรยากาศอันร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ จนถึงที่หมายแรกสำหรับเที่ยวในวันนี้ เหมือนพัชรจะรู้ใจแฟนหนุ่มเมื่อมาถึงวัดแม่กำปองอันเป็นวัดประจำหมู่บ้าน
ทั้งสามลงจากรถมอเตอร์ไซค์หลังจากจอดในจุดจอดเสร็จ ต่างคนต่างยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายอิริยาบถสักเล็กน้อย ยกเว้นแต่ชายหนุ่มที่เมื่อมาถึง รีบยกกล้องกดชัตเตอร์เก็บภาพทันทีจนพัชรต้องปราม
“ป๊อปใจเย็นๆ เดี๋ยวไปไหว้พระกันก่อนน้า”
ทั้งสามพากันเดินเข้าไปภายในวิหารไม้สักหลังใหญ่โดดเด่นใจกลางวัดหลังงามตามรูปแบบศิลปะทางภาคเหนือ ภายในวิหารค่อนข้างเย็นวาบจนสองสาวเริ่มรู้สึกหนาวเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ยกเว้นแต่หนึ่งหนุ่มที่ไปที่ไหนไม่เคยรู้สึกหนาวเลยแม้แต่นิดเดียวอย่างป๊อป ต่างคนต่างก้มลงกราบพระประธานก่อนเงยหน้าขึ้นมาซึมซับบรรยากาศอันเงียบสงบภายในวิหารหลังนี้ ป๊อปเริ่มทำหน้าที่ด้วยการยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพภายในทุกซอกทุกมุม และไม่ลืมที่จะเก็บภาพของสองสาวไว้ด้วย
จุดหมายต่อไปคืออุโบสถกลางน้ำที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก ระหว่างทางป๊อปเก็บภาพรอบๆ บริเวณวัดไปเรื่อยจนสองสาวเริ่มหันมาส่งสายตาค้อนใส่ แล้วก็เป็นใบหม่อนที่ต้องออกปากว่าให้
“<<พี่ป๊อปมัวแต่ถ่ายรูปอยู่นั่นแหละ แล้วเมื่อไหร่จะได้เดินไปล่ะห๊า!>>”
ชายหนุ่มหันมาส่งสายตาเชิงปรามใส่น้องสาวที่เพิ่งตวาดแว้ดใส่เขาเมื่อสักครู่ก่อนยอมเดินตามมาแต่โดยดี คราวนี้รีบเดินเข้ามากุมมือเรียวสวยของแฟนสาวเพื่อขอกำลังใจเล็กน้อยหลังจากโดนว่าให้ เมื่อข้ามลำธารไปได้สักพักก็ถึงที่หมาย
อาคารสถาปัตยกรรมล้านนาหลังย่อมตั้งตระหง่านท่ามกลางภูมิสถาปัตยกรรมอันงดงามที่รังสรรค์จากธรรมชาติ มองลงไปในพื้นหน้าตรงหน้าเห็นเงาสะท้อนของอาคารชัดเจนจนป๊อปอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาชักภาพ เงยหน้ามองขึ้นไปเห็นต้นไม้รกครึ้มดูร่มรื่นลอยสูงเหนือหลังคาอุโบสถหลังนี้ แต่คราวนี้สองสาวต้องรออยู่ด้านนอกเพราะประเพณีของวัดทางภาคเหนือห้ามผู้หญิงเข้าในบริเวณอุโบสถ
“<<พี่ป๊อป หนูกับพี่พัชรรออยู่ตรงนี้นะ รีบๆ ล่ะ อย่าให้รอนาน เข้าใจ๋>>” ใบหม่อนออกปากกำชับก่อน
“<<ครับใบหม่อนหน้ากลม เดี๋ยวพี่รีบเก็บรูปรีบมานะ>>” ป๊อปออกปากรับคำกับน้องสาวก่อนหันไปหอมแก้มคนรักที่อยู่ข้างๆ หนึ่งที
“<<ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะพี่ป๊อป ไปเลยนะเดี๋ยวจะโดน>>” ใบหม่อนแหวใส่พี่ชายก่อนง้างมือขึ้นทำท่าจะฟาด ด้านคนทิ้งระเบิดเมื่อสักครู่รีบเดินจ้ำอ้าวข้ามลำธารไปยังตัวอุโบสถที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว คราวนี้ใบหม่อนได้โอกาสฟ้องพี่สะใภ้เป็นการใหญ่
“พี่พัชรดูสิ พี่ป๊อปว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วอ่ะ หนูอ้วนเหรอพี่พัชร”
พัชรถึงกับกลั้นขำไม่หยุดเมื่อถูกว่าที่น้องสะใภ้ฟ้องแบบนี้ “น้องใบหม่อนก็ไม่ได้อ้วนนะคะ แบบนี้เรียกมีน้ำมีนวลจ้า น้องใบหม่อนหุ่นดีจะตาย เผลอๆ หุ่นดีกว่าพี่อีกแหละ ไม่มิอะไรนี่จ๊ะ ไม่ต้องคิดมากน้า มาๆ ถ่ายรูปกับพี่ดีกว่า”
ได้ผลเมื่อใบหม่อนกลับมาร่าเริงอีกครั้ง สารพัดรูปถ่ายเซลฟี่ผ่านสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินที่ถ่ายใบหน้าตัวเองตอนยิ้มสดใสคู่กับใบหน้าขาวใสของว่าที่พี่สะใภ้อีกหลายๆ แอกต์ท่ามกลางบรรยากาศท่ามกลางขุนเขาและลำธารในบริเวณวัด และตอนนี้คนตัวใหญ่ที่รีบเดินออกมาจากอุโบสถกลางน้ำรีบยกกล้องเก็บภาพทีเผลอของทั้งสองสาวไว้ ยังไม่พอยังหยิบสมาร์ทโฟนสีดำเครื่องหรูขึ้นมาเก็บภาพไว้อีกก่อนรีบส่งผ่านแอพพลิเคชั่นสีเขียวอย่างรวดเร็ว
@@POPENGL@@ : Send a Photo :
ข้อความจากชายหนุ่มเด้งขึ้นมาบนหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือของใบหม่อน ขณะที่พัชรทำสีหน้าแปลกใจเล็กๆ ก่อนออกปากขอให้ว่าที่น้องสะใภ้เปิดดู
“น้องใบหม่อนดูซิ พี่ป๊อปส่งอะไรมา”
นิ้วเรียวเล็กจิ้มไปที่กล่องข้อความที่เด้งขึ้นมา แต่แล้วก็ต้องปรี๊ดเล็กๆ เมื่อเห็นรูปที่พี่ชายส่งมา
“<<พี่ป๊อป!>>” เสียงใสแว้ดขึ้นมา พลางสอดส่ายสายตามองหาพี่ชายตัวดี ยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้คนขี้แกล้งเดินมาอยู่ด้านหลังแล้ว แต่แล้วสาวเจ้าหันขวับไปมองด้านหลังจนเกือบจะชนกับใบหน้าคร้ามที่กำลังยิ้มเผล่เหมือนรู้ชะตากรรมเข้าอย่างจัง
“<<พี่ป๊อ... ตกใจ! นี่แน่ะ>>”
กำปั้นน้อยทุบเข้าที่อกแกร่งของพี่ชายหนึ่งที่โทษฐานมาไม่ให้สุ้มให้เสียง “<<แอบถ่ายหนูกับพี่พัชรเหรอ!>>”
“ป๊อป เสียมารยาทมากเลยนะรู้ไหมแอบถ่ายรูปเนี่ย” พัชรแกล้งว่าให้คนรักหนึ่งที ในใจลึกๆ แอบขำกับกิริยาของว่าที่น้องสะใภ้อยู่ไม่น้อย
ปากหยักได้รูปยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนให้คำตอบ “<<อ้าวก็พี่ออกมาเห็นเรากำลังเซลฟี่กับแฟนพี่อยู่นี่นา ออกท่าแต่ละท่านี่ยังกับเดินสยาม แบบนี้จะไม่ให้แอบถ่ายได้ไงล่ะหืม>>”
มือข้างที่วางเอื้อมมาเขย่าจุกที่เกล้าขึ้นกลางกระหม่อมของหญิงสาวเบาๆ ด้วยว่าสาวเจ้าไม่ได้สระผมเลยต้องเกล้าจุกขึ้นแบบนี้ และผมยังไม่ยาวมากทำให้ไม่สามารถเกล้ามวยสูงได้เหมือนครั้งก่อน
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนไม่ยอมแพ้ แกะมือใหญ่ที่กำลังโยกจุกเหนือศีรษะตัวเองออก “<<สนุกมากใช่ไหมแอบถ่ายรูปเนี่ย>>”
“<<ขอโทษคร้าบ พี่ขอโทษ>>” ป๊อปออกปากขอโทษน้องสาวทันที แล้วก็ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายเริ่มสงบลงถึงแม้จะมีท่าทางงอนๆ อยู่
ทั้งสามเดินทางออกจากวัดแม่กำปองย้อนไปทางที่พักเพื่อไปยังที่หมายต่อไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวไปตามแนวภูเขาทำให้สองสาวต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่มากกว่าเดิม ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยยวดยานพาหนะที่นักท่องเที่ยวขับขี่แล่นผ่านไปมายิ่งทำให้รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกลัวจะเกิดอุบัติเหตุอยู่ไม่น้อย
ป๊อปต้องยอมตัดใจเก็บกล้องไว้ก่อนถึงแม้วิวสองข้างทางจะน่าเก็บภาพแค่ไหนก็ตาม มือหนาทั้งสองข้างเกาะร่างระหงของคนขี่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือราวกับว่าพร้อมจะร่วงได้ทุกเมื่อ
“<<พี่ป๊อปเกาะแน่นๆ น้า>>”
ยิ่งเข้าใกล้ที่หมายเท่าไหร่เส้นทางยิ่งลาดชันคดเคี้ยวมากขึ้นเท่านั้น ลำพังรถมอเตอร์ไซค์แม่บ้านแบรนด์เจ้าตลาดที่สองสาวเช่ามาขี่ในตอนนี้ยังแล่นไปอย่างยากลำบากเพราะเส้นทางข้างหน้าลาดชันมาก จนเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งก็ถึงที่หมายที่สองสำหรับวันนี้...
หลังจากจอดมอเตอร์ไซค์ตรงลานจอดเสร็จ ทั้งสามพากันเดินไปตามป้ายบอกทางจนไปถึงบริเวณน้ำตกแม่กำปองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาเดินเที่ยวมาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน แหงนมองขึ้นไปด้านบนเห็นความใหญ่โตโอ่อ่าท่ามกลางต้นไม้ใหญ่จนรกครึ้มกับเสียงน้ำตกที่ดังกระหึ่มจนแทบไม่ได้ยินสรรพสำเนียงเสียงรอบข้าง อากาศโดยรอบเริ่มหนาวเย็นมากกว่าด้านนอกที่ผ่านมาอีก
พัชรค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งบนก้อนหิน ก้มลงเลิกขากางเกงยีนขาม้าตัวโปรดขึ้นเผยให้เห็นเรียวขาขาวราวงาช้าง เพื่อไม่ให้ปลายขากางเกงเปียกและทำให้เดินได้คล่องขึ้น ทางด้านป๊อปกำลังเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ บริเวณน้ำตกผ่านกล้องโปรคู่มืออย่างเพลิดเพลิน ไม่ลืมที่จะหันไปถ่ายใบหม่อนที่กำลังโพสท่ายิ้มสู้กล้องอย่างเต็มที่
“<<พี่ป๊อปถ่ายอีกๆ>>”
เสียงใสร้องเรียกให้พี่ชายลั่นชัตเตอร์ถ่ายรูปตัวเองอีก มีหรือที่ป๊อปจะกล้าขัดใจน้องสาวตัวเองเมื่อระดมกดชัตเตอร์รัวๆ เพียงแต่เปลี่ยนอุปกรณ์จากกล้องเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีดำเท่านั้น กลัวว่าขืนใช้กล้องถ่ายต่อแบตจะหมดเอากลางทางจนทำให้อดเก็บภาพอีก ตอนนี้พัชรเข้ามาร่วมเฟรมถ่ายรูปคู่กับว่าที่น้องสะใภ้ด้วยจนกระทั่ง...
“พัชร ใบหม่อน พอก่อนไหม มัวแต่ถ่ายรูปแบบนี้เดี๋ยวอดเที่ยวที่อื่นพอดี” เป็นป๊อปที่ต้องพูดตัดบทขึ้นมา
ใบหม่อนทำหน้าบึ้งแสดงอาการเซ็งให้เห็น แต่ก็ยอมทำตามที่พี่ชายตัวเองบอกแต่โดยดีด้วยการเดินตามหลังพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ขึ้นไปตามทางเดินสู่ชั้นบนของน้ำตก ครั้งนี้ไม่ได้กะจะมาเล่นน้ำเลยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนมาด้วย เพียงแค่ได้เห็นบรรยากาศโดยรอบบริเวณก็คุ้มค่าที่จะมาเยือนแล้ว...
ยิ่งเดินขึ้นชั้นสูงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นวิวทิวทัศน์รอบๆ บริเวณน้ำตกชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ป๊อปเริ่มอดใจไม่ไหวหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพที่เห็นตรงหน้า ไม่ลืมที่จะหันไปถ่ายคนรักกับน้องสาวที่กำลังยืนชมวิวอย่างเพลิดเพลินที่อยู่อีกด้านหนึ่งด้วย
เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นสุดท้ายของน้ำตกแห่งนี้ ต่างคนต่างนั่งลงบนโขดหินริมน้ำขับไล่อาการเมื่อยล้าที่สะสมมาตลอดตั้งแต่เริ่ม อยากจะนั่งพักเอาขาแช่น้ำพอให้รู้สึกสดชื่นสักหน่อย
ป๊อปนั่งลงบนโขดหินก้มลงแกะเชือกและถอดรองเท้าให้กับคนเป็นน้องสาวพร้อมกับเลิกขากางเกงยีนห้าส่วนขึ้นก่อนที่จะมาจัดการกับรองเท้าและกางเกงของตัวเอง ใบหน้าคร้ามหันไปมองแฟนสาวที่นั่งบนชะง่อนหินเอาเท้าจุ่มลงไปในน้ำตกที่กำลังไหลเชี่ยวกรากอยู่อีกด้านหนึ่งไม่ไกลกันนัก
สมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินในมือของใบหม่อนยกขึ้นเก็บภาพโดยรอบบ้างหลังจากเห็นพี่ชายตัวเองเก็บภาพสวยๆ หลายรูประหว่างเดินทางจนมาถึงชั้นบน แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมาหลังจากนั่งได้สักพัก ลำพังเสื้อกันหนาวที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ยังไม่พอที่จะทำให้ตัวเองคลายหนาวได้มากนัก ยิ่งขึ้นมาสูงมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งหนาวมากจนมีควันออกมาจากจมูกและปากเมื่อหายใจออก
“<<หนูหนาวอ่ะพี่ป๊อป>>”
ป๊อปรีบวางกล้องลงและถอดเสื้อสูทออกไปคลุมร่างสูงระหงที่นั่งตัวสั่นเทาใกล้ๆ มือหนายกขึ้นแตะหน้าผากโค้งมนได้รูปของหญิงสาว รู้สึกเย็นวาบแทบจะเข้าไปในกระดูกจนต้องรีบชักมือออก นัยน์ตาสองชั้นหลบมองเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวยที่กำลังสั่นไหวระริกอยู่
“<<ดีขึ้นยังล่ะใบหม่อน>>”
หญิงสาวสังเกตเห็นไอเย็นที่พวยพุ่งออกมาจากปากหยักของพี่ชายแล้วยังรู้สึกหนาวแทน พยายามทำตัวให้เข้มแข็งให้อีกฝ่ายได้เห็น
“<<ค่อยอุ่นขึ้นแล้วล่ะพี่ป๊อป แล้วพี่ป๊อปไม่หนาวเหรอไงถอดสูทมาให้หนูเนี่ย>>”
“<<เฮ้ย สบาย>>” ปากหยักได้รูปยกยิ้มขึ้น ยกมือขึ้นมาจับจุกเหนือกระหม่อมของหญิงสาวโยกไปมาหนึ่งทีก่อนปล่อยออก “<<อากาศเย็นแค่นี้ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก>>”
“<<จ้า พี่ป๊อปไม่ไปดูพี่พัชรหน่อยเหรอ ป่านนี้พี่พัชรคงหนาวไม่ต่างจากหนูแหละ ไม่ต้องห่วงหนูน้า>>”
ใบหม่อนออกปากไล่พี่ชายทันทีหลังจากได้รับไออุ่นจากอีกฝ่ายจนพอกับเสื้อสูทที่คลุมร่างอยู่ ทางด้านป๊อปยอมทำตามคำของน้องสาวแต่โดยดี ร่างสูงใหญ่ผละออกไปตรงที่แฟนสาวนั่งอยู่ไม่ไกลนัก
“พัชร ไม่หนาวเหรอ”
พัชรหันมาส่งยิ้มหวานให้ ป๊อปเห็นแล้วไม่ลังเลที่จะรีบยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพ แต่สาวเจ้ากลับยกมือขึ้นปิดหน้ากล้องเสียเฉยๆ
“ป๊อปอย่าแอบถ่ายแบบนี้สิ เค้าไม่ชอบ”
ด้านคนแอบถ่ายชักสีหน้าเซ็งเมื่อเก็บภาพไม่สำเร็จ เงยหน้าขึ้นมาเห็นแฟนสาวชักสีหน้าใส่พอเดาอารมณ์ได้เลยว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ฮื้ม เมื่อกี้พัชรยิ้มสวยมากเลย ทำไมไม่ให้เราถ่ายล่ะหืม”
“ก็เค้าไม่พร้อมนี่” พัชรย้อนให้ไม่จริงจังนัก “เค้าหน้าสดขนาดนี้ป๊อปยังอยากจะถ่ายเค้าอีกเหรอ”
ป๊อปคลี่ยิ้มขึ้นหลังจากได้ยินคำตอบจากปากแฟนสาว นึกขำในใจเพราะปกติหญิงสาวปล่อยหน้าสดเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ก็ต้องยอมถึงแม้จะรู้ว่าสาวเจ้าเถียงข้างๆ คูๆ ก็ตาม
“อืมๆ ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย ว่าแต่พัชรไม่หนาวเหรอ เห็นนั่งเอาขาแช่น้ำอยู่ตั้งนาน”
นัยน์ตาสองชั้นหลบก้มลงมองเรียวขาสวยที่กำลังจุ่มลงไปในกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากของน้ำตกตรงหน้า เห็นไอเย็นพวยพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำแล้วยังรู้สึกหนาวแทนเหมือนกัน
“ก็หนาวแหละ แต่เค้าไม่เป็นไรหรอก” พัชรยักไหล่ขึ้น “ว่าแต่ป๊อปเถอะ ถอดสูทให้น้องใบหม่อนใส่แบบนี้ ไม่หนาวบ้างเหรอไง”
พัชรย้อนให้หลังจากสังเกตเห็นว่าคนตัวใหญ่มีเพียงเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนห่อหุ้มร่างกายอยู่เท่านั้น ไร้เงาสูทสีเทาที่เคยคลุมร่างใหญ่เมื่อก่อนหน้านี้
“แค่นี้เอง เราไม่เป็นไรหรอก” ป๊อปตอบเสียงแผ่วเบาก่อนคลี่ยิ้มบางๆ
หญิงสาวส่งยิ้มตอบกลับไปเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนรักที่ส่งมาให้ ต่างคนต่างส่งสายตาหวานซึ้งให้กันและกันก่อนค่อยๆ โน้มหน้าเข้าหากันอย่างช้าๆ จนริมฝีปากของทั้งคู่กระทบเข้าหากันอย่างดูดดื่มพลางสอดลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันในช่องปากของกันและกัน ต่างคนต่างหลับตาพริ้มรับรสจูบอันแสนหวานท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเหน็บที่โอบล้อมด้วยขุนเขากว้างใหญ่ กับเสียงน้ำตกที่ดังกระหึ่มเป็นแบ็กกราวด์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่พ้นสายตาของใบหม่อนที่หันมามองด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งอิจฉาตาร้อนปนกับดีใจอยู่ไม่น้อย สมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินเปิดโหมดกล้อง นิ้วมือเล็กกดชัตเตอร์เก็บภาพไว้ แอบส่งให้ผู้เป็นแม่ผ่านแอพพลิเคชั่นสีเขียวเสร็จก่อนกดลบรูปทิ้ง ขณะที่คู่รักตรงหน้ายังคงแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม ไม่รู้ตัวเลยว่าโดนแอบถ่ายรูปไปแล้ว...
ใบหม่อนลงจากรถแท็กซี่หลังจากใช้เวลานั่งอยู่นานเกือบสองชั่วโมงที่ฝ่าด่านการจราจรติดขัดในยามเย็นวันศุกร์มาได้ ยังดีที่ว่ากระเป๋าสัมภาระของตัวเองฝากให้พี่ชายเอามาให้แล้ว มือเล็กหยิบแบงก์ห้าร้อยขึ้นมาจ่ายให้กับคนขับแท็กซี่ รับเงินทอนเสร็จร่างระหงรีบพาตัวเองเดินเข้ามาข้างในอาคารผู้โดยสาร หยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นเปิดแอพพลิเคชั่นสีเขียว แชตหาคนเป็นพี่ชาย
@@Baimon@@ : พี่ป๊อป หนูมาถึงแล้วน้า :
ข้อความถูกอ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนปลายทางจะพิมพ์ตอบกลับมา
@@POPENGL@@ : เข้ามาเลย ตอนนี้พี่รออยู่ที่ชั้นสี่ ใกล้ๆ เคาน์เตอร์เช็คอิน เราขึ้นชั้นสี่มาเลย :
ใบหม่อนอ่านแล้วไม่พิมพ์ตอบอะไรอีก รีบพาตัวเองขึ้นบันใดเลื่อนมายังชั้นสี่ของอาคารผู้โดยสาร มองไปรอบๆ เห็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ยืนถือกระเป๋าพะรุงพะรังอยู่ไม่ไกลนักท่ามกลางผู้คนเดินสวนกันไปสวนกันมาวุ่นวายไปหมด
จังหวะนั้นพัชรหันมาเห็นเจ้าของร่างสูงระหงของหญิงสาวพอดี รีบยกมือเป็นสัญญาณให้เห็น เมื่อหญิงสาวเดินมาจนถึงแล้ว
“พี่พัชรสวัสดีค่ะ” ใบหม่อนยกมือไหว้ว่าที่พี่สะใภ้ หันมาหาคนเป็นพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน “<<พี่ป๊อป รอหนูนานไหมอ่ะ>>”
“<<ไม่เป็นไร พี่กับพัชรเพิ่งมาถึงเหมือนกัน เอ้านี่กระเป๋าของเรา เดี๋ยวไปเช็คอินกัน>>” พูดจบมือหนาส่งกระเป๋าเป้ใบใหญ่สีดำแดงพร้อมตั๋วให้กับคนเป็นเจ้าของ
ทั้งสามพากันเดินไปต่อแถวรอเช็คอินที่เคาน์เตอร์ของสายการบินที่จองไว้ ป๊อปแอบเห็นว่าคิวยาวอยู่พอสมควร นึกเป็นห่วงน้องสาวไม่ได้ว่าตอนนี้หิวอยู่หรือไม่ หันไปชำเลืองมองน้องสาวที่ตอนนี้กำลังเมาท์กับพัชรฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
“<<ใบหม่อนหิวไหม>>”
คำตอบที่ได้มาเป็นเพียงการส่ายหน้าเชิงปฏิเสธเท่านั้น หญิงสาวส่งสายตาให้พี่ชายรับรู้ว่าไม่ต้องห่วง ยังไงตัวเองก็ทนหิวได้อยู่แล้วก่อนหันกลับไปคุยกับว่าที่พี่สะใภ้ต่อ
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ทั้งสามลงมือเช็คอินตามขั้นตอนก่อนพากันเดินเข้ามายังโถงพักคอยสำหรับผู้โดยสารขาออก ยังเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเครื่องออก ทั้งสามพากันไปนั่งรอที่เก้าอี้พักคอยสำหรับผู้โดยสาร ตอนนี้หน้าท้องแบนราบของใบหม่อนเริ่มประท้วงแล้วหลังจากทนหิวอยู่สักพัก และเหมือนสวรรค์โปรดเมื่อเห็นว่าที่พี่สะใภ้หยิบแฮมเบอร์เกอร์ที่ซื้อติดมือมาพอประทังความหิวสำหรับทั้งสามชีวิตได้
“น้องใบหม่อน เบอร์เกอร์จ้ะ กินแก้หิวเนาะ” เสียงหวานน่าฟังเอ่ยกับหญิงสาวก่อนยื่นแฮมเบอร์เกอร์ให้
“หูยขอบคุณมากนะคะพี่พัชร หนูกำลังหิวเลย” ใบหม่อนยกมือไหว้ขอบคุณก่อนรับของจากมือว่าที่พี่สะใภ้ รีบแกะกระดาษห่อออกก่อนลงมือละเลียดด้วยความหิวที่ยิ่งทวีมากขึ้นเรื่อยๆ
“เอ้านี่ของป๊อป กินซะ” คราวนี้พัชรทำหน้าที่แฟนที่ดีด้วยการชิงเอาแฮมเบอร์เกอร์ในมือยัดเข้าปากชายหนุ่มอย่างเต็มรักจนอีกฝ่ายแทบจะสำลักเพราะกินไม่ทัน เรียกเสียงหัวเราะจากใบหม่อนได้อย่างมากเลยทีเดียว ขณะที่พัชรแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลีบปากเรียวสวยลอบยิ้มร้าย
‘แกล้งเค้ามาเยอะแล้ว ถึงตาเค้าเอาคืนบ้างนะ คริๆ’ หญิงสาวนึกในใจ
“ไม่ต้องยัดปากเราก็ได้มั้งพัชร เราไม่ได้หิวขนาดนั้นซะหน่อย” ป๊อปตอบกลับมาทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก
“<<กินให้หมดปากก่อนค่อยพูดก็ได้น้าพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนออกปากเตือนไปหัวเราะไป ยิ่งเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของพี่ชายแล้วยิ่งทำให้อดขำไม่ได้
คราวนี้ป๊อปถือโอกาสเอาคืนคนรักด้วยการแอบขโมยหอมแก้มดื้อๆ ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้ตั้งตัว ตอนนี้อาการร้อนวูบวาบแล่นปราดไปทั่วใบหน้ารูปไข่เรียวยาวของหญิงสาวแล้ว ชายหนุ่มแอบมองใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังแดงไปทั่วทั้งหน้าไม่เว้นแม้กระทั่งใบหูเล็กขาวสะอาดที่เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วย
พัชรถองแขนของคนรักเข้าให้พร้อมกับมองจิกใส่อย่างขัดใจ “นี่ป๊อปขโมยหอมแก้มเค้าอีกแล้วนะ ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอไงห๊า!!!” แกล้งต่อว่าไปงั้น ที่จริงแล้วกำลังอายจนทำอะไรไม่ถูกมากกว่า ยิ่งเห็นสีหน้าคนขโมยหอมแก้มที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มไม่มีท่าทีสำนึกผิดด้วยแล้วก็ยิ่งชวนให้รู้สึกอายมากกว่าเดิมอีก
“แคร์ความรู้สึกเค้าด้วยนะป๊อป ถึงป๊อปจะไม่อายแต่เค้าอายนะ” น้ำเสียงของพัชรเริ่มจริงจังมากกว่าเดิม ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งมาที่ชายหนุ่มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้
ใบหน้าคร้ามเริ่มถอดสีเมื่อเห็นแววตาเอาจริงของคนรัก ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกินในใจจนแสดงออกผ่านสีหน้าเหยเก นัยน์ตาสองชั้นหลบที่เคยฉายแววกรุ้มกริ่มกลับหม่นหมองลงไปจนคนที่แกล้งทำเป็นโกรธต้องยอมใจอ่อน แม้แต่บุคคลที่สามอย่างใบหม่อนเห็นแล้วแทบจะเบือนหน้าหนีไม่ทัน เพราะถ้าเห็นพี่ชายตัวเองแสดงสีหน้าแบบนี้เมื่อใหร่ แสดงว่าเขากำลังรู้สึกย่ำแย่เป็นอย่างมากจนทำให้เจ้าตัวต้องใจอ่อนยอมตามทุกครั้ง
“เราขอโทษนะพัชร” เสียงเข้มกึ่งกระซิบแผ่วเบาลงกว่าเดิมมาก มือหนาเอื้อมมาบีบมือเรียวเล็กขาวสะอาดเบาๆ บ่งบอกว่ากำลังขอโทษอยู่
“ป๊อปเค้าขอโทษน้าที่ตวาดใส่ ก็เค้าอายนี่นา” พัชรให้เหตุผลด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ชำเลืองมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหม่นหมอง พลางบีบมือใหญ่ของคนรักตอบ
“<<พี่ป๊อป พี่พัชรเค้าให้อภัยแล้วน้า เลิกคิดมากได้แล้ว>>” ใบหม่อนเริ่มทนไม่ไหว ต้องบอกบทกับพี่ชาย
สีหน้าหม่นหมองของชายหนุ่มค่อยๆ กลับมายิ้มสว่างไสวเหมือนเดิมอีกครั้ง นัยน์ตาสองชั้นหลบมองเข้าไปในดวงตาคู่หวานที่มองยังไงไม่เคยเบื่อของคนรักก่อนชำเลืองมองไปยังใบหน้ากลมกึ่งรูปไข่ของอีกคนก่อนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
เวลาผ่านไปจนใกล้ถึงเวลาเครื่องขึ้น ทั้งสามพากันลุกขึ้นหยิบสัมภาระเดินไปต่อแถวเตรียมตัวเข้าเกตตามที่ระบุไว้บนตั๋วของแต่ละคน รอเวลาเพียงประตูเกตเปิดเท่านั้น ไม่กี่อึกใจ ประตูเกตเปิดขึ่นพร้อมกับแถวผู้โดยสารเริ่มขยับเข้าสู่เกตเตรียมขึ้นเครื่องพร้อมกับส่งกระเป๋าสัมภาระเตรียมโหลดลงเครื่อง
“<<ใบหม่อนไม่ลืมอะไรแล้วนะ เดี๋ยวโหลดกระเป๋าแล้วนะ>>” ป๊อปหันไปถามย้ำกับหญิงสาวที่เดินตามหลังตัวเอง
“<<หนูไม่ลืมอะไรแล้วล่ะพี่ป๊อป มือถือ พาวเวอร์แบงก์อยู่ในกระเป๋าเล็กของหนูหมดแล้ว>>” ใบหม่อนให้คำตอบกับพี่ชาย ก่อนย้อนถามกลับด้วยความรู้สึกเป็นห่วงไม่ต่างกัน “<<ว่าแต่พี่ป๊อปเถอะ เตือนหนูแล้วตัวเองลืมอะไรไว้ในกระเป๋าไหมเนี่ยหืม>>”
“<<หึ ไม่มี>>” ป๊อปทำหน้าเหรอหรา ส่ายหน้าไปมา “<<พี่มีแต่มือถือกับกระเป๋าตังค์นี่แหละ พาวเวอร์แบงก์ที่เราซื้อให้ก็ยังอยู่>>” พูดจบมือใหญ่ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบสิ่งของที่กล่าวมาให้ทั้งสองสาวดู
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่เริ่มประกาศเรียกผู้โดยสารเตรียมขึ้นเครื่องกระทั่งมาถึงชื่อของทั้งสาม ต่างคนต่างลุกจากเก้าอี้เดินไปตามทางจนถึงงวงช้างที่เชื่อมเข้าสู่ทางเข้าตัวเครื่อง พากันเดินไปตามทางระหว่างเก้าอี้ผู้โดยสารที่เรียงรายเป็นแนวยาว ป๊อปสอดส่ายสายตามองหาที่นั่งของตัวเองตามที่ระบุไว้บนตั๋วจนเดินมาถึงบริเวณกลางเครื่อง เห็นหมายเลขเก้าอี้ที่จองไว้ตรงช่องเก็บของเหนือเก้าอี้พอดี...
ใบหม่อนรีบเดินแทรกผ่านตัวพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้เข้าไปนั่งในที่นั่งริมหน้าต่างที่พี่ชายจองไว้ให้ ตามด้วยคนทำหน้าที่จองตั๋วนั่งตอนกลาง ปิดท้ายด้วยแฟนสาวของคนจองตั๋ว...
“<<ถ้าง่วงก็หลับไปเลยนะใบหม่อน ถึงแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก>>” ป๊อปหันไปย้ำกับคนนั่งริมสุด
“<<จร้า>>” ใบหม่อนทำแค่นเสียงใส่ “<<พี่ป๊อปสัญญากับหนูแล้วนะว่าจะปลุกหนู เพราะฉะนั้น ห้าม-เผลอ-หลับ-เด็ดขาด เข้าใจไหม!>>”
นิ้วเรียวยาวชี้ตรงมาที่ใบหน้าคร้ามในระยะใกล้จนแทบจะทิ่มตาพร้อมกับส่งสายตาดุใส่ แต่มีหรือที่พี่ชายคนนี้จะไม่ยอมให้กับน้องสาวเหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
“<<ครับแม่>>”
ชายหนุ่มตอบรับน้องสาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พลางเอื้อมมือไปเขย่าศีรษะสวยได้รูปเบาๆ เป็นเชิงหยอกล้อก่อนปล่อยมือออก
“<<ไม่ต้องมาเล่นหัวหนูเลยนะพี่ป๊อป หนูจะนอนแล้ว ชิ>>”
ใบหม่อนว่าให้แบบไม่จริงจังนักก่อนหันหน้าหนีไปทางหน้าต่าง ค่อยๆ เอนตัวพิงไปกับพนักเก้าอี้เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วราวกับปิดสวิตซ์...
ป๊อปมองหญิงสาวด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรักความห่วงใย พลันถอนหายใจเบาๆ ปากหยักภายใต้หนวดเคราหนายกยิ้มบางๆ ก่อนหันกลับมาหาหญิงคนรักที่นั่งอยู่อีกข้าง กำลังมองไปทางคนนอนหลับอยู่เช่นกัน
“ใบหม่อนหลับไปแล้วล่ะพัชร” เสียงเข้มเอ่ยกับคนรัก
“เค้าเห็นแล้วล่ะป๊อป ป๊อปอยู่เป็นเพื่อนเค้าด้วยล่ะ อย่าเพิ่งหลับนะ” พัชรได้ทีอ้อนคนรักเป็นการใหญ่
ป๊อปไม่พูดอะไรอีกนอกจากยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ จนสาวเจ้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ใบหน้าเริ่มร้อนวูบวาบแปลกๆ มองเข้าไปในดวงตาสองชั้นหลบสีน้ำตาลเข้มที่กำลังฉายแววกรุ้มกริ่มอยู่ และแล้วก็ได้รับคำตอบหลังจากถูกริมฝีปากอุ่นๆ แถมถูกหนวดเคราหนาตำลงไปบนพวงแก้มนุ่มเข้าอย่างจังก่อนผละออกไปหลังจากนั้นไม่นานนัก
“อีตาบ้า ขโมยหอมแก้มเค้าเหรอ ไม่อายคนอื่นบ้างเลยเหรอไงห๊า!”
เสียงหวานว่าให้แบบไม่จริงจังนักพร้อมกับฟาดเข้าที่แขนใหญ่เบาๆ และนั่นทำให้หญิงสาวลดอาการอายลงไปได้ไม่น้อย
ป๊อปไม่พูดอะไรต่อ นอกจากหันไปส่งยิ้มหวานให้กับคนที่ตัวเองเพิ่งขโมยหอมแก้ม มือหนาค่อยๆ เลื่อนขึ้นมากุมมือเรียวเล็กที่เพิ่งตีท่อนแขนเค้าไว้ราวกับกลัวว่าจะหลุดลอยไป...
.......................................................................
ณ หมู่บ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่
ทั้งสามเดินลงจากรถตู้รับส่งที่แล่นมาจากสนามบินในตัวเมืองเชียงใหม่หลังจากใช้เวลาหมดไปกับการเดินทางกว่าสามชั่วโมง มองไปรอบๆ ยังเห็นบรรยากาศที่ยังคงคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากถึงแม้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ลมหนาวในยามค่ำคืนพัดมาปะทะร่างจนสัมผัสได้ถึงอากาศที่หนาวเย็นกว่าที่อื่นหลายเท่าตัว
ป๊อปหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาเปิดกูเกิลแม็ปมองหาที่พักที่ตัวเองจองไว้ แต่เมื่อเห็นระยะทางแล้ว ใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเคราหันไปมองหน้าน้องสาวกับคนรักพลางถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที แอบกังวลใจว่าคนที่เขารักทั้งสองจะเมื่อยเอาเปล่าๆ
“<<ใบหม่อน เดินไกลหน่อยนะ ไหวไหม>>”
ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนถาม ปากอวบอิ่มได้รูปคลี่ยิ้มจนเห็นฟันขาวภายใต้เหล็กดัดฟันครบทุกซี่ “<<ไม่เป็นไรหรอกพี่ป๊อป เดินๆ แป๊บเดี๋ยวก็ถึงแล้วเนาะ แต่หนูเริ่มเมื่อยขาแล้วอ่ะ>>”
สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มออกอาการวิตกกังวลเล็กๆ เมื่อได้ยินคำตอบ รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาในใจ ทันใดนั้นป๊อปเดินอ้อมไปยังด้านหลัง มือทั้งสองข้างเอื้อมมาประคองร่างสูงระหงให้เดินไปด้วยกัน
พัชรหันมามองสองพี่น้องคู่นี้แล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้ และยังถือโอกาสร่วมวงด้วยการยื่นมือเข้ามาประคองว่าที่น้องสะใภ้ด้วยอีกแรงหนึ่ง
“<<ขอบคุณมากนะคะพี่ป๊อป พี่พัชร>>”
ใบหม่อนออกปากขอบคุณพี่ๆ ทั้งสองที่เข้ามาช่วยประคองและเดินไปด้วยกัน ก่อนหันไปส่งยิ้มให้ทีละคนแทนคำขอบคุณที่มีอยู่ในใจอีกครั้งหนึ่ง จนเวลาผ่านไปไม่นานนัก ทั้งสามเดินทางมาถึงบ้านอิงดอยซึ่งเป็นที่พักที่ป๊อปได้จองไว้
ป๊อปเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เช็คอินที่อยู่ตรงหน้า ติดต่อกับเจ้าหน้าที่รีเซปชั่นอยู่สักพักหนึ่งก่อนหันมาให้สัญญาณกับสองสาวที่รออยู่ด้านหลังให้เดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังห้องพักด้วยกัน
ห้องพักที่จองไว้สำหรับทริปนี้ได้ห้องใหญ่บนชั้นสองขนาดที่นอนได้สี่คน เห็นวิวหมู่บ้านแม่กำปองที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน เมื่อทั้งสามขึ้นมาถึง ต่างคนต่างเก็บกระเป๋าสัมภาระไว้ที่ข้างเตียงนอน ทางด้านใบหม่อนรีบเดินตรงรี่ไปที่ระเบียงทันทีที่เก็บกระเป๋าเสร็จ
“ท่าทางน้องใบหม่อนจะตื่นเต้นน่าดูเลยนะป๊อป” พัชรหันมาพูดกับคนรักก่อนส่งยิ้มหวานให้
“ฮึๆ เห็นน้องเราทำตัวดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเราแค่ไหน บทจะตื่นเต้นก็ทำตัวเป็นเด็กเลยล่ะ” พูดจบปากหยักคลี่ยิ้มกว้างออกมา รู้นิสัยน้องสาวตัวเองดีอยู่แล้วว่าเป็นยังไง มือหนารีบคว้ามือเล็กเรียวบางนุ่มนิ่มของคนรักพาเดินออกไปที่ระเบียงตามหลังใบหม่อนไปด้วย
สายลมหนาวในยามค่ำคืนพัดปะทะร่างของทั้งสามที่ตอนนี้พากันมายืนชมบรรยากาศบนระเบียงหน้าห้อง เห็นแสงไฟระยิบระยับจากหมู่บ้านแม่กำปองตรงหน้าชัดเจนชวนให้ดูอย่างเพลิดเพลินไม่รู้จักเบื่อ
ใบหม่อนหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ยืนดูอยู่ข้างหลัง กระทั่งจังหวะที่สาวเจ้าหันมาจะเก็บรูปห้องพัก ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อ...
“ตกใจ… พี่ป๊อป พี่พัชรมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“<<มาตั้งแต่เรายืนเก็บรูปที่ระเบียงแหละ ฮิๆ>>” ป๊อปพูดไปกลั้วหัวเราะไป เอื้อมมือไปยีผมยาวสลวยที่ถูกดัดเป็นลอนของหญิงสาวจนฟูฟ่อง
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนว่าให้ไม่จริงจังนัก พลางแกะมือของพี่ชายตัวเองออก
“<<ทำไม ตื่นเต้นเหรอเราอ่ะ>>” ป๊อปแกล้งถามเสียงยานคางใส่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าปกติเวลาไปเที่ยวที่ไหนหญิงสาวมักออกอาการตื่นเต้นทุกครั้ง
“<<อะไรๆ พี่ป๊อป ใครตื่นเต้นอ่ะ พี่ป๊อปรึเปล่า คริๆ>>” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน
ป๊อปไม่พูดอะไรอีกนอกจากคลี่ยิ้มมุมปาก ดูยังไงก็รู้ว่าสาวเจ้ากำลังตื่นเต้นอยู่ หันไปส่งสายตากับคนรักที่อยู่ข้างๆ ขณะที่พัชรส่งยิ้มตอบกลับไปเป็นทำนองรู้กันว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“พี่พัชรดูสิ หูย วิวสวยมากเลยอ่ะ” คราวนี้ใบหม่อนหันไปชวนว่าที่พี่สะใภ้ให้มาดูวิวที่อยู่ตรงหน้า
พัชรยอมเดินตามไปที่ขอบระเบียงเพื่อดูวิวข้างหน้าตามคำชวนของว่าที่น้องสะใภ้ เมื่อได้เห็นวิวตรงหน้าแล้วรู้สึกประทับใจจนอยากจะเก็บรูปไว้ ไม่ลืมหันมาชวนให้ป๊อปมาถ่ายรูปด้วยกัน
“ป๊อป มาถ่ายรูปด้วยกันสิ หูยวิวข้างหน้าสวยมากเลย”
“รอแป๊ป เดี๋ยวไปเอากล้องมาก่อน”
“<<พี่ป๊อป ใช้มือถือก็ได้มั้ง ถ่ายแค่นี้เอง ไอโฟนก็ถ่ายรูปชัดอยู่แล้วน้า>>” ใบหม่อนแย้งขึ้นมา
“<<เฮ้ย ใช้กล้องดีกว่า จะได้ถ่ายออกมาสวยๆ ไง รอพี่แป๊ปนะ>>”
คนตัวใหญ่เดินกลับเข้าไปข้างในห้อง เดินไปยังกระเป๋าสัมภาระของตัวเองตรงหัวเตียง เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋ากล้องถ่ายรูปขึ้นมาปลดซิปก่อนหยิบเอากล้องโปรที่ตัวเองซื้อไว้ออกมาพลิกไปพลิกมาอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่สักพัก ด้วยว่าไม่ค่อยได้หยิบออกมาใช้งานเท่าไหร่ หันไปมองสองสาวที่ตอนนี้กำลังผลัดกันถ่ายเซลฟี่ที่หน้าระเบียงโดยมีฉากหลังเป็นวิวหมู่บ้านแม่กำปองท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับ และตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะทำหน้าที่เป็นตากล้องให้กับทั้งสองสาว
ป๊อปเดินถือกล้องคู่ใจออกไปยังหน้าระเบียง มือหนายกกล้องขึ้นเล็งไปที่ทั้งสองสาวที่กำลังถ่ายเซลฟี่กับสมาร์ทโฟนราคาแพงในมือ นิ้วมือหนากดชัตเตอร์ทันทีโดยไม่ทันให้ทั้งสองสาวรู้ตัว
{{แชะ}}
ใบหม่อนเหลือบมาเห็นพี่ชายยืนถือกล้องอยู่ตรงหน้า จังหวะเดียวกับที่ตัวเองถ่ายเซลฟี่คู่กับว่าที่พี่สะใภ้เสร็จ เริ่มทำหน้าหงิกอย่างขัดใจเมื่อจู่ๆ ถูกถ่ายรูปโดยที่ไม่ทันให้ตัวเองได้ตั้งตัว
“<<พี่ป๊อปอ่ะ จะถ่ายรูปหนูแล้วไม่บอกกันเลย หนูยังไม่พร้อมนะ>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอดอย่างขัดใจ
“<<ก็แหม พี่อยากถ่ายน้องสาวกับแฟนพี่ในมุมที่ไม่ได้ตั้งใจบ้างน่ะ ฮิๆ>>”
ป๊อปหันหน้าจอด้านหลังกล้องออกมาให้น้องสาวกับคนรักดู เห็นภาพสองสาวกำลังแหงนหน้ายิ้มให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินในมือของใบหม่อนโดยมีแสงไฟระยิบระยับของหมู่บ้านแม่กำปองเป็นฉากหลัง ขนาดยังไม่ได้ปรับโฟกัสกับไอเอสโอภาพยังออกมาสวยอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ทำเอาหญิงสาวทั้งสองอดที่จะออกปากชมไม่ได้
“หูย ป๊อปถ่ายรูปสวยไม่เปลี่ยนเลยน้า”
“<<ว้าว พี่ป๊อปถ่ายสวยมากเลยอ่ะ พี่ป๊อป ถ่ายพวกหนูอีกสิ นะๆๆๆๆๆๆ”>>
ใบหม่อนได้ทีอ้อนพี่ชายตัวเองเป็นการใหญ่ เริ่มทำท่าตะกุยบนท่อนแขนแกร่งราวกับแมวอ้อนเจ้าของ ทางด้านป๊อปไม่อยากจะขัดใจน้องสาวสุดที่รักคนนี้อยู่แล้ว มือหนายกกล้องขึ้นเตรียมพร้อม รอให้ทั้งสองสาวออกแอ็กชั่นเต็มที่ ต่างคนต่างแข่งกันฉีกยิ้มหวานให้กล้องในมือของชายหนุ่มในแบบไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะใบหม่อนที่ปกติเป็นคนชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว คราวนี้เจ้าตัวฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน ลักยิ้มทั้งสองข้างบุ๋มลงจนเห็นได้ชัด เอียงศีรษะเข้าหาใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ของว่าที่พี่สะใภ้ และแล้วนิ้วมือของชายหนุ่มกดชัตเตอร์ลงไป
{{แชะ}}
หลังจากถ่ายเสร็จป๊อปรีบหันหน้าจอด้านหลังให้ทั้งสองสาวได้ดู และแล้วคำตอบที่ได้ทำให้เขาหัวใจพองโตยิ่งนักเมื่อ...
“<<หูย สวยมากเลยอ่ะพี่ป๊อป ชอบๆ มากเลยอ่ะ>>” เสียงใสเอ่ยออกมาด้วยอาการร่าเริงเป็นพิเศษเมื่อได้เห็นรูปตัวเองจากกล้องในมือของพี่ชาย
และแล้วก็เป็นเวลาถ่ายรูปอีกเซตใหญ่ คราวนี้พัชรยอมหลีกทางให้ว่าที่น้องสะใภ้ได้โพสท่าถ่ายรูปเต็มที่ ปลีกตัวเองมาอยู่ข้างหลังกล้องเคียงข้างคนรักที่กำลังทำหน้าที่ลั่นชัตเตอร์ถ่ายรูปให้กับหญิงสาวเจ้าของร่างสูงระหงที่อยู่ตรงหน้า แต่คราวนี้ใบหม่อนไม่ได้ออกท่าออกทางมากนักนอกจากยืนทำท่าเอียงคอคลี่ยิ้มหวานกับเพียงแค่ยืนพิงกับรั้วระเบียงเท่านั้น
เวลาผ่านไปจนถึงราวๆ เที่ยงคืน บรรยากาศรอบข้างเริ่มเงียบสงบลงพร้อมกับแสงไฟระยิบระยับที่ค่อยๆ ทะยอยปิดลงไป ลมหนาวยิ่งพัดผ่านแรงขึ้นจนทำให้รู้สึกหนาวมากกว่าเดิม ทั้งสามพากันเดินกลับเข้ามาในห้อง อากาศหนาวๆ แบบนี้ทำให้ไม่มีใครอยากจะอาบน้ำ ต่างคนต่างโดดขึ้นเตียงทันที ประจวบเหมาะกับว่าเตียงในห้องเป็นเตียงคู่สองเตียงและตอนนี้ทั้งสามยังไม่เลือกว่าใครจะนอนกับใครในตอนนี้
“<<ใบหม่อนจะนอนกับพี่ไหม>>” ป๊อปหันไปถามน้องสาวที่นั่งอยู่บนเตียงอยู่ใกล้ๆ กำลังดูรูปถ่ายจากหน้าจอด้านหลังกล้องอยู่
“<<หนูนอนอีกเตียงนึงดีกว่า ให้พี่พัชรนอนกับพี่ป๊อปแหละ>>” เสียงใสตอบกลับมาแบบไม่ต้องคิด ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนถาม
ป๊อปหันไปส่งสายตากับแฟนสาวที่นั่งอยู่เคียงข้างก่อนคลี่ยิ้มกรุ้มกริ่มบ่งบอกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยส่งสายตาดุใส่
“ไม่ต้องมาหื่นใส่เค้าเลยนะป๊อป แค่นอนด้วยกันเฉยๆ เข้าใจ๋”
พัชรรีบปรามทันทีเมื่อเห็นสีหน้ากรุ้มกริ่มของคนรัก และนั่นทำให้รอยยิ้มกว้างรีบหุบลงทันที ใบหน้าคร้ามเต็มไปด้วยร่องรอยของความผิดหวังเมื่อถูกคนรักเบรกเข้าให้
“อ่ะๆ ก็ได้ ไว้ค่อยจัดที่กรุงเทพฯ เนาะ ฮิๆ” ป๊อปตอบแบบเสียมิได้ แต่แอบทิ้งท้ายแกล้งให้หญิงสาวโมโหเล่นๆ
“อีตาบ้า” เสียงหวานแหวใส่ พลางสะบัดหน้าหนีออกอย่างขุ่นเคือง
ตั้งแต่คบกันมาเป็นสิบกว่าปี ยามใดที่ทั้งสองได้นอนร่วมเตียงเดียวกันแล้วมักจะมีอะไรด้วยกันตลอด แต่ที่พัชรต้องปฏิเสธเพราะค่ำคืนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเหมือนกับตอนที่อยู่ในกรุงเทพฯ แต่มีบุคคลที่สามอย่างใบหม่อนนอนร่วมห้องด้วย สาวเจ้าเลยต้องรักษาภาพลักษณ์ไว้ไม่ให้ว่าที่น้องสะใภ้เห็น และที่จริงแล้วกลัวถูกว่าที่น้องสะใภ้ล้อด้วย
“<<ใบหม่อน นี่เอียร์ปลั๊ก ไว้อุดหูตอนนอน พี่กรนดังนะเว้ย>>”
ป๊อปยื่นที่อุดหูให้กับน้องสาวที่กำลังเตรียมตัวนอนอยู่อีกเตียงหนึ่งพร้อมกับกำชับให้ใส่ทันที รู้ว่าตัวเองเป็นคนนอนกรนเสียงดังเป็นอย่างมาก กลัวว่าเสียงกรนของตัวเองจะไปรบกวนการนอนของน้องสาวเข้า
“<<จ้าพี่ชาย>>” ใบหม่อนคลี่ยิ้มให้ มือเล็กรับที่อุดหูจากพี่ชายอย่างรวดเร็ว “<<หนูรู้แล้วว่าพี่ป๊อปนอนกรน อย่าลืมให้ที่อุดหูพี่พัชรด้วยล่ะ>>”
“น้องใบหม่อน พี่ชินแล้วจ้า” พัชรไหวไหล่เชิงปฏิเสธ
“<<งั้นหนูนอนก่อนน้าพี่ป๊อป ฝันดีจ้า>>”
สิ้นเสียงใสน่าฟัง เปลือกตาสองชั้นปิดลงทันทีราวกับถูกชัตดาวน์ มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอตอบกลับมาเท่านั้น ปล่อยให้ป๊อปทำหน้าที่พี่ชายด้วยการเลิกผ้าห่มขึ้นมาคลุมทับร่างระหงที่นอนแผ่ไปบนเตียง
“นอนเถอะป๊อป นี่จะตีหนึ่งแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าตื่นสายน้า” เสียงหวานเอ่ยเชิญชวนให้คนตัวใหญ่มานอนด้วยกัน
ร่างสูงใหญ่เดินกลับมายังเตียงนอนของตัวเองอีกครั้งพร้อมกับบอกลาคนรักด้วยการยื่นใบหน้าคร้ามเข้าไปใกล้ๆ ประทับรอยจูบลงบนหน้าผากโค้งมนสวยได้รูปของคนรัก ฝ่ายหญิงสาวหลับตาพริ้มรับรสจูบอันแสนหวานที่ชายผู้เป็นที่รักฝากไว้ ทั้งสองต่างเอื้อมมือตระกองกอดพาร่างของทั้งคู่ลงไปนอนด้วยกัน มือหนาใหญ่ของชายหนุ่มคลี่ผ้าห่มออกคลุมทับร่างของทั้งคู่ เข้าสู่ห่วงนิทราไปด้วยกัน...
.......................................................................
เช้าวันใหม่ ณ ร้านกาแฟ บ้านอิงดาว
ทั้งสองเดินลงมายังชั้นล่างท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ แต่เมื่อก้าวเข้ามาในพื้นที่ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟหอมฉุยบวกกับบรรยากาศโดยรอบแล้ว ทำให้ทั้งสองลืมความรู้สึกเหน็บหนาวไปเสียสิ้น ร่างสูงใหญ่เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ที่ตั้งเครื่องชงกาแฟพร้อมพนักงานสาวสวยคนพื้นถิ่นที่กำลังชงกาแฟอยู่อย่างขะมักเขม้น มืออีกข้างหนึ่งจูงมือเรียวเล็กขาวราวงาช้างของคนรักให้เดินตามไปด้วย
“**สวัสดีเจ้า ร้านกาแฟบ้านอิงดาวยินดีตอนรับเจ้า รับอะไรดีเจ้าเช้านี้**”
พนักงานสาวพื้นถิ่นส่งเสียงต้อนรับทันทีที่เห็นหน้าลูกค้าคู่แรกในยามเช้า ไม่ลืมที่จะเอ่ยเชิญชวนให้อุดหนุนด้วย
แผ่นเมนูเคลือบพลาสติกใสถูกส่งมาให้กับทั้งคู่ เมื่อได้รับเมนูมาแล้ว ต่างคนต่างอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่แล้วบังเอิญใจของทั้งคู่ตรงกันเมื่อสั่งเมนูเดียวกัน
{{“ลาเต้คาราเมลเย็นแก้วครับ/ค่ะ”}}
ป๊อปทำท่าครุ่นคิดอยู่อีกสักพักหลังจากสั่งเมนูสำหรับตัวเองเสร็จ ในใจของเขาคิดถึงน้องสาวแท้ๆ ที่ยังนอนอยู่บนบ้านพักอยู่ “เอานมเมล่อนเย็นหนึ่งแก้ว กับสตอเบอรี่ชีสเค้กหนึ่งครับ เอาเป็นห่อกลับนะครับ” ไม่ลืมที่จะหันไปถามแฟนสาวก่อน
“พัชรจะเอาอะไรอีกไหม เดี๋ยวสั่งเพิ่มอีก”
พัชรกลอกตามองบนทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนออกปากสั่งกับพนักงานด้วยตัวเอง “เอาเลมอนชีสเค้กกับบลูเบอรี่ชีสเค้กอย่างล่ะกล่องค่า” สั่งเสร็จหันมาสบตากับชายหนุ่มอย่างรู้ใจว่าที่ตัวเองสั่งไปเผื่ออีกฝ่ายนั้นต้องชอบแน่ๆ
“**เชิญรอที่โต๊ะสักครู่เจ้า**”
ป๊อปเอื้อมมือคล้องกับมือขาวเรียวสวยของคนรักพาไปนั่งรอที่โต๊ะใกล้ๆ กับเคาน์เตอร์ ซึมซับบรรยากาศภายในร้านสักเล็กน้อย ระหว่างรอป๊อปถือโอกาสหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีดำของตัวเองขึ้นมาเปิดโหมดกล้องเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ ร้านไปด้วย จนพัชรอดที่จะแซวไม่ได้
“แหม มาถึงก็ถ่ายรูปเลยนะป๊อป”
เมื่อถูกแซวดังนั้น กล้องด้านหลังสมาร์ทโฟนทั้งสามตัวจับมาที่ใบหน้ารูปไข่เรียวยาวของหญิงสาวทันที ไม่ทันที่จะได้เตรียมตัว นิ้วมือหนากดชัตเตอร์บันทึกภาพไว้ทันทีพร้อมกับปากหยักภาพใต้หนวดเครารกครึ้มคลี่ยิ้มร้ายๆ
“ลบรูปเดี๋ยวนี้เลยนะป๊อป เค้ายังไม่พร้อมเลย” พัชรว่าให้ไม่จริงจังนักเมื่อเห็นหน้าเหวอๆ ของตัวเองในหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของคนรัก
“ฮึ เรื่องอะไรล่ะ รูปนี้พัชรก็สวยดีนะ แค่ทำหน้าเหวอแค่นั้นเอง” ป๊อปให้เหตุผล แต่ไม่อยากทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายด้วยการลงรูปในโซเชียลมีเดีย เพราะกลัวว่าจะทำให้ผิดใจกันเปล่าๆ “อืม พัชรโพสท่าสักหน่อยสิ เดี๋ยวเราถ่ายให้”
พัชรปรายตามองจิกใส่คนรักหนึ่งทีก่อนแกล้งหันไปมองทางอื่น มือเล็กยกขึ้นเท้าคางเรียวสวยโพสท่ารอให้ชายหนุ่มลั่นชัตเตอร์เก็บรูปไว้ หลังจากนั้นไม่นานนัก เสียงแจ้งเตือนในแอพพลิเคชั่นสีเขียวดังขึ้นจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีโรสโกลด์ของตัวเองดังขึ้น นิ้วเรียวเล็กสไลด์เปิดอ่านข้อความ เห็นรูปที่ฝ่ายชายถ่ายไว้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา...
“ป๊อปถ่ายเค้าสวยมากเลยอ่ะ” อดที่จะออกปากชมเชยไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ชายคนรักถ่ายออกมานั้นดูดีมากๆ
“ชอบไหมล่ะพัชร เดี๋ยวถ่ายให้อีก” ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มขึ้นมาก่อนออกปากถาม
“ไว้ถ่ายตอนไปหมู่บ้านสิ เค้าลองดูในเน็ตแล้วมีมุมให้ถ่ายรูปเพียบเลยล่ะ คริๆ พอได้แล้วป๊อป หน้าเค้าสดแบบนี้อายเขาตาย” พัชรเสนอความคิดเห็นก่อนปฏิเสธเสียงอ่อยๆ
“ฮื้ม ปกติพัชรก็ปล่อยหน้าสดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ฮิๆ” ป๊อปย้อนถามกลับมา เพราะตลอดสิบกว่าปีที่คบกันมา น้อยครั้งมากที่จะเห็นแฟนสาวแต่งหน้า นอกจากงานรับปริญญา หรือเวลาไปงานสังสรรค์แล้ว ทุกครั้งที่เจอกันหญิงสาวมักจะปล่อยหน้าสดตลอด มีเพียงแค่ทาแป้งรองพื้น เขียนคิ้วให้เข้มและทาปากด้วยลิปกลอสสีใสเท่านั้น เพียงแต่เช้าวันนี้สาวเจ้าไม่ได้ทำอย่างที่แล้วมาเท่านั้น
“ใช่ แต่นี่เค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยน้า คิ้วเค้ายังไม่มีเลย เค้าอายน้า”
ได้ฟังดังนั้นเขาไม่อยากจะขัดใจคนรักอีก ได้แต่หันสมาร์ทโฟนในมือเก็บภาพบรรยากาศตรงอื่นรอเวลาไปเรื่อยๆ กระทั่งเมนูที่สั่งไว้ทำเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับเสียงเรียกจากพนักงานประจำร้าน
“**ทั้งหมด 480 เจ้า**”
ป๊อปทำท่าจะควักแบงก์ห้าร้อยจากกระเป๋าตังค์เตรียมยื่นให้กับพนักงานร้าน แต่พัชรรีบยกมือห้ามไว้พร้อมกับควักแบงก์ร้อยสองใบกับแบงก์ห้าสิบหนึ่งใบออกมา
“ป๊อป เค้าหารด้วยสิ ยังไงก็กินด้วยกันน้า”
ศีรษะทุยได้รูปพยักหน้าตอบก่อนเก็บแบงก์ห้าร้อย หยิบแบงก์ร้อยสองใบกับแบงก์ยี่สิบอีกสามใบออกมารวมกับเงินของแฟนสาวยื่นให้กับพนักงานประจำร้านไป
“นี่ครับ ไม่ต้องทอนนะครับ ที่เหลือคือทิปครับผม”
“**ขอบคุณเจ้า วันหลังเพิ่นมาอุดหนุนใหม่เน้อเจ้า**”
ทั้งสองช่วยกันถือแก้วทั้งสามใบกับขนมอีกสามกล่องเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักด้วยกัน จนเมื่อกลับไปถึง ฝ่ายหญิงสาวทำหน้าที่เปิดประตูให้เข้าไปเพราะเห็นในมือของคนรักถือของเต็มมือจนไม่มีมือว่าง เมื่อมองเข้าไป ยังเห็นใบหม่อนนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงอยู่...
“น้องใบหม่อนยังไม่ตื่นเลยป๊อป”
“อืม ฮึๆ สงสัยเราสองคนตื่นเช้าเกินมั้ง นี่เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง ไปๆ ไปนั่งกินที่ระเบียงก่อนดีกว่า พัชรเรารบกวนหน่อย” ป๊อปออกปากชวนให้ไปนั่งกินที่ระเบียงหน้าห้องด้วยกัน แต่ก็ต้องรบกวนแฟนสาวสักหน่อย
พัชรเดินมารับแก้วกาแฟทั้งสองใบกับขนมอีกสองกล่องในมือของคนรักออกไปรอที่ระเบียงหน้าห้อง เหลือเพียงแก้วนมเมล่อนเย็นกับสตอเบอรี่ชีสเค้กที่ซื้อมาให้คนกำลังนอนหลับอยู่ ป๊อปค่อยๆ วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อนโน้มหน้าลงไปกระซิบข้างใบหูเล็กเบาๆ
“<<ใบหม่อน พี่ซื้อนมเย็นกับสตอเบอรี่ชีสเค้กมาให้นะ วางไว้ข้างหัวเตียง>>”
ร่างสูงใหญ่เดินออกไปที่ระเบียงหน้าห้อง รับแก้วกาแฟเย็นจากคนรักที่ออกมายืนรออยู่ก่อนแล้ว หันไปดูวิวหมู่บ้านแม่กำปองที่อยู่ตรงหน้าซึมซับบรรยากาศสักเล็กน้อยก่อนเริ่มจิบกาแฟในแก้ว
“เป็นไงบ้างพัชร ชอบไหมที่เราพามาเที่ยวแบบนี้”
หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานขึ้นมาก่อนละเลียดบลูเบอรี่ชีสเค้กในมือหนึ่งคำ “ชอบสิป๊อป ขอบคุณมากน้าที่พาเค้ามาเที่ยวน่ะ ถึงแม้จะให้เค้ารอตั้งสองสามปีก็เถอะ คริๆ” แอบแซะชายหนุ่มสักเล็กน้อยก่อนลงมือละเลียดกาแฟจากแก้วในมือต่อ
ป๊อปได้แต่คลี่ยิ้มน้อยๆ ยอมรับเลยว่าเป็นอย่างที่แฟนสาวพูดทุกอย่าง ที่จริงถ้าน้องสาวไม่ลงมาอยู่ด้วยแล้วคงไม่มีทางที่ได้ออกมาเที่ยวง่ายๆ แบบนี้ ตลอดช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาที่ตัวเองผันตัวมาเป็นฟรีแลนซ์ ลมหายใจของเขามีแต่งานกับงานแล้วก็งานเท่านั้น แทบจะไม่ให้เวลากับใครเลยแม้แต่คนรักที่ได้แต่นั่งทานข้าวกับเจอกันบ้างตามโอกาสต่างๆ เท่านั้น
“เราขอโทษนะพัชรที่ไม่มีเวลาพามาเที่ยวแบบนี้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้าป๊อป คิดมากน่า เค้าก็แค่น้อยใจนิดนึงน่ะ” พัชรเดินเข้ามาใกล้ๆ คนตัวใหญ่ ยื่นมือเล็กมาบีบมือของคนตัวใหญ่เบาๆ เชิงปลอบใจ
ทั้งสองเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการเดินไปยืนจีบกาแฟริมระเบียงชมวิวหมู่บ้านแม่กำปองท่ามกลางขุนเขาอันเงียบสงบกับสายลมหนาวที่พัดผ่านมาอย่างเพลิดเพลินสลับกับหันมาสบตาให้กันและกันเติมความหวานตามประสาคนรัก ตอนนี้ป๊อปเริ่มจะอดใจไม่ไหวแล้วเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานทำนองเชิญชวน รีบพาตัวเองเดินอ้อมไปด้านหลังร่างบาง สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมยาวตรงสลวย ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปประทับรอยจูบบนเรือนผมหนึ่งทีก่อนเดินกลับไปที่ริมระเบียงอีกครั้ง
ฝ่ายหญิงสาวค่อยๆ หลับตาลงซึมซับรสหวานจากรอยจูบบนเรือนผมยาวสลวยของตัวเอง เปลือกตาคู่สวยลืมขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเห็นคนที่เพิ่งทำหน้าที่จูบกลับมายืนอยู่ข้างๆ และโน้มใบหน้าที่ไม่มีความหล่อเหลาเข้ามาใกล้ๆ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจและไอเย็นที่พร่างพรูออกมา
“ป๊อปจะทำอะไรอ่ะ” แกล้งถามไปงั้น รู้ตั้งแต่อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้ว เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวเบี่ยงหน้าหนีไม่ได้
ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเคราหนาประทับรอยจูบมัดจำบนพวงแก้มใสก่อนค่อยๆ ผละหน้าออกมา ลอบมองใบหน้าขาวกระจ่างใสกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อราวมะเขือเทศสุกแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“พอได้แล้วป๊อป เค้าเขิน”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพลอดรักเติมความหวานอยู่นั้น ไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าของร่างสูงระหงเพรียวบางกำลังยืนดูดชานมเมล่อนเฝ้าดูอยู่เงียบๆ ตรงประตูกระจก มือเล็กอีกข้างถือสมาร์ทโฟนราคาแพงถ่ายรูปไว้หมดแล้ว
‘ขอหน่อยละกันน้าพี่ป๊อปพี่พัชร เหม็นความรักอ่ะ หมั่นไส้!!!’
ป๊อปทำเป็นได้ใจเข้าไปคลอเคลียกับคนรักเป็นการใหญ่ราวกับแมวเชื่องๆ กำลังอ้อนเจ้าของจนพัชรเริ่มออกอาการเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว มือเล็กได้แต่ปัดป้องไม่ให้ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้เพราะหัวใจกำลังจะละลายไปหมด แต่แล้วก็ต้องใช้ไม้ตายสุดท้ายก็คือ...
“ป๊อปเข้าไปดูน้องใบหม่อนดีกว่าไหม”
ได้ผลเมื่อคนตัวใหญ่ยอมผละออกไปแต่โดยดี แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปข้างใน ชายหนุ่มเห็นคนที่แฟนสาวพูดถึงยืนเต๊ะท่าดูดนมเมล่อนกับละเลียดสตอเบอรี่ชีสเค้กดูพวกเขายืนพลอดรักกันอย่างสบายใจ เห็นหญิงสาวส่งสายตาล้อเลียนพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน เหมือนจะบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเจ้าตัวเห็นตั้งแต่ตอนที่จูบกันแล้ว...
“<<อ้าวตื่นแล้วเหรอใบหม่อน>>”
“<<หนูตื่นตั้งแต่เห็นพี่ป๊อปยืนจูบพี่พัชรแล้ว คริๆ>>”
ร่างสูงระหงเดินถือแก้วชานมเมล่อนกับสตอเบอรี่ชีสเค้กออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ซึมซับบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยขุนเขาบ้างหลังจากนอนหลับเต็มอิ่มมาตลอดคืน แอบชำเลืองมองคู่รักที่ทำให้ตัวเองต้องเฝ้ามองอย่างอิจฉาอยู่สักพักก่อนหันหน้าออกไปดูวิวหมู่บ้านแม่กำปองที่อยู่ตรงหน้า จิบชานมเมล่อนไปอย่างเพลิดเพลิน
“<<ตื่นมาไม่เห็นบอกกล่าวกันเลย ตอนพี่ขึ้นมาเห็นเราหลับอยู่พี่ก็ไม่กล้าปลุก>>”
“<<หนูไม่ได้ว่าอะไรพี่ซักหน่อย พี่อ่ะคิดมาก บ้าบอ>>” ใบหม่อนว่าให้กับพี่ชายหนึ่งทีก่อนเบือนหน้าหนี แอบคลี่ยิ้มขึ้นมาลับหลัง ‘ถ้าหนูบอกพี่ป๊อปกับพี่พัชรก็รู้ตัวสิ คริๆ’
พัชรแอบกลั้นขำเมื่อเห็นพี่น้องคู่นี้ทะเลาะกัน อีกใจนึงยังรู้สึกอายกับวิธีบอกรักด้วยการจูบของแฟนหนุ่มไม่หาย หารู้ไม่เลยว่าฉากบอกรักของทั้งคู่นั้นอยู่ในสายตาของใบหม่อนหมดแล้ว
“<<ใบหม่อน วันนี้จะให้พี่พาไปเที่ยวไหนดีล่ะ>>” ป๊อปเริ่มหันไปชวนน้องสาวคุยบ้าง
“<<งืม หนูอยากเข้าไปหาของกินในหมู่บ้านอ่ะ หนูอ่านรีวิวแล้วมีหลายร้านที่อยากไปลองชิมเลยล่ะ>>”
ป๊อปคลี่ยิ้มขึ้นมาหลังจากได้ยินคำตอบจากปากของน้องสาว เป็นไปตามที่ตัวเองคาดไว้ไม่มีผิดเพราะรู้ว่าน้องสาวตัวเองชอบหาของกินและกินเก่งขนาดไหน
“<<ได้ เดี๋ยวพี่ดูเงินก่อนนะ>>” เอ่ยปากตอบน้องสาวแต่แอบหันไปส่งซิกกับคนรักที่ยืนอยู่อีกข้างหนึ่ง เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันรีบตัดบทออกมาก่อน
“อะไรๆ น้องใบหม่อนเป็นน้องของป๊อปนะ ป๊อปก็จ่ายคนเดียวสิ ไม่ต้องมาหารกับเค้าเลย ชิ”
ป๊อปได้แต่หน้าม้านเมื่อถูกตอกกลับมาแบบนี้ รีบดูดกาแฟในมือที่เริ่มละลายจนหมดก่อนซัดเลม่อนชีสเค้กอีกหนึ่งคำจนเต็มปาก “เออน่าเราไม่หารกับพัชรหรอก แต่กินด้วยกันเมื่อไหร่หารด้วยก็ดีนะ ตอนนี้หุ้นแดงอยู่หลายตัวเลยไม่น่าจะมีสำรองพอน่ะ”
พัชรปรายตามองดุใส่เมื่อเจอไม้นี้ เพราะหุ้นของตัวเองถืออยู่ก็เป็นตัวเดียวกับที่แฟนหนุ่มซื้อให้ และตอนนี้ก็กำลังแดงอยู่เหมือนกัน “ไม่ต้องเลยป๊อป ของเค้าก็แดงไม่ต่างจากของป๊อปแหละ”
“ฮึๆ ก็แดงไปด้วยกันเนี่ยแหละ” ป๊อปยื่นมือไปบีบจมูกเล็กโด่งเชิดรั้นของหญิงสาวโยกไปมาเชิงหยอกล้อ
“ปล่อยได้แล้วป๊อป เค้าหายใจไม่ออก” พัชรบ่นเสียงอู้อี้
ใบหม่อนรู้สึกตาร้อนผะผ่าวเมื่อเห็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้โชว์หวานให้เห็นอีก นึกน้อยใจตัวเองที่ต้องอยู่ห่างคนรักจนแทบไม่มีโอกาสได้เจอกันเหมือนคู่อื่นๆ บ้าง รู้สึกหวาดกลัวความสัมพันธ์ที่ห่างไกลแบบนี้อยู่ไม่น้อย ความกังวลใจของสาวเจ้าแสดงออกมาให้เห็นผ่านใบหน้ามุ่ยๆ จนคนเป็นพี่ชายสังเกตได้
“<<เป็นอะไรล่ะใบหม่อน คิดถึงโบ้เหรอ ฮิๆ>>”
ดวงตาคู่สวยเงยขึ้นมองดุใส่คนถามจี้จุด “<<ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของหนูเลยนะพี่ป๊อป สวีทกับพี่พัชรอยู่ได้ เห็นแล้วจะอ้วก>>”
“<<พี่ไม่ได้จะแส่เรื่องของเราหรอกใบหม่อน แค่เป็นห่วงเฉยๆ น่ะ เห็นเราหน้ามุ่ย มาเที่ยวทั้งทีมาทำหน้ามุ่ยแบบนี้ได้ไงล่ะหืม>>”
ป๊อปพูดไปเอื้อมมือไปยีผมยาวสลวยที่ถูกดัดเป็นลอนของคนหน้ามุ่ยจนฟู ยังไม่เปิดช่องให้อีกฝ่ายโต้ตอบ “<<ถ้าคิดถึงโบ้จริงๆ ไม่โทร.หา ไม่วีดีโอคอลหากันล่ะ พี่ว่าโบ้ก็คิดถึงใบหม่อนเหมือนกันน่ะแหละ>>”
ใบหน้าสวยหวานยังคงบูดบึ้งงอง้ำ มีเพียงดวงตากลมโตคู่สวยที่เริ่มเป็นประกายขึ้น “<<หนูก็ไลน์คุยกับโบ้ตลอดน้าพี่ป๊อป แต่มันอยู่ห่างกันแล้วหนูก็กลัวอยู่ดีแหละ>>”
“น้องใบหม่อนจ๊ะ พี่ไม่รู้หรอกนะว่าแฟนใบหม่อนเป็นคนยังไง แต่พี่พูดในมุมที่พี่เห็นจากป๊อปนะ” พัชรได้โอกาสเสริมขึ้นมา “ถ้าคนเราเชื่อใจกันและกัน ซื่อสัตย์ต่อกันและกัน ห่างกันแค่ไหนก็ไม่มีทางเปลี่ยนหรอกจ้ะ”
ป๊อปพยักหน้าเบาๆ หลังจากพัชรพูดจบ หันไปมองหน้าน้องสาวที่ตอนนี้เริ่มกลับมายิ้มได้บ้างแล้วถึงแม้จะยังมีร่องรอยความเศร้าอยู่บ้าง “<<ไปใบหม่อน อาบน้ำอาบท่าเดี๋ยวพาไปเที่ยว>>”
“<<ไม่อาบได้ไหมอ่ะพี่ป๊อป ขอแค่ล้างหน้าแปรงฟันน้า>>” ใบหม่อนทำแก้มป่องใส่ “<<ก็มันหนาวนี่นาพี่ป๊อป>>”
“<<อาบเถอะน่า ใบหม่อนจะได้ตัวหอมๆ ไง>>” ป๊อปแกล้งยื่นจมูกเข้ามาใกล้ๆ พวงแก้มนุ่มของหญิงสาว ทำท่าสูดดมฟืดๆ ก่อนผละออกมา เขาย่นจมูกขึ้นเล็กน้อยแสดงสีหน้าเหม็นให้หญิงสาวเห็น
“<<ถ้าน้องสาวพี่ตัวเหม็นเปรี้ยวแบบนี้ ไปเที่ยวทีอายเขาตายเลยล่ะ ฮ่าๆ>>”
“<<พี่ป๊อป!!!>>” เสียงใสแหวใส่ “<<ว่าหนูตัวเหม็นเหรอ!>>”
คราวนี้มือเล็กเริ่มจู่โจมใส่คนปากเสียแบบไม่ยั้ง กำปั้นน้อยเริ่มระดมทุบใส่หุ่นหมีของพี่ชายรัวๆ ปากอวบอิ่มต่อว่าไม่หยุดด้วยอารมณ์ขัดเคืองในใจ
“<<นี่แน่ะๆๆๆๆ ว่าหนูตัวเหม็นใช่ไหม ว่าแต่หนูตัวเหม็นแล้วพี่ป๊อปล่ะ ไม่อาบน้ำอาบท่าเหรอไงมาไล่หนูเนี่ย ห๊า! นี่แน่ะๆๆๆๆๆ>>”
“<<เฮ้ย ตีพี่ทำไมเนี่ย พี่อาบน้ำแล้วนะเว้ย>>” ป๊อปร้องเสียงหลง ยกมือปัดป้องเป็นการใหญ่ ขณะเดียวกัน พัชรได้แต่ยืนตะลึงงัน งงกับความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้อยู่ไม่น้อยถึงแม้จะรู้จักกันมานานแล้วก็ตาม
ใบหม่อนยอมหยุดเมื่ออารมณ์หายคุกรุ่นแล้ว แต่ยังออกอาการงอนให้พี่ชายเห็นอยู่ด้วยการปรายตามองจิกใส่ก่อนยอมเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวแต่โดยดี ร่างสูงระหงในเสื้อผ้าชุดเดินทางเมื่อคืนเดินจากไปพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากคนที่เจ้าตัวเพิ่งทุบตีไปมองตามจนลับตา...
“ป๊อปนีน้า ชอบแกล้งน้องใบหม่อนจังเลย”
เหมือนจังหวะซิตคอมเล็กๆ เมื่อพัชรเริ่มต่อว่าชายหนุ่มด้วยประโยคเดิมๆ ที่ได้ยินทุกครั้งหลังจากที่ป๊อปทะเลาะกับน้องสาวจบลงต่อหน้าต่อตาของแฟนสาวคนนี้ “ไปป๊อป เข้าไปข้างในเถอะ รอน้องใบหม่อนอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปเที่ยวกันน้า”
มือเรียวเล็กขาวราวงาช้างเอื้อมมาจับมือหนาของคนรักพากลับเข้ามาข้างในห้องอีกครั้ง ภายในห้องค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงแต่เสียงอาบน้ำจากข้างในห้องน้ำเท่านั้น ระหว่างรอคนอาบน้ำอยู่นั้นทั้งสองต่างหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาอัพเดตโซเชียลมีเดียส่วนตัวและศึกษาข้อมูลร้านอาหารต่างๆ ในหมู่บ้านไปเรื่อยๆ เผื่อเจอร้านไหนที่ถูกใจจะได้พาคนพิเศษที่กำลังอาบน้ำอยู่ไปกินด้วยเสียเลย จนเวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงเศษ ประตูห้องน้ำถูกเปิดขึ้น ร่างสูงระหงที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวปิดบังส่วนซ่อนเร้นเดินออกมา แต่เนินอกอวบอิ่มสีคล้ำราวกับน้ำผึ้งโผล่พ้นออกมาเหนือกระโจมอกพอดี เรือนผมยาวสลวยที่ถูกดัดเป็นลอนถูกคลุมทับไว้ด้วยหมวกอาบน้ำสีชมพูลายการ์ตูนสดใสอยู่
“<<พี่ป๊อปออกไปข้างนอกก่อน หนูจะแต่งตัว>>” เสียงใสออกปากไล่พี่ชายทันทีที่เดินออกมา
คนถูกออกปากไล่หันมายิ้มกระตุกๆ ใส่น้องสาวตัวเองหนึ่งทีก่อนยอมลุกเดินออกไปอย่างว่าง่าย “<<พี่ไม่ดูใบหม่อนแต่งตัวหรอกน่า พี่เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว นมคัพบีแบบนี้พี่เห็นจนเบื่อแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ>>” เสียงหัวเราะกรีดแหลมสูงราวกับแม่มดในการ์ตูนดิสนีย์ช่างยั่วอารมณ์โมโหของหญิงสาวให้ปะทุขึ้นในไม่ช้า
“ไปพัชร ออกไปนั่งรอด้วยกันมา” ป๊อปเอื้อมมือคว้าแขนเรียวสวยภายใต้เสื้อยืดแขนยาวพาออกไปข้างนอกด้วยกัน ทิ้งให้ใบหม่อนแว้ดแหวไล่หลังอยู่คนเดียว
“<<อีพี่ชายบ้า โรคจิตหรือไงห๊า ทะลึ่งที่สุดเลย คอยดูนะ กลับบ้านเมื่อไหร่หนูฟ้องแม่กับแม่คุณแน่!!!>>”
...............................................................................
ทั้งสามพากันเดินออกมาจากที่พักเตรียมตัวออกเที่ยวตามเส้นทางที่กำหนดไว้ แต่หลังจากพัชรได้ดูกูเกิลแม็ปสำรวจเส้นทางแล้วถึงกับอ่อนใจเพราะระยะทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งนั้นค่อนข้างไกลเกินกว่าที่จะเดินไหว แต่ทันใดนั้นเจ้าตัวเหลือบไปเห็นร้านบริการมอเตอร์ไซค์ให้เช่าอยู่ตรงหน้า หญิงสาวหันไปถามคนรักทันที
“ป๊อป ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวกันไหมล่ะ”
ทันใดนั้นใบหม่อนแย้งขึ้นมา “พี่พัชร ไม่รู้เหรอว่าพี่ป๊อปขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นอ่ะ คริๆ”
พัชรยิ้มแห้งๆ แก้เขินเล็กน้อย รู้อยู่ว่าแฟนหนุ่มขี่รถมอเตอร์ไซค์ไม่เป็น “ก็เช่าแค่สองคันไง พี่คันนึง น้องใบหม่อนคันนึงไงล่ะจ๊ะ มาเดินแบบนี้เมื่อยตาย ยกเว้นแต่พี่ป๊อปนั่นแหละจ้า” พูดจบแอบส่งสายตาไปยังคนรัก
รถมอเตอร์ไซค์แม่บ้านสองคันถูกเช่าเหมารวมตลอดทริปโดยที่ป๊อปเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมดถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ขี่เองเพราะขี่ไม่เป็นก็ตาม แต่แล้วตัวเองก็ต้องมานั่งซ้อนท้ายคันที่น้องสาวเป็นคนขี่
“<<พี่ป๊อป เกาะแน่นๆ น้า เดี๋ยวหงายหลังไปหนูไม่รู้ด้วยล่ะ>>” ใบหม่อนหันมากำชับพี่ชายที่นั่งซ้อนท้ายตัวเองอยู่
“<<ครับแม่ แม่ก็อย่าซิ่งเหมือนพี่ล่ะคร้าบ>>”
“<<พี่ป๊อปอ่ะ>>” ใบหม่อนยื่นมือเล็กหันมาตีแขนของพี่ชายเบาๆ เมื่อถูกยอกย้อนให้ ขณะที่คนโดนตีบุ้ยหน้าไปทางมอเตอร์ไซค์อีกคันที่แฟนสาวขี่อยู่ “<<ขี่ตามพี่พัชรให้ทันละกัน>>”
“<<จ้าลูกชายสุดที่รัก>>” หญิงสาวทำเสียงล้อเลียนใส่ “<<เกาะแม่แน่นๆ นะไอ้หมา คริๆๆๆ>>”
สองสาวขี่มอเตอร์ไซค์แล่นไปตามถนนสายหลักภายในหมู่บ้านอย่างช้าๆ ซึมซับบรรยากาศรอบข้างที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนแบบพื้นถิ่นที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาและต้นไม้หนาแน่นเขียวขจี กระแสลมหนาวพัดผ่านมาปะทะร่างของทั้งสามชีวิต ทางด้านป๊อปเริ่มตั้งหลักได้หยิบกล้องถ่ายรูปคู่กายขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศทั้งที่ยังนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่ใบหม่อนขี่อยู่ โชคดีที่ว่าสาวเจ้าขี่ค่อนข้างช้าทำให้การเก็บรูปนั้นง่ายขึ้นไปอีก
ใบหม่อนชำเลืองมองผ่านกระจกมองหลัง กลีบอวบอิ่มคลี่ยิ้มขึ้นเมื่อเห็นคนซ้อนท้ายยกกล้องขึ้นถ่ายรูปอย่างมีความสุข นึกอยู่ในใจ ‘ชอบล่ะสิพี่ป๊อป ได้ถ่ายรูปแบบนี้ เดี๋ยวหนูพาพี่ป๊อปไปหาที่ถ่ายรูปสวยๆ น้า’
สองสาวขี่รถไปตามทางเรื่อยๆ ย้อนออกมานอกหมู่บ้านมุ่งไปทางที่พัก จากสองข้างทางที่จอแจไปด้วยผู้คนค่อยๆ เข้าสู่บรรยากาศอันร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ จนถึงที่หมายแรกสำหรับเที่ยวในวันนี้ เหมือนพัชรจะรู้ใจแฟนหนุ่มเมื่อมาถึงวัดแม่กำปองอันเป็นวัดประจำหมู่บ้าน
ทั้งสามลงจากรถมอเตอร์ไซค์หลังจากจอดในจุดจอดเสร็จ ต่างคนต่างยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายอิริยาบถสักเล็กน้อย ยกเว้นแต่ชายหนุ่มที่เมื่อมาถึง รีบยกกล้องกดชัตเตอร์เก็บภาพทันทีจนพัชรต้องปราม
“ป๊อปใจเย็นๆ เดี๋ยวไปไหว้พระกันก่อนน้า”
ทั้งสามพากันเดินเข้าไปภายในวิหารไม้สักหลังใหญ่โดดเด่นใจกลางวัดหลังงามตามรูปแบบศิลปะทางภาคเหนือ ภายในวิหารค่อนข้างเย็นวาบจนสองสาวเริ่มรู้สึกหนาวเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ยกเว้นแต่หนึ่งหนุ่มที่ไปที่ไหนไม่เคยรู้สึกหนาวเลยแม้แต่นิดเดียวอย่างป๊อป ต่างคนต่างก้มลงกราบพระประธานก่อนเงยหน้าขึ้นมาซึมซับบรรยากาศอันเงียบสงบภายในวิหารหลังนี้ ป๊อปเริ่มทำหน้าที่ด้วยการยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพภายในทุกซอกทุกมุม และไม่ลืมที่จะเก็บภาพของสองสาวไว้ด้วย
จุดหมายต่อไปคืออุโบสถกลางน้ำที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก ระหว่างทางป๊อปเก็บภาพรอบๆ บริเวณวัดไปเรื่อยจนสองสาวเริ่มหันมาส่งสายตาค้อนใส่ แล้วก็เป็นใบหม่อนที่ต้องออกปากว่าให้
“<<พี่ป๊อปมัวแต่ถ่ายรูปอยู่นั่นแหละ แล้วเมื่อไหร่จะได้เดินไปล่ะห๊า!>>”
ชายหนุ่มหันมาส่งสายตาเชิงปรามใส่น้องสาวที่เพิ่งตวาดแว้ดใส่เขาเมื่อสักครู่ก่อนยอมเดินตามมาแต่โดยดี คราวนี้รีบเดินเข้ามากุมมือเรียวสวยของแฟนสาวเพื่อขอกำลังใจเล็กน้อยหลังจากโดนว่าให้ เมื่อข้ามลำธารไปได้สักพักก็ถึงที่หมาย
อาคารสถาปัตยกรรมล้านนาหลังย่อมตั้งตระหง่านท่ามกลางภูมิสถาปัตยกรรมอันงดงามที่รังสรรค์จากธรรมชาติ มองลงไปในพื้นหน้าตรงหน้าเห็นเงาสะท้อนของอาคารชัดเจนจนป๊อปอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาชักภาพ เงยหน้ามองขึ้นไปเห็นต้นไม้รกครึ้มดูร่มรื่นลอยสูงเหนือหลังคาอุโบสถหลังนี้ แต่คราวนี้สองสาวต้องรออยู่ด้านนอกเพราะประเพณีของวัดทางภาคเหนือห้ามผู้หญิงเข้าในบริเวณอุโบสถ
“<<พี่ป๊อป หนูกับพี่พัชรรออยู่ตรงนี้นะ รีบๆ ล่ะ อย่าให้รอนาน เข้าใจ๋>>” ใบหม่อนออกปากกำชับก่อน
“<<ครับใบหม่อนหน้ากลม เดี๋ยวพี่รีบเก็บรูปรีบมานะ>>” ป๊อปออกปากรับคำกับน้องสาวก่อนหันไปหอมแก้มคนรักที่อยู่ข้างๆ หนึ่งที
“<<ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะพี่ป๊อป ไปเลยนะเดี๋ยวจะโดน>>” ใบหม่อนแหวใส่พี่ชายก่อนง้างมือขึ้นทำท่าจะฟาด ด้านคนทิ้งระเบิดเมื่อสักครู่รีบเดินจ้ำอ้าวข้ามลำธารไปยังตัวอุโบสถที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว คราวนี้ใบหม่อนได้โอกาสฟ้องพี่สะใภ้เป็นการใหญ่
“พี่พัชรดูสิ พี่ป๊อปว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วอ่ะ หนูอ้วนเหรอพี่พัชร”
พัชรถึงกับกลั้นขำไม่หยุดเมื่อถูกว่าที่น้องสะใภ้ฟ้องแบบนี้ “น้องใบหม่อนก็ไม่ได้อ้วนนะคะ แบบนี้เรียกมีน้ำมีนวลจ้า น้องใบหม่อนหุ่นดีจะตาย เผลอๆ หุ่นดีกว่าพี่อีกแหละ ไม่มิอะไรนี่จ๊ะ ไม่ต้องคิดมากน้า มาๆ ถ่ายรูปกับพี่ดีกว่า”
ได้ผลเมื่อใบหม่อนกลับมาร่าเริงอีกครั้ง สารพัดรูปถ่ายเซลฟี่ผ่านสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินที่ถ่ายใบหน้าตัวเองตอนยิ้มสดใสคู่กับใบหน้าขาวใสของว่าที่พี่สะใภ้อีกหลายๆ แอกต์ท่ามกลางบรรยากาศท่ามกลางขุนเขาและลำธารในบริเวณวัด และตอนนี้คนตัวใหญ่ที่รีบเดินออกมาจากอุโบสถกลางน้ำรีบยกกล้องเก็บภาพทีเผลอของทั้งสองสาวไว้ ยังไม่พอยังหยิบสมาร์ทโฟนสีดำเครื่องหรูขึ้นมาเก็บภาพไว้อีกก่อนรีบส่งผ่านแอพพลิเคชั่นสีเขียวอย่างรวดเร็ว
@@POPENGL@@ : Send a Photo :
ข้อความจากชายหนุ่มเด้งขึ้นมาบนหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือของใบหม่อน ขณะที่พัชรทำสีหน้าแปลกใจเล็กๆ ก่อนออกปากขอให้ว่าที่น้องสะใภ้เปิดดู
“น้องใบหม่อนดูซิ พี่ป๊อปส่งอะไรมา”
นิ้วเรียวเล็กจิ้มไปที่กล่องข้อความที่เด้งขึ้นมา แต่แล้วก็ต้องปรี๊ดเล็กๆ เมื่อเห็นรูปที่พี่ชายส่งมา
“<<พี่ป๊อป!>>” เสียงใสแว้ดขึ้นมา พลางสอดส่ายสายตามองหาพี่ชายตัวดี ยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้คนขี้แกล้งเดินมาอยู่ด้านหลังแล้ว แต่แล้วสาวเจ้าหันขวับไปมองด้านหลังจนเกือบจะชนกับใบหน้าคร้ามที่กำลังยิ้มเผล่เหมือนรู้ชะตากรรมเข้าอย่างจัง
“<<พี่ป๊อ... ตกใจ! นี่แน่ะ>>”
กำปั้นน้อยทุบเข้าที่อกแกร่งของพี่ชายหนึ่งที่โทษฐานมาไม่ให้สุ้มให้เสียง “<<แอบถ่ายหนูกับพี่พัชรเหรอ!>>”
“ป๊อป เสียมารยาทมากเลยนะรู้ไหมแอบถ่ายรูปเนี่ย” พัชรแกล้งว่าให้คนรักหนึ่งที ในใจลึกๆ แอบขำกับกิริยาของว่าที่น้องสะใภ้อยู่ไม่น้อย
ปากหยักได้รูปยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนให้คำตอบ “<<อ้าวก็พี่ออกมาเห็นเรากำลังเซลฟี่กับแฟนพี่อยู่นี่นา ออกท่าแต่ละท่านี่ยังกับเดินสยาม แบบนี้จะไม่ให้แอบถ่ายได้ไงล่ะหืม>>”
มือข้างที่วางเอื้อมมาเขย่าจุกที่เกล้าขึ้นกลางกระหม่อมของหญิงสาวเบาๆ ด้วยว่าสาวเจ้าไม่ได้สระผมเลยต้องเกล้าจุกขึ้นแบบนี้ และผมยังไม่ยาวมากทำให้ไม่สามารถเกล้ามวยสูงได้เหมือนครั้งก่อน
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนไม่ยอมแพ้ แกะมือใหญ่ที่กำลังโยกจุกเหนือศีรษะตัวเองออก “<<สนุกมากใช่ไหมแอบถ่ายรูปเนี่ย>>”
“<<ขอโทษคร้าบ พี่ขอโทษ>>” ป๊อปออกปากขอโทษน้องสาวทันที แล้วก็ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายเริ่มสงบลงถึงแม้จะมีท่าทางงอนๆ อยู่
ทั้งสามเดินทางออกจากวัดแม่กำปองย้อนไปทางที่พักเพื่อไปยังที่หมายต่อไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวไปตามแนวภูเขาทำให้สองสาวต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่มากกว่าเดิม ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยยวดยานพาหนะที่นักท่องเที่ยวขับขี่แล่นผ่านไปมายิ่งทำให้รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกลัวจะเกิดอุบัติเหตุอยู่ไม่น้อย
ป๊อปต้องยอมตัดใจเก็บกล้องไว้ก่อนถึงแม้วิวสองข้างทางจะน่าเก็บภาพแค่ไหนก็ตาม มือหนาทั้งสองข้างเกาะร่างระหงของคนขี่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือราวกับว่าพร้อมจะร่วงได้ทุกเมื่อ
“<<พี่ป๊อปเกาะแน่นๆ น้า>>”
ยิ่งเข้าใกล้ที่หมายเท่าไหร่เส้นทางยิ่งลาดชันคดเคี้ยวมากขึ้นเท่านั้น ลำพังรถมอเตอร์ไซค์แม่บ้านแบรนด์เจ้าตลาดที่สองสาวเช่ามาขี่ในตอนนี้ยังแล่นไปอย่างยากลำบากเพราะเส้นทางข้างหน้าลาดชันมาก จนเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งก็ถึงที่หมายที่สองสำหรับวันนี้...
หลังจากจอดมอเตอร์ไซค์ตรงลานจอดเสร็จ ทั้งสามพากันเดินไปตามป้ายบอกทางจนไปถึงบริเวณน้ำตกแม่กำปองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาเดินเที่ยวมาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน แหงนมองขึ้นไปด้านบนเห็นความใหญ่โตโอ่อ่าท่ามกลางต้นไม้ใหญ่จนรกครึ้มกับเสียงน้ำตกที่ดังกระหึ่มจนแทบไม่ได้ยินสรรพสำเนียงเสียงรอบข้าง อากาศโดยรอบเริ่มหนาวเย็นมากกว่าด้านนอกที่ผ่านมาอีก
พัชรค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งบนก้อนหิน ก้มลงเลิกขากางเกงยีนขาม้าตัวโปรดขึ้นเผยให้เห็นเรียวขาขาวราวงาช้าง เพื่อไม่ให้ปลายขากางเกงเปียกและทำให้เดินได้คล่องขึ้น ทางด้านป๊อปกำลังเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ บริเวณน้ำตกผ่านกล้องโปรคู่มืออย่างเพลิดเพลิน ไม่ลืมที่จะหันไปถ่ายใบหม่อนที่กำลังโพสท่ายิ้มสู้กล้องอย่างเต็มที่
“<<พี่ป๊อปถ่ายอีกๆ>>”
เสียงใสร้องเรียกให้พี่ชายลั่นชัตเตอร์ถ่ายรูปตัวเองอีก มีหรือที่ป๊อปจะกล้าขัดใจน้องสาวตัวเองเมื่อระดมกดชัตเตอร์รัวๆ เพียงแต่เปลี่ยนอุปกรณ์จากกล้องเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีดำเท่านั้น กลัวว่าขืนใช้กล้องถ่ายต่อแบตจะหมดเอากลางทางจนทำให้อดเก็บภาพอีก ตอนนี้พัชรเข้ามาร่วมเฟรมถ่ายรูปคู่กับว่าที่น้องสะใภ้ด้วยจนกระทั่ง...
“พัชร ใบหม่อน พอก่อนไหม มัวแต่ถ่ายรูปแบบนี้เดี๋ยวอดเที่ยวที่อื่นพอดี” เป็นป๊อปที่ต้องพูดตัดบทขึ้นมา
ใบหม่อนทำหน้าบึ้งแสดงอาการเซ็งให้เห็น แต่ก็ยอมทำตามที่พี่ชายตัวเองบอกแต่โดยดีด้วยการเดินตามหลังพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ขึ้นไปตามทางเดินสู่ชั้นบนของน้ำตก ครั้งนี้ไม่ได้กะจะมาเล่นน้ำเลยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนมาด้วย เพียงแค่ได้เห็นบรรยากาศโดยรอบบริเวณก็คุ้มค่าที่จะมาเยือนแล้ว...
ยิ่งเดินขึ้นชั้นสูงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นวิวทิวทัศน์รอบๆ บริเวณน้ำตกชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ป๊อปเริ่มอดใจไม่ไหวหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพที่เห็นตรงหน้า ไม่ลืมที่จะหันไปถ่ายคนรักกับน้องสาวที่กำลังยืนชมวิวอย่างเพลิดเพลินที่อยู่อีกด้านหนึ่งด้วย
เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นสุดท้ายของน้ำตกแห่งนี้ ต่างคนต่างนั่งลงบนโขดหินริมน้ำขับไล่อาการเมื่อยล้าที่สะสมมาตลอดตั้งแต่เริ่ม อยากจะนั่งพักเอาขาแช่น้ำพอให้รู้สึกสดชื่นสักหน่อย
ป๊อปนั่งลงบนโขดหินก้มลงแกะเชือกและถอดรองเท้าให้กับคนเป็นน้องสาวพร้อมกับเลิกขากางเกงยีนห้าส่วนขึ้นก่อนที่จะมาจัดการกับรองเท้าและกางเกงของตัวเอง ใบหน้าคร้ามหันไปมองแฟนสาวที่นั่งบนชะง่อนหินเอาเท้าจุ่มลงไปในน้ำตกที่กำลังไหลเชี่ยวกรากอยู่อีกด้านหนึ่งไม่ไกลกันนัก
สมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินในมือของใบหม่อนยกขึ้นเก็บภาพโดยรอบบ้างหลังจากเห็นพี่ชายตัวเองเก็บภาพสวยๆ หลายรูประหว่างเดินทางจนมาถึงชั้นบน แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมาหลังจากนั่งได้สักพัก ลำพังเสื้อกันหนาวที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ยังไม่พอที่จะทำให้ตัวเองคลายหนาวได้มากนัก ยิ่งขึ้นมาสูงมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งหนาวมากจนมีควันออกมาจากจมูกและปากเมื่อหายใจออก
“<<หนูหนาวอ่ะพี่ป๊อป>>”
ป๊อปรีบวางกล้องลงและถอดเสื้อสูทออกไปคลุมร่างสูงระหงที่นั่งตัวสั่นเทาใกล้ๆ มือหนายกขึ้นแตะหน้าผากโค้งมนได้รูปของหญิงสาว รู้สึกเย็นวาบแทบจะเข้าไปในกระดูกจนต้องรีบชักมือออก นัยน์ตาสองชั้นหลบมองเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวยที่กำลังสั่นไหวระริกอยู่
“<<ดีขึ้นยังล่ะใบหม่อน>>”
หญิงสาวสังเกตเห็นไอเย็นที่พวยพุ่งออกมาจากปากหยักของพี่ชายแล้วยังรู้สึกหนาวแทน พยายามทำตัวให้เข้มแข็งให้อีกฝ่ายได้เห็น
“<<ค่อยอุ่นขึ้นแล้วล่ะพี่ป๊อป แล้วพี่ป๊อปไม่หนาวเหรอไงถอดสูทมาให้หนูเนี่ย>>”
“<<เฮ้ย สบาย>>” ปากหยักได้รูปยกยิ้มขึ้น ยกมือขึ้นมาจับจุกเหนือกระหม่อมของหญิงสาวโยกไปมาหนึ่งทีก่อนปล่อยออก “<<อากาศเย็นแค่นี้ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก>>”
“<<จ้า พี่ป๊อปไม่ไปดูพี่พัชรหน่อยเหรอ ป่านนี้พี่พัชรคงหนาวไม่ต่างจากหนูแหละ ไม่ต้องห่วงหนูน้า>>”
ใบหม่อนออกปากไล่พี่ชายทันทีหลังจากได้รับไออุ่นจากอีกฝ่ายจนพอกับเสื้อสูทที่คลุมร่างอยู่ ทางด้านป๊อปยอมทำตามคำของน้องสาวแต่โดยดี ร่างสูงใหญ่ผละออกไปตรงที่แฟนสาวนั่งอยู่ไม่ไกลนัก
“พัชร ไม่หนาวเหรอ”
พัชรหันมาส่งยิ้มหวานให้ ป๊อปเห็นแล้วไม่ลังเลที่จะรีบยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพ แต่สาวเจ้ากลับยกมือขึ้นปิดหน้ากล้องเสียเฉยๆ
“ป๊อปอย่าแอบถ่ายแบบนี้สิ เค้าไม่ชอบ”
ด้านคนแอบถ่ายชักสีหน้าเซ็งเมื่อเก็บภาพไม่สำเร็จ เงยหน้าขึ้นมาเห็นแฟนสาวชักสีหน้าใส่พอเดาอารมณ์ได้เลยว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ฮื้ม เมื่อกี้พัชรยิ้มสวยมากเลย ทำไมไม่ให้เราถ่ายล่ะหืม”
“ก็เค้าไม่พร้อมนี่” พัชรย้อนให้ไม่จริงจังนัก “เค้าหน้าสดขนาดนี้ป๊อปยังอยากจะถ่ายเค้าอีกเหรอ”
ป๊อปคลี่ยิ้มขึ้นหลังจากได้ยินคำตอบจากปากแฟนสาว นึกขำในใจเพราะปกติหญิงสาวปล่อยหน้าสดเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ก็ต้องยอมถึงแม้จะรู้ว่าสาวเจ้าเถียงข้างๆ คูๆ ก็ตาม
“อืมๆ ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย ว่าแต่พัชรไม่หนาวเหรอ เห็นนั่งเอาขาแช่น้ำอยู่ตั้งนาน”
นัยน์ตาสองชั้นหลบก้มลงมองเรียวขาสวยที่กำลังจุ่มลงไปในกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากของน้ำตกตรงหน้า เห็นไอเย็นพวยพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำแล้วยังรู้สึกหนาวแทนเหมือนกัน
“ก็หนาวแหละ แต่เค้าไม่เป็นไรหรอก” พัชรยักไหล่ขึ้น “ว่าแต่ป๊อปเถอะ ถอดสูทให้น้องใบหม่อนใส่แบบนี้ ไม่หนาวบ้างเหรอไง”
พัชรย้อนให้หลังจากสังเกตเห็นว่าคนตัวใหญ่มีเพียงเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนห่อหุ้มร่างกายอยู่เท่านั้น ไร้เงาสูทสีเทาที่เคยคลุมร่างใหญ่เมื่อก่อนหน้านี้
“แค่นี้เอง เราไม่เป็นไรหรอก” ป๊อปตอบเสียงแผ่วเบาก่อนคลี่ยิ้มบางๆ
หญิงสาวส่งยิ้มตอบกลับไปเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนรักที่ส่งมาให้ ต่างคนต่างส่งสายตาหวานซึ้งให้กันและกันก่อนค่อยๆ โน้มหน้าเข้าหากันอย่างช้าๆ จนริมฝีปากของทั้งคู่กระทบเข้าหากันอย่างดูดดื่มพลางสอดลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันในช่องปากของกันและกัน ต่างคนต่างหลับตาพริ้มรับรสจูบอันแสนหวานท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเหน็บที่โอบล้อมด้วยขุนเขากว้างใหญ่ กับเสียงน้ำตกที่ดังกระหึ่มเป็นแบ็กกราวด์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่พ้นสายตาของใบหม่อนที่หันมามองด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งอิจฉาตาร้อนปนกับดีใจอยู่ไม่น้อย สมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินเปิดโหมดกล้อง นิ้วมือเล็กกดชัตเตอร์เก็บภาพไว้ แอบส่งให้ผู้เป็นแม่ผ่านแอพพลิเคชั่นสีเขียวเสร็จก่อนกดลบรูปทิ้ง ขณะที่คู่รักตรงหน้ายังคงแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม ไม่รู้ตัวเลยว่าโดนแอบถ่ายรูปไปแล้ว...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ