หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)

-

เขียนโดย Yuanjinxia

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.

  18 ตอน
  3 วิจารณ์
  8,443 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) จับขโมย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ร้านเหล้าวู้ดดี้ฟรีแมน

 

ร้านเหล้าของวู้ดดี้ที่อยู่ไม่ไกลจากหอพักชั่วครั้งชั่วคราว กลายเป็นร้านประจำของหน่วยลับทั้งสามคนในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเขาจะพูดคุยแลกเปลี่ยนสิ่งที่สืบมาได้สำหรับใช้ในการวางแผนจับคนร้าย

 

“หัวหน้าท่านมาแล้ว” ปราณเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้ามาที่โต๊ะ

 

มายานั่งลงและยกมือเพื่อสั่งเครื่องดื่ม

 

“ขอเหมือนเดิม”

 

บริกรสาวเดินมาแล้วเอ่ยรับเสียงใส

 

“ได้เลยจ้ะ มายา รอสักครู่นะ” เธอตอบพร้อมส่งยิ้มหวาน ก่อนจะรีบไปทำเครื่องดื่มให้ตามต้องการ

 

“ข้าขอเบียร์วุ้นเย็นๆ ด้วย” หนุ่มหน้าตาทะเล้นเพียงคนเดียวในกลุ่มสั่งของโปรดของตนเอง

 

“หัวหน้า จดหมายนี่ส่งมาเมื่อช่วงบ่าย ท่านออกไปข้างนอกข้าจึงรับไว้แทน” ผู้ที่รออยู่ก่อนยื่นจดหมายส่งให้

 

“จากใคร” มายารับจดหมายมาพลิกซองดู มีตราสัญลักษณ์อินทรีปั๊มลงบนครั่ง “พวกอินทรีเงา” เธอรีบเปิดอ่านในทันที

 

ปราณที่นั่งตรงข้ามกำลังเท้าคางยิ้มเล็กน้อยพร้อมรอรับคำสั่ง

 

“ลุยได้หรือยัง รอมาเกือบอาทิตย์แล้ว”

 

“ในจดหมายแจ้งว่าคนร้ายได้ติดต่อกับกบฏคนอื่นและนัดแนะสถานที่ส่ง ‘ของ’ กันเรียบร้อย เขาน่าจะขึ้นเรือคืนนี้ที่ท่าน้ำทางใต้ แล้วหนีไปตามแม่น้ำ ‘ราวัณยา’ ไปขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำใน เมืองซันฟลาวเวอร์ ตรงจุดนี้ เราแค่ต้องชิงแผนที่คืน เรื่องอื่นยังไม่ต้องยุ่ง” มายาเอานิ้วชี้ลากไปบนแผนที่ อธิบายเส้นทางหลบหนีของคนร้ายให้ลูกน้องทั้งสองคนฟังคร่าวๆ

 

“แล้วสถานที่นัดพบอีกเมือง เราไม่ต้องไปดักเหรอ” แชนถาม

 

“เราต้องชิงแผนที่คืนให้ได้ก่อนมันจะขึ้นเรือ ส่วนคนที่รอรับของอยู่อีกเมือง ข้าคิดว่าศูนย์ใหญ่คงตั้งใจปล่อยให้ ‘มด’ หนีไปก่อนเพื่อหาว่า ‘รัง’ มันอยู่ตรงไหน” มายาเอ่ยพลางครุ่นคิดเล็กน้อย “แล้วที่ให้ไปสืบเรื่องของคนร้ายจากคนท้องถิ่นแถวนี้ได้ความว่ายังไงบ้าง”

 

“เจ้านั่นชื่อ ‘แจ็ก’ ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้อง ส่วนจะไปร่วมกับกลุ่มกบฏตอนไหนนั้น อันนี้ไม่แน่ใจ” ชายหนุ่มรายงาน

 

“ขโมยแผนที่วังหลวงไป ถ้าเป็นเจ้าจะทำอะไรเหรอ” เธอลองถามลูกน้องแม้จะไม่ได้คาดหวังคำตอบ

 

“จะทำอะไรได้ล่ะท่าน นั่นวังทองคำเชียวนะ ขนาดวังยังเป็นทอง ข้าวของมีค่าข้างในจะขนาดไหน พวกกบฏคงเงินหมดไม่มีทางอื่นนอกจากปล้นแล้ว” ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจในความคิด

 

“มีแต่คนโง่เท่านั้นที่คิดจะปล้นวังหลวง เฉพาะทหารรักษาการณ์ด้านในก็เป็นพันแล้ว ด้านนอกยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไปปล้นพวกเสนาบดี หรือพวกเศรษฐีไม่ดีกว่าเหรอ” ปราณแย้ง

 

“เจ้านี่คิดมากจัง เป็นข้าจะติดสินบนทหารสักคน ให้ช่วยหาทางหนีทีไล่ให้ แล้วไปกวาดเอาทองหยองกับเพชรนิลจินดามาให้เกลี้ยง ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาหัวเราะร่า

 

มายาส่ายหัวให้กับความคิดสุดยอดของลูกน้องตัวเอง “ประตูทางเข้าออกวังหลวงมีสิบหกจุด แต่ละจุดมีผู้ตรวจการเฝ้ารักษาอย่างเข้มงวด ไหนจะพลังของทับทิมเลือดที่เหลือมาจากยุคสงคราม ไว้ใช้ป้องกันคนลักลอบเข้าวังได้อีก เจ้าจะแอบเข้าไปยังไง”

 

“ก็ไหนท่านว่าตาเฒ่าเต่าบินนั่นไปจำศีลอยู่บนเขา” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย

 

“บนโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่ผู้เฒ่าคาลอสคนเดียวนะที่มีทับทิมเลือดเก็บเอาไว้ ยังมีอีกอันติดอยู่ที่มงกุฎของกษัตริย์ คงเป็นอันที่ใช้กางเขตอาคมอยู่ตอนนี้”

 

“ท่านพูดเหมือนกับว่าเคยเห็น” แชนถามพลางขมวดคิ้วใคร่รู้

 

แต่หญิงสาวไม่ตอบ เธอยกเหล้ารัมขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะวางเงินไว้บนโต๊ะและลุกออกไป อีกสองคนเห็นเช่นนั้นจึงรีบลุกตามหัวหน้าออกไปทันที

 

 

 

พลบค่ำ ณ หอนางโลมตันหยง

 

หอนางโลมสุดขึ้นชื่อของเมืองซินเนียคงหนีไม่พ้นหอนางโลมตันหยง ด้วยทำเลที่อยู่ติดกับแม่น้ำราวัณยามีผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาดสาย จึงถือเป็นทำเลทองสำหรับดึงดูดทรัพย์จากนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว

 

ภายในตกแต่งไม่ต่างจากหอคณิกาแห่งอื่นที่ประดับประดาด้วยแสงไฟจากโคมแดงและเทียนมากมาย ผ้าแพรที่เน้นสีแดงกับสีชมพูถูกประดับโยงใยอยู่ทั่ว มีโต๊ะรับแขกหลายสิบโต๊ะอยู่ที่โถงชั้นล่างสุด ทั้งซ้ายขวามีห้องขนาดใหญ่สำหรับแขกพิเศษ ที่ต้องการดื่มกินกับสาวงามผู้สร้างความสำราญอย่างเป็นส่วนตัว มีแท่นยกสูงตรงกลางโถ่งสำหรับนักดนตรีและนางรำที่สร้างความบันเทิงช่วยเสริมบรรยากาศให้รื่นเริงยิ่งขึ้นไปอีก

 

มีบันไดขนาดใหญ่ขึ้นไปที่ชั้นสองและสามของหอได้อีก แต่เป็นพื้นที่สำหรับแขกที่ต้องการค้างคืนและค่าห้องก็แพงหูฉี่ คนที่พร้อมจ่ายจึงมักจะเป็นพ่อค้าวาณิชทั้งหลาย คหบดีผู้มั่งคั่ง ขุนน้ำขุนนาง หรือไม่ก็ข้าราชการผู้มีอันจะกิน

 

ในขณะที่มีแขกและหญิงผู้สร้างความบันเทิงเกือบร้อยชีวิตพูดคุยจอแจและดื่มกินกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น ปราณที่กำลังทำหน้าเบื่อจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าสุดทะเล้นของแชน ส่วนเขาก็กำลังนั่งจิบชาอย่างสบายใจไม่ทุกข์ร้อน แม้ว่าเจ้าหล่อนจะหรี่ตามองอย่างเคลือบแคลงแค่ไหนก็ตาม

 

“ถามจริงเถอะ แน่ใจนะว่าที่นี่ ไม่ใช่ว่าอยากจะมาเองหรอกนะ” ปราณถามอย่างไม่เชื่อด้วยคิดว่าอีกฝ่ายคงหาเรื่องมาเที่ยวเองมากกว่า

 

ชายหนุ่มอมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะวางถ้วยชาลง

 

“ที่นี่แหละใช่เลย หัวหน้าสั่งมาข้าก็ต้องทำตามคำสั่งนะ”

 

“หัวขโมยที่ไหนจะมาซ่อนตัวอยู่ในหอคณิกา ข้าว่าร้านขายบะหมี่ฝั่งตรงข้ามยังน่าซ่อนกว่า” เธอกล่าว

 

“ถ้าเป็นข้าเองก็คงซ่อนที่นี่เหมือนกัน เจ้าลองมองไปรอบๆ สิ มีคนเดินทางมาไม่ขาดสาย ผู้คนมากหน้าหลายตาขนาดนี้ ย่อมหลบพวกหน่วยตรวจสอบกับมือปราบได้แน่นอน” แชนกล่าวอย่างสบายใจ “แล้วร้านบะหมี่ที่เจ้าว่าจะให้ไปซ่อนที่ไหน ในหม้อต้มซุปเหรอ ฮ่าฮ่า” เขาว่าพลางหัวเราะ

 

ปราณสะบัดหน้าอย่างไม่สนใจแล้วมองไปรอบๆ “หัวหน้าจะมาเมื่อไหร่”

 

“หัวหน้าบอกว่าจะตามมาทีหลัง หอนี้อยู่ใกล้ท่าน้ำที่สุดและคนพลุกพล่านที่สุด ตรงกับที่หน่วยอินทรีเงาส่งข่าวมาด้วยว่าเห็นเจ้าแจ็กนั่นที่นี่”

 

“เจ้าเคยเห็นหน้ามันชัดๆ แล้วใช่ไหมตอนมาสืบ” เธอถามเพื่อความแน่ใจ

 

“ก็ไม่ถึงกับชัดมาก แต่ข้าว่าดูดีกว่าในรูปที่หัวหน้าให้ดูนิดหน่อยผิวขาวเนียนเชียว ดูนั่นสิ!” แชนพยักพเยิดไปทางชายขาเป๋คนหนึ่งที่กำลังมองซ้ายขวาด้วยท่าท่างมีพิรุธ

 

“เจ้านั่นไม่เห็นดูดีอย่างที่เจ้าว่าเลย สภาพเหมือนยาจกมากกว่า” ปราณพยายามใคร่ครวญตามที่ชายหนุ่มบอก

 

“ของแบบนี้มันปลอมกันได้” พูดเสร็จเขาก็ลุกขึ้นทันทีและเดินตามชายขาเป๋คนนั้นไป

 

หญิงสาวเห็นดังนั้นรีบคว้าดาบคู่ใจแล้วออกวิ่งตาม

 

แชนกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามชายแปลกหน้าไปจนถึงประตูทางออกของหอนางโลม และเหมือนจะรู้ตัว เมื่อเห็นว่ามีคนพยายามตาม ชายคนนั้นจึงกลายสภาพเป็นคนแข็งแรงแขนขาปกติออกวิ่งสุดแรงเกิด แชนที่ตามมาเห็นแล้วว่าเขาแกล้งขาเป๋จึงวิ่งกวดไปติดๆ ส่วนปราณเลือกที่จะวิ่งอ้อมหวังจะไปดักอีกทาง

 

 

 

ประตูด้านหลังของหอนางโลม

 

ประตูด้านหลังของหอนางโลมตันหยงมีส่วนที่เป็นท่าน้ำขนาดเล็กสามารถเทียบเรือพายและเรือแจวขนาดไม่ใหญ่มากได้ ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามคนภายนอกเข้า จึงไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายการทำธุรกิจเล็กๆ ของแม่เล้าผู้เป็นเจ้าของ

 

“นี่แม่เล้า 'เหวิน’ ตอนแรกตกลงกันไว้ที่เจ็ดคนไม่ใช่เหรอ ทำไมข้านับได้แปดล่ะ” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกำลังคุยกับเจ้าของหอนางโลมอยู่

 

“อีกคนข้าแถมให้ บอกนายท่านด้วยว่าเด็กๆ พวกนี้วัยกำลังแตกเนื้อสาวทั้งนั้น ซื้อไปรับรองไม่ผิดหวัง” นางเหวินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมโบกไม้โบกมือไล่สาวน้อยทั้งแปดคนให้รีบขึ้นเรือ “ไปสิ! อย่ามัวยืดยาด แล้วก็ทำตัวให้มันดีๆ หน่อยนะ อย่าให้ข้าเสียชื่อ!”

 

หญิงสาวแปดคนเดินก้มหน้าก้มตาไม่มีใครปริปากแล้วพากันทยอยขึ้นเรือ บนนั้นมีห้องขนาดเล็กให้พวกนางพอได้นั่งเบียดเสียด เมื่อทุกคนเข้าไปนั่งกันหมดแล้ว ชายสามคนที่คุมเรือจึงปลดเชือกแล้วใช้ไม้ดันตัวเรือให้ห่างออกจากท่า

 

มายาที่จับจ้องทุกการกระทำอยู่ในความมืดเห็นทุกอย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ วิ่งเลียบไปตามฝั่งแม่น้ำผ่านบ้านของผู้คนที่ปิดเงียบสนิทและก่อนที่เรือจะออกไปไกลจากฝั่งเกินกว่านี้ เธอก็รีบกระโดดสุดตัวส่งตนเองขึ้นไปยืนบนเรือได้สำเร็จ ทำให้ชายฉกรรจ์สามคนที่เฝ้าอยู่ต่างก็ตกใจพากันชักดาบออกมาเตรียมพร้อมสู้

 

“เฮ้ย! มาไงวะ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกระชับดาบในมือแน่น

 

“กระโดดขึ้นมาน่ะสิ เจ้าโง่!” ชายคนที่คุยกับแม่เล้าพูดขึ้นแล้วเบียดตัวเข้ามายืนประจันหน้ากับมายา

 

“เรือห่างฝั่งขนาดนี้ ใครจะไปกระโดดได้!” ชายอีกคนตะโกนอย่างไม่อยากเชื่อ

 

ไม่ทันขาดคำ ชายคนที่ยืนประจันหน้าก็เงื้อดาบเข้าใส่มายาก่อน แต่เธอหมุนตัวหลบเขาได้อย่างคล่องแคล่ว พร้อมจับมือของคนร้ายไว้แน่นก่อนจะบิดแขนไปไพล่ไว้ด้านหลังแล้วเตะที่ข้อพับจนชายฉกรรจ์ทรุดลง จากนั้นจึงใช้เข่าเสียบเข้าที่กลางหลังอย่างรุนแรง

 

ปึก! พลั่ก!

 

"อ้าก!!!" เขาส่งเสียงอย่างทรมาร ชายที่กล้าลองดีเป็นคนแรกฟุบลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด

 

ชายอีกสองคนเห็นท่าไม่ดีที่เพื่อนคนแรกแพ้อย่างง่ายดาย จึงถือดาบพุ่งเข้ามาพร้อมกัน แต่มายาแอ่นตัวเป็นสะพานโค้งหลบดาบ ก่อนจะใช้มือสองข้างจับที่ข้อมือของคนร้ายทั้งคู่แล้วบิดหักข้อมือให้ดาบชี้ออกไปด้านข้าง เธอลุกขึ้นพร้อมแทงเข่าใส่คนร้ายเข้าที่ชายโครงจนล้มลง แล้วฟันศอกใส่คนร้ายอีกคนเข้าที่ต้นคอ

 

ผลัวะ!

 

พลั่ก!

 

"อัก!!!"

 

"โอ๊ย!!!"

 

ทั้งสองคนลงไปกองกับพื้นตามสหายคนแรก พลางเอามือกุมไว้ตรงจุดสำคัญที่โดนเล่นงาน พวกเขามองหน้ากันด้วยความงวยงงระคนตื่นกลัวที่ผู้หญิงคนเดียวสามารถจัดการพวกเขาได้รวดเร็วขนาดนี้ แถมยังขึ้นเรือมาโดยไม่มีเหตุผลหรือเรื่องบาดหมางกันมาก่อน

 

“ไม่ต้องงง ข้าไม่ได้จะมามีเรื่องกับพวกเจ้า ข้าแค่มาตามหาคน ส่งตัวเขามาแล้วข้าก็จะไป” มายากล่าวเสียงเรียบ

 

“เจ้าต้องการตัวใคร บนเรือข้าไม่มีใครอื่น” ชายคนหนึ่งรีบตอบ

 

“มีสิ อยู่ในห้องนั้นไง” เธอชี้ไปที่ห้องเล็กๆ ด้านหลัง

 

“นั่นเป็นสินค้าที่นายข้าจ่ายเงินซื้อมา จะให้เจ้าไปได้ยังไง!”

 

“นายเจ้าซื้อแค่เจ็ด แต่เท่าที่ข้ารู้ ในนั้นมีแปด” หญิงสาวกดเสียงให้ต่ำลงแล้วนั่งยองพูดใกล้ๆ ทั้งสามคน “คราวนี้ข้าจะหักแขนหักขาพวกเจ้าแล้วจับพวกเจ้าโยนทิ้งน้ำซะ” น้ำเสียงเย็นเยียบที่ออกมา ทำให้ผู้ฟังรู้ว่าเธอกำลังเอาจริง

 

ทั้งสามคนมองกันไปมาต่างพยักหน้า ชายที่คุยกับแม่เล้าลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูห้องให้

 

“เจ้ามาเลือกเอาเองก็แล้วกัน”

 

มายาเดินไปที่ห้องเล็กๆ นั่น กวาดสายตาไปรอบๆ มีหญิงสาวแปดคนนั่งอัดกันอยู่ภายใน สภาพตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เธอไปสะดุดสายตาเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งเข้า จึงชี้นิ้วไปที่นาง

 

“นางคนนั้น”

 

ชายฉกรรจ์เข้าไปฉุดแขนนางคนที่มายาชี้บอกแล้วลากออกมาด้านนอก

 

“เอาเรือเข้าเทียบฝั่งซะ” เธอสั่ง

 

ทั้งสามคนทำตามทันทีด้วยหวังว่าจะได้ไปจากหญิงผู้นี้เร็วขึ้น

 

แต่เมื่อเรือกำลังเข้าเทียบฝั่งก็มีเสียงตะโกนของคนที่วิ่งไล่ตามกันมา มายามองไปที่ถนนเลียบแม่น้ำที่มีเพียงแสงไฟจากดวงจันทร์ฉายส่องลงมา หญิงสาวเพ่งมองไปเห็นชายผมเผ้ายุ่งเหยิงคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีชายอีกคนอยู่ และนั่นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นลูกน้องของเธอเอง

 

มายาลากหญิงคณิกาที่ตัวใหญ่กว่าเธอเล็กน้อยลงมาจากเรือ ชายฉกรรจ์สามคนที่ได้โอกาส จึงรีบช่วยกันพายเรือจ้ำอ้าวหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

 

 

“แฮก! แฮก! ทำไม...แฮก! ไม่หยุดตามสักทีเนี่ย!!!” ชายสภาพคล้ายยาจกหยุดลงตรงหน้าของมายาพร้อมทรุดเข่าลงกับพื้น

 

“เจ้านั่นแหละ หยุดวิ่งสักที ข้าขี้เกียจตามแล้ว” แชนที่เริ่มหอบเล็กน้อยพูดขึ้น

 

ไม่ทันไรก็มีหญิงสาวอีกคนวิ่งมาจากอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปราณ คนที่มายามอบหมายภารกิจให้ไปทำคู่กับแชน เธอชักดาบขึ้นมาแล้วชี้ไปทางชายที่นั่งทรุดเข่าอยู่

 

“วิ่งอ้อมไปอ้อมมาอยู่ได้ เดี๋ยวก็เชือดทิ้งซะเลยนี่!!” ปราณพูดพลางกัดฟันกรอด

 

“นี่มันอะไรกัน” มายาที่ยืนคุมตัวนางคณิกาอยู่ ถามด้วยความงุนงง

 

“แชนบอกว่า นี่คือหัวขโมยที่ท่านกำลังตามหา” ไม่ว่าเปล่า เจ้าหล่อนยังกระชากผมชายคนดังกล่าวให้เงยหน้าขึ้น

 

เมื่อใบหน้าที่มีผมเผ้ารุงรังปกปิดอยู่เผยออกมาชัดเจน แชนถึงกับต้องอุทานในใจ 'เวรแล้วไง'

 

“ไม่ใช่เจ้านี่แหะ” เขาพูดยิ้มๆ พลางเกาหัว

 

“เจ้าว่าไงนะ!!!” ปราณถามด้วยความโมโห “แล้วไอ้ที่เห็นทำท่าซ่อนไว้ในเสื้อคืออะไร!”

 

ไม่ว่าเปล่าหญิงสาวที่กำลังของขึ้นก็เตะเข้าที่ท้องของชายที่นั่งทรุดอยู่อย่างแรง ทำให้น่องไก่ชิ้นโตร่วงลงมาที่พื้น มายาที่ยืนดูอยู่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดได้ในทันที เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะรีบโบกมือไล่ชายผู้น่าสงสารคนนั้นไป

 

“เจ้ารีบไปซะ” ผู้เป็นหัวหน้าหน่วยกล่าวเสียงเย็น

 

ทันทีที่ได้ยินเขาก็ทำท่าจะวิ่งหนีแต่มายาเบรกเอาไว้ก่อน 

 

“เดี๋ยว! เอาน่องไก่เจ้าไปด้วย"

 

ชายผู้น่าสงสารจึงรีบคว้ามันแล้วออกวิ่งสุดชีวิต

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา