หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)

-

เขียนโดย Yuanjinxia

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.

  18 ตอน
  3 วิจารณ์
  5,649 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ศพที่น่าสงสาร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“พวกเจ้าทำอะไรกัน” มายาถามลูกน้องน้ำเสียงแฝงความตำหนิเล็กน้อย

 

“ข้าก็ทำตามคำสั่งของท่านไง ท่านบอกให้ข้าเฝ้าอยู่ที่หอนางโลมคอยจับตาดูคนร้าย” แชนพยายามอธิบายอย่างขัดเขิน

 

“ข้าบอกเจ้าว่า ให้คอยสังเกตคนที่หอ ดูว่าใครที่เข้าออกหอแล้วมีพิรุธ โดยเฉพาะที่ขึ้นลงจากท่าน้ำ แล้วเจ้าได้ดูตามที่ข้าบอกไหม” เธอถามเสียงเย็น

 

แชนไม่ตอบได้แต่ยิ้มและเกาหัวแก้เก้อ คนที่ทำงานพลาดไปด้วยเพราะดันไปฟังคำสั่งจากปากเพื่อนร่วมงานที่ไม่ได้เรื่องถึงกับหน้าถอดสี เธอศอกเข้าที่ท้องเขาอย่างจัง

 

“นั่นชุดจากหอนางโลมตันหยงไม่ใช่เหรอหัวหน้า นางเป็นหญิงคณิกานี่” ปราณชี้ไปที่หญิงสาวที่ยืนก้มหน้าเงียบไม่พูดไม่จามาตลอด

 

“ดูให้ดีๆ สิว่าหญิงหรือชาย” มายาผลักหญิงสาวไปด้านหน้าพร้อมกระชากผมปลอมออก

 

เมื่อใบหน้าผุดผ่องปรากฏอย่างเด่นชัดใต้แสงจันทร์เพ็ญ ลูกน้องทั้งสองก็ถึงกับตะลึงในความงามของชายหนุ่มตรงหน้า

 

แชนเดินเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วเชยคางอีกฝ่ายขึ้น “เอ๊ย! นี่มัน” เขาหันไปมองผู้เป็นหัวหน้าก่อนจะพูดต่อ “แจ็ก!!!”

 

“เอาของที่ซ่อนไว้ตรงขาออกมาซะ” มายาสั่งเสียงเข้ม

 

หญิงสาวที่ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มหน้าหวานค่อยๆ ถกกระโปรงผ้าแพรขึ้น แล้วดึงเอากระบอกไม้ไผ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งข้อนิ้ว ความยาวประมาณหนึ่งฝ่ามือออกมาช้าๆ

 

ปราณรีบไปดึงของสิ่งนั้นมาจากมือชายหนุ่ม ก่อนจะแกะออกนำม้วนกระดาษเก่าสีสนิมด้านในมาคลี่ดู

 

“ใช่แผนที่ของจริง กระดาษเก่ายุคต้นเลย” เธอรายงาน

 

“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” มายาหันมาถามชายหนุ่มนามว่าแจ็กที่ยืนก้มหน้าเงียบ “น้ำหน้าเช่นเจ้าแอบเข้าไปในหอสมุดหลวงได้ยังไง”

 

“อยากฆ่าก็ฆ่า ข้าไม่มีอะไรจะพูด!” แจ็กเค้นเสียงตอบกลับพยายามเก็บซ่อนความกลัวเอาไว้

 

“งั้นก็ตายซะ!” ปราณเงื้อดาบขึ้นเตรียมสำเร็จโทษ

 

“ช้าก่อน!!” ผู้เป็นหัวหน้ารีบเบรกลูกน้อง “ข้าว่าเจ้าคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ตัวเองขโมยมามันสำคัญขนาดไหน”

 

แควก!

 

มายาดึงมีดสั้นขึ้นมาแล้วตวัดไปบนเสื้อบริเวณหน้าอกของชายหน้าหวานจนขาดออก เผยให้เห็นแผงอกขาวเนียนเด่นชัด

 

แชนนำขวดน้ำที่พกติดตัวมาด้วยสาดเข้าใส่ยังจุดต้องสงสัย แต่กลับไม่มีสัญลักษณ์ใดปรากฏขึ้นมาอย่างที่ควรจะเป็น

 

“ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าขโมยแผนที่มาได้ยังไง แล้วจะเสี่ยงชีวิตขโมยไปทำไมในเมื่อเจ้าก็ไม่ใช่พวกกบฏ ถ้าเจ้ายอมตอบ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป” มายาถามอย่างใจเย็นเมื่อรู้ว่าหนุ่มคนนี้ไม่ใช่พวกเดียวกับกบฏ บางที่เขาอาจจะถูกจ้างวานหรือถูกหลอกใช้ในความคิดของเธอ

 

แจ็กมองใบหน้าที่จริงจังและสายตาที่นิ่งสงบของมายาอย่างพินิจพิเคราะห์ เขารู้สึกเชื่อใจหญิงผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนสับปลับ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงยอมเปิดปากเล่าย้อนเรื่องราวไปตั้งแต่อดีต

 

“แต่เดิมข้าเป็นแค่เด็กกำพร้าทำงานในโรงเชือดหมู เจ้านายข้ามักจะทุบตีและให้ข้ากินแต่เศษผักเหมือนกับหมู แม้แต่เวลานอนก็ยังตอนนอนกับหมูในเล้า” เขาเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย รู้สึกน้อยใจในโชคชะตาชีวิต “วันหนึ่งข้าเลือกจะหนีมาแล้วบังเอิญเจอกับชายคนหนึ่งเข้า เขาให้ข้าวให้น้ำให้ที่พักอาศัยข้าโดยไม่หวังอะไรตอบแทน ข้า…”

 

“ไม่มีใครให้อะไรเราโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอกนะ” แชนขัดจังหวะขึ้น

 

“มีสิ! ผู้มีพระคุณของข้าเขาไม่หวังสิ่งใด เป็นข้าเองที่เสนอตัวจะช่วยทุกสิ่งที่เขาร้องขอ” แจ็กแย้ง “เขาจึงให้ข้าไปเอากระบอกไม้นี่จากตาแก่คนหนึ่งที่หอสมุด แล้วเอาไปส่งที่เมืองซันฟลาวเวอร์”

 

“แล้วบอกไหมว่าจุดไหนของเมือง” แชนถามต่อ

 

“เขาบอกแค่ให้ข้านั่งเรือไปกับพวกนางคณิกา แล้วหาจังหวะหลบไปรอที่ร้านน้ำชา'ซุน’ ใกล้ท่าน้ำแค่นั้น”

 

“แค่นั้นเองเหรอ” แชนยังคงซักไซ้

 

“ใช่ แค่นั้นแหละ ข้าไม่ต้องทำอะไรเลยแค่ไปนั่งรอ” แจ็กบอกเท่าที่เขารู้

 

มายาที่ฟังอยู่รู้ว่าเขาไม่ได้โกหก

 

“ตกลงข้าเชื่อเจ้า บอกได้ไหมว่าชายคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วก็ตาแก่คนที่เอากระบอกนั่นให้เจ้าด้วย” มายาลองถามดู

 

“ถ้าข้าบอกท่านก็จะฆ่าเขาใช่ไหม เช่นนั้นก็ฆ่าข้าแต่เพียงผู้เดียวเถอะ” แจ็กยอมปากแข็งแค่เพียงเรื่องนี้ ชายหนุ่มไม่ยอมทรยศผู้มีพระคุณเด็ดขาด

 

มายาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้ว่าถามต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อได้รับคำสั่งมาแค่ชิงแผนที่กลับ งั้นก็ทำตามที่ได้รับมอบหมายพอ เรื่องจัดการกับกบฏ ผู้บัญชาการใหญ่คงมีแผนอยู่แล้วแน่นอน

 

“ข้าต้องการแค่แผนที่คืน เจ้ารีบไปซะเถอะ” มายากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

แจ็กมีสีหน้าแววตาเลิ่กลั่กด้วยไม่แน่ใจว่าเขาได้รับอิสรภาพจริงๆ และไม่ต้องติดคุกฐานขโมยของหลวง ชายหนุ่มค่อยๆ ถอยหลังออกมาช้าๆ อย่างหวาดระแวง เมื่อถอยออกมาพ้นวงล้อมของทั้งสามคน ก็รีบสับขาหนีไปโดยไม่คิดชีวิต

 

“จะดีเหรอหัวหน้า!! ปล่อยไปแบบนี้” แชนทักท้วงพลางเต้นเร่าๆ อย่างขัดใจเป็นที่สุด

 

มายาไม่สนใจท่าท่างของลูกน้อง หญิงสาวเดินมารับเอาแผนที่จากมือของปราณถือเอาไว้กับตัว

 

“ถ้าเป็นข้าจะจับเจ้านั่นไปล่อให้พวกกบฏออกมา แล้วจัดการทีเดียว รับรองว่าต้องเป็นผลงานชิ้นโบแดง จะต้องได้หน้า ได้รางวัลใหญ่แน่!” น้ำเสียงชายหนุ่มแฝงความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของหัวหน้าตนเอง เขาทุบกำปั้นลงบนฝ่ามืออีกข้าง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง

 

“งั้นเจ้าก็ลาออกจากหน่วยของข้า แล้วไปอยู่กับพวกพยัคฆ์กร้าวซะสิ จะได้ทำผลงานได้เต็มที่ ดีไหม” มายากล่าวกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกไร้ความโกรธาใดๆ แต่ทำเอาคนฟังใจหวิวและเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก

 

แชนรู้สึกว่าตัวเขาเองกำลังล้ำเส้นอยู่หรือเปล่าจากการพยายามจะขัดคำสั่งของหญิงสาวเมื่อครู่ เขาไม่ควรจะสงสัยในคำสั่งของเธอและไม่ควรจะแสดงกิริยาไม่เหมาะสม แม้แต่ปราณเองยังรู้ตัวว่าคราวนี้แชนสมควรถูกตำหนิอย่างจริงจังสักครั้ง

 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นขบวนเดินทางของหน่วยลับทั้งสามก็จัดสัมภาระเตรียมเดินทางไกลกลับเมืองหลวง บรรยากาศยังเป็นไปด้วยความเงียบหลังจากที่มายาไม่ได้เอ่ยปากพูดคุยใดๆ กับแชนเลยตั้งแต่เมื่อวาน

 

“คิดว่าหัวหน้าจะหายโกรธข้าหรือยัง” แชนที่นั่งคอตก ถามปราณที่กำลังตรวจสัมภาระก่อนกลับ

 

“หัวหน้าไม่โกรธคนซื่อบื้ออย่างเจ้าหรอก นางเป็นคนที่ทำอะไรมีเหตุมีผล แค่หัดสงบปากสงบคำ ไม่ทำนอกเหนือคำสั่งก็พอแล้ว” เธอส่ายหัวเอือมระอาให้กับเพื่อนร่วมหน่วยตนเอง

 

มายาเดินมาหาทั้งคู่ที่นั่งรออยู่ที่รถม้าพร้อมจดหมายหนึ่งฉบับยื่นให้ปราณ บนครั่งประทับตรามังกรอันเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยที่เธอสังกัดอยู่

 

“ส่งนี่ไปให้ท่านผู้บัญชาการ อ้อ! แล้วก็อย่าลืมส่งจดหมายไปหาพวกอินทรีเงาให้ตรวจสอบแม่เล้าเหวินด้วย”

 

หญิงสาวผมสั้น ทำตามคำสั่งผู้เป็นหัวหน้าทันที โดยทุกหน่วยจะใช้นกเค้าแก้วและนกเค้าหินที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีให้ทำการส่งจดหมาย ผ่านสัญญาณเสียงกระดิ่งที่ทำขึ้นพิเศษและการดมกลิ่นเพื่อหาทางกลับ ไม่ว่าผู้รับจะอยู่ที่ไหนก็สามารถส่งได้ถึงที่ตามสัญญาณเสียงที่ได้รับ ซึ่งแต่ละหน่วยจะมีกระดิ่งที่ส่งความถี่เสียงได้แตกต่างกัน รวมไปถึงรูปแบบการสั่นเพื่อความแม่นยำในแต่ละภารกิจอีกด้วย

 

คณะเดินทางของมายากำลังมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือเพื่อเดินทางสู่รัฐ จันทรา ซึ่งเป็นรัฐที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรอนันตรา อาณาจักรที่กินพื้นที่เกือบทั้งทวีปอนาเซีย เกิดขึ้นหลังจากการรวบรวมดินแดนของทุกเผ่าพันธุ์เข้าด้วยกัน

 

แต่ก่อนจะเดินทางเข้าสู่รัฐจันทราต้องผ่านเมืองที่มีชื่อว่า เมืองดาเลีย ซึ่งยังอยู่ในเขตของรัฐฟลาวเวอร์ และยังต้องใช้เวลาอีกนานหลายวันกว่าจะถึงที่หมาย

 

 

 

เมืองดาเลีย

 

เมืองดาเลียเป็นอีกเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นสรวงสวรรค์ของนักเดินทาง ที่นี่ไม่ได้เด่นเรื่องของสถานบันเทิงเริงรมย์แต่เป็นเมืองแห่งการพักผ่อนสำหรับคนเมืองที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย ด้วยบรรยากาศที่เย็นสบายตลอดปี หน้าร้อนก็ไม่ร้อนจัด หน้าหนาวก็ไม่มีหิมะมากวนใจ ไหนจะสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ปลูกไว้เพื่อส่งออก แถมยังเป็นแหล่งผลิตน้ำผึ้งขนาดใหญ่สุดในอาณาจักร ถึงขนาดมีชื่อเรียกเล่นๆ ให้เมืองนี้ว่า สวนของพระเจ้า

 

“ข้าชอบเมืองนี้จริงๆ ถึงจะเคยมาหลายครั้ง แต่ก็ยังประทับใจทุกครั้งที่มา” แชนเอ่ยขึ้น หลังจากนั่งเงียบมานาน พร้อมโดดลงมายืดเส้นยืดสาย

 

“ข้าจะไปดูที่พักให้” ปราณรับอาสาแล้วเดินนำหน้าไปก่อน

 

มายาพยักหน้ารับก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้องอีกคนอย่างรู้ความคิดของอีกฝ่าย

 

“ข้าไม่ได้โกรธเจ้า แต่เราต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก่อน ซึ่งก็คือการนำแผนที่สำคัญไปคืน” เธอกล่าวอย่างใจเย็น “มันมีเหตุผลที่เราไม่อาจยุ่งเรื่องพวกกบฏได้ในตอนนี้”

 

“ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านลำบากใจ” แชนกล่าวอย่างสำนึกผิด

 

“เป็นคำสั่งจากท่านผู้บัญชาการออตโต้ ต่อไปนี้การกำจัดพวกกบฏให้เป็นหน้าที่ของหน่วยพยัคฆ์กร้าวเท่านั้น”

 

“ทำไมท่านไม่เคยบอกเรื่องนี้ กับพวกข้าเลย”

 

“เพิ่งได้รับคำสั่งก่อนจะมาทำภารกิจ แล้วก็ยังไม่มีโอกาสบอก อันที่จริงข้าตั้งใจจะรอถามท่านผู้บัญชาการอีกครั้งให้ทบทวนคำสั่งนี้หลังจากกลับไป ค่อยบอกทุกคนทีหลัง”

 

เธอเดินมาตบบ่าลูกน้องเบาๆ ก่อนจะเดินไปทางปราณที่กำลังหาที่พักอยู่

 

 

 

โรงเตี๊ยมแห่งสัจจะ

 

หลังจากที่ทั้งสามคนช่วยกันหาที่พักในเมือง ในที่สุดก็ได้เจอโรงเตี้ยมชั้นยอดพร้อมอาหารสุดเลิศรส แม้คนในร้านจะไม่ค่อยเยอะมากแต่อาหารรสชาติดีสุดๆ จนชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับปราณถึงกับต้องสั่งจานที่สามมากิน

 

“เถ้าแก่! แพะตุ๋นซอสกระเทียมอีกหนึ่งจาน!” เขายกมือเรียกเจ้าของร้าน “นี่หัวหน้า ท่านต้องลองจานนี้อร่อยจริงๆ นะ”

 

“เจ้ากินเถอะ ข้าอิ่มแล้ว” มายาตอบพร้อมยิ้มเล็กน้อย

 

ปราณถึงกับส่ายหัวให้กับความกินจุของเพื่อนรวมหน่วย เพราะคนที่จ่ายค่ากินให้เขาทุกครั้งก็คือหัวหน้า ที่แม้ภายนอกจะดูไม่ค่อยสนใจใคร แต่แท้จริงแล้วมักจะใจดีและเอ็นดูลูกน้องอย่างพวกเธอเสมอ

 

“กรี๊ด!!!”

 

มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นภายนอกร้าน ตามมาด้วยเสียงของผู้คนตะโกนโหวกเหวกจนฟังไม่ได้ศัพท์

 

สามคนที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่หันไปมองที่ประตูพร้อมกัน มายาที่ทานอิ่มแล้วเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นเดินออกไปดู

 

 

 

เลยร้านอาหารไปประมาณสองช่วงตึก มีฝูงชนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ มายาเห็นดังนั้นจึงแหวกฝูงชนเข้าไปมองใกล้ๆ สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทุกคนแลดูน่าอดสูและน่าเวทนา

 

ศพของหญิงสาวผู้หนึ่งนอนตายอยู่ในตรอก เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ตามร่างกายมีรอยสีม่วงคล้ำเป็นจ้ำทั่วไปหมด แขนขาผิดรูปคล้ายโดนทุบหรือโดนหัก กะโหลกศีรษะยุบลงไป ใบหน้าช้ำเลือดแลดูบิดเบี้ยว ดวงตาถลนออกมาหนึ่งข้าง จากสภาพศพ ก่อนตายเธอคงทรมานอย่างสาหัส

 

“เกิดอะไรขึ้นหัวหน้า” แชนที่ตามมาด้วย ถามทั้งที่ปากยังเคี้ยวเนื้อแพะอยู่

 

ปราณที่เดินตามมาเช่นกันชะโงกหน้ามองเข้าไปในตรอก เมื่อเห็นสภาพน่าเวทนาของศพหญิงสาวถึงกับเม้มปากแน่นแล้วเบือนหน้าหนี

 

“ใครกันอำมหิตถึงเพียงนี้ จะฆ่าคนทั้งทีทำไมไม่เชือดทีเดียวไปเลย” ปราณกัดฟันพูดด้วยความโกรธ

 

“ถึงจะน่าสงสาร แต่การหาตัวคนร้ายเป็นหน้าที่ของพวกมือปราบ” มายากล่าวพร้อมหันหลังกลับ

 

แต่ก่อนที่เท้าจะก้าวออกไปเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเหลือบไปเห็นชายผู้หนึ่งที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังฝูงชนฝั่งตรงข้าม แต่เพียงแวบเดียวเขาก็หายไปจากตรงนั้น

 

“ท่านมองหาใครเหรอ” แชนถามขึ้นพยายามมองไปทางที่ผู้เป็นหัวหน้ามอง

 

“คนของหน่วยพยัคฆ์กร้าว!” คำตอบนั้นเล่นเอาลูกน้องทั้งสองนิ่งเงียบไปทันที

 

 

 

“ข้าเห็นท่านเงียบไปตั้งแต่เมื่อครู่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ปราณที่คอยสังเกตอยู่ถามด้วยความเป็นห่วง

 

“สรุปคือพวกนั้นกลับมากันแล้วสินะ แล้วคนที่ท่านเห็นเป็นใครกัน” แชนที่นั่งกอดอกอยู่ที่พื้นถามอย่างหงุดหงิด

 

“เจ้านั่นชื่อ มอร์แกน ฉายากำปั้นเหล็ก ถึงจะไม่มีตำแหน่งอะไรในหน่วยแต่ก็เป็นคนหนึ่งที่มีฝีมือพอสมควร”

 

“ท่านสงสัยว่ามันจะเกี่ยวกันใช่ไหม” แชนถามอย่างเดาความคิดได้

 

“ดูจากสภาพศพที่ตายอยู่ในตรอกนั้น คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญกับที่เจ้านั่นโผล่มาพอดี” มายากอดอก คิ้วของเธอขมวดมุ่น “ช่างเถอะพรุ่งนี้เดินทางต่อเหมือนเดิม”

 

ลูกน้องทั้งสองมองสบตากัน เรื่องของต่างหน่วยพวกเธอไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอยู่แล้ว ต่อให้คนชื่อมอร์แกนฆ่าคนจริงๆ ทางการก็เอาผิดอะไรไม่ได้ และพวกเธอก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา