หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)
เขียนโดย Yuanjinxia
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.
แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) เปลี่ยนแปลงภารกิจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอนันตนคร
อนันตนครเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของเผ่าพันธุ์มณีมาน มีชื่อว่า 'มหานครมณีจินดา’ ที่ล่มสลายไปเมื่อนานมาแล้ว ปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอนันตราที่สถาปนาขึ้นหลังจบสงครามเทพพิโรธ
สิ่งก่อสร้างของเมืองนี้ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายของยุคเก่า บางตึกมีอายุนับพันปีถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยมณีมานยังเรืองอำนาจ ตึกเก่าหลายตึกมีความยิ่งใหญ่คล้ายดั่งคฤหาสน์มหาเศรษฐีกระจายอยู่ทั่วทั้งเมือง บ่งบอกได้ถึงความร่ำรวยมั่งคั่งของคนยุคก่อน
ในปัจจุบันได้ทำการปรับปรุงผังเมืองใหม่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจนขึ้น โดยมีสถานที่ราชการต่างๆ รวมถึงสวนสาธารณะขนาดพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตาทางทิศตะวันตก มีแหล่งงานศิลปะชั้นเอก งานหัตถกรรม สิ่งทอสุดหรูหรา รวมไปถึงหอสมุดหลวงขนาดใหญ่โตเจ็ดชั้นที่จุหนังสือได้นับล้านเล่มทางทิศตะวันออก ย่านโลกีย์ที่เป็นแหล่งรวมความบันเทิงทุกรูปแบบอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนทิศใต้เป็นพื้นที่ทางการเกษตร รวมถึงตลาด 'นับอนันต์' ที่กินพื้นที่กว้างมหาศาลครอบคลุมไปยังเมืองลุ่มน้ำเขียวที่อยู่ติดกัน มีร้านค้านับแสนร้านขายสินค้าทุกชนิดเท่าที่จะหามาขายได้ในอาณาจักร
ตลอดสองข้างทางที่เกวียนของมายาแล่นผ่านเต็มไปด้วยเกวียนสินค้าและผู้คนที่ออกมาเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก ในบรรดาร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนมปัง ร้านเครื่องประดับและร้านเสื้อผ้า ถือเป็นร้านยอดฮิตอันดับต้นๆ เนื่องจากมีจำนวนร้านเปิดขายมากที่สุดในเมือง ด้วยกำลังซื้อที่มีมากกว่าเมืองอื่นๆ ทำให้สินค้าที่นี่มีราคาแพงมาก แต่คุณภาพที่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่าเช่นกัน
พื้นถนนของเมืองอื่นรอบนอกส่วนใหญ่ยังคงเป็นทางลาดหิน ทางลาดดินหรือทางลูกรังผสมปนเปกัน แต่สำหรับที่เมืองแห่งนี้นั้น ทุกตรอกซอกซอยทั่วทั้งเมืองถูกเทด้วยคอนกรีต บางจุดก็ปูด้วยอิฐบล็อก บ่งบอกให้รู้ว่าที่นี่คือดินแดนศิวิไลซ์ของอาณาจักรอย่างแท้จริง
เป้าหมายของคณะเดินทางมายาคือตึกประจำการ ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองไม่ไกลจากวังหลวง
ตึกดราโกไนต์
ตึกที่ใช้เป็นตึกประจำการหลักของหน่วยมังกรทมิฬเป็นแบบทรงกระบอก มีชื่อว่าตึก 'ดราโกไนต์' ประกอบด้วยสามชั้นหลัก ชั้นแรกเป็นห้องโถงกว้างสุดมักใช้เป็นที่ประชุมหรือระดมพลของหน่วย ชั้นที่สองเป็นห้องทำงานทั่วไป ห้องวางแผนและห้องเก็บหนังสือรวมถึงเอกสารราชการต่างๆ ชั้นที่สามเป็นห้องทำงานของหัวหน้าหน่วย ซึ่งในขณะนี้ก็คือมายา มีห้องเก็บเอกสารลับที่สำคัญ ห้องการเงินและการคลังรวมอยู่ด้วย มีบันไดวนขึ้นไปหอคอยสังเกตการณ์ด้านบนแต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งาน
“รอบนี้หัวหน้าไปนานมาก คิดถึงจริงๆ” ชายหนุ่มน้องเล็กอีกคนของหน่วย ผู้มีผมสีดำเข้มและแผลเป็นใหญ่ที่ตาซ้ายนามว่าลุคเอ่ยขึ้น เขามีท่าทางตื่นเต้นสุดขีด จนเดินวนไปรอบห้องไม่หยุด
“อยู่นิ่งๆ ได้ไหม!” ปราณหันไปแยกเขี้ยวใส่ คอยปรามไม่ให้ลุคเผลอทำเรื่องน่าปวดหัวตอนหัวหน้ากลับมา
“จะมีของมาฝากไหมนะ” มิกกี้ที่กำลังนั่งกอดหมอนสีชมพูใบเล็กชะเง้อคอมองทางเข้าประตูใหญ่ของตึกอย่างใจจดใจจ่อ
“อลินได้ไปทำงานกับหัวหน้าเป็นครั้งแรก โชคดีจริงๆ” เลโอกล่าวอย่างนึกอิจฉาเนื่องจากเขาไม่ได้ติดตามหัวหน้าไปทำงานด้วยนานนับปีแล้ว ยิ่งช่วงนี้ต้องมาทำหน้าที่กึ่งพี่เลี้ยงให้กับคนข้างๆ ยิ่งทำให้หนุ่มหน้าบูดผู้นี้ หน้าบูดขึ้นไปอีก
“อยากมีโอกาสแบบนั้นบ้างจังเลยนะคะ” มีนาที่เพิ่งเข้ามาไม่นานก็อยากจะพัฒนาฝีมือตนเองเช่นกัน จึงได้แต่เฝ้าฝันรอโอกาสที่จะได้ลงภาคสนามกับคนที่เป็นตำนานอย่างหัวหน้าของตน ผู้ซึ่งถูกบันทึกชื่อเอาไว้อันดับหนึ่งของเด็กฝึกที่มีคะแนนสูงสุดตลอดกาล
ไม่นานก็มีเงาของบุคคลสามคนทอดผ่านประตูใหญ่เข้ามาในโถงของตึก บ่งบอกว่ากลุ่มคนที่พวกเขารอคอยมาถึงแล้ว
“หัวหน้ากลับมาแล้ว!”
“ภารกิจเป็นยังไงบ้างคะหัวหน้า”
“หัวหน้าครับ!”
“สวัสดีหัวหน้า”
“การเดินทางราบรื่นไหมคะหัวหน้า”
เสียงทักทายจากลูกน้องในหน่วยของมายาดังมาจากทุกทิศของห้องโถง เห็นได้ชัดว่าเธอได้รับความเคารพรักจากลูกน้องมากแค่ไหน เธอยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตอบกลับไป
“อืมก็ดี ทุกคนสบายดีนะ”
“แหม่ ไม่เจอกันตั้งเกือบสองเดือน พวกเจ้าไม่คิดถึงข้ากันบ้างเหรอ เรียกหากันแต่หัวหน้าๆ” แชนแกล้งทำน้ำเสียงประชดประชัน แต่แฝงไปด้วยความตลกขบขัน
ป้าบ!!
ปราณตบป้าบเข้าที่หลังของคนพูดมากเสียงดังเป็นการเตือน
“เป็นยังไงกันบ้างเด็กๆ สบายดีนะ” น้ำเสียงละมุนอบอุ่นนี้เป็นของผู้อาวุโสเบตตี้ หญิงวัยกลางคนผมยาวที่เริ่มมีสีดอกเลาแซมขึ้นมาให้เห็น เธอมองเด็กรุ่นใหม่ในหน่วยด้วยความเอ็นดู
“ท่านป้าเบตตี้ อลินมีของฝากมาให้ท่านด้วย” มายาดันหลังลูกน้องให้นำของไปฝากผู้อาวุโสตรงหน้า
“อ้า ลูกอมรสกาแฟโสมของโปรดข้า” เบตตี้เดินเข้าไปรับถุงขนมที่ชายตัวเล็กยื่นให้ “กินแล้วมันกระชุ่มกระชวย” เธอยิ้มจนริ้วรอยบนใบหน้าเห็นเป็นร่องชัดเจน
“หัวหน้า” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากปากของชายวัยกลางคนที่เพิ่งเดินลงบันไดมา เขาค้อมศีรษะให้มายาด้วยท่าทางเคารพ
“ท่านลุงศิลา” มายาหันไปมองผู้มีวัยวุฒิสูงกว่า แต่มีตำแหน่งเป็นแค่รองหัวหน้าหน่วย แม้ว่าจะอยู่มานานกว่าเธอก็ตาม
“นี่ของท่าน เพิ่งมาถึงเมื่อครู่” ชายวัยกลางคนนามว่าศิลา ผู้แต่งตัวเนี้ยบตลอดเวลายื่นซองจดหมายให้หญิงสาว
มายารับมาพินิจ บนครั่งประทับตราสัญลักษณ์ของสัตว์สี่ชนิด มังกร อินทรี พยัคฆ์และเต่า บ่งบอกให้รู้ว่าจดหมายฉบับนี้ส่งมาจากศูนย์บัญชาการใหญ่
“ข้าต้องเข้าพบผู้บัญชาการด่วน” เธอบอกลูกน้องทุกคน “แชน เจ้าช่วยเขียนรายงานภารกิจแทนข้าที”
“รับทราบครับหัวหน้า” ชายหนุ่มทำท่าตะเบ๊ะคล้ายทหารพลางส่งยิ้มหวานจนตาหยี
วังหลวง ที่ตั้งตึกบัญชาการใหญ่
ตึกดราโกไนต์ของหน่วยมังกรทมิฬอยู่ไม่ไกลจากทิศใต้ของวังหลวง โดยตึกของหน่วยลับทั้งสี่จะประจำการอยู่ทั้งสี่ทิศของวัง ส่วนตึกบัญชาการหลักจะอยู่ในรั้วของวังทองคำ ซึ่งขึ้นตรงต่อราชวงศ์อนันตราเท่านั้นและจะไม่ถูกตรวจสอบจากหน่วยราชการอื่น
มายาขี่ม้าเหยาะๆ มาจนถึงประตูทางเข้าวัง หญิงสาวต้องลงจากม้าและเดินจูงผ่านประตู โดยต้องตรวจสอบตราประจำตัว เขียนชื่อและสังกัดให้ถูกต้อง รวมถึงเขียนเหตุผลที่ขอผ่านทางให้ชัดเจน การตรวจตราเป็นไปอย่างละเอียด อาวุธทุกชนิดที่นำติดตัวมาต้องแจ้งและลงทะเบียนให้ครบถ้วน
เมื่อเข้ามาด้านในความอลังการของสิ่งก่อสร้างที่ถูกซ่อนอยู่ภายในรั้วทองคำสูงใหญ่ก็ปรากฏอย่างเด่นชัด
วังหลวงกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีเรือนพำนักน้อยใหญ่โดยรอบ ทั้งหมดฉาบด้วยทองคำแท้ มีน้ำตกขนาดเล็กและสวนดอกไม้งดงามขนาดใหญ่ ที่ปลูกแทบทุกชนิดเท่าที่อากาศเมืองเหนือจะเอื้ออำนวย ทหารและนางกำนัลเดินกันให้ขวักไขว่ แต่ละนางแต่งตัวงดงามอ่อนช้อยเดินถือพานใส่สิ่งของไปตามตำหนักต่างๆ ผีเสื้อฝูงใหญ่ที่บินวนทำให้รู้เหมือนเดินอยู่บนสรวงสวรรค์ก็มิปาน มองไปจะเห็นโดมสีทองขนาดใหญ่มหึมาเป็นที่พำนักของกษัตริย์อยู่ไกลลิบตา
หญิงสาวไม่สนใจจะชื่นชมสิ่งอลังการรอบตัวเหล่านี้ เธอเดินผ่านสวนดอกไม้ตรงไปยังตึกหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการใหญ่อย่างคุ้นเคย
ตึกบัญชาการใหญ่
เบื้องหน้าของมายาเป็นตึกขนาดใหญ่รูปทรงสี่เหลี่ยมสูงสี่ชั้นครึ่ง แม้การตกแต่งภายนอกจะไม่ได้ดูหรูหราเหมือนสิ่งก่อสร้างอื่นในวัง แต่หน่วยรักษาการณ์ของที่นี่ก็น่าเกรงขามไม่แพ้ทหารหลวง
“ข้ามาพบท่านผู้บัญชาการ” มายาบอกผู้คุมตึกเมื่อมาถึงที่หมาย
“ท่านออตโต้กำลังให้อาหารนกอยู่หลังตึก” ชายวัยกลางคนแต่งตัวด้วยผ้าคลุมสีแดงตอบเธอ
หน่วยรักษาการณ์ชุดแดงทุกคนขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการใหญ่และไม่สังกัดหน่วยลับใดๆ พวกเขาทุกคนถูกคัดเลือกโดยตรงจากออตโต้ มีฝีมืออยู่ในระดับเดียวกับหัวหน้าหน่วยทั้งสี่
“ขอบคุณ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณแล้วเดินตรงไปยังจุดที่หน่วยรักษาการณ์แจ้ง
ด้านหลังตึกบัญชาการมีคอกเลี้ยงม้าชั้นดีและกรงนกขนาดยักษ์สำหรับใช้เพาะพันธุ์นกเค้าสื่อสารสองสายพันธุ์ ได้แก่ นกเค้าแก้วและนกเค้าหิน เบื้องหน้าของมายาปรากฏภาพของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่แลดูน่าเกรงขาม ผมสีน้ำตาลเข้มมีสีขาวแซมประปราย เมื่อเห็นว่ามีแขกมาเยือน ชายผู้มีอำนาจสูงสุดที่ควบคุมหน่วยลับทั้งสี่นามว่าออตโต้ก็ละมือจากกรงนกเค้าเดินเข้ามาหา
“เจ้ามาทำอะไร” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่แฝงไปด้วยความดุดันจับจ้องมาที่หญิงสาวตรงหน้า
“ท่านเป็นคนสั่งให้ข้ามาพบ” มายาตอบเสียงเรียบเฉยไม่มีท่าทีหวั่นเกรง
“อ้าวเหรอ ฮ่าฮ่า” ออตโต้หัวเราะขบขันเมื่อมองใบหน้าเย็นชาของเด็กสาวที่เขาอุ้มชูมาอย่างนึกเอ็นดู
“คุยตรงนี้เลยได้ไหม ข้าขี้เกียจเดินไปห้องทำงาน” เขาบอกพลางไปหยิบเอาถุงใส่อาหารมาโยนให้นกต่อ “เจ้าดูสิแม้ตาของมันจะมองไม่ชัดแต่ก็ยังรู้ว่าข้าโยนอาหารไว้ตรงไหน”
“นกเค้าแก้วมองเห็นได้ตอนกลางวัน” หญิงสาวตอบกลับเสียงราบเรียบ
“แต่นกเค้าหินมันมองไม่เห็นหรือเห็นแค่รางๆ เท่านั้น” ออตโต้พูดโดยไม่หันมามองเธอ
“เมื่อไม่มีตาก็ใช้หู เมื่อไม่มีหูก็ใช้จมูก เมื่อไม่มีจมูกก็ใช้ลิ้น เมื่อไม่มีลิ้นก็ให้ใช้กายและใจ จงใช้ประสาทสัมผัสทุกรูปแบบเพื่อตอบสนองต่อทุกสิ่งเร้ารอบตัว คอยติดตามและสังเกต เพื่อล่าเหยื่อและเอาตัวรอด” มายาท่องบทเรียนบทหนึ่งที่เคยร่ำเรียนมาอย่างคล่องแคล่ว
“ดีมาก! ดีมาก!” ออตโต้หันมายิ้มอย่างถูกใจ “เจ้าจำทุกสิ่งที่ข้าสอนได้ทั้งหมด เป็นลูกศิษย์ที่ความจำดีและเก่งที่สุดของข้าเลยจริงๆ ฮ่าฮ่า” เขาชื่นชมเธอ
“มีคนที่ความจำดีและเก่งกว่าข้า”
“อืมจริงด้วย เคยมีอยู่คนหนึ่ง” ออตโต้พึมพำ
“ท่านเรียกข้ามาพบวันนี้ มีเรื่องอะไรเหรอ”
“ถึงข้าจะชอบวิธีการทำงานของเจ้า แต่ว่า...ต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องยุ่งเรื่องพวกกบฏอีกแล้ว” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหันมามองหญิงสาวอย่างจริงจัง ท่าทางของเขากลับมาดุดันน่าเกรงขามอีกครั้งเมื่อกลับเข้าเรื่องงาน
“ข้ารับทราบแล้ว” มายาตอบรับอย่างว่าง่าย
“ข้าจะเรียกอาเธอร์กลับมา”
ประโยคถัดมาของออตโต้ทำเอาคนฟังสะดุดกึก สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนไป คิ้วเรียวงามขมวดโดยพลัน
“ข้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของพวกเจ้าทั้งสองหน่วยใหม่ ตอนนี้ทางเหนือของอาณาจักรเราสงบลงกว่าเดิม ข้าจะให้หน่วยพยัคฆ์กร้าวกลับมาทำหน้าที่นี้แทน”
“ข้าเชื่อฟังคำสั่งท่านเสมอ แต่ข้าคิดว่าหากหน่วยพยัคฆ์กร้าวกลับมาเกรงว่าทางเหนือ...”
“อืม” ออตโต้ยกมือขึ้นห้ามด้วยรู้ว่าหญิงสาวกำลังจะพูดอะไร “ข้าไม่ได้เรียกกลับมาทุกคน ให้อาเธอร์เลือกคนที่มีฝีมืออยู่รักษาการณ์ช่วยทหารที่ชายแดนต่อไป”
มายายืนนิ่งเงียบ ปกติเธอจะทำตามคำสั่งโดยไม่มีคำถามแต่ครั้งนี้ดูจะแปลกอยู่สักหน่อย ด้วยหน่วยพยัคฆ์กร้าวถูกฝึกมาคนละแบบกับหน่วยของเธอ พวกเขาเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่คุ้นชินกับการจัดการเป้าหมายรายคน เกรงว่าจะสร้างปัญหาขึ้นอีก
“ขออภัยแต่ครั้งนี้ข้าไม่เห็นด้วย” หญิงสาวเอ่ยปากไปตามสิ่งที่ตนคิดหลังจากวิเคราะห์แล้วว่าคงไม่เป็นผลดี
“ข้าแค่เรียกเจ้ามาบอก ไม่ได้เรียกมาขอความคิดเห็น!” ออตโต้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเข้ม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอต้องทำตามอย่างไม่มีข้อแม้
“แล้วงานของหน่วยข้าต่อจากนี้คืออะไร”
“ก็จิปาถะทั่วไป งานไหนพวกมือปราบจัดการกันเองไม่ได้ เจ้าก็เอาไปทำ”
“เรื่องกบฏ ข้ายังมีคำถาม”
“พอ! ไม่ให้ถาม ข้าจะไปเลี้ยงม้าต่อ” ออตโต้ตัดบท แม้มายาจะเป็นลูกศิษย์ที่เขาเอ็นดูมากที่สุด แต่หญิงสาวฉลาดเกินไปจนบางทีเขาต้องรีบตัดบทไล่ เพื่อเลี่ยงคำถามที่ไม่อยากตอบ
มายายังคงไม่ไปไหน นี่เป็นคำสั่งที่เธอไม่เห็นด้วยและปรารถนาจะคัดค้านแต่ไม่สามารถกระทำได้ การเรียกหน่วยพยัคฆ์กร้าวกลับมาคงไม่เป็นผลดีแน่นอนในความคิดของเธอ
หญิงสาวยืนรอออตโต้ให้อาหารม้าอยู่นานแต่ไม่เป็นผล เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมผละออกมาจากคอก เธอถอนหายใจหนัก เมื่อไม่มีทางเลือกก็จำใจต้องยอมถอยกลับออกมาก่อน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ