หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)

-

เขียนโดย Yuanjinxia

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.

  18 ตอน
  3 วิจารณ์
  8,420 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) หัวหน้ากำลังจะกลับมา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

สถานบันเทิงอีสตันบาร์

 

อีสตันบาร์เป็นหนึ่งในสถานบันเทิงขนาดเล็กทางทิศตะวันออกของเมืองหลวงอนันตนคร ผู้คนที่มาใช้บริการไม่ถือว่ากระเป๋าหนักมากแต่ก็พอสู้ราคาค่าตัวสาวๆ ในร้านได้

 

“ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ” น้ำเสียงหวานละมุ่นทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อนต้องรีบหันไปมอง

 

หญิงสาวผมสั้นสีดำ ดวงตาดำขลับเป็นประกาย ปากอวบอิ่มทาลิปสติกสีแดงเรื่อ เจ้าหล่อนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นตามแบบของหญิงบริการ มาขอนั่งใกล้ชิดกับแขกตามปกติ

 

แขกผู้มีใบหน้าปรุประมองสาวสวยที่มานั่งข้างๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตา ด้วยความที่ชายหนุ่มมีใบหน้าที่ดูดุดันจนเกินไป ทำให้ไม่เคยมีสาวคนไหนเป็นฝ่ายเสนอตัวก่อน แม้เขาจะเสนอเงินให้ก่อนในบางครั้งก็ยังถูกปฏิเสธกลับมา

 

“เชิญครับ” ชายผู้มีโชคส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์กลับไป

 

“ชื่ออะไรคะ ข้าชื่อปราณ” สาวสวยนามว่าปราณส่งยิ้มยั่วยวน ทำเอาใจคนมองเต้นไม่เป็นส่ำ

 

“เรียกข้าว่าฮาชิก็ได้” 

 

“เป็นคนใต้เหรอคะ จากบ้านมาไกลเลยนะ” หญิงสาวพยายามชวนคุย

 

“ข้าเกิดที่เมืองหลวง แต่แม่เป็นคนใต้” ฮาชิตอบพลางส่งสายตาหยาดเยิ้มกลับไป

 

“ข้าชอบหนุ่มใต้นะ ถึงเป็นลูกครึ่งข้าก็ชอบ” ปราณขยิบตาให้ ทำเอาใจของอีกฝ่ายแทบจะเด้งหลุดออกมานอกอก

 

“ไม่รู้ว่าเจ้ามาเที่ยวเฉยๆ หรือทำงานที่นี่ ปกติข้ามาไม่เคยเจอเจ้าเลย” ฮาชิถามอ้อมแอ้มแฝงความนัยบางอย่าง

 

ปราณที่รู้ทันอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรจึงไม่มัวโยกโย้รีบเสนอราคาค่าตัวไปทันที

 

“ดื่มเป็นเพื่อนเฉยๆ ห้าเงิน มากกว่าดื่มยี่สิบเงิน” ไม่ว่าเปล่าสาวเจ้ายังจับมือหนาของอีกฝ่ายมาสัมผัสที่ต้นขาของตน บ่งบอกว่าหากชายหนุ่มต้องการสัมผัสเรือนร่างมากกว่านี้ก็ต้องจ่ายเพิ่ม

 

ชายฉกรรจ์ที่ถูกกระตุ้นเข้าให้ ทำได้แค่กลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ อะไรบางอย่างที่ไม่ควรตื่นก็ได้ตื่นขึ้นแล้วในตอนนี้

 

“แต่...ถ้าอยากได้แบบเนื้อๆ เน้นๆ กว่านี้ ข้าคิดห้าสิบเงิน” ไม่ว่าเปล่าเธอยังเอื้อมมือไปสัมผัสริมฝีปากหนาของอีกฝ่ายต่อ “แต่เห็นแก่ความน่ารักของเจ้า ข้าจะลดให้เหลือสี่สิบ”

 

ฮาชิแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดต่อ ชายหนุ่มยอมทุ่มให้ทั้งตัวด้วยซ้ำขอเพียงได้ร่วมขึ้นสรวงสวรรค์ไปพร้อมกับแม่สาวพราวเสน่ห์ผู้นี้สักคืน เขาควักกระเป๋าจ่ายจนแห้ง แม้ว่าเงินนั่นจะมากพอเกือบเท่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเขาเลยก็ตาม

 

 

 

คุกหลวงป้อมทิศตะวันตก

 

“ไม่มีใครมาแน่นะ” เสียงอ่อนหวานของปราณที่กระซิบคลอเคลียอยู่ข้างหูทำเอาคนฟังเคลิบเคลิ้มจนแทบอดใจไม่ไหว

 

คุกหลวงได้ชื่อนี้เพราะเป็นคุกที่อยู่ใกล้วังหลวงที่สุด ถือเป็นคุกขนาดกลางสำหรับจองจำนักโทษคดีไม่ร้ายแรง แต่มีระยะรับโทษที่นานเกินกว่าห้าปีขึ้นไป การตรวจตราถือว่าเข้มงวดพอสมควร ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจขวางทางยามรักษาการณ์วัยฉกรรจ์ที่กำลังกลัดมันจนได้ที่ ที่ยอมลงทุนควักกระเป๋าติดสินบนเพื่อน เพื่อให้ได้อยู่กับนางในฝันสองต่อสองในป้อมประจำการ

 

“หุ่นเจ้าดีจริงๆ เนื้อตัวก็หอมเสียยิ่งกว่าดอกไม้ทุกดอกในโลกที่ข้าเคยดม” ชายหนุ่มเอาหน้ามาซุกไซร้ที่แก้มเนียนของอีกฝ่าย หวังจะให้คุ้มกับค่าเงินที่เขาจ่ายไป

 

"เจ้าเคยดมดอกไม้ทั้งโลกแล้วเหรอ" ปราณทำท่าเขินอายพยายามเบี่ยงใบหน้าหวานหลบเต็มที่ "มาเล่นอะไรสนุกๆ กันก่อนดีไหมคะ” ไม่ว่าเปล่าสาวเจ้ายังผลักให้ชายผู้กำลังเคลิบเคลิ้มนอนราบไปกับพื้นก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมเขาเอาไว้

 

ท่าทางยั่วยวนของสาวสวยทำเอาคนที่นอนหงายหลับตาพริ้มอดรนทนรออย่างใจจดใจจ่อ ด้วยหวังว่าจะได้สัมผัสความรู้สึกที่ลึกล้ำทางกายจากสตรีเบื้องหน้า

 

ปราณฉีกเสื้อของยามรักษาการณ์หนุ่มออกเผยให้เห็นขนหน้าอกบางๆ หญิงสาวค่อยๆลูบไล้ไปบนแผงอกอย่างช้าๆ ก่อนจะแอบล้วงเอาขวดน้ำเกลือขนาดเล็กที่ซ่อนในร่องอกออกมาเทราด แล้วใช้มือชะโลมให้ทั่ว

 

สัญลักษณ์รูปหยดน้ำสีแดงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า สาวเจ้ายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะดึงเอามีดสั้นที่ซ่อนไว้ใต้รองเท้าบู๊ทออกมา

 

ฉึก!

 

"อัก!"

 

มีดสั้นแหวกเนื้อบริเวณลูกกระเดือกของชายหนุ่มผู้น่าสงสารทะลุลำคอไปจนถึงท้ายทอย เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากพยายามพะงาบคล้ายกับจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่มีเสียงใดหลุดลอดออกมา

 

ซึบ!

 

หญิงสาวเพียงบิดมีดครั้งเดียวก็ดับชีวิตน้อยๆของฮาชิไปตลอดกาล เลือดที่ทะลักออกจากปากรวมกับดวงตาที่เบิกโพลงแลดูน่าสยดสยอง แต่ก็มิได้ทำให้มือสังหารรู้สึกกลัว รู้สึกผิดหรือรู้สึกสงสารเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

 

แอ๊ด!

 

เสียงประตูป้อมเปิดออก ปราณหันหน้าไปมองผู้มาเยือนอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านใดๆ

 

“บอกแล้วไงว่าจัดการได้ ตามมาทำไม!” น้ำเสียงดุดันของปราณทำให้หนุ่มที่มาตามเธอถึงกับก้มหน้างุด

 

ชายหนุ่มนิสัยขี้อาย ผมสีดำกระเซอะกระเซิง ผิวสีแทนเข้ม ลำตัวสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนามว่ามิกกี้กำลังยืนบิดไปมาด้วยความขวยเขิน

 

“ข้าไม่ได้ตามมา แต่มาตาม” เขาตอบทั้งที่ยังไม่เงยหน้ามอง

 

“ใส่เสื้อคลุมแล้ว เงยหน้าขึ้นมา” เธอรู้ดีว่าเพื่อนร่วมหน่วยคนนี้ขี้อายขนาดไหน เขาไม่กล้าสบตากับผู้หญิงด้วยซ้ำ ยิ่งเธอแต่งตัวแบบนี้ก็ยิ่งไม่กล้ามองเข้าไปอีก

 

หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ชายร่างยักษ์นามมิกกี้กล้าสบตาและพูดคุยด้วยได้อย่างปกติคือผู้เป็นหัวหน้าของพวกเขานั่นเอง

 

“มีอะไรว่ามา”

 

“ได้รับจดหมายจากแชน” ชายขี้อายยื่นม้วนกระดาษเล็กๆ ให้ “หัวหน้ากำลังจะกลับมา...”

 

 

 

ชายแดนเมืองปักษาสวรรค์ทิศเหนือ

 

“กรี๊ด!!! เอามันออกไปที!” เสียงร้องของสาวน้อยคนหนึ่งดังลั่นป่าพรุจนฝูงนกและสัตว์อื่นๆ พากันแตกกระเจิง

 

“บอกแล้วว่าไงว่าอย่าตามมา!” ชายหนุ่มที่กำลังช่วยสาวน้อยตรงหน้าแงะเอาปลิงตัวเขื่องออกมาแสดงสีหน้ารำคาญใจอย่างไม่คิดปกปิด

 

“หะ...ให้รออยู่ที่แพคนเดียวมันน่ากลัวนี่” สาวน้อยเสียงหวานกัดฟันพูดทั้งที่ยังกลัวจนตัวสั่น

 

“ป่านนี้เป้าหมายมันคงหนีไปไกลแล้ว เพราะเสียงร้องของเจ้า!” เขายังโมโหที่มีคนตามมาเป็นภาระ เพราะตลอดทางสาวเจ้าเอาแต่กรีดร้องโวยวาย จนเขาแทบประสาทเสีย

 

“ก็เป็นคำสั่งนี่หน่า” เสียงหวานละมุนของสาวน้อยผมม้าสีน้ำตาลอ่อน หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ไม่ได้ช่วยให้คนเป็นรุ่นพี่ในหน่วยใจอ่อนขึ้นเลย

 

“ข้าไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กสักหน่อย!” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลไหม้ยาวประบ่าหน้าตากร้านโลก ถึงกับบ่นอย่างไม่สบอารมณ์

 

ภารกิจของทั้งคู่คือการทลายรังของโจรป่า ที่คาดว่ามีหนึ่งในพวกกบฏมาแฝงตัวอยู่ด้วยตามรายงานของหน่วยอินทรีเงา

 

การเดินทางบุกป่าฝ่าดงเป็นสิ่งที่เลโอถนัดและช่ำชองที่สุดในหน่วย แต่กับสาวน้อยเข้าใหม่นามว่ามีนาถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย ซึ่งเธอยังต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจากรุ่นพี่คนอื่นๆในหน่วยอีกมาก

 

“อ๊ะ! นั่น...นั่น...ใช่อีกตัวไหม” มีนาเดินไปจับแขนผู้เป็นรุ่นพี่เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตสีดำขนาดเล็กเคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำ

 

เลโอมองอย่างไม่ใส่ใจนัก ทั้งนี้พวกเขาเดินลุยน้ำขนาดประมาณหัวเข่าเข้ามาไกลจากจุดที่จอดแพระยะทางประมาณสามกิโลเมตร เพื่อมุ่งหน้าหารังโจรที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าพรุแห่งนี้ ตามพิกัดที่เป็นไปได้

 

ป่าพรุไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการแต่มักจะเรียกกันเล่นๆ ว่า ‘ป่าชายแดน’ เพราะเป็นป่าใหญ่ที่อยู่ระหว่างเมืองหลวง เมืองปักษาสวรรค์และเมืองลุ่มน้ำเขียว แม้ต้นไม้จะขึ้นไม่หนาแน่นแต่มีน้ำขังแทบตลอดปี ทำให้การเดินทางไม่ใช่เรื่องง่าย

 

“ชู่! เงียบก่อน” เลโอยกมือขึ้นมาเป็นสัญญาณให้คนข้างหลังเดินที่ตามมาติดๆระมัดระวังเสียงของตน

 

มีนาทำตามอย่างว่าง่าย สาวน้อยค่อยๆย่องไปบนพื้นเปียกแฉะพลางหาที่แอบหลังต้นไม้ คอยส่องดูความเคลื่อนไหวของคนร้ายที่มองเห็นจากที่ไกลๆ

 

“พวกนั้นมีกันเยอะกว่าที่รายงานมาอีกนะ” มีนากระซิบเสียงเบา

 

“งั้นก็อย่าปะทะถ้าไม่จำเป็น จัดการแค่กบฏคนเดียวพอ ที่เหลือค่อยแจ้งให้มือปราบมาจัดการ” เลโอมองดูกลุ่มคนในซ่องโจรแล้วลองนับดูคร่าวๆ มีชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่ายี่สิบคนพร้อมอาวุธครบมือ

 

“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคนไหนกบฏ” สาวน้อยยังสงสัย

 

“เจ้าก็เข้าไปถามสิ” เขาหันมามองคนข้างๆด้วยสายตาประหนึ่งราชสีห์มองกวางน้อย พลางแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ

 

รอยยิ้มเช่นนี้ทำให้คนที่ถูกไล่ให้ไปถามถึงกับขนหัวลุก ดูแล้วคนข้างกายเธอน่ากลัวไม่แพ้โจรป่าเหล่านั้นเลย แถมดูๆไปแล้วอาจจะน่ากลัวกว่าเสียด้วยซ้ำ

 

ขณะที่มีนาหน้าทำหน้าอึ้งไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่ เลโอก็เสนอแผนเด็ดดวงที่เพิ่งคิดได้แบบสดร้อนเมื่อครู่ให้เธอฟัง

 

“ข้ามีแผนเด็ด แต่ต้องให้เจ้าช่วยหน่อย” ว่าจบคนมีแผนเด็ดก็ดึงหูของสาวน้อยเข้ามาใกล้แล้วกระซิบบอกในทันที

 

ไม่รู้ว่าแผนที่ว่าจะเด็ดจริงสักแค่ไหนเพราะพอเลโอพูดจบเท่านั้น คนฟังก็ถึงกับปาดเหงื่อรอ แต่ไม่ทันที่จะได้ปฏิเสธหรือเสนออะไร ชายหนุ่มก็ดันตัวเธอจากที่ซ่อนให้ออกไปเผชิญหน้าแต่เพียงผู้เดียว

 

 

 

มีนาเดินขากะเผลกเข้าไปหาชายฉกรรจ์ติดอาวุธทั้งหลาย มีเลือดไหลออกจากเท้าและน่องหลายจุด ซึ่งเป็นแผลที่เกิดจากการโดนปลิงดูดช่วยเรียกคะแนนความน่าสงสารยิ่งขึ้นไปอีก

 

“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยข้าที” สาวน้อยบาดเจ็บร้องขอให้คนช่วย ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 

เมื่อโจรป่าเห็นว่ามีผู้บุกรุกต่างก็คว้าอาวุธเตรียมจะจู่โจม แต่พอเห็นว่าผู้บุกรุกเป็นแค่เด็กสาวร่างเล็กน่ารัก ร่างกายบอบบางไร้พิษสง ก็พากันมองหน้าไปมาอย่างจะถามความเห็นทุกคนว่าควรทำเช่นไรดี

 

“รีบไปช่วยนางสิ!” ชายผิวเข้มหน้าโหดตะโกนสั่ง ทุกคนรีบวางอาวุธทำตามชายที่ดูมีอำนาจบารมีที่สุดคล้ายกับเป็นหัวหน้ากลุ่มในทันที

 

เมื่อเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ ชายร่างยักษ์แต่ละคนก็ดูแลพยาบาลสาวน้อยด้วยความอ่อนโยนอย่างลืมตัวไปชั่วขณะว่าตนเองนั้นเป็นโจรป่า พวกเขาพามีนามานั่งพักที่ขอนไม้ใหญ่ขอนหนึ่ง ก่อนจะชวนพูดคุย

 

“แผลเจ้าไปโดนอะไรมา” โจรคนหนึ่งถามขึ้น

 

“ข้าถูกคนตามฆ่า” มีนาตอบพลางเบะปากท่าทางคล้ายจะร้องไห้

 

“บ้าจริง! ใครกันนะจะฆ่าเด็กน่ารักอย่างนี้ได้ลงคอ” อีกคนตอบอย่างเดือดดาล

 

“ใครจะฆ่าเจ้าบอกพวกเรามา”

 

“ใช่ๆ”

 

"เดี๋ยวพวกเราจะจัดการให้เอง"

 

พวกเขาเริ่มมีอารมณ์กรุ่นโกรธ ต่างพากันสอบถามพร้อมกับพยายามจะเสนอตัวช่วยสาวน้อยผู้น่าสงสาร

 

“ขะ...ข้าไม่รู้จักชื่อ ข้ารู้แค่...” มีนากวาดตามองไปยังกลุ่มคนที่มุงดูเธออยู่ “...คือเขาเป็นคนของหน่วยอะไรสักอย่าง เอ่อ...หน่วยอะไรน้า...” เธอทำท่าครุ่นคิด “หน่วย...อ๋อใช่! หน่วยมังกรทมิฬ!!”

 

พูดจบก็พยายามสังเกตปฏิกิริยาของแต่ละคน แต่กลุ่มคนที่ยืนฟังกลับทำหน้างวยงง เหตุใดชื่อหน่วยประหลาดๆ เช่นนี้พวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

“หน่วยอะไรไม่เคยได้ยิน แกรู้จักไหม?”

 

“ไม่อะ พวกมือปราบมันตั้งหน่วยขึ้นมาใหม่เหรอ”

 

“ข้าก็ไม่รู้จัก”

 

“ข้าก็ด้วย”

 

"นั่นสิ หน่วยอะไร"

 

ท่ามกลางชายตัวโตทั้งหลายที่กำลังสงสัยกับชื่อหน่วยนั้น มีคนหนึ่งที่เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ชายผิวขาวตัวผอมบางสุดในกลุ่มค่อยๆ ถอยห่างออกมาจากทุกคนด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนเตรียมพร้อมจะออกวิ่งตลอดเวลา

 

“เอ๊ะ! แผลนี่ไม่ได้เกิดจากอาวุธนี่หน่า นี่เจ้า...” โจรที่ตรวจดูแผลให้เงยหน้าขึ้นมาถาม แต่ยังพูดไม่ทันจบก็มีเหตุให้ต้องหยุดชะงัก

 

ฉึก!

 

"อ้าก!"

 

มีดสั้นที่พุ่งออกไปจากมือของเลโอปักเข้าที่กลางหลังของชายผู้เป็นเป้าหมายอย่างจัง จนเขาร้องลั่นล้มฟุบไปกับพื้น แต่ยังไม่ถึงแก่ชีวิต

 

“เอ้า! อุตส่าห์เล็งที่หัวนะเนี่ย” เลโอทำหน้าเซ็งจัด “เกลียดมีดสั้นจริงๆ” เขาบ่น เพราะเป้าหมายอยู่ไกลเกินไป จึงไม่สามารถใช้อาวุธที่ถนัดได้ ทำให้ต้องเสี่ยงใช้มีดสั้นที่ไม่ค่อยได้ฝึกเท่าไหร่นัก

 

เมื่อมีผู้บุกรุกมาหาเรื่องถึงถิ่น เหล่าโจรป่าทั้งหลายก็วงแตกฮือ แยกกันไปคว้าอาวุธเตรียมรับมือกับผู้ที่คิดจะลองดี

 

"ไหนวะ มาจากทางไหน!"

 

"มันเป็นใคนถึงกล้ามาบุกถึงนี่!"

 

"ต้องสับให้เป็นชิ้นๆ!"

 

"ข้าจะเลื่อนแขนมันมาทำซุป!"

 

มีนาสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นใบหน้าเปลี่ยนอารมณ์ของเหล่าบรรดาโจรป่า สาวน้อยยืนนิ่งไม่ขยับ ด้วยกำลังประมวลผลว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะแผนที่ให้มาบอกแต่วิธีเข้าหาแต่ไม่ได้บอกทางหนีเอาไว้ด้วย

 

“วิ่งสิยัยเด็กบ้า! จะรอให้โดนเชือดก่อนหรือไง!” เลโอตะโกนสั่งสาวน้อยที่กำลังยืนเก้ๆ กังๆ 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น มีนาจึงไม่รอช้าออกวิ่งไปตามเสียงของผู้เป็นรุ่นพี่ โจรใจดีเมื่อคู่ที่กลับกลายเป็นคนละคนก็ถือมีดวิ่งไล่ตามเด็กสาวที่พวกเขาเพิ่งพยายามจะช่วยไป ด้วยข้อหาที่บังอาจมาลูบคม

 

 

 

ฟ้าว! ฟ้าว!

 

เฟี้ยว! ฉึก!

 

ฟ้าว! ฉึก!

 

มีดสั้นหลายเล่มถูกปาไล่หลังมาไม่ขาดสาย หมายเอาชีวิตของทั้งคู่โดยไม่คิดปรานี เลโอจับมือของมีนาวิ่งซิกแซกไปตามต้นไม้หวังให้มันช่วยกันอาวุธให้ ตลอดทางเป็นดินเลนและหนองน้ำขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่ว ทำให้ทุกครั้งที่ก้าวขาลงไปเท้าของทั้งคู่จะถูกดูดจมโคลน

 

“อ๊ะ! รองเท้าข้า” มีนาหันไปมองรองเท้าที่ถูกดินเลนยึดเอาไว้ข้างหนึ่ง

 

“อย่าหยุดวิ่งสิ! เราต้องไปให้ถึงแพก่อนมืดนะ” เลโอดึงแขนคนข้างๆ จนแทบจะเป็นการกระชากให้ตามเขาให้ทัน

 

 

 

แสงสีส้มของพระอาทิตย์ยามเย็นที่ทอดลงมาตามช่องว่างของต้นไม้บ่งบอกว่าทั้งคู่เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว

 

“ข้าจำไม่ได้แล้วว่าทางไหน” มีนาหยุดมองซ้ายมองขวาเมื่อผ่านหนองน้ำที่เต็มไปด้วยปลิงจุดเดิมมาได้

 

“ระวัง!!!” เลโอตะโกนพร้อมกดศีรษะสาวน้อยให้ก้มต่ำ

 

ฉัวะ!

 

เสียงมีดที่ผ่านคนทั้งสองไปทำให้รู้ว่าเหล่าโจรป่ายังไม่ยอมเลิกรา

 

“บอกว่าอย่าหยุดไง!!!” ชายหนุ่มตวาดสาวน้อยดังลั่นแล้วฉุดแขนคนตัวเล็กให้วิ่งต่อจนแทบปลิวไปตามแรง

 

 

 

ฟ้าสลัวลงเต็มที่จนมองทางแทบไม่เห็น ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงที่หมาย แพขนาดเล็กที่เช่ามาถูกผูกไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่งบนเนินดิน เส้นทางที่ง่ายที่สุดในการเดินทางออกจากป่าแห่งนี้คือ ‘แม่น้ำสาลิกา’  ที่ทั้งคู่ใช้แพล่องลงมาก่อนหน้านี้

 

“ขึ้นไป” เลโอดันตัวมีนาให้ขึ้นไปรอบนแพ ส่วนตัวเขาก็รีบไปแก้เชือกที่ผูกเอาไว้

 

ทั้งสองคนช่วยกันเอาไม้ดันแพให้ไหลไปตามแม่น้ำ เมื่อแพเริ่มขยับ เลโอก็ทิ้งตัวนอนแผ่อย่างหมดแรง สาวน้อยที่เห็นอะไรบางอย่างผิดปกติบนตัวของชายหนุ่มจึงรีบเข้ามาดู

 

“เจ้าบาดเจ็บ!” มีนาจับแขนซ้ายเลโอขึ้นมาพลิกดู นึกถึงตอนที่เขากดศีรษะเธอลง ว่าใช่ตอนนั้นหรือไม่ที่ได้แผลมา “นี่ใช่เลือดไหม...เลือดจริงๆด้วย!” เธอมีสีหน้าตระหนกพยายามจะดูขนาดบาดแผล แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดออกอย่างไม่สนใจ

 

“แค่แผลถลอก ข้าไม่เป็นไร เดี๋ยวขึ้นฝั่งได้รีบกลับเมืองหลวงกันเลยทันที”

 

“เราควรแวะหาหมอหน่อยนะ อย่างน้อยก็ให้หมอดูแผลที่แขนให้เจ้าก่อน”

 

เลโอไม่ตอบอะไรแต่ยื่นกระดาษม้วนเล็กส่งให้มีนาอ่าน

 

สาวน้อยอ่านข้อความในกระดาษแล้วหันไปมองหน้าอีกฝ่าย “หัวหน้ากำลังจะกลับมา...”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา