หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)

-

เขียนโดย Yuanjinxia

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.

  18 ตอน
  3 วิจารณ์
  8,807 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) โทษของกบฏคือประหาร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ภายใต้ความมืดของคืนเดือนดับ หญิงสาวเจ้าของดวงตาคมกร้าวใบหน้าเยือกเย็นกำลังดักซุ่มอยู่หลังรูปปั้นหินรอจังหวะให้ทุกคนในคฤหาสน์หลังงามนอนหลับ ก่อนจะออกปฏิบัติการตามที่ตนได้รับมอบหมาย

 

สวบ!

 

เสียงพุ่มไม้ไหวทางด้านหลังทำให้เจ้าของดวงหน้างามหันไปมอง

 

“ไฟปิดหมดแล้วพวกเราลงมือเลยดีไหมหัวหน้า” ชายหนุ่มหน้าทะเล้นผมสั้นหยักศกนามว่าแชนส่งเสียงกระซิบกระซาบมาจากทางพุ่มไม้ที่เจ้าตัวเพิ่งแหวกออกมา

 

“ประตูหลังเหมาะสุด มีสาวใช้เฝ้าอยู่แค่คนเดียว” น้ำเสียงหวานละมุนนี้มาจากชายตัวเล็กผอมบางอีกคนนามว่าอลินที่ย่องตามแชนมาติดๆ

 

“สมาชิกครอบครัวนี้มีสี่คน พ่อแม่และลูกสาวสองคน เราจะฆ่าแค่พ่อแม่หรือต้องฆ่าลูกสาวด้วย” แชนถามเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง

 

“กบฏคือเนื้อร้าย ถ้าไม่ตัดก็จะยิ่งลุกลาม” น้ำเสียงเย็นชาออกมาจากปากของหญิงสาวนามว่ามายาที่เป็นหัวหน้าของหน่วยมังกรทมิฬ

 

คำสั่งเด็ดขาดมาจากผู้บัญชาการใหญ่ขององค์กรหน่วยลับให้สังหารกบฏทุกคนไม่มีละเว้น เมื่อกฎหมายไม่คุ้มครองคนเหล่านี้ การกระทำใดๆ ต่อผู้ที่มี ‘ร่องรอย’ ของคนทรยศย่อมไม่ถูกตรวจสอบ และพวกเธอที่มีหน้าที่จัดการก็จะไม่มีความผิดด้วยเช่นกัน

 

 

 

แสงไฟจากตะเกียงที่ติดตั้งไว้ตามเสารอบๆ คฤหาสน์สะท้อนเงาของผู้บุกรุกทั้งสามที่วิ่งลัดเลาะมาทางประตูหลังได้สำเร็จ การเคลื่อนไหวอย่างไร้สุ้มเสียงส่งผลให้การมาเยือนครั้งนี้ไม่มีผู้ใดทันระวัง

 

มายาลองใช้มือดันประตูบานใหญ่เบาๆเป็นการทดสอบ แต่พบว่ามันถูกล็อกจากภายใน หญิงสาวจึงต้องมองหาทางเข้าทางอื่น

 

“บนนั้น” เธอพยักพเยิดให้ลูกน้องทั้งสองมองขึ้นไปที่หน้าต่างชั้นบนที่แง้มอยู่

 

พวกเขามองซ้ายมองขวาหาทางปีนขึ้นไป โดยใช้วิธีไต่ผนังอิฐที่มีรอยแตกตามร่องและเกาะเกี่ยวเถาไม้เลื้อยเส้นโตที่ขึ้นชอนไชเจาะไปตามผนังจนถึงหน้าต่างห้องด้านบน

 

ปึด!

 

'เวร!!'

 

แชนตาเบิกโพลงทันทีที่เห็นว่าไม้เลื้อยกิ่งที่ตนเองจับไว้ขาดติดมือมาด้วย ชายหนุ่มใจหายวาบเผลอสบถขึ้นในใจ ก่อนจะก้มมองลงไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งห่างจากจุดที่เขาอยู่ตอนนี้ราวสี่เมตร โชคดีที่อิฐก้อนที่เหยียบมีรอยแตกเป็นร่องพอให้พักเท้าได้ ตามมาด้วยข้อมือบางของอลินที่คว้าคอเสื้อเขาเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะรีบดึงตัวเขาให้เข้าไปในห้อง

 

มายาที่เข้ามาเป็นคนแรกยืนกอดอกมองลูกน้องอย่างเย็นใจพลางหมุนสายตามองไปทางเตียงใหญ่ด้านข้างให้อีกสองหนุ่มหันไปมองตาม

 

สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงท่ามกลางคนแปลกหน้าทั้งสามอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวถึงภยันตรายที่กำลังมาเยือน

อลินหันไปมองหัวหน้าของตน ก่อนจะชักมีดสั้นที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมาอย่างรู้หน้าที่ที่มิอาจเลี่ยง แล้วส่งจิตพิฆาตไปหมายเอาชีวิตเหยื่อร่างเล็กที่กำลังนิทราอยู่

 

แชนเห็นดังนั้นรีบไปรั้งแขนเพื่อนร่วมหน่วยเอาไว้ก่อน เนื่องจากสาวน้อยคนนี้ประมาณจากสายตาคงอายุไม่เกินสิบปี สีหน้าของคนห้ามแลดูกดดันทำเอาอลินยอมลดมีดลง

 

มายาเห็นด้วยกับแชน พวกเธอไม่ควรมาเสียเวลากับเด็กอายุน้อยเช่นนี้ เพราะจะยิ่งทำให้เสียเวลาและอาจจะเกิดผิดพลาดจนมีเสียงเล็ดลอด ทำให้เป้าหมายหลักของเธอไหวตัวทันก็เป็นได้ เธอจึงโบกมือส่งสัญญาณให้อลินเก็บมีด แล้วเดินนำลูกน้องทั้งสองไปที่ประตูทางออก

 

 

โถงทางเดินของคฤหาสน์มีแสงไฟจากตะเกียงสว่างมากพอจะเห็นใบหน้าของมายาได้ชัดเจนขึ้น หญิงสาวผู้ที่มีสีหน้าไร้อารมณ์แทบจะตลอดเวลาผู้นี้เธอมีใบหน้ารูปไข่ จมูกและปากเล็กรับกับใบหน้า ดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มแลดูดุดันประดุจเหยี่ยวก็มิปาน เส้นผมสีน้ำตาลถูกมัดจนรวบตึง ส่งให้สาวเจ้าดูเป็นคนสุขุมและน่าเกรงขามยิ่งขึ้นไปอีก

 

เมื่อมาถึงประตูไม้บานยักษ์ที่น่าจะเป็นประตูห้องนอนใหญ่ของคฤหาสน์ ทั้งสามคนก็รู้ได้ในทันทีว่าเป้าหมายของพวกเธอต้องอยู่ด้านในเป็นแน่

 

แอ๊ด!

 

เสียงลูกบิดดังขึ้นเบาๆ มายาเดินแทรกตัวเข้ามาเป็นคนแรกพร้อมกวาดตามองไปที่เตียง เห็นหญิงวัยกลางคนนอนหลับอยู่เพียงคนเดียว ไร้ซึ่งเงาสามีของนาง

 

ซิ้ง!

 

ดาบสองคมเล่มใหญ่ยื่นมาจ่อที่คอขาวนวลของแขกไม่ได้รับเชิญ ชายวัยกลางคนมีหนวดเคราเล็กน้อยหน้าตาคมคายผู้เป็นเจ้าของดาบปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อนหลังประตู

 

“สุนัขรับใช้ของใครกัน มาจากวังหลวงใช่ไหม!!?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างดังเพื่อปลุกให้ภรรยาของตนรู้สึกตัว

 

มายาที่มีดาบจ่ออยู่มองจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มีท่าทีกริ่งเกรง แชนกับอลินที่ยืนมองอยู่ทางด้านหลังก็ไม่มีท่าทีตกใจกับการใช้มีดจ่อคอหัวหน้าของตนเองเช่นกัน

 

“ปิดประตูซิ” หญิงสาวสั่งลูกน้องเสียงเรียบ

 

สองหนุ่มเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูให้อย่างว่าง่าย

 

แกร็ก!

 

“ท่านคงไม่อยากปลุกลูกๆ ให้มารับรู้อะไรไม่ดี ใช่ไหม” มายากล่าวพลางเบือนหน้ามองไปยังเตียง ที่บัดนี้หญิงสาววัยกลางคนผุดลุกขึ้นมามองผู้บุกรุกด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

 

หญิงสาวมาดเย็นชาใช้มือจับที่ปลายดาบใหญ่แล้วเบี่ยงมันออกไปด้านข้างอย่างไม่กลัวคม

 

“สีหน้าแบบนี้คงรู้แล้วสินะว่าข้ามาด้วยเหตุใด”

 

คนที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงส่ายหัวหนัก รีบรุดลงมายืนแอบอยู่หลังสามีของตน

 

“ท่านพี่โจเซฟ นางพูดเรื่องอะไร” น้ำเสียงอ่อนหวานเต็มไปด้วยความตื่นตะหนก

 

“นางเป็นคนของทางการ” เขาตอบภรรยา ในมือยังไม่ยอมลดดาบลง

 

“เหตุใดคนของมือปราบจึงมาบุกบ้านเรายามวิกาลเช่นนี้ หากเราทำผิดก็ต้องส่งจดหมายมาแจ้งตอนกลางวันมิใช่หรือ” นางเกาะแขนสามีแน่น

 

“คดีของสามีเจ้า พวกมือปราบไม่มีอำนาจจัดการหรอก” แชนช่วยหัวหน้าตนเองพูด

 

“หมายความว่ายังไงกัน” นางเขย่าแขนสามีด้วยหวังว่าเขาจะให้คำตอบที่ชัดเจนกลับมา

 

“ขอโทษทีนะวินดี้ แต่เจ้าช่วยไปอยู่เป็นเพื่อนลูกสักพักได้ไหม” โจเซฟกล่าวเสียงเครียด มีเม็ดเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผาก

 

แต่หญิงวัยกลางคนนามว่าวินดี้ส่ายหัว นางไม่ยอมทิ้งสามีอันเป็นที่รักไปอย่างเด็ดขาด

 

“ไม่! ข้าจะอยู่กับท่าน”

 

มายายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้โจเซฟ เขาใช้มืออีกข้างรับมาอ่าน ภรรยาของเขาก็ชะโงกหน้ามาอ่านด้วยเช่นกัน

 

ข้อความในกระดาษมาจากหน่วยอินทรีเงา มีชื่อ โจเซฟ ดันแคน และกบฏคนอื่นที่โจเซฟเคยติดต่อปรากฏอยู่ด้วยอีกสองรายชื่อ ซึ่งพวกเขาพบกันแค่สองครั้งเท่านั้นในรอบสิบปี ทำให้ไม่นึกว่าหน่วยข่าวกรองของวังหลวงจะสืบจนเจอได้

 

“อีกสองคนล่ะ!?” โจเซฟถามเสียงเครียด

 

“ตาย” มายาตอบโดยที่สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใด “คราวนี้ถึงตาเจ้าแล้ว” พูดจบก็ชักดาบเหล็กสีเงินยวงคู่ใจที่เหน็บไว้ข้างสะโพกขึ้นมา

 

“ดะ…เดี๋ยวสิ!” วินดี้ตกใจรีบเข้ามาขว้างทางดาบของอีกฝ่าย “คิดจะทำอะไร!”

 

“ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ สามีเจ้าเป็นกบฏไง!” อลินที่ยืนฟังอยู่นานเฉลยให้

 

“โกหก! ข้าไม่เชื่อ หลักฐานล่ะ” นางยังไม่ยอมแพ้หากไม่มีหลักฐานให้จำนน

 

มายาผลักหญิงวัยกลางคนให้หลบไปด้านข้างพร้อมเอาดาบของตนเฉือนเสื้อของโจเซฟตรงหน้าอก

 

ฉัวะ!

 

แควก!

 

ชุดนอนคนตรงหน้าขาดออกเผยให้เห็นเนื้อกลางหน้าอกชัดเจน แชนรู้หน้าที่ทันที ชายหนุ่มหยิบขวดน้ำขนาดเล็กสาดไปบนอกของโจเซฟ ทันใดนั้นก็ปรากฏรอยสักคล้ายสัญลักษณ์บางอย่างเป็นรูปหยดน้ำสีแดง

 

“นี่เป็นสัญลักษณ์ของพวกกบฏ หมึกที่ใช้สักหากไม่โดนน้ำเกลือก็จะไม่ปรากฏ เจ้าไม่เคยอาบน้ำแร่แช่น้ำเกลือกับสามีเลยเหรอ” แชนถามอย่างนึกขัน

 

คนที่มีรอยสักยังคงยืนเงียบ ภรรยาของเขาถึงกับหันมามองสบตา ด้วยหวังว่าสามีจะมีคำตอบให้ หยาดน้ำใสของวินดี้ค่อยๆ ซึมออกมาจากดวงตาไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง

 

“ทะ…ทำไมท่านไม่ยอมบอกข้า ฮึก!” นางตัดพ้อสามีเสียงแผ่ว มีเสียงสะอื้นปนในลำคอ

 

“เพราะข้าไม่อยากทำให้เจ้าร้องไห้เหมือนเช่นตอนนี้” โจเซฟเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้นางผู้เป็นที่รัก “มันเป็นปณิธานของท่านปู่ ข้าต้องสานต่อให้จบ” ผู้เป็นสามีเอ่ยเสียงสั่น นัยน์ตาของเขาเริ่มแดงขึ้นมาเช่นกัน

 

ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ มายาที่อยากให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็วที่สุด ได้ยื่นข้อเสนอให้กับอีกฝ่าย

 

“ดาบในมือเจ้าใช้มันปลิดชีพตนเองกับภรรยาซะ บางทีข้าอาจจะเมตตาปล่อยคนอื่นไป” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“ไม่!!! ไม่นะ!” วินดี้รีบแย่งดาบจากมือของสามีมาถือ จากนั้นหันมันเข้าใส่มายาทันที

 

เคร็ง!

 

เสียงดาบใหญ่ตกกระทบลงพื้น ด้วยมือที่ไม่เคยฝึกจับอาวุธของวินดี้ อีกฝ่ายเพียงใช้ดาบเล็กของตนปัดเบาๆ นางก็ปล่อยดาบหลุดจากมือ

 

“หนีกันเถอะ!” เมื่อไร้ซึ่งหนทางนางจึงตัดสินใจคว้ามือสามีเตรียมจะวิ่งฝ่าออกประตู แต่แชนและอลินรีบเข้ามาขวางไว้

 

โจเซฟที่เป็นห่วงภรรยาจะถูกทำร้ายจึงรีบเข้าไปผลักแชนจนเซ เมื่อถูกอีกฝ่ายจู่โจมก่อน ชายหนุ่มก็ไม่รอให้หัวหน้าอนุญาตรีบเข้าไปตะบันหน้าชายวัยกลางคนจนหงายท้องลงไปกองกับพื้น

 

พลั่ก! ผลัวะ!

 

ตึง! ตั้ง! ตุบ!

 

เสียงอึกทึกในห้องนอนใหญ่ของคฤหาสน์ส่งให้ทุกคนที่กำลังนอนฝันหวานสะดุ้งตื่นขึ้นโดยพลัน ทั้งสาวใช้สี่คน พ่อบ้าน พ่อครัวและคนสวนอีกสอง รวมไปถึงสาวน้อยวัยแรกรุ่นสองพี่น้อง โจเซเฟียวัยสิบสี่และโจแอนนาวัยสิบขวบ ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยสีงุนงงระคนตกใจ

 

 

 

บรรดาข้ารับใช้ทั้งหลายเมื่อได้ยินดังนั้น ต่างก็รีบวิ่งกรูกันขึ้นมาหาผู้เป็นนาย สองพี่น้องเองก็เปิดประตูออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน มายาที่หูดีกว่าใครได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังตรงเข้ามา จึงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

 

“แชน พอได้แล้ว” หญิงสาวสั่ง “ออกไปรับมือข้างนอกกับอลิน”

 

ชายหนุ่มผมหยักศกที่กำลังสาวหมัดใส่หน้าโจเซฟหยุดกึกเมื่อได้รับคำสั่ง แล้วชักมือที่เต็มไปด้วยเลือดของอีกฝ่ายกลับมา

 

เพล้ง! เพล้ง!

 

โครม! คราม!

 

อลินพยายามจะเข้าหาตัววินดี้แต่ทำไม่สำเร็จ เพราะนางขว้างปาเครื่องแก้ว ถ้วยโถและของใช้สารพัดชนิดใส่ จึงเลิกล้มที่จะจับตัวนางแล้วหันมาทำตามคำสั่งผู้เป็นหัวหน้าทันที

 

 

 

เมื่อทั้งคู่ออกไปแล้ว ภายในห้องก็เหลือเพียงสามคน บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด เมื่อสองสามีภรรยาที่ยืนหอบอยู่รีบวิ่งมากอดกันอย่างน่าเวทนา พลางจ้องมองมายาด้วยสีหน้าหวาดกลัวและสิ้นหวัง

 

“ข้าให้โอกาสเจ้าตายกันแค่สองคนแล้ว แต่เจ้าไม่อยากได้ทางนี้สินะ” มายากระชับดาบในมือแน่นพลางเดินเข้าหาทั้งคู่ด้วยมาดประดุจมัจจุราชก็มิปาน

 

“ได้! ได้! ข้ายอมแล้ว! ข้าจะตายเอง! ปล่อยนางกับลูกๆ ของข้าไป” โจเซฟรีบรับข้อเสนอในฉับพลัน หวังให้นางมัจจุราชผู้นี้ยินยอมให้โอกาสเขาอีกครั้ง

ชายวัยกลางคนคุกเข่าขอร้องทั้งน้ำตา เขาเริ่มโขกศีรษะลงพื้น พยายามอ้อนวอนอย่างไร้สิ้นหนทาง

 

ปึก! ปึก! ปึก!

 

"ข้ายอมแล้ว! ข้ายอมแล้ว! ข้ายอมแล้ว!" ชายผู้น่าสงสารกล่าวคำเดิมซ้ำๆพร้อมกับโขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า จนมีเลือดเลอะพื้นในบริเวณที่เขาโขกเปรอะเป็นวง

 

มายายืนมองการกระทำของโจเซฟอยู่อย่างนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่อาจเดาได้ว่าเธอกำลังคิดสิ่งใด กำลังสงสาร เวทนา สมเพชหรือเห็นใจ พวกเขาไม่อาจเดาความรู้สึกของหญิงสาวได้เลย

 

“เจ้าเป็นคนทำเสียงดังปลุกคนทั้งบ้าน ตอนนี้พวกเขาคงรู้เรื่องและเห็นหน้าลูกน้องของข้ากันหมดแล้ว จะให้ปล่อยไปอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงเย็นเยียบไร้เมตตาทำเอาคนฟังตัวสั่นเทิ้ม เมื่อรู้ว่าการกระทำเรียกความน่าสงสารไม่ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้พูดเลยสักนิด

 

วินดี้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม นางทิ้งตัวนั่งร้องไห้พลางห่อไหล่อย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เมื่อมัจจุราชสาวไม่เหลือทางเดินให้พวกเขาเลือกเลย โจเซฟดึงภรรยาอันเป็นที่รักเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น น้ำตาของทั้งคู่พรั่งพรูออกมาเป็นสายทำได้แค่ยอมรับชะตากรรม

 

ฉับ!

 

แค่เพียงดาบเดียว ลำคอของสามีภรรยาที่นั่งกอดกันร้องไห้อย่างน่าเวทนาก็ถูกดาบสีเงินนามว่า ‘เงาปีศาจ’ ฟันฉับเข้าไปพร้อมกัน ด้วยน้ำหนักมือที่หนักส่งผลให้คอของโจเซฟหวิดขาด ส่วนศีรษะของวินดี้หลุดออกจากร่างกลิ้งไปไกลเกือบสองเมตร โลหิตสีแดงสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นห้อง ปรากฏเป็นภาพที่ชวนหดหู่

 

มายาเดินเข้าไปใช้เท้าเตะแยกร่างของทั้งคู่ออกจากกัน ก่อนจะใช้ดาบฉีกกระชากเสื้อผ้าท่อนบนของหญิงวัยกลางคนออกจนเปลือยเปล่า เธอหยิบเอาขวดน้ำเล็กๆ ขนาดยาวสองนิ้วมาจากในกระเป๋ากางเกงแล้วเทราดไปบนกลางหน้าอกของร่างนั้น

 

ทันทีที่ผิวหนังสัมผัสน้ำเกลือ สัญลักษณ์รูปหยดน้ำของกบฏ ที่เกิดจากการสักด้วยส่วนผสมของเลือดปลาทะเลน้ำลึกหายากชนิดหนึ่งก็ปรากฏออกมาชัดเจนบนร่างของวินดี้

 

“เล่นละครลิงเก่งดีนักนะ” มายามองร่างที่เพิ่งลงมือสังหารอย่างไม่ยินดียินร้าย ก่อนจะดึงเอากระดาษอีกแผ่นในกระเป๋าเสื้อโยนทิ้งไว้กับร่างไร้วิญญาณนั้น

 

บนกระดาษมีรายนามของกบฏอีกสี่คน หนึ่งในนั้นมีชื่อ วินดี้ สการ์เล็ต ซึ่งเป็นสกุลเดิมก่อนแต่งงานของนางปรากฏอยู่ด้วย

 

 

 

มายาเปิดประตูออกมาดูสภาพเหตุการณ์ด้านนอก ข้ารับใช้ทั้งชายและหญิงนอนกองไปกับพื้นในสภาพหายใจรวยรินหลายคน สภาพหมดลมหายใจก็หลายคน

 

อลินเก็บมีดสั้นเข้าฝัก ส่วนแชนกำลังจับสองพี่น้องมัดมือเอาไว้

 

“หัวหน้า จะให้ทำไงต่อ” อลินหันมาถามหญิงสาวที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องพลางเบือนสายตาไปยังเด็กน้อยทั้งสองคนที่ถูกจับมัดมืออยู่

 

“แค่คนแก่กับผู้หญิงไม่กี่คน เจ้าจะใช้มีดทำไม” แชนหันมาบ่นเพื่อนที่หนักมือเกินไปจนมีคนตายถึงสามคน

 

“พูดบ้าๆ! คนแก่สองคนนั่นเล่นงานข้าจนหัวแตกเลยเห็นไหมเนี่ย ข้าแค่โยกตัวหลบพวกนั้นก็ฟาดหัวกันเองต่างหาก” อลินชี้ไปทางพลั่วกับเสียมที่วางเป็นหลักฐานอยู่บนพื้น “ส่วนเจ้าคนที่ตกบันไดลงไปคอหักก็ฝีมือแกนั่นแหละ” เขาเถียง

 

“เอ้า! ก็เจ้านั่นพุ่งมาใส่ข้าก็ต้องหลบเหมือนกัน ใครจะไปรู้ว่าพอเบี่ยงหลบเจ้าหนุ่มขาเป๋จะพุ่งตกบันไดลงไปเลย” แชนทำหน้าเซ็งจัดที่เผลอฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา

 

มายาไม่ได้สนใจลูกน้องที่กำลังยืนเถียงกัน เธอเลือกจะเดินเข้าไปหาเด็กสาวทั้งสองคนแทน

 

“ขอโทษที่พวกเจ้าต้องมาเห็นอะไรแบบนี้” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง แต่สายตายังคงเย็นชาเช่นเดิม

 

โจแอนนาร้องไห้จ้าตัวสั่นประหนึ่งลูกนกน้อย ในขณะที่โจเซเฟียเพียงตาแดงก่ำแต่กลับไม่มีน้ำตาแม้สักหยด สาวน้อยแหงนหน้าขึ้นมาสบตากับฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเธออย่างไร้ซึ่งความกลัวใดๆ

 

“ถ้าปล่อยไปพวกเราคงมีโทษใช่ไหม” แชนเดินมาถามข้างๆ สีหน้าชายหนุ่มแฝงความหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด

 

“เนื้อร้ายต้องถูกตัดทิ้ง ก่อนที่มันจะลุกลาม” คำตอบเย็นเยียบของเธอทำให้ลูกน้องทั้งสองมองสบตากันก่อนจะถอนหายใจแรงเฮือกใหญ่

 

“เฮ้อ! ข้ารับทราบแล้ว” คราวนี้แชนยอมชักมีดสั้นของตัวเองออกมาหวังทำตามหน้าที่ที่ไม่อาจเลี่ยงได้

 

“ข้าจะลงมือเอง” มายาเอ่ยขึ้นแล้วหันไปบอกลูกน้อง “พวกเจ้าไปเตรียมรถม้ารอข้า”

 

“รับทราบ” อลินพยักหน้ารับแล้วตบบ่าแชนเรียกเพื่อนให้เดินตามมา ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นหนุ่มใจอ่อน เขาไม่เคยลงมือกับเด็กเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

เมื่อลูกน้องทั้งสองเดินจากไปไกลแล้ว ผู้ที่ต้องทำหน้าที่มือสังหารเองก็ชักดาบคู่ใจออกมาอีกครั้ง แล้วเงื้อมันขึ้นหวังจัดการให้เร็วที่สุด

 

ฉับ! ฉับ!

 

ดาบสีเงินตวัดออกไปเบื้องหน้าสองครั้งโดยไม่มีคำเอื้อนเอ่ยใดๆต่อกันก่อนเพื่อทิ้งท้าย หญิงสาวเก็บดาบเข้าฝักแล้วเดินจากไปทิ้งไว้เพียงความเงียบสงัดในเบื้องหลัง

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา