หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)

-

เขียนโดย Yuanjinxia

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.

  18 ตอน
  3 วิจารณ์
  5,640 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ผู้บุกรุก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ท่านพี่!!! ข้าจะไปหาท่านพี่!!!” เสียงเด็กน้อยร้องไห้ตะโกนปานจะขาดใจ

 

“คุณหนู เราต้องไปกันแล้วนะเจ้าคะ” สาวรับใช้กอดร่างเล็กเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

 

“ปล่อยข้า!!! ข้าจะไปหาท่านพี่!” เด็กน้อยยังคงดิ้นสุดแรงในอ้อมแขนของพี่เลี้ยง

 

หญิงสาวสูงศักดิ์ที่ยืนมองอยู่ มีน้ำหล่อเลี้ยงใสๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตา แต่เธอต้องพยายามกลั้นมันสุดชีวิต เพื่อไม่ให้เด็กน้อยตรงหน้าเห็น

 

“เจ้าต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังอาจารย์นะเข้าใจไหม” เธอสั่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“ไม่!!! ข้าไม่ไป!” เด็กหญิงตัวน้อยหวีดเสียงพร้อมกับดิ้นสุดแรง “ข้าจะไปอยู่กับท่าน! ท่านพี่!!!”

 

เด็กน้อยตะโกนร้องจนเสียงแหบแห้ง หวังให้ผู้เป็นพี่สาวใจอ่อนยอมพาเธอไปอยู่ด้วย แต่พี่เลี้ยงสาวยกตัวเธออุ้มขึ้นรถม้า และสั่งให้สารถีรีบออกเดินทางในทันที

 

“รีบไปซะ!”

 

“ไม่!!!!!”

 

 

 

“เฮือก!”

 

มายาสะดุ้งตื่นขึ้นท่ามกลางความมืด หญิงสาวเบิกตาโพลงมองเพดานห้อง เสียงหายใจของเธอหอบเล็กน้อยหลังตื่นขึ้นจากภาพเหตุการณ์ในอดีต เธอค่อยๆ เรียกสมาธิตนเองกลับมา จนจังหวะการหายใจเป็นปกติอีกครั้ง

 

ร่างกายของหญิงสาวยังคงนิ่งไม่ไหวติง นานมากแล้วที่เธอไม่ได้ฝันถึงเรื่องสมัยเป็นเด็ก หากผู้บัญชาการไม่กล่าวถึงเธอผู้นั้น ก็คงลืมไปแล้วว่าชีวิตก่อนจะมาอยู่ที่นี้เป็นเช่นไร

 

แก๊ก! แก๊ก!

 

เสียงลูกบิดประตูห้องของมายาดังขึ้นเบาๆ ราวกับว่ามีใครกำลังพยายามจะเปิดมัน หญิงสาวสอดมือไปใต้หมอน หยิบมีดสั้นมาถือไว้ในพร้อมรับมือกับผู้บุกรุก แต่แล้วเสียงนั้นก็เงียบไป

 

มายาลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบเชียบ พยายามมองลอดใต้ประตูดูเงาของคนร้าย มีเงาคนเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าห้องจริง เธอกระชับมีดสั้นในมือให้แน่นขึ้น แล้วค่อยๆ ย่องไปยืนชิดกำแพงฟังเสียงการเคลื่อนไหว

 

หอพักแห่งนี้เป็นหอพิเศษที่มีแต่คนในหน่วยมังกรทมิฬพักอาศัยอยู่เท่านั้น คนที่กล้าบุกที่นี่ ถ้าไม่ใช่โจรกระจอกธรรมดา ก็คงเป็นพวกบ้าที่ไม่รู้ว่ากำลังจะเจอกับอะไร

 

ฉึก! ฉึก!

 

เสียงมีดพุ่งแหวกอากาศดังอยู่ทางด้านนอกห้อง แต่มายากลับได้ยินมันอย่างชัดเจน

 

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เป็นเสียงของปราณที่ตะโกนใส่ใครสักคนอยู่ตรงทางเดิน

 

ไม่รอช้ามายาเปิดประตูห้องออกไปดู เห็นหลังของลูกน้องร่างบางผมสั้นกำลังวิ่งตามใครสักคนไปทางบันได ผู้เป็นหัวหน้าจึงวิ่งตามออกไปด้วยสัญชาตญาณ

 

 

 

ฉึก!

 

เสียงมีดสั้นอีกเล่มของปราณพุ่งไปปักคาอยู่ที่เสาไฟไม่ไกลจากหอพัก หญิงสาวยังคงขว้างใส่ผู้บุกรุกอย่างไม่ลดละ คนผู้นี้ว่องไวมากถึงขนาดวิ่งหนีคนที่ฝึกมาอย่างดีจากหน่วยของพวกเธอได้ จึงต้องไม่ใช้โจรกระจอกธรรมดาอย่างแน่นอน

 

ช่วงเวลานี้ดึกมากแล้ว ทำให้ร้านค้าและหอพักอื่นๆ ปิดกันหมด ตามตรอกจึงเงียบสงัดไร้ผู้คน มายาวิ่งอ้อมไปอีกทางหวังจะดักจับคนร้ายรายนี้ให้จงได้

 

 

 

ฉับ!

 

ดาบเหล็กชั้นดีฟันลงตรงหน้าคนร้ายห่างไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด มายาตามมาถึงก่อนจึงใช้ดาบเข้าหยุดไม่ให้คนผู้นี้หนีต่อได้

 

ลักษณะภายนอกของคนร้าย เป็นชายหนุ่มสูงโปร่ง ร่างกายแข็งแรงกำยำมองเห็นกล้ามเนื้อชัดเจนผ่านชุดที่แนบเนื้อ แต่เนื่องด้วยผ้าที่โพกปิดบังทั้งศีรษะ ทำให้มองเห็นเพียงดวงตาใสกระจ่างสีน้ำตาลที่ดูนิ่งเรียบของเขา

 

“ดูท่าคงไม่ใช่โจรกระจอก ที่มาปล้นแน่ๆ” มายากล่าว ในมือยังคงถือดาบทาบไว้ที่ลำคอของอีกฝ่าย

 

ชายร่างสูงไม่ตอบ เขาเพียงยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาช้าๆ เป็นเชิงยอมแพ้ แต่ก็เพียงแค่ตบตาเท่านั้น ชายหนุ่มใช้ความเร็วสาดผงควันใส่หน้าหญิงสาว

 

ฟุบ!

 

ควันสีขาวกระจายออกเป็นวงกว้าง มายาต้องใช้มือปิดปากปิดจมูกเพื่อไม่ให้ตัวเองสำลักและดูเหมือนชายผู้นั้นจะไม่ได้ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมอีกแล้ว

 

‘ความเร็วนี้มัน…ใครกันนะ’ มายานึกสงสัย

 

คนที่มีความเร็วเป็นสุดยอดจนเรียกได้ว่าอันดับหนึ่งในหน่วยลับอย่างเธอ กลับปล่อยให้คนร้ายลอยนวลไปต่อหน้าต่อตา เป็นเรื่องอัปยศที่เกิดขึ้นได้ยากจนนับนิ้วได้

 

 

 

“ไวจริงๆ เจ้าลิงนี่ หายไปไหนนะ!” เสียงปราณดังมาจากอีกทาง หญิงสาวเดินมองซ้ายมองขวาหาตัวคนร้ายด้วยความหงุดหงิด

 

เมื่อควันสีขาวค่อยๆ จางลง ทั้งคู่จึงมองเห็นกันได้ชัดขึ้น

 

“หัวหน้า! ท่านมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” หญิงสาวทักด้วยความสงสัย

 

“รีบกลับไปที่หอพัก” เธอสั่งลูกน้อง “เราอาจจะโดนหลอกให้ตามออกมา”

 

“หา!” ปราณอุทาน

 

ไม่ทันที่ลูกน้องจะได้ถามอะไรต่อ มายาก็รีบวิ่งกลับไปที่หอพักทันที

 

 

 

เมื่อมาถึงลูกน้องทั้งเจ็ดคนของมายาก็ยืนรออยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทุกคนตื่นขึ้นหลังจากมีคนร้ายพยายามบุกเข้ามาในหอพักอย่างไม่ทราบเจตนา

 

“ข้าได้ยินเสียงของปราณ หาว!” ลุคหาวปากกว้าง ท่าทางของเขายังงัวเงีย

 

“พวกเราโดนปล้นเหรอครับหัวหน้า” ชายร่างใหญ่ผิวเข้มในชุดนอนสีชมพูถาม ทั้งที่แขนยังกอดหมอนเอาไว้แน่น

 

“แหม่ รบกวนเวลาพักผ่อนจริงนะ โจรพวกนี้” เบตตี้ขยี้ตา

 

“นั่นสิ ทำไมไม่มาปล้นกลางวัน” เลโอทำหน้าเซ็งจัด

 

“ไม่มาเลยจะดีกว่านะคะ” มีนาขนลุกเมื่อคิดว่าต้องสู้กับโจรหน้าโหด เหมือนที่เจอในป่าชายแดน

 

ศิลากับอลินไม่พูดอะไร ทั้งคู่ไม่ชอบให้ใครมาปลุกตอนนอน โดยเฉพาะศิลาที่เกลียดการนอนไม่ตรงเวลาที่สุด

 

“มีอะไรหายไปบ้างไหม” มายาถามทุกคน

 

พวกเขาล้วนส่ายหน้า แต่เมื่อมายาสอดส่ายตามองไปรอบๆ จึงรู้ว่าของไม่ได้หายแต่มีคนหายไปแทน

 

“แชนหายไปไหน” เธอถามเสียงเข้ม

 

ทุกคนมองหน้ากันไปมา เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เจ้าคนพูดมากไม่ได้อยู่ตรงนี้

 

“อาจจะหลับอยู่รึเปล่า ข้าเห็นท่าท่างเขาอ่อนเพลียตั้งแต่เมื่อเย็น” เบตตี้ผู้เป็นคนตอบ

 

 

 

มายาเดินแหวกทุกคนไปที่หน้าห้องของแชน หญิงสาวเคาะประตูเสียงดัง แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ

 

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

 

เธอจึงเคาะเรียกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไม่มีการตอบกลับ หญิงสาวจึงถีบประตูเข้าไปในห้องนอนของแชนอย่างไม่รีรอ

 

ปึง!!

 

ภายในห้องชายหนุ่มผมหยักศกที่มักจะร่าเริงตลอดเวลากำลังนอนขดตัวอยู่บนเตียง เมื่อมายาเห็นแชนนอนซมอยู่แบบนั้นจึงเข้าไปใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเขา

 

“ตัวร้อนจี๋เลย” เธอบอกทุกคน ในใจพลางรู้สึกผิดที่ลงโทษใช้งานเขาทั้งวันจนเป็นแบบนี้

 

“ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นป่วย!” ปราณเท้าเอวบ่นเพื่อนร่วมงาน แต่ในใจก็นึกเป็นห่วงอยู่เช่นกัน “ให้ข้าจัดการเอง”

 

มายาพยักหน้า ปล่อยให้ปราณเป็นคนดูแลเรื่องนี้ ซึ่งเธอถนัดที่สุดในหน่วย

 

 

 

บรรดาเพื่อนร่วมหน่วยคนอื่นๆ ก็ได้แต่ยืนชะเง้อคอมองอยู่ด้านนอกห้อง ในใจก็ภาวนาให้เจ้าคนพูดมากกลับมาแข็งแรงเร็วๆ

 

“หัวหน้า ถ้ามีอะไรจะใช้งานบอกข้าได้เลยนะ” น้ำเสียงและแววตาใสซื่อของชายร่างยักษ์ผิวเข้มอย่างมิกกี้ บ่งบอกให้รู้ว่าเขาพร้อมจะช่วยทุกอย่างจากใจจริง

 

“ข้าจะไปขอสมุนไพรจากเมซ่ามาให้ก็แล้วกัน” แม้แต่เลโอก็ยังเสนอตัวจะช่วย

 

“ส่วนข้าจะ…” อลินเอ่ยยังไม่ทันจบ มายาก็รีบตัดบท

 

“แค่เป็นไข้เท่านั้น ไม่มีอะไรแล้วทุกคนไปนอนเถอะ หากมีอะไรผิดปกติก็ให้รีบมารายงานข้า” หญิงสาวอยากให้ลูกน้องได้ไปพักผ่อนหลังจากที่ต้องตื่นอย่างกะทันหันช่วงกลางดึก

 

“รับทราบค่ะ/ครับ” ทุกคนรับคำแล้วจึงแยกย้ายกันไปนอน

 

มายาหันไปมองใบหน้าซีดเซียวของคนที่นอนขดอยู่แล้วถอนหายใจ โชคดีที่ผู้บุกรุกไม่ได้ทำอันตรายอะไรเขา เพราะสภาพแบบนี้คงไม่อาจปกป้องตนเองได้

 

มายานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ มีคนบุกเข้ามาแต่ไม่ได้ขโมยสิ่งใดหรือทำร้ายใคร แล้วเหตุใดต้องพยายามเปิดประตูห้องของเธอ หรือสิ่งที่มันต้องการอยู่ในนั้น แต่จะเป็น 'สิ่งของ’ หรือ ‘ชีวิต’ ของเธอกันล่ะที่คนผู้นั้นต้องการ

 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น

 

“หัวหน้า มีจดหมายส่งมาค่ะ” เสียงใสๆ นี้เป็นของมีนา สาวน้อยที่เป็นดั่งดอกไม้งามประจำหน่วย

 

“จากใคร เอามาดูหน่อย”

 

มีนาไม่ได้ตอบ เพียงยื่นจดหมายส่งให้ผู้เป็นหัวหน้า เมื่อพลิกซองดูก็ไม่พบสัญลักษณ์อะไรที่บ่งบอกตัวตนผู้ส่ง มายาจึงแกะมันออกมาอ่าน คิ้วของเธอขมวดมุ่นเมื่ออ่านเนื้อหาที่อยู่ด้านใน

 

“บอกว่ามีเรื่องด่วนให้รีบไปหาเดี๋ยวนี้” มายาเอ่ยเสียงเบา

 

“ใครเหรอคะ หัวหน้า” มีนาถามอย่างใคร่รู้

 

“เมซ่าน่ะ มีเรื่องด่วนทำไมไม่ขี่ม้ามาหาที่หน่วยนะ” แม้จะสงสัยแต่ก็รีบคว้าเอาดาบแล้วตรงไปที่คอกม้า

 

 

 

“หัวหน้า ท่านจะไปไหน” ปราณที่เห็นหัวหน้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งจึงรีบถามขึ้น

 

“ไปบ้านเมซ่า เจ้าเองก็ไปด้วย” สั่งเสร็จก็โดดขึ้นหลังมาควบออกไปทันที

 

 

 

เมื่อมาถึง มายาเห็นสาวร่างเล็กผมยาวหยิกหย็องยืนร้องไห้ ถอดแว่นปาดน้ำตารอเธออยู่ที่หน้าบ้าน

 

“เกิดอะไรขึ้น” มายาถามหญิงสาว

 

สาวเจ้าไม่ยอมตอบแต่วิ่งมากอดเธอเหมือนเช่นเคย พลางร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก มายาต้องลูบหัวเป็นการปลอบใจให้เย็นลง

 

“ตายแล้ว ฮือๆ” หญิงสาวยังไม่หยุดร้อง

 

“ใจเย็น อะไรตาย” มายาสงสัย

 

เมซ่าชี้นิ้วเข้าไปในบ้าน มายาเริ่มรู้แล้วว่านั่นหมายถึงอะไร ปราณเดินนำเข้าไปก่อน สองคนจึงตามเข้าไปทีหลัง

 

 

 

“หัวหน้า ท่านต้องมาดูนี่” ปราณเรียกพลางขมวดคิ้ว ถอนหายใจอย่างหนัก

 

มายามองดูร่างไร้วิญญาณของชายสูงวัยที่นอนอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังบ้านด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดออกมาก แม้ในใจจะนึกโทษตัวเองอย่างหนักที่มัวแต่ทำงานจนปล่อยให้ชายผู้นี้ต้องเผชิญชะตากรรมที่น่าอดสู

 

“มันเกิดขึ้นได้ยังไง” มายาถามเสียงเย็น

 

“สามวันมานี้ข้าคอยดูแลเรื่องพิษให้เขาจนหายดี…ฮึก เมื่อวานข้าขี่ม้าไปหาเจ้าตั้งใจจะแจ้งข่าว…ฮึก แต่ลุงศิลาบอกว่าเจ้าไปประชุม ข้าก็เลยกลับก่อน…ฮึก” เมซ่าตอบทั้งที่ยังคงสะอึกสะอื้น

 

“เขาตายยังไง ตายเมื่อไหร่ เจ้ารู้ไหม” มายามองสำรวจร่างกายของมูมุนด้วยความอยากรู้ในสาเหตุ

 

“เมื่อคืนข้ามีนัดส่งเขากวางให้ลูกค้า ก็เลยออกไปครู่เดียว กลับมาก็เห็นเขานอนอยู่…ฮึก ข้าก็นึกว่าเขาหลับไป ตอนเช้าตื่นมาดูถึงเพิ่งรู้ว่าเขาตายแล้ว…ฮึก” เธอปาดน้ำตา “ขอโทษนะที่ดูแลเขาไม่ดีพอ”

 

มายาตบบ่าเมซ่าเป็นการปลอบใจ รู้ดีว่าสาวแว่นคนนี้ทุ่มเททำงานที่ได้รับมอบหมายเสมอ เธอเดินเข้าไปจับหน้าของมูมุนพลิกซ้ายขวา

 

“เจ้าตรวจศพดูหรือยัง”

 

“ฮึก!”

 

สาวแว่นหนาสูดน้ำมูกเสียงดังก่อนจะอธิบายสิ่งที่เธอรู้

 

“ข้าดูแล้ว มองผ่านๆ เหมือนแค่หลับไปเฉยๆ ไม่มีบาดแผล ไม่มีร่องรอยการต่อสู้”

 

“งั้นจะรู้ได้ไงว่าตายเองหรือถูกฆ่า” ปราณสงสัย “บางทีพิษที่เจ้ารักษาอาจยังเหลืออยู่ในร่างกาย”

 

“เป็นไปไม่ได้! ‘พิษดอกเข็ม’ จะทำให้ชาตามมือตามเท้าก่อนจะชาไปทั้งตั้ว แล้วระบบต่างๆ ในร่างกายก็จะค่อยๆ ล้มเหลวทีละอย่าง ใช้เวลาหลายวันกว่าจะทำให้ตาย เป็นพิษที่ทำให้ช้าลงซะมากกว่า ส่วนใหญ่นายพรานจะใช้ล่าสัตว์ ถ้าพิษยังเหลือก็ต้องออกอาการ แต่มูมุนกลับมาแข็งแรงปกติแล้ว เจ้าเองก็เคยเห็นสภาพคนถูกพิษตอนฝึก”

 

“อืม เรื่องนี้ข้าไม่เก่งเท่าเจ้า แต่ที่พูดมานั้นก็มีเหตุผล” ปราณพยักเห็นด้วยกับที่เมซ่าแจกแจง

 

“ที่น่าสนใจก็คือนี่!” เมซ่าเดินมาจับศีรษะของผู้ตายเอียงข้างจนมองเห็นหลังคอได้ชัดเจนขึ้น “…ตรงท้ายทอยตรงนี้มีรอยไหม้เล็กมาก แผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำแล้วด้วย ถ้าไม่สังเกตให้ดีคงนึกว่าเป็นไฝเม็ดเล็ก”

 

ทั้งคู่ก้มมองดูแผลที่ท้ายทอยของผู้ตายตามที่เมซ่าบอก ซึ่งรอยนั่นมีขนาดเล็กยิ่งกว่าหัวไม้ขีด

 

“ข้านึกว่ารอยยุงกัด” ปราณกล่าว

 

“มันเกิดจากอะไร” มายาขมวดคิ้ว

 

“บอกตรงๆ ข้าไม่เคยเห็นแผลแบบนี้ มันคล้ายรอยบุหรี่จี้ แต่ก็เล็กกว่ามากๆ” เมซ่ากล่าวอย่างจนปัญญา “ตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้ บางทีอาจแค่โดนตัวอะไรกัดธรรมดา หรืออาจจะเป็นสาเหตุการตายเลยก็ได้ ขอเวลาข้าสักหน่อย”

 

“ก่อนตายเขาได้พูดอะไรหรือบอกอะไรเจ้าไหม”

 

“ไม่พูด ไม่บอกอะไรสักอย่าง บอกแค่ว่าจะรอคุยกับเจ้าแค่คนเดียวเท่านั้น…” และเหมือนเมซ่าเพิ่งจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “อ๋อ! จริงสิ ไม่พูดแต่เขียนนะ” ไม่ว่าเปล่า เธอยังเดินไปหยิบกระดาษแผ่นใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยมาให้ดู

 

“เหมือนจะเขียนหรือวาดรูปอะไรสักอย่าง ข้าเองก็ดูไม่ออก” เมซ่ายักไหล่แล้วยื่นกระดาษส่งให้มายา

 

“เขาวาดรูปหลังคาบ้านทำไม” ปราณตั้งข้อสังเกตเมื่อพินิจรูปวาดที่เห็น

 

ภาพในกระดาษมีรูปวาดสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่และมีสัญลักษณ์คล้ายตะขอเบ็ดตกปลาสองหัว หรือที่ปราณมองว่าเป็นทรงคล้ายหลังคาบ้านอยู่ภายในสี่เหลี่ยมอีกที

 

“ภาพนี้ข้าขอเก็บไว้เอง ฝากเจ้าช่วยหาสาเหตุการตายต่อให้ด้วย หากมีอะไรเพิ่มเติมให้รีบมาบอกข้าทันที”

 

“สั่งเป็นหัวหน้าเลยนะ ข้าไม่ใช่ลูกน้องเจ้าแล้วสักหน่อย” สาวผมหยิกหย็องตัดพ้อ “แต่ก็ช่างเถอะ ข้ายินดี” ไม่ว่าเปล่า สาวเจ้ากระโดดกอดคอแล้วหอมแก้มของมายาทั้งซ้ายขวาจนเธอต้องรีบผลักออก

 

“หยุดได้แล้ว!” สาวมาดเข้มทำหน้าเบื่อโลกแบบสุดๆ ก่อนจะรีบเดินหนีไป

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา