หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)

-

เขียนโดย Yuanjinxia

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.

  18 ตอน
  3 วิจารณ์
  5,936 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) หัวหน้าหน่วยทั้งสี่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บ้านของเมซ่าอยู่เลยชานเมืองออกมาเล็กน้อย ทำให้คนไม่พลุกพล่านและไม่วุ่นวายมากเหมือนในตัวเมือง ภายในบ้านของสาวแว่นหนาผู้นี้เต็มไปด้วยของสะสมแปลกๆ หายากมากมาย ทั้งสัตว์สตัฟฟ์ สัตว์ดองในขวดโหล ตัวอ่อนสัตว์หายาก ชิ้นส่วนสัตว์น้ำ สัตว์บก แมลง พืชสมุนไพรราคาแพง ต้นไม้หายาก รวมถึงอาวุธโบราณที่เธอสะสมไว้ดูเล่น
 
“ลากเขามาตรงนี้” ผู้เป็นเจ้าของบ้านชี้บอก
 
“ฝากเจ้าช่วยรักษาเขาจนหาย แล้วให้เขาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งก่อน ข้าเสร็จธุระแล้วจะรีบมา” มายาเช็ดมือแล้วหันหลังกลับ
 
“เดี๋ยวสิ! เพิ่งมาเองนะจะกลับแล้วเหรอ” เมซ่ารีบท้วง
 
“ขอโทษทีนะ ข้ามีงานต่อ” พูดจบก็เดินจากไปแบบไร้เยื่อใยซะจนคนฟังหน้ามุ่ย
 
“ห้ามเจ้าผ่าชิ้นส่วนอะไรของเขาออกมานะ เข้าใจไหม” แชนแกล้งพูดยั่วเมซ่า พลางชี้นิ้วใส่หน้าเจ้าหล่อนแล้วยิ้มกว้างก่อนจะเดินตามหัวหน้าออกไป
 
“ดีใจที่ได้เจอเจ้านะ” ปราณจับมือทักทายเพื่อนเก่า แล้วออกไปรวมกับคนอื่นด้านนอก
 
เมซ่ายืนกอดอกทำปากจู๋เหมือนเด็ก แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ สาวร่างเล็กน้อยใจที่ทุกคนมาหาเธอแค่ครู่เดี๋ยวแถมฝากภาระไว้ให้อีก แต่ไม่มีใครอยู่คุยเล่นเป็นเพื่อนเธอเลยสักคน
 
 
 
ตึกดราโกไนต์
 
“กลับมาแล้วจ้าทุกคน!!!” แชนตะโกนทันทีที่เดินผ่านประตูหน้าตึกเข้ามา
 
ทุกคนที่กำลังทำกิจกรรมของตัวเองอยู่ด้านในหันมามองเป็นทางเดียวกัน เมื่อเห็นว่าสามคนที่ก้าวเท้าเข้ามาเป็
 
“หัวหน้า กลับมาแล้ว!”
 
“หัวหน้า!”
 
“หัวหน้า!”
 
“สวัสดีหัวหน้า!”
 
“การเดินทางราบรื่นไหมหัวหน้า”
 
ทุกครั้งที่มายากลับมาจากทำภารกิจ ทุกคนในหน่วยจะตะโกนเรียกเธอและมีสีหน้ายินดีปรีดา ภาพที่เห็นนี้ทำให้ใบหน้าอันเย็นชาไร้อารมณ์ของสาวมาดเข้มแย้มยิ้มออกมาได้เสมอ
 
“เอาอีกแล้ว พวกเจ้าคิดถึงกันแต่หัวหน้าทุกที” แชนทำท่างอนแก้มป่องแล้วสะบัดหน้าหนี แต่แทนที่จะดูน่ารักกลับดูน่าหมั่นไส้เสียมากกว่าในสายตาใครหลายคน
 
“ขอร้องล่ะ แกอย่าทำหน้าตาทุเรศแบบนั้นอีกนะ” เลโอแซะทันควัน
 
“น่ารักนะ เหมือนปลาทองมากเลย” มิกกี้อมยิ้ม
 
“เหมือนจริงด้วย” ลุคเดินมาจิ้มแก้มของรุ่นพี่ในหน่วยอย่างไม่นึกเกรงใจ
 
“พอเลยนะพวกแก!!” คนโดนแซวปัดมือของลุคแล้วแยกเขี้ยวยิงฟันขาวใส่ทุกคนที่กล้าล้อเลียนเขา
 
“ก็คิดถึงทุกคนนั่นแหละค่ะ” มีนาว่าพลางเดินไปกอดแขนของปราณแล้วซบไหล่หญิงสาว
 
คนโดนซบไหล่เอามือลูบหัวสาวน้อยด้วยความเอ็นดู
 
“ถ้าคิดถึง งั้นมากอดข้าบ้างสิ” คนพูดมากยื่นแขนสองข้างออกมารอรับอ้อมกอดจากสาวน้อย
 
เลโอที่เห็นดังนั้นก็ถึงกับตาเขียวใส่คนเจ้าเล่ห์ที่กำลังยืนหลับตาพริ้มรออ้อมกอดอย่างไม่สะทกสะท้าน
 
“มากไปหน่อยไหมเจ้านี่!” ปราณบ่นใส่
 
“มากอดข้ามา ข้าคิดถึงเจ้า” อลินเอ่ยขึ้น
 
หมับ!
 
ไม่ว่าเปล่า เจ้าตัวยังเดินเข้าไปกอดแชนจริงๆ แล้วเอาหน้าซบไปบนแผงอกของหนุ่มตัวโตกว่าเบื้องหน้า ทำเอาคนโดนซบเบิกตาโพลงขนลุกซู่ รีบผลักเพื่อนร่วมหน่วยออกไปให้ห่าง
 
“โอ๊ย! ไอ้บ้า แกอย่าเข้ามาใกล้ข้านะโว้ย!!” แชนโวยวายพลางเอามือมาปิดป้องแผงอกตัวเองไว้
 
“ฮ่าฮ่าฮ่า!!!”
 
“ไงล่ะ อยากได้กอดนักไม่ใช่เหรอ ฮ่าฮ่า!” อลินเย้า
 
ท่าทางหวาดกลัวแบบตลกๆ ของชายหนุ่มผมหยักศก ทำเอาเพื่อนๆ ปล่อยเสียงหัวเราะลั่นไปทั่วห้องโถง แม้แต่มายาเองที่ยืนมองลูกน้องหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานยังแอบยิ้มไปด้วย
 
 
 
ตึกดราโกไนต์มีห้องลับชั้นใต้ดินขนาดใหญ่ซ่อนอยู่อีกถึงสองชั้น ชั้นแรกเป็นห้องเหล็กกล้าโครงสร้างแข็งแกร่ง ใช้เป็นคลังแสงเก็บอาวุธของหน่วยที่มีสะสมไว้เกือบทุกรูปแบบ เพื่อให้คนในหน่วยได้นำไปใช้สำหรับแต่ละภารกิจ
 
ส่วนชั้นล่างเป็นห้องที่เจาะชั้นดินลึกลงไปอีก เนื่องจากไม่ได้เปิดใช้งานมาหลายร้อยปี จึงถูกปิดตายและขาดการบูรณะ ในห้องนั้นมีเพียงโลงบรรจุศพของคนผู้หนึ่ง ซึ่งก็คือหัวหน้าหน่วยมังกรทมิฬคนแรกเก็บรักษาไว้เท่านั้น
 
มายากำลังช่วยลูกน้องอีกสามคน ทั้งแชน มีนาและลุค ทำความสะอาดอาวุธและตรวจเช็กรายการที่ต้องจัดซื้อเพิ่มอยู่ในห้องคลังแสง ปราณที่เพิ่งได้รับจดหมายด่วนมาใหม่ ก็นำมาส่งให้หัวหน้าถึงที่
 
“หัวหน้าคะ มีจดหมายด่วนส่งมาจากศูนย์บัญชาการใหญ่ค่ะ” หญิงสาวยื่นจดหมายประทับตราของสัตว์สี่ชนิดส่งให้มายา
 
เธอรับมันมาเปิดอ่าน ก่อนจะเอ่ยปากบอกทุกคนในห้องนั้น
 
“ประชุมสำคัญอีกสามวัน”
 
“แล้วพวกเราได้รับภารกิจอะไรมาเพิ่มไหมหัวหน้า” ลุคเอ่ยถาม เพราะช่วงนี้ทุกคนว่างงานกันเสียจนน่าเบื่อ
 
“ช่วงนี้ยังไม่ต้องทำอะไร ดูเหมือนจะมีการปรับหน้าที่ของหน่วยใหม่ อะไรๆ เลยยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ข้าอาจจะพาคนไปด้วยสักสองคนให้ช่วยงานเล็กน้อย”
 
แชนที่ได้ฟังดังนั้นก็รีบทำตัวยืด ยิ้มกริ่มหน้าบานพลางหันไปยักคิ้วใส่ลุคด้วยท่าทางยียวน
 
“อัคนีกับนทีกลับมาหรือยัง” มายาหันมาถามปราณ
 
“ยังเลยค่ะ ดูท่ารอบนี้จะเจองานหนัก ไม่ส่งข่าวกลับมาหลายเดือนแล้ว” มีนา สาวน้อยน่ารักจิ้มลิ้มเป็นคนรายงานแทน
 
“งั้นเจ้าสองคน ‘มีนา’ ‘ลุค’ ไปกับข้า” มายาชี้ไปทางลูกน้องสองคนที่อายุน้อยที่สุดในหน่วย
 
“เยส!!!”
 
ลุคส่งเสียงดีใจสุดขีด แล้วหันไปยักคิ้วคืนให้แชนที่กำลังอ้าปากค้างอยู่ในตอนนี้ ส่วนมีนาก็กำลังชี้นิ้วใส่ตนเองแล้วยืนอึ้งไป ด้วยไม่คาดฝันว่าจะถูกเลือก
 
การประชุมของหัวหน้าหน่วยทั้งสี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับลูกน้องในหน่วยทุกคน เพราะใครๆ ก็อยากเห็นความอลังการภายใต้รั้วทองคำนั่น
 
โดยปกติมายามักจะเลือกรองหัวหน้าหน่วยอย่างลุงศิลาหรือป้าเบตตี้ที่อยู่กับหน่วยมานานที่สุดให้ไปประชุมด้วย หลังๆ มาจึงเริ่มพาลูกน้องคนอื่นไปแทนบ้างเพื่อเปิดหูเปิดตา แต่คนที่เคยได้รับโอกาสอันยอดเยี่ยมนี้ ก็มีเพียงแค่ ปราณ อัคนี และนทีเท่านั้น
 
 
 
สามวันผ่านไป หลังจากที่แชนพยายามเรียกร้องความสนใจจากผู้เป็นหัวหน้า ทั้งทำตัวเด่น ขยันขันแข็งช่วยงานทุกอย่าง ไปจนถึงงอแงเหมือนเด็กน้อยแต่ก็ไม่สำเร็จ ชายหนุ่มต้องเฝ้าอยู่ที่ตึกดราโกไนต์ตามคำสั่งของมายา และต้องทำความสะอาดพื้นทั้งสามชั้นเพียงคนเดียว เป็นการลงโทษที่สร้างความรำคาญให้กับเพื่อนร่วมหน่วยทุกคน
 
มายา มีนาและลุค ทั้งสามคนขี่ม้ามาจนถึงประตูทางเข้าวังทางทิศใต้แต่เช้า การตรวจเป็นไปอย่างเข้มงวดเช่นเดิม ทั้งการลงทะเบียนชื่อ สังกัดหน่วย เหตุผลการขอเข้าวัง ไปจนถึงตรวจตราอาวุธที่นำติดตัวมาด้วยอย่างละเอียด มายาเข้าออกสถานที่แห่งนี้บ่อยครั้งจึงมีท่าทีปกติ แต่ลูกน้องทั้งสองของเธอกลับตื่นเต้นและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันตลอดทาง
 
เมื่อเข้ามาภายใน ทั้งคู่ก็ต้องอ้าปากค้างให้กับความอลังการของสิ่งก่อสร้างทั้งหมดที่เห็น ความหรูหราเกินบรรยายนี้เหนือจากที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก ทองคำแท้ที่ฉาบไปบนผนังสิ่งก่อสร้างแทบทุกหลัง รวมไปถึงเพชรนิลจินดาที่นำมาประดับตามขอบประตูหน้าต่างและเสาอาคาร ประหนึ่งว่าเป็นเพียงก้อนกรวดก้อนหนึ่งเท่านั้น ทำให้ทั้งสองมาอย่างตะลึงงัน
 
มายาเดินนำลูกน้องผ่านสวนดอกไม้กว้างตรงไปยังตึกของศูนย์บัญชาการใหญ่ ที่นั่นมีชายและหญิงใส่ชุดสีต่างกันยืนอยู่รออยู่แล้วหลายคน
 
“นั่นชุดคลุมสีน้ำเงินพวกหน่วยพยัคฆ์กร้าว” ลุคชี้ไปยังชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
 
“ชุดคลุมสีเขียวพวกเต่าแห่งปราชญ์ใช่ไหม เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเลย” มีนาเองก็ตื่นเต้นไปด้วยเมื่อมองไปยังหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
 
“แล้วสีขาวอยู่ไหน หน่วยอินทรีเงายังไม่มาเหรอ” ลุคมองไปรอบๆ หาอีกหน่วยที่ยังไม่เห็น
 
มายาหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าทางเข้าหลักของตึก แล้วหันมาสั่งงานลูกน้องตนเอง
 
“ตอนข้าประชุมพวกเจ้าสองคนต้องรอด้านนอก เดินเล่นแถวนี้ไปพลางๆ ก่อน ขากลับค่อยไปช่วยข้าขนของ”
 
“รับทราบค่ะ/ครับ หัวหน้า” ทั้งคู่รับคำพร้อมกันน้ำด้วยเสียงแข็งขัน
 
 
 
เมื่อมายาก้าวเท้าเข้ามาด้านใน เธอมองไปรอบๆ ห้องประชุมใหญ่ที่ตอนนี้ยังคงเงียบสงัด ผู้นำหน่วยยังมากันไม่ครบทุกคน ที่มุมด้านหนึ่งของห้องมีชายชราผมและหนวดเคราสีขาวโพลน กำลังนั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ มือขวาถือไม้เท้าที่บนยอดเป็นรูปเต่าทำจากโลหะชนิดหนึ่ง บนกระดองของมันมี ‘อัญมณี’ สีแดงเม็ดใหญ่ฝั่งอยู่
 
“ดูท่าจะเรื่องสำคัญ แม้แต่ท่านก็ต้องลงเขามาร่วมประชุมด้วย” หญิงสาวเอ่ยทักชายชราอย่างคุ้นเคย
 
“เป็นคำสั่งผู้บัญชาการข้าก็ต้องมา” อีกฝ่ายตอบโดยที่ยังไม่ลืมตา
 
“ใช้ให้ข้าดูสักครั้งได้ไหม” เธอเดินเข้ามาใกล้ชายชรามากขึ้น
 
“เจ้าอยากดูอะไร” อีกฝ่ายถามต่อ
 
“ท่านก็น่าจะรู้ว่าข้าอยากดูอะไร” สีหน้าของมายาฉายความอยากรู้อยากเห็นแบบเด็กๆ ชนิดที่หาได้ยาก จนลูกน้องของเธอคงไม่มีมีวันได้เห็น
 
“เซ้าซี้ข้าไม่เลิกตั้งแต่เด็กยันโตเลยนะ” คนพูดขมวดคิ้วแต่คนถามหาได้สะทกสะท้าน
 
“ข้าอยากรู้ว่าทับทิมเลือดทำงานยังไง เวทมนตร์ของมันเป็นแบบไหน แล้วมันฆ่าคนยังไง”
 
“ข้าก็เคยบอกเจ้าไปแล้วองค์ปฐมกษัตริย์สั่งห้ามใช้เวทมนตร์อีกหลังสงครามจบ ตอนนี้ใช้มันกางเขตอาคมให้กับวังหลวงแค่อย่างเดียว” ชายแก่นามคาลอสตอบกลับอย่างใจเย็น
 
“ก็ถ้ามันมีประโยชน์ขนาดนั้น ทำไมถึงสั่งทำลายทิ้งหมด ไม่เหลือเอาไว้ให้ทหารใช้ป้องกันตัวจากศัตรูบ้างล่ะ” มายายังคงสงสัย
 
คราวนี้คาลอสลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าหญิงสาวเขม็งหวังให้เธอกลัว “มีประโยชน์ก็ต้องมีโทษ” เขาตอบ “ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าจะเป็นเด็กช่างสงสัยเช่นนี้ คงไม่อนุญาตให้เจ้าขึ้นไปอ่านหนังสือที่ชั้นสองแต่แรก”
 
มายายักไหล่พลางยิ้มจางๆ ให้กับผู้เฒ่าที่เธอเคารพนับถือโดยไร้ซึ่งความกลัวใดๆ คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ที่ช่วยฝึกสอนเธอเมื่อครั้งวัยเยาว์และยังเป็นหัวหน้าหน่วยเต่าแห่งปราชญ์ที่มายาเคยสังกัดในวัยเด็ก
 
 
 
“เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเอ๋ย ข้าสงสัยซะจริง ท่านออตโต้เห็นอะไรในตัวเจ้า”
 
น้ำเสียงแฝงความดูถูกที่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้สีหน้าของมายาเปลี่ยนไปเรียบเฉยอีกครั้ง
 
“โมโหแทนลูกน้องเหรอ อาเธอร์” เธอตอบเสียงเย็นแล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้พูด
 
ชายวัยสามสิบห้า ผมตั้ง ผิวขาวจนซีด เดินถืออาวุธยาวคู่ใจเข้ามาอย่างกับจะหาเรื่องหญิงสาวตรงหน้า ร่างกายที่ใหญ่โตบวกกับผ้าคลุมขนสัตว์หนาเตอะ ส่งให้เขาดูตัวใหญ่และน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก แต่ผู้ที่ตัวเล็กกว่าไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวหรือสะทกสะท้านแต่อยากใด
 
“ดวลกับข้าสักตั้งสินังหนู ถ้าเจ้าแพ้ ข้าก็ยินดีจะช่วยปลอบใจเจ้าคืนนี้…ซืด…อ่า...!!” เขายื่นหน้ามาใกล้หญิงสาวพลางจับปอยผมของเธอมาสูดดมและส่งเสียงยั่วเย้าใส่อีกฝ่าย
 
พลั่ก!
 
ฉับ!
 
มายาผลักชายตรงหน้าออกไปอย่างแรง พร้อมชักดาบคู่กายฟันฉับเข้าที่คออย่างรวดเร็ว แต่อาเธอร์เอนกายหลบทันพร้อมยกง้าวขึ้นมาแทงสวน หญิงสาวดีดตัวถอยห่างอย่างเฉียดฉิว
 
พละกำลังมหาศาลของอาเธอร์ หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์กร้าวเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว มายาเองรู้จุดแข็งข้อนี้ดี แต่ถึงอย่างนั้นชายร่างกำยำผู้นี้ก็ไม่เคยตามความเร็วของเธอทันเลยสักครั้ง
 
“ย้าก!!!”
 
เปรี้ยง!!
 
โครม!!
 
เขาคำรามเสียงดังลั่นพร้อมฟาดง้าวลงไปบนโต๊ะประชุมตัวใหญ่ที่ทำจากไม้มะค่าขัดเงาจนพังเละ มายาเองก็เอาแต่ดีดตัวหลบไปมา ปล่อยให้ชายผู้นี้คลั่งได้ตามใจ
 
“สู้สิ! ข้าท้าเจ้าอยู่นะ นังเด็กขี้ขลาด!” อาเธอร์เริ่มเดือดได้ที่ เขาพยายามพูดยั่วยุอีกฝ่าย
 
ตู้ม!
 
โครม!
 
เพล้ง!
 
มายากระโดดหลบง้าวที่ฟาดฟันลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เอ่ยคำใดเพื่อโต้ตอบกลับ ข้าวของอื่นๆ ภายในห้องประชุมใหญ่อย่างตู้โชว์ ถ้วยชามเก่าแก่ โต๊ะและเก้าอี้ทุกตัว ถูกความเกรี้ยวกราดของอาเธอร์ทำลายจนย่อยยับ ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินตวัดดาบสวนกลับไปโดยเล็งที่ศีรษะของชายบ้าคลั่งผู้นี้
 
ฟับ!
 
เส้นผมสีน้ำตาลเข้มหลุดร่วงลงมาจำนวนหนึ่ง อาเธอร์ยกมือขึ้นกุมศีรษะตรงรอยแหว่งนั้น ใบหน้าของเขาแดงขึ้นจนเหมือนมะเขือเทศสุกงอม บ่งบอกได้ถึงความโกรธจัด
 
“นังคนจองหอง! แก!!!” ชายฉกรรจ์กัดฟันกรอด ก่อนจะพุ่งเข้าใส่เธออย่างหมายเอาชีวิต
 
เคร็ง!
 
เสียงเหล็กกระทบเหล็กดังลั่น แต่คนที่เข้ามาหยุดง้าวของอาเธอร์นั้นหาใช่มายา
 
บุรุษรูปร่างสูงสง่าภายใต้ผ้าปิดบังใบหน้าและเสื้อคลุมสีขาวยื่นดาบใหญ่ของเขาออกไปขวางก่อนที่ง้าวนั้นจะฟันลงบนศีรษะของหญิงสาว ที่ใจแข็งพอจะไม่หลบแม้จะสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย
 
“ท่านจะคอยหาเรื่องนางทุกครั้งไปทำไมกันนะ อาเธอร์” ชายผู้มาใหม่กล่าวเสียงเรียบก่อนจะเก็บดาบยักษ์ของตัวเองใส่ในปลอกด้านหลัง
 
“เจ้าก็มาขวางได้ทุกครั้งนะ โลกิ” เมื่อมีคนมาหยุด อาเธอร์จึงยอมลดง้าวลง
 
“ท่านเองก็เอาแต่ดูนะ ไม่คิดจะห้ามสักหน่อยเหรอ ผู้เฒ่าคาลอส” ชายเจ้าของนามโลกิหันไปพูดกับคนที่นั่งดูการต่อสู้เงียบๆ มาตลอด
 
“ก็แค่เด็กทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ ฮ่าฮ่า” ชายชรากล่าวพลางหัวเราะชอบใจ
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา