หัวใจรักเร้นวิญญาณ
-
เขียนโดย ไอรินรดาดาว
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 14.36 น.
13 ตอน
3 วิจารณ์
7,418 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2565 19.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) บทที่ 5 บริษัท
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความจักรวาลเปิดประตูห้องนอนของตนเอง เขาดูไปรอบๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ชาลิสามีข้อดีคือนิสัยที่ว่านอนสอนง่ายและไม่วุ่นวายกับข้าวของหรือชีวิตของใคร แต่ต่อไปนี้เขาจะต้องมีเธออยู่ข้างกายเขาตลอดไป
เขาล้มตัวลงนอนบนโซฟาภายในห้อง ภายในหัวของเขาคิดเรื่องราวสารพัด จนกระทั่งหลับไปเมื่อไหร่ไม่ทราบ ก็รู้สึกถึงมีใครสักคนมาเขย่าแขนเขาเบาๆ
“อือ….ขอพี่นอนต่ออีกหน่อยนะ”
เขาค่อยๆ ลืมตาหันมาทางด้านข้างที่น่าจะเป็นที่มาของแรงนั้น แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า!!!
“หรือว่าเราฝันไปหว่า….”
ดวงตาของจักรวาลจ้องมองไปที่มุมหนึ่งของห้อง เขาเริ่มนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง จึงรีบลุกขึ้นและออกจากห้อง
“จ๊ะเอ๋…คนดีของพี่จักร”
จักรวาลถือนมร้อนไปให้กับชาลิสาที่ห้องนั่งเล่น ชาลิสาที่กำลังอ่านหนังสือบนโซฟานุ่มรีบลดหนังสือลง แววตาของเธอเป็นประกายเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่ม รอยยิ้มของเธออาบใบหน้า แสดงถึงความดีใจอย่างเป็นที่สุด
“พี่จักรตื่นแล้วเหรอคะ เป็นยังไงคะสดชื่นขึ้นไม๊?”
เธอถามผู้เป็นสามีอย่างอารมณ์ร่าเริง พร้อมกับรับนมแก้วนั้นมาดื่ม
“จ้า เดี๋ยว…พี่หาอะไรทานก่อนนะ ลิสาก็อาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
หมับ!!! ชาลิสาจับแขนชายหนุ่มขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป
“คืนนี้พี่จะไม่ออกไปไหนใช่ไหมคะ?”
สิ่งที่ชาลิสากลัวที่สุดคือ หากคืนนี้เขายังออกไปและไม่กลับมาอีก จะต้องมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเธอแน่ๆ ชายหนุ่มจับมือชาลิสามากุมไว้พร้อมกับยิ้มบางๆ
“ไม่หรอกจ้า นี่…หากินในห้องครัวนี่เอง หวังว่าจะมีอะไรเหลืออยู่นะ” เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะวางมือชาลิสาลง
“ลิสา พี่น่ะ…ติดงานจริงๆ และคืนนี้ก็ไม่มีธุระที่จะต้องออกไปไหนแล้วนะจ้ะคนดี”
เขาลูบหัวเธอเบาๆ แววตาของชาลิสาแสดงถึงความออดอ้อน
“เอาน่ะ…ป่ะ อาบน้ำเร้ว คนเก่ง”
ทั้งสองหัวเราะเบาๆ แล้วแยกย้ายกัน ชาลิสาใช้ห้องอาบน้ำที่อยู่ในห้องนอนของจักรวาลและอาบน้ำร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี ขณะที่เธอก้าวออกมาจากห้องน้ำ เธอกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่กับเธอในห้อง
“ไม่นี่ บ้านหลังนี้ไม่มีสัตว์เลี้ยงซะหน่อย”
เธอคิดพลันสายตาก็มองไปรอบๆ ห้อง ห้องนอนที่มีแต่เธอเวลานี้ช่างวังเวงยิ่งนัก เธอรีบสวมชุดนอนให้เรียบร้อย แล้วกระโดดมุดผ้าห่ม
“ก๊อกๆ แกร่ก….”
เธอพยายามหลับตาในผ้าห่ม สักพักเสียงประตูเปิดก็ดังขึ้น ก่อนที่สติของเธอจะเลือนหายไป
“จิ๊บๆ ….”
เสียงนกร้องดังเข้ามาในห้องนอน ชาลิสารู้สึกปวดหัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอมองไปที่หน้าต่าง
“ทำไมสว่างจังนะ”
เธอเหลือบมามองนาฬิกาที่วางข้างหัวเตียงเหมือนเช่นเคยกับตอนที่ยังอยู่บ้านของตนเอง
“เก้าโมงเช้า!!! แม่เจ้า…”
ชาลิสารีบทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว และลงมาจากห้องนอนชั้นบนราวกับจะเหาะลงมา และก็แน่นอน ทุกคนในบ้านต่างก็ออกไปทำธุระกันหมดแล้ว เหลืออาหารเช้าไว้ให้เธอที่ริมสระ อาหารเช้าที่เย็นชืดเพราะเธอตื่นสายเอง
“ทานให้หมดนะจ๊ะคนดี หมดนี่ พี่ทำเอง….จักร”
กระดาษโน้ตแผ่นน้อยๆ วางอยู่บนโต๊ะข้างจานอาหารเช้า ซึ่งมีไข่ดาว แฮม เบคอน และนมวานิลาร้อน ที่ตอนนี้ไม่ร้อนแล้ว…
“ทำไมเราตื่นสายได้นะ หรือว่าที่นอนบ้านนี้จะหลับสบายมากเกินไป”
เธอสงสัยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร อาจจะเพราะความเหนื่อยล้าจากการติดต่องานหลายเรื่องก่อนเข้าพิธีงานวิวาห์ ซึ่งงานนี้เธอและจักรวาลเป็นคนเลือกสรรคทุกอย่างด้วยตัวเอง
……………………………..
จักรวาลเหม่อมองออกไปข้างนอกอย่างไร้จุดหมาย เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานห้องประธานบริษัทที่ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใส มองทะลุออกไปเห็นทิวทัศน์ในเมืองด้านล่างอย่างชัดเจน
“ก๊อกๆ ….”
สิ้นเสียงเคาะกระจก ชายหนุ่มรูปร่างสูงก็เดินเข้ามา ชินกฤตนั่นเอง เพราะจะเป็นใครไม่ได้ที่จะเข้ามาโดยไม่ต้องให้เขาขานรับ
“ทางธนาคารได้อนุมัติแล้วนะครับ เราจัดการทุกอย่างต่อได้เลย”
จักรวาลหันตามเสียงที่กำลังพูดคุยกับเขาช้าๆ ดูท่าทางเจ้านายของเขาวันนี้จะไม่อยากทำงานอะไรเอาเสียเลย
“แต่ทางธนาคารได้ยื่นข้อแม้มาว่า หากไม่ชำระส่วนที่เหลือ จะไม่อนุมัติงวดใหม่ให้นะครับ”
ชินกฤตขอตัวออกไปทำงานต่อ แต่ประโยคนี้ทำเอาเจ้านายรูปหล่อของเขาต้องคิ้วขมวด
“ให้ตายสิ จะบีบไปถึงไหน จะเอาให้ตายรึยังไง”
จักรวาลสบถเบาๆ และมองเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า เป็นเอกสารข้อมูลที่ชินกฤตเร่งทำให้สดๆ ร้อนๆ อีกไม่นานเขาจะต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะพาบริษัทไปไม่รอด
“พ่อครับ ถ้าพ่อยังอยู่คงจะดี”
ชายหนุ่มแอบคิดในใจ ภายในใจของเขามันมีประโยคต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวแทบจะตีกันตาย ความวุ่นวายใจอันนี้ เขาจะต้องจบโดยเร็ว สายตาของเขาหยุดอยู่ที่กรอบรูปเล็กๆ บนโต๊ะ เป็นรูปของเด็กชายสองคนยืนกอดกัน….
“ไปเป็นเพื่อนกินข้าวกลางวันหน่อยสิ”
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดหลังจากปลายสายกดรับ การที่เขาไม่ต้องพูดเกริ่น ก็แสดงถึงความสนิทสนมกับปลายสายเป็นอย่างดี เขาออกจากห้องเดินออกไปอย่างรวดเร็ว และบอกกับชินกฤตว่าจะไม่เข้ามาบริษัทอีกแล้ว
“คิกๆ คงคิดถึงเมียแหง๋ๆ”
เหล่าบรรดาสาวๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ชินกฤตพากันซุบซิบและหัวเราะคิกคัก ชินกฤตหันไปมองกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่กำลังคุยถึงเจ้านายอย่างสนุกสนานตามประสาพวกเธอ
“อารายยะ นังชิน…มองหน้าเหอะ อย่าได้ไปฟ้องเชียวนะหล่อน”
เพื่อนสาวคนหนึ่งพูดออกมาหลังจากสบตากับชินกฤตที่มองอยู่ สาวๆ ที่เหลือพากันขำอย่างอดไม่ได้ เขาเองก็ทำงานกับเพื่อนกลุ่มนี้มานานและเป็นปกติที่พวกเขาจะล้อเล่นกันแบบนี้อยู่เป็นประจำ เขาสะบัดศีรษะและก้มหน้าทำงานต่อไป ถึงแม้เขาจะเป็นคนเงียบๆ แต่ก็เป็นที่รักของกลุ่มเพื่อนร่วมงาน เพราะชินกฤตคนนี้เป็นคนที่เพื่อนๆ ไว้ใจได้เสมอ
“กรี๊ด…เข้าไม่ได้นะคะ คุณ!!! เดี๋ยว!!!.”
พนักงานต้อนรับด้านล่างและ รปภ. ต่างวิ่งฉุดชายท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งที่กำลังพุ่งตรงเข้ามายังแผนกของเขา ในขณะที่ทุกคนต่างตกใจ ชินกฤตเดินเข้ามาไหว้ทำความเคารพเขาอย่างใจเย็น
“คุณชินกฤต เจ้านายคุณอยู่ไหน? เรียกมาพบผมเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ชายภูมิฐานรุ่นลุงพูดด้วยความโมโห ชินกฤตค่อนข้างตกใจแต่พยายามเก็บอาการก่อนที่พนักงานอื่นๆ จะขวัญเสีย
“คุณจักรวาลติดธุระครับ วันนี้จะไม่เข้ามาอีกแล้ว”
เขาตอบอย่างใจเย็น แต่ชายคนดังกล่าวกลับโยนกระดาษปึกหนึ่งใส่มือเขา
“ถ้าเจ้านายคุณไม่ให้คำตอบผมก่อนเก้าโมงพรุ่งนี้ เราได้เห็นดีกันแน่!!!”
ชินกฤตรับกระดาษปึกนั้นอย่างงุนงง หลังจากที่ชายคนนั้นกลับออกไป เขานำเอกสารปึกนั้นมาจัดใส่แฟ้มเสนอ แต่แล้วเขาก็ตาเบิกโพลงกับจั่วหัวกระดาษที่ระบุว่า “ใบแจ้งหนี้” และจำนวนเงินที่อยู่ในนั้นแทบจะทำให้ทุกคนในบริษัทนี้ต้องตกงานกันเลยทีเดียว
……………………….
เง้อ…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนต่อไปนางเอกของเราน่าจะเหนื่อยหน่อยละน้า
เขาล้มตัวลงนอนบนโซฟาภายในห้อง ภายในหัวของเขาคิดเรื่องราวสารพัด จนกระทั่งหลับไปเมื่อไหร่ไม่ทราบ ก็รู้สึกถึงมีใครสักคนมาเขย่าแขนเขาเบาๆ
“อือ….ขอพี่นอนต่ออีกหน่อยนะ”
เขาค่อยๆ ลืมตาหันมาทางด้านข้างที่น่าจะเป็นที่มาของแรงนั้น แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า!!!
“หรือว่าเราฝันไปหว่า….”
ดวงตาของจักรวาลจ้องมองไปที่มุมหนึ่งของห้อง เขาเริ่มนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง จึงรีบลุกขึ้นและออกจากห้อง
“จ๊ะเอ๋…คนดีของพี่จักร”
จักรวาลถือนมร้อนไปให้กับชาลิสาที่ห้องนั่งเล่น ชาลิสาที่กำลังอ่านหนังสือบนโซฟานุ่มรีบลดหนังสือลง แววตาของเธอเป็นประกายเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่ม รอยยิ้มของเธออาบใบหน้า แสดงถึงความดีใจอย่างเป็นที่สุด
“พี่จักรตื่นแล้วเหรอคะ เป็นยังไงคะสดชื่นขึ้นไม๊?”
เธอถามผู้เป็นสามีอย่างอารมณ์ร่าเริง พร้อมกับรับนมแก้วนั้นมาดื่ม
“จ้า เดี๋ยว…พี่หาอะไรทานก่อนนะ ลิสาก็อาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
หมับ!!! ชาลิสาจับแขนชายหนุ่มขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป
“คืนนี้พี่จะไม่ออกไปไหนใช่ไหมคะ?”
สิ่งที่ชาลิสากลัวที่สุดคือ หากคืนนี้เขายังออกไปและไม่กลับมาอีก จะต้องมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเธอแน่ๆ ชายหนุ่มจับมือชาลิสามากุมไว้พร้อมกับยิ้มบางๆ
“ไม่หรอกจ้า นี่…หากินในห้องครัวนี่เอง หวังว่าจะมีอะไรเหลืออยู่นะ” เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะวางมือชาลิสาลง
“ลิสา พี่น่ะ…ติดงานจริงๆ และคืนนี้ก็ไม่มีธุระที่จะต้องออกไปไหนแล้วนะจ้ะคนดี”
เขาลูบหัวเธอเบาๆ แววตาของชาลิสาแสดงถึงความออดอ้อน
“เอาน่ะ…ป่ะ อาบน้ำเร้ว คนเก่ง”
ทั้งสองหัวเราะเบาๆ แล้วแยกย้ายกัน ชาลิสาใช้ห้องอาบน้ำที่อยู่ในห้องนอนของจักรวาลและอาบน้ำร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี ขณะที่เธอก้าวออกมาจากห้องน้ำ เธอกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่กับเธอในห้อง
“ไม่นี่ บ้านหลังนี้ไม่มีสัตว์เลี้ยงซะหน่อย”
เธอคิดพลันสายตาก็มองไปรอบๆ ห้อง ห้องนอนที่มีแต่เธอเวลานี้ช่างวังเวงยิ่งนัก เธอรีบสวมชุดนอนให้เรียบร้อย แล้วกระโดดมุดผ้าห่ม
“ก๊อกๆ แกร่ก….”
เธอพยายามหลับตาในผ้าห่ม สักพักเสียงประตูเปิดก็ดังขึ้น ก่อนที่สติของเธอจะเลือนหายไป
“จิ๊บๆ ….”
เสียงนกร้องดังเข้ามาในห้องนอน ชาลิสารู้สึกปวดหัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอมองไปที่หน้าต่าง
“ทำไมสว่างจังนะ”
เธอเหลือบมามองนาฬิกาที่วางข้างหัวเตียงเหมือนเช่นเคยกับตอนที่ยังอยู่บ้านของตนเอง
“เก้าโมงเช้า!!! แม่เจ้า…”
ชาลิสารีบทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว และลงมาจากห้องนอนชั้นบนราวกับจะเหาะลงมา และก็แน่นอน ทุกคนในบ้านต่างก็ออกไปทำธุระกันหมดแล้ว เหลืออาหารเช้าไว้ให้เธอที่ริมสระ อาหารเช้าที่เย็นชืดเพราะเธอตื่นสายเอง
“ทานให้หมดนะจ๊ะคนดี หมดนี่ พี่ทำเอง….จักร”
กระดาษโน้ตแผ่นน้อยๆ วางอยู่บนโต๊ะข้างจานอาหารเช้า ซึ่งมีไข่ดาว แฮม เบคอน และนมวานิลาร้อน ที่ตอนนี้ไม่ร้อนแล้ว…
“ทำไมเราตื่นสายได้นะ หรือว่าที่นอนบ้านนี้จะหลับสบายมากเกินไป”
เธอสงสัยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร อาจจะเพราะความเหนื่อยล้าจากการติดต่องานหลายเรื่องก่อนเข้าพิธีงานวิวาห์ ซึ่งงานนี้เธอและจักรวาลเป็นคนเลือกสรรคทุกอย่างด้วยตัวเอง
……………………………..
จักรวาลเหม่อมองออกไปข้างนอกอย่างไร้จุดหมาย เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานห้องประธานบริษัทที่ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใส มองทะลุออกไปเห็นทิวทัศน์ในเมืองด้านล่างอย่างชัดเจน
“ก๊อกๆ ….”
สิ้นเสียงเคาะกระจก ชายหนุ่มรูปร่างสูงก็เดินเข้ามา ชินกฤตนั่นเอง เพราะจะเป็นใครไม่ได้ที่จะเข้ามาโดยไม่ต้องให้เขาขานรับ
“ทางธนาคารได้อนุมัติแล้วนะครับ เราจัดการทุกอย่างต่อได้เลย”
จักรวาลหันตามเสียงที่กำลังพูดคุยกับเขาช้าๆ ดูท่าทางเจ้านายของเขาวันนี้จะไม่อยากทำงานอะไรเอาเสียเลย
“แต่ทางธนาคารได้ยื่นข้อแม้มาว่า หากไม่ชำระส่วนที่เหลือ จะไม่อนุมัติงวดใหม่ให้นะครับ”
ชินกฤตขอตัวออกไปทำงานต่อ แต่ประโยคนี้ทำเอาเจ้านายรูปหล่อของเขาต้องคิ้วขมวด
“ให้ตายสิ จะบีบไปถึงไหน จะเอาให้ตายรึยังไง”
จักรวาลสบถเบาๆ และมองเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า เป็นเอกสารข้อมูลที่ชินกฤตเร่งทำให้สดๆ ร้อนๆ อีกไม่นานเขาจะต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะพาบริษัทไปไม่รอด
“พ่อครับ ถ้าพ่อยังอยู่คงจะดี”
ชายหนุ่มแอบคิดในใจ ภายในใจของเขามันมีประโยคต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวแทบจะตีกันตาย ความวุ่นวายใจอันนี้ เขาจะต้องจบโดยเร็ว สายตาของเขาหยุดอยู่ที่กรอบรูปเล็กๆ บนโต๊ะ เป็นรูปของเด็กชายสองคนยืนกอดกัน….
“ไปเป็นเพื่อนกินข้าวกลางวันหน่อยสิ”
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดหลังจากปลายสายกดรับ การที่เขาไม่ต้องพูดเกริ่น ก็แสดงถึงความสนิทสนมกับปลายสายเป็นอย่างดี เขาออกจากห้องเดินออกไปอย่างรวดเร็ว และบอกกับชินกฤตว่าจะไม่เข้ามาบริษัทอีกแล้ว
“คิกๆ คงคิดถึงเมียแหง๋ๆ”
เหล่าบรรดาสาวๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ชินกฤตพากันซุบซิบและหัวเราะคิกคัก ชินกฤตหันไปมองกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่กำลังคุยถึงเจ้านายอย่างสนุกสนานตามประสาพวกเธอ
“อารายยะ นังชิน…มองหน้าเหอะ อย่าได้ไปฟ้องเชียวนะหล่อน”
เพื่อนสาวคนหนึ่งพูดออกมาหลังจากสบตากับชินกฤตที่มองอยู่ สาวๆ ที่เหลือพากันขำอย่างอดไม่ได้ เขาเองก็ทำงานกับเพื่อนกลุ่มนี้มานานและเป็นปกติที่พวกเขาจะล้อเล่นกันแบบนี้อยู่เป็นประจำ เขาสะบัดศีรษะและก้มหน้าทำงานต่อไป ถึงแม้เขาจะเป็นคนเงียบๆ แต่ก็เป็นที่รักของกลุ่มเพื่อนร่วมงาน เพราะชินกฤตคนนี้เป็นคนที่เพื่อนๆ ไว้ใจได้เสมอ
“กรี๊ด…เข้าไม่ได้นะคะ คุณ!!! เดี๋ยว!!!.”
พนักงานต้อนรับด้านล่างและ รปภ. ต่างวิ่งฉุดชายท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งที่กำลังพุ่งตรงเข้ามายังแผนกของเขา ในขณะที่ทุกคนต่างตกใจ ชินกฤตเดินเข้ามาไหว้ทำความเคารพเขาอย่างใจเย็น
“คุณชินกฤต เจ้านายคุณอยู่ไหน? เรียกมาพบผมเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ชายภูมิฐานรุ่นลุงพูดด้วยความโมโห ชินกฤตค่อนข้างตกใจแต่พยายามเก็บอาการก่อนที่พนักงานอื่นๆ จะขวัญเสีย
“คุณจักรวาลติดธุระครับ วันนี้จะไม่เข้ามาอีกแล้ว”
เขาตอบอย่างใจเย็น แต่ชายคนดังกล่าวกลับโยนกระดาษปึกหนึ่งใส่มือเขา
“ถ้าเจ้านายคุณไม่ให้คำตอบผมก่อนเก้าโมงพรุ่งนี้ เราได้เห็นดีกันแน่!!!”
ชินกฤตรับกระดาษปึกนั้นอย่างงุนงง หลังจากที่ชายคนนั้นกลับออกไป เขานำเอกสารปึกนั้นมาจัดใส่แฟ้มเสนอ แต่แล้วเขาก็ตาเบิกโพลงกับจั่วหัวกระดาษที่ระบุว่า “ใบแจ้งหนี้” และจำนวนเงินที่อยู่ในนั้นแทบจะทำให้ทุกคนในบริษัทนี้ต้องตกงานกันเลยทีเดียว
……………………….
เง้อ…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนต่อไปนางเอกของเราน่าจะเหนื่อยหน่อยละน้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ