หัวใจรักเร้นวิญญาณ
เขียนโดย ไอรินรดาดาว
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 14.36 น.
แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2565 19.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) บทที่ 4 เพื่อนยามวิกาล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความจักรวาลหุบยิ้มลงเล็กน้อยเมื่อถูกผู้เป็นภรรยายิงคำถาม เขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องถามอย่างแน่นอน
“พี่…ส่งคุณโรเบิร์ตขึ้นเครื่องเสร็จ ก็ไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศเพื่อนจนเช้าแหละจ้า”
หญิงสาวยิ้มรับกับคำตอบ แน่นอนว่าเธอเองก็ไว้ใจเขาเป็นที่สุด จึงไม่ระแวงใดๆ
“จ๊อก…..” เสียงน้ำร้อนจากกาต้มน้ำไฟฟ้าถูกเทลงในแก้วกาแฟของพนักงานหนุ่ม ชินกฤต เขาถือแก้วตรงมายังมุมออฟฟิซของเขา เวลานี้ยังไม่มีพนักงานมาเข้างาน เขาจิบกาแฟพลางนึกถึงเรื่องเมื่อคืน
………….
“คุณจักรจะไปไหนต่อครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
ชินกฤตถามผู้เป็นเจ้านายที่กำลังมองตามคู่ค้าคนสำคัญเดินหายไปในกลุ่มคนมากมายที่สนามบิน จักรวาลทำหน้าเคร่งขรึมพลางยกนาฬิกาขึ้นมามอง
“ไปเถอะ ฉันมีที่ดีๆ อยากพานายไป”
จักรวาลเดินนำหน้าลูกน้องคนสนิทไปขึ้นรถ
ชินกฤตขับตามคำบอกของชายหนุ่ม จนมาถึงบาร์เล็กๆ แห่งหนึ่งแถวชานเมือง บรรยากาศดีและคนไม่พลุกพล่าน เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่ามีที่สงบเงียบน่าหลงใหลแบบนี้
ชินกฤตมองไปรอบๆ ร้าน ทุกมุมล้วนแต่รักษาความเป็นส่วนตัว เสียงเพลงเบาๆ และกลิ่นหอมของบาร์แห่งนี้ช่างละมุนยิ่งนัก
จักรวาลตรงไปยังมุมหนึ่งที่เป็นเก้าอี้โซฟาเล็กๆ ริมหน้าต่าง สำหรับสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากัน และมีโต๊ะเล็กๆ ตรงกลาง
ชายหนุ่มสั่งเครื่องดื่มพร้อมอาหารให้กับชินกฤตอย่างไม่ลังเล ใช่แล้ว…จักรวาลเป็นเจ้านายที่เอาใจใส่ลูกน้องเสมอ เขาจำได้หมดว่าใครชอบหรือไม่ชอบอะไร แต่คืนนี้จักรวาลต้องการให้เขามาอยู่เป็นเพื่อน และคืนนี้เจ้านายของเขาตั้งใจจะไม่กลับบ้าน
ชินกฤตมองหน้าจักรวาลด้วยความสงสัย จนในที่สุดสักพักเขาก็เอ่ยคำถามขึ้นกับเจ้านายหนุ่ม
“คุณจักรเพิ่งแต่งงาน ทำไมถึงต้องมานั่งทานอะไรแบบนี้เวลานี้ด้วยครับ”
จักรวาลได้ยินดังนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม แต่แววตาเขาก็ไม่สะทกสะท้าน เขากระดกแก้วใบเล็กๆ เข้าปาก
“ทำไมฉันต้องทำอะไรที่แปลกกว่าวันอื่นด้วย ในเมื่อเมื่อวานนี้ กับวันนี้ มันไม่ได้มีอะไรแตกต่างกัน”
จักรวาลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ชินกฤตยิ่งเกิดความสงสัยหนัก โดยเฉพาะประเด็นเรื่องที่เจ้านายเพิ่งจะแต่งงานแท้ๆ แต่ทำไม….
“นายสงสัยสิ ทำไมฉันไม่รีบกลับไปหาเมีย ถามมาตรงๆ ก็ได้”
จักรวาลยังดื่มต่อ สายตาของเขาไม่ได้มองตาของคู่สนทนาด้วยซ้ำ วันนี้คุณจักรวาล เจ้านายของเขาได้แสดงตัวตนอีกมุมหนึ่งให้เขาเห็น
“แล้วถ้าผมถามแบบนั้น คุณจักรวาลจะตอบผมหรือเปล่าครับ”
“ไม่…”
จักรวาลตอบสั้นๆ เพียงเท่านี้ชินกฤตก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่ควรถามเจ้านายอีกต่อไป ถึงแม้ว่าในส่วนตัวแล้วจะสนิทแค่ไหนก็ตาม
ปกติแล้วหากมีงานเลี้ยงบริษัท หรืองานพบปะลูกค้าช่วงกลางคืน จักรวาลจะให้ชินกฤตคอยอยู่รั้งท้ายทุกคนเพื่อดูแลอยู่แล้ว โดยเฉพาะจักรวาลเองที่เมาแอ๋อยู่เป็นประจำ ไม่แปลกที่คืนนี้จักรวาลจะขอให้เขาอยู่เป็นเพื่อน
หลังจากนั้นบทสนทนาก็วนเวียนไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องงาน เป้าหมายบริษัท เรื่องสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฟุตบอลและเรื่องสัพเพเหระต่างๆ จนฟ้าสว่าง
“นายปล่อยฉันลงตรงนี้แหละ”
จักรวาลเอ่ยขึ้นหลังจากรถแล่นมาถึงเขตย่านพักอาศัย ชินกฤตแปลกใจแต่ก็ทำตามเจ้านายสั่ง จักรวาลโบกมือลาก่อนที่จะเดินต่อหายไปในซอยเล็กๆ ย่านพักอาศัยแถวนี้ดูมีฐานะไม่น้อย มียามเฝ้าจุดต่างๆ
ชินกฤตดูรอบๆ เพื่อความปลอดภัยต่อเจ้านาย ก่อนที่จะหันรถกลับไปยังคอนโดของเขาเพื่ออาบน้ำแต่งตัว และกลับมาเริ่มทำงานที่บริษัทของเช้าวันใหม่
ชินกฤตลืมตาขึ้นช้าๆ เขานึกพลางรู้สึกงีบไปนิดหน่อย หลังจากสะบัดศรีษะไปมาเพื่อคลายความง่วงและเมื่อยล้า ตาของเขาได้สะดุดเข้ากับซองสีชมพูหวานบนโต๊ะของเขา
“ชาลิสา…ไม่สิ เราต้องไม่คิด มันหมดเวลาที่จะคิดเรื่องนี้แล้ว”
เขาหยิบซองใส่ลงในลิ้นชักชั้นล่างสุดและปิดอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเลิกงาน เขากลับถึงคอนโดแล้วทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างเหน็ดเหนื่อย ค่ำคืนนี้เขาไม่อยากจะคิดเรื่องอะไรต่ออีกแล้ว ชีวิตที่ราบเรียบของเขาคงจะต้องดำเนินเช่นนี้ต่อไปอีก จนกว่าเขาจะเกษียณตัวเองจากการทำงาน
วันนี้จักรวาลกลับถึงบ้านเร็ว สำหรับเจ้าของบริษัทอย่างเขา กลับถึงบ้านหกโมงเย็นถือว่าเร็วสุดแล้ว ชาลิสาที่รอจักรวาลทั้งวันกึ่งเดินและวิ่งเข้ามารับและพยายามช่วยถือกระเป๋าเอกสาร
“ไม่เป็นไรจ้า พี่ถือเองได้ ว่าแต่เราเถอะ อยู่บ้านวันนี้เป็นไงบ้าง”
“ก็ดีค่ะ วันนี้คุณแม่บ้านสอนทำซาลาเปาด้วยค่ะ”
ทั้งสองคุยกันยิ้มแย้มเดินเข้ามาในคฤหาสน์
“เดี๋ยว!!! ตาจักร อย่าเพิ่งขึ้นไปบนห้อง แม่มีเรื่องคุยด้วยหน่อย”
เพชรีเดินเข้ามาพูดกับชายหนุ่ม เขาพอจะรู้อยู่ว่าน้ำเสียงเช่นนี้ของแม่บังเกิดเกล้า กำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่โอเคนัก
“มาค่ะ เดี๋ยวลิสาเอากระเป๋าไปเก็บให้เอง ไปหาคุณแม่เถอะค่ะ”
ลิสารู้ดีว่าเพชรีต้องการคุยกับสามีเพียงลำพัง เธอเดินขึ้นไปห้องชั้นบน ส่วนเพชรีเดินนำจักวาลออกไปด้านนอก ให้ไกลพอที่จะไม่มีใครได้ยินการสนทนาที่จะเกิดขึ้น
“แม่ไม่รู้ว่าแกคิดอะไร แต่เรามาถึงขนาดนี้แล้ว ช่วยทำอะไรให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม”
เพชรีหยุดเดินและหันมาเปิดประเด็นขึ้นมาทันที จักรวาลถอนหายใจด้วยความอารมณ์เสีย
“แล้วคุณแม่จะให้ทำยังไงต่อละครับ นี่ยังไม่พออีกเหรอ”
เขาถามบ้าง เพชรีตาลุกโพลง
“แกก็รู้แม่หมายถึงอะไร แกหลบหน้า หลบนอนกับเมียแกมาสองคืนแล้ว คิดว่าแม่ไม่รู้หรือไง”
“แม่ครับ…ถ้าเป็นเรื่องอื่นผมยอมทำให้แบบถวายหัว แต่เรื่องนี้ แม่อย่ามายุ่งได้ไหมครับ”
เขาเริ่มเสียงเข้ม
“ตาจักร…หรือว่า แกมีปัญหา เรามีเงินนะหมอสมัยนี้ก็เก่งเรารักษาได้”
เพชรีพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงลูกชายคนเดียว
“ปัดโถ่!!! คุณแม่ครับ มันไม่ใช่อย่างนั้น”
ชายหนุ่มเดินเข้ามากอดมารดาไว้แน่น พร้อมกับพูดขึ้น
“แม่ครับ…ยังไงผมก็ไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวังหรอกครับ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”
“แน่นะ?”
เพชรีมองค้อนลูกชาย ชายหนุ่มยิ้มและกอดแม่แน่นยิ่งขึ้น เพชรีตบที่เรือนผมของชายหนุ่มเบาๆ โดยไม่รู้ว่าสายตาคู่หนึ่ง กำลังแอบมองแม่ลูกคู่นี้ผ่านช่องว่างระหว่างม่านหน้าต่างชั้นบนของคฤหาสน์
………………….
ปุปปับก็สี่ทุ่มอีกแล้ว และพรุ่งนี้ก็เป็นวันจันทร์จ้า เป็นไงบ้างคะ ตอนนี้ก็เปิดตัวหนุ่มอีกคนที่จะมาทำให้เรื่องราวสนุกมากยิ่งขึ้น แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ