รอ...เวลารัก

-

เขียนโดย Montraonyoureyes

วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 15.08 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,018 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 15.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
               เช้าวันจันทร์
               “ลัล ลงมาได้แล้วลูกแล้ว” รินลดาโทร.ตามลลนาให้ลงมาทานอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน 
               ปกติลลนาจะออกจากบ้านหกโมงสี่สิบห้า เดินออกไปหน้าหมู่บ้าน เพื่อข้ามสะพานลอยไปนั่งรถเมลไปโรงเรียน รวมระยะเบ็ดเสร็จ ไม่เกินเจ็ดโมงสิบห้าก็ถึงโรงเรียน
               ลลนาเช็กหนังสือเรียนตามตารางเรียนทั้งหมดของวันนี้อีกครั้ง ก่อนจะถือกระเป๋าเดินลงมา จะกำลังจะเดินไปที่โต๊ะทานข้าวกลับเห็นสิ่งแปลกปลอมที่ทำตัวตีเนียนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำของเธออยู่
               ‘สองอาทิตย์แล้ว ไม่ชินสักที’ ลลนาลอบถอนหายใจ
               “ธามจะมารับไปโรงเรียนน่ะลูก” รินลดาเดินมาสะกิดลลนาที่ยืนนิ่งอยู่ แล้วเดินกลับไปที่ครัวอีกครั้ง
               ลลนาพยักหน้าส่งยิ้มบางๆ ให้แม่ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทานอาหาร ระหว่างนั้นได้ยินเสียงน้องชายวัยสิบสามปีของเธอพูดจ้อกับธามไม่หยุด
               “พี่ธามๆ ครั้งต่อไป พาลีไปด้วยได้ไหมฮะ” ‘รณพีร์’ พยายามอ้อนวอนขอตั๋วพิเศษจากธาม เพื่อเข้าไปดูทีม ‘สุวรณภูมิ’ ของธามเตะบอลที่สโมสรส่วนกลางหน้าหมู่บ้านด้วย
               ในสายตาของลลนา ทีม ‘สุวรณภูมิ’ เป็นทีมที่รวมนักเตะที่กากที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา คนในทีมส่วนมากเป็นคนที่เคยเห็นในกันในหมู่บ้านหรือไม่ก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่โรงเรียน แต่เพราะทีมนี้คัดหน้าตามากกว่า ฝีเท้าในการเตะไม่นับว่าดี แต่ฝีปากดีมาก พูดยกตนข่มท่าน เบ่งไปเบ่งมา หรือไม่ก็ไปหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆ ข้างสนามโดยไม่สนใจบรรดาแฟนหนุ่มที่จ้องตาขว้างอยู่ สุดท้ายการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร เลยมักจะเปลี่ยนเป็นการแข่งขันมวยไทยและมวยสากลแทน ไม่เคยเห็นจะแข่งกันจนจบแมตช์เลยสักครั้งเดียว
               จนช่วงหลังทาง ‘ประธานนิติบุคคลของหมู่บ้าน’ หรือก็คือ จินตนาแม่ของธามทนไม่ไหว ออกกฎห้ามไม่ให้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหมู่บ้านเข้าสนามโดยเด็ดขาด
 
               ธามเหลือบมองลลนาที่นั่งเก้าอี้ตรงข้ามเขา ก่อนจะหันมาคุยกับรณพีร์ “พี่คงไม่ได้ไปเตะบอลแล้วล่ะ หลังเลิกเรียนพี่ต้องให้พี่สาวเราติวหนังสือให้”
               รณพีร์ทำหน้าบึ้งตึงหันหน้ามาทางลลนา “พี่ลัล ทำไมชอบทำตัววุ่นวาย”
               ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ รณพีร์ยึดธามเป็นที่ตั้ง อะไรอะไรก็ พี่ธาม!! ‘พี่ธามเท่มาก พี่ธามใจดีมาก พี่ธามหล่อมาก’ และคำพูดมากมายที่เอาพูดเพื่อใช้ในการเชิดชู รณพีร์ได้พูดออกมาเพื่อธามแทบจะทั้งหมดแล้ว
               ธามชอบใจคำพูดของรณวีร์ เขามองหน้าลลนาแล้วยิ้มเยาะ ก่อนจะพูดออกมาแบบไม่มีเสียงว่า “ทำไมชอบทำตัววุ่นวาย”
               ลลนาไม่ตอบทำถามที่มีเสียงและไม่มีเสียงของทั้งสองคน เธอก้มหน้าลงกินข้าวต้มกุ้งในชามของเธอโดยไม่สนใจอะไรอีก อยากจะพูดอะไรก็พูดไป เธอไม่สนใจซะอย่าง อีกอย่างเธอรู้ว่าการเงียบใส่ การบอกไล่ที่ดังที่สุด และก็เป็นสิ่งที่ทำให้ธามโมโหมากที่สุดเช่นกัน
               และใช่ตอนนี้ธามกำลังโมโหอยู่ ยัยนี่เป็นแบบนี้ประจำไม่เคยเปลี่ยนเลย พูดอะไรด้วยก็เมิน ถามอะไรก็ไม่ตอบ ทำเหมือนเขาเป็นวัตถุล่องหน
               เขารู้จักกับลลนาครั้งแรกช่วงสี่ปีที่แล้ว ตอนที่ครอบครัวเธอย้ายเข้ามาในหมู่บ้าน ตอนนั้นแม่ของเขามักจะชมว่า ลูกสาวของบ้านหลังสีขาว ท้ายซอยสิบ น่ารักมาก เรียนเก่งมากด้วย อยากให้เป็นเพื่อนกันไว้ เพราะเกิดปีเดียวกัน แต่ธามเกิดก่อนแค่เดือนเดียว 
               ชมน่ะเขาไม่ว่า จะให้เป็นเพื่อนกับผู้หญิงก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร แต่ช่วงหลังๆ นี้ แม่ชอบหาเรื่องเปรียบเทียบเขากับลลนาอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องเรียน การคบเพื่อน หรือการพูดจา ล่าสุดยังให้ที่บ้านทำกิจกรรมเอาใจลลนาด้วยการอบคุ้กกี้รสเนยของชอบของลลนาอีก แต่ที่น่าเจ็บใจคือนอกจากเขาแล้ว คนในบ้านคนอื่นๆ ไม่ได้รู้สึกว่าการมายืนขาแข็งทำคุ้กกี้ให้ลลนาเป็นกิจกรรมไร้สาระ นั่นเพราะน้อง ๆ ของเขามักได้รับสรุปชีสสรุปบทเรียนจากลลนาเป็นประจำ ภาพลักษณ์ของลลนาในสายตาของทุกคนที่บ้านกลายเป็นเทพไปแล้ว มีเขาที่เป็นซาตานอยู่คนเดียว 
               ‘สักวันเถอะ ฉันจะกระชากหน้ากากเทพของเธอออกมา ยัยลลนาผมเปีย’ 
 
               เดินออกจากบ้านถึงต้นซอยสิบ ธามก็เริ่มพูดกับลลนาอีกครั้ง “เหมือนเดิม พอพ้นหน้าหมู่บ้าน ต่างคนต่างไป” 
               ลลนายังคงไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เธอหยิบหูฟังขึ้นมาสวมแล้วออกเดินทันที 
               ธามเองก็ไม่อยากจะสนใจแม่สาวปากหนักคนนี้เหมือนกัน เลยหยิบหูฟังของตัวเองขึ้นเสียบกับโทรศัพท์แล้วเดินตามลลนาไป 
               ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะเดินข้างกันแต่คงยังรักษาระยะห่างกันอยู่ประมาณเกือบหนึ่งเมตร เพื่อให้มีอวัยวะใดๆ สัมผัสกันโดยเด็ดขาด 
               ตั้งแต่เขารับปากแม่ว่าจะมาเรียนพิเศษกับลลนา แม่ของเขาก็บังคับแกมข่มขู่ให้เขาเดินมารับลลนาไปโรงเรียนในตอนเช้า ให้เหตุผลกับเขาและรินลดาว่า ‘ลลนาเป็นผู้หญิง เดินคนเดียวอันตราย’ รินลดาย่อมเห็นดีด้วย ขอบอกขอบใจจินตนายกใหญ่
               แต่สำหรับเขา เหตุผลของแม่ไม่น่าฟังเอาซะเลย ยัยเปียยาวนี่เดินคนเดียวมาสี่ปีแล้ว ไม่มีอันตรายใดๆ กล้าเข้าใกล้สักนิด ขนาดหมาจรจัดในหมู่บ้าน ยังวิ่งมาส่ายหางล้อมหน้าล้อมหลัง แล้วจะให้เขามารับส่งลลนาด้วยเหตุผลนี้ น่าขำสิ้นดี
               แต่ จะไม่มารับก็ไม่ได้ เดี๋ยวแม่เขาอาละวาดอีก 
               วันก่อนเขาเพิ่งโดนแม่จับได้ว่าไม่ได้เดินไปพร้อมกับลลนา ตามที่แผนการของเขาคือ แยกกับลลนาหน้าปากซอยสิบ ลลนาไม่ได้ห้ามปรามอะไรอยู่ เธอแค่มองหน้าเขาพยักหน้าแล้วเดินไปทันที ส่วนเขาก็รีบเดินแยกไปนั่งเล่นบ้านเพื่อนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเพราะกะจะไปโรงเรียนพร้อมเพื่อน เป็นแบบนี้มาโดยปกติสุขทุกครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งเพื่อนบ้านดัน เกิดความสงสัย โทร.ไปถามแม่ว่า เขาไม่สบายหรือเปล่า เห็นลลนาเดินอยู่คนเดียว 
               เป็นอันความแตก ... 
               เย็นวันนั้นแม่บ่นรัวๆ จนเขาฟังแทบไม่ทัน แถมยังประชดโดยการไม่ทำอาหารเย็นติดกันสองวันเต็ม ๆ พ่อกับน้อง ๆ เลยพาลมาโกรธเขาไปด้วย
               ด้วยเหตุนี้ ธามเลยต้องยอมเดินไปกับลลนาจนพ้นหน้าหมู่บ้านไปซะก่อน ค่อยแยกย้าย ไม่งั้นโดนสายแม่โทร.ไปรายงานแม่อีก
 
               หลังเลิกเรียน
               “ลัล แกไม่ต้องติวให้ธามแล้วเหรอ” ‘ฝ้าย นันทวัน’ เพื่อนสนิทของลลนาเริ่มถามหลังจากเคี้ยวขนมในปากหมดคำ
               ลลนาพยักหน้ารับ ปากเลียไอศกรีมแท่งอยู่ 
               เพื่อนในห้องบางคนรู้เรื่องการสอนพิเศษเพราะบังเอิญไปเห็นลลนานั่งอยู่ธามช่วงสั้น ๆ ในวันหนึ่ง ลลนากลัวว่าจะมีข่าวลืออะไรมั่วๆ ออกไปเลยบอกไปตามความจริงว่าวันนั้นไปติวให้ธามเพราะแม่ธามฝากมา และครั้งที่เพื่อนเห็นนั้นเป็นการติวครั้งแรกและครั้งเดียวของเธอ
               “ตอนมอต้นเขาเคยเรียนเก่งมากเลยนะ ทำไมพอมามอปลายกลายเป็นงี้” นันทวัน เรียนที่โรงเรียนนี้ตั้งแต่มัธยมต้นเช่นเดียวกับธาม ถึงจะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแต่ก็พอจะรู้เรื่องราวของหนุ่มฮอตคนนี้อยู่บ้าง 
               “หัวต่อต้านน่ะ” ลลนาหันไปตอบ
               นันทวันสงสัยในคำตอบของลลนากำลังจะถามต่อว่าหมายถึงอะไร แต่หางตาจะเห็นเหมือนอะไรบางอย่างลอยมาด้วยความรวดเร็ว เลยรีบตะโกนเรียกลลนา
               แต่ไม่ทัน!!
               “โอ๊ยยยยย” ลลนาร้องขึ้นทันที ที่รู้สึกได้ว่ามีของแข็งบางอย่างมากระทบตรงบริเวณท้ายทอย นอกจากจะเจ็บมากเเล้วยังรู้สึกหูอื้อด้วย ส่วนนันทวันเมื่อหายตกใจก็รีบเข้ามาตรวจเช็กใบหน้ากับส่วนอื่นๆ ของเพื่อนทันทีว่ามีเลือดออกตรงไหนหรือเปล่า
               ธามรู้ว่าเขาเตะบอลแรงไป บอลเลยกระเด็นออกไปนอกสนาม แต่ทันทีที่เขาได้ยินเสียง ‘โอ๊ย’ ดังขึ้นมา เขาก็รีบวิ่งที่ไปที่ต้นเสียงทันที เขาจำได้ว่าเจ้าของเสียงโอ๊ยนั้นเป็นใคร 
               เเม้จะไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงจำเสียงของลลนา เเต่พอเมื่อเข้าใกล้ต้นเสียง เขาเห็นนันทวันเพื่อนสนิทของลลนากำลังเอาผ้าเช็ดหน้า เช็ดหน้าของลลนาอยู่ ตอนนั้นเขาคิดว่าลลนาหัวแตก ด้วยความตกใจเลยรีบเดินเข้าไปหา
               นันทวันเห็นธามเดินเข้ามา นึกว่าจะมาเก็บลูกบอลที่ลอยมาโดนหัวลลนาเลยขยับตัวให้เขาเดินไปเก็บ แต่ธามกลับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลลนาเเล้วนั่งยอง ๆ เธอได้ยินธามเอ่ยถามลลนาเสียงเบา “เป็นไง” 
               เพราะแรงกระแทกทำให้ลลนาทั้งเจ็บทั้งกลัวเลยร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว พอตอนที่ลลนาเงยหน้าขึ้น ธามจึงได้เห็นดวงตาที่ปกติไม่เคยแสดงอารมณ์อะไรออกมาคู่นั้นของลลนา มีน้ำตาคลออยู่ 
                นี่เป็นครั้งเเรกที่เขาเห็นลลนาร้องไห้ “เจ็บมากเลยเหรอ”
               ลลนาอดกลั้นไม่ไหวอีกแล้ว ยกมือข้างหนึ่งตีไปที่ต้นแขนของธามแรงๆ ทีหนึ่ง “เจ็บไหมล่ะแบบนี้” ตีเสร็จก็จ้องหน้าเขาต่อ
               ธามหัวเราะเบา ๆ “มีแรงตี น่าจะไม่เป็นไรมาก” 
               เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นโดยที่สายตายังคงมองไปที่ลลนา เขายิ้มมุมปากเเล้วพูดกับเธอ “ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ” 
               เขา …. ไม่ได้ตั้งใจจะทำเธอเจ็บจริง ๆ 
               ถึงจะไม่ค่อยชอบ เวลาเเม่ชอบพูดเปรียบเทียบเขากับเธอ ไม่พอใจเวลาเธอทำหน้านิ่งใส่ หรือโมโหบ้างเวลาที่เขาพูดด้วยเเต่เธอไม่ยอมพูดตอบกลับ เเต่เขา….ไม่เคยมีทำความทำร้ายเธอเลย อย่างดีก็เเค่ ยั่วโมโหให้เธอฟิวส์ขาด
               ลลนาไม่รู้ว่าธามกำลังคิดอะไรอยู่ เเละเธอก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น เธอเเค่ไม่อยากจะฟังเขาอีก จึงหันหน้าไปมองทางอื่น 
               ธามยกมือข้างหนึ่งไปดึงเปียยาวของลลนาให้กลับไปมองทางเขา “เดี๋ยวกลับบ้านพร้อมกัน รออยู่ตรงนี้”
               พูดจบก็รีบวิ่งไปเก็บลูกฟุตบอลของกลางที่อยู่บนพื้น แล้วหันไปยิ้มบาง ๆ ให้นันทวันที่ยืนงง ๆ อยู่ด้านข้าง ก่อนจะพูด “ขอบใจนะ” แล้วก็รีบวิ่งออกไปที่สนาม
               นันทวันเหมือนจะจับความรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอมองไปที่ลลนาที่กำลังนั่งถักเปียใหม่อยู่ และหันไปมองตามทางที่ธามวิ่งออกไป ตอนนี้เห็นเขากำลังเก็บกระเป๋าบอกลาเพื่อนอยู่ นันทวันมองทั้งคู่สลับไปสลับมาอยู่สักพัก ก่อนจะอมยิ้มแล้วคิดในใจ ‘อืม…เคมีคู่นี้!!!’
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา