ชีวิตใหม่ของผู้กล้าจอมปลอม
เขียนโดย GUEST1656840114
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.39 น.
แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 16.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
29) Ep29 ถูกลอบโจมตี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ•นักผจญภัย ไทก้า•
แกร็ก แกร็ก แกร็ก!
เสียงกีบเท้ากระทบกับพื้นเป็นจังหวะดังก้องกังวาน รถม้าชนชั้นสูงสวยงามกำลังแล่นผ่านป่า
เงยหน้ามองไปยังตราสัญลักษณ์อันเด่นชัดที่ปรากฏอยู่ด้านข้างรถม้า ตราราชสีห์ทองคำยื่นสง่าอยู่ภายใต้ท้องฟ้าประดับด้วยโล่อันสง่างาม โดยมีดาบสองเล่มไขว้กันอยู่ด้านหลัง
ตราสัญลักษณ์ราชวงศ์หลักของจักรวรรดิมิสลูน่า ตระกูลราชวงศ์ลูอิส
นอกจากรถม้าหรูหราแล้ว ก็ยังรถม้าธรรมดาคอยทำหน้าที่นำทางและคุ้มกันด้านหน้าและเหล่าขบวนทหารกว่า 100 นาย คอยคุ้มกันอยู่รอบๆ ทหารแต่ละนายบรรลุระดับพลังไม่ต่ำกว่า[ระดับอัศวินระยะต้น] บนหน้าอกติดตราสัญลักษณ์ประดับอยู่
พยัคฆ์สีเงินคอยพยุงโล่อันสง่างามอยู่ด้านซ้ายและขวา ซึ่งหมายถึงตระกูลแอชคลาส
ขบวนรถม้านี้กำลังเดินทางออกจากเขตดินแดนทางเหนือของตระกูลแอชคลาส มุ่งสู่เมืองหลวงจักรวรรดิมิสลูน่า
ในรถม้าคอยคุ้มกันด้านหน้า
“เป็นเวลา 2 เดือนแล้วสินะครับ”
ชายหนุ่มที่กำลังบังคับรถม้าพึมพำน้ำเสียงอ่อนล้า ในแววตาปนความเศร้าหมองเล็กน้อย
“เจ้าก็กลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมข้าสิ!”
ข้านั่งข้างๆ และตบไหล่ปลอบใจสหายที่กำลังเศร้าหมอง พร้อมเอ่ยชักชวนอย่างจริงจัง
“ตัวลูกพี่ ไม่มีเมียก็พูดได้สิ”
“ห๋า...! อะไรของแกว่ะ แกเองก็พาเมียกับลูกมาด้วยสิว่ะ”
ข้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่สหายหนุ่มกลับทำสีหน้าลำบากใจ ท่าทางอึ้มอึ้งเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่สุดท้ายก็กลืนคำพูด
“ฮาฮ่า ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับลูกพี่”
สหายบนรถม้าหัวเราะเสียงดัง ทำให้คนอื่นๆก็หัวเราะตามไปด้วย ยกเว้นข้าที่ยังไม่เข้าใจและสหายข้างๆ
“เพราะเจ้านี่ดันไปตกหลุมรักลูกสาวเช้าบ้านที่นี่น่ะสิ”
คำอธิบายของสหายบนรถม้า ทำให้ชายหนุ่มข้างๆแทบกระอักเลือดออกมา
มิน่าเหล่า ไอ้เวรนี่ถึงพาลูกเมียมาด้วยไม่ได้
แต่ทว่าบนโลกนี้ไม่มีข้อบังคับเรื่องที่จะต้องมีภรรยาเพียงแค่คนเดียว แล้วทำไมยังมีปัญหาอยู่อีก
ข้ามองชายหนุ่มด้วยแววตาสงสัย
“เฮ้อ...เมียข้าดุกว่าเสือเสียอีก จะยอมให้ข้ามีเพิ่มได้ยังไงเหล่า”
เหมือนชายหนุ่มจะเข้าใจความคิดข้า ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อน แล้วอธิบายเหตุผล
“งะ...งั้นหรือ”
“ว่าแต่ลูกพี่เถอะ กับคุณแอนนาไปถึงไหนแล้ว”
คำถามของสหายทำให้ข้าต้องมองหน้าด้วยความสงสัย
“อะไรของเจ้า ยัยเมดปากเสียนั้นเกี่ยวอะไรกับข้าหรือ?”
คำถามของข้าทำให้สหายข้างๆต้องลนลาน ที่หน้าแปลกข้างในรถม้าก็ต่างทำสีหน้าประหลาดใจ
“ที่ลูกพี่คอยช่วยงานนายน้อยโนอา เพราะต้องการจะเข้าหาคุณแอนนาไม่ใช่หรอครับ”
ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ๆ และกระซิบถามเบาๆ
เข้าหาคุณแอนนา? ยัยเมดปากเสียนั้นนะหรือ แม้แต่เสวนาด้วยข้าก็ปวดหัวแล้ว ข้าจะพยายามเข้าหาเพื่ออะไร ไอ้พวกสหายโง่ทั้งหลาย หัดคิดเสียบ้าง
“ที่ข้าคอยช่วยงานนายน้อยโนอา เป็นเพราะว่าข้าชื่นชมในความสามารถและสิ่งที่นายน้อยกระทำต่างหาก”
ข้าอธิบายให้สหายฟังอย่างภาคภูมิ
ในที่สุดความฝันที่เคยพังทลายลงครั้งหนึ่งของข้า ก็จะเป็นจริงแล้ว!
ข้ารู้ดีว่าเพียงแค่ตัวข้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย คงมีแต่ต้องรอเพียงสวรรค์แค่นั้นแหละ
เพราะพวกขุนนางส่วนใหญ่มักจะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความมั่งคั่ง จะมาสนใจสถานที่อย่างเขตสลัมเพื่ออะไร
สถานที่กลุ่มโจรที่ชุกชุม ผู้คนต่างอดยาก เด็กน้อยที่ไร้การศึกษา พื้นที่แสนสกปรก เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า
แต่ว่านายน้อยโนอาก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย พื้นที่เขตสลัมถูกเปลี่ยนเป็นกิลด์รับจ้างสารพัด ผู้คนที่เคยอดยาก ต่างก็เริ่มลืมตาอ้าปากได้
“งั้นหรอกหรือครับ พวกเราก็คิดว่าลูกพี่หลงสเน่ห์คุณแอนนาเข้าให้เสียอีก”
เหล่าสหายต่างพากันพยักหน้าให้กับคำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ข้าสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงคิดเช่นนี้กัน
“ผู้หญิงปากเสีย ท่าทางอ่อนแอแบบนั้นมีอะไรดีหรือ”
ถึงใบหน้ายัยเมดนั้นจะดูงดงามอยู่บ้าง แต่ถ้าอยู่กินด้วยกันไปข้าคงถูกวางยาพิษตายซักวัน
แบบนี้ข้าไม่เอาด้วยหรอก
“พวกแกเองก็เลิกพูดเรื่องไร้สาระ และเฝ้าระวังได้แล้ว”
ข้าเลิกเสวนาไร้สาระ และเตรียมตัวเฝ้าระวังทันที
ทำไมเพียงแค่เดินทางไปเมืองหลวงจึงต้องใช้ทหารมากมายเพียงนี้หรือ?
ก็เพราะว่าเส้นทางที่เป็นทางผ่าน เต็มไปด้วยป่าไม้และมอนสเตอร์ซุกซ่อนอยู่จำนวนมาก
อาจต้องใช้เวลาเดินทางถึง 5 วัน
ไม่นานหลังจากที่ข้าออกความสั่ง ฝูงก็อบลินก็เข้าจู่โจมทันที
เพียงแต่ฝูงก็อบลินยังไม่ทันได้ทำอะไร วงเวทย์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏบนพื้นดินที่ฝูงก็อบลินยืนอยู่
ชั่วพริบตาเดียวฝูงก็อบลินก็กลายเป็นเถ้าถ่าน ภายใต้ความตกตะลึงของทหารตระกูลแอชคลาส
แต่ไม่ใช่สำหรับพวกข้า เพราะนี่เป็นฝีมือของท่านนักปราชญ์หญิงลิเลียน พวกข้าที่เคยเดินทางมาพร้อมกับเธอแล้ว เหตุการณ์ตรงหน้าเรียกได้ว่าเห็นจนชินตา
การเดินทางที่มีผู้บรรลุระดับ[ผู้เชียวชาญ]อยู่ในกลุ่ม เป็นการเดินทางที่ง่ายดายสุดๆ เพราะมอนสเตอร์และสัตว์อสูรบางชนิดที่มีสัญชาตญาณเฉียบคมจะไม่เข้าจู่โจมผู้ที่มีพลังเหนือกว่า
แต่ทว่าก็ มีแค่เพียงเผ่าพันธุ์ที่สัญชาตญาณและสติปัญญาต่ำ เข้าจู่โจมตลอดระหว่างการเดินทาง
การที่มีท่านนักปราชญ์หญิงลิเลียนคอยคุ้มกัน บางทีพวกข้าคงไม่ต้องมีก็ได้มั้ง
ข้าคิดเช่นนั้นจึงถอนหายใจเฮือกและผ่อนคลายความตึงเครียดลง
แต่ชั่วพริบตาเดียว ข้าก็สัมผัสได้ถึงความตาย
บริเวณท้องของข้าถูกทลวงด้วยหอกยาวจนทะลุกลางหลัง
“ลูกพี่!”
ได้ยินเพียงเสียงตระโกนเรียกของเหล่าสหายก่อนสติจะหายไป....
***
•โนอา แอชคลาส•
ในระหว่างที่ผมนั่งสบายอยู่บนรถม้า ข้างนอกก็ถูกฝูงมอนเตอร์โจมตีตลอดทาง
แต่ทว่าชั่วพริบตาเดียว ก็ถูกท่านนักปราชญ์ลิเลียนสังหารจนหมด เรียกได้ว่าถูกสังหารตั้งแต่ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
“ลูกพี่!”
“ระวังตัว ขบวนรถม้าถูกลอบโจมตี!”
เสียงตะโกนตื่นตระหนก จากด้านหน้าข้างนอกรถม้าถึงกับทำให้ท่านนักปราชญ์หญิงลิเลียนขมวดคิ้ว
“ใครกัน! ถึงกับสามารถหลบหลีกประสาทสัมผัสของข้าได้”
ท่านนักปราชญ์หญิงเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับลงจากรถม้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง
ทันใดนั้น เมื่อสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของศัตรูด้านนอก ใบหน้าก็ซีดเผือด ร่างกายแข็งทื่อ เหงื่อเย็นไหลออกตามร่างกาย
“ปะ...เป็นอะไรไปหรือครับ”
“นายน้อย!”
เรนและแอนนาที่เห็นถึงความผิดปกติของผมจึงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“ระดับ[ผู้เชียวชาญ]!”
“ศัตรูระดับ[ผู้เชียวชาญ] 3 คน และระดับไม่ต่ำกว่า[นักรบ]มากถึง1000คนเลยทีเดียว”
ผมหันไปสบตากับทั้งสองก่อนจะพึมพำเสียงเบา
ร่างทั้งสองแข็งทื่อทันที เพราะทั้งสองคนรู้ดีในเวลาแบบนี้ผมไม่พูดโกหกแน่นอน
“จะ...จะทำยังไงดีครับ ผู้เชี่ยวชาญเพียงคนเดียวก็เท่ากับกองกำลังหนึ่งกองทัพเลยนะครับ”
เรนเอ่ยเสียงสั่นเครือ ร่างกายเด็กชายสั่นเทาด้วยความกลัว
“ตั้งสติไว้เรน สถานการณ์ตอนนี้ต้องเยือกเย็นเข้าไว้”
ผมเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับโคจรพลังเวทย์ในร่างกายสร้างเถาวัลย์เส้นบางราวกับเส้นด้ายออกมา และพันรอบแขนของเรนและแอนนาเอาไว้
“ฮ่าฮ่าๆ พี่ใหญ่เนี่ยปาได้ห่วยสุดๆเลยนะ”
เสียงหัวเราะดังมาจากด้านนอก ทำให้ผมเปิดม้านหน้าต่างรถม้าออกเล็กน้อย
เผยให้เห็นร่างของคนสามคนยืนอยู่บนเนินเขาสูง
“นี่มันกลุ่มนักผจญภัยสามพี่น้องไม่ใช่หรือครับ ทำไมพวกเขาถึงรอบโจมตีพวกเรากัน?”
เรนที่เห็นภาพตรงหน้าเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ส่วนแอนนาด้านหลังก็กัดฟันกรอด พร้อมถกกระโปรงขึ้นหยิบมีดสั้นสีดำที่ซ่อนไว้ใต้กระโปรงชุดสาวใช้ออกมา
ในเวลาแบบนี้เธอไม่มีความเขินอายใดๆทั้งสิน มีเพียงความเยือกเย็นและสายตาที่เฝ้าระวังรอบๆ
“พวกเจ้ากล้าดียังไงมารอบโจมตีขบวนรถม้า”
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นขบวนของใคร?”
นักปราชญ์หญิงลิเลียนถามเสียงดัง ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเดือดดาลและเย็นชา
“ รู้สิว่ะ องค์ชายเรน ลูอิสที่ถูกสั่งให้สังหารทิ้งไง ว่ะฮ่าฮ่า”
ชายร่างอ้วนท้วมสวมชุดเกราะสีดำ ตอบคำถามของท่านนักปราชญ์หญิงอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“พี่ใหญ่ ท่านพูดมากเกินไปแล้ว”
หญิงสาวสวมชุดคลุมสีดำยาว ที่เคยใช้นามแทนตัวเองว่านาร์ซิสซัส เอ่ยเตือนชายร่างอ้วนท้วม แววตามองท่านนักปราชญ์หญิงอย่างเย่อหยิ่ง
แต่ทว่า ชายร่างผอมกลับยกมือห้ามไว้อย่างช้าๆ
“ข้าขอหัวองค์ชายเรน”
ชายร่างผอมเอ่ยเสียงเรียบ นี้มันไม่ใช่ประโยคขอร้อง แต่เป็นคำสั่ง และยังเป็นคำสั่งที่เป็นไปไม่ได้อีกด้วย
“พวกเจ้าจะได้ใจมากเกินไปแล้ว เพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญระยะต้นอย่างพวกเจ้า ต่อให้เข้ามาพร้อมกันก็ไม่ใช่คู่มือของข้าหรอก”
ท่านนักปราชญ์ลิเลียนที่ทนกับการกระทำของทั้ง 3 คนไม่ได้ เอ่ยออกมาด้วยความเดือดดาล
“งั้นหรือ? ฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด!”
ชายร่างผอมได้ยินคำตอบของท่านนักปราชญ์จึงเอ่ยคำสั่งให้เหล่าโจรทั้ง1000คนที่ซ่อนตัวออกมาทันที
“ปกป้อง องค์ชายกับนายน้อยไว้”
“ข้าจะรับมือกับทั้งสามคนเอง”
นักปราชญ์หญิงลิเลียนออกคำสั่งแก่เหล่าทหารคุ้มกัน
เกิดเหตุการณ์ชุลมุนทันที กลุ่มโจรนับพันชีวิตเข้าปะทะกับทหารตระกูลแอชคลาส ส่วนนักปราชญ์หญิงปะทะกับ 3 พี่น้อง สถานการณ์ตึงมือเธอมาก
นักผจญที่ทำภาระกิจคุ้มครองเรน ต่างก็เข้ามาปกป้องรถม้าไว้
ทันใดนั้นผมเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติอีกครั้ง ดวงตาของพวกเขาแดงรื่น หัวหน้าของกลุ่มนักผจญภัยไม่ได้ตามมาด้วย
“คุณไทก้าถูกสังหารแล้วครับ เขาชื่นชมนายน้อยมากดังนั้นมีชีวิตรอดให้ได้นะครับ”
หัวใจผมเหมือนถูกบีบคั้น ถึงจะพึ่งได้พบกันแค่เพียงสองเดือน
แต่พวกเราก็คุยกันถูกคอ คุณไทก้าก็เป็นคนดี คอยช่วยเหลืองานผมอยู่ตลอด จึงรู้สึกผูกพันธ์กัน
เมื่อได้ยินสิ่งที่นักผจญพูด ก็เหมือนมีน้ำไหลออกจากตา
จิตสังหารพุ่งพวย แรงกดดันทำให้ผู้คนรอบข้างต้องสั่นสะท้าน
“ไอ้พวกมดปลวก ผมจะเอาเลือดพวกมันมาล้างตีน!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ