แด่เธอ...สุดที่รัก
10.0
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
21 ตอน
1 วิจารณ์
10.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ผิดไปทุกอย่าง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเจมส์รีบวิ่งขึ้นมาที่ชั้น 3 หลังจากถามเจ้าหน้าที่ก็พบว่ากายอยู่ห้อง 3104 เจมส์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเปิดประตูเข้าไป พอเห็นกายที่ไม่ได้เจอเพียงแค่อาทิตย์กว่าซูบผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด อยู่ในท่านั่งบนเก้าอี้ผู้ป่วยพร้อมสายโยงที่คล้ายกับสายน้ำเกลือ แต่ภายในบรรจุเลือดแทน
“กาย”
“ไม่ต้องตกใจหรอก”
“ยังจะมีกะจิตกะใจมาบริจาคเลือดอีกเนี่ยนะ”
กายกำหมัด ถ้าไม่ติดว่านี่คือโรงพยาบาลและกำลังให้เลือดอยู่ ก็อยากจะซัดซักหมัดเหมือนกัน
“สาบานว่าไม่เห็นเลือดที่หยดลงมา”
“กูเห็นละ แค่ไม่รู้จะทักมึงยังไง สภาพมึงแย่กว่าที่คิดนะ”
มึงก็ยังจะมีอารมณ์มากวนประสาทอีกนะไอ้เจมส์
“คนป่วยก็แบบนี้”
“ลูคีเมียใช่ไหม”
“ฉลาดนะมึงอะ เล่ามาได้ละว่าเกิดอะไรขึ้นกับแพรว”
“นี่มึงคิดหลบแพรว แล้วเปิดทางให้กูเพราะกำลังทำตัวเป็นพระเอกที่ป่วยใกล้ตายไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงแบบนี้เหรอ มึงคิดอะไรวะ” ไม่มีความสุภาพที่เจมส์จะให้กายอีกต่อไป
กายคิดในใจ ‘มึงคงไม่ได้ยินคำถามกูสินะ’
“เออ กูมันโง่ คิดได้แค่นี้”
“มึงมันโง่อย่างที่มึงพูดนั่นแหละ กูอยากจะกระทืบมึงให้ตายจริงๆ”
“ถ้ามึงเป็นกู แล้วกลอกตายังไม่แน่ใจเลยว่ามึงจะเป็นหรือตายมึงจะให้โอกาสคนที่มึงรักไปเจอคนใหม่ไหมวะ คนที่เขาพร้อมจะดูแลแพรวมากกว่ากู!!! มึงคิดว่ากูอยากจะถอยให้กับมึงเหรอ กูรักของกูมาตั้งนาน” กายระเบิดคำพูดออกมา พร้อมเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างรวดเร็ว
“...”
“กูไม่ได้ทำตัวเป็นพระเอกหรอก แต่มึงเป็นกูมึงก็ทำ!!!”
“...”
“กูบอกว่ากูป่วยไม่ได้หรอกไอ้เจมส์ กูรู้จักแพรวมันดี แพรวมันก็ได้เป็นห่วงกูจนไม่เป็นอันทำอะไร”
“แล้วมึงเห็นหรือยัง ว่าที่มึงทำอยู่มันไม่ดีกับใครเลย”
“กูเห็นแล้ว ไม่มีใครอยากให้มันเป็นแบบนี้หรอก จริงๆ ก่อนหน้านี้กูคิดว่ากูรักแพรวข้างเดียว กูไม่คิดว่า…มัน…ก็รักกูเหมือนกัน” กายพูดตะกุกตะกักด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองแต่ก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“กูรักแพรวนะ แต่มันก็เกิดขึ้นมาไม่นานเท่าที่มึงกับแพรวรักกัน ตอนนี้กูคงรู้สึกแบบนั้นกับแพรวไม่ได้แล้ว แพรวรักมึง จริงๆ กูดูออกมานานละ มีแต่มึงที่ดูไม่ออก ที่ผ่านมากูแค่คิดว่าจะเปลี่ยนใจแพรวได้ จนมาวันนี้ที่แพรวป่วยจนต้องเข้าห้องฉุกเฉิน ก็เพราะมึงแล้วก็เอาแต่เรียกหามึง” เจมส์พูดด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นแต่พยายามกลั้นเอาไว้
"ถ้าวันนี้แพรวเรียกหากู แทนที่จะเป็นมึงไม่มีทางที่กูจะมายืนอยู่ตรงนี้เลย"
“เฮ้อ…” กายกลอกตาแล้วพ่นลมหายใจออกมา เพื่อคลายอารมณ์ที่มันบีบคั้นอยู่ตอนนี้
“...”
“...”
ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบ เจมส์นั่งอยู่ข้างเตียงกาย เพื่อรอให้เลือดที่กายต้องได้รับหมดถุงและจะพากายออกไปรอฟังอาการแพรวที่ห้องฉุกเฉิน
“กูจะไปอยู่ดูอาการแพรวจนดีขึ้น หลังจากนั้นกูจะกลับมาอยู่ในที่ของกู”
“มึงต้องบอกแพรวว่ามึงป่วย มึงต้องให้แพรวรู้แพรวจะได้เข้าใจ”
“กู…”
“กลัวอะไร คนแบบมึงเคยกลัวอะไรด้วยเหรอ”
“กลัวสิ กูกลัวแพรวอยู่ไม่ได้ถ้ารู้ว่า…อึก...” คนพูด พูดแบบกลั้นน้ำตา แต่ละคำพูดมันจุกอยู่คอ พูดออกมาลำบากเหลือเกิน “ถ้ารู้ว่ากูอาจจะตายในอีกไม่นาน”
“มึงพึ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ลูคีเมียปลูกถ่ายไขกระดูกได้”
“กูรู้ กูถึงได้บอกแพรวว่ากูมาอยู่ต่างประเทศก็เพื่อมารักษาตัวนี่ไง แต่ยังไงโรคนี้มันก็เสี่ยงทั้งนั้น”
“แล้วมึงจะปล่อยให้เวลาเสียไปแบบนี้เหรอวะ”
“กูก็ไม่รู้”
เวลาผ่านไป 20 นาที เมื่อมีเจมส์มาคุยด้วยเวลาของคนป่วยก็ผ่านไปเร็วกว่าที่คิด
“มึงเดินเองไหวไหมวะ ต้องให้กูช่วยปะ” เจมส์ยืนมือไปพยุงกายให้ลุกขึ้น
“ยังไหวอยู่ ไม่ต้องอะไรกับกูมากหรอกน่า” กายปัดมือเจมส์ออกเบาๆ แล้วลุกเอง
“ให้เลือดแล้วมันก็จะดีได้พักหนึ่งไม่ต้องห่วงกู”
“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้ปลุกถ่ายไขกระดูกวะ”
“ต้องให้คีโม ฉายแสง แล้วก็ให้เลือดแบบนี้ไปอีกกี่ครั้งกูก็จำไม่ได้ แต่หมอบอกว่ามันยังไม่ถึงเวลา รอบริจาคไขกระดูกด้วยมั้ง ช่างเถอะ” กายพูดพลางถอนหายใจแบบคนเหนื่อย “กูจะไปหาแพรว”
ณ ห้องฉุกเฉิน
“ไปไหนมาละเนี่ย แพรวออกจากห้องฉุกเฉิน แล้ว”
“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้างครับ”
“หมอให้ไปอยู่ห้องผู้ป่วยธรรมดาแล้ว เป็นภาวะเครียด ไม่ได้อันตรายอะไรมาก แต่หมอบอกว่าโชคดีที่เรานำส่งโรงพยาบาลได้ทัน ไม่งั้นเส้นเลือดในสมองอาจแตกก็ได้”
สีหน้าของกายรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวผมให้พ่อทำเรื่องย้ายไปห้องผู้ป่วยพิเศษให้” กายพูดกับทุกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เธอเป็นญาติแพรวเหรอ”
“นี่ผมผอมลงจนครูจำผมไม่ได้เลยเหรอ”
“เดี๋ยวนะ ฮะ!!! กาย ไม่ได้เจอกันนานไปทำอะไรมาทำไมผอมแบบนี้ พอไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนแล้วจำไม่ได้เลย”
กายยิ้มให้ครูเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรตอบ
“เดี๋ยวผมไปทำเรื่องพาแพรวไปอยู่ห้องพิเศษก่อนนะครับ”
หลังจากที่กายโทรแจ้งพ่อของตนเองเรื่องอาการป่วยของแพรวและต้องการให้แพรวเข้าพักรักษาตัวที่ห้องพิเศษ ทุกอย่างก็เป็นไปได้อย่างราบรื่นด้วยความที่พ่อของกายก็เอ็นดูแพรวอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเรื่องแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลย จะว่าไปพ่อของกายนั้นใจดีกับคนทั้งโลกแต่เย็นชากับลูกของตัวเอง ระหว่างรอย้ายห้องกายแวะไปดูแพรวที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา และโทรบอกแม่ของแพรวเพื่อให้รีบมาดูแลลูกสาว
"โอเคจ๊ะ เดี๋ยวน้ารีบไปนะ กายยังไงก็ฝากดูแพรวด้วยเดี๋ยวน้ารีบไปตอนนี้เลย"
"ไม่ต้องรีบมากก็ได้ครับเดี๋ยวอีกสักพักผมจะโทรบอกห้องให้อีกที ผมย้ายแพรวไปอยู่ห้องพิเศษ"
"อ่า ห้องพิเศษเหรอ ทำไมหล่ะ อยู่ห้องธรรมดาเถอะ"
"ห้องพิเศษเถอะครับ โรงพยาบาลนี้ของลูกพี่ลูกน้องพ่อผม จะได้เฝ้ากันสะดวก"
"คือ..."
"ค่าใช้จ่ายเท่าห้องปกติครับ" กายรีบตอบเพราะรู้ว่าปลายทางคงกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
"ไม่ใช่ว่าเธอ..." ด้วยความที่อยู่กันมานานแม่ของแพรวก็รู้ว่ากายคงไปพูดอะไรกับพ่อเพื่อให้แพรวได้ย้ายมาห้องพิเศษ
"ถือว่าผมขอนะครับ ผมอยากให้แพรวกับคุณน้าอยู่กันสบายๆ ไม่ต้องใช้ห้องรวมกับคนอื่น"
"เฮ้อ...โอเคๆ เดี๋ยวน้ารีบไป" แม่ของแพรวรับความช่วยเหลือนี้ไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้
ระหว่างรอพยาบาลเปลี่ยนห้องให้ กายมานั่งข้างแพรวพร้อมกุมมือแพรวแนบหน้าของตนอยู่แบบนั้นนาทีแล้วนาทีเล่า โดยไม่พูดอะไรสักคำ กายมองใบหน้าขาวซีดแต่ก็ยังสวยของแพรว แล้วลูบหัวของเธออย่างทะนุถนอม
"กูไม่ไปแล้วนะ จะไม่ไปไหนอีกแล้ว ขอโทษนะคนดีของกู"
เจมส์ที่ยืนดูอยู่ข้างนอก ปล่อยให้กายได้ใช้เวลาของเขาให้เต็มที่ ตัวของเจมส์เองก็ปวดใจไม่แพ้กัน แต่ก็รู้ดีว่าความรักบางทีก็ไม่จำเป็นต้องครอบครองกันก็ได้ ถ้าแพรวอยู่กับตนเองแล้วไม่มีความสุขเท่าอยู่กับกายมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะดึงเอาแต่ร่างกายของเขามาครอบครอง
“กาย”
“ไม่ต้องตกใจหรอก”
“ยังจะมีกะจิตกะใจมาบริจาคเลือดอีกเนี่ยนะ”
กายกำหมัด ถ้าไม่ติดว่านี่คือโรงพยาบาลและกำลังให้เลือดอยู่ ก็อยากจะซัดซักหมัดเหมือนกัน
“สาบานว่าไม่เห็นเลือดที่หยดลงมา”
“กูเห็นละ แค่ไม่รู้จะทักมึงยังไง สภาพมึงแย่กว่าที่คิดนะ”
มึงก็ยังจะมีอารมณ์มากวนประสาทอีกนะไอ้เจมส์
“คนป่วยก็แบบนี้”
“ลูคีเมียใช่ไหม”
“ฉลาดนะมึงอะ เล่ามาได้ละว่าเกิดอะไรขึ้นกับแพรว”
“นี่มึงคิดหลบแพรว แล้วเปิดทางให้กูเพราะกำลังทำตัวเป็นพระเอกที่ป่วยใกล้ตายไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงแบบนี้เหรอ มึงคิดอะไรวะ” ไม่มีความสุภาพที่เจมส์จะให้กายอีกต่อไป
กายคิดในใจ ‘มึงคงไม่ได้ยินคำถามกูสินะ’
“เออ กูมันโง่ คิดได้แค่นี้”
“มึงมันโง่อย่างที่มึงพูดนั่นแหละ กูอยากจะกระทืบมึงให้ตายจริงๆ”
“ถ้ามึงเป็นกู แล้วกลอกตายังไม่แน่ใจเลยว่ามึงจะเป็นหรือตายมึงจะให้โอกาสคนที่มึงรักไปเจอคนใหม่ไหมวะ คนที่เขาพร้อมจะดูแลแพรวมากกว่ากู!!! มึงคิดว่ากูอยากจะถอยให้กับมึงเหรอ กูรักของกูมาตั้งนาน” กายระเบิดคำพูดออกมา พร้อมเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างรวดเร็ว
“...”
“กูไม่ได้ทำตัวเป็นพระเอกหรอก แต่มึงเป็นกูมึงก็ทำ!!!”
“...”
“กูบอกว่ากูป่วยไม่ได้หรอกไอ้เจมส์ กูรู้จักแพรวมันดี แพรวมันก็ได้เป็นห่วงกูจนไม่เป็นอันทำอะไร”
“แล้วมึงเห็นหรือยัง ว่าที่มึงทำอยู่มันไม่ดีกับใครเลย”
“กูเห็นแล้ว ไม่มีใครอยากให้มันเป็นแบบนี้หรอก จริงๆ ก่อนหน้านี้กูคิดว่ากูรักแพรวข้างเดียว กูไม่คิดว่า…มัน…ก็รักกูเหมือนกัน” กายพูดตะกุกตะกักด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองแต่ก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“กูรักแพรวนะ แต่มันก็เกิดขึ้นมาไม่นานเท่าที่มึงกับแพรวรักกัน ตอนนี้กูคงรู้สึกแบบนั้นกับแพรวไม่ได้แล้ว แพรวรักมึง จริงๆ กูดูออกมานานละ มีแต่มึงที่ดูไม่ออก ที่ผ่านมากูแค่คิดว่าจะเปลี่ยนใจแพรวได้ จนมาวันนี้ที่แพรวป่วยจนต้องเข้าห้องฉุกเฉิน ก็เพราะมึงแล้วก็เอาแต่เรียกหามึง” เจมส์พูดด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นแต่พยายามกลั้นเอาไว้
"ถ้าวันนี้แพรวเรียกหากู แทนที่จะเป็นมึงไม่มีทางที่กูจะมายืนอยู่ตรงนี้เลย"
“เฮ้อ…” กายกลอกตาแล้วพ่นลมหายใจออกมา เพื่อคลายอารมณ์ที่มันบีบคั้นอยู่ตอนนี้
“...”
“...”
ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบ เจมส์นั่งอยู่ข้างเตียงกาย เพื่อรอให้เลือดที่กายต้องได้รับหมดถุงและจะพากายออกไปรอฟังอาการแพรวที่ห้องฉุกเฉิน
“กูจะไปอยู่ดูอาการแพรวจนดีขึ้น หลังจากนั้นกูจะกลับมาอยู่ในที่ของกู”
“มึงต้องบอกแพรวว่ามึงป่วย มึงต้องให้แพรวรู้แพรวจะได้เข้าใจ”
“กู…”
“กลัวอะไร คนแบบมึงเคยกลัวอะไรด้วยเหรอ”
“กลัวสิ กูกลัวแพรวอยู่ไม่ได้ถ้ารู้ว่า…อึก...” คนพูด พูดแบบกลั้นน้ำตา แต่ละคำพูดมันจุกอยู่คอ พูดออกมาลำบากเหลือเกิน “ถ้ารู้ว่ากูอาจจะตายในอีกไม่นาน”
“มึงพึ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ลูคีเมียปลูกถ่ายไขกระดูกได้”
“กูรู้ กูถึงได้บอกแพรวว่ากูมาอยู่ต่างประเทศก็เพื่อมารักษาตัวนี่ไง แต่ยังไงโรคนี้มันก็เสี่ยงทั้งนั้น”
“แล้วมึงจะปล่อยให้เวลาเสียไปแบบนี้เหรอวะ”
“กูก็ไม่รู้”
เวลาผ่านไป 20 นาที เมื่อมีเจมส์มาคุยด้วยเวลาของคนป่วยก็ผ่านไปเร็วกว่าที่คิด
“มึงเดินเองไหวไหมวะ ต้องให้กูช่วยปะ” เจมส์ยืนมือไปพยุงกายให้ลุกขึ้น
“ยังไหวอยู่ ไม่ต้องอะไรกับกูมากหรอกน่า” กายปัดมือเจมส์ออกเบาๆ แล้วลุกเอง
“ให้เลือดแล้วมันก็จะดีได้พักหนึ่งไม่ต้องห่วงกู”
“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้ปลุกถ่ายไขกระดูกวะ”
“ต้องให้คีโม ฉายแสง แล้วก็ให้เลือดแบบนี้ไปอีกกี่ครั้งกูก็จำไม่ได้ แต่หมอบอกว่ามันยังไม่ถึงเวลา รอบริจาคไขกระดูกด้วยมั้ง ช่างเถอะ” กายพูดพลางถอนหายใจแบบคนเหนื่อย “กูจะไปหาแพรว”
ณ ห้องฉุกเฉิน
“ไปไหนมาละเนี่ย แพรวออกจากห้องฉุกเฉิน แล้ว”
“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้างครับ”
“หมอให้ไปอยู่ห้องผู้ป่วยธรรมดาแล้ว เป็นภาวะเครียด ไม่ได้อันตรายอะไรมาก แต่หมอบอกว่าโชคดีที่เรานำส่งโรงพยาบาลได้ทัน ไม่งั้นเส้นเลือดในสมองอาจแตกก็ได้”
สีหน้าของกายรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวผมให้พ่อทำเรื่องย้ายไปห้องผู้ป่วยพิเศษให้” กายพูดกับทุกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เธอเป็นญาติแพรวเหรอ”
“นี่ผมผอมลงจนครูจำผมไม่ได้เลยเหรอ”
“เดี๋ยวนะ ฮะ!!! กาย ไม่ได้เจอกันนานไปทำอะไรมาทำไมผอมแบบนี้ พอไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนแล้วจำไม่ได้เลย”
กายยิ้มให้ครูเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรตอบ
“เดี๋ยวผมไปทำเรื่องพาแพรวไปอยู่ห้องพิเศษก่อนนะครับ”
หลังจากที่กายโทรแจ้งพ่อของตนเองเรื่องอาการป่วยของแพรวและต้องการให้แพรวเข้าพักรักษาตัวที่ห้องพิเศษ ทุกอย่างก็เป็นไปได้อย่างราบรื่นด้วยความที่พ่อของกายก็เอ็นดูแพรวอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเรื่องแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลย จะว่าไปพ่อของกายนั้นใจดีกับคนทั้งโลกแต่เย็นชากับลูกของตัวเอง ระหว่างรอย้ายห้องกายแวะไปดูแพรวที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา และโทรบอกแม่ของแพรวเพื่อให้รีบมาดูแลลูกสาว
"โอเคจ๊ะ เดี๋ยวน้ารีบไปนะ กายยังไงก็ฝากดูแพรวด้วยเดี๋ยวน้ารีบไปตอนนี้เลย"
"ไม่ต้องรีบมากก็ได้ครับเดี๋ยวอีกสักพักผมจะโทรบอกห้องให้อีกที ผมย้ายแพรวไปอยู่ห้องพิเศษ"
"อ่า ห้องพิเศษเหรอ ทำไมหล่ะ อยู่ห้องธรรมดาเถอะ"
"ห้องพิเศษเถอะครับ โรงพยาบาลนี้ของลูกพี่ลูกน้องพ่อผม จะได้เฝ้ากันสะดวก"
"คือ..."
"ค่าใช้จ่ายเท่าห้องปกติครับ" กายรีบตอบเพราะรู้ว่าปลายทางคงกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
"ไม่ใช่ว่าเธอ..." ด้วยความที่อยู่กันมานานแม่ของแพรวก็รู้ว่ากายคงไปพูดอะไรกับพ่อเพื่อให้แพรวได้ย้ายมาห้องพิเศษ
"ถือว่าผมขอนะครับ ผมอยากให้แพรวกับคุณน้าอยู่กันสบายๆ ไม่ต้องใช้ห้องรวมกับคนอื่น"
"เฮ้อ...โอเคๆ เดี๋ยวน้ารีบไป" แม่ของแพรวรับความช่วยเหลือนี้ไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้
ระหว่างรอพยาบาลเปลี่ยนห้องให้ กายมานั่งข้างแพรวพร้อมกุมมือแพรวแนบหน้าของตนอยู่แบบนั้นนาทีแล้วนาทีเล่า โดยไม่พูดอะไรสักคำ กายมองใบหน้าขาวซีดแต่ก็ยังสวยของแพรว แล้วลูบหัวของเธออย่างทะนุถนอม
"กูไม่ไปแล้วนะ จะไม่ไปไหนอีกแล้ว ขอโทษนะคนดีของกู"
เจมส์ที่ยืนดูอยู่ข้างนอก ปล่อยให้กายได้ใช้เวลาของเขาให้เต็มที่ ตัวของเจมส์เองก็ปวดใจไม่แพ้กัน แต่ก็รู้ดีว่าความรักบางทีก็ไม่จำเป็นต้องครอบครองกันก็ได้ ถ้าแพรวอยู่กับตนเองแล้วไม่มีความสุขเท่าอยู่กับกายมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะดึงเอาแต่ร่างกายของเขามาครอบครอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ