แด่เธอ...สุดที่รัก
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) รู้ความจริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเป็นการสอบที่จิตใจเลื่อนลอยมากที่สุดตั้งแต่เคยสอบมา เจมส์ที่นั่งอยู่ทางด้านหลังสังเกตเห็นอาการของคนที่เฝ้ามอง นึกเสียใจไม่น้อย ‘ถ้าเป็นเราที่หายไป เธอจะเศร้าแบบนี้ไหมนะ’
ไม่เข้าใจตัวเองทำไมต้องเหงา ต้องเศร้าแบบนี้ เพื่อนในห้องออกจะเยอะแยะ ปกติเรากับกายไม่ได้ตัวติดกันสักหน่อย แถมวันๆ มันก็เอาแต่โดดเรียน ใช่ว่าจะนั่งอยู่ในห้องเรียนเป็นประจำ กลายเป็นว่าตอนนี้ปวดหัวแทบระเบิดสงสัยจะเป็นเพราะร้องไห้หนักเมื่อวานแน่ๆ ปลายภาคนี้ฉันคงไม่รอด ตอนสอบ 2 วิชาแรกฉันแทบจะมั่วข้อสอบไปทุกข้อ ไม่ได้อ่านโจทย์เลยด้วยซ้ำ ขนาดวิชาคณิตศาสตร์ที่เราชอบที่สุดเรายังเขียนมันไม่ได้ซักข้อ คราวนี้แม่ได้เอาฉันตายแน่
ปวดหัวจัง ตาพร่าไปหมด ร่างกายมันไม่ทำตามที่ฉันสั่งเลยสักนิด ถ้าล้มตัวนอนตอนนี้ได้ก็คงดี ฉันหันไปรอบๆ ห้องเห็นหลายคนฟุบนอนเพราะไม่ทำข้อสอบ ฉันอยากไปสิงร่างคนสบายดีพวกนั้นแล้วลุกขึ้นมาทำข้อสอบจัง ไม่รู้ทำไมตอนนี้ฉันอยากให้เจมส์รู้ว่าฉันไม่ไหวทั้งที่เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรฉันได้แต่ฉันสบายใจที่จะให้เจมส์รู้ว่าฉันป่วยมากกว่าให้คนอื่นรู้ เลยแอบหันกลับไปมองเจมส์แต่เหมือนตอนนี้ฝ่ายที่ถูกแอบมองกำลังก้มหน้าเขียนข้อสอบอย่างตั้งใจแล้วจู่ๆ เสียงก็ดังมาจากหน้าห้อง
“แพรว วันนี้ยุกยิก ผิดปกตินะ นี่ผ่านมา 1 ชั่วโมงแล้วเธอยังไม่ได้ลงมือเขียนเลย ปกติเธอไม่ใช่คนแบบนี้นี่”
ฉันเงยหน้าหันไปมองที่อาจารย์คุมสอบ ด้วยสภาพที่อิดโรย ฉันฟังอะไรไม่ค่อยชัดเลย หูเริ่มอื้อ ตาก็พร่ามัวหนักกว่าเก่า ฉันพยายามกะพริบตา และสะบัดหัวแรงๆ เผื่อว่าสายตาฉันจะกลับมาโฟกัสแต่ไม่เป็นผล วันนี้มันหนักเกินกว่าที่ฉันจะควบคุมตัวเองได้ ร่างกายไม่ทำตามที่ฉันอยากให้มันทำเลยสักนิด
“แพรว แพรว นี่เธอไม่สบายเหรอ” ครูที่เริ่มสังเกตเห็นความปกติที่ตัวฉัน เรียกชื่อฉันและ เดินเข้ามาดูใกล้ๆ ด้วยความกังวล ส่วนเจมส์ที่นั่งดูตั้งแต่ครูทักแพรวว่านั่งยุกยิกก็รีบวางปากกาแล้วเดินมาดูโดยไม่สนใจว่าตอนนี้คือเวลาสอบ
“แพรว”
ทั้งเจมส์และฟ้ารีบเข้ามาดูฉัน เจมส์เหมือนจะเขย่าที่ตัวของฉันเพื่อเรียกสติ และวางฝ่ามือลงมาที่หน้าผากอันร้อนผ่าวของฉัน
“ไข้สูง อาจารย์ผมต้องพาแพรวไปหาหมอ”
“นี่เวลาสอบ เธอกลับไปนั่งที่ เรื่องนี้เดี๋ยวครูจัดการเอง”
“ผมทำข้อสอบเสร็จแล้ว ผมจะพาไปเอง”
“ทำเสร็จแล้ว…” ใบหน้าของครูเหมือนว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ผมไปนะครับ” ว่าแล้วเจมส์ก็ประคองตัวแพรวขึ้นขี่หลังแล้วเดินออกจากห้องไป โดยไม่สนใจครูคุมสอบอีก เจมส์สัมผัสได้ถึงความร้อนที่ทะลุมายังแผ่นหลังเจมส์
“แพรว ได้ยินเราไหม”
ได้ยิน แต่ไม่มีแรงจะพูดด้วย ตัวของฉันมันร้อนจนเหมือนผิวหนังจะแตกเป็นเสี่ยง
ณ ห้องพยาบาล
ครูห้องพยาบาลพอเห็นสภาพของแพรวที่มีอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนหลังของเด็กผู้ชายอีกคน ก็ตกใจไม่น้อย รีบถามอาการของแพรวจากเจมส์ แล้วเอาปรอทมาวัดไข้เด็กนักเรียน
“ไข้สูง 40 องศา ปล่อยให้มาสอบได้ยังไง แบบนี้พาไปโรงพยาบาลดีที่สุด เดี๋ยวครูจัดการเอง เธอกลับไปที่ห้องเรียนได้แล้ว”
“ไม่ครับ ผมต้องอยู่ด้วย”
“วันนี้วันสอบ เธอต้องไปเข้าห้องเรียน ไม่งั้นจะหมดสิทธิ์สอบเอานะ”
“ช่างมันสิครู ชีวิตแพรวสำคัญที่สุด ผมต้องแน่ใจว่าเธอปลอดภัยดี”
“เด็กบ้า เพื่อนแค่เป็นไข้ เป็นห่วงมากเกินไปหรือเปล่า”
“ผมต้องไปด้วย ผมต้องไปดูว่าแพรวโอเคดี อีกอย่างเธอเป็นไมเกรน ด้วย”
“แต่เธอจะขาดสอบนะ เรากลับมาไม่ทันสอบตอนบ่ายอยู่แล้ว”
“ผมไม่สน”
“เธอนี่มัน... เฮ้อ...เดี๋ยวค่อยว่ากันเรื่องสอบ ตอนนี้ให้ไปก็ได้ ไปด้วยกัน เดี๋ยวพาไปขึ้นรถตู้เบอร์ 3 หลังโรงเรียน เมื่อกี้ครูไลน์หาลุงขับรถตู้ละเดี๋ยวเขาจะพาพวกเราไปส่งโรงพยาบาล”
“แป๊บครับ”
เจมส์รีบเอาผ้าที่วางในห้องพยาบาล เอาไปชุบน้ำกับขวดน้ำดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะครู
“เธอจะทำอะไร”
“กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลอย่างน้อยก็น่าจะช่วยลดความร้อนในตัวเธอได้” เจมส์เอาผ้าที่ชุบน้ำ โป๊ะรอบคอแพรวแล้วรีบอุ้มแพรวไปขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่หลังโรงเรียน
“กาย มึงไม่ไปไม่ได้เหรอ” เสียงของแพรวเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ระยะของเจมส์ที่ใกล้แพรวมากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนจนเจ็บถึงขั้วหัวใจ แพรวเรียกหากายอยู่เป็นระยะ แต่ต่อให้จะเจ็บปวดขนาดไหนมือของเจมส์ก็ยังกำผ้าเปียกผืนนั้นเช็ดตามหน้า คอ และแขนของแพรวอย่างไม่ขาดเพื่อหวังว่าจะช่วยให้ความร้อนในตัวของแพรวลดลง
“กาย...” แพรวเอามือคว้ามือเจมส์เอาไว้ “อย่าไป...” จริงๆ เจมส์รู้มาตลอดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันมากกว่าคำว่าเพื่อนเพียงแค่แพรวไม่รู้ตัวว่ารู้สึกกับกายอย่างไร ส่วนกายก็หวังดีต่อแพรวมากจนคิดว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับแพรว ในวันนั้นที่ฉลองวันเกิดให้กับกาย หลังจากส่งแพรวเรียบร้อย กายเลยนัดเจมส์ออกมาคุยกันที่สวนสาธารณะ เรื่องความจริงใจที่เจมส์มีต่อแพรว เจมส์จึงบอกไปตามตรงว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร กายจึงเปิดโอกาสให้เจมส์ได้เข้าใกล้แพรว ไม่เข้ามาวุ่นวายและพยายามห่างจากแพรวตั้งแต่วันนั้น เพื่อให้เจมส์พิสูจน์ตัวเองให้แพรวเห็น ถึงตอนนี้เจมส์ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าต่อให้เจมส์จะแสนดีต่อแพรวขนาดไหนก็ไม่สามารถชนะใจแพรวได้เลย
เมื่อวานเจมส์ไม่รู้ว่ากายคุยอะไรกับแพรว หรือทั้งคู่ทะเลาะอะไรกัน แล้วกายหายไปไหน ทำไมแพรวถึงได้เป็นหนักขนาดนี้ แต่ดีที่สุดคงต้องหาทางพากายมาเจอแพรว
ฮือ…ฮือ…. แพรวร้องไห้
“หนาว… ปวด… ปวดหัว ไม่ไหวแล้ว ฮือ…” เจมส์มองคนที่ทรมานเพราะพิษไข้ตรงหน้าแล้วได้แต่นึกปวดใจ เพราะทำอะไรไม่ได้เลย
“แพรว เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว” เหมือนตัวจะร้อนขึ้นอีกไม่น่าจะใช่แค่อาการเป็นไข้แล้ว เจมส์เองก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดแพรวเอาไว้แน่นๆ
“กาย…กูไม่ไหวแล้ว…มึงอยู่ที่ไหน”
“กูอยู่นี่ กูอยู่นี่แล้ว” เจมส์จำยอมต้องรับบทเป็นกายชั่วคราวเพื่อให้ผู้หญิงในอ้อมกอดของเขารู้สึกดีขึ้น
“อย่าไปไหนอีกนะ” เจมส์เอาผ้าเปียกที่ตอนนี้อุ่นเพราะพิษไข้ของแพรว เช็ดตามตัวเท่าที่จะเช็ดได้
“เจมส์ มานี่มา ขยับไป เดี๋ยวครูเอาผ้าเช็ดข้างในเสื้อให้แพรว หันหน้าไปทางอื่นอย่ามองนะ” ครูที่ตอนแรกนั่งอยู่เบาะด้านหน้า แทรกตัวมายังเบาะที่เจมส์กับแพรวนั่งแล้วลงมือเอาผ้าชุบน้ำจากขวดน้ำดื่มเพิ่มแล้วเช็ดเข้าไปถึงด้านในเสื้อเพื่อจะได้ช่วยให้ตัวคลายร้อนมากกว่าเดิม
“ทนอีกนิดนะลูก เจมส์ครูว่าไข้เหมือนจะขึ้นสูงกว่าเดิมไม่น่าจะใช่อาการปกติแล้ว เธอพอรู้ไหมว่าเขามีโรคประจำตัวอะไร” เจมส์นึกเสียใจที่ไม่ได้รู้จักแพรวมากเท่ากาย ถ้าเป็นกายอยู่ตรงนี้แทนที่จะเป็นเค้ากายอาจจะรู้อะไรได้ดีกว่านี้
“รู้แค่ว่าเธอปวดหัวบ่อย และบอกว่าเป็นไมเกรน”
“ปวดหัว จะบอกว่าเป็นแต่ไมเกรนนะไม่ได้หรอกนะ อาการไม่ดีเลย ลุงขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เด็กจะไม่ไหวแล้ว เจมส์เช็ดตัวแพรวไว้ตลอดนะ ถูแรงๆ ได้เลย ถ้าอุณหภูมิร่างกายยังสูงแบบนี้มีหวังชักแน่”
“แพรว ได้ยินเราไหม ทนอีกนิดนะ” แพรวไม่ตอบสนองอะไรกับเจมส์อีกต่อไป
“แพรว!! อย่าสิ อย่าทำแบบนี้” ไม่ว่าจะเรียกดังแค่ไหนในตอนนี้แพรวก็ไม่ลืมตาขึ้นมาอีก
“แพรว!! ตื่นก่อนลูก แพรว...”
“แพรว!!!!” เจมส์พยายามเรียกแพรวให้ตื่นขึ้นมาแต่ไม่เป็นผลตอนนี้แพรวหมดสติไปแล้ว เมื่อรถตู้มาจอดหน้าประตูฉุกเฉิน แพรวก็โดนเจ้าหน้าที่พาเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน เจมส์และครูที่มาด้วยโดนกันอยู่นอกห้อง ครูวุ่นกับการโทรเข้าไปที่โรงเรียนเพื่อแจ้งอาการป่วยของนักเรียนและโรงเรียนจะได้โทรแจ้งผู้ปกครอง สำหรับเจมส์แล้วคำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว ต้องทำยังไง ทำอะไรก่อน ทุกอย่างมันเร็วมาก ตอนเช้าแพรวมีท่าทีว่าเพลีย แล้วผ่านมายังไม่ถึง 6 ชั่วโมง แพรวก็มีอาการหนักขนาดนี้ เจมส์ไม่มีแม้แต่เบอร์โทรของแม่แพรว มันน่าเจ็บใจจริงๆ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับแพรวสักอย่าง งั้นก็ต้องโทรไปหากายเพราะมันเคยบอกว่า
“ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับแพรวมึงโทรหากูได้ 24 ชม. นอกนั้นมึงช่วยดูแลให้แพรวมีความสุขที่สุดเท่าที่มึงจะทำได้ กูจะไม่เข้ามายุ่ง” ตอนนี้คงต้องขอความช่วยเหลือจากมัน ให้มาเจอแพรว เพราะแพรวต้องการแค่กายคนเดียว
ตู๊ด……ตู๊ด……..ตู๊ด……..
“มีอะไร” เสียงปลายสายแหบพร่า คล้ายกับคนพึ่งตื่นนอน
“แพรวอยู่ห้องฉุกเฉิน”
“เกิดอะไรขึ้น!! กูให้มึงดูแลแพรวทำไมอยู่ห้องฉุกเฉิน ได้วะ” จากเสียงแหบพร่ากลายมาเป็นเสียงตะโกนตามแบบฉบับของกาย
“เพราะมึง” น้ำเสียงราบเรียบที่พยายามข่มความโกรธ ความน้อยใจ ความกังวล และความกลัวที่ประดังเข้ามาในใจของเจมส์
“จะเพราะกูได้ไง อยู่โรงพยาบาลไหน เดี๋ยวกูไป”
“คุณชาย ยังให้ละ….”
“ชู่ว...!” กายหันไปปรามคนดูแลไม่ให้พูด
“เมโย”
“ได้ เดี๋ยวกูไป” ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด… กายรีบลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วแล้วก็ต้องล้มลงบนเก้าอี้ตามเดิมเพราะอาการหน้ามืด
"กำลังให้เลือด คนไข้ห้ามออกไปไหนนะคะ และห้ามลุกขึ้นแบบฉับพลันเหมือนเมื่อสักครู่นี้ด้วย"
น่ารำคาญจังวุ้ย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า เออกูก็อยู่โรงพยาบาลเมโยนี่หว่า
“อย่าคิดไปไหนเด็ดขาด ต้องรอให้เลือดหมดก่อนครับ”
“ผมต้องไปดูแพรวตอนนี้แพรวป่วยอยู่ห้องฉุกเฉิน”
“คุณก็ป่วยครับ ถ้าไม่รักษาก็จะไม่สามารถไปเจอคุณแพรวได้อีกตลอดชีวิตนะครับ”
คนฟังนิ่งไปสักพักก่อนจะนั่งลงแบบคนที่เหลือแค่กายหยาบ เพราะใจไปอยู่กับคนป่วยในห้องฉุกเฉินเรียบร้อย
“อีกนานไหม”
“20 นาทีครับ”
“โอเคงั้นเสร็จทางนี้แล้วฉันจะไปทันที ใครก็ห้ามยุ่ง”
“แต่คุณบอกกับคุณแพรวว่าตอนนี้คุณอยู่ต่างประเทศนะครับ”
"ช่างมันสิ บอกว่าบินกลับมาเพราะรู้ว่าแพรวป่วยก็ได้นิ" คนฟังได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดของคุณชายของตัวเอง
อย่าเป็นอะไรนะแพรว นี่มัน 20 นาที หรือ 20 ปีวะ ทำไมมันนานแบบนี้ แล้วไอ้เลือดถุงนี้เมื่อไหร่จะหมดสักที ให้กูกินมันแทนที่จะไหลเข้าเส้นเลือดซะดีมั้งเนี่ย
“เมื่อไหร่จะหมดเนี่ย”
“คุณชายครับ ยังไม่ถึง 1 นาที จากที่วางสายเลยนะครับ”
“พยาบาล ผมกินเลือดถุงนี้แทนได้ไหม มันจะได้หมดเร็วๆ”
“คุณชาย!!! ยิ่งขยับเยอะเลือดยิ่งเข้าช้านะครับ”
โอ๊ย โรคบ้าอะไรทำไมต้องมาเกิดกับกูด้วยวะหรือว่าแพรวจะเครียดหนัก จนปวดหัวแล้วเข้าโรงพยาบาล “นี่ลงไปดูห้อง ฉุกเฉิน ให้ทีว่าคนที่ชื่อ วิยะดา วิริยะโยธิน อาการเป็นยังไงแล้วรีบกลับมาบอก เร็ว!!!” กายรีบสั่งคนดูแลให้ไปดูอาการของแพรวก่อนด้วยความร้อนใจ พร้อมทั้งตัวเองก็โทรกลับไปหาเจมส์
“พอดีเมื่อกี้กูตกใจมากไปหน่อย มึงเล่าให้กูฟังก่อนว่าแพรวเป็นอะไร เดี๋ยวอีก 20 นาทีถึงจะไปถึงตรงนั้น”
“แพรวต้องการแค่มึง ไม่ใช่กู”
“กูถามอาการของแพรว มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้วะ ตอบให้ตรงคำถามหน่อยสิ”
“แพรวเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงหายไปไง เมื่อคืนมึงพูดอะไรกับแพรว แพรวถึงได้เป็นแบบนี้ มึงเองถึงจะตอบได้ไม่ใช่กู!!"
"..."
"แพรวไม่รู้ตัวว่ารักมึงรักแบบขาดมึงไม่ได้ กูเข้าไปแทรกเชี่ยอะไรไม่ได้เลย” นี่เป็นครั้งแรกที่เจมส์พูดจาด้วยอารมณ์
"..." โธ่เอ๊ย แพรว คิดผิดสินะที่ทำแบบนี้
“กูพยายามจะเบี่ยงเบนความสนใจ แต่เขาก็เอาแต่พูดถึงมึง ตามหามึง ไลน์หามึง จนแพรวเครียด แล้วก็ปวดหัว ตัวร้อนไข้สูงถึง 41 องศา”
“โห 41 องศาเลยเหรอวะ”
“เออ ระหว่างทางที่อยู่บนรถตู้ แพรวแทบไม่ได้สติแต่ก็เรียกแต่ชื่อของมึง มึงช่วยบอกกูหน่อยกูต้องเสียใจเรื่องอะไรก่อน เสียใจที่แพรวป่วย หรือเสียใจที่แพรวไม่เห็นกูอยู่ในสายตาเลย”
กายฟังแล้วก็น้ำตาก็คลอ พาลเอาเลือดในถุงไม่สามารถเข้าไปในร่างกายของกายได้เพราะความดันที่สูงเกินไป
“คนไข้คะ เราไม่อนุญาตให้โทรศัพท์ขณะที่กำลังรักษาค่ะ”
กายขมวดคิ้วแล้วทำมือห้ามไม่ให้พยาบาลพูดเสียงดังแต่คงไม่ทันเพราะปลายสายได้ยินเต็มสองหู
“มึง เป็นไรวะ มึงก็อยู่โรงพยาบาลนิ ป่วยเป็นอะไร”
“เฮ้อ~ หมดกัน”
“ทำไม นี่มึงอยู่ไหน”
-รถยนต์เลขทะเบียน 3กถ9593 รบกวนเลื่อนรถด้วยนะคะเนื่องจากขวางทางเข้าออกของเจ้าหน้าที่ค่ะ-
จังหวะนรกกว่านี้มีอีกไหม
-ประกาศอีกครั้งนะคะรถยนต์เลขทะเบียน 3กถ9593 รถกวนเลื่อนรถโดยด่วนเนื่องจากขวางทางเข้าออกของเจ้าหน้าที่ค่ะ-
จบกันกู ตอกย้ำให้ชัดกว่าเดิมซะอีก
เสียงตามสายของโรงพยาบาลทั้งจากปลายทาง และจากบริเวณที่เจมส์ยืนอยู่เป็นเสียงเดียวกัน งั้นกายก็อยู่ที่นี่
“มึงขึ้นมาชั้น 3 เลยก็ได้ กูอยู่นี่แหละแค่ตอนนี้ยังไปไม่ได้”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ