แด่เธอ...สุดที่รัก
10.0
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
21 ตอน
1 วิจารณ์
10.70K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) เหมือนตายทั้งเป็น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพอกายหลับสนิทฉันจึงออกจากห้องมาอย่างเงียบๆ และกลับห้องของตัวเองเพื่อไปอาบน้ำ
"แม่มานานหรือยัง"
"เมื่อกี้เลย แล้วเราไปไหนมา"
"ไปหากายมา"
"เอ้อ~ แล้วรายนั้นเป็นไงบ้าง เห็นสภาพเมื่อเช้าทำเอาตกใจหมด"
"ก็เป็นหนักจริงๆ แหละ"
"เป็นอะไรล่ะ"
"ลูคีเมีย"
"ฮะ!! ร่างกายแข็งแรงขนาดนั้นเนี่ยนะ" ก็จริงของแม่กายเป็นคนที่เล่นกีฬาและมีร่างกายที่แข็งแรงมาโดยตลอด ใครจะคิดว่าจะมาป่วยด้วยโรคนี้แบบเฉียบพลัน
"เฉียบพลันน่ะแม่ อันตรายสุดเลยไม่รู้ว่าการรักษาจะราบรื่นดีไหม"
"ไม่ได้ละเดี๋ยวแม่ต้องไปเยี่ยมสักหน่อย"
"อย่าพึ่งดีกว่า เจ้าตัวเขาดูไม่ค่อยอยากให้ใครรู้มากนัก เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นแล้วก็ปฏิบัติต่อเขาแบบคนป่วย"
"เด็กคนนี้ ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ดื้อด้านนี่ถ้าเป็นลูกแม่จะจับมาอบรมใหม่ให้หมดเลย" ถ้ากับกายแม่ก็จะเป็นแบบนี้เสมอ "เอาเถอะยังไงแม่ก็เป็นผู้ใหญ่ต้องไปเยี่ยม อีกอย่างพ่อของกายเขาก็ช่วยเรื่องค่าห้องค่ายาแกด้วย"
"แม่เราต้องคืนพวกค่าห้องค่ายาพวกนั้นนะ" ฉันย้ำเตือนอีกรอบ
"แม่รู้แล้ว เราก็พอมีเงินไม่ได้ขัดสนขนาดนั้น เพียงแต่เห็นไหมว่าผู้ใหญ่เขามีน้ำใจเราก็ต้องแสดงน้ำใจตอบแทนไว้ เดี๋ยวทางนั้นสะดวกใจแม่ค่อยเข้าไปเยี่ยม เราอยู่ใกล้ชิดกายถ้ากายรู้สึกดีขึ้นก็อย่าลืมบอกแม่ก็แล้วกัน ว่าแต่ตอนนี้เราดีขึ้นแล้วใช่ไหม"
"แทบวิ่งได้เลย"
"ทำมาพูด อย่าให้เครียดมากเกินไปล่ะ หมอเขาเตือนมา"
"รู้แล้วค่ะแม่"
"ดูท่าวันนี้ลูกสาวฉันคงไปนอนเฝ้าผู้ชายใช่ไหม" พูดซะดูแย่เลย
"รู้ดีสมเป็นแม่หนู"
"ย่ะ! ฉันจะได้กลับไปนอนบ้าน มีเพื่อนอยู่งั้นแม่ไม่อยู่ด้วยแล้วนะ อยู่ได้ใช่ไหม"
"สบายมากค่ะ"
"ขาดเหลืออะไรบอก ตอนนี้เหลือแค่ไปตามเก็บสอบแล้วก็ปิดเทอมแล้วนี่ ถ้าอยากจะมาดูแลกายแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เอาตามความเหมาะสมก็แล้วกัน" ทำไมทางมันโล่งสะดวกเหมือนทุกคนเป็นใจแบบนี้นะ
แม่ของฉันผู้เปิดทางให้กับลูกสาวได้เดินเข้าหาผู้ชายได้เต็มที่ เอ๊ย~เดินทางไหนก็ได้ แหม่เล่นปูมาซะขนาดนี้ ฉันก็คงได้เฝ้ากายแบบจริงจังแล้วแหละ
"แม่ จะรบกวนเกินไปไหมถ้าจะบอกว่าหนูอยากได้ไอแพด แล้วก็โน้ตบุ๊กมาใช้ช่วงนี้ พอดีทำงานค้างไว้"
"ไม่รบกวนจ๊ะ เพราะฉันรู้ว่าแกจะใช้มัน แม่เลยเอาข้าวของแกมาด้วย" บราโว~ สมแล้วที่เป็นแม่ของเรารอบคอบที่สุด
แบบนี้ก็ดีเลยคืนนี้จะได้ขึ้นไปนั่งทำงานที่ห้องกาย ยังเหลือสรุปเอกสารเตรียมสอบขายให้อีกสองสามโรงเรียน
"แล้วเจมส์ล่ะ" กับคนนี้ดูติดอกติดใจกันจริงนะ สงสัยจะหลงเจมส์เข้าให้แล้วมั้งแม่เรา
"แหม่...ให้เขาไปพักบ้าง เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็มา"
"โอเค อย่าดูแลคนป่วยจนลืมใส่ใจคนปกตินะลูก บางทีคนปกติเขาอาจจะป่วยทางใจอยู่ก็ได้" แม่หมายถึงเจมส์สินะ
"หมายถึงเจมส์เหรอ"
"เขาก็ห่วงแกไม่ต่างอะไรจากกายเลย"
"อื้อ เพื่อนกันทั้งนั้นคงไม่อะไรมากหรอกมั้ง"
"เราว่าพวกเค้าเป็นแค่เพื่อนแล้วหนุ่มๆเค้าคิดแค่เพื่อนกับเราไหมหล่ะ แต่เท่าที่แม่ดูไม่น่าใช่ หัดหลับตาใช้ใจสัมผัสซ่ะบ้างอย่าเอาแต่คิดทุกอย่างแบบคณิตศาสตร์ ชีวิตคนไม่ได้มีเหตุมีผลแบบวิชาคณิตศาสตร์นะลูก" นั่นสินะ จริงๆก็พอมองออกว่าเจมส์พยายามจะจีบฉัน ก่อนจะเกิดเรื่องที่กายหายหน้าไปฉันเองก็ใจเต้นไม่น้อยที่ได้เจอกับเจมส์ แต่พอเจอกันทีไรก็พาลไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซ่ะเลย ยิ่งพอมาเกิดเรื่องกายหายไปจนถึงตอนนี้ที่รู้ว่ากายป่วยก็กลายเป็นว่าฉันเองคิดถึงแต่เรื่องของกาย จนลืมเจมส์ไปสนิทเลย
"ที่บ้านกายก็เหลือเกินนะ แม่ล่ะไม่อยากจะพูด" ตามธรรมชาติของประโยคนี้หมายความว่าคนพูดต้องพูดอะไรสักอย่างแน่ "มีลูกชายก็แค่คนเดียว แค่นี้ดูแลเอาใจใส่ไม่ได้" นั่นไงพูดยังไม่ทันขาดคำมาเป็นชุด อันที่จริงเรื่องนี้ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียด ที่ผ่านมาถึงฉันจะไปบ้านกายบ่อย แต่ส่วนใหญ่กายจะอยู่บ้านคนเดียวตลอด ถ้าเรื่องเจอพ่อกับแม่ของกายแทบนับครั้งได้แถมไม่เคยเจอแบบพร้อมหน้ากันด้วยซ้ำ ฉันก็เข้าใจไปเองว่าท่านทั้งสองงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาดูแลกาย เท่าที่ได้สัมผัสมาท่านทั้งสองก็ใจดีกับฉันมาก แต่เหมือนกายจะไม่ได้รับความอบอุ่นจากพ่อและแม่เลยสักครั้ง ถึงได้แสดงพฤติกรรมเหมือนเด็กเกเรออกมา
"จะพูดอะไรคิดดีๆ นะ ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับทั้งกายและเจมส์อย่าไปให้ความหวังเค้า อย่าตัดใจคบใครเพราะความสงสาร มีแต่จะเจ็บนะลูก" แม่แพรวพูดเตือนด้วยความหวังดี
"ค่ะแม่" แม่เดินมาลูบหัวแล้วจุ๊บหน้าผากฉันหนึ่งที
ฉันหอบของพะรุงพะรังขึ้นชั้นสามเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนกาย แล้วก็ต้องเห็นพ่อของกายกับผู้หญิงที่ดูดีมากคนหนึ่ง ที่ดูแล้วน่าจะอยู่ในวัยไล่เรี่ยกันกับพ่อกายยืนเถียงอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าห้องกาย ใครนะเห็นไม่ชัดเลย แม่ของกายหรือเปล่า ต่อมเผือกเรื่องชาวบ้านของฉันทำงานทันที ฉันแอบอยู่เงียบๆตรงกำแพงทางเดิน
"มีแต่เรื่อง มีแต่ภาระไม่เว้นแต่ละวัน" ฮะ! ฉันพยายามเพ่งดูว่าใช่แม่ของกายแน่หรอ ทำไมมีคำพูดแบบนี้ออกมา
"คุณไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้ เดี๋ยวผมจัดการเอง"
"เอาปัญญาอะไรมาจัดการลำพังตอนนี้จัดการตัวคุณเองให้ได้ก่อนดีไหม ตัวของคุณ ลูกของคุณ ภาระฉันทั้งนั้น" ทำไมพูดแบบนั้นนะ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่แม่อยากจะเดินเข้าไปตบให้แล้วนะ
"เสียงเบาหน่อยได้ไหมคุณ เดี๋ยวลูกก็มาได้ยินพอดี" เออจริง แต่คุณลุงนั่นแหละลากนังผู้หญิงคนนั้น (เออ ลืมตัวนั่นแม่ของกาย) ออกมาคุยข้างนอกไม่ได้หรือไง
"ลูกของคุณคนเดียวค่ะ ฉันยอมเลี้ยงลูกที่ไม่เอาไหนแถมเกิดจากเมียน้อยของคุณมาตั้ง 17 ปี มันก็มากพอแล้วค่ะ"
"คุณ!!" ฉันแทบล้มทั้งยืนกายไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณน้าหรอกเหรอ ตอนนี้กายรู้เรื่องนี้ไหมเนี่ย แล้วเถียงกันขนาดนี้กลัวคนในห้องไม่ได้ยินหรือไง
"ผมขอให้คุณช่วยลูกผมสักครั้งจะได้ไหม ผมทำตามคุณทุกอย่างคุณช่วยลูกผมเถอะนะ"
"ไม่ค่ะ ค่าปลูกถ่ายไขกระดูก ตั้ง 1 ล้าน คุณก็รู้ว่าธุรกิจเรากำลังแย่ ฉันไม่เอาเงินมาทุ่มกับคนไร้ประโยชน์แบบมันหรอก" ทำไมฉันต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้ด้วยนะ ฉันได้แต่ภาวนาขอให้กายนอนหลับไม่รู้เรื่องด้วยเถอะ อย่าให้ต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้เลยขนาดฉันคนนอกยังยากที่จะรับได้เลย
"ผมคุกเข่าก็ได้" ฉันที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป มันเกินรับได้แล้ว ฉันวางของที่หอบมาไว้ตรงมุมกำแพงแล้วเดินออกไปหาพ่อกายและพยุงให้ลุกขึ้น
"พอเถอะค่ะ เสียงดังมากแล้ว ช่วยเห็นกับคนที่นอนป่วยอยู่ในห้องด้วยเถอะนะคะ" ยังไม่ทันสิ้นเสียงของฉันดี
โครม... เพล้ง... "ออกไป ออกไปจากหน้าประตูให้หมด ออกไป!!!!!!" เสียงดังมาจากข้างหลังประตูบานนั้น ทุกคนหันกลับไปที่ต้นเสียง พ่อของกายมีสีหน้าที่ตกใจมาก มีแต่คนที่กายเรียกว่าแม่มาตลอด 17 ปีเดินหันหลังกลับไปอย่างไม่ไยดี
"แม่มานานหรือยัง"
"เมื่อกี้เลย แล้วเราไปไหนมา"
"ไปหากายมา"
"เอ้อ~ แล้วรายนั้นเป็นไงบ้าง เห็นสภาพเมื่อเช้าทำเอาตกใจหมด"
"ก็เป็นหนักจริงๆ แหละ"
"เป็นอะไรล่ะ"
"ลูคีเมีย"
"ฮะ!! ร่างกายแข็งแรงขนาดนั้นเนี่ยนะ" ก็จริงของแม่กายเป็นคนที่เล่นกีฬาและมีร่างกายที่แข็งแรงมาโดยตลอด ใครจะคิดว่าจะมาป่วยด้วยโรคนี้แบบเฉียบพลัน
"เฉียบพลันน่ะแม่ อันตรายสุดเลยไม่รู้ว่าการรักษาจะราบรื่นดีไหม"
"ไม่ได้ละเดี๋ยวแม่ต้องไปเยี่ยมสักหน่อย"
"อย่าพึ่งดีกว่า เจ้าตัวเขาดูไม่ค่อยอยากให้ใครรู้มากนัก เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นแล้วก็ปฏิบัติต่อเขาแบบคนป่วย"
"เด็กคนนี้ ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ดื้อด้านนี่ถ้าเป็นลูกแม่จะจับมาอบรมใหม่ให้หมดเลย" ถ้ากับกายแม่ก็จะเป็นแบบนี้เสมอ "เอาเถอะยังไงแม่ก็เป็นผู้ใหญ่ต้องไปเยี่ยม อีกอย่างพ่อของกายเขาก็ช่วยเรื่องค่าห้องค่ายาแกด้วย"
"แม่เราต้องคืนพวกค่าห้องค่ายาพวกนั้นนะ" ฉันย้ำเตือนอีกรอบ
"แม่รู้แล้ว เราก็พอมีเงินไม่ได้ขัดสนขนาดนั้น เพียงแต่เห็นไหมว่าผู้ใหญ่เขามีน้ำใจเราก็ต้องแสดงน้ำใจตอบแทนไว้ เดี๋ยวทางนั้นสะดวกใจแม่ค่อยเข้าไปเยี่ยม เราอยู่ใกล้ชิดกายถ้ากายรู้สึกดีขึ้นก็อย่าลืมบอกแม่ก็แล้วกัน ว่าแต่ตอนนี้เราดีขึ้นแล้วใช่ไหม"
"แทบวิ่งได้เลย"
"ทำมาพูด อย่าให้เครียดมากเกินไปล่ะ หมอเขาเตือนมา"
"รู้แล้วค่ะแม่"
"ดูท่าวันนี้ลูกสาวฉันคงไปนอนเฝ้าผู้ชายใช่ไหม" พูดซะดูแย่เลย
"รู้ดีสมเป็นแม่หนู"
"ย่ะ! ฉันจะได้กลับไปนอนบ้าน มีเพื่อนอยู่งั้นแม่ไม่อยู่ด้วยแล้วนะ อยู่ได้ใช่ไหม"
"สบายมากค่ะ"
"ขาดเหลืออะไรบอก ตอนนี้เหลือแค่ไปตามเก็บสอบแล้วก็ปิดเทอมแล้วนี่ ถ้าอยากจะมาดูแลกายแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เอาตามความเหมาะสมก็แล้วกัน" ทำไมทางมันโล่งสะดวกเหมือนทุกคนเป็นใจแบบนี้นะ
แม่ของฉันผู้เปิดทางให้กับลูกสาวได้เดินเข้าหาผู้ชายได้เต็มที่ เอ๊ย~เดินทางไหนก็ได้ แหม่เล่นปูมาซะขนาดนี้ ฉันก็คงได้เฝ้ากายแบบจริงจังแล้วแหละ
"แม่ จะรบกวนเกินไปไหมถ้าจะบอกว่าหนูอยากได้ไอแพด แล้วก็โน้ตบุ๊กมาใช้ช่วงนี้ พอดีทำงานค้างไว้"
"ไม่รบกวนจ๊ะ เพราะฉันรู้ว่าแกจะใช้มัน แม่เลยเอาข้าวของแกมาด้วย" บราโว~ สมแล้วที่เป็นแม่ของเรารอบคอบที่สุด
แบบนี้ก็ดีเลยคืนนี้จะได้ขึ้นไปนั่งทำงานที่ห้องกาย ยังเหลือสรุปเอกสารเตรียมสอบขายให้อีกสองสามโรงเรียน
"แล้วเจมส์ล่ะ" กับคนนี้ดูติดอกติดใจกันจริงนะ สงสัยจะหลงเจมส์เข้าให้แล้วมั้งแม่เรา
"แหม่...ให้เขาไปพักบ้าง เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็มา"
"โอเค อย่าดูแลคนป่วยจนลืมใส่ใจคนปกตินะลูก บางทีคนปกติเขาอาจจะป่วยทางใจอยู่ก็ได้" แม่หมายถึงเจมส์สินะ
"หมายถึงเจมส์เหรอ"
"เขาก็ห่วงแกไม่ต่างอะไรจากกายเลย"
"อื้อ เพื่อนกันทั้งนั้นคงไม่อะไรมากหรอกมั้ง"
"เราว่าพวกเค้าเป็นแค่เพื่อนแล้วหนุ่มๆเค้าคิดแค่เพื่อนกับเราไหมหล่ะ แต่เท่าที่แม่ดูไม่น่าใช่ หัดหลับตาใช้ใจสัมผัสซ่ะบ้างอย่าเอาแต่คิดทุกอย่างแบบคณิตศาสตร์ ชีวิตคนไม่ได้มีเหตุมีผลแบบวิชาคณิตศาสตร์นะลูก" นั่นสินะ จริงๆก็พอมองออกว่าเจมส์พยายามจะจีบฉัน ก่อนจะเกิดเรื่องที่กายหายหน้าไปฉันเองก็ใจเต้นไม่น้อยที่ได้เจอกับเจมส์ แต่พอเจอกันทีไรก็พาลไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซ่ะเลย ยิ่งพอมาเกิดเรื่องกายหายไปจนถึงตอนนี้ที่รู้ว่ากายป่วยก็กลายเป็นว่าฉันเองคิดถึงแต่เรื่องของกาย จนลืมเจมส์ไปสนิทเลย
"ที่บ้านกายก็เหลือเกินนะ แม่ล่ะไม่อยากจะพูด" ตามธรรมชาติของประโยคนี้หมายความว่าคนพูดต้องพูดอะไรสักอย่างแน่ "มีลูกชายก็แค่คนเดียว แค่นี้ดูแลเอาใจใส่ไม่ได้" นั่นไงพูดยังไม่ทันขาดคำมาเป็นชุด อันที่จริงเรื่องนี้ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียด ที่ผ่านมาถึงฉันจะไปบ้านกายบ่อย แต่ส่วนใหญ่กายจะอยู่บ้านคนเดียวตลอด ถ้าเรื่องเจอพ่อกับแม่ของกายแทบนับครั้งได้แถมไม่เคยเจอแบบพร้อมหน้ากันด้วยซ้ำ ฉันก็เข้าใจไปเองว่าท่านทั้งสองงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาดูแลกาย เท่าที่ได้สัมผัสมาท่านทั้งสองก็ใจดีกับฉันมาก แต่เหมือนกายจะไม่ได้รับความอบอุ่นจากพ่อและแม่เลยสักครั้ง ถึงได้แสดงพฤติกรรมเหมือนเด็กเกเรออกมา
"จะพูดอะไรคิดดีๆ นะ ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับทั้งกายและเจมส์อย่าไปให้ความหวังเค้า อย่าตัดใจคบใครเพราะความสงสาร มีแต่จะเจ็บนะลูก" แม่แพรวพูดเตือนด้วยความหวังดี
"ค่ะแม่" แม่เดินมาลูบหัวแล้วจุ๊บหน้าผากฉันหนึ่งที
ฉันหอบของพะรุงพะรังขึ้นชั้นสามเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนกาย แล้วก็ต้องเห็นพ่อของกายกับผู้หญิงที่ดูดีมากคนหนึ่ง ที่ดูแล้วน่าจะอยู่ในวัยไล่เรี่ยกันกับพ่อกายยืนเถียงอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าห้องกาย ใครนะเห็นไม่ชัดเลย แม่ของกายหรือเปล่า ต่อมเผือกเรื่องชาวบ้านของฉันทำงานทันที ฉันแอบอยู่เงียบๆตรงกำแพงทางเดิน
"มีแต่เรื่อง มีแต่ภาระไม่เว้นแต่ละวัน" ฮะ! ฉันพยายามเพ่งดูว่าใช่แม่ของกายแน่หรอ ทำไมมีคำพูดแบบนี้ออกมา
"คุณไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้ เดี๋ยวผมจัดการเอง"
"เอาปัญญาอะไรมาจัดการลำพังตอนนี้จัดการตัวคุณเองให้ได้ก่อนดีไหม ตัวของคุณ ลูกของคุณ ภาระฉันทั้งนั้น" ทำไมพูดแบบนั้นนะ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่แม่อยากจะเดินเข้าไปตบให้แล้วนะ
"เสียงเบาหน่อยได้ไหมคุณ เดี๋ยวลูกก็มาได้ยินพอดี" เออจริง แต่คุณลุงนั่นแหละลากนังผู้หญิงคนนั้น (เออ ลืมตัวนั่นแม่ของกาย) ออกมาคุยข้างนอกไม่ได้หรือไง
"ลูกของคุณคนเดียวค่ะ ฉันยอมเลี้ยงลูกที่ไม่เอาไหนแถมเกิดจากเมียน้อยของคุณมาตั้ง 17 ปี มันก็มากพอแล้วค่ะ"
"คุณ!!" ฉันแทบล้มทั้งยืนกายไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณน้าหรอกเหรอ ตอนนี้กายรู้เรื่องนี้ไหมเนี่ย แล้วเถียงกันขนาดนี้กลัวคนในห้องไม่ได้ยินหรือไง
"ผมขอให้คุณช่วยลูกผมสักครั้งจะได้ไหม ผมทำตามคุณทุกอย่างคุณช่วยลูกผมเถอะนะ"
"ไม่ค่ะ ค่าปลูกถ่ายไขกระดูก ตั้ง 1 ล้าน คุณก็รู้ว่าธุรกิจเรากำลังแย่ ฉันไม่เอาเงินมาทุ่มกับคนไร้ประโยชน์แบบมันหรอก" ทำไมฉันต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้ด้วยนะ ฉันได้แต่ภาวนาขอให้กายนอนหลับไม่รู้เรื่องด้วยเถอะ อย่าให้ต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้เลยขนาดฉันคนนอกยังยากที่จะรับได้เลย
"ผมคุกเข่าก็ได้" ฉันที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป มันเกินรับได้แล้ว ฉันวางของที่หอบมาไว้ตรงมุมกำแพงแล้วเดินออกไปหาพ่อกายและพยุงให้ลุกขึ้น
"พอเถอะค่ะ เสียงดังมากแล้ว ช่วยเห็นกับคนที่นอนป่วยอยู่ในห้องด้วยเถอะนะคะ" ยังไม่ทันสิ้นเสียงของฉันดี
โครม... เพล้ง... "ออกไป ออกไปจากหน้าประตูให้หมด ออกไป!!!!!!" เสียงดังมาจากข้างหลังประตูบานนั้น ทุกคนหันกลับไปที่ต้นเสียง พ่อของกายมีสีหน้าที่ตกใจมาก มีแต่คนที่กายเรียกว่าแม่มาตลอด 17 ปีเดินหันหลังกลับไปอย่างไม่ไยดี
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ