แด่เธอ...สุดที่รัก
10.0
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
21 ตอน
1 วิจารณ์
10.71K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ทำตามหัวใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแพรวยังต้องอยู่ในโรงพยาบาลต่ออีก 2 วัน ตามคำสั่งของแพทย์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพราะพ่อของกายได้จัดการค่าใช้จ่ายเอาไว้ให้หมดแล้ว ตอนนี้แพรวแข็งแรงเกือบเป็นปกติ เรื่องสอบของโรงเรียนทั้งแพรวและเจมส์ได้รับอนุญาตให้ไปสอบย้อนหลังได้ เจมส์ขอตัวกลับไปที่พักของตัวเองแล้วจะมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น ส่วนแพรวเข้าไปหากายได้สักพักก็ค่อยๆ ออกจากห้องมาแบบเงียบๆ เพราะแพทย์ประจำตัวของกายยังไม่อยากให้มีคนเข้าไปในห้องพักของกายนานมากนักเนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อสูง และในขณะที่แพรวกำลังเดินออกมาเพื่อจะกลับไปที่ห้องของตัวเองก็ได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง "หนูแพรว" บุรุษร่างสูงที่ถึงแม้จะมีอายุเข้าเลข 5 แล้วแต่ก็ยังดูดีกว่าคนในวัยเดียวกัน นั่นก็คือ 'พ่อของกาย'
"เป็นยังไงบ้างลูก พ่องานยุ่งมากเลยไม่ได้มาเยี่ยม" พ่อของกายทักทายแพรวแบบคุณลุงที่ใจดีคนหนึ่ง
"ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะขอบคุณนะคะเรื่องค่าใช้จ่าย หนูจะพยายามนำเงินมาจ่ายคืนนะคะ"
"ไม่เป็นไร พ่อยินดีช่วย ที่ผ่านมาเราก็เหมือนดูแลกายแทนพ่ออยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ให้พ่อช่วยเถอะถือว่าตอบแทน"
"ที่ผ่านมาหนูเต็มใจช่วยกายเอง หนูเกรงใจจริงๆ แล้วหนูจะหาเงินมาจ่ายให้ภายหลังนะคะ"
"ดื้อไม่เปลี่ยน มิน่าทำไมกายมันถึงได้ติดหนูนัก อะไรๆ ก็แพรวก่อนเสมอ นิสัยเหมือนกันจริงๆ"
"..." กายไม่เห็นจะติดเราสักนิด วันๆ เอาแต่หายหัว แถมป่วยหนักก็ให้เรามารู้เองไม่คิดจะบอกด้วยซ้ำ
"รู้อาการป่วยของกายแล้วใช่ไหม"
"ทราบแล้วค่ะ" น้ำเสียงของแพรวดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
"พ่ออยากจะคุยกับแพรวเรื่องนี้ ไปนั่งพักผ่อนกินโกโก้ร้อนกับพ่อสักหน่อยได้ไหม"
ณ ร้านกาแฟ Mezzo ชั้น 1 ของโรงพยาบาลเมโย โกโก้ร้อนหนึ่งแก้วถูกนำมาวางตรงหน้าฉัน
"หนูแพรวดื่มโกโก้ร้อนก่อนนะ"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันกล่าวขอบคุณพร้อมกับหยิบถ้วยโกโก้ขึ้นมาจิบแค่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจของผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ฉันเองก็ยังกินอะไรไม่ลงเหมือนกัน
"อยากได้อะไรเพิ่มบอกลุงนะ หรือแพรวอยากเดินไปสั่งเองก็ได้เลย" ฉันยิ้มและพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ แต่ฉันรู้สึกว่าพ่อของกายคงมีอะไรมากกว่าที่จะคุยเรื่องอาการของกายแน่ๆ
"ขอเสียมารยาทนะคะ คุณลุงมีอะไรจะคุยกับหนูเป็นพิเศษหรือคะ คือหนูรู้สึกว่าคุณลุงอยากพูดอะไรบางอย่างกับหนู"
พ่อของกายยิ้มให้แพรวแบบเอ็นดูเด็กคนหนึ่ง
"หนูฉลาดมาก มองทุกคนออกหมด แล้วเคยมองลูกของลุงออกบ้างไหม"
"ยังไงหรือคะ"
"มองออกไหมว่ากายคิดยังไงกับหนู" คำถามนี้หมายความว่าอะไรฉันเริ่มสงสัยหนักขึ้น แต่ก็ไม่มั้ง ไม่น่า... อย่า... บ้า... คิดอะไรอยู่เนี่ยแพรว กายมันคิดกับเราแบบนั้นจริงเหรอวะ กายมันก็เห็นเราเป็นแค่เพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้นแหละ
"คงไม่รู้สินะ"
"ค่ะ" ไม่อยากหน้าแตกเอาเป็นว่าไม่รู้ไว้ก่อนดีกว่า
"กายมันรักหนู ถึงพ่อกับกายจะไม่ค่อยลงรอยกัน แต่ยังไงพ่อก็เลี้ยงมันมาพ่อรู้ดีว่าจริงๆ แล้วมันต้องการใคร"
ฉันได้แต่นั่งนิ่ง แทนที่จะรู้สึกใจเต้นแต่กลับขนลุกซะอย่างนั้น เหมือนมีสายฟ้าฟาดที่กลางหัวทำให้ทั้งร่างกายชาไปหมด ฉันตอนนี้ต้องรู้สึกยังไง สับสนไปหมดแล้ว
"คือว่า..." แต่ยังไงเราก็เห็นกายเป็นเพื่อนคนหนึ่งนะ ฉันว่าฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
"หนูรู้สึกกับกายแบบไหนบอกพ่อได้ไหม"
"คือ...หนูว่าหนูคิดกับกายแค่เพื่อนนะคะ"
พ่อของกายมองแพรวแบบไม่เข้าใจ
"แล้วถ้ากายจะไม่อยู่ที่นี่ พ่อจะพากายไปรักษาที่ต่างประเทศหนูจะว่ายังไง" ไม่นะ จะเอาไปต่างประเทศทำไมกัน
"คุณลุงแต่ว่าหมอที่นี่ก็เก่งนะคะ ให้กายอยู่ที่นี่เถอะค่ะ" ฉันรีบหาเหตุผลร้อยแปดเพื่อไม่ให้พ่อของกายพากายไปรักษาที่อื่น "หนูสัญญาว่าจะดูแลกายเอง คุณลุงไม่ต้องเสียเวลามาดูแลกายเลยก็ได้" ฉันทำได้ฉันดูแลกายได้แน่ๆ อย่าพาไปไหนเลย
"พ่อว่าอย่าดีกว่า พ่อคงต้องบอกกายให้เข้าใจ และพากายไปรักษาที่อื่น ที่ที่ไม่มีหนู เพราะไม่งั้นกายก็จะหนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปเฝ้าดูหนูทำให้การรักษาไม่ราบรื่น พ่ออยากให้กายตัดใจจากหนูให้ได้"
ไม่นะ ไม่ได้เราปล่อยให้กายจากไปทั้งที่เป็นแบบนี้ไม่ได้ ขนาดไปโดยสภาพร่างกายแข็งแรงฉันยังใจจะขาดเลย เราจะไม่ปล่อยให้กายไปไหนอีก
"พ่ออยากเอากายไปเลย หนูว่า.. หนูคือ...คือหนู..." แบบนี้ทุกทีเลยฉันเริ่มเรียงประโยคสับสนไปหมด แถมน้ำตาบ้านี่ก็เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง ฉันจะทำยังไงดี ฉันไม่อยากให้กายไปไหนเลย ไม่ได้จริงๆ ฉันอยากดูแลกายในเวลาแบบนี้ไม่อยากให้ไปไหนไกลเลย "อย่าไปเลยนะคะ" ฉันเริ่มอ้อนวอนทั้งน้ำตา โดยมีผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงหน้ายื่นกระดาษทิชชูมาซับน้ำตาฉันอย่างอ่อนโยน
"เฮ้อ~ พ่อเข้าใจละ หนูเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี่สินะ" พ่อทำสีหน้าตึงเครียด แต่ก็ฝืนยิ้มให้ฉัน "งั้นช่วยอยู่กับกายให้มากที่สุดเท่าที่หนูจะทำได้ในตอนนี้ได้ไหม" ถึงฉันจะเข้าใจในสิ่งที่พ่อของกายพูดไม่ครบ แต่ดูแล้วเหมือนอีกฝ่ายจะยอมให้กายรักษาตัวอยู่ที่นี่
"ช่วงนี้กายต้องได้รับคีโมบ่อยขึ้น และอาจจะต้องได้รับยาที่แรงขึ้น เพราะเป็นลูคีเมียชนิดเฉียบพลัน ถ้าเกิดการให้คีโมไม่ได้ผลก็จะต้องปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นลำดับต่อไป"
"..." ฉันตั้งใจฟังการรักษาที่พ่อของกายเล่าให้ฟัง
"ซึ่งผลของยา ก็มีตั้งแต่ผมร่วง กินอะไรไม่ได้ร่างกายซูบผอม และที่พ่อกลัวก็คือภาวะซึมเศร้า"
"ค่ะ" ทำไมเราฟังแล้วรู้สึกอ่อนแรงแบบนี้
"ที่ผ่านมา พอจะรู้สึกบ้างไหมว่ากายต้องการความรักมากกว่าคนทั่วไป"
ถ้าให้นึกย้อนจริงๆ ก็รู้สึกบ้างเหมือนที่ผ่านมากายจะขวางทุกคนที่คิดจะจีบ หรือเข้าใกล้ฉัน ทำเหมือนเด็กที่กลัวว่าความสำคัญตัวเองจะลดลงถ้าฉันไปให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่า ยกเว้นเจมส์ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ถ้าจะให้รู้สึกมากจริงๆ คงเป็นตอนที่ฉันลืมวันเกิดกาย
"ค่ะ พอจะดูออกค่ะ"
"นั่นแหละ พ่อกลัวมันคิดเยอะดูจากที่มันพยายามออกห่างจากหนู และวางแผนหลอกหนูเรื่องไปต่างประเทศ ส่วนหนึ่งก็เพราะมันไม่ชอบเป็นภาระของใคร" พ่อของกายรู้ทุกเรื่องของลูกเลยสินะ แค่ไม่ได้แสดงออกมาให้ใครเห็น
"ค่ะ" ฉันเข้าใจกายทุกอย่าง ถ้าเป็นฉันอาจจะไม่อยากให้กายรู้ก็ได้ว่าฉันป่วย ฉันเองก็ไม่อยากเป็นภาระของใครเหมือนกัน "ว่าแต่คุณลุงจะไม่พากายไปไหนแล้วใช่ไหมคะ" ฉันรีบทวงถามเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น
"ตอนนี้ใช่ เฮ้อ~ ลุงคุยอะไรกับกายมันไม่ได้สักเรื่อง ยิ่งแม่ของกายนี่ยิ่งแล้วใหญ่ไม่รู้จะต่อต้านอะไรกันนักหนา แค่เห็นหน้าก็พานจะทะเลาะกันละ ยังไงช่วยอยู่กับมันหน่อยนะ เรื่องไปต่างประเทศพ่อจะชะลอออกไปก่อน"
"ค่ะ"
หลังจากนั้นฉันกับพ่อของกายก็นั่งนิ่งๆ อีกสักพักก่อนที่ฝ่ายพ่อกายจะขอตัวออกไปประชุม
"อีกนิดนะ"
"ค่ะ" มีเรื่องอะไรนะ
"มันอาจจะเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัว ถ้าเกิดหนูไม่ได้รักกายแบบที่กายเขารู้สึกกับหนูจริงๆ แล้วถ้าหนูรู้สึกชอบพอกับใครสักคน อย่าพึ่งคบกันตอนนี้ได้ไหม" ตอนนี้ทั้งสมองและจิตใจของฉันมันโล่งไปไหม คงไม่มีแรงจะไปคบหากับใครแน่หล่ะ
"ค่ะ" ทั้งบทสนทนาฉันแทบไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมให้พูดเป็นแค่คำว่า 'ค่ะ' เลย
"เมื่อไหร่ไอ้ถุงนี่มันจะหมดเนี่ย" พอกายตื่นขึ้นมาก็มีปัญหากับถุงเลือดถุงยา สารพัดสายที่โยงเยงไปทั้งตัว
"น่าจะอีก 1 ชั่วโมงค่ะ คุณกาย"
"แต่ผมรู้สึกดีขึ้นแล้วจริงๆ นะ ปล่อยผมไปเถอะคุณพยาบาลคนสวย" กายทำท่าทางออดอ้อนพยาบาล
"ไม่ได้ผลค่ะ"
"ผมต้องไปหาคนคนหนึ่ง จริงๆ นะ เธออาจจะรอผมอยู่"
"ไม่ต้องไปหรอกค่ะ เดี๋ยวเธอก็มา"
"ฮะ!!!" กายเด้งตัวลุงขึ้นนั่งบนเตียง แล้วด้วยความลุกเร็วก็แสดงอาการหน้ามืดออกมาให้พยาบาลต้องดุอีกตามเคย
"ก็บอกแล้วไงคะ ว่าจะลุกจะนั่งให้ช้ากว่านี้ คุณป่วยอยู่นะคะ"
"แบบนี้แพรวก็รู้เรื่องหมดแล้วสิ"
"ค่ะ อดใจรอสักแป๊บ เดี๋ยวเธอก็จะมาหาคุณ"
"ยังๆ ดูให้หน่อย ผมยังหล่ออยู่ไหม" ว่าแล้วกายก็ยื่นหน้าไปหาพยาบาล โดยอาการของพยาบาลในตอนนี้คือกลอกตามองบน แบบเอือมระอาเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องตรงหน้า "ถ้าตีกระจกให้แตกทุกบาน ก็คงหล่อค่ะ"
กายขมวดคิ้ว หมายความว่าไงวะ ว่าแล้วกายก็คว้ามือถือเปิดกล้องหน้าเพื่อเช็กสภาพตัวเอง ก็หล่ออยู่นะว่าไม่ได้ หล่อแบบซีดๆ ผอมๆ โคเรียสไตล์
"เป็นยังไงบ้างลูก พ่องานยุ่งมากเลยไม่ได้มาเยี่ยม" พ่อของกายทักทายแพรวแบบคุณลุงที่ใจดีคนหนึ่ง
"ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะขอบคุณนะคะเรื่องค่าใช้จ่าย หนูจะพยายามนำเงินมาจ่ายคืนนะคะ"
"ไม่เป็นไร พ่อยินดีช่วย ที่ผ่านมาเราก็เหมือนดูแลกายแทนพ่ออยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ให้พ่อช่วยเถอะถือว่าตอบแทน"
"ที่ผ่านมาหนูเต็มใจช่วยกายเอง หนูเกรงใจจริงๆ แล้วหนูจะหาเงินมาจ่ายให้ภายหลังนะคะ"
"ดื้อไม่เปลี่ยน มิน่าทำไมกายมันถึงได้ติดหนูนัก อะไรๆ ก็แพรวก่อนเสมอ นิสัยเหมือนกันจริงๆ"
"..." กายไม่เห็นจะติดเราสักนิด วันๆ เอาแต่หายหัว แถมป่วยหนักก็ให้เรามารู้เองไม่คิดจะบอกด้วยซ้ำ
"รู้อาการป่วยของกายแล้วใช่ไหม"
"ทราบแล้วค่ะ" น้ำเสียงของแพรวดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
"พ่ออยากจะคุยกับแพรวเรื่องนี้ ไปนั่งพักผ่อนกินโกโก้ร้อนกับพ่อสักหน่อยได้ไหม"
ณ ร้านกาแฟ Mezzo ชั้น 1 ของโรงพยาบาลเมโย โกโก้ร้อนหนึ่งแก้วถูกนำมาวางตรงหน้าฉัน
"หนูแพรวดื่มโกโก้ร้อนก่อนนะ"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันกล่าวขอบคุณพร้อมกับหยิบถ้วยโกโก้ขึ้นมาจิบแค่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจของผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ฉันเองก็ยังกินอะไรไม่ลงเหมือนกัน
"อยากได้อะไรเพิ่มบอกลุงนะ หรือแพรวอยากเดินไปสั่งเองก็ได้เลย" ฉันยิ้มและพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ แต่ฉันรู้สึกว่าพ่อของกายคงมีอะไรมากกว่าที่จะคุยเรื่องอาการของกายแน่ๆ
"ขอเสียมารยาทนะคะ คุณลุงมีอะไรจะคุยกับหนูเป็นพิเศษหรือคะ คือหนูรู้สึกว่าคุณลุงอยากพูดอะไรบางอย่างกับหนู"
พ่อของกายยิ้มให้แพรวแบบเอ็นดูเด็กคนหนึ่ง
"หนูฉลาดมาก มองทุกคนออกหมด แล้วเคยมองลูกของลุงออกบ้างไหม"
"ยังไงหรือคะ"
"มองออกไหมว่ากายคิดยังไงกับหนู" คำถามนี้หมายความว่าอะไรฉันเริ่มสงสัยหนักขึ้น แต่ก็ไม่มั้ง ไม่น่า... อย่า... บ้า... คิดอะไรอยู่เนี่ยแพรว กายมันคิดกับเราแบบนั้นจริงเหรอวะ กายมันก็เห็นเราเป็นแค่เพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้นแหละ
"คงไม่รู้สินะ"
"ค่ะ" ไม่อยากหน้าแตกเอาเป็นว่าไม่รู้ไว้ก่อนดีกว่า
"กายมันรักหนู ถึงพ่อกับกายจะไม่ค่อยลงรอยกัน แต่ยังไงพ่อก็เลี้ยงมันมาพ่อรู้ดีว่าจริงๆ แล้วมันต้องการใคร"
ฉันได้แต่นั่งนิ่ง แทนที่จะรู้สึกใจเต้นแต่กลับขนลุกซะอย่างนั้น เหมือนมีสายฟ้าฟาดที่กลางหัวทำให้ทั้งร่างกายชาไปหมด ฉันตอนนี้ต้องรู้สึกยังไง สับสนไปหมดแล้ว
"คือว่า..." แต่ยังไงเราก็เห็นกายเป็นเพื่อนคนหนึ่งนะ ฉันว่าฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
"หนูรู้สึกกับกายแบบไหนบอกพ่อได้ไหม"
"คือ...หนูว่าหนูคิดกับกายแค่เพื่อนนะคะ"
พ่อของกายมองแพรวแบบไม่เข้าใจ
"แล้วถ้ากายจะไม่อยู่ที่นี่ พ่อจะพากายไปรักษาที่ต่างประเทศหนูจะว่ายังไง" ไม่นะ จะเอาไปต่างประเทศทำไมกัน
"คุณลุงแต่ว่าหมอที่นี่ก็เก่งนะคะ ให้กายอยู่ที่นี่เถอะค่ะ" ฉันรีบหาเหตุผลร้อยแปดเพื่อไม่ให้พ่อของกายพากายไปรักษาที่อื่น "หนูสัญญาว่าจะดูแลกายเอง คุณลุงไม่ต้องเสียเวลามาดูแลกายเลยก็ได้" ฉันทำได้ฉันดูแลกายได้แน่ๆ อย่าพาไปไหนเลย
"พ่อว่าอย่าดีกว่า พ่อคงต้องบอกกายให้เข้าใจ และพากายไปรักษาที่อื่น ที่ที่ไม่มีหนู เพราะไม่งั้นกายก็จะหนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปเฝ้าดูหนูทำให้การรักษาไม่ราบรื่น พ่ออยากให้กายตัดใจจากหนูให้ได้"
ไม่นะ ไม่ได้เราปล่อยให้กายจากไปทั้งที่เป็นแบบนี้ไม่ได้ ขนาดไปโดยสภาพร่างกายแข็งแรงฉันยังใจจะขาดเลย เราจะไม่ปล่อยให้กายไปไหนอีก
"พ่ออยากเอากายไปเลย หนูว่า.. หนูคือ...คือหนู..." แบบนี้ทุกทีเลยฉันเริ่มเรียงประโยคสับสนไปหมด แถมน้ำตาบ้านี่ก็เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง ฉันจะทำยังไงดี ฉันไม่อยากให้กายไปไหนเลย ไม่ได้จริงๆ ฉันอยากดูแลกายในเวลาแบบนี้ไม่อยากให้ไปไหนไกลเลย "อย่าไปเลยนะคะ" ฉันเริ่มอ้อนวอนทั้งน้ำตา โดยมีผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงหน้ายื่นกระดาษทิชชูมาซับน้ำตาฉันอย่างอ่อนโยน
"เฮ้อ~ พ่อเข้าใจละ หนูเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี่สินะ" พ่อทำสีหน้าตึงเครียด แต่ก็ฝืนยิ้มให้ฉัน "งั้นช่วยอยู่กับกายให้มากที่สุดเท่าที่หนูจะทำได้ในตอนนี้ได้ไหม" ถึงฉันจะเข้าใจในสิ่งที่พ่อของกายพูดไม่ครบ แต่ดูแล้วเหมือนอีกฝ่ายจะยอมให้กายรักษาตัวอยู่ที่นี่
"ช่วงนี้กายต้องได้รับคีโมบ่อยขึ้น และอาจจะต้องได้รับยาที่แรงขึ้น เพราะเป็นลูคีเมียชนิดเฉียบพลัน ถ้าเกิดการให้คีโมไม่ได้ผลก็จะต้องปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นลำดับต่อไป"
"..." ฉันตั้งใจฟังการรักษาที่พ่อของกายเล่าให้ฟัง
"ซึ่งผลของยา ก็มีตั้งแต่ผมร่วง กินอะไรไม่ได้ร่างกายซูบผอม และที่พ่อกลัวก็คือภาวะซึมเศร้า"
"ค่ะ" ทำไมเราฟังแล้วรู้สึกอ่อนแรงแบบนี้
"ที่ผ่านมา พอจะรู้สึกบ้างไหมว่ากายต้องการความรักมากกว่าคนทั่วไป"
ถ้าให้นึกย้อนจริงๆ ก็รู้สึกบ้างเหมือนที่ผ่านมากายจะขวางทุกคนที่คิดจะจีบ หรือเข้าใกล้ฉัน ทำเหมือนเด็กที่กลัวว่าความสำคัญตัวเองจะลดลงถ้าฉันไปให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่า ยกเว้นเจมส์ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ถ้าจะให้รู้สึกมากจริงๆ คงเป็นตอนที่ฉันลืมวันเกิดกาย
"ค่ะ พอจะดูออกค่ะ"
"นั่นแหละ พ่อกลัวมันคิดเยอะดูจากที่มันพยายามออกห่างจากหนู และวางแผนหลอกหนูเรื่องไปต่างประเทศ ส่วนหนึ่งก็เพราะมันไม่ชอบเป็นภาระของใคร" พ่อของกายรู้ทุกเรื่องของลูกเลยสินะ แค่ไม่ได้แสดงออกมาให้ใครเห็น
"ค่ะ" ฉันเข้าใจกายทุกอย่าง ถ้าเป็นฉันอาจจะไม่อยากให้กายรู้ก็ได้ว่าฉันป่วย ฉันเองก็ไม่อยากเป็นภาระของใครเหมือนกัน "ว่าแต่คุณลุงจะไม่พากายไปไหนแล้วใช่ไหมคะ" ฉันรีบทวงถามเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น
"ตอนนี้ใช่ เฮ้อ~ ลุงคุยอะไรกับกายมันไม่ได้สักเรื่อง ยิ่งแม่ของกายนี่ยิ่งแล้วใหญ่ไม่รู้จะต่อต้านอะไรกันนักหนา แค่เห็นหน้าก็พานจะทะเลาะกันละ ยังไงช่วยอยู่กับมันหน่อยนะ เรื่องไปต่างประเทศพ่อจะชะลอออกไปก่อน"
"ค่ะ"
หลังจากนั้นฉันกับพ่อของกายก็นั่งนิ่งๆ อีกสักพักก่อนที่ฝ่ายพ่อกายจะขอตัวออกไปประชุม
"อีกนิดนะ"
"ค่ะ" มีเรื่องอะไรนะ
"มันอาจจะเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัว ถ้าเกิดหนูไม่ได้รักกายแบบที่กายเขารู้สึกกับหนูจริงๆ แล้วถ้าหนูรู้สึกชอบพอกับใครสักคน อย่าพึ่งคบกันตอนนี้ได้ไหม" ตอนนี้ทั้งสมองและจิตใจของฉันมันโล่งไปไหม คงไม่มีแรงจะไปคบหากับใครแน่หล่ะ
"ค่ะ" ทั้งบทสนทนาฉันแทบไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมให้พูดเป็นแค่คำว่า 'ค่ะ' เลย
"เมื่อไหร่ไอ้ถุงนี่มันจะหมดเนี่ย" พอกายตื่นขึ้นมาก็มีปัญหากับถุงเลือดถุงยา สารพัดสายที่โยงเยงไปทั้งตัว
"น่าจะอีก 1 ชั่วโมงค่ะ คุณกาย"
"แต่ผมรู้สึกดีขึ้นแล้วจริงๆ นะ ปล่อยผมไปเถอะคุณพยาบาลคนสวย" กายทำท่าทางออดอ้อนพยาบาล
"ไม่ได้ผลค่ะ"
"ผมต้องไปหาคนคนหนึ่ง จริงๆ นะ เธออาจจะรอผมอยู่"
"ไม่ต้องไปหรอกค่ะ เดี๋ยวเธอก็มา"
"ฮะ!!!" กายเด้งตัวลุงขึ้นนั่งบนเตียง แล้วด้วยความลุกเร็วก็แสดงอาการหน้ามืดออกมาให้พยาบาลต้องดุอีกตามเคย
"ก็บอกแล้วไงคะ ว่าจะลุกจะนั่งให้ช้ากว่านี้ คุณป่วยอยู่นะคะ"
"แบบนี้แพรวก็รู้เรื่องหมดแล้วสิ"
"ค่ะ อดใจรอสักแป๊บ เดี๋ยวเธอก็จะมาหาคุณ"
"ยังๆ ดูให้หน่อย ผมยังหล่ออยู่ไหม" ว่าแล้วกายก็ยื่นหน้าไปหาพยาบาล โดยอาการของพยาบาลในตอนนี้คือกลอกตามองบน แบบเอือมระอาเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องตรงหน้า "ถ้าตีกระจกให้แตกทุกบาน ก็คงหล่อค่ะ"
กายขมวดคิ้ว หมายความว่าไงวะ ว่าแล้วกายก็คว้ามือถือเปิดกล้องหน้าเพื่อเช็กสภาพตัวเอง ก็หล่ออยู่นะว่าไม่ได้ หล่อแบบซีดๆ ผอมๆ โคเรียสไตล์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ