สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)
-
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.
45 chapter
53 วิจารณ์
21.44K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) สื่อรักในวันเก่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเด็กหนุ่มปริศนาคนนั้นปล่อยให้ฉันต้องเก็บงำความสงสัยอยู่นานนับเดือน ก่อนที่เขาจะกล้ามาเผชิญหน้ากับฉัน และตอบข้อสงสัยทั้งหมด ณ เย็นวันหนึ่งระหว่างที่ฉันกำลังยืนรอสามล้อเครื่องแถวๆ หน้าโรงเรียนที่เดียรดาษไปด้วยต้นราชพฤกษ์ผลิดอกสีเหลืองเห็นเป็นช่อระย้าสะพรั่งเต็มสองฝากฝั่งถนนและเกลื่อนกล่นอยู่ตามพื้น
จู่ๆ ก็เหมือนมีมีใครบางคนมาสะกิดไหล่ฉัน จึงหันตัวไปมองแล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันสวมแว่นทรงสี่เหลี่ยมกรอบบางยืนเฉียงอยู่ข้างหลังอย่างไม่สะทกสะท้าน เขายื่นแผ่นกระดาษสีชมพูอ่อนซึ่งพับกันเป็นทบๆ ให้ ฉันค่อยๆ เอื้อมมือไปรับมันมาอย่างงุนงงและคลี่ออกอ่านตรงหน้าเขา
‘สวัสดีครับผมชื่อเอก’
แค่วรรคแรกที่ได้อ่าน ก็เผลออมยิ้มอยู่ในใจ
เขาเขียนข้อความแนะนำตัวเองมาเพียงสั้นๆ 3-4 บรรทัด ซึ่งพอสรุปได้ว่าเอก หรือชานนท์ เรียนอยู่โรงเรียนชายล้วน ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของฉันจริงๆ เสียด้วย เขาขอโทษที่แอบถ่ายรูปของฉันเพื่อเอาไปลงคอลัมน์หนึ่งในวารสารของชมรม ‘ถ่ายภาพ’ ที่เขาเป็นสมาชิกอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกขวยเขินและนิ่งอึ้งไปก็คือประโยคลงท้ายของกระดาษแผ่นนี้
‘ถ้าไม่รังเกียจให้เราไปส่งเธอได้รึเปล่า’
ฉันเงยหน้ามองหน้าเขาอีกครั้ง ชานนท์ซึ่งตอนนั้นไว้ผมรองทรงสั้นหน้าตาเกรอะกรังไปด้วยสิวฝ้ารีบหลบสายตาฉันและเสมองไปที่พื้นฟุตบาท ณ ตอนนั้นรู้สึกได้ว่าหัวใจกำลังเต้นโครมครามอย่างที่สุด แม้จะเป็นการพบเจอที่ค่อนข้างพิลึก แต่ก็แอบรู้สึกยินดีที่ได้พบเขาอีกครั้ง แน่นอนว่าฉันไม่ได้มองไปไกลถึงขนาดว่าเราจะได้คบกันหรือรักกันหรือไม่ เพียงแต่คิดไปว่า
‘นายคนนี้แปลกดี’
“ครึก ครึก...ครึก”
เสียงเครื่องยนต์ของรถตุ๊กตุ๊กหัวกบสีเขียวอ่อนที่เข้ามาจอดเทียบริมบาทวิถีกระตุกความสนใจฉันให้หันไปมองขณะที่เพื่อนร่วมห้องสามคนที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดีรีบกรูกันขึ้นรถจนตอนหลังโยกยวบพลางหยอกล้อกันสรวลเสเฮฮา
“ยัยริณรถมาแล้วเร็วๆ เข้า” ‘ษา’ เพื่อนผู้หญิงร่างอวบผิวคล้ำตะโกนเรียก โบกมือไหวๆ ก่อนจะแซวเสียงดังลั่น “พี่คนนั้นใครน่ะน่ารักจังเลย…พี่คะจีบหนูดีกว่าหนูรักพี่ค่าฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เด็กหนุ่มร่างสูงมีท่าทีตกใจและเขินจนหน้าแดงเมื่อเห็นว่าแท้จริงแล้วฉันไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพังส่วนตนเองซึ่งอายม้วนต้วนไม่แพ้กันก็ได้แต่ทำทีเป็นพูดปรามเพื่อนแก้เก้อแล้ววิ่งตื๋อก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
“ว้าาย เสน่ห์แรงนะยัยริณ มีรุ่นพี่มาขอเบอร์ด้วยยย” เพื่อนสาวอีกคนที่มีรูปร่างผอมบางผิวขาวไว้เปียคู่เอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่
“ถึงจะหน้าสิวแต่ก็ดูดีนะเธอ” เพื่อนอีกคนรับลูกแล้วจึงป้องปากหัวเราะคิกคัก
“บ้า…พวกเธออย่าไปล้อเขาสิ” ฉันเอ็ดเพื่อนๆ ที่ยังคงอยู่ในอารมณ์ขบขัน
ฉันซึ่งนั่งอยู่บนเบาะท้ายแถวได้แต่ชำเลืองมองเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นที่กำลังยืนเกาหัวแกรกๆ ขณะที่รถสามล้อค่อยๆ แล่นห่างออกไปก่อนจะแอบยิ้มให้กับเรื่องราวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต อดขำไม่ได้กับท่าทางเขินอายของเขา และตกใจที่นอกจากจะมีกระเป๋านักเรียนหนังสีดำอยู่ในอ้อมกอดของฉันแล้วก็ยังมีกระดาษยับย่นสีชมพูแผ่นนั้นติดมือมาด้วย
จู่ๆ ก็เหมือนมีมีใครบางคนมาสะกิดไหล่ฉัน จึงหันตัวไปมองแล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันสวมแว่นทรงสี่เหลี่ยมกรอบบางยืนเฉียงอยู่ข้างหลังอย่างไม่สะทกสะท้าน เขายื่นแผ่นกระดาษสีชมพูอ่อนซึ่งพับกันเป็นทบๆ ให้ ฉันค่อยๆ เอื้อมมือไปรับมันมาอย่างงุนงงและคลี่ออกอ่านตรงหน้าเขา
‘สวัสดีครับผมชื่อเอก’
แค่วรรคแรกที่ได้อ่าน ก็เผลออมยิ้มอยู่ในใจ
เขาเขียนข้อความแนะนำตัวเองมาเพียงสั้นๆ 3-4 บรรทัด ซึ่งพอสรุปได้ว่าเอก หรือชานนท์ เรียนอยู่โรงเรียนชายล้วน ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของฉันจริงๆ เสียด้วย เขาขอโทษที่แอบถ่ายรูปของฉันเพื่อเอาไปลงคอลัมน์หนึ่งในวารสารของชมรม ‘ถ่ายภาพ’ ที่เขาเป็นสมาชิกอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกขวยเขินและนิ่งอึ้งไปก็คือประโยคลงท้ายของกระดาษแผ่นนี้
‘ถ้าไม่รังเกียจให้เราไปส่งเธอได้รึเปล่า’
ฉันเงยหน้ามองหน้าเขาอีกครั้ง ชานนท์ซึ่งตอนนั้นไว้ผมรองทรงสั้นหน้าตาเกรอะกรังไปด้วยสิวฝ้ารีบหลบสายตาฉันและเสมองไปที่พื้นฟุตบาท ณ ตอนนั้นรู้สึกได้ว่าหัวใจกำลังเต้นโครมครามอย่างที่สุด แม้จะเป็นการพบเจอที่ค่อนข้างพิลึก แต่ก็แอบรู้สึกยินดีที่ได้พบเขาอีกครั้ง แน่นอนว่าฉันไม่ได้มองไปไกลถึงขนาดว่าเราจะได้คบกันหรือรักกันหรือไม่ เพียงแต่คิดไปว่า
‘นายคนนี้แปลกดี’
“ครึก ครึก...ครึก”
เสียงเครื่องยนต์ของรถตุ๊กตุ๊กหัวกบสีเขียวอ่อนที่เข้ามาจอดเทียบริมบาทวิถีกระตุกความสนใจฉันให้หันไปมองขณะที่เพื่อนร่วมห้องสามคนที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดีรีบกรูกันขึ้นรถจนตอนหลังโยกยวบพลางหยอกล้อกันสรวลเสเฮฮา
“ยัยริณรถมาแล้วเร็วๆ เข้า” ‘ษา’ เพื่อนผู้หญิงร่างอวบผิวคล้ำตะโกนเรียก โบกมือไหวๆ ก่อนจะแซวเสียงดังลั่น “พี่คนนั้นใครน่ะน่ารักจังเลย…พี่คะจีบหนูดีกว่าหนูรักพี่ค่าฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เด็กหนุ่มร่างสูงมีท่าทีตกใจและเขินจนหน้าแดงเมื่อเห็นว่าแท้จริงแล้วฉันไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพังส่วนตนเองซึ่งอายม้วนต้วนไม่แพ้กันก็ได้แต่ทำทีเป็นพูดปรามเพื่อนแก้เก้อแล้ววิ่งตื๋อก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
“ว้าาย เสน่ห์แรงนะยัยริณ มีรุ่นพี่มาขอเบอร์ด้วยยย” เพื่อนสาวอีกคนที่มีรูปร่างผอมบางผิวขาวไว้เปียคู่เอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่
“ถึงจะหน้าสิวแต่ก็ดูดีนะเธอ” เพื่อนอีกคนรับลูกแล้วจึงป้องปากหัวเราะคิกคัก
“บ้า…พวกเธออย่าไปล้อเขาสิ” ฉันเอ็ดเพื่อนๆ ที่ยังคงอยู่ในอารมณ์ขบขัน
ฉันซึ่งนั่งอยู่บนเบาะท้ายแถวได้แต่ชำเลืองมองเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นที่กำลังยืนเกาหัวแกรกๆ ขณะที่รถสามล้อค่อยๆ แล่นห่างออกไปก่อนจะแอบยิ้มให้กับเรื่องราวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต อดขำไม่ได้กับท่าทางเขินอายของเขา และตกใจที่นอกจากจะมีกระเป๋านักเรียนหนังสีดำอยู่ในอ้อมกอดของฉันแล้วก็ยังมีกระดาษยับย่นสีชมพูแผ่นนั้นติดมือมาด้วย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ