สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)
-
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.
45 chapter
53 วิจารณ์
21.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) เด็กหนุ่มแปลกหน้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคนสุดท้ายที่ขึ้นมาบนรถทัวร์ คือคุณยายสูงวัยผิวเกรียมแดดซึ่งมัดมวยผมสีดอกเลาไว้ข้างหลัง สวมเสื้อลูกไม้สีชมพูกลีบบัวและผ้าถุงสีน้ำตาลแก่ ที่ค่อยๆ ก้าวเท้ายักแย่ยักยันตรงเข้ามาพร้อมชะลอมสานซึ่งใส่ผลส้มอยู่เต็มไว้ในมือ โดยมีพนักงานต้อนรับเดินตามมาส่ง ตรงข้างๆ ที่นั่งของแก้ว
“ให้คุณยายนั่งด้วยนะคะ” สาวสวยพูดเสียงหวาน แสงพลอยรีบส่งคืนกล้องให้ชานนท์ ก่อนจะรวบกระเป๋าสะพายหนังสีขาวไว้แนบอก เขยิบที่ให้ กลิ่นน้ำอบไทยจางๆ ลอยมาแตะจมูกของพวกเราทันทีที่คุณยายนั่งลงบนเบาะ
“หวัดดีจ้ะหนู” เสียงของคุณยายดังขึ้นหลังที่นั่งของฉัน ทำให้ฉันนึกถึงภาพคุณยายกำลังฉีกยิ้มกว้างให้แสงพลอย มีหมากสีแดงๆ เกาะอยู่เต็มปากและซี่ฟันดูน่าขนลุกขนพอง
ฉันได้ยินคนขับปิดประตูรถดังปัง ก่อนที่รถทัวร์สองชั้นจะเคลื่อนออกจากท่ารถในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา พนักงานสาวสวยคนนั้นส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาตามลำโพงเพื่อแนะนำบริการ ชานนท์เลื่อนมือของเขามากุมมือซ้ายของฉันไว้ ฉันตอบรับโดยการสอดผสานนิ้วเรียวไปตามร่องนิ้วของชานนท์ แล้วจึงหันหน้ามองไปทางเขา เราสบตากัน ฉันรู้ว่าเขาอยากจะบอกอะไร
‘ฉันเองก็คิดถึงเขาเช่นกัน’
หลังจากนั้นฉันจึงหันกลับมาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ผ่อนคลายอิริยาบถ รู้สึกอุ่นใจที่มีเขาอยู่ข้างกาย
______________________
เราเจอกันครั้งแรกเมื่อปีก่อน
มันเป็นวันที่เหมือนกับวันอื่นๆ ทั่วไป วันที่มีสายลมเย็นๆ พัดผ่านในยามเช้า รถติดแหงก และผู้คนพลุกพล่าน เดินกันขวักไขว่
ขณะนั้นฉันกำลังยืนอ่านหนังสือชีววิทยาเพื่อเตรียมสอบเก็บคะแนนในคาบเช้าอยู่ที่ท่ารถโดยสาร และชะโงกหน้ามองรถราเป็นครั้งคราว คราใดมีรถมาจอดเทียบฉันก็จะได้เห็นนักเรียนมากมายกรูเข้าไปต่อแถวเบียดเสียดยัดเยียดกันขึ้นรถสองแถวในเวลาเร่งด่วน และดูเหมือนว่าไม่ว่ารถยนต์หลายต่อหลายคันจะผ่านมาจอดรับผู้โดยสารไปเท่าใด ประเดี๋ยวหนึ่งก็จะมีคนอื่นๆ เดินมาเติมและแทนที่จำนวนคนที่พร่องไปอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
ระหว่างที่กวาดสายตาไล่ไปตามตัวหนังสือ พลันปลายหางตาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจับจ้องฉันอยู่ไม่ไกล ความรู้สึกนั้นสะกิดใจให้หันขวั่บไป แล้วก็พลันได้เห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าในชุดนักเรียนซึ่งอยู่ห่างไปประมาณไม่ถึงสิบเมตรคนหนึ่งกำลังกดชัตเตอร์แอบถ่ายรูป ‘ฉัน?!’ หรืออาจจะเป็นใครบางคน หรือ พวกเราทุกคนที่อยู่บริเวณนี้
ร่างสูงชะงักงันทันทีทั้งที่ยังถือกล้องอยู่ในมือ เขาค่อยๆ ลดมันลงจากระดับสายตา เราต่างมองหน้ากันและกันราวกับเห็นตัวประหลาด
“เอ๊ะ!” ฉันอุทาน
ทันใดอีกฝ่ายก็หันหลังเหมือนจะวิ่งหนี อารามตกใจทำให้เด็กหนุ่มช่างภาพชนโครมเข้ากับร่างอ้วนใหญ่ของผู้ชายวัยทำงานคนหนึ่งซึ่งไว้ผมทรงกะลาครอบ เขารีบขอโทษขอโพยด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักแล้วจึงวิ่งแน่บไปขณะที่ฉันเขยื้อนเท้าไปได้เพียงครึ่งเซ็นฯ เท่านั้น
พอลองนึกดูแล้วเสื้อสีขาวและกางเกงขาสั้นสีดำที่เห็น คงเป็นของเด็กนักเรียนโรงเรียนชายล้วนที่อยู่ใกล้กันไม่ผิดแน่
“ให้คุณยายนั่งด้วยนะคะ” สาวสวยพูดเสียงหวาน แสงพลอยรีบส่งคืนกล้องให้ชานนท์ ก่อนจะรวบกระเป๋าสะพายหนังสีขาวไว้แนบอก เขยิบที่ให้ กลิ่นน้ำอบไทยจางๆ ลอยมาแตะจมูกของพวกเราทันทีที่คุณยายนั่งลงบนเบาะ
“หวัดดีจ้ะหนู” เสียงของคุณยายดังขึ้นหลังที่นั่งของฉัน ทำให้ฉันนึกถึงภาพคุณยายกำลังฉีกยิ้มกว้างให้แสงพลอย มีหมากสีแดงๆ เกาะอยู่เต็มปากและซี่ฟันดูน่าขนลุกขนพอง
ฉันได้ยินคนขับปิดประตูรถดังปัง ก่อนที่รถทัวร์สองชั้นจะเคลื่อนออกจากท่ารถในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา พนักงานสาวสวยคนนั้นส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาตามลำโพงเพื่อแนะนำบริการ ชานนท์เลื่อนมือของเขามากุมมือซ้ายของฉันไว้ ฉันตอบรับโดยการสอดผสานนิ้วเรียวไปตามร่องนิ้วของชานนท์ แล้วจึงหันหน้ามองไปทางเขา เราสบตากัน ฉันรู้ว่าเขาอยากจะบอกอะไร
‘ฉันเองก็คิดถึงเขาเช่นกัน’
หลังจากนั้นฉันจึงหันกลับมาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ผ่อนคลายอิริยาบถ รู้สึกอุ่นใจที่มีเขาอยู่ข้างกาย
______________________
เราเจอกันครั้งแรกเมื่อปีก่อน
มันเป็นวันที่เหมือนกับวันอื่นๆ ทั่วไป วันที่มีสายลมเย็นๆ พัดผ่านในยามเช้า รถติดแหงก และผู้คนพลุกพล่าน เดินกันขวักไขว่
ขณะนั้นฉันกำลังยืนอ่านหนังสือชีววิทยาเพื่อเตรียมสอบเก็บคะแนนในคาบเช้าอยู่ที่ท่ารถโดยสาร และชะโงกหน้ามองรถราเป็นครั้งคราว คราใดมีรถมาจอดเทียบฉันก็จะได้เห็นนักเรียนมากมายกรูเข้าไปต่อแถวเบียดเสียดยัดเยียดกันขึ้นรถสองแถวในเวลาเร่งด่วน และดูเหมือนว่าไม่ว่ารถยนต์หลายต่อหลายคันจะผ่านมาจอดรับผู้โดยสารไปเท่าใด ประเดี๋ยวหนึ่งก็จะมีคนอื่นๆ เดินมาเติมและแทนที่จำนวนคนที่พร่องไปอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
ระหว่างที่กวาดสายตาไล่ไปตามตัวหนังสือ พลันปลายหางตาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจับจ้องฉันอยู่ไม่ไกล ความรู้สึกนั้นสะกิดใจให้หันขวั่บไป แล้วก็พลันได้เห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าในชุดนักเรียนซึ่งอยู่ห่างไปประมาณไม่ถึงสิบเมตรคนหนึ่งกำลังกดชัตเตอร์แอบถ่ายรูป ‘ฉัน?!’ หรืออาจจะเป็นใครบางคน หรือ พวกเราทุกคนที่อยู่บริเวณนี้
ร่างสูงชะงักงันทันทีทั้งที่ยังถือกล้องอยู่ในมือ เขาค่อยๆ ลดมันลงจากระดับสายตา เราต่างมองหน้ากันและกันราวกับเห็นตัวประหลาด
“เอ๊ะ!” ฉันอุทาน
ทันใดอีกฝ่ายก็หันหลังเหมือนจะวิ่งหนี อารามตกใจทำให้เด็กหนุ่มช่างภาพชนโครมเข้ากับร่างอ้วนใหญ่ของผู้ชายวัยทำงานคนหนึ่งซึ่งไว้ผมทรงกะลาครอบ เขารีบขอโทษขอโพยด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักแล้วจึงวิ่งแน่บไปขณะที่ฉันเขยื้อนเท้าไปได้เพียงครึ่งเซ็นฯ เท่านั้น
พอลองนึกดูแล้วเสื้อสีขาวและกางเกงขาสั้นสีดำที่เห็น คงเป็นของเด็กนักเรียนโรงเรียนชายล้วนที่อยู่ใกล้กันไม่ผิดแน่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ