สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
37) หนทางช่วยเหลือ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคำพูดของชานนท์ทำให้ฉันสะอึก ใช่แล้ว…ฉันเกือบลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท เดี๋ยวนี้เงินคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดไปแล้วในการมีชีวิตอยู่ ฉันเองก็เป็นแค่นักเรียนมัธยมปลายที่มีเงินเก็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าจะต้องจ่ายเงินเป็นหมื่นเป็นแสนมันก็คงเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสสากรรจ์เกินกว่าที่ตัวฉันจะแบกรับไว้เพียงลำพัง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อบังเกิดเกล้าที่ฉันจะละทิ้งไปไม่ได้
“ถ้าจะพาพ่อริณไปโรงพยาบาล ยังไงก็คงต้องบอกให้ทางผู้ใหญ่ได้รับรู้ก่อน เพราะตัวริณเองคงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายคนเดียวไม่ไหวแน่ๆ”
พอได้ฟังแล้วก็รู้สึกมืดแปดด้านขึ้นมาทันที เพราะตัวฉันเองก็ไม่รู้จักหรือสนิทสนมกับญาติของทางฝั่งพ่อเลยสักคน รู้จักก็แต่เพียงคุณน้าลดาน้องสาวของแม่ และคุณน้าวัลลภ สามีของเธอเท่านั้น เมื่อลองพยายามนึกดูว่าจะมีใครที่พอจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ฉันได้บ้าง ในสมองก็กลับว่างเปล่า
“ยังไงแม่เลี้ยงของริณก็ถือได้ว่าเป็นเมีย…เราว่าเรื่องนี้ให้น้าสายทิพย์เขาจัดการเถอะ”
“แต่ว่า…” ฉันเห็นแย้ง ถึงแม้ว่าน้าสายทิพย์จะเป็นภรรยาใหม่ของพ่อแต่เธอก็ดูจะไม่อนาทรร้อนใจอะไรเลย และถ้าปล่อยไว้อย่างนี้อาการของพ่อไม่ยิ่งจะทรุดหนักลงไปอีกหรือ
“ฉันว่าคุณน้าน่ะคงไม่สนใจฟังคำพูดของฉันหรอก เพราะถ้าเขาต้องการช่วยพ่อของฉันจริงๆ ก็คงจะพาพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาลตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้มานอนป่วยอยู่บนเตียงในห้องเป็นเดือนๆ แบบนี้หรอก”
“เรื่องเงินน่ะน่าจะพอมีนะ” ฉันเปรยออกมา เมื่อนึกถึงเงินก้อนนี้ขึ้นมาได้ “เพราะว่าตอนที่แม่เสีย น้าลดาเองก็เคยบอกว่าแม่มีเงินเก็บในธนาคารอยู่พอที่จะส่งฉันเรียนสูงๆ ได้ คิดว่าถ้าเอามารวมกับเงินเก็บของฉันที่มีอยู่ ก็อาจจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“แต่เราเห็นหมอเขาบอกว่าโรคนี้เป็นโรคใหม่ซึ่งเขาไม่เคยเจอมาก่อน ถ้าเป็นอย่างที่หมอบอกจริง เราก็คงไม่รู้ว่ามันจะรักษาหายได้รึเปล่า แล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนด้วยนะริณ” เอกแสดงความเห็น
“นั่นสินะ” ฉันเอ่ย ด้วยความรู้สึกหนักอึ่งในใจ “แต่อย่าพึ่งมาคิดสะระตะอะไรตอนนี้เลย แต่เอกก็เห็นด้วยกับเราใช่มั๊ยที่ว่าเราน่าจะพาพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาลมากกว่า” ฉันรีบหาข้อสรุปพร้อมกับหันกลับไปมองหน้าเขา
“อืม…” เขาพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ เราจะพาพ่อของริณไปรักษาที่โรงพยาบาลได้ยังไง” ชานนท์พูดพลางยกมือข้างขวาขึ้นมาจับคางโดยที่มือข้างซ้ายกอดอกเอาไว้อยู่ แล้วเดินไปเดินมาอยู่สองสามรอบเหมือนพยายามจะเค้นหาลู่ทางให้ได้
และหลังจากที่เราสองคนร่วมกันคิดแก้ปัญหานี้อยู่อึดใจหนึ่ง ในที่สุดแสงทองแห่งความหวังก็ฉายเรืองรองขึ้นมา ถ้าเป็นเขาคนนี้ละก็จะต้องช่วยพวกเราได้แน่
“อ้อ…ฉันรู้แล้วว่าใครพอจะช่วยเราได้” ฉันโพล่งออกมาก่อนจะหันไปมองหน้าอีกฝ่ายพลางส่งยิ้มบางๆ ให้ และเห็นว่าคิ้วข้างหนึ่งของชานนท์หรือเอกกำลังเลิกสูงขึ้นกว่าปกติ
____________________________
เราสองคนใช้เวลาไม่นานนักก็ตามหาที่พักของผู้ใหญ่บ้านจนเจอ ซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้นแบบท่อนซุงต่อประกอบสไตล์ล็อกโฮมดูใหญ่โตโอ่อ่าตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน และมีอาณาเขตกว้างขวางภายในรั้วไม้ระแนงสูงเกือบหกถึงเจ็ดฟุตเลยทีเดียว
“โหยนี่มันไม้สักทองทั้งหลังเลยรึเปล่าเนี่ย” ชานนท์เปรยเสียงสูงอย่างอึ้งตะลึง
แสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดส่องลงมากระทบแผ่นไม้สักขัดมันเห็นเป็นสีน้ำตาลอมเหลืองเรืองอร่าม แสดงออกถึงฐานะของผู้ปลูกสร้าง ต่างจากบ้านของพวกชาวบ้านคนอื่นๆ ที่โดยส่วนใหญ่จะเป็นครึ่งไม้ครึ่งหิน หรือไม่ก็เป็นบ้านไม้ผสมเช่นเต็งรัง ประดู่ ตะเคียน ซึ่งไม่สวยงามสะดุดตาเท่า
“วืบ…ปึ้ก!” เสียงของใบมีดขวานที่ถูกเหวี่ยงวาดลงเพื่อผ่าแยกท่อนไม้ออกเป็นสองส่วน ดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ ภาพของชายวัยห้าสิบร่างอวบอ้วนมีพุงพลุ้ยผิวขาวหยวกไว้ผมเรียบแปล้มันเป็นเงาซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาตัดฟืนอยู่ทางด้านหลังบ้าน ทำให้ฉันยิ้มออก
‘โชคดีจังที่คุณอาอยู่บ้าน’ ฉันคิด
“คุณอาอยู่หลังบ้าน” ฉันบอกพลางบุ้ยใบ้ให้ชานนท์มองตาม จากนั้นจึงวิ่งนำไป
“ดีนะที่หมู่บ้านนี้เขาไม่ทำประตูรั้วกัน ขมงขโมยมันไม่มีกันบ้างรึไงนะ” เอกบ่นพึมพำ ก่อนจะตามฉันมา เราสองคนอ้อมบ้านหลังใหญ่มายังพื้นที่กว้างด้านหลังซึ่งเป็นลานดินโล่ง มีท่อนฟืนกองโตอยู่ทางซ้ายมือ และแปลงดินเล็กๆ ซึ่งมีพืชผักสวนครัวหลายชนิดจำพวก พริก มะเขือ มะนาว ตะไคร้ กระเพราฯลฯ ถูกปลูกเอาไว้จนงอกงามออกดอกออกผลกันสะพรั่งเต็มต้น ทางฝั่งขวา
‘นั่นไงคุณอากำลังตัดฟืนอยู่’ ฉันมัวแต่ดีใจรีบวิ่งตื๋อไปหาแกจนไม่ทันระวังพื้นดินเฉอะแฉะทำให้รองเท้าผ้าใบสีขาวเปื้อนดินโคลนจนเขรอะ เช่นเดียวกับเอกที่พรวดพราดตามมาจนเกือบลื่นล้ม
ท่อนไม้ถูกขวานจามจนไม้ซีกหนึ่งกระเด็นกระดอนไปไกลนับสิบเมตร ทำให้คุณอาต้องรีบปักขวานลงบนตอไม้แล้วเดินอุ้ยอ้ายไปเก็บ รองเท้าบูทยางสีดำย่ำเหยียบไปบนผิวดินชุ่มน้ำเกิดเสียงหนึบๆ ดูหนืดๆ แค่ย่างเท้าเดินก็ดูท่าจะลำบากเสียแล้ว
“คุณอาคะ”
อาสุบรรณในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีน้ำตาลดำทับเสื้อกล้ามสีขาว หันขวับมาตามเสียงเรียก
“อ้าวริณ…มีอะไรรึถึงมาหาอาถึงนี่ แล้วรู้จักบ้านอาได้ยังไงกันล่ะเนี่ย?” อาสุบรรณถามพลางโยนซีกไม้ลงในกองไม้สูงท่วมหัวที่อยู่ใกล้ๆ เสื้อเชิ้ตซึ่งถูกสวมไว้เฉยๆ โดยไม่ติดกระดุมเผยให้เห็นแผงขนหน้าอกสีดำหยิกหย็อยโผล่แผล็ม ออกมาจากเสื้อกล้ามเนื้อบางสีขาว
“หนูถามพวกชาวบ้านเอาน่ะค่ะ” ฉันตอบ ก่อนจะพูดออกไปตามตรง “เอ่อคือว่า…คือริณมีเรื่องอยากจะรบกวนคุณอาค่ะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ