สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)

-

เขียนโดย watcharakarn

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.

  45 chapter
  62 วิจารณ์
  22.11K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) จะเอายังไงกันดี!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คำว่า ‘ไม่แน่ใจ’ คงเป็นคำตอบที่ดูไม่เหมาะสมนัก ที่จะเลือกใช้ในเวลาเช่นนี้ แต่ฉันก็พูดมันออกมาหลังจากที่ยัยแก้วเอ่ยปากถามฉัน

 

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ” 

 

แสงพลอยและชานนท์ หันมามองฉันด้วยสีหน้าแปลกๆ เป็นอีกครั้งที่ฉันกลืนน้ำลายลงลำคอ รู้สึกใจหวิวๆ โหวงๆ อย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะมีสายลมเย็นพัดพรูมากระทบทิวป่าให้กิ่งไม้ไหวเอนเสียดสีกันดังเอี๊ยดอ๊าด และต้องผิวกายของฉันให้หนาวสะท้าน

 

 ‘นี่เราจะทำอย่างไรดี’  ฉันพยายามตั้งสติและขบคิด

 

“ริณ…หมู่บ้านเธออยู่อีกไกลรึเปล่า...พวกเราเดินไปกันดีมั๊ย?” เอกเอ่ยถาม

 

 แทบไม่ต้องคิดฉันตอบไปในทันทีว่า “ไกล”

 

ระยะทางระหว่างปากทางเข้า จนถึงตัวหมู่บ้านหากนั่งรถยนต์แล่นไปตามทางที่คดเคี้ยวก็ยังต้องใช้เวลายี่สิบนาทีกว่าจะถึง นับประสาอะไรกับการเดินเท้า โดยเฉพาะในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้

 

“แต่เดี๋ยวฉันจะลองโทรหาคุณอาเค้าดูอีกที” ฉันพูดก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กๆ ตัวเครื่องสีกรมท่าขึ้นมากดเบอร์โทรหาอาสุบรรณในทันที

 

เสียงสัญญาณติดแต่ไม่มีใครรับสาย ฉันพยายามกดโทรซ้ำอยู่หลายครั้งด้วยความวิตก รู้สึกถึงความเครียดและกดดันที่ขมวดเหม็งอยู่ในช่องท้อง แต่ก็ไม่ได้เรื่องได้ราว  

 

“เราว่าเสี่ยงวิ่งไปตามทางดีกว่า พวกเราอาจไปถึงหมู่บ้านตอนหัวค่ำ” ชานนท์เสนอหลังจากที่เห็นฉันพยายามอยู่พักหนึ่ง

 

“แต่นั่นมันป่านะเอก แล้วนายไม่ได้ยินที่ริณบอกเหรอว่ามันไกลด้วยน่ะ เข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าถ้าเกิดหลงทางจะทำไง” แสงพลอยแย้งเสียงเครียด

 

“ริณฉันว่าเราควรรออาเธออยู่ที่นี่ เผื่อว่าอาเธอกำลังออกมา” 

 

“แต่ถ้าอาของริณไม่มาล่ะ เราไม่ต้องนอนค้างอ้างแรมกันที่นี่เหรอ” เอกค้าน ส่วนแก้วเองก็ดึงดันไม่แพ้กัน

 

“ฉันว่าไม่หรอก ยังไงอาของริณก็ต้องมารับเรา ก็ริณนัดไว้แล้วนี่ และฉันก็ไม่มีวันที่จะเข้าไปเดินเล่นในป่าหรอกนะยะ งูเงี้ยวเขี้ยวขอเยอะแยะ”

 

ณ วินาทีนั้นฉันรู้สึกว่าความคิดในหัวมันตีรวนไปหมด และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผล และมันก็ยากเหลือเกินที่จะตัดสินใจ

 

“อ๊ะนั่น!” จู่ๆ ชานนท์ก็ร้องขึ้น พลางชี้นิ้วไปที่ปลายสุดของสายตา

 

เราทั้งสองมองตามและเห็นแสงไฟส่องสว่าง ฉายทาบไปบนแนวต้นไม้ใหญ่ ขณะที่ส่วนหน้าของรถยนต์รุ่นเก่าคันหนึ่งกำลังเคลื่อนอืดๆ มาบนพื้นผิวถนนอันขรุขระผ่านทางโค้งมุ่งตรงมาทางเรา

 

“อาของเธอมาแล้วริณ!” แสงพลอยร้องบอก ปรากฏรอยยิ้มฉายอยู่บนใบหน้าของพวกเราทุกคนในทันที 

ชั่วอึดใจรถคันนั้นก็มาจอดอยู่ข้างหน้าเรา  แสงเหลืองนวลจากไฟหน้ารถที่พุ่งตรงมาทำให้พวกเราต้องยกมือบังแสง และหรี่ตา

 

“ว้าว ฟอรด์เมอร์คิวรี่คูการ์ เจ๋งไปเลย” เอกถึงกับตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อได้เห็นรูปทรงและสีสันของยานพาหนะที่จอดอยู่ตรงหน้าอย่างถนัดชัดเจน ซึ่งเขาคงเป็นคนเดียวที่นึกชื่นชมความงามระดับคลาสสิกของรถคันนี้

 

มือใหญ่หนาและอวบอ้วนของอาสุบรรณกวักเรียกให้พวกเราขึ้นรถฟอรด์โบราณคันสีฟ้าหลังคาสีขาว

                     

ไม่รอช้า ฉัน แสงพลอย และชานนท์ต่างวิ่งกรูกันไปคนละด้านของประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งบนเบาะหนังสีดำ คนที่ดูจะมีปัญหามากที่สุดคงจะเป็นแก้วที่ต้องพับเก็บล้อลากอย่างทุกลักทุเล ก่อนจะสอดตัวเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสีชมพูหนักอึ่ง วางคั่นระหว่างเอกและเธอ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา