ผลัดกันเล่า
4) เรื่องเล่าที่ 4 : ตามมา : ระดับ 5 กะโหลก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ขอแทนชื่อผู้เล่าว่า ดาว
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยที่ดาวยังเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยอยู่ แม้ว่าจะดาวจะเลือกเข้าเรียนที่มหาลัยภายในจังหวัดเดียวกับบ้านเกิด แต่เพราะว่าระยะทางจากบ้านและมหาลัยไกลกันเกินไป คุณพ่อคุณแม่ของดาวจึงให้ดาวเช่าหอพักแทน
ซึ่งหอพักนี้ เจ้าของหอเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยมหาลัยของคุณพ่อ เป็นหอที่เพิ่งสร้างเสร็จ โดยลักษณะโครงสร้างจะไม่ใช่ตึกแถวเหมือนอย่างหอพักทั่วไป แต่ถูกสร้างแบบบ้านพัก เป็นหลังๆ ไป
และด้วยความที่หอพักนี้เพิ่งถูกสร้าง ที่หอจึงยังไม่มีการตั้งศาลพระภูมิ
วันนั้นครอบครัวของดาวเข้าเมืองมาเพื่อท่องเที่ยวในวันหยุดและได้แวะรับดาวไปเที่ยวด้วย ทุกอย่างดำเนินไปอย่างมีความสุขปกติ ไม่มีเรื่องแปลกๆ อะไรเกิดขึ้น
จนกระทั่ง...
ขากลับหลังจากที่เที่ยวเสร็จ ครอบครัวต้องแวะส่งดาวที่หอก่อนจะเดินทางกลับบ้านต่อ ดาวจำได้ว่าช่วงนั้นเป็นเวลากว่าสี่ทุ่มครึ่ง และยังมีฝนตกลงมาไม่ขาดสาย
ความเร็วของรถถูกชะลอลงเพราะการจราจรที่ติดขัดด้านหน้า ดาวมองข้างทางอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก จนรถค่อยๆ ขยับเลื่อนผ่านไป
“มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นนี่” คุณพ่อเปรยเบาๆ เรียกความสนใจให้ดาวรีบหันไปดูตาม
“หื้มมมม” ดาวร้องออกมาด้วยความสงสัยก่อนที่เสียงของคุณแม่จะดังแทรก
“ห้ามทัก” ราวกับคุณแม่รู้ว่าดาวจะพูดอะไรออกมา ท่านจึงรีบห้ามเสียก่อน ดาวยังคงจดจ่อกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าและพยักหน้ารับคำเตือนของคุณแม่เงียบๆ
ที่ถนนอีกฟาก มีรถกู้ภัยและรถตำรวจจอดอยู่สองสามคัน มีคนมุ่งอยู่รอบๆ ดูไกลๆ แล้วค่อนข้างวุ่นวาย เศษอะไหล่ของชิ้นส่วนรถกระจายเต็มบนถนน
หากแต่...สิ่งที่เรียกความสนใจจากดาวได้เป็นอย่างดีที่สุด คือ...
ร่างที่ถูกหุ้มห่อด้วยผ้าขาว!
“มี...!!” คนตาย เพราะคำเตือนของคุณแม่ ดาวจึงหลุดพูดเพียงคำว่ามี ซึ่งแน่นอนว่าเรียกสายตาดุๆ จากคุณแม่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าได้เป็นอย่างดี
นี่เป็นครั้งแรกที่ดาวพบเจอกับอุบัติเหตุข้างทางและมีผู้เสียชีวิต
“!!!!” จังหวะที่คุณพ่อเคลื่อนรถผ่านจุดเกิดเหตุ ดาวสังเกตเห็นว่าในบรรดาไทยมุ่งที่ยืนอยู่นั้น มีคนๆ นึงที่ดาวเห็นแล้วรู้สึกว่าผิดแปลกจากคนทั่วๆ ไป
เพราะฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ผู้คนที่เข้ามาดูเหตุการณ์ หากไม่กางร่มก็ต้องสวมใส่ชุดกันฝน แม้แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยตลอดจนตำรวจต่างก็สวมใส่ชุดกันฝนกันทั้งนั้น แต่มีเพียงคนๆ เดียวเท่านั้นที่ดาวสังเกตเห็นว่า...นอกจากเขาจะยืนตากฝนในฝูงชนแล้ว
เขายังมีบาดแผลทั่วร่างอีกด้วย...
ความรู้สึกบางอย่างบอกให้ดาวรีบละสายตามา ก่อนที่เจ้าของร่างนั้นจะรู้ตัว แม้ว่ารถจะขับเลยสถานที่เกิดเหตุมานานแล้ว แต่ดาวกลับยังรู้สึกตัวสั่นเล็กน้อย ในหัวก็เอาแต่คิดถึงเหตุการณ์ที่ตนเพิ่งพบเจอมา จนในที่สุด รถก็มาจอดสนิทที่หอ ดาวบอกลาครอบครัวและเดินเข้าบ้านพักของตัวเองเงียบๆ
ที่หน้าประตู ทันทีที่ดาวเปิดออก เจ้าแมวอ้วนขนฟูก็โผล่ออกมาต้อนรับดาว เป็นแมวที่ดาวนำมาอยู่หอด้วยช่วงสั้นๆ เมื่อถูกแมวคลอเคลียได้สักพัก ดาวก็ลืมเรื่องที่ตนคิดมาตลอดทางไป
เวลาตีสามกว่า ดาวที่เพิ่งเล่นเกมเสร็จก็ปิดคอม ปิดไฟและเตรียมตัวนอน
ฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสายได้หยุดตกไปนานแล้ว ทิ้งไว้เพียงท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งและบรรยากาศอันเงียบสงบ ดาวค่อยๆ ปล่อยสติของตัวเองจมดิ่งไปกับความเงียบเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา
เพียงแต่...
แก๊ก แก๊ก แก๊ก
นอนหลับตาได้เพียงไม่นาน ดาวก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงคล้ายกับคนกำลังลากเท้าเดินอยู่ด้านนอกบริเวณหอพักของตน ดาวคิดในใจว่าคงเป็นคนในหอพักสักคนที่เพิ่งกลับบ้านพัก เลยพยายามที่จะไม่ใส่ใจและเตรียมปิดตาลงนอนต่อ
แต่เสียงลากเท้าเดินนั้นกลับเข้าใกล้บ้านพักของดาวขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ
จังหวะการเดินนั้นค่อนข้างช้า แต่ดาวกลับได้ยินชัดเจน พร้อมกับรู้สึกขนลุกทั่วร่างอย่างน่าตกใจ
เจ้าแมวอ้วนที่นอนหลับข้างๆดาว ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับกระโจนไปนั่งบนโต๊ะคอมทันทีที่ได้ยินเสียง สายตาของมันจดจ้องไปยังนอกหน้าต่างที่อยู่ติดกับเตียงนอน จากมุมที่เจ้าแมวนั่งมองอยู่นั้นสามารถมองทะลุผ้าม่านในห้องเห็นด้านนอกได้อย่างชัดเจน
ดวงตาของมันเบิกกว้างคล้ายกับมองเห็นเหยื่อ
ชั่วขณะที่ดาวกำลังจะเรียกเจ้าแมวกลับมานอนต่อนั้น เงาของใครสักคนก็ทาบทับมาที่หน้าต่าง ดาวหยุดชะงักทันที แล้วภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุรายทางก็โผล่เข้ามาในหัว
ร่างที่มีบาดแผลทั่วร่างนั้นยังคงติดตาดาวอยู่...
ปึง!!! ปึง!!! ปึง!!!!
เพียงไม่นาน ประตูห้องพักของดาวก็สั่นสะเทือนจากแรงทุบ ตอนนี้ทั้งดาวและเจ้าแมวอ้วนต่างก็จ้องมองบานประตูไม้ด้วยความรู้สึกที่คล้ายกัน นั้นคือทั้งสองต่างรู้สึกตื่นกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกประตู
ดาวทำใจแข็งแอบขยับไปใกล้หน้าต่างเพื่อดูว่าใครกำลังทุบประตูห้องตนเอง ในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้ไม่ได้เป็นอย่างที่ตนคิดไปเอง
ซึ่งสิ่งที่ดาวเห็นผ่านหน้าต่างนั่นก็คือ... ร่างสูงใหญ่ที่โชกไปด้วยเลือดและมีบาดแผลเหวอะหวะอยู่ทั่วร่างกำลังยืนทุบประตูอยู่ด้านนอก!!!
ขนทั้งร่างของดาวพากันลุกชันอีกครั้ง ดาวจำร่างที่เห็นนั้นได้เป็นอย่างดีว่าเป็นร่างเดียวกับที่เห็นในที่เกิดเหตุนั้น! เสียงทุบประตูยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ดาวไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรกับเหตุการณ์นี้ ได้แต่ล้มตัวลงนอน โดยดึงผ้าห่มมาคลุมร่างและสวดมนต์ภาวนาขอให้สิ่งที่อยู่ด้านนอกนั้นอย่าได้เข้ามาข้างในได้
โดยไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตอนไหน ดาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เห็นเจ้าแมวอ้วนนอนหลับสบายอยู่ข้างๆ แล้วก็รู้สึกโล่งอก คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนต้องเป็นความฝันแน่ๆ จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก
หากแต่ก็ยังรู้สึกติดใจกับอะไรบางอย่าง เมื่อเปิดผ้าม่านเพื่อเช็คสภาพด้านนอกอีกที ด้านนอกมีแสงแดดอ่อนๆ ตอนนี้น่าจะสักหกโมงเช้าได้ จึงยังไม่มีใครในหอพักตื่นสักคน ดาวค่อยๆ ลุกจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตูออกช้าๆ
ดาวมองสำรวจไปรอบๆ ทุกอย่างยังคงปกติเหมือนอย่างทุกที ราวกับเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นสิ่งที่ดาวแค่ฝันเห็น ในตอนที่กำลังโล่งใจอยู่นั้น จังหวะที่ดาวก้มมองพื้นเพื่อเล่นกับเจ้าแมวอ้วนที่มาคลอเคลีย ดาวจึงได้สังเกตเห็นพื้นหน้าประตูด้านนอกห้องว่า...
ตั้งแต่ชานบันไดขึ้นมาถึงหน้าประตูห้องดาว มีรอยเลือดเปื้อนเป็นรอยเท้าเปล่าปรากฏอยู่ รอยยังดูใหม่อยู่มาก ดาวตกใจกับรอยเท้านี้มาก ด้วยความกลัวเจ้าของรอยจะย้อนกลับมาหาอีก ดาวจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำภายในห้อง แล้วตักน้ำออกมาล้างรอยเท้าที่ชานบันไดและบริเวณหน้าห้องออกอย่างรวดเร็ว
เย็นวันนั้น คุณลุงเจ้าของหอได้เรียกดาวไปตักเตือน เพราะถูกเพื่อนข้างบ้านรายงานว่าโซนบ้านของดาวทำเสียงดังในยามวิกาล ดาวทำได้เพียงขอโทษอย่างไม่สามารถอธิบายเหตุผลใดๆ ได้
- จ บ -
รีดๆ ที่น่ารักทั้งหลายอ่านจบแล้วคิดว่าเรื่องนี้ให้สักกี่กะโหลกดีคะ *-*
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ