ผลัดกันเล่า
5) เรื่องเล่าที่ 5 : หาดนางรำ : ระดับ 4 กะโหลก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ขอแทนชื่อผู้เล่าว่า ปอ
ในวัยเด็กของแต่ละคนนั้น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดมักจะเป็นช่วงเวลาปิดเทอม ซึ่งปอเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาเด็กๆ ที่มีความสุขกับช่วงเวลาปิดเทอมเช่นกัน
ที่บ้านของปอ คุณพ่อและคุณแม่ต่างชื่นชอบการท่องเที่ยว ดังนั้น เมื่อถึงเวลาปิดเทอมของปอ คุณพ่อก็ชักชวนคนในครอบครัวไปเที่ยวทะเลเพื่อพักผ่อน
จำนวนสมาชิกที่ไปเที่ยวทะเลในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยครอบครัวของปอและญาติทางฝั่งคุณแม่ ซึ่งทางฝั่งครอบครัวของปอมีคุณพ่อ คุณแม่ พี่ปลาพี่สาวของปอ ปอ และน้องป้ายน้องชายของปอ ทางฝั่งญาติมีคุณตา คุณยาย คุณป้า คุณน้า และคุณน้าเขย นับรวมกันได้ทั้งหมดสิบคน
ทะเลที่จะไปเที่ยวในครั้งนี้คือทะเลในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
พี่เอก คือลูกศิษย์ของคุณพ่อ เป็นทหารประจำอยู่ในค่ายทหารที่สัตหีบ โดยการไปเที่ยวในครั้งนี้ พี่เอกอาสารับผิดชอบจองที่พักและเป็นคนนำเที่ยวให้
และแล้วก็มาถึงวันเที่ยว
ตลอดระยะการเดินทางเต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนานของสองครอบครัว จนกระทั่งเดินทางมาถึงตัวบ้านพักริมหาดที่ทางพี่เอกเป็นคนจองไว้ให้
ซึ่งหาดที่คุณพ่อเลือกพาทุกคนมาพักผ่อนก็คือหาดนางรำ
บ้านพักที่ติดกับทะเลคงเป็นสถานที่ที่ใครหลายคนต่างก็อยากมาพักผ่อน แต่สิ่งแรกที่ปอคิดออกยามเมื่อเห็นบ้านพักคือ...เก่าและดูน่ากลัว
ตัวบ้านพักเป็นบ้านไม้กึ่งปูนขนาดสองชั้น จัดว่ามีเนื้อที่กว้างพอสมควร ภายในบ้านมีการจัดสรรปันส่วนได้อย่างลงตัว มีสองห้องนอนใหญ่แยกอยู่คนละฝั่งของบ้าน มีสองห้องน้ำแยกเป็นของชั้นบนกับชั้นล่าง มีโซนห้องรับแขกที่สามารถใช้เป็นห้องนั่งเล่นได้ในตัว มีหนึ่งห้องครัวไว้สำหรับทำอาหาร ด้านหน้าและด้านหลังของตัวบ้านมีลานกว้างไว้สำหรับทำปิ้งย่างนั่งกินกัน
ปอเดินสำรวจบ้านอย่างตื่นเต้น แม้ในตอนแรกจะคิดว่าบ้านพักหลังนี้ทั้งเก่าและดูน่ากลัว แต่พอเข้ามาข้างในตัวบ้านแล้ว ปอกลับเริ่มเปลี่ยนความคิด เพราะบ้านพักหลังนี้กว้างมากและยังสะอาดสะอ้าน
ที่ลานหลังบ้าน มีห้องๆ หนึ่งคล้ายกับเป็นห้องเก็บของ ปอเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้ ประตูไม้ค่อนข้างซีดเก่า มีบางส่วนที่เริ่มผุบ้างแล้ว ที่เด่นสะดุดตามากที่สุดคงเป็นโซ่เหล็กที่คล้องล็อคลูกบิดประตูเอาไว้
กึก! กึก!
ปอลองเขย่าประตูเล่นเพราะสงสัยว่าอะไรอยู่ภายในห้องเก็บของนี้ เพราะแม้แต่ลูกบิดประตูยังถูกล็อคจากด้านใน แถมหน้าประตูก็ยังมีการเอาโซ่เหล็กมาคล้องล็อคลูกบิดไว้อีกชั้นด้วย
“ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น มาช่วยแม่กับป้าเตรียมของก่อนเร็ว” ชั่วขณะที่ปอกำลังคิดจะเพิ่มแรงเขย่าประตูอยู่นั้น คุณแม่ก็เรียกปอเข้าไปช่วยงานที่ครัวซะก่อน ปอเลยละทิ้งความตั้งใจที่จะทำแล้วรีบเดินไปช่วยคุณแม่
เพราะกว่าจะมาถึงที่พักได้ ก็เป็นช่วงเย็นแล้ว ทุกคนเลยลงความเห็นกันว่า การเล่นน้ำทะเลคงต้องเก็บไว้วันพรุ่งนี้หลังไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่พี่เอกอาสาจะพาไปก่อน
หลังจัดเตรียมของที่จะนำมาปิ้งย่างกินกันที่ลานหน้าบ้าน ปอก็แอบคุณแม่ขึ้นมาพักผ่อนที่ห้องนอนชั้นบน ในห้องนั้นมีพี่ปลาและน้องป้ายกำลังนอนเล่นอยู่ก่อนแล้ว
สามคนพี่น้องพูดคุยกันจนถึงเวลาที่พี่เอกและครอบครัวพี่เอกมาถึง คุณแม่ก็ขึ้นมาตามลงไปกินข้าว
หลังเสร็จสิ้นทุกอย่าง ปอก็เตรียมตัวอาบน้ำต่อจากพี่ปลา เนื่องจากห้องน้ำในบ้านพักมีเพียงแค่สองห้องเท่านั้น จึงต้องทยอยผลัดกันใช้
ในระหว่างที่ปอกำลังอาบน้ำอยู่นั้น ที่ท่อระบายน้ำ ปอสังเกตเห็นกระจุกผมกระจุกหนึ่ง ก่อนหน้านี้ปอจำได้ว่าตอนที่สำรวจห้องพัก กระจุกผมนี้ยังไม่มี ด้วยความสงสัย ปอเลยก้มลงไปหยิบขึ้นมาดู เพราะในใจก็คิดว่าคงเป็นเส้นผมของพี่ปลา
กระจุกผมนี้เป็นเส้นผมบางสีดำยาว ซึ่งความยาวของเส้นผมนี้ หากเทียบให้เห็นภาพก็คงจะยาวเลยกลางหลังไปอย่างแน่นอน
ตัวพี่ปลา ปอ และคุณน้าต่างก็ย้อมสีผมสีอ่อน เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ที่กระจุกผมนี้จะเป็นของพี่ปลาและของปอ ส่วนคุณแม่และคุณป้าก็เป็นไปได้ยากอีกเช่นกัน เพราะแม้จะมีผมสีดำ แต่ความยาวผมของคุณแม่กับคุณป้าเพียงประบ่าเท่านั้น และทั้งสองคนต่างก็เป็นผมเส้นหนา คุณยายยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะเส้นผมของท่านมีสีดำสลับขาว
แล้วเส้นผมนี้เป็นของใครกัน...?
ชั่วขณะที่ปอกำลังสงสัยที่มาของผมกระจุกนี้อยู่ ปอก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ปอส่ายหน้าเบาๆ แล้วสรุปในใจเงียบๆ ว่าอาจเป็นผมของคนที่พักก่อนหน้านี้ แล้วคนดูแลบ้านพักอาจจะทำความสะอาดไม่ทั่วถึง และตอนที่ตนเองสำรวจอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น
คิดได้เช่นนี้ ปอก็รีบจัดการตัวเองให้เสร็จอย่างรวดเร็ว เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกไม่อยากอยู่ในห้องอาบน้ำนี้นานนัก
ช่วงเวลาท่องเที่ยวผ่านพ้นไปจนเข้าสู่วันสุดท้าย
คุณแม่บอกแก่พี่ปลา ปอและน้องป้ายว่าให้รีบพักผ่อนแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้จะต้องเดินทางออกจากหาดนางรำแต่เช้าตรู่ ทุกอย่างดูปกติดีหมด
จนกระทั่ง...
หลังปออาบน้ำเสร็จ ก็สังเกตเห็นว่าข้างล่างบ้านพักคล้ายกับมีเสียงคนพูดคุยเสียงดัง ตัวพี่ปลาและน้องป้ายเองก็ไม่ได้อยู่ในห้องนอนด้วย ปอจึงเร่งรีบลงไปข้างล่าง
สิ่งแรกที่ปอเห็นคือสีหน้าร้อนใจของคุณพ่อและคุณแม่ พวกผู้ใหญ่พูดคุยกันอย่างกังวล ปอเห็นว่าพี่ปลาที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเองก็กำลังมีสีหน้าร้อนใจปนกังวลอยู่ด้วย จึงค่อยๆ เดินไปกระซิบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น” พี่ปลากระซิบบอกเสียงเบาเพราะไม่อยากรบกวนพวกผู้ใหญ่ “น้องป้ายหายไป”
เมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากพี่สาว ปอก็เริ่มจะร้อนใจตามเพราะความเป็นห่วงปนกังวล
“หายไปยังไง หายไปตอนไหนอะ” ปอที่เริ่มเป็นห่วงน้องชายก็กระซิบถามต่อทันที
“ไม่มีใครรู้ว่าน้องป้ายหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่ทุกคนก็กำลังรอให้คุณตาจุดธูปขอเจ้าที่เจ้าทางอยู่เหมือนกัน” สิ้นเสียงพี่ปลา ปอก็คล้ายกับได้กลิ่นของธูปหอมขึ้นมาทันที เดาว่าคุณตาคงจุดธูปขอเจ้าที่เจ้าทางแล้วเป็นแน่
เวลาผ่านไปสักพัก คุณพ่อและคุณน้าเขยก็กลับมาพร้อมกับน้องป้ายที่ตัวเปียกน้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง
คุณแม่รีบเดินเข้าไปดูน้องป้ายพลางสำรวจร่างกายว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่
คุณตาที่เห็นว่าน้องป้ายกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วก็กลับไปจุดธูปขอบคุณเจ้าที่เจ้าทางอีกครั้ง คุณพ่อพูดสั้นๆ ว่าให้น้องป้ายรีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดดีๆ แล้วรีบพักผ่อน พลางมองมาที่ปอและพี่ปลา พร้อมฝากให้ขึ้นไปดูน้องป้ายด้วย
ปอรับคำพลางรีบเดินตามหลังน้องป้ายไปพร้อมๆ กับพี่ปลาทันที เพราะเข้าใจว่าพวกผู้ใหญ่คงอยากพูดคุยกันโดยไม่อยากให้พวกตนอยู่ฟัง
หลังน้องป้ายอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ปอก็ชักถามน้องป้ายทันทีถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
น้องป้ายมีสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเล่าให้ปอฟัง
เรียบเรียงได้ว่า
ในช่วงที่รอต่อคิวอาบน้ำอยู่นั้น น้องป้ายที่ไม่มีอะไรทำก็เดินเล่นรอบบ้านพักแก้เบื่อ จังหวะที่ผ่านห้องเก็บของเก่าๆ ที่ลานหลังบ้าน น้องป้ายคล้ายกับได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ ดังมาจากในห้อง น้องป้ายเลยเดินเข้าไปดู แต่เพราะเห็นว่าประตูถูกโซ่คล้องล็อคเอาไว้ จึงคิดว่าตนต้องหูฟาดแน่ๆ เลยหันหลังเตรียมเดินหนี
น้องป้ายบอกว่า หลังจากนั้นก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกแค่ว่าอยู่ๆ ก็อยากไปไหนสักที่หนึ่งมากๆ แล้วเหมือนได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็เลยลองเดินตามเสียงเรียกนั้นไป
ความรู้สึกในตอนนั้น น้องป้ายบอกว่าอยากเดินตามเสียงที่เรียกไปมากๆ และไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังเดินไปที่ไหนอยู่
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้กลิ่นธูป แล้วพอสังเกตรอบๆ ข้างถึงได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเดินลงทะเลไปได้ครึ่งตัวแล้ว น้องป้ายบอกว่าตอนนั้นทั้งกลัวทั้งขนลุก เพราะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน มองไปรอบๆ ก็ไม่คุ้นเลย แถมตอนนั้นฟ้าก็มืดแล้วด้วย
ตอนที่ยังสับสน น้องป้ายบอกว่าเหมือนยังได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ แต่รอบนี้น้องป้ายไม่ได้เดินตามเสียงที่เรียกแล้ว เพราะรู้สึกกลัว และในหัวก็มีเพียงความคิดเดียวว่าต้องรีบขึ้นจากทะเลเดี๋ยวนี้
พอขึ้นมาถึงฝั่งเสร็จ ด้วยความที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน จากที่รู้สึกกลัวอยู่แล้วก็กลัวมากกว่าเดิม
จู่ๆ น้องป้ายก็ได้กลิ่นธูปอีกครั้ง แล้วก็มีความรู้สึกว่า ถ้าเดินตามกลิ่นธูปนี้ไป อาจจะหาทางกลับไปยังบ้านพักได้ น้องป้ายก็เลยตัดสินใจเดินตามไปยังทิศทางที่ได้กลิ่นธูปจนมาเจอคุณพ่อและคุณน้า
ซึ่งตลอดทางที่เดินตามกลิ่นธูปมานั้น น้องป้ายบอกว่ายังคงได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองอยู่ตลอด
เสียงที่เรียกชื่อนั้น พอน้องป้ายตั้งใจฟังดีๆ ก็แยกแยะได้ว่าเป็นเสียงเรียกของผู้หญิง โทนเสียงที่ใช้ก็ออกจะเยียบเย็น คล้ายกับเริ่มรู้สึกตัว พอได้ยินเสียงนี้ ความอยากเดินตามเสียงถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกขนลุกและหวาดกลัว
ก่อนเข้านอนคุณตาได้ขึ้นมาหาน้องป้ายพร้อมกับให้พระมาคล้องไว้ ปอแอบเห็นว่าคุณตาสวดอะไรบ้างอย่างให้กับน้องป้ายแวบๆ
แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนก็เร่งรีบออกจากบ้านพักทันที
- จ บ -
รีดๆ ที่น่ารักทั้งหลายอ่านจบแล้วคิดว่าเรื่องนี้ให้สักกี่กะโหลกดีคะ *-*
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ