สามี
8.0
เขียนโดย พลอยแก้ว
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 07.13 น.
46 ตอน
2 วิจารณ์
17.10K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2565 09.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
31) ความร้ายกาจของคุณพ่อ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสามี(31)
"ไม่อร่อยเหรอน้องแนน" แจงทักท้วงเมื่อมองอยู่สักพักกับอาการที่แนนนั้นนั่งเขี่ยข้าวในจานไปมา ตักเข้าปากแค่ไม่กี่คำ
คำทักท้วงของแจงจนชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามต้องมองอย่างจับจ้อง เขาก็สังเกตกิริยาของหญิงสาวเช่นกัน แค่ไม่อยากทักท้วงเท่านั้น ด้วยใจที่ยังไม่กล้าพอเพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาในยามเช้าทำให้คิดห่างไกล
"อร่อยค่ะพี่แจง" หญิงสาวดึงสติที่เหม่อลอยหันไปตอบกลับ พร้อมฝืนยิ้มที่ปั้นแต่งให้ดูสวย ทั้งที่ภายในใจของเธอนั้นหวนคิด มีสิ่งใดที่ทำให้ผู้เป็นนายไม่พอใจหรือเปล่า หรืองานที่เธอทำมันผิดพลาดหรืออย่างไร ร้ายแรงจนผู้เป็นนายนั้นเมินเฉยต่อเธอ จนครึ่งค่อนวัน
"พี่เห็นเขี่ยข้าวไปมา นึกว่าไม่ถูกปาก"
"อร่อยค่ะแค่แนนไม่ค่อยหิว" หญิงสาวตอบกลับอย่างโกหก ไม่ใช่ไม่หิวแค่เธอนั้นกินข้าวไม่ลงและพะวงกับอาการของเจ้านายที่เมินเฉยต่อเธอ
"ไม่หิวก็ยัด ๆ เข้าไปน้องแนน...นานทีเจ้านายจะมากินข้าวเที่ยงด้วย เราต้องรีบกอบโกยไว้เยอะ ๆ เชื่อพี่ ฮ่าฮ่าฮ่า" แจงพูดขึ้นอย่างติดตลก คำพูดที่ทำให้คนที่ร่วมวงนั้นถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว จนต้องปล่อยเสียงเค่นเบา ๆ ในลำคอให้เล็ดลอดออกมา
"พี่แจงตลกอ่ะ" แนนถึงกับขำออกมาพร้อมกับพูดแซวเมื่อแจงนั้นพูดอย่างไม่ได้คิดตรองสักนิด
"รีบกินเถอะพี่มีงานต้องทำต่ออีกเยอะ" อยู่ ๆ เสียงเข้มก็พูดขึ้นแทรกระหว่างบทสนทนาของหญิงสาวทั้งสองคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศเย็น ๆ จากแอร์ในร้านอาหาร จนทำให้คนทั้งสองนั้นเก็บคืนเสียงหัวเราะลงทันที เพราะสายตาเข้มที่มองมาทำให้พวกเธอนั้นเกรงใจ
"แนนอิ่มแล้วค่ะ" เมื่อสิ้นเสียงพูดของผู้เป็นนาย แนนก็รีบวางช้อนส้อมลงทันทีอย่างรู้ตัว สายตาที่เขามองมาทำให้เธอนั้นรู้สึกอิ่มทันทีทั้งที่ยังไม่ได้กินข้าวสักคำ...ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องเพิกเฉยต่อเธอขนาดนี้
ชายตรงหน้าที่จ้องมองหน้าของหญิงสาวนักศึกษาเรียบนิ่ง ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีคำถาม ไม่มีการพูดคุยสนทนาระหว่างร่วมโต๊ะ ทั้งที่ก่อนหน้าก็เคยร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน ก็ยังมีการถามไถ่และพูดคุยกันอย่างออกรส แต่มาวันนี้เขากลับนิ่งเฉยไปถนัดตา
"งั้นพี่ก็คงต้องอิ่มสินะ...." แจงพูดขึ้นอย่างจำยอมเมื่อรุ่นน้องและเจ้านายนั้นต่างพากันอิ่มพลีแล้ว
"พี่แจงงั้นแนนขอตัวกลับก่อนนะคะ จะไปเข้าห้องน้ำด้วย" แนนพูดขึ้นอย่างขออนุญาตพร้อมกับหยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วดีดตัวลุกจากเก้าอี้
"จ้า ๆ "
"ขอบคุณสำหรับมื้อเที่ยงนะคะท่านประธาน" เเนนพูดขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่สนว่าเขาจะตอบรับคำขอบคุณของเธอหรือไม่ เพราะตอนนี้ภายในใจของเธอนั้นกระวนกระวายร้อนรุ่ม ด้วยไม่รู้สาเหตุต่อกิริยาของผู้เป็นนายว่าไม่พอใจอะไรในตัวเธอ หวนคิดยังไงก็ไม่เข้าใจและหาสาเหตุไม่ได้ จะว่าเรื่องงานเธอก็ให้แจงนั้นตรวจทานก่อนส่งเขา ไม่มีการผิดพลาด
"อ่ะ เงินพี่ฝากเคลียร์บิลด้วยนะแจง" เจที่ได้ยินประโยคทิ้งท้าย ทำให้เขานั้นขมวดคิ้วแทบชนกัน คำว่าท่านประธานที่ฟังแล้วห่างเหิน มันทำให้เขานั้นไม่ชอบใจและขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย จนต้องรีบลุกออกมาทิ้งไว้เพียงเงินสำหรับค่าอาหารให้แจง แล้วตามหญิงสาวไป
"อะไรกันวะ?" แจงที่รับเงินด้วยความงุนงงกับท่าทางของคนทั้งสอง ที่เธอนั้นเพียงสงสัยแต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงได้เพิกเฉยต่อกัน เธอทำได้เพียงมองตามหลังของผู้เป็นนายด้วยความสงสัยเท่านั้น แต่ก็ต้องสลัดความสงสัยนั้นออกไปและเรียกเคลียร์บิลแล้วกลับเข้าไปยังอาคารสำนักงาน
...เมื่อจัดการธุระส่วนตัวจนเรียบร้อย แนนเดินมุ่งตรงไปยังโต๊ะทำงานประจำ พรางเดินคิดไปด้วยอย่างคนเหม่อลอย
"เป็นอะไรของเขาวะ?" เธอพึมพำเสียงเบาเพียงลำพังในขณะเดินตามทาง ในที่สุดก็มาถึงยังที่หมายในถัดมาจวบเหมาะกับเวลาที่ต้องเริ่มทำงานในช่วงบ่ายพอดิบพอดี
"น้องแนนพี่วานหน่อยสิ เอาเอกสารแฟ้มนี้ไปให้ผู้จัดการฝ่ายการเงินที" แจงที่มานั่งประจำโต๊ะทำงานอยู่ก่อนไว้วานเธอ
"ได้ค่ะ...." แนนยื่นมือรับเอกสารแล้วเดินมุ่งตรงไปยังแผนกการเงินด้วยความตั้งใจ เมื่อเข้าโหมดของการทำงานเธอจะตั้งใจและจริงจัง ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เธอนั้นจะทำได้
... เอกสารถูกส่งถึงแผนกด้วยฝีมือของแนนเรียบร้อย สองขาก้าวขึ้นบันไดอย่างช้า ๆ สายตาก็เหลือบก้มมองต่ำลงพื้นไปพราง และต้องชะงักเดินเมื่อเห็นปลายรองเท้าของบางคนที่หยุดตรงหน้า ก่อนที่แนนจะเงยหน้าขึ้นมองและเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อเดินต่อ แต่ต้องชะงักอีกรอบเมื่อคนตรงหน้านั้นเลี่ยงมาฝั่งเดียวกับเธอ และเธอก็ต้องเดินเลี่ยงมาอีกทางที่ว่างเปล่า และเขาก็เลี่ยงมาฝั่งที่เธอนั้นตั้งใจเช่นกัน
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร นอกจากสบสายตาจ้องมองกันเท่านั้น อย่างกับเล่นสงครามเย็นต่อกัน จนเป็นแนนเองที่ทนไม่ไหว ที่ต้องหลบยืนชิดราวบันไดให้ผู้เป็นนายนั้นเดินผ่านไปก่อน เธอจึงได้มีโอกาสเดินกลับขึ้นไปทำงานอีกครั้ง
เวลาช่วงบ่ายเคลื่อนคล้อยเดินวนตามเข็มนาฬิกา จนมาถึงเวลาสิบห้านาฬิกาสามสิบนาที...วันนี้คุณพ่อเจไม่ต้องไปรับลูกสาวเพราะว่าคุณอาไฟของเธออาสาไปรับให้ ด้วยทางผ่านจากการไปธุระ
กริ่ง กริ่ง เสียงโทรศัพท์หน้าโต๊ะดังขึ้นส่งสัญญาณ ก่อนที่เลขาหน้าห้องอย่างแจงจะยกหูรับสาย
"ค่ะ"
"..............."
"ได้ค่ะ"
เสียงสนทนาที่แนนนั้นไม่รู้ว่าคุยอะไร และเธอก็ไม่ได้สนใจที่จะฟัง นอกจากตั้งหน้าตั้งตาจ้องงานที่อยู่ในจอคอมพิวเตอร์ ที่แจงนั้นมอบหมายให้เธอทำเท่านั้น
"น้องแนน" เสียงหวาน ๆ ของเเจงเอื้อนเอ่ยเมื่อวางสายสนทนา
"คะ?"
"พี่เจบอกว่าให้น้องแนนชงกาเเฟแล้วเอาเข้าไปให้หน่อย..." แจงบอกกล่าวกับสิ่งที่ได้รับคำสั่งมา
"แนนเหรอ?...." หญิงสาวย้อนถามเพราะตอนนี้เธอรู้สึกไม่อยากพบหน้าเขาสักเท่าไหร่
"อืม...รีบไปชงเร็ว เดี๋ยวพี่เจโมโห วันนี้พี่รู้สึกว่าพี่เจดูอารมณ์ไม่ค่อยดี" แจงว่ากล่าวในสิ่งที่เธอเห็นตั้งแต่เช้า
"ค่ะ" เมื่อเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน ก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธหน้าที่และคำสั่งได้ จึงต้องจำใจทำตามอย่างไม่คิดโต้แย้งใด ๆ แม้ภายในใจนั้นอยากจะปฏิเสธแค่ไหนก็ตามที
.
.
"กาแฟค่ะ" หญิงสาวในชุดนักศึกษาวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าผู้เป็นนายอย่างเบามือ ... ชายหนุ่มตรงหน้าเงยมองช้า ๆ และเห็นเธอตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไป
"นั่งก่อนสิ" เสียงเข้มออกคำสั่ง จนแนนนั้นไม่อาจปฏิเสธและทำตามอย่างไม่อิดออด
"มีอะไรจะใช้แนนเหรอคะ?" หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม
"ไม่มี"
"ถ้าอย่างนั้นแนนขอตัว" เธอไม่รีรอลุกจากเก้าอี้ทันใด แต่ยังไม่ทันไรข้อมือกลับถูกรั้งและแรงดันของชายชาตรีทำให้เธอต้องนั่งลงเก้าอี้ตามเดิม...ไม่รู้เขาเร็วหรือเธอช้าจนเขาประจันตรงหน้าเพียงเวลาแค่เสี้ยววินาที
...ถาดที่เธอถือมาถูกหยิบวางลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ สายตาของคนทั้งคู่จ้องมองกันแต่ไม่มีใครเปล่งเสียงพูดคุย
ใบหน้าคมที่อยู่ใกล้จนลมหายใจที่พวยพุ่งนั้นกระทบกับผิวหน้าจนร้อนผ่าว หญิงสาวที่ถูกกักกันด้วยวงแขนแกร่ง นึกเกร็งเมื่อชายหนุ่มนั้นค่อย ๆ ขยับใบหน้าที่มีเสน่ห์เข้ามาใกล้
"ทำไมเย็นชาใส่พี่" ชายหนุ่มพูดขึ้นในระยะประชิด พรางจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยนั้นอย่างจับจ้อง
"พี่เจเฉยชาใส่แนนก่อนหรือเปล่า...คิดใหม่อีกทีสิคะ...หลบค่ะแนนจะไปทำงาน" เธอย้อนกับสิ่งที่เขากล่าวอ้างป้ายสี ทั้งที่เขานั้นเป็นคนเริ่มก่อน ฝ่ามือเรียวดันแผงอกที่แน่นให้ออกห่าง แต่ด้วยร่างกายหญิงที่บอบบางไม่ได้ทำให้เขานั้นสะทกสะท้านแต่อย่างใด ยิ่งผลักดันเขาก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้
"ย้อนเหรอ"
"พี่เจหลบ!!....อื้ออออ"
ชายหนุ่มไม่ฟังกลับปรี่ประทับริมฝีปากจูบซับลงกลีบปากสวยกระจับ โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจนต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ
มือเรียวพยายามทุบตีและดันไปพรางแต่ก็ไม่มีทีท่าจะออกห่างแต่อย่างใด สองมือถูกรวบจับไว้จนแน่นด้วยมือหนาเพียงมือเดียว
เก้าอี้คับแคบที่ไม่มีหนทางหลีกหนี รสจูบที่ดูดดึงจนทำหญิงสาวเริ่มเคลิบเคลิ้ม จากดวงตาที่เบิกกว้างเริ่มหลับลงช้า ๆ อย่างซึมซับ
จ๊วบ ....กลีบปากหนาเริ่มขยับจูบพรมเมื่อเธอนั้นเหมือนไม่ปฏิเสธอต่อการกระทำที่เขามอบให้
"อื้ม..."
เรียวปากสวยนุ่มนิ่มยิ่งได้สัมผัสยิ่งทำให้ชายวัยสามสิบเอ็ดหลงเสน่ห์จนไม่อยากถอดถอน
ความรู้สึกบางอย่างที่บางเบาสัมผัสลงบริเวณขาของชายหนุ่ม ก่อนจะละริมฝีปากออกห่างจากปากสวยเล็กน้อย ลอดส่องสายตามองผ่านใต้แขน
"ไอติม!"
"นุ่มอย่างที่ไอติมบอกใช่ไหมคะคูมพ่อ...คิก คิก"
เด็กหญิงที่ยืนหัวเราะคิกคิกมือเล็ก ๆ ปิดปาก จนผู้ใหญ่ทั้งสองนั้นดีดตัวออกจากกันแทบไม่ทัน เธอเข้ามาตอนไหนไม่มีใครได้ยินเเม้กระทั่งเสียงเดินหรือเปิดประตูเพราะเคลิบเคลิ้มต่อรสจูบ
"มะ มาตอนไหนลูก" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
เธอเห็นการกระทำที่ล่อแหลมของผู้ใหญ่ แต่ด้วยความเดียงสาของเด็กที่ไม่คิดไกล เพราะการกระทำนี้เธอก็เคยทำเช่นกัน
"มาเมื่อกี้ค่ะ...สวัสดีค่ะพี่แนน"
" ขะ ค่ะ...พี่แนนขอไปทำงานก่อนนะ" แนนมีอาการหน้าแดง เมื่อการกระทำล่อแหลมแสดงต่อหน้าเด็กจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
"พี่แนนไม่สบายเหรอคะหน้าแดง...น้องไอติมเป็นห่วง" เด็กหญิงที่เห็นสีหน้าของหญิงสาวเธอเดินเข้าไปใกล้ พูดขึ้นด้วยความน่าเอ็นดู
"ไม่เป็นไรค่ะ...พี่แนนไปก่อนนะ" หญิงสาวรีบจ้ำขาเดินเร็วไว เธอเขินอายอย่างมากต่อการกระทำนี้ จนเธอนั้นไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม
"บ๊ายบายค่ะ"
"ไอติมเห็นอะไรบ้างลูก" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม พร้อมกับอุ้มลูกสาวแนบอก
"ไม่เห็นอะไรเลยค่ะ น้องไอติมปิดตาไว้ คิก คิ คิก"
"เด็กแสบเอ๊ย"
"ไม่อร่อยเหรอน้องแนน" แจงทักท้วงเมื่อมองอยู่สักพักกับอาการที่แนนนั้นนั่งเขี่ยข้าวในจานไปมา ตักเข้าปากแค่ไม่กี่คำ
คำทักท้วงของแจงจนชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามต้องมองอย่างจับจ้อง เขาก็สังเกตกิริยาของหญิงสาวเช่นกัน แค่ไม่อยากทักท้วงเท่านั้น ด้วยใจที่ยังไม่กล้าพอเพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาในยามเช้าทำให้คิดห่างไกล
"อร่อยค่ะพี่แจง" หญิงสาวดึงสติที่เหม่อลอยหันไปตอบกลับ พร้อมฝืนยิ้มที่ปั้นแต่งให้ดูสวย ทั้งที่ภายในใจของเธอนั้นหวนคิด มีสิ่งใดที่ทำให้ผู้เป็นนายไม่พอใจหรือเปล่า หรืองานที่เธอทำมันผิดพลาดหรืออย่างไร ร้ายแรงจนผู้เป็นนายนั้นเมินเฉยต่อเธอ จนครึ่งค่อนวัน
"พี่เห็นเขี่ยข้าวไปมา นึกว่าไม่ถูกปาก"
"อร่อยค่ะแค่แนนไม่ค่อยหิว" หญิงสาวตอบกลับอย่างโกหก ไม่ใช่ไม่หิวแค่เธอนั้นกินข้าวไม่ลงและพะวงกับอาการของเจ้านายที่เมินเฉยต่อเธอ
"ไม่หิวก็ยัด ๆ เข้าไปน้องแนน...นานทีเจ้านายจะมากินข้าวเที่ยงด้วย เราต้องรีบกอบโกยไว้เยอะ ๆ เชื่อพี่ ฮ่าฮ่าฮ่า" แจงพูดขึ้นอย่างติดตลก คำพูดที่ทำให้คนที่ร่วมวงนั้นถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว จนต้องปล่อยเสียงเค่นเบา ๆ ในลำคอให้เล็ดลอดออกมา
"พี่แจงตลกอ่ะ" แนนถึงกับขำออกมาพร้อมกับพูดแซวเมื่อแจงนั้นพูดอย่างไม่ได้คิดตรองสักนิด
"รีบกินเถอะพี่มีงานต้องทำต่ออีกเยอะ" อยู่ ๆ เสียงเข้มก็พูดขึ้นแทรกระหว่างบทสนทนาของหญิงสาวทั้งสองคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศเย็น ๆ จากแอร์ในร้านอาหาร จนทำให้คนทั้งสองนั้นเก็บคืนเสียงหัวเราะลงทันที เพราะสายตาเข้มที่มองมาทำให้พวกเธอนั้นเกรงใจ
"แนนอิ่มแล้วค่ะ" เมื่อสิ้นเสียงพูดของผู้เป็นนาย แนนก็รีบวางช้อนส้อมลงทันทีอย่างรู้ตัว สายตาที่เขามองมาทำให้เธอนั้นรู้สึกอิ่มทันทีทั้งที่ยังไม่ได้กินข้าวสักคำ...ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องเพิกเฉยต่อเธอขนาดนี้
ชายตรงหน้าที่จ้องมองหน้าของหญิงสาวนักศึกษาเรียบนิ่ง ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีคำถาม ไม่มีการพูดคุยสนทนาระหว่างร่วมโต๊ะ ทั้งที่ก่อนหน้าก็เคยร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน ก็ยังมีการถามไถ่และพูดคุยกันอย่างออกรส แต่มาวันนี้เขากลับนิ่งเฉยไปถนัดตา
"งั้นพี่ก็คงต้องอิ่มสินะ...." แจงพูดขึ้นอย่างจำยอมเมื่อรุ่นน้องและเจ้านายนั้นต่างพากันอิ่มพลีแล้ว
"พี่แจงงั้นแนนขอตัวกลับก่อนนะคะ จะไปเข้าห้องน้ำด้วย" แนนพูดขึ้นอย่างขออนุญาตพร้อมกับหยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วดีดตัวลุกจากเก้าอี้
"จ้า ๆ "
"ขอบคุณสำหรับมื้อเที่ยงนะคะท่านประธาน" เเนนพูดขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่สนว่าเขาจะตอบรับคำขอบคุณของเธอหรือไม่ เพราะตอนนี้ภายในใจของเธอนั้นกระวนกระวายร้อนรุ่ม ด้วยไม่รู้สาเหตุต่อกิริยาของผู้เป็นนายว่าไม่พอใจอะไรในตัวเธอ หวนคิดยังไงก็ไม่เข้าใจและหาสาเหตุไม่ได้ จะว่าเรื่องงานเธอก็ให้แจงนั้นตรวจทานก่อนส่งเขา ไม่มีการผิดพลาด
"อ่ะ เงินพี่ฝากเคลียร์บิลด้วยนะแจง" เจที่ได้ยินประโยคทิ้งท้าย ทำให้เขานั้นขมวดคิ้วแทบชนกัน คำว่าท่านประธานที่ฟังแล้วห่างเหิน มันทำให้เขานั้นไม่ชอบใจและขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย จนต้องรีบลุกออกมาทิ้งไว้เพียงเงินสำหรับค่าอาหารให้แจง แล้วตามหญิงสาวไป
"อะไรกันวะ?" แจงที่รับเงินด้วยความงุนงงกับท่าทางของคนทั้งสอง ที่เธอนั้นเพียงสงสัยแต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงได้เพิกเฉยต่อกัน เธอทำได้เพียงมองตามหลังของผู้เป็นนายด้วยความสงสัยเท่านั้น แต่ก็ต้องสลัดความสงสัยนั้นออกไปและเรียกเคลียร์บิลแล้วกลับเข้าไปยังอาคารสำนักงาน
...เมื่อจัดการธุระส่วนตัวจนเรียบร้อย แนนเดินมุ่งตรงไปยังโต๊ะทำงานประจำ พรางเดินคิดไปด้วยอย่างคนเหม่อลอย
"เป็นอะไรของเขาวะ?" เธอพึมพำเสียงเบาเพียงลำพังในขณะเดินตามทาง ในที่สุดก็มาถึงยังที่หมายในถัดมาจวบเหมาะกับเวลาที่ต้องเริ่มทำงานในช่วงบ่ายพอดิบพอดี
"น้องแนนพี่วานหน่อยสิ เอาเอกสารแฟ้มนี้ไปให้ผู้จัดการฝ่ายการเงินที" แจงที่มานั่งประจำโต๊ะทำงานอยู่ก่อนไว้วานเธอ
"ได้ค่ะ...." แนนยื่นมือรับเอกสารแล้วเดินมุ่งตรงไปยังแผนกการเงินด้วยความตั้งใจ เมื่อเข้าโหมดของการทำงานเธอจะตั้งใจและจริงจัง ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เธอนั้นจะทำได้
... เอกสารถูกส่งถึงแผนกด้วยฝีมือของแนนเรียบร้อย สองขาก้าวขึ้นบันไดอย่างช้า ๆ สายตาก็เหลือบก้มมองต่ำลงพื้นไปพราง และต้องชะงักเดินเมื่อเห็นปลายรองเท้าของบางคนที่หยุดตรงหน้า ก่อนที่แนนจะเงยหน้าขึ้นมองและเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อเดินต่อ แต่ต้องชะงักอีกรอบเมื่อคนตรงหน้านั้นเลี่ยงมาฝั่งเดียวกับเธอ และเธอก็ต้องเดินเลี่ยงมาอีกทางที่ว่างเปล่า และเขาก็เลี่ยงมาฝั่งที่เธอนั้นตั้งใจเช่นกัน
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร นอกจากสบสายตาจ้องมองกันเท่านั้น อย่างกับเล่นสงครามเย็นต่อกัน จนเป็นแนนเองที่ทนไม่ไหว ที่ต้องหลบยืนชิดราวบันไดให้ผู้เป็นนายนั้นเดินผ่านไปก่อน เธอจึงได้มีโอกาสเดินกลับขึ้นไปทำงานอีกครั้ง
เวลาช่วงบ่ายเคลื่อนคล้อยเดินวนตามเข็มนาฬิกา จนมาถึงเวลาสิบห้านาฬิกาสามสิบนาที...วันนี้คุณพ่อเจไม่ต้องไปรับลูกสาวเพราะว่าคุณอาไฟของเธออาสาไปรับให้ ด้วยทางผ่านจากการไปธุระ
กริ่ง กริ่ง เสียงโทรศัพท์หน้าโต๊ะดังขึ้นส่งสัญญาณ ก่อนที่เลขาหน้าห้องอย่างแจงจะยกหูรับสาย
"ค่ะ"
"..............."
"ได้ค่ะ"
เสียงสนทนาที่แนนนั้นไม่รู้ว่าคุยอะไร และเธอก็ไม่ได้สนใจที่จะฟัง นอกจากตั้งหน้าตั้งตาจ้องงานที่อยู่ในจอคอมพิวเตอร์ ที่แจงนั้นมอบหมายให้เธอทำเท่านั้น
"น้องแนน" เสียงหวาน ๆ ของเเจงเอื้อนเอ่ยเมื่อวางสายสนทนา
"คะ?"
"พี่เจบอกว่าให้น้องแนนชงกาเเฟแล้วเอาเข้าไปให้หน่อย..." แจงบอกกล่าวกับสิ่งที่ได้รับคำสั่งมา
"แนนเหรอ?...." หญิงสาวย้อนถามเพราะตอนนี้เธอรู้สึกไม่อยากพบหน้าเขาสักเท่าไหร่
"อืม...รีบไปชงเร็ว เดี๋ยวพี่เจโมโห วันนี้พี่รู้สึกว่าพี่เจดูอารมณ์ไม่ค่อยดี" แจงว่ากล่าวในสิ่งที่เธอเห็นตั้งแต่เช้า
"ค่ะ" เมื่อเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน ก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธหน้าที่และคำสั่งได้ จึงต้องจำใจทำตามอย่างไม่คิดโต้แย้งใด ๆ แม้ภายในใจนั้นอยากจะปฏิเสธแค่ไหนก็ตามที
.
.
"กาแฟค่ะ" หญิงสาวในชุดนักศึกษาวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าผู้เป็นนายอย่างเบามือ ... ชายหนุ่มตรงหน้าเงยมองช้า ๆ และเห็นเธอตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไป
"นั่งก่อนสิ" เสียงเข้มออกคำสั่ง จนแนนนั้นไม่อาจปฏิเสธและทำตามอย่างไม่อิดออด
"มีอะไรจะใช้แนนเหรอคะ?" หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม
"ไม่มี"
"ถ้าอย่างนั้นแนนขอตัว" เธอไม่รีรอลุกจากเก้าอี้ทันใด แต่ยังไม่ทันไรข้อมือกลับถูกรั้งและแรงดันของชายชาตรีทำให้เธอต้องนั่งลงเก้าอี้ตามเดิม...ไม่รู้เขาเร็วหรือเธอช้าจนเขาประจันตรงหน้าเพียงเวลาแค่เสี้ยววินาที
...ถาดที่เธอถือมาถูกหยิบวางลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ สายตาของคนทั้งคู่จ้องมองกันแต่ไม่มีใครเปล่งเสียงพูดคุย
ใบหน้าคมที่อยู่ใกล้จนลมหายใจที่พวยพุ่งนั้นกระทบกับผิวหน้าจนร้อนผ่าว หญิงสาวที่ถูกกักกันด้วยวงแขนแกร่ง นึกเกร็งเมื่อชายหนุ่มนั้นค่อย ๆ ขยับใบหน้าที่มีเสน่ห์เข้ามาใกล้
"ทำไมเย็นชาใส่พี่" ชายหนุ่มพูดขึ้นในระยะประชิด พรางจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยนั้นอย่างจับจ้อง
"พี่เจเฉยชาใส่แนนก่อนหรือเปล่า...คิดใหม่อีกทีสิคะ...หลบค่ะแนนจะไปทำงาน" เธอย้อนกับสิ่งที่เขากล่าวอ้างป้ายสี ทั้งที่เขานั้นเป็นคนเริ่มก่อน ฝ่ามือเรียวดันแผงอกที่แน่นให้ออกห่าง แต่ด้วยร่างกายหญิงที่บอบบางไม่ได้ทำให้เขานั้นสะทกสะท้านแต่อย่างใด ยิ่งผลักดันเขาก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้
"ย้อนเหรอ"
"พี่เจหลบ!!....อื้ออออ"
ชายหนุ่มไม่ฟังกลับปรี่ประทับริมฝีปากจูบซับลงกลีบปากสวยกระจับ โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจนต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ
มือเรียวพยายามทุบตีและดันไปพรางแต่ก็ไม่มีทีท่าจะออกห่างแต่อย่างใด สองมือถูกรวบจับไว้จนแน่นด้วยมือหนาเพียงมือเดียว
เก้าอี้คับแคบที่ไม่มีหนทางหลีกหนี รสจูบที่ดูดดึงจนทำหญิงสาวเริ่มเคลิบเคลิ้ม จากดวงตาที่เบิกกว้างเริ่มหลับลงช้า ๆ อย่างซึมซับ
จ๊วบ ....กลีบปากหนาเริ่มขยับจูบพรมเมื่อเธอนั้นเหมือนไม่ปฏิเสธอต่อการกระทำที่เขามอบให้
"อื้ม..."
เรียวปากสวยนุ่มนิ่มยิ่งได้สัมผัสยิ่งทำให้ชายวัยสามสิบเอ็ดหลงเสน่ห์จนไม่อยากถอดถอน
ความรู้สึกบางอย่างที่บางเบาสัมผัสลงบริเวณขาของชายหนุ่ม ก่อนจะละริมฝีปากออกห่างจากปากสวยเล็กน้อย ลอดส่องสายตามองผ่านใต้แขน
"ไอติม!"
"นุ่มอย่างที่ไอติมบอกใช่ไหมคะคูมพ่อ...คิก คิก"
เด็กหญิงที่ยืนหัวเราะคิกคิกมือเล็ก ๆ ปิดปาก จนผู้ใหญ่ทั้งสองนั้นดีดตัวออกจากกันแทบไม่ทัน เธอเข้ามาตอนไหนไม่มีใครได้ยินเเม้กระทั่งเสียงเดินหรือเปิดประตูเพราะเคลิบเคลิ้มต่อรสจูบ
"มะ มาตอนไหนลูก" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
เธอเห็นการกระทำที่ล่อแหลมของผู้ใหญ่ แต่ด้วยความเดียงสาของเด็กที่ไม่คิดไกล เพราะการกระทำนี้เธอก็เคยทำเช่นกัน
"มาเมื่อกี้ค่ะ...สวัสดีค่ะพี่แนน"
" ขะ ค่ะ...พี่แนนขอไปทำงานก่อนนะ" แนนมีอาการหน้าแดง เมื่อการกระทำล่อแหลมแสดงต่อหน้าเด็กจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
"พี่แนนไม่สบายเหรอคะหน้าแดง...น้องไอติมเป็นห่วง" เด็กหญิงที่เห็นสีหน้าของหญิงสาวเธอเดินเข้าไปใกล้ พูดขึ้นด้วยความน่าเอ็นดู
"ไม่เป็นไรค่ะ...พี่แนนไปก่อนนะ" หญิงสาวรีบจ้ำขาเดินเร็วไว เธอเขินอายอย่างมากต่อการกระทำนี้ จนเธอนั้นไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม
"บ๊ายบายค่ะ"
"ไอติมเห็นอะไรบ้างลูก" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม พร้อมกับอุ้มลูกสาวแนบอก
"ไม่เห็นอะไรเลยค่ะ น้องไอติมปิดตาไว้ คิก คิ คิก"
"เด็กแสบเอ๊ย"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ