เรื่องรักสามฤดู
-
เขียนโดย LaVieRosy
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.33 น.
15 ตอน
0 วิจารณ์
6,030 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 16.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) บทที่ 14
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“มีอะไรที่ผมช่วยหลิวได้บอกนะครับ คุณจากับแฟนคงต้องการกำลังใจมากเลย”
“ขอบคุณค่ะ หลิวกับรินจะคอยเปลี่ยนกันไปเป็นเพื่อนพี่ธรวันไหนที่จาลางานไม่ได้จริงๆ”
พศิกานั่งอยู่บนเตียงในชุดนอนเนื้อนุ่มพูดผ่านสายโทรศัพท์ถึงอีกฝ่าย คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ชานนท์จะพัก พรุ่งนี้เขาจะไปขึ้นเครื่องไปลงที่นครศรีธรรมราชก่อนต่อเฮลิคอปเตอร์หรือที่ชาวออฟชอร์เช่นพวกเขาเรียกกันติดปากว่า ช็อปเปอร์
ตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มสารภาพความรู้สึก เขาก็เดินหน้าทำความรู้จักเธอแบบที่ประกาศเอาไว้ มารับและส่งถึงร้านในตอนเช้าทำตัวราวกับพนักงานคนหนึ่ง ช่วยเสิร์ฟขนมและเครื่องดื่ม ซื้อมื้อกลางวันมาให้เธอและคอยจนเธอกลับบ้านพาไปกินมื้อเย็นและมาส่งที่คอนโดฯ เขาเป็นตัวของตัวเอง เปิดเผย ตรงไปตรงมา เล่าทุกอย่างให้เธอรู้และฟังเธอเท่าที่เธอสบายใจจะเล่าให้เขารู้
หญิงสาวพบว่าแม้เขาจะอายุอ่อนกว่าเธอห้าปีแต่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอในบางเรื่อง อาจเป็นเพราะหน้าที่การงานที่ต้องควบคุมคนที่เขาทำมานานกว่าเธอหรือเพราะความเป็นพี่ชายคนโตของน้องชายอีกสองคนก็ตาม
“เสียดายที่ผมต้องกลับแล้ว ไม่งั้นจะไปเป็นเพื่อนหลิวได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ...เก็บกระเป๋าเสร็จแล้วเหรอคะ”
“ครับ ปกติเวลาจะกลับไปทำงานผมจะตื่นเต้นทุกครั้งเลยนะ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมแฮะ”
“ทำไมคะ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”
“ผมคงจะคิดถึงหลิวมาก”
พศิกายิ้มกับโทรศัพท์
“ผมคิดมาตลอดว่าโชคดีที่ได้งานที่อยากทำแล้วพอไปทำก็ชอบ เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยเข้าใจเวลาพวกรุ่นพี่บอกกลับฝั่งไปเจอหน้าลูกหน้าเมียแล้วไม่อยากกลับมา แต่ตอนนี้ผมว่าผมเริ่มเก็ทนะ”
“เราก็ยังคุยกันได้นี่คะ”
“ก็จริง...แต่มันไม่เหมือนได้เห็นหน้า ถ้าผมทำงานบนฝั่ง เลิกงานเราก็ยังมีโอกาสได้เจอกันทุกวัน แต่บนแท่น เวลาเลิกงานมีแต่ฟ้ากับทะเล ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกบางวัน มันก็เหงาๆเหมือนกัน ผมว่ารอบนี้คงจะเหงากว่าเดิมแน่เลย”
เสียงของเขาไม่ได้เป็นไปในเชิงเกี้ยวให้เธอเขิน แต่มันฟังดูจริงจังจริงใจจนหญิงสาวต้องปลอบ
“สิบห้าวัน แป๊บเดียวเองค่ะ”
“ขอบคุณหลิวที่ให้โอกาสผมนะ ถึงแม้ว่าผมจะมีเวลาทำคะแนนน้อยมาก”
พศิกาหัวเราะกับน้ำเสียงคล้ายเด็กงอแงของเขา
“ไปถึงแล้วต้องทำอะไรบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ”
หลังจากนั้นเธอก็ได้ฟังเขาเล่าถึงขั้นตอนก่อนเดินทาง การเดินทาง การทำงานในแต่ละวัน ตลอดจนเรื่องสนุกๆอื่นๆที่เขาพบเจอมาตลอดการทำงาน เธอพบว่าสามารถฟังเขาเล่าได้อย่างเพลิดเพลินโดยลืมเวลา ลืมเรื่องกังวลใจต่างๆได้ กว่าจะได้เข้านอนก็เกือบล่วงเข้าวันใหม่
กลทีป์เข้าถอยรถเจ้าจอดในซองจอดบริเวณหน้าคอนโดฯ วันนี้ดารินไม่ปฏิเสธเมื่อเขาขอกาแฟสักแก้วก่อนกลับบ้าน เธอเดินนำเขาเข้ามาในห้องที่ตกแต่งเรียบง่าย แทบทุกมุมมีตำราเล่มหนาวางไว้ ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟานุ่มในส่วนรับแขก ขณะที่ดารินเดินเข้าไปเตรียมกาแฟให้เขาในส่วนครัวที่กั้นแยกออกไปติดระเบียง ทางขวาของโถงรับแขกเป็นทางเดินเข้าสู่ห้องนอนที่มีเพียงห้องเดียว ไม่นานหญิงสาวก็ออกมาพร้อมถ้วยกาแฟหอมควันกรุ่น
“จาเป็นไงบ้างครับ”
กลทีปถามเมื่ออีกฝ่ายนั่งลงข้างกัน แขนข้างหนึ่งของเขาวาดไปวางด้านหลังโซฟาขนาดพอดีสองคน
“เข้มแข็งค่ะ ตั้งแต่พวกเราคุยกันวันนั้นก็ไม่ร้องไห้อีกเลย บางวันแวะมาเรียนทำซุปกับหลิวที่ร้านหลังเลิกงาน เห็นว่าช่วงที่ให้คีโมพร้อมกับฉายรังสี อาจจะท้องเสีย อาเจียน ต้องกินอาหารอ่อน”
“พี่พอจะช่วยอะไรได้ไหม”
“รินอาจจะต้องไปโรงพยาบาลแทนจาบ้าง คงต้องขอให้พี่ทีช่วยสอนแทนบางคาบ รินทำสไลด์ไว้หมดแล้ว”
“ได้สิ ไม่มีปัญหาเลย”
“ชีวิตไม่แน่นอนเลยนะคะ พี่ธรยังหนุ่ม กำลังทำงาน ใครจะคิดว่าจู่ๆวันนึงจะเกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา”
“จริงครับ แล้วเรื่องเรียนต่อของจาล่ะ ยังคิดจะไปอีกไหม”
“ตอนนี้เรื่องพี่ธรสำคัญสุด ยังไงคงต้องเลื่อนไปค่ะ”
“อืมม ไปเรียนต่อไปเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้กำลังใจจากคนรอบตัวสำคัญมากๆ ยิ่งมาป่วยในช่วงอายุที่ไม่ควรป่วย ถ้าเป็นพี่คงทำใจลำบากนะ”
ดารินหันมามองชายหนุ่ม นึกเหมือนกันว่าหากเป็นเธอเองก็คงรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน โรงพยาบาลไม่ใช่ที่ที่คนวัยหนุ่มสาวจะไปเลย
“รินไม่ชอบโรงพยาบาล โดยเฉพาะห้องฉุกเฉินเพราะทำให้นึกถึงตอนเด็กๆที่ต้องพาแม่ไปบ่อยๆเวลาพ่อเมาแล้วตีแม่ มันเป็นที่ที่มีแต่ความทุกข์”
กลทีป์วาดวงแขนลงมากอดเธอเอาไว้ หญิงสาวเข้าซุกซบกับอกอุ่นของเขาเมื่อนึกถึงภาพความทรงจำอันเจ็บปวดยามวัยเยาว์
“พี่ไม่มีวันทำแบบนั้นกับริน ไม่เคยคิดและไม่มีวันทำ”
จุมพิตหนักแน่นที่เรือนผมนั้นเหมือนจะย้ำคำสัญญา หญิงสาวเงยหน้าช้อนตามองเขา แววตาหลังแว่นกรอบดำนั้นแน่วแน่มั่นคงเหมือนทุกครั้ง ริมฝีปากอุ่นแนบลงมาที่หน้าผาก เปลือกตาและแก้มนวลทั้งสอง ก่อนจะหยุดอยู่ชิดริมฝีปากสีอ่อนของเธอเหมือนรอคำอนุญาต ดารินหลับตาลงด้วยความเต็มใจ รับริมฝีปากหนาที่ทาบทับลงมาอย่างอ่อนหวาน
เมื่อรับรู้ถึงการขยับตอบรับ กลทีป์ก็เริ่มจูบบดเบียดมากขึ้น ปลายลิ้นเลาะเล็มชิมรสหวานก่อนเข้าไปด้านในโพรงปากนุ่ม ลิ้นของอีกฝ่ายยื่นมาแตะเขาเบาๆ ชายหนุ่มครางรับ เข้าเกี่ยวพันโล้มไล้ โอบรัดร่างในอ้อมแขนแนบเข้าชิดกันมากขึ้น กลทีป์หักห้ามใจถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
“รินน่ารักแบบนี้ พี่จะห้ามใจไม่ไหว รู้ไหมครับ หืมม”
เขาจูบแก้มนวลที่ขึ้นสีแดงก่ำอย่างอดใจไม่ไหวอีกครั้ง คลอเคลียสันจมูกไปทั่วใบหน้าเล็กที่กอบกุมเอาไว้ ดารินไหวสะท้าน ใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา สองสามวันนี้เรื่องราวของจารวีทำให้ได้คิดว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า ความสุขในเวลา ณ ปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้าอีกแล้ว
เธอกอบกุมมือทาบทับมือของเขา ยืดตัวขึ้นจูบที่มุมปากนั้น
“ริน...ก็...ไม่ได้ห้ามนี่คะ”
กลทีป์นิ่งงันกับคำตอบที่คาดไม่ถึง เขารักเธอมานาน ความปรารถนากับเก็บมาเต็มที่ เฝ้าฝันถึงวันนี้มาไม่รู้กี่ครั้ง
“รินรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไร”
“รินไม่ใช่เด็กสาวแล้วนะคะ ต้องรู้สิคะว่าพูดอะไร”
เธอสบตาเขา ในดวงตาไม่มีแววลังเลใจ ชายหนุ่มขยับใบหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง จ้องเขามาในดวงตาสีน้ำตาล
“ตอบพี่สิ รินจะไม่เสียใจแน่นะ”
“ถ้าเป็นพี่ที รินไม่มีวันเสียใจค่ะ”
สิ้นคำตอบเขาก็รวบตัวเธอช้อนขึ้นมาแนบอกพาเดินไปยังประตูห้องนอน ดารินเปิดประตูให้เขาเดินพาเธอตรงไปยังเตียงนอนกว้าง วางเธอลงราบกับฟูกนุ่มและทาบทับลงตามมา ริมฝีปากเผยอเข้าหากันในความมืด มือใหญ่เริ่มสัมผัสไปทั่วเรือนกายเล็ก ขณะที่มือของอีกฝ่ายไล้ไปตามรอยเสื้อเชิ้ต ปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างไม่รีบร้อน กิริยานั้นยิ่งทำให้ความปรารถนาของชายหนุ่มลุกโพลง
เขาคลำสัมผัสจนเจอซิปของชุดเดรส รูดลากลงมาจนพ้นไปจากช่วงขาขาวอมชมพู ยกตัวขึ้นดึงแว่นกรอบดำออกปลดเสื้อเชิ้ตที่อีกฝ่ายปลดกระดุมให้จนหมดเหวี่ยงออกจากตัว กวาดตามองร่างขาวสะคราญในผ้าสองชิ้นสุดท้ายแล้วกดจูบลงที่ซอกคอ ไล่ลงมาจนถึงบ่าลาด เนินเนื้อที่อวบล้นผ้าลูกไม้หอมนุ่ม ตะขอหน้าปลดออกเผยทรวงอกสล้าง หญิงสาวหลับตาหันหน้าซุกกับหมอนอย่างเขินจัด
“ไม่ต้องอาย รินของพี่สวยมาก รู้ไหมครับ”
ชายหนุ่มขยับตัวขึ้นไปกระซิบกอบกุมใบหน้าแดงก่ำให้หันมาสบตากันแล้วจูบเธออีกครั้ง ขยับมือเคลื่อนไหวเล้าโลมก้อนเนื้อนุ่มทั้งสองข้าง เรียกเสียงหวานออกมา เขาจูบเธอหนักขึ้นเมื่อไล้มือสอดลงไปใต้แพนตี้ตัวสวย ขยับนิ้วเคลื่อนไหวกรีดรอยแยกอย่างนุ่มนวล
ดารินรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่างที่ไม่เคยพานพบก่อขึ้นในช่องท้องและยิ่งเพริดไปเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสเปียกชื้นที่ยอดอกทั้งสองข้าง ความอุ่นชื้นที่ไล้เลียอยู่ด้านบนและท้องนิ้วที่สัมผัสด้านล่างทำให้เธอครางออกมา
นิ้วอุ่นที่สอดลึกเข้ามาในตัวทำให้เธอเจ็บคับแน่นในช่วงแรกแต่ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นอารมณ์หวามหวานเมื่อนิ้วนั้นเริ่มขยับเคลื่อนไหวพร้อมริมฝีปากที่ลากไล้เลียไปทั่วทุกอณูกาย ร่างกายเธอแอ่นรับโดยธรรมชาติ รู้สึกคล้ายเข้าใกล้บางอย่างมากขึ้นทุกที จนกระทั่งไขว่คว้าดาวพร่าพรายทั้งที่ยังกอดร่างกำยำเอาไว้แน่น
กลทีป์ยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาบดจูบเธออีกครั้ง ไม่รอให้อีกฝ่ายหายหอบหายใจ ก็คลุกเคล้าคลอเคลียเธออีกครั้ง ทั้งริมฝีปากและมือปลุกเร้าร่างน้อยจนไหวระริก แตะตัวตนของเขาขยับเข้าทีละน้อย จูบและบีบคลึงทรวงอกไปด้วย กระซิบขอเธอไปด้วย ขาขาวขยับแยกอย่างให้ความร่วมมือ หญิงสาวเจ็บและแน่นเล็กน้อยเมื่อเขาเข้ามาจนสุดลำตัว แต่ไม่นานความเจ็บก็เลือนหายกลายเป็นอารมณ์พิศวาสที่เธอเพิ่งเคยรู้จัก
สะโพกหนั่นแน่นเข้าตอกตรึงเป็นจังหวะ ช้าบ้างเร็วบ้างโดยไม่คลายจูบไปจากริมฝีปากเธอ พายุอารมณ์ที่เธอเพิ่งเคยรู้จักในช่องท้องขมวดเกลียวขึ้นอีกครั้ง ได้ยินเสียงแหบห้าวครางอยู่ที่ข้างหูยิ่งหวามไหว ตัวเธอโยกคลอนไปตามการขยับกายเข้าหาของเขา มือสอดประสานแนบแน่น เธอเปล่งเสียงออกมาอย่างเกินยับยั้งใจแบบที่ไม่เคยมาก่อน แล้วไม่นานกลทีป์ก็พาเธอไปเจอหมู่ดาวเป็นประกายระยิบระยับอีกครั้ง ได้ยินเสียงครางกระหึ่มดังตามมาก่อนที่ร่างกำยำจะแนบตัวลงมาทาบทับเคล้าคลอเคลีย
ก่อนหลับไปในคืนนั้นเป็นอีกครั้งที่ดารินรู้สึกว่าฤดูหนาวอันยาวนานในหัวใจได้ละลายหายไปด้วยความอบอุ่นจากคนที่โอบกอดเธอไว้
“ขอบคุณค่ะ หลิวกับรินจะคอยเปลี่ยนกันไปเป็นเพื่อนพี่ธรวันไหนที่จาลางานไม่ได้จริงๆ”
พศิกานั่งอยู่บนเตียงในชุดนอนเนื้อนุ่มพูดผ่านสายโทรศัพท์ถึงอีกฝ่าย คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ชานนท์จะพัก พรุ่งนี้เขาจะไปขึ้นเครื่องไปลงที่นครศรีธรรมราชก่อนต่อเฮลิคอปเตอร์หรือที่ชาวออฟชอร์เช่นพวกเขาเรียกกันติดปากว่า ช็อปเปอร์
ตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มสารภาพความรู้สึก เขาก็เดินหน้าทำความรู้จักเธอแบบที่ประกาศเอาไว้ มารับและส่งถึงร้านในตอนเช้าทำตัวราวกับพนักงานคนหนึ่ง ช่วยเสิร์ฟขนมและเครื่องดื่ม ซื้อมื้อกลางวันมาให้เธอและคอยจนเธอกลับบ้านพาไปกินมื้อเย็นและมาส่งที่คอนโดฯ เขาเป็นตัวของตัวเอง เปิดเผย ตรงไปตรงมา เล่าทุกอย่างให้เธอรู้และฟังเธอเท่าที่เธอสบายใจจะเล่าให้เขารู้
หญิงสาวพบว่าแม้เขาจะอายุอ่อนกว่าเธอห้าปีแต่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอในบางเรื่อง อาจเป็นเพราะหน้าที่การงานที่ต้องควบคุมคนที่เขาทำมานานกว่าเธอหรือเพราะความเป็นพี่ชายคนโตของน้องชายอีกสองคนก็ตาม
“เสียดายที่ผมต้องกลับแล้ว ไม่งั้นจะไปเป็นเพื่อนหลิวได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ...เก็บกระเป๋าเสร็จแล้วเหรอคะ”
“ครับ ปกติเวลาจะกลับไปทำงานผมจะตื่นเต้นทุกครั้งเลยนะ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมแฮะ”
“ทำไมคะ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”
“ผมคงจะคิดถึงหลิวมาก”
พศิกายิ้มกับโทรศัพท์
“ผมคิดมาตลอดว่าโชคดีที่ได้งานที่อยากทำแล้วพอไปทำก็ชอบ เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยเข้าใจเวลาพวกรุ่นพี่บอกกลับฝั่งไปเจอหน้าลูกหน้าเมียแล้วไม่อยากกลับมา แต่ตอนนี้ผมว่าผมเริ่มเก็ทนะ”
“เราก็ยังคุยกันได้นี่คะ”
“ก็จริง...แต่มันไม่เหมือนได้เห็นหน้า ถ้าผมทำงานบนฝั่ง เลิกงานเราก็ยังมีโอกาสได้เจอกันทุกวัน แต่บนแท่น เวลาเลิกงานมีแต่ฟ้ากับทะเล ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกบางวัน มันก็เหงาๆเหมือนกัน ผมว่ารอบนี้คงจะเหงากว่าเดิมแน่เลย”
เสียงของเขาไม่ได้เป็นไปในเชิงเกี้ยวให้เธอเขิน แต่มันฟังดูจริงจังจริงใจจนหญิงสาวต้องปลอบ
“สิบห้าวัน แป๊บเดียวเองค่ะ”
“ขอบคุณหลิวที่ให้โอกาสผมนะ ถึงแม้ว่าผมจะมีเวลาทำคะแนนน้อยมาก”
พศิกาหัวเราะกับน้ำเสียงคล้ายเด็กงอแงของเขา
“ไปถึงแล้วต้องทำอะไรบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ”
หลังจากนั้นเธอก็ได้ฟังเขาเล่าถึงขั้นตอนก่อนเดินทาง การเดินทาง การทำงานในแต่ละวัน ตลอดจนเรื่องสนุกๆอื่นๆที่เขาพบเจอมาตลอดการทำงาน เธอพบว่าสามารถฟังเขาเล่าได้อย่างเพลิดเพลินโดยลืมเวลา ลืมเรื่องกังวลใจต่างๆได้ กว่าจะได้เข้านอนก็เกือบล่วงเข้าวันใหม่
กลทีป์เข้าถอยรถเจ้าจอดในซองจอดบริเวณหน้าคอนโดฯ วันนี้ดารินไม่ปฏิเสธเมื่อเขาขอกาแฟสักแก้วก่อนกลับบ้าน เธอเดินนำเขาเข้ามาในห้องที่ตกแต่งเรียบง่าย แทบทุกมุมมีตำราเล่มหนาวางไว้ ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟานุ่มในส่วนรับแขก ขณะที่ดารินเดินเข้าไปเตรียมกาแฟให้เขาในส่วนครัวที่กั้นแยกออกไปติดระเบียง ทางขวาของโถงรับแขกเป็นทางเดินเข้าสู่ห้องนอนที่มีเพียงห้องเดียว ไม่นานหญิงสาวก็ออกมาพร้อมถ้วยกาแฟหอมควันกรุ่น
“จาเป็นไงบ้างครับ”
กลทีปถามเมื่ออีกฝ่ายนั่งลงข้างกัน แขนข้างหนึ่งของเขาวาดไปวางด้านหลังโซฟาขนาดพอดีสองคน
“เข้มแข็งค่ะ ตั้งแต่พวกเราคุยกันวันนั้นก็ไม่ร้องไห้อีกเลย บางวันแวะมาเรียนทำซุปกับหลิวที่ร้านหลังเลิกงาน เห็นว่าช่วงที่ให้คีโมพร้อมกับฉายรังสี อาจจะท้องเสีย อาเจียน ต้องกินอาหารอ่อน”
“พี่พอจะช่วยอะไรได้ไหม”
“รินอาจจะต้องไปโรงพยาบาลแทนจาบ้าง คงต้องขอให้พี่ทีช่วยสอนแทนบางคาบ รินทำสไลด์ไว้หมดแล้ว”
“ได้สิ ไม่มีปัญหาเลย”
“ชีวิตไม่แน่นอนเลยนะคะ พี่ธรยังหนุ่ม กำลังทำงาน ใครจะคิดว่าจู่ๆวันนึงจะเกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา”
“จริงครับ แล้วเรื่องเรียนต่อของจาล่ะ ยังคิดจะไปอีกไหม”
“ตอนนี้เรื่องพี่ธรสำคัญสุด ยังไงคงต้องเลื่อนไปค่ะ”
“อืมม ไปเรียนต่อไปเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้กำลังใจจากคนรอบตัวสำคัญมากๆ ยิ่งมาป่วยในช่วงอายุที่ไม่ควรป่วย ถ้าเป็นพี่คงทำใจลำบากนะ”
ดารินหันมามองชายหนุ่ม นึกเหมือนกันว่าหากเป็นเธอเองก็คงรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน โรงพยาบาลไม่ใช่ที่ที่คนวัยหนุ่มสาวจะไปเลย
“รินไม่ชอบโรงพยาบาล โดยเฉพาะห้องฉุกเฉินเพราะทำให้นึกถึงตอนเด็กๆที่ต้องพาแม่ไปบ่อยๆเวลาพ่อเมาแล้วตีแม่ มันเป็นที่ที่มีแต่ความทุกข์”
กลทีป์วาดวงแขนลงมากอดเธอเอาไว้ หญิงสาวเข้าซุกซบกับอกอุ่นของเขาเมื่อนึกถึงภาพความทรงจำอันเจ็บปวดยามวัยเยาว์
“พี่ไม่มีวันทำแบบนั้นกับริน ไม่เคยคิดและไม่มีวันทำ”
จุมพิตหนักแน่นที่เรือนผมนั้นเหมือนจะย้ำคำสัญญา หญิงสาวเงยหน้าช้อนตามองเขา แววตาหลังแว่นกรอบดำนั้นแน่วแน่มั่นคงเหมือนทุกครั้ง ริมฝีปากอุ่นแนบลงมาที่หน้าผาก เปลือกตาและแก้มนวลทั้งสอง ก่อนจะหยุดอยู่ชิดริมฝีปากสีอ่อนของเธอเหมือนรอคำอนุญาต ดารินหลับตาลงด้วยความเต็มใจ รับริมฝีปากหนาที่ทาบทับลงมาอย่างอ่อนหวาน
เมื่อรับรู้ถึงการขยับตอบรับ กลทีป์ก็เริ่มจูบบดเบียดมากขึ้น ปลายลิ้นเลาะเล็มชิมรสหวานก่อนเข้าไปด้านในโพรงปากนุ่ม ลิ้นของอีกฝ่ายยื่นมาแตะเขาเบาๆ ชายหนุ่มครางรับ เข้าเกี่ยวพันโล้มไล้ โอบรัดร่างในอ้อมแขนแนบเข้าชิดกันมากขึ้น กลทีป์หักห้ามใจถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
“รินน่ารักแบบนี้ พี่จะห้ามใจไม่ไหว รู้ไหมครับ หืมม”
เขาจูบแก้มนวลที่ขึ้นสีแดงก่ำอย่างอดใจไม่ไหวอีกครั้ง คลอเคลียสันจมูกไปทั่วใบหน้าเล็กที่กอบกุมเอาไว้ ดารินไหวสะท้าน ใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา สองสามวันนี้เรื่องราวของจารวีทำให้ได้คิดว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า ความสุขในเวลา ณ ปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้าอีกแล้ว
เธอกอบกุมมือทาบทับมือของเขา ยืดตัวขึ้นจูบที่มุมปากนั้น
“ริน...ก็...ไม่ได้ห้ามนี่คะ”
กลทีป์นิ่งงันกับคำตอบที่คาดไม่ถึง เขารักเธอมานาน ความปรารถนากับเก็บมาเต็มที่ เฝ้าฝันถึงวันนี้มาไม่รู้กี่ครั้ง
“รินรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไร”
“รินไม่ใช่เด็กสาวแล้วนะคะ ต้องรู้สิคะว่าพูดอะไร”
เธอสบตาเขา ในดวงตาไม่มีแววลังเลใจ ชายหนุ่มขยับใบหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง จ้องเขามาในดวงตาสีน้ำตาล
“ตอบพี่สิ รินจะไม่เสียใจแน่นะ”
“ถ้าเป็นพี่ที รินไม่มีวันเสียใจค่ะ”
สิ้นคำตอบเขาก็รวบตัวเธอช้อนขึ้นมาแนบอกพาเดินไปยังประตูห้องนอน ดารินเปิดประตูให้เขาเดินพาเธอตรงไปยังเตียงนอนกว้าง วางเธอลงราบกับฟูกนุ่มและทาบทับลงตามมา ริมฝีปากเผยอเข้าหากันในความมืด มือใหญ่เริ่มสัมผัสไปทั่วเรือนกายเล็ก ขณะที่มือของอีกฝ่ายไล้ไปตามรอยเสื้อเชิ้ต ปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างไม่รีบร้อน กิริยานั้นยิ่งทำให้ความปรารถนาของชายหนุ่มลุกโพลง
เขาคลำสัมผัสจนเจอซิปของชุดเดรส รูดลากลงมาจนพ้นไปจากช่วงขาขาวอมชมพู ยกตัวขึ้นดึงแว่นกรอบดำออกปลดเสื้อเชิ้ตที่อีกฝ่ายปลดกระดุมให้จนหมดเหวี่ยงออกจากตัว กวาดตามองร่างขาวสะคราญในผ้าสองชิ้นสุดท้ายแล้วกดจูบลงที่ซอกคอ ไล่ลงมาจนถึงบ่าลาด เนินเนื้อที่อวบล้นผ้าลูกไม้หอมนุ่ม ตะขอหน้าปลดออกเผยทรวงอกสล้าง หญิงสาวหลับตาหันหน้าซุกกับหมอนอย่างเขินจัด
“ไม่ต้องอาย รินของพี่สวยมาก รู้ไหมครับ”
ชายหนุ่มขยับตัวขึ้นไปกระซิบกอบกุมใบหน้าแดงก่ำให้หันมาสบตากันแล้วจูบเธออีกครั้ง ขยับมือเคลื่อนไหวเล้าโลมก้อนเนื้อนุ่มทั้งสองข้าง เรียกเสียงหวานออกมา เขาจูบเธอหนักขึ้นเมื่อไล้มือสอดลงไปใต้แพนตี้ตัวสวย ขยับนิ้วเคลื่อนไหวกรีดรอยแยกอย่างนุ่มนวล
ดารินรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่างที่ไม่เคยพานพบก่อขึ้นในช่องท้องและยิ่งเพริดไปเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสเปียกชื้นที่ยอดอกทั้งสองข้าง ความอุ่นชื้นที่ไล้เลียอยู่ด้านบนและท้องนิ้วที่สัมผัสด้านล่างทำให้เธอครางออกมา
นิ้วอุ่นที่สอดลึกเข้ามาในตัวทำให้เธอเจ็บคับแน่นในช่วงแรกแต่ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นอารมณ์หวามหวานเมื่อนิ้วนั้นเริ่มขยับเคลื่อนไหวพร้อมริมฝีปากที่ลากไล้เลียไปทั่วทุกอณูกาย ร่างกายเธอแอ่นรับโดยธรรมชาติ รู้สึกคล้ายเข้าใกล้บางอย่างมากขึ้นทุกที จนกระทั่งไขว่คว้าดาวพร่าพรายทั้งที่ยังกอดร่างกำยำเอาไว้แน่น
กลทีป์ยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาบดจูบเธออีกครั้ง ไม่รอให้อีกฝ่ายหายหอบหายใจ ก็คลุกเคล้าคลอเคลียเธออีกครั้ง ทั้งริมฝีปากและมือปลุกเร้าร่างน้อยจนไหวระริก แตะตัวตนของเขาขยับเข้าทีละน้อย จูบและบีบคลึงทรวงอกไปด้วย กระซิบขอเธอไปด้วย ขาขาวขยับแยกอย่างให้ความร่วมมือ หญิงสาวเจ็บและแน่นเล็กน้อยเมื่อเขาเข้ามาจนสุดลำตัว แต่ไม่นานความเจ็บก็เลือนหายกลายเป็นอารมณ์พิศวาสที่เธอเพิ่งเคยรู้จัก
สะโพกหนั่นแน่นเข้าตอกตรึงเป็นจังหวะ ช้าบ้างเร็วบ้างโดยไม่คลายจูบไปจากริมฝีปากเธอ พายุอารมณ์ที่เธอเพิ่งเคยรู้จักในช่องท้องขมวดเกลียวขึ้นอีกครั้ง ได้ยินเสียงแหบห้าวครางอยู่ที่ข้างหูยิ่งหวามไหว ตัวเธอโยกคลอนไปตามการขยับกายเข้าหาของเขา มือสอดประสานแนบแน่น เธอเปล่งเสียงออกมาอย่างเกินยับยั้งใจแบบที่ไม่เคยมาก่อน แล้วไม่นานกลทีป์ก็พาเธอไปเจอหมู่ดาวเป็นประกายระยิบระยับอีกครั้ง ได้ยินเสียงครางกระหึ่มดังตามมาก่อนที่ร่างกำยำจะแนบตัวลงมาทาบทับเคล้าคลอเคลีย
ก่อนหลับไปในคืนนั้นเป็นอีกครั้งที่ดารินรู้สึกว่าฤดูหนาวอันยาวนานในหัวใจได้ละลายหายไปด้วยความอบอุ่นจากคนที่โอบกอดเธอไว้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ