เรื่องรักสามฤดู
-
เขียนโดย LaVieRosy
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.33 น.
15 ตอน
0 วิจารณ์
6,234 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 16.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) บทที่ 11
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่แก้วกาแฟในมือข้างหนึ่งจะยื่นเข้ามาตามด้วยใบหน้าขาวสะอาดในแว่นตากรอบดำ
“ลาเต้เย็น มอร์นิ่งครับ”
กลทีป์ในเชิ้ตสีฟ้าแขนยาวพับแขนพอดีตัวกับสแล็คสีเทาเข้มเรียบกริบเดินเข้ามาวางแก้วเครื่องดื่มโปรดปรานของเธอบนโต๊ะ
“ขอบคุณค่ะ พี่ที”
ดารินยิ้มรับ กลิ่นหอมสะอาดของเขาทำให้เธอรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มเอียงหน้าเข้ามามองสกรีนจอใหญ่ที่หญิงสาวกำลังจ้องมอง
“ทำงานแต่เช้าเลยเหรอ ขยันจัง”
“วันนี้ต้องส่งคอร์สซิลลิบัสให้ฝ่ายทะเบียน พี่ทีลองดูก่อนไหมคะ ตัวนี้เทอมหน้าเราแบ่งเซ็คกันสอน”
หญิงสาวจะหมุนจอไปแต่ชายหนุ่มรุ่นพี่ก้าวเข้ามาด้านในเสียก่อน เขาค้อมตัวลงมาใกล้ วางมือข้างมือเธอ ส่วนแขนอีกข้างวาดไปวางบนพนักเก้าอี้ที่หญิงสาวนั่ง ดาริน เกร็งตัวขึ้นเล็กน้อย กลิ่นกายหอมสะอาดและไออุ่นจากเรือนกายที่ใกล้ชิดทำให้แก้มเธอร้อนเบาๆ
“อืมม พี่ว่าโอเคแล้วนะ เมื่อวานคืนพี่อ่านดูแล้วคร่าวๆ คิดว่ารินแบ่งเนื้อหาออกมาได้ดีมากเลย ครอบคลุมหมดแล้ว”
เขาหันมาพูดขณะที่ใบหน้ายังอยู่ใกล้ เธอจึงพยักหน้า
“โอเคค่ะ งั้นส่งให้ฝ่ายทะเบียนเลยนะคะ”
“ครับ”
เสียงทุ้มตอบแต่ยังไม่ขยับกายไปไหน จ้องมองใบหน้านวลอยู่แบบนั้น จนเธอหันไปมอง ดวงตาที่อยู่หลังแว่นตากรอบใส เปิดเผยประกายบางอย่างที่ดารินพยายามทำเป็นมองไม่เห็นมานาน ครั้งนี้น่าแปลกว่าเธอไม่อาจหลบสายตานั้นได้ แต่เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทำลายภวังค์นั้นก่อน หญิงสาวกดรับเมื่อเห็นเบอร์ของเพื่อนรัก
“อื้มม หลิว”
“ดินเนอร์กันไหม เย็นนี้ที่ร้าน สั่งร้านลุงกรณ์มากินกัน อยากกินแซ่บๆ”
“โอเค ขากลับไปส่งด้วย เอารถเข้าศูนย์ เดี๋ยวเรียกแกร็บไป”
“ยินดีบริการจ้า เพื่อนรัก เจอกันน้า จุ๊บๆ”
ดารินกดวางสายแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังอยู่ในท่าทางเดิม
“นัดเพื่อนเหรอ ไม่ต้องเรียกแกร็บหรอก พี่เอารถมาเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ รินไปได้ เกรงใจพี่ที”
“ถ้ารินนั่งแกร็บ พี่ก็เป็นห่วงให้รินเกรงใจอยู่ดี ให้พี่ไปส่งเถอะนะ”
หญิงสาวรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะเล็กน้อยตอนได้ยินคำว่า ‘เป็นห่วง’ ของเขา วันนี้เขาเป็นอะไร ดูจะแปลกไปกว่าทุกวัน
“ตกลงตามนี้นะครับ เดี๋ยวบ่ายนี้สอนพี่เรื่องระบบกรอกเกรดอีกทีได้ไหม เมื่อวานยังงงๆอยู่เลย”
“ได้ค่ะ”
“โอเค งั้นกลางวันไปกินข้าวด้วยกันแล้วกลับมาสอนพี่นะ พี่ไปก่อน มีนัดคณบดีเอาไว้ แล้วก่อนเที่ยงจะมาครับ”
เขาตัดบทรวบรัดไม่ให้เธอได้ค้านแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ดารินนั่งนิ่งกับอวลกลิ่นกายของเขาอย่างนั้น
เสียงกระดิ่งแขวนประตูดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้าร้าน ทำให้พนักงานประสานเสียงกันกล่าวต้อนรับ พศิกาที่ส่งมอบเค้กที่ลูกค้าสั่งทำให้เรียบร้อยเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาจึงประสานกับดวงตาคมโตที่มองมาพอดี ชานนท์เดินตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“สวัสดีครับ คุณหลิว”
“สวัสดีค่ะ”
“คนแน่นแต่เช้าเลยนะครับ”
“ช่วงเช้าลูกค้าเยอะหน่อยค่ะ รับอะไรดีคะ”
“อเมริกาโน่เย็นไม่หวานเลยกับแซนวิชแฮมชีสเปิดหน้าสองแผ่นครับ”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“อ้อ...ผมมีของมาให้ครับ”
ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าหูหิ้วที่ดูแล้วเป็นกระเป๋าที่ใส่แล็ปท็อปยกขึ้นมา หยิบขวดโหลขนาดพอดีมือ ผูกริบบิ้นสวยงามบรรจุของเหลวสีเหลืองอำพันออกมายื่นให้หญิงสาว
“ของชำร่วยงานแต่งครับ น้ำผึ้งป่าของชาวบ้านที่บ้านผม”
“ขอบคุณมากค่ะ เกรงใจจัง หลิวไปทำงานให้แท้ๆ”
“ไม่เลยครับ ผมถือว่าคุณหลิวเป็นแขกคนสำคัญคนนึงของงาน ทำให้งานสมบูรณ์แบบมากเลย”
แววตาเขาที่มองมาทำเอาเธอเก้อเขิน
“ผมไม่ต้องเข้าบริษัท คงไม่เป็นไรใช่ไหมครับถ้าจะขอนั่งทำงานที่นี่สักพัก”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เชิญเลือกที่นั่งตามสบายนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
เขายิ้มกว้างไปจนถึงดวงตาให้เธออีกครั้งก่อนจะเดินไปนั่งที่มุมหนึ่งในร้าน พศิกาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมใจถึงเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เธอบอกตัวเองให้รีบทำงาน ไม่นานแซนวิชหน้าเปิดอุ่นร้อนสวยงามกับอเมริกาโน่เย็นก็วางลงที่โต๊ะชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยกับพนักงานสาวที่จำได้ว่าชื่อกระจิบ มองไปทางเค้าท์เตอร์บาร์ที่วางตู้ขนมขนาดใหญ่และตั้งเครื่องชงกาแฟ
“พี่หลิวอยู่ในครัวค่ะ ปกติเช้าๆแบบนี้ ลูกค้าจะสั่งแซนวิชแบบนี้กันมาก พี่หลิวลงมือทำเองทุกชิ้นค่ะ”
กระจิบที่ตัวเล็กกะทัดรัดและคล่องแคล่ว พูดด้วยเสียงเล็กๆราวกับนกกระจิบสมชื่อ ไม่เพียงแต่เสียงหรอกที่คล้ายแต่เธอยังหูไวตาไวเหมือนนกกระจิบด้วย ตั้งแต่วันงานเธอก็สังเกตเห็นว่าลูกค้าหนุ่มหล่อผู้นี้ เฝ้ามองมาที่พศิกาไม่คลาดสายตา เธอทำงานกับพศิกามานาน อยากเห็นเจ้านายสาวผู้ใจดีมีคนดีๆมาดูแล เธอเชื่อว่าเธอมองคนไม่ผิด ชานนท์นั้นปิ๊งเจ้านายของเธอเข้าแล้วแน่แท้
“อ่อ ครับ”
“ทานให้อร่อยนะคะ ต้องการอะไรเพิ่มเรียกพวกเราได้ค่ะ”
สาวร่างเล็กยิ้มแป้นก่อนเดินไปให้บริการลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ ชานนท์ลอบมองเข้าไปด้านใน เนื่องจากร้านออกแบบให้เป็นครัวเปิดมีหน้าต่างใสบานใหญ่ให้มองเห็นการทำงานภายในครัว เขาจึงได้ทานอาหารเช้ารสเยี่ยมพร้อมกับมองพศิกาทำงานอย่างเพลิดเพลินใจ
ดอกกุหลาบสีน้ำเงินช่อใหญ่วางบนโต๊ะทำงานดังเช่นทุกสัปดาห์ที่ผ่านมา จารวีนั่งลงประจำเก้าอี้ทำงานตัวเดิม มองการ์ดที่ติดมากับช่อดอกไม่แสนสวยที่เขียนข้อความเดิมด้วยลายมือที่แสนคุ้นเคย
‘I love you’
หญิงสาวถอนหายใจยาว ตั้งแต่วันที่บอกเลิกวัชรธรก็ส่งดอกกุหลาบสีน้ำเงินช่อใหญ่มาแบบนี้ในวันเดิมของทุกสัปดาห์พร้อมการ์ดที่เขียนข้อความเดิมด้วยลายมือของเขา ดอกกุหลาบสีน้ำเงินที่แปลว่า อดทนรอคอย ปลายนิ้วเรียวของหญิงสาวไล้ที่กลีบนุ่มดั่งกำมะหยี่ ไม่นานโทรศัพท์ก็ดังว่าข้อความเข้า
Watcharatorn: วันนี้พี่มีประชุมบอร์ด อยากกอดขอกำลังใจจากจาเหมือนทุกครั้ง คิดถึงจาทุกวัน
แม้เธอจะตัดการสื่อสารกับเขาทุกช่องทาง แต่อดีตแฟนหนุ่มก็ลงทุนเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ทุกครั้งที่เธอบล็อกเขาและแอดไลน์เข้ามาใหม่เสมอ จนจารวีเลิกบล็อกไปเอง เธอกดอ่านข้อความแต่ไม่ได้ตอบกลับ แต่เขาก็ยังส่งข้อความมาสม่ำเสมอ ราวกับว่าเรื่องระหว่างเธอและเขายังเหมือนเดิม หญิงสาวแกะช่อดอกไม้ หยิบแจกันทรงกระบอกใสใบใหญ่ด้านหลังโต๊ะทำงานมาเติมน้ำแล้วค่อยๆเรียงกุหลาบดอกใหญ่ลงไปทีละดอก
...ดอกไม้ในแจกัน...นั่นคือสิ่งที่เขาอยากให้เธอเป็น แต่เธออยากเป็นเพียงดอกไม้ที่โตขึ้นจากพื้นดิน เติบโตตามอิสระได้เต็มที่...ไม่ใช่ดอกไม้ในแจกันแก้วของเขาอย่างที่เขาอยากให้เป็น...
วัชรธรยืนมองโทรศัพท์หลังได้รับรายงานจากผู้ช่วยส่วนตัวดังทุกๆสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ดอกกุหลาบช่อโตคัดพิเศษ ส่งตรงถึงมือผู้รับเรียบร้อยจึงส่งข้อความไปหาคนรับดอกไม้ เช่นเคย ฝั่งนั้นอ่านแต่ไม่เคยตอบกลับ
เขาถอนใจยาว มองภาพเมืองกรุงยามเช้าอย่างเลื่อนลอยจากห้องทำงานอันโอ่โถงกว้างขวางบนตึกสูงทันสมัยใจกลางย่านธุรกิจ เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน คิดถึงน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้างดงามอ่อนหวาน รอยยิ้มพิมพ์ใจ เสียงหัวเราะอันสดใส เรือนกายนุ่มเนียนที่เคยกอดแนบอก คิดถึง...จับหัวใจ...
ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆในบ้านริมคลองเต็มไปด้วยผู้คนยามเที่ยง ดารินไม่เคยรู้เลยว่าจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยบรรยากาศดีแบบนี้ใกล้ที่ทำงานจนวันนี้ที่กลทีป์พาเธอเลี้ยวรถออกจากมหาวิทยาลัยมา
‘ไม่รู้ว่าพี่ทีจะพามาข้างนอก จะได้ชวนวุฒิด้วย’
เธอกล่าวขึ้นเมื่อเขาพาเธอออกมาพ้นรั้วสถาบัน
‘พี่อยากกินกับรินแค่สองคน’
คำตอบสั้นๆและสายตาที่เปิดเผยที่มองตรงมา ทำเอาเธอพูดอะไรไม่ออกได้แต่เงียบมาตลอดทาง
“ต่ออีกชามไหม”
ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามถามเมื่อเธอกวาดวุ้นเส้นต้มยำแห้งชามที่สองเข้าปากคำสุดท้าย เธอโบกมือดูดชามะนาวรสเข้มข้นชื่นใจตบท้าย
“พี่ทีรู้จักที่นี่ได้ไงคะ รินทำงานมาตั้งนานไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่ามีร้านเด็ดขนาดนี้อยู่ใกล้ๆ”
“บางอย่างที่ไม่รู้ ก็ใช่ว่าจะไม่มี”
ดารินนิ่ง สัญญาณบางอย่างดังเตือนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“พี่กลับมาเมืองไทยเพราะเพื่อนรักคนนึง รถคว่ำตาย”
ชายหนุ่มสบตาเธอผ่านแว่นใส เมื่อกล่าวต่อ
“เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม รู้จักกันเหมือนเป็นครอบครัว เขาเป็นเหมือนอวัยวะนึงในร่างกายพี่ พี่บอกกับเขาว่าจะกลับมา จะกลับมาแล้วเราจะไปกางเต้นท์เข้าป่ากันอย่างที่เคยออกค่ายด้วยกันสมัยเรียน แต่พี่ก็ไม่ได้กลับซะที คิดว่ายังไงก็ยังมีเวลาอีกนาน ก่อนวันที่รถคว่ำเขาโทรมาบอกพี่ว่าจะแต่งงาน อยากให้พี่หาเวลากลับมาไปกางเต้นท์เข้าป่าด้วยกันก่อนสักครั้ง เพราะแต่งงานแล้วก็จะมีลูกเลย ไม่รู้จะได้เที่ยวแบบหนุ่มโสดอีกเมื่อไหร่ ครั้งนี้พี่ตั้งใจว่าต้องกลับมาให้ได้แต่เช้าขึ้นมา ก็สายไปแล้ว”
หญิงสาวรับรู้ถึงความเจ็บปวดในน้ำเสียง
“เสียใจด้วยนะคะ พี่ที”
“การจากลากันแบบกะทันหัน ไม่ได้บอกลากันแบบนี้ ทำให้พี่ได้มาคิดทบทวนอะไรได้หลายอย่างและหนึ่งในนั้นที่คิดขึ้นมาคือริน”
มืออบอุ่นของเขาแตะที่หลังมือขาวกระจ่าง
“มันอาจจะไม่โรแมนติก ไม่เหมาะ ไม่ใช่เวลา พี่คิดว่ารินพอรู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับรินมาตลอดตั้งแต่ตอนที่เราเรียนที่นู่นด้วยกัน พี่ยอมรับว่าขี้ขลาด ไม่กล้าพูดออกมาเพราะกลัวว่าจะเสียความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเราไป แต่พี่เรียนรู้ว่า ชีวิตมันสั้นได้จริงๆแบบที่เราไม่คาดคิด พี่ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว ถ้ารินไม่มีใครในใจ ขอโอกาสให้เราได้ลองคบกันดูได้ไหมครับ”
นาทีนั้นเสียงจ้อกแจ้กจอแจในร้านก๋วยเตี๋ยวเงียบเหมือนมีใครมากดรีโมทหยุดเวลา มีเพียงลมเย็นโชยพัดอ่อนจากคลองเล็กๆ กับเขาและเธอที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“พี่ชอบรินมาก ชอบมานานแล้ว ชอบมากจริงๆ”
“กรี๊ดดดดดดดดดด”
“อร๊ายยยยยยยยยย”
พศิกาและจารวีประสานเสียงกันลั่นหลังจากดารินเล่าจบ
ทั้งสามอยู่ในครัวใหญ่ของพศิกาที่เปิดไฟสว่างอยู่เพียงห้องเดียวในร้านยามค่ำ นั่งล้อมวงตรงมุมไอร์แลนด์ตัวใหญ่กินมื้อเย็นเป็นส้มตำไก่ทอดแกล้มเบียร์กระป๋องตามคำชวนของเจ้าของร้าน ดารินยกมือขึ้นมาอุดหูบรรเทาเสียงที่แหลมของเพื่อนสาวและข่มความอาย
“แล้วแกตอบไปว่าไงๆๆๆ”
พศิกาเข้ามาเขย่าแขน ในขณะที่จารวีขยับหน้าเข้ามาชิดรอคำตอบ
“ค่ะ”
ดารินอ้อมแอ้มออกมาเสียงเบา เท่านั้นเสียงกรี๊ดของเพื่อนสนิททั้งสองก็ดังประสานกันลั่นอีกรอบ
“ในที่สุด เจ้าหญิงหิมะก็ยอมเปิดประตูปราสาทอีกรอบ ชนนน”
ดารินยิ้มส่ายหัวกับท่าทีดีอกดีใจของเพื่อนทั้งสองแต่ก็ชนกระป๋องเบียร์เย็นฉ่ำแล้วยกขึ้นดื่ม
“ริน เรารู้ว่าแกยังฝังใจกับอดีต แต่คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าเอาอดีตมาตัดสินอนาคต มีความสุขให้เต็มที่นะ”
จารวีวาดไหล่โอบกอดเพื่อนรัก พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่จริงจัง
“ใช่ พวกเราดีใจนะที่แกเปิดใจสักที”
พศิกาที่ตอนนี้กระโดดขึ้นไปนั่งบนไอร์แลนด์สำทับ
ดารินยิ้ม ชนกระป๋องเบียร์กับเพื่อนสองคนอีกครั้ง จะเป็นไรไปถ้าจะลองดูอีกสักครั้ง ให้โอกาสตัวเองได้คว้าความสุขเอาไว้ อย่างน้อยที่สุดหากเธอจะต้องเจ็บอีกครั้ง ก็ยังมีความทรงจำดีๆให้นึกถึง
จารวีและพศิกายืนโบกไม้โบกมือลาพร้อมยิ้มกว้างให้ดารินที่อยู่บนรถของกลทีป์ หลังจากแนะนำตัวพูดคุยฝากฝังเพื่อนสาวกันอยู่นานสองนาน ดารินต้องตัดบทชวนกลทีป์กลับก่อนเพื่อนที่กำลัง ‘กรึ่ม’ กันได้ที่จะยิ่งพูดอะไรไปมากกว่านี้
“เพื่อนรินน่ารักดีนะครับ วันหลังต้องมาลองกินขนมที่นี่บ้าง”
“มาสิคะ ร้านหลิวมีขนมไทยหลายอย่างที่พี่ทีชอบด้วยนะ”
คนที่กำลังขับรถยิ้ม หันไปมองคนที่ตอนนี้แก้มแดงระเรื่อและดูจะร่าเริงเป็นพิเศษ
“รินรู้ด้วยเหรอว่าพี่ชอบกินอะไร ดีใจนะเนี่ย”
“ก็แอบเห็นพี่ทีหยิบแต่ขนมไทยเวลาที่เราเจอกันนี่คะ”
จะเพราะแอลกอฮอล์ในเลือดหรือเพราะความรู้สึกในใจที่ที่ทำให้ดารินพูดออกไปแบบนั้นก็สุดรู้
“พี่ที ยังเคยบอกด้วย ว่าไม่ชอบขนมฝรั่ง เบื่อแล้ว จะก็ตอนกันตายอย่างแซนวิชเศษผักปอนด์นึงที่แคนทีน”
ดารินพูดไป หยุดไป แอลกอฮอล์ดูจะกำลังออกฤทธิ์เต็มที่ กลทีป์จอดรถตรงหน้าคอนโดฯพอดี สามสาวเพื่อนซี้ ต่างพร้อมใจกันมาหาซื้อที่พักใกล้กับร้านของพศิกาที่เป็นศูนย์รวมตัวของกลุ่ม
“รินจำได้ด้วยเหรอว่าพี่เคยพูดอะไรบ้าง จำอะไรได้อีกไหนเล่าสิครับ”
ชายหนุ่มดีใจเหลือเกินที่ที่ยินเธอพูดถึงเขา
“ขึ้นไปกินกาแฟก่อนไหมคะ จะได้คุยกันนานๆ”
ดวงตากลมนั้นมองเขาเป็นประกายตอนกล่าวคำเชื้อเชิญ เขาเป็นผู้ชายที่ยังหนุ่มแน่น มีเลือดเนื้อมีความต้องการ ถ้าขึ้นไปก็คงไม่ได้กินแค่กาแฟอย่างเดียว หญิงสาวกำลังตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และเขาไม่ควรเอาเปรียบ
“วันนี้ดึกแล้ว พรุ่งนี้เรามีประชุมเช้า ครั้งหน้าพี่ค่อยขึ้นไปนะครับ”
มือเขาวางบนศีรษะทุยโยกเบาๆ
“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่งแล้วยังคอยรับกลับ ถึงบ้านแล้วโทรมานะคะ รินจะรอ”
“ครับ”
ดารินยืนส่ง จนเมื่อรถเขาลับสายตา ดวงตาที่หยาดเยิ้มเหมือนคนที่อยู่ใต้ฤทธิ์เครื่องดื่มมึนเมาก็กลับมาใสตามปกติพร้อมรอยยิ้ม เบียร์แค่สามกระป๋องทำอะไรเธอไม่ได้หรอก แต่ทดสอบอะไรบางอย่างได้
พศิกาเดินเช็ดผมออกมาหลังจากอาบน้ำ เธอมีห้องเล็กๆเอาไว้นอนค้างด้านหลังสุดของร้านในบางวันที่ลองทำขนมจนดึกหรือดื่มกับเพื่อนเช่นวันนี้ จารวีนั่งลูบกลีบดอกกุหลาบดอกโตสีน้ำเงินอย่างเหม่อลอย พวกเธอทั้งสามไม่เคยปิดบังอะไรกัน ตั้งแต่วันที่อดีตคนรักของเพื่อนส่งดอกไม้มาให้ เย็นนั้นจารวีก็จะหอบแจกันใบใหญ่มาวางไว้ที่ร้านเธอทุกครั้ง
‘อยู่ออฟฟิศไม่มีประโยชน์หรอก ไม่มีใครมอง อยู่ที่ร้านแกดีกว่า’
“จา ไม่ค้างจริงๆเหรอ พรุ่งนี้เราไปส่งแกได้นะ”
เพื่อนรักส่ายหน้า เธอรู้หรอกว่าเช้าๆนั้นพศิกายุ่งแค่ไหน
“เรียกแกร็บแล้ว พรุ่งนี้เราต้องไปโรงงานแต่เช้าด้วย แกพักเถอะ รถมาถึงพอดีเลย”
เจ้าของคาเฟ่สาวเดินโอบกอดเพื่อนรักออกมาส่ง แต่กลับเจอใครบางคนที่ทั้งคู่ไม่คาดคิด
“พี่ธร”
“ลาเต้เย็น มอร์นิ่งครับ”
กลทีป์ในเชิ้ตสีฟ้าแขนยาวพับแขนพอดีตัวกับสแล็คสีเทาเข้มเรียบกริบเดินเข้ามาวางแก้วเครื่องดื่มโปรดปรานของเธอบนโต๊ะ
“ขอบคุณค่ะ พี่ที”
ดารินยิ้มรับ กลิ่นหอมสะอาดของเขาทำให้เธอรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มเอียงหน้าเข้ามามองสกรีนจอใหญ่ที่หญิงสาวกำลังจ้องมอง
“ทำงานแต่เช้าเลยเหรอ ขยันจัง”
“วันนี้ต้องส่งคอร์สซิลลิบัสให้ฝ่ายทะเบียน พี่ทีลองดูก่อนไหมคะ ตัวนี้เทอมหน้าเราแบ่งเซ็คกันสอน”
หญิงสาวจะหมุนจอไปแต่ชายหนุ่มรุ่นพี่ก้าวเข้ามาด้านในเสียก่อน เขาค้อมตัวลงมาใกล้ วางมือข้างมือเธอ ส่วนแขนอีกข้างวาดไปวางบนพนักเก้าอี้ที่หญิงสาวนั่ง ดาริน เกร็งตัวขึ้นเล็กน้อย กลิ่นกายหอมสะอาดและไออุ่นจากเรือนกายที่ใกล้ชิดทำให้แก้มเธอร้อนเบาๆ
“อืมม พี่ว่าโอเคแล้วนะ เมื่อวานคืนพี่อ่านดูแล้วคร่าวๆ คิดว่ารินแบ่งเนื้อหาออกมาได้ดีมากเลย ครอบคลุมหมดแล้ว”
เขาหันมาพูดขณะที่ใบหน้ายังอยู่ใกล้ เธอจึงพยักหน้า
“โอเคค่ะ งั้นส่งให้ฝ่ายทะเบียนเลยนะคะ”
“ครับ”
เสียงทุ้มตอบแต่ยังไม่ขยับกายไปไหน จ้องมองใบหน้านวลอยู่แบบนั้น จนเธอหันไปมอง ดวงตาที่อยู่หลังแว่นตากรอบใส เปิดเผยประกายบางอย่างที่ดารินพยายามทำเป็นมองไม่เห็นมานาน ครั้งนี้น่าแปลกว่าเธอไม่อาจหลบสายตานั้นได้ แต่เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทำลายภวังค์นั้นก่อน หญิงสาวกดรับเมื่อเห็นเบอร์ของเพื่อนรัก
“อื้มม หลิว”
“ดินเนอร์กันไหม เย็นนี้ที่ร้าน สั่งร้านลุงกรณ์มากินกัน อยากกินแซ่บๆ”
“โอเค ขากลับไปส่งด้วย เอารถเข้าศูนย์ เดี๋ยวเรียกแกร็บไป”
“ยินดีบริการจ้า เพื่อนรัก เจอกันน้า จุ๊บๆ”
ดารินกดวางสายแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังอยู่ในท่าทางเดิม
“นัดเพื่อนเหรอ ไม่ต้องเรียกแกร็บหรอก พี่เอารถมาเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ รินไปได้ เกรงใจพี่ที”
“ถ้ารินนั่งแกร็บ พี่ก็เป็นห่วงให้รินเกรงใจอยู่ดี ให้พี่ไปส่งเถอะนะ”
หญิงสาวรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะเล็กน้อยตอนได้ยินคำว่า ‘เป็นห่วง’ ของเขา วันนี้เขาเป็นอะไร ดูจะแปลกไปกว่าทุกวัน
“ตกลงตามนี้นะครับ เดี๋ยวบ่ายนี้สอนพี่เรื่องระบบกรอกเกรดอีกทีได้ไหม เมื่อวานยังงงๆอยู่เลย”
“ได้ค่ะ”
“โอเค งั้นกลางวันไปกินข้าวด้วยกันแล้วกลับมาสอนพี่นะ พี่ไปก่อน มีนัดคณบดีเอาไว้ แล้วก่อนเที่ยงจะมาครับ”
เขาตัดบทรวบรัดไม่ให้เธอได้ค้านแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ดารินนั่งนิ่งกับอวลกลิ่นกายของเขาอย่างนั้น
เสียงกระดิ่งแขวนประตูดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้าร้าน ทำให้พนักงานประสานเสียงกันกล่าวต้อนรับ พศิกาที่ส่งมอบเค้กที่ลูกค้าสั่งทำให้เรียบร้อยเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาจึงประสานกับดวงตาคมโตที่มองมาพอดี ชานนท์เดินตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“สวัสดีครับ คุณหลิว”
“สวัสดีค่ะ”
“คนแน่นแต่เช้าเลยนะครับ”
“ช่วงเช้าลูกค้าเยอะหน่อยค่ะ รับอะไรดีคะ”
“อเมริกาโน่เย็นไม่หวานเลยกับแซนวิชแฮมชีสเปิดหน้าสองแผ่นครับ”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“อ้อ...ผมมีของมาให้ครับ”
ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าหูหิ้วที่ดูแล้วเป็นกระเป๋าที่ใส่แล็ปท็อปยกขึ้นมา หยิบขวดโหลขนาดพอดีมือ ผูกริบบิ้นสวยงามบรรจุของเหลวสีเหลืองอำพันออกมายื่นให้หญิงสาว
“ของชำร่วยงานแต่งครับ น้ำผึ้งป่าของชาวบ้านที่บ้านผม”
“ขอบคุณมากค่ะ เกรงใจจัง หลิวไปทำงานให้แท้ๆ”
“ไม่เลยครับ ผมถือว่าคุณหลิวเป็นแขกคนสำคัญคนนึงของงาน ทำให้งานสมบูรณ์แบบมากเลย”
แววตาเขาที่มองมาทำเอาเธอเก้อเขิน
“ผมไม่ต้องเข้าบริษัท คงไม่เป็นไรใช่ไหมครับถ้าจะขอนั่งทำงานที่นี่สักพัก”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เชิญเลือกที่นั่งตามสบายนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
เขายิ้มกว้างไปจนถึงดวงตาให้เธออีกครั้งก่อนจะเดินไปนั่งที่มุมหนึ่งในร้าน พศิกาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมใจถึงเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เธอบอกตัวเองให้รีบทำงาน ไม่นานแซนวิชหน้าเปิดอุ่นร้อนสวยงามกับอเมริกาโน่เย็นก็วางลงที่โต๊ะชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยกับพนักงานสาวที่จำได้ว่าชื่อกระจิบ มองไปทางเค้าท์เตอร์บาร์ที่วางตู้ขนมขนาดใหญ่และตั้งเครื่องชงกาแฟ
“พี่หลิวอยู่ในครัวค่ะ ปกติเช้าๆแบบนี้ ลูกค้าจะสั่งแซนวิชแบบนี้กันมาก พี่หลิวลงมือทำเองทุกชิ้นค่ะ”
กระจิบที่ตัวเล็กกะทัดรัดและคล่องแคล่ว พูดด้วยเสียงเล็กๆราวกับนกกระจิบสมชื่อ ไม่เพียงแต่เสียงหรอกที่คล้ายแต่เธอยังหูไวตาไวเหมือนนกกระจิบด้วย ตั้งแต่วันงานเธอก็สังเกตเห็นว่าลูกค้าหนุ่มหล่อผู้นี้ เฝ้ามองมาที่พศิกาไม่คลาดสายตา เธอทำงานกับพศิกามานาน อยากเห็นเจ้านายสาวผู้ใจดีมีคนดีๆมาดูแล เธอเชื่อว่าเธอมองคนไม่ผิด ชานนท์นั้นปิ๊งเจ้านายของเธอเข้าแล้วแน่แท้
“อ่อ ครับ”
“ทานให้อร่อยนะคะ ต้องการอะไรเพิ่มเรียกพวกเราได้ค่ะ”
สาวร่างเล็กยิ้มแป้นก่อนเดินไปให้บริการลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ ชานนท์ลอบมองเข้าไปด้านใน เนื่องจากร้านออกแบบให้เป็นครัวเปิดมีหน้าต่างใสบานใหญ่ให้มองเห็นการทำงานภายในครัว เขาจึงได้ทานอาหารเช้ารสเยี่ยมพร้อมกับมองพศิกาทำงานอย่างเพลิดเพลินใจ
ดอกกุหลาบสีน้ำเงินช่อใหญ่วางบนโต๊ะทำงานดังเช่นทุกสัปดาห์ที่ผ่านมา จารวีนั่งลงประจำเก้าอี้ทำงานตัวเดิม มองการ์ดที่ติดมากับช่อดอกไม่แสนสวยที่เขียนข้อความเดิมด้วยลายมือที่แสนคุ้นเคย
‘I love you’
หญิงสาวถอนหายใจยาว ตั้งแต่วันที่บอกเลิกวัชรธรก็ส่งดอกกุหลาบสีน้ำเงินช่อใหญ่มาแบบนี้ในวันเดิมของทุกสัปดาห์พร้อมการ์ดที่เขียนข้อความเดิมด้วยลายมือของเขา ดอกกุหลาบสีน้ำเงินที่แปลว่า อดทนรอคอย ปลายนิ้วเรียวของหญิงสาวไล้ที่กลีบนุ่มดั่งกำมะหยี่ ไม่นานโทรศัพท์ก็ดังว่าข้อความเข้า
Watcharatorn: วันนี้พี่มีประชุมบอร์ด อยากกอดขอกำลังใจจากจาเหมือนทุกครั้ง คิดถึงจาทุกวัน
แม้เธอจะตัดการสื่อสารกับเขาทุกช่องทาง แต่อดีตแฟนหนุ่มก็ลงทุนเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ทุกครั้งที่เธอบล็อกเขาและแอดไลน์เข้ามาใหม่เสมอ จนจารวีเลิกบล็อกไปเอง เธอกดอ่านข้อความแต่ไม่ได้ตอบกลับ แต่เขาก็ยังส่งข้อความมาสม่ำเสมอ ราวกับว่าเรื่องระหว่างเธอและเขายังเหมือนเดิม หญิงสาวแกะช่อดอกไม้ หยิบแจกันทรงกระบอกใสใบใหญ่ด้านหลังโต๊ะทำงานมาเติมน้ำแล้วค่อยๆเรียงกุหลาบดอกใหญ่ลงไปทีละดอก
...ดอกไม้ในแจกัน...นั่นคือสิ่งที่เขาอยากให้เธอเป็น แต่เธออยากเป็นเพียงดอกไม้ที่โตขึ้นจากพื้นดิน เติบโตตามอิสระได้เต็มที่...ไม่ใช่ดอกไม้ในแจกันแก้วของเขาอย่างที่เขาอยากให้เป็น...
วัชรธรยืนมองโทรศัพท์หลังได้รับรายงานจากผู้ช่วยส่วนตัวดังทุกๆสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ดอกกุหลาบช่อโตคัดพิเศษ ส่งตรงถึงมือผู้รับเรียบร้อยจึงส่งข้อความไปหาคนรับดอกไม้ เช่นเคย ฝั่งนั้นอ่านแต่ไม่เคยตอบกลับ
เขาถอนใจยาว มองภาพเมืองกรุงยามเช้าอย่างเลื่อนลอยจากห้องทำงานอันโอ่โถงกว้างขวางบนตึกสูงทันสมัยใจกลางย่านธุรกิจ เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน คิดถึงน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้างดงามอ่อนหวาน รอยยิ้มพิมพ์ใจ เสียงหัวเราะอันสดใส เรือนกายนุ่มเนียนที่เคยกอดแนบอก คิดถึง...จับหัวใจ...
ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆในบ้านริมคลองเต็มไปด้วยผู้คนยามเที่ยง ดารินไม่เคยรู้เลยว่าจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยบรรยากาศดีแบบนี้ใกล้ที่ทำงานจนวันนี้ที่กลทีป์พาเธอเลี้ยวรถออกจากมหาวิทยาลัยมา
‘ไม่รู้ว่าพี่ทีจะพามาข้างนอก จะได้ชวนวุฒิด้วย’
เธอกล่าวขึ้นเมื่อเขาพาเธอออกมาพ้นรั้วสถาบัน
‘พี่อยากกินกับรินแค่สองคน’
คำตอบสั้นๆและสายตาที่เปิดเผยที่มองตรงมา ทำเอาเธอพูดอะไรไม่ออกได้แต่เงียบมาตลอดทาง
“ต่ออีกชามไหม”
ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามถามเมื่อเธอกวาดวุ้นเส้นต้มยำแห้งชามที่สองเข้าปากคำสุดท้าย เธอโบกมือดูดชามะนาวรสเข้มข้นชื่นใจตบท้าย
“พี่ทีรู้จักที่นี่ได้ไงคะ รินทำงานมาตั้งนานไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่ามีร้านเด็ดขนาดนี้อยู่ใกล้ๆ”
“บางอย่างที่ไม่รู้ ก็ใช่ว่าจะไม่มี”
ดารินนิ่ง สัญญาณบางอย่างดังเตือนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“พี่กลับมาเมืองไทยเพราะเพื่อนรักคนนึง รถคว่ำตาย”
ชายหนุ่มสบตาเธอผ่านแว่นใส เมื่อกล่าวต่อ
“เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม รู้จักกันเหมือนเป็นครอบครัว เขาเป็นเหมือนอวัยวะนึงในร่างกายพี่ พี่บอกกับเขาว่าจะกลับมา จะกลับมาแล้วเราจะไปกางเต้นท์เข้าป่ากันอย่างที่เคยออกค่ายด้วยกันสมัยเรียน แต่พี่ก็ไม่ได้กลับซะที คิดว่ายังไงก็ยังมีเวลาอีกนาน ก่อนวันที่รถคว่ำเขาโทรมาบอกพี่ว่าจะแต่งงาน อยากให้พี่หาเวลากลับมาไปกางเต้นท์เข้าป่าด้วยกันก่อนสักครั้ง เพราะแต่งงานแล้วก็จะมีลูกเลย ไม่รู้จะได้เที่ยวแบบหนุ่มโสดอีกเมื่อไหร่ ครั้งนี้พี่ตั้งใจว่าต้องกลับมาให้ได้แต่เช้าขึ้นมา ก็สายไปแล้ว”
หญิงสาวรับรู้ถึงความเจ็บปวดในน้ำเสียง
“เสียใจด้วยนะคะ พี่ที”
“การจากลากันแบบกะทันหัน ไม่ได้บอกลากันแบบนี้ ทำให้พี่ได้มาคิดทบทวนอะไรได้หลายอย่างและหนึ่งในนั้นที่คิดขึ้นมาคือริน”
มืออบอุ่นของเขาแตะที่หลังมือขาวกระจ่าง
“มันอาจจะไม่โรแมนติก ไม่เหมาะ ไม่ใช่เวลา พี่คิดว่ารินพอรู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับรินมาตลอดตั้งแต่ตอนที่เราเรียนที่นู่นด้วยกัน พี่ยอมรับว่าขี้ขลาด ไม่กล้าพูดออกมาเพราะกลัวว่าจะเสียความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเราไป แต่พี่เรียนรู้ว่า ชีวิตมันสั้นได้จริงๆแบบที่เราไม่คาดคิด พี่ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว ถ้ารินไม่มีใครในใจ ขอโอกาสให้เราได้ลองคบกันดูได้ไหมครับ”
นาทีนั้นเสียงจ้อกแจ้กจอแจในร้านก๋วยเตี๋ยวเงียบเหมือนมีใครมากดรีโมทหยุดเวลา มีเพียงลมเย็นโชยพัดอ่อนจากคลองเล็กๆ กับเขาและเธอที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“พี่ชอบรินมาก ชอบมานานแล้ว ชอบมากจริงๆ”
“กรี๊ดดดดดดดดดด”
“อร๊ายยยยยยยยยย”
พศิกาและจารวีประสานเสียงกันลั่นหลังจากดารินเล่าจบ
ทั้งสามอยู่ในครัวใหญ่ของพศิกาที่เปิดไฟสว่างอยู่เพียงห้องเดียวในร้านยามค่ำ นั่งล้อมวงตรงมุมไอร์แลนด์ตัวใหญ่กินมื้อเย็นเป็นส้มตำไก่ทอดแกล้มเบียร์กระป๋องตามคำชวนของเจ้าของร้าน ดารินยกมือขึ้นมาอุดหูบรรเทาเสียงที่แหลมของเพื่อนสาวและข่มความอาย
“แล้วแกตอบไปว่าไงๆๆๆ”
พศิกาเข้ามาเขย่าแขน ในขณะที่จารวีขยับหน้าเข้ามาชิดรอคำตอบ
“ค่ะ”
ดารินอ้อมแอ้มออกมาเสียงเบา เท่านั้นเสียงกรี๊ดของเพื่อนสนิททั้งสองก็ดังประสานกันลั่นอีกรอบ
“ในที่สุด เจ้าหญิงหิมะก็ยอมเปิดประตูปราสาทอีกรอบ ชนนน”
ดารินยิ้มส่ายหัวกับท่าทีดีอกดีใจของเพื่อนทั้งสองแต่ก็ชนกระป๋องเบียร์เย็นฉ่ำแล้วยกขึ้นดื่ม
“ริน เรารู้ว่าแกยังฝังใจกับอดีต แต่คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าเอาอดีตมาตัดสินอนาคต มีความสุขให้เต็มที่นะ”
จารวีวาดไหล่โอบกอดเพื่อนรัก พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่จริงจัง
“ใช่ พวกเราดีใจนะที่แกเปิดใจสักที”
พศิกาที่ตอนนี้กระโดดขึ้นไปนั่งบนไอร์แลนด์สำทับ
ดารินยิ้ม ชนกระป๋องเบียร์กับเพื่อนสองคนอีกครั้ง จะเป็นไรไปถ้าจะลองดูอีกสักครั้ง ให้โอกาสตัวเองได้คว้าความสุขเอาไว้ อย่างน้อยที่สุดหากเธอจะต้องเจ็บอีกครั้ง ก็ยังมีความทรงจำดีๆให้นึกถึง
จารวีและพศิกายืนโบกไม้โบกมือลาพร้อมยิ้มกว้างให้ดารินที่อยู่บนรถของกลทีป์ หลังจากแนะนำตัวพูดคุยฝากฝังเพื่อนสาวกันอยู่นานสองนาน ดารินต้องตัดบทชวนกลทีป์กลับก่อนเพื่อนที่กำลัง ‘กรึ่ม’ กันได้ที่จะยิ่งพูดอะไรไปมากกว่านี้
“เพื่อนรินน่ารักดีนะครับ วันหลังต้องมาลองกินขนมที่นี่บ้าง”
“มาสิคะ ร้านหลิวมีขนมไทยหลายอย่างที่พี่ทีชอบด้วยนะ”
คนที่กำลังขับรถยิ้ม หันไปมองคนที่ตอนนี้แก้มแดงระเรื่อและดูจะร่าเริงเป็นพิเศษ
“รินรู้ด้วยเหรอว่าพี่ชอบกินอะไร ดีใจนะเนี่ย”
“ก็แอบเห็นพี่ทีหยิบแต่ขนมไทยเวลาที่เราเจอกันนี่คะ”
จะเพราะแอลกอฮอล์ในเลือดหรือเพราะความรู้สึกในใจที่ที่ทำให้ดารินพูดออกไปแบบนั้นก็สุดรู้
“พี่ที ยังเคยบอกด้วย ว่าไม่ชอบขนมฝรั่ง เบื่อแล้ว จะก็ตอนกันตายอย่างแซนวิชเศษผักปอนด์นึงที่แคนทีน”
ดารินพูดไป หยุดไป แอลกอฮอล์ดูจะกำลังออกฤทธิ์เต็มที่ กลทีป์จอดรถตรงหน้าคอนโดฯพอดี สามสาวเพื่อนซี้ ต่างพร้อมใจกันมาหาซื้อที่พักใกล้กับร้านของพศิกาที่เป็นศูนย์รวมตัวของกลุ่ม
“รินจำได้ด้วยเหรอว่าพี่เคยพูดอะไรบ้าง จำอะไรได้อีกไหนเล่าสิครับ”
ชายหนุ่มดีใจเหลือเกินที่ที่ยินเธอพูดถึงเขา
“ขึ้นไปกินกาแฟก่อนไหมคะ จะได้คุยกันนานๆ”
ดวงตากลมนั้นมองเขาเป็นประกายตอนกล่าวคำเชื้อเชิญ เขาเป็นผู้ชายที่ยังหนุ่มแน่น มีเลือดเนื้อมีความต้องการ ถ้าขึ้นไปก็คงไม่ได้กินแค่กาแฟอย่างเดียว หญิงสาวกำลังตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และเขาไม่ควรเอาเปรียบ
“วันนี้ดึกแล้ว พรุ่งนี้เรามีประชุมเช้า ครั้งหน้าพี่ค่อยขึ้นไปนะครับ”
มือเขาวางบนศีรษะทุยโยกเบาๆ
“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่งแล้วยังคอยรับกลับ ถึงบ้านแล้วโทรมานะคะ รินจะรอ”
“ครับ”
ดารินยืนส่ง จนเมื่อรถเขาลับสายตา ดวงตาที่หยาดเยิ้มเหมือนคนที่อยู่ใต้ฤทธิ์เครื่องดื่มมึนเมาก็กลับมาใสตามปกติพร้อมรอยยิ้ม เบียร์แค่สามกระป๋องทำอะไรเธอไม่ได้หรอก แต่ทดสอบอะไรบางอย่างได้
พศิกาเดินเช็ดผมออกมาหลังจากอาบน้ำ เธอมีห้องเล็กๆเอาไว้นอนค้างด้านหลังสุดของร้านในบางวันที่ลองทำขนมจนดึกหรือดื่มกับเพื่อนเช่นวันนี้ จารวีนั่งลูบกลีบดอกกุหลาบดอกโตสีน้ำเงินอย่างเหม่อลอย พวกเธอทั้งสามไม่เคยปิดบังอะไรกัน ตั้งแต่วันที่อดีตคนรักของเพื่อนส่งดอกไม้มาให้ เย็นนั้นจารวีก็จะหอบแจกันใบใหญ่มาวางไว้ที่ร้านเธอทุกครั้ง
‘อยู่ออฟฟิศไม่มีประโยชน์หรอก ไม่มีใครมอง อยู่ที่ร้านแกดีกว่า’
“จา ไม่ค้างจริงๆเหรอ พรุ่งนี้เราไปส่งแกได้นะ”
เพื่อนรักส่ายหน้า เธอรู้หรอกว่าเช้าๆนั้นพศิกายุ่งแค่ไหน
“เรียกแกร็บแล้ว พรุ่งนี้เราต้องไปโรงงานแต่เช้าด้วย แกพักเถอะ รถมาถึงพอดีเลย”
เจ้าของคาเฟ่สาวเดินโอบกอดเพื่อนรักออกมาส่ง แต่กลับเจอใครบางคนที่ทั้งคู่ไม่คาดคิด
“พี่ธร”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ