เรื่องรักสามฤดู
เขียนโดย LaVieRosy
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.33 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 16.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) บทที่ 12
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“พี่จ่ายค่าแกร็บกับค่าเสียเวลาให้เขาแล้ว จาจะกลับคอนโดฯใช่ไหม ขึ้นรถสิ พี่ไปส่งให้”
เขายืนสง่าเปิดประตูรอ
“จาคงไม่คิดกลับแท็กซี่ตอนนี้หรอกนะ ใช่ไหมหลิว”
พศิกาจำใจต้องเห็นด้วยอย่างช่วยไม่ได้
“พี่แค่ผ่านมาพอดี พี่ไปส่งได้ พี่ต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว”
หลังจากเป็นแฟนกัน วัชรธรก็ย้ายตัวเองมาอยู่คอนโดฯที่ใกล้ๆกับคอนโดฯของจารวี
“วันนี้ไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้แกต้องไปทำงานแต่เช้านะ”
พศิกาแบบขมุบขมิบบอก จารวีที่ดื่มไปหนักกว่าใครจึงต้องเดินขึ้นไปนั่งบนรถ
“พี่ไปนะครับ หลิว ปิดร้านดีๆนะ”
“ค่ะ ชอบคุณค่ะ พี่ธร”
ระหว่างทางมีแต่ความเงียบงัน
“เลี้ยวซ้ายตรงนี้ใกล้กว่านะคะ”
“พี่อยากอ้อม”
จารวีรถอนใจยาว ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขา อีกพักใหญ่รถยนต์หรูจึงมาจอดที่คอนโดฯใหม่ของหญิงสาว
“ขอบคุณมากค่ะ”
จารวียกมือไหว้เขาแต่เปิดประตูไม่ได้ เธอเริ่มอารมณ์เสีย วันนี้เคลียร์งานทั้งวันเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าทั้งเหนื่อยและเพลีย อยากอาบน้ำนอนเต็มทน
“พี่ธรคะ เปิดประตู”
“ขอพี่คุยแป๊บเดียว...ไม่ได้เลยเหรอ”
น้ำเสียงที่เคยกังวานอยู่เป็นนิจ ปร่าลงคล้ายเจ็บปวด จารวีกอดอกนิ่ง
“เราคบกันมาตั้งสิบปี จาตัดพี่ได้ทุกทางแบบนี้โดยไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ คิดถึงพี่บ้างไหม”
หัวใจจารวีสะท้านสะเทือนกับคำถามที่ทอดเสียงอ่อนลงแต่ทุกอย่างมันจบไปแล้ว
“ดึกแล้ว จาขอตัวก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า ปลดล็อคประตูให้จาด้วยค่ะ”
น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลเหมือนที่เคยพูดกับเขาเสมอแต่ไม่เหมือนเดิม วัชรธรจำใจต้องกดปลดล็อคประตู อดีตคนรักหันมายกมือไหว้เขาอีกครั้ง
“ขอบคุณมากค่...”
เขาดึงเธอเข้าไปจูบอย่างอดใจไม่ไหวอีกต่อไป จารวีดิ้นทุบตีเขาเป็นพัลวันแต่มือและวงแขนที่แข็งแรงกว่าก็โอบยึดร่างเธอเอาไว้ทั้งตัวแน่นหนา จนเธอหมดแรง จูบของเขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานดูดดื่มเนิ่นนาน จูบแล้วจูบเล่าจนเธอสั่นไหวทั้งตัวและหัวใจ ในภวังค์แห่งอารมณ์และความอาลัยอาวรณ์นั้น เธอรวบรวมกำลังกายกำลังใจยันตัวออกมา น้ำตาเอ่อท้นในตัวดวงตาหวานคู่นั้น
“จา พี่...”
“ถ้าพี่ธรทำแบบนี้อีก จาสาบานว่า เราจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดชีวิต”
จารวีพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวและเปิดประตูวิ่งลงจากรถไปโดยเร็วทิ้งให้อดีตคนรักมองตามด้วยหัวใจปวดร้าว
จารวีพร้อมกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ออกเดินทางด้วยรถของบริษัทตอนเจ็ดโมงตรง กันตินันท์สังเกตว่าสาวสวยที่นั่งข้างกันกินกาแฟเป็นแก้วที่สองแล้วหลังจากเดินทางมาได้ครึ่งทาง
“คุณกินสองแก้วแบบนี้ทุกเช้าเลยเหรอครับ”
จารวีลดแก้วกาแฟลง หันไปมองคนถาม
“งานเครียดมากเหรอครับ”
หญิงสาวหัวเราะ ยิ้มเบาบาง
“นิดหน่อยค่ะ งานจาก็เป็นแบบนี้
หญิงสาวเลี่ยงตอบความจริงว่า เมื่อคืนเธอนอนหลับไม่สนิทเพราะอดีตคนรัก เช้านี้เลยต้องเติมคาเฟอีนมากเป็นพิเศษ
“ยังพอมีเวลา มีร้านต้มเลือดหมูอร่อยอยู่หน้าทางเข้านิคม เราแวะกินข้าวกันหน่อยนะครับ พี่ยศ”
กันตินันท์บอกสมยศคนขับรถของบริษัทวันนี้แล้วหันมาบอกเธอ
“กินหน่อยนะครับ คุณจา กาแฟอย่างเดียวเดี๋ยวจะโหย วันนี้มีแต่เรื่องโหดๆ ร้านนี้เด็ดจริง ผมมากินประจำครับ”
สมยศเลี้ยวรถเข้าข้างทาง ร้านที่กันตินันท์ว่าเป็นเพิงไม้เล็กๆ บริเวณหน้าร้านปลูกต้นทองอุไรสีเหลืองอร่าม กลิ่นหอมน้ำซุปลอยเรียกน้ำย่อยให้จารวีรู้สึกหิวขึ้นมาทันที ตั้งแต่ทางเข้า ตู้หน้าร้าน บริเวณที่ประกอบอาหารและโต๊ะเก้าอี้ทำจากสแตนเลสสะอาดเอี่ยม รอบร้านยังแขวนกระถางปลูกคุณนายตื่นสายหลายสีเอาไว้ ทำให้บรรยากาศทั้งน่ารักและสดชื่น
กันตินันท์นั่งคู่กับสมยศอย่างไม่ถือตัว ชายสองวัยสั่งต้มเลือดหมูพิเศษมาคนละชามกับข้าวเปล่า ส่วนจารวีขอแบบธรรมดาพอ น้ำซุปร้อนๆหอมพริกไทยและกลิ่นจิงจูฉ่ายทำให้เธอสดชื่นและอยากอาหาร วัตถุดิบในชามโตทั้งหมูที่หมักมาเนื้อนุ่มหอม หมูกรอบหนังกรอบเหลืองอร่าม เครื่องในสะอาดไม่เหนียวไร้กลิ่นคาว ผักสดและเลือดหมูนิ่มกำลังดี ทำให้ร้านนี้เด็ดจริงตามคำโฆษณา จารวีตักข้าวหมดไม่รู้ตัว ภายใต้สายตาของชายหนุ่มที่เฝ้ามอง
“ต่ออีกไหมครับ”
“ไม่ไหวแล้วค่ะ อร่อยจริงๆ ทำไมจาไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
หญิงสาวดูดชาเย็นไปอึกใหญ่ ตื่นเต็มตาพร้อมทำงาน
“ผมพูดได้ไหม คุณจาอย่าโกรธกันนะ”
“คะ ค่ะ ได้สิคะ”
“ฉายาเจ้าหญิงลีกัลมั้งครับที่ทำให้ไม่มีใครพาคุณจาแวะกินข้าวร้านเล็กๆช้างทางแบบนี้”
“คนก็พูดกันไป อย่าไปเชื่อค่ะ จากินได้หมด ขอให้อร่อย ใช่ไหมคะ พี่ยศ”
คนขับรถวัยกลางคนหัวเราะ แรกๆเขาก็เกร็งเวลาทำงานกับหญิงสาวเพราะได้ข่าวมาว่าเป็นคุณหนูแถมแฟนยังรวยระดับมหาเศรษฐีแต่พอมาทำงานด้วยจริงๆแล้วพบว่า จารวีเป็นคนง่ายๆสบายๆ ไม่เจ้ายศเจ้าอย่างอะไรเช่นที่คนพูดกันเลย
“เดี๋ยวจาขอซื้อกล้วยทอดไปฝากที่ออฟฟิศหน่อยนะคะ”
“ได้เลยครับ”
“มีร้านกล้วยทอดหน้าโรงงานเรา อร่อยมากค่ะ เดี๋ยวคุณกันลองดูนะคะ”
จารวียิ้มละไมเมื่อนึกถึงของอร่อย ของที่วัชรธรตำหนิเธอทุกครั้งที่กิน จารวีชิงจ่ายเงินเลี้ยงมื้อเช้าเพื่อเป็นการฉลองรับสมาชิกใหม่ สมยศแวะร้านกล้วยทอดเพิงเล็กๆริมกำแพงโรงงานให้หญิงสาวลงไปซื้อ กันตินันท์กระโดดลงไปด้วย
เธอสั่งอย่างคล่องแคล่วและพูดคุยหัวเราะกับแม่ค้าอย่างสนุก เป็นอีกด้านที่เขาไม่คาดคิดว่าจะเห็นจากเจ้าหญิงผู้เลอโฉม วันนี้เธอสวมเครื่องแบบบริษัทพอดีตัวท่อนบนแบบคนโรงงานคู่กับกางเกงเอวสูงสีน้ำเงินเข้ม โชว์รูปร่างอรชรงามงอนเหมาะเจาะพอดีไปทุกส่วนสัด เมื่อรวมกับใบหน้ารูปไข่พริ้มเพราและรอยยิ้มแสนน่ารักนั่น เขาก็ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมีแต่คนเรียกเธอว่า เจ้าหญิงแห่งทีมกฎหมาย
หลังจากแจกจ่ายขนมของกินของฝาก เขาและเธอก็เริ่มทำงานกับทีมอย่างเคร่งเครียด หลายครั้งที่ชายหนุ่มได้กลิ่นหอมหวานจากเรือนกายที่โน้มตัวมาใกล้เพื่ออธิบายสิ่งต่างๆ ได้ลอบมองแก้มนวลที่เห็นริ้วเส้นเล็กๆบ่งบอกว่าเธอผิวบางมากเพียงใด ได้มองริมฝีปากบางเป็นกระจับสีชมพูสวย
ชายหนุ่มพยายามจะมีสมาธิกับงาน เขาเพิ่งเข้ามารับบทหัวหน้าทีมและยังเป็นคนนอกมาใหม่ ปัญหาก็พันเป็นยุ่งหลายอย่างตรงหน้า เขาต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อทั้งให้คนในทีม ในแผนกและผู้ใหญ่ยอมรับและเห็นว่าเขาไม่ได้เข้ามาเพราะเป็นเด็กใครที่ไหนแต่เป็นเพราะความสามารถของตัวเอง
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ไม่นานก็พักเที่ยง ทางทีมที่โรงงานสั่งส้มตำไก่ย่างเจ้าดังในย่านนั้นมาผ่านแอพฯสั่งอาหาร ร้านนี้มีจุดเด่นที่ไก่ย่างหนังกรอบบางและส้มตำรสชาติจัดจ้าน ถือว่าเป็นร้านที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากทีเดียว กันตินันท์สังเกตว่าในจานจารวีมีแต่ไก่ย่าง คอหมูย่างและข้าวเหนียว จึงถามเธอ
“คุณจาไม่ชอบส้มตำเหรอครับ”
“ชอบสิคะ แต่กินเผ็ดไม่ได้ค่ะ กินแล้วท้องเสียตลอดมาตั้งแต่เด็กเลย”
“อุ๊ย กิฟต์ลืมค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ลืมบอกน้องแอดมินไปว่าเจ้าหญิงกินเผ็ดไม่ได้ ลืมไปน่ะค่ะ คิดว่ามีแต่คนในทีม ไม่คิดว่าจะพาคนนอกมาด้วย”
รัชชนก หญิงสาวในชุดเครื่องแบบเข้ารูปรัดรึงไปทั้งตัวพูดขึ้นเสียงดังเน้นเสียงคำว่า เจ้าหญิงกับคนนอก เป็นพิเศษ จารวีนิ่ง ไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้เหมือนกันว่าเธอไปทำอะไรให้ ถึงได้หมั่นค่อนแคะเธอทุกครั้งที่เจอ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกิฟต์ จาเข้าใจ ขนาดเรื่องสำคัญอย่างงานคุณกิฟต์ยังตกๆหล่นๆให้ทางทีมเราตีกลับทุกครั้ง เรื่องเท่านี้ลืมก็เข้าใจได้ค่ะ”
จารวียิ้มหวานสบตาที่ปัดขนตายาวงอนเกือบถึงคิ้วและกรีดอายไลเนอร์สวยกริบเน้นขอบตาทั้งบนและล่าง
“ตามสบายกันนะคะ จาขอไปดูขนมกินที่แคนทีนหน่อย”
พูดแล้วก็ลุกเดินจากไป โดยกันตินันท์ลุกตามไปติดๆทิ้งให้หญิงสาวอีกคนมองตามเธอไปด้วยสายตาเจ็บใจ
“คุณจาครับ คุณจา ผมขอไปด้วยครับ”
จารวีหยุดหันมามองคนที่มาใหม่แล้วเพียงยิ้ม เธอเดินนำเขาไปที่แคนทีนของบริษัทอันสะอาดสะอ้านใหญ่โต ติดแอร์เย็นฉ่ำ วางเรียงโต๊ะกินข้าวให้พนักงานยาวตลอดแนว มีทั้งอาหารที่บริษัทบริการให้เป็นสวัสดิการและร้านอาหารมาเช่าพื้นที่เปิดขายอาหารประเภทต่างๆในราคาย่อมเยาว์ ร้านของกินเล่นอื่นๆที่จารวีตรงดิ่งมาคือร้านไอศกรีมกะทิสดที่ต้องมาแวะทุกครั้งที่มาโรงงาน
เธอสั่งแบบถ้วยใส่ลูกชิดและถั่วลิสง กันตินันท์สั่งแบบใส่ขนมปังและถือโอกาสเลี้ยงเธอคืน จารวีไม่ปฏิเสธ ชวนเขานั่งละเลียดไอศกรีมหวานมันอร่อยในถ้วยและเล่าให้ฟังถึงพื้นที่ต่างๆของโรงงาน
การทำงานช่วงบ่ายยิ่งทำให้จารวีน้ำตาลตกกว่าเก่า สัญญาหลายฉบับที่มีปัญหาถูกนำมาพูดคุยกันโดยเฉพาะรัชชนกที่มีมากกว่าของคนอื่น แต่ปัญหาอยู่ที่หญิงสาวคอยแต่จะพูดปัดว่าไม่ใช่ความผิดของเธอบ้าง อ้างซัพพลายเออร์บ้าง นู่นบ้าง นี่บ้าง ทำให้การพูดคุยติดๆขัดๆไม่ไปไหนเสียที จารวีต้องนับหนึ่งถึงร้อยในใจหลายรอบเพื่อสะกดอารมณ์ที่กรุ่นขึ้นมา
“ผมว่าอันดับแรก คุณกิฟต์หยุดแล้วฟังก่อนดีกว่านะครับว่าปัญหาคือตรงไหน เราจะได้มาช่วยกันดู ถ้าคุณจาพูดไปแล้วคุณกิฟต์ดีเฟนตัวเองไปแบบนี้ เราจะสะสางงานที่ค้างกันอยู่ไม่ทันนะ”
เป็นกันตินันท์ ที่เอ่ยด้วยเสียงทุ้มหนัก สีหน้าเขาเคร่งเครียด
รัชชนกถึงกับสะอึกกับน้ำเสียงและสีหน้าดุของหัวหน้าทีมคนใหม่ ไหนใครลือว่าเขาทั้งหล่อและเป็นเด็กเส้นที่ไม่รู้อะไร ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ หญิงสาวยังไม่ยอมแพ้ เธอจะเสียหน้าไม่ได้
“กิฟต์ไม่ได้ดีเฟนค่ะ คุณกันแต่เห็นคุณกันมาใหม่ เลยอยากช่วยอธิบายเพิ่มเท่านั้นเอง”
“ผมอ่านสัญญาทุกฉบับที่มีปัญหามาแล้วครับ เข้าใจดี แต่จะขอบคุณมากกว่าถ้าคุณกิฟต์ฟังสิ่งที่เป็นปัญหาแล้วเอากลับไปแก้ไข งานเราจะได้เดินเสียที ฝ่ายผลิตรอของอยู่นะครับ”
หลังเสียงทุ้มหนักจบลง ห้องทั้งห้องก็ตกในความเงียบ รัชชนกพูดอะไรไม่ออกอีก จารวีจึงใช้โอกาสนี้อธิบายถึงสิ่งที่ต้องแก้ไขต่อเป็นจุดๆ กว่าจะจบงานก็เกือบห้าโมงเย็น เล่นเอาจารวีทั้งเหนื่อยทั้งเพลียทั้งหิว ระหว่างทางขากลับ ชายหนุ่มที่มาด้วยจึงเสนอให้แวะกินมื้อเย็นกันก่อนเพราะดูจากสภาพการจราจรแล้วกว่าจะถึงออฟฟิศคงค่ำๆ เขาบอกให้ชัยยศแวะร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง เป็นเรือนกระจกสวยในสวนแบบอิงลิชคันทรี่ ชัยยศขอตัวรอในรถเนื่องจากกินข้าวเย็นรอมาแล้วจากโรงงาน หนุ่มสาวทั้งสองจึงเดินเข้าไปในตัวร้าน โดยที่จารวีไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเธอตั้งแต่แรกก้าวเข้าไป
“คุณกันหาที่นี่เจอได้ไงคะเนี่ย ร้านสวยจัง”
“สมัยทำงานที่เก่า ผมต้องมานิคมฯบ่อยครับ เลยรู้จักร้านเยอะ”
“เก่งนะคะ คุมคนเป็นร้อยๆคนในโรงงานได้ แค่คิดจาก็เวียนหัวแล้ว”
เขายิ้มกว้าง ทำให้เห็นฟันเขี้ยวเล็กๆส่งให้ใบหน้าที่ติดดุนั้นละมุนลง
“เหนื่อยครับ ยอมรับแต่ผมมาเจองานนี้ ผมนับถือคุณจามากกว่า”
เขาพูดจากใจจริง งานของหญิงสาวนั้นทั้งเสี่ยงทั้งเกี่ยวข้องกับคนหลากหลาย รับแรงกดดันจากทุกทิศทาง
“ผมว่าคุยกับเครื่องจักรง่ายกว่าเยอะนะ”
จารวีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย อาหารเข้ามาเสิร์ฟพอดี เธอและเขาสั่งกับข้าวกันมาสามอย่างง่ายๆที่ไม่เผ็ด กันตินันท์ตักปลากะพงผัดขึ้นฉ่ายให้หญิงสาวแล้วมองรอปฏิกิริยา พอใจที่เห็นดวงตากลมโตนั้นเบิกขึ้นขณะที่เคี้ยวแก้มตุ้ยๆ เขาหัวเราะตักต้มข่าไก่ใส่ถ้วยแบ่งให้เธอต่อ จารวีจึงตักผัดผักใส่จานให้เข้าบ้าง
ท่าทีที่เหมือนเอาอกเอาใจดูแลกันใกล้ชิด ทำให้หัวใจคนที่จ้องมองอยู่ร้อนเป็นเพลิง ดวงตาคมคุกรุ่นด้วยความไม่พอใจ ที่เธอลืมเขาได้ง่ายดายเพราะมีหนุ่มรูปหล่อคนใหม่มาดามใจทันทีสินะหรือจริงๆแล้วแอบพูดคุยกันมาโดยตลอดระหว่างที่คบกับเขา ถึงได้ดูสนิทสนมเอาอกเอาใจกันมากขนาดนี้ ถึงได้ทำราวกับว่าสิบปีที่ผ่านมาของเขาและเธอไม่มีความหมายใด วัชรธรเอ่ยขอตัวและผุดลุกตรงไปที่โต๊ะที่เขาหมายตามาตั้งแต่แรก
ขณะที่เพื่อนสนิทเจอบรรยากาศการทำงานที่มาคุมาทั้งวัน อีกฟากฝั่งของเมืองบรรยากาศการทำงานของดารินนั้นเป็นไปด้วยความชื่นมื่น กลทีป์กลายเป็นคนขี้เล่น ช่างแซว ช่างแกล้ง แต่ก็จริงจังและพึ่งพาได้ในเรื่องที่หญิงสาวไม่แน่ใจ เธอและเขาตัวติดกันทั้งวัน ได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ดารินพบว่าเธอกลับไม่รู้สึกอึดอัดใจหรือเก้อเขิน บทสนทนาดำเนินไปอย่างลื่นไหลตามธรรมชาติ เธอและเขาหัวเราะในเรื่องเดียวกันพร้อมๆกันหลายครั้งหลายหน
และตอนนี้เขาก็กำลังยื่นมือมาจับมือเธอไปวางไว้บนตักข้างหนึ่งอย่างเป็นธรรมชาติในขณะที่รถเคลื่อนตัวไปได้ช้าๆเช่นกัน มือของเขาใหญ่และอุ่น กอบกุมมือน้อยของเธอได้อย่างมิดชิด สัมผัสนั้นอุ่นไปถึงหัวใจ เขาคงไม่รู้ตัวว่าความอบอุ่นของเขากำลังละลายกำแพงน้ำแข็งที่เธอสร้างขึ้นมารอบหัวใจทีละน้อย หัวใจที่หนาวเหน็บเสมือนฤดูหนาวของเธอกำลังมีแสงตะวันอันอบอุ่นสาดส่องเข้ามา
กลทีป์พาเธอมาแวะกินข้าวต้มปลาเจ้าเก่าแก่ในตรอกหนึ่งบนถนนเยาวราช จากนั้นก็จับจูงมือน้อยของเธอเดินเล่นดูของกินของขายและแสงสียามค่ำคืนไปอย่างไม่รีบร้อน ดารินรู้สึกว่าเธอยิ้มและหัวเราะมากกว่าปกติ จากนั้นจึงพาเธอมานั่งเล่นที่สวนสาธารณะใจกลางเมืองแห่งใหม่ ใกล้มหาวิทยาลัยที่ทั้งสองเคยเรียนแต่ไม่เคยเจอกัน
“วันนี้พี่มีความสุขจัง”
ชายหนุ่มที่นั่งเอนตัวเท้าแขนไปด้านหลังชิดกับเธอพูดขึ้นมาขณะนั่งอยู่บนพื้นบันไดกว้างเล่นระดับด้วยกัน
“เห็นวิชาที่ต้องสอนแล้วมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
เขาหัวเราะ ก่อนมองเธอด้วยสายตาอ่อนหวาน
“ถ้ารู้ว่ากลับมาสอนแล้วจะได้อยู่กับรินใกล้ๆแบบนี้ พี่จะกลับมานานแล้ว”
หญิงสาวได้แต่หลุบตาลง แก้มขึ้นสีระเรื่อ
“พี่ไม่อยากกลับมาเจอพ่อ พูดไปก็บาปนะ แต่มันคือความจริง ในความเป็นพ่อ พ่อดีทุกอย่าง ไม่เคยขาดตกบกพร่องตรงไหน แต่ในความเป็นสามี พ่อทำร้ายแม่ พี่โตมาโดยเห็นพ่อตีแม่หลายครั้ง อยากจะช่วยก็ช่วยไม่ได้ จนวันนึงตื่นมาแล้วแม่ก็หายไปโดยที่ไม่กลับมาอีกเลย”
ดารินหันมามองเขาด้วยสายตาอ่อนแสง เขาเอื้อมมือมาจับมือเธอเอาไว้ สบตาด้วยความแน่วแน่เมื่อพูด
“พี่สาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันทำอย่างที่พ่อทำกับแม่หรือผู้หญิงคนไหน ความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้ พี่อาจจะเติบโตมาจากครอบครัวที่ขาดแต่พี่ตั้งใจอยากสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ สมบูรณ์ด้วยความรัก ความเข้าใจ ความสุข”
เขาหันไปชี้ที่เด็กตัวน้อยที่วิ่งเล่นหัวเราะร่ากันที่สนามหญ้า
“พี่เป็นลูกคนเดียว โตมาแบบเหงาๆ พอไม่มีแม่ก็ยิ่งเหงา พี่เลยคิดว่าถ้ามีครอบครัวของตัวเอง พี่อยากมีลูกเยอะๆ ให้วิ่งเล่นกันเต็มบ้าน ให้บ้านมีแต่เสียงหัวเราะ มีแต่รอยยิ้มแบบนี้”
เขาหันกลับมามองที่เธออีกครั้ง
“พี่รู้ว่ามันเร็วไปที่จะพูดแต่พี่ชอบรินมานาน แอบมองรินมานาน มันเหมือนฝันที่เป็นจริงที่ได้มาอยู่กับรินแบบนี้ พี่จริงจัง พี่อยากเห็นรินวิ่งเล่นในบ้านกับลูกๆของเรา”
“พี่ที”
“พี่ให้รินพิสูจน์พี่ได้เต็มที่ ขอแค่รู้ว่าพี่จริงจัง”
เขาจับมือเธอมาจุมพิตที่หลังมือเบาๆ ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ดารินยิ้มตอบ พยักหน้ารับด้วยหัวใจเต็มตื้น เธอยินดีที่จะพิสูจน์ไปกับเขา นับตั้งแต่นาทีนี้ไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ