เรื่องรักสามฤดู
-
เขียนโดย LaVieRosy
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.33 น.
15 ตอน
0 วิจารณ์
6,233 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 16.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) บทที่ 10
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความจารวีเปิดประตูเข้ามาในห้องประชุมของฝ่ายจัดซื้ออย่างรีบเร่ง
“ขอโทษค่ะ พอดีเพิ่งคุยกับเอชอาร์เสร็จ”
ชายสวมแว่นตากรอบบางรูปร่างสันทัดที่นั่งหัวโต๊ะโบกมือ
“ไม่เป็นไร จา ช่วงนี้แผนกไหนก็ต้องคุยกับทีมลีกัลกันทั้งนั้น”
จารวียิ้มบางเบา ชนะ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับใหญ่ที่ทำงานที่บริษัทมานาน อีกห้าปีก็จะเกษียณจากตำแหน่ง เขาดูแลฝ่ายจัดซื้อทั้งหมดที่แบ่งทีมบายเออร์เป็นกลุ่มตามคำขอจัดซื้อเพื่อสนับสนุนการทำงานของบริษัททุกอย่าง ซื้อตั้งแต่ไม่จิ้มฟันในโรงอาหารยันที่ดินหรือคลังเก็บสินค้า
“นี่ คุณกันตินันท์ เป็นหัวหน้าทีมบายเออร์ฝ่ายผลิตคนใหม่ที่นี่แต่เก๋ามาจากที่อื่น”
“สวัสดีครับ กันครับ”
ชายหนุ่มท่าทางเป็นมิตรเปิดยิ้มทักทายเธอ แปลกที่จารวีรู้สึกคุ้นเคยกับเขาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“สวัสดีค่ะ เรียกจาก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวยิ้มบางให้
“ต่อไป กันมีอะไรก็ดีลกับจาเขาได้เลยนะ จาดูแลบายเออร์ของทีมผลิตทุกคน”
“ครับ ใหม่ๆอาจจะยังไม่เข้าที่ รบกวนด้วยนะครับ”
จารวียิ้มให้อีกครั้ง
“พวกเราน่ะ ตัวดี ทำจาเขาเกือบค้างออฟฟิศมาหลายรอบแล้ว อย่าเอาแต่ใจกันไปนัก แพลนงานล่วงหน้าหน่อย ลีกัลเรามีน้อยแล้วเป็นผู้หญิงกันหมดทั้งทีม บอกๆกันในทีมให้เผื่อเวลาให้ทีมเขาทำงานบ้าง”
“ขอโทษคุณจาด้วยนะครับ ผมเรียกประชุมทุกคนเมื่อเช้าแล้ว อะไรที่ติดขัดอาจจะยังทำให้ช้าอยู่ จะรีบเร่งแก้ให้นะครับ ส่วนคอนแทรคแอดมินเราก็กำลังประสานเอชอาร์ให้เร่งหาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ จาเข้าใจ”
การพูดคุยกันกว่าจะเรียบร้อยก็ร่วมสองชั่วโมง จารวีเตรียมเอกสารที่ลิสต์เอาไว้ว่าสัญญาฉบับใดของบายเออร์คนใดยังติดขัดเรื่องอะไรบ้างอย่างละเอียด จนคนที่มาทำงานใหม่ประทับใจ
“เป็นไง ฝีมือสุดๆนะคนนี้ ดูแลดีๆ บริษัทอื่นร่ำๆว่าจะมาซื้อตัว”
“โอ๊ยย พี่นะ ก็ไปเชื่อข่าวลือ”
“ลืออะไรกัน เขาปิดกันให้แซ่ด”
จารวีหัวเราะและนั่นทำให้คนที่มองอยู่นิ่งไป เธอเป็นคนสวย ชัดเจนตั้งแต่เดินเข้ามา ผิวพรรณนวลเนียน ใบหน้ารูปไข่หวานด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาล จมูกโด่งงามและริมฝีปากสวยเป็นกระจับแต่เมื่อเธอยิ้มเธอน่ารักจับตาจับใจ
“เอาเป็นว่า จาไปโรงงานด้วยวันพุธนี้ละกันนะ บายเออร์ทางนู้นก็จะได้คุยด้วยให้เคลียร์กันไป”
“ได้ค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ มีอีกประชุมต้องเข้าค่ะ”
หญิงสาวรวบเอกสารขึ้นมากอด ยกมือไหว้ชนะที่พยักหน้าให้ และหันมายิ้มลาชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามก่อนจะเดินออกไป ทิ้งกลิ่นหอมหวานของน้ำหอมผู้หญิงเอาไว้ให้ชายหนุ่มที่มาใหม่มองตามไปจนสุดสายตา
ดารินใช้เวลาคุยกับกลทีป์โดยมีนรวุฒิร่วมนั่งทำงานอยู่ด้วยเพราะไม่มีสอนตลอดทั้งบ่าย เรื่องเนื้อหาการสอนนั้นไม่เป็นปัญหาเพียงแต่ระบบการประเมินคะแนนและส่งเกรดทำให้กลทีป์สับสนอยู่พอสมควร
“พี่ที ส่งเกรดนี่แค่อินโทรครับ พอเกรดออกแล้วนี่แหละนรก”
ชายหนุ่มที่นั่งช่วยอธิบายให้รุ่นพี่ฟังกล่าวพร้อมยกไหล่ท่าประจำ
“หืมม? นรกเลยเหรอ”
กลทีป์หน้าเหลอหลา ดารินจึงยิ้มแล้วอธิบาย
“เคยได้ยินไหมคะ ปล้นเกรด”
“อาจารย์คะ หนูทำไมได้ไม่เท่าเพื่อน, อาจารย์คะ ขอให้พิจารณาอีกครั้งเพราะหนูต้องได้เอเพื่อจบเทอมนี้, อาจารย์คะ หนูต้องได้เอเท่านั้นค่ะ เพราะเรียนมาเจ็ดปีแล้ว, อาจารย์คะ บลา บลา บลา พี่ทีเตรียมตัวรับพายุได้เลยครับ”
ชายหนุ่มรุ่นพี่ถึงกับนิ่งกับสิ่งที่อาจารย์หนุ่มเล่า
“สมัยนี้มีปล้นเกรดแบบนี้ด้วยเหรอ”
“ยิ่งกว่านี้ก็มีครับ พ่อแม่มาบุกถึงออฟฟิศจะฟ้องจะโน่นจะนี่ พี่รินก็โดนมาแล้วครับ”
คนที่อาวุโสสุดตรงนั้นหันไปทางดารินทันที หญิงสาวพยักหน้ารับ
“เด็กๆเขาก็มีสิทธิ์จะสงสัยแหละค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องระวังมากขึ้นเวลาให้คะแนน ต้องมีเกณฑ์ชัดเจน มีเหตุผล เก็บหลักฐานไว้ทุกงาน ห้ามพลาดเด็ดขาดนะคะ”
กลทีป์เริ่มมองเห็นเค้าลางว่าจะต้องจัดการอะไรบ้าง
“นี่ยังไม่รวมที่ต้องปะ ฉะ ดะ กับเสือสิงห์กระทิงแรดอาจารย์ด้วยกันนะครับ แต่พี่ทีไม่น่ามีปัญหามากหรอก พวกนั้นประสาทอะไรไม่รู้ชอบมีปัญหากับชะนีอย่างพี่ริน”
ดารินหัวเราะ หักช็อกโกแลตมากินเป็นชิ้นที่สาม รู้สึกน้ำตาลต่ำ
“โอเค อย่าทิ้งพี่นะ พลีส”
คราวนี้รุ่นน้องทั้งสองคนหัวเราะพร้อมกันและคุยกันต่ออีกพักเมื่อใกล้เวลาเลิกงานชายหนุ่มรุ่นพี่จึงเสนอตัวเลี้ยงข้าวเย็นทั้งสองเพื่อฉลองการทำงานวันแรกและเป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือเขา
“กราบขอบคุณครับพี่ที เรามีร้านประจำกัน ไปล้มวัวกันครับ”
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสามก็มานั่งอยู่ที่ร้านปิ้งย่างริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร้านที่นรวุฒิบอกว่าเป็นหนึ่งในร้านบุฟเฟต์ที่สายเนื้อเช่นเขาไม่ควรพลาดโดยมีดารินพยักหน้าเห็นด้วยข้างๆ วันนี้ทั้งสามเดินทางมาด้วยรถของดารินเพราะหนุ่มอีกสองคนไม่ได้เอารถมาทำงาน
มื้ออาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจากเรื่องความหลังสมัยเรียนของแต่ละคน กลทีป์แอบมองรอยยิ้มและดวงตาเป็นประกายที่หาได้ยากจากดารินอย่างห้ามไม่ได้ เขาตักวุ้นเส้นให้หญิงสาวหลายครั้งเพราะจำได้ว่าเป็นของโปรดของเธอ ส่วนนรวุฒิก็สนุกสนานกับการคอยพลิกเนื้อบนเตาใส่จานคนอื่นอย่างเคย
“กินบ้างเถอะ วุฒิ มาๆพี่ทำให้”
“นั่นสิ ยังชอบดูแลคนอื่นตลอดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”
กลทีป์กล่าวชม ดารินแย่งที่คีบไปทำให้สองหนุ่มบ้างหลังจากที่เริ่มจะอิ่ม
“แบบนี้ไงคะ คุณแฟนเขาถึงทั้งรักทั้งหลง หวานกันมาสิบปีไม่เปลี่ยน”
นรวุฒิยิ้มยักไหล่
“โอ้โห นี่วุฒิกับเอกคบกันมาครบสิบปีแล้วเหรอครับ”
“แหม พี่ทีครับ มันช่วยไม่ได้ ก็ทางเราทั้งสวยทั้งเก่งทั้งดี ครบไปหมดจริงๆนี่ครับ”
ดารินกับกลทีป์ประสานเสียงกันหัวเราะ
นรวุฒินั้นคบหากับเอกภพ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์มาตั้งแต่สมัยเรียน ตอนที่เรียนอยู่ที่อังกฤษ แม้จะอยู่คนละเมืองแต่ก็ไปมาหาสู่กันตลอด ไม่ได้ปิดบัง ทำให้เพื่อนนักเรียนไทยรู้เรื่องทั้งสองดี
“อายุยืนมากก พูดถึงก็มาพอดี”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคล้ายๆกับนรวุฒิเพียงแต่ผิวคล้ำกว่าเดินเปิดยิ้มเข้ามาแต่ไกลเมื่อเห็นแฟนหนุ่มโบกมือให้ กลทีป์ย้ายฝั่งมานั่งข้างดารินเปิดที่ว่างให้คนรักได้นั่งด้วยกัน เอกภพยกมือไหว้กลทีป์และดารินทันทีที่นั่งลง บรรยากาศครึกครื้นมากขึ้นเมื่อมีเขามาร่วมวงระลึกความหลังอีกคน
“พี่ที กลับมาพาใครมาด้วยรึเปล่าครับพี่ พวกผมรอข่าวดีพี่กันอยู่นะ”
เอกภพถามขึ้นมาหลังจากเริ่มอิ่มกันแล้วและนั่งละเลียดของหวานและบรรยากาศยามค่ำของแม่น้ำเจ้าพระยากันอยู่ คนถูกถามหัวเราะแอบเหล่มองไปที่หญิงสาวคนเดียวที่ตั้งหน้าตั้งตาตักไอศกรีมชาเขียวเข้าปาก
“ไม่มีเลย พี่ทำแต่งาน”
“อะไรกัน ทั้งหล่อทั้งดีแบบพี่ที มีแต่จะมีคนวิ่งเข้าหาไม่ว่า”
นรวุฒิค้าน หยิบแก้วน้ำของทุกคนมาคีบน้ำแข็งใส่เพิ่มให้ หนุ่มรุ่นพี่ได้แต่หัวเราะเขินๆ เอกภพจึงหันไปทางดารินบ้าง
“แล้วพี่รินล่ะครับ เห็นวุฒิเล่าว่ามีแต่คนเข้ามาจีบ ไม่ถูกใจใครสักคนเหรอครับพี่ ในคณะผมเขาก็ชอบๆพี่กันหลายคนเลยนะ”
“คุณนี่ก็พูดเหมือนไม่รู้จักฉายา เจ้าหญิงหิมะ ใครเข้ามาก็ตีท่าเย็นชากับเขายิ่งกว่าหิมะอีก”
นรวุฒิว่าค่อน ไม่สนใจท่าทางถลึงตาใส่ของดาริน กลทีป์หันไปมองหญิงสาวทันที แกล้งทำเป็นถาม
“รินมีคนมาจีบเยอะเลยเหรอเนี่ย”
“โอ๊ย อย่าให้เม้าท์ครับ พี่ทีแต่ป้าเขาตีหน้านิ่งตะเพิดไปหมด”
ดารินทำเพียงยักไหล่เลียนแบบนรวุฒิบ้าง
“อยู่แบบนี้ก็สบายใจดีนี่นา ใครจะโชคดีเหมือนเธอ”
หญิงสาวเคี้ยวน้ำแข็งใสไปด้วยตอนพูดกับรุ่นน้อง ของหวานอีกถ้วยหลังจากจัดการไอศกรีมเรียบร้อย
“ก็เจ้เล่นปิดประตูใส่โอกาสดีๆหมด ยังไม่ทันจะคุยเลยก็เป็นเจ้าสาวกลัวฝนไปละ คนดีๆมีน้อยนะครับ ระวังจะโดนคาบไปหมด ไม่รู้นะ”
นรวุฒิแอบชายตามาทางกลทีป์ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มเฝ้ามองดารินด้วยสายตาแบบไหนมาเนิ่นนาน ปัญหามันอยู่ที่รุ่นพี่สาวนี่แหละ ยังฝังใจกับอดีตแฟนคนแรกไม่คลาย ทำให้ปิดประตูตายไม่ต้อนรับใครอีกเลยเพราะกลัวจะต้องเสียใจอีก
“เอาเป็นว่า เราสองคนรอไปงานพี่สองคนนะครับ”
เอกภพยิ้ม เขากับนรวุฒิคุยกันทุกเรื่อง ส่วนเรื่องกลทีป์นั้นก็คงจะมีเพียงดารินคนเดียวที่รู้แต่แกล้งทำเป็นมองไม่ออก
“พอกันจริง คู่รักหวานชื่นคู่นี้ เจอใครก็จะให้เขามีแฟนๆ”
หญิงสาวตัดบท ก่อนจะเสนอว่าดึกแล้วควรจะแยกย้ายกันกลับเพราะวันรุ่งขึ้นยังต้องไปทำงาน กลทีป์ยืนยันจะเลี้ยงน้องๆทุกคนรวมถึงเอกภพด้วย จึงนัดกันว่าครั้งหน้าค่อยผลัดกันจ่ายบ้าง แยกย้ายกันขึ้นรถ ดารินโบกมือลารุ่นน้องหนุ่มทั้งสองคน เธออาสาไปส่งกลทีป์ให้เพราะเป็นทางผ่าน เกือบชั่วโมงดารินก็เคลื่อนรถเข้าจอดที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่ง
“ขอบคุณมากครับ ริน ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยนะ”
ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยและรีบลงจากรถไม่ให้หญิงสาวได้ปฏิเสธ เขาโบกมือให้เธอรีบกลับ ดารินจึงต้องออกรถมา
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ เธอไม่ปฏิเสธว่าเขาเป็นคนดีแต่ภาพที่เธอจับได้กับตาว่าแฟนคนแรกนอกใจกับภาพมารดาที่นั่งร้องไห้เพราะบิดาไปมีผู้หญิงคนอื่นยังติดตาติดใจ คราวที่เห็นมารดาเจ็บปวด ดารินก็บอกตนเองว่า เธอจะไม่ผลีผลาม จะศึกษาดูใจดูนิสัยนานๆแต่แล้วความรักครั้งแรกที่ยาวนานถึงหกปีก็จบลงด้วยจุดจบที่ไม่ต่างกับมารดา ตั้งแต่นั้น เธอจึงตั้งกำแพงขึ้นมาเพราะไม่อยากจะเจ็บปวดอีก
‘คนเราไม่เหมือนกันทุกคนหรอก แกเชื่อว่าจะเจอเรื่องเดิมอีกหลังจากซวยซ้ำมาแล้วเหรอ ให้โอกาสตัวเองหน่อยน่า คนดีๆน่ะ หายากนะ’
เสียงพศิกาลอยเข้ามาในหัว ครั้งหนึ่งที่นั่งกินข้าวด้วยกัน
ดารินทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงหลังจากเดินเข้ามาในห้องนอน เธอมองโทรศัพท์มาตลอดทางขึ้นลิฟต์มาที่ห้องหลังจากมาถึงคอนโดของตัวเอง สองจิตสองใจว่าควรจะแกล้งทำเฉยดีหรือไม่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาก่อน
“ถึงพอดีค่ะ พี่ที ขอบคุณนะคะ”
“โอเคครับ งั้นก็กู้ดไนท์นะครับ”
“กู้ดไนท์ค่ะ”
“รินครับ”
เสียงที่เรียกไว้ทำให้ดารินแอบกลั้นหายใจ ขณะที่อีกฝ่ายก็กัดปากตัวเองเช่นกัน ...ใจเย็นก่อน ใจเย็นไว้...กลทีป์บอกตัวเอง
“คะ”
“เจอกันพรุ่งนี้ครับ”
ดารินลอบถอนหายใจ บอกไม่ถูกว่าทำไมในใจถึงรู้สึกผิดหวังเล็กๆ
“เจอกันค่ะ”
หญิงสาวกดวางโทรศัพท์แล้วทิ้งตัวนอนลงไปบนเตียง ถอนใจยาว โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายก็อยู่ในอาการเดียวกัน
พศิกานั่งเป่าผมที่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว งานวันนี้จบลงด้วยดีและได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินคาด บรรดาแขกต่างเข้ามาชื่นชมรสชาติของขนมรวมถึงเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เข้ามาขอบคุณเธอและทีมงานหลังงานจบ และกล่าวว่าจะต้องหาโอกาสมาที่ร้านของพศิกาให้ได้ ลูกค้ามีความสุขเธอก็มีความสุขไปด้วย บรรยากาศของงานนั้นน่ารักและเป็นกันเองอย่างที่ชานนท์ว่า พลอยให้คนที่ไปทำงานอย่างเธอชื่นมื่นไปด้วย
ไม่ใช่งานทุกงานที่เธอและน้องๆไปแล้วจะรู้สึกแบบนี้ งานบางงาน เจ้าภาพหรือไม่ก็แขกที่มาร่วมงานก็แสดงออกชัดเจนว่า พวกเธอเป็นคนทำงานที่อยู่กันคนละระดับกับพวกเขา พศิกาเจอจนชินเสียแล้ว
หญิงสาวดับไฟเตรียมตัวเข้านอนหลังจากวันอันยาวนาน โทรศัพท์ที่วางไว้หัวเตียงก็สั่นเป็นจังหวะ เธอแอบกลอกตาเล็กน้อย หลังจากการโดนหลอกให้ไปกินข้าวเพื่อดูตัววันนั้น หิรัญก็เพียรโทรหาเธอทุกวัน เธอไม่รับเขาก็ไลน์มาหลายข้อความ โชคยังดีที่ร้านของเธอห่างจากที่ทำงานเขามาก ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะมาที่ร้านด้วย วันนี้เธอเหนื่อยและง่วงเต็มที จึงเอนตัวลงนอน ปล่อยให้โทรศัพท์สั่นจนหยุดไปเอง แต่นอนหลับตาไปได้พักเดียวโทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง พศิกาลุกขึ้นนั่งอย่างหัวเสีย เห็นทีจะต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องเสียที
เอื้อมมือมาเปิดไฟหัวเตียงและหยิบโทรศัพท์มาอย่างหงุดหงิดแต่ชะงักไปเมื่อเห็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“สวัสดีค่ะ”
“คุณหลิว ผมชานนท์เองนะครับ”
เธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้น
“ค่ะ คุณชานนท์”
“ขอโทษที่รบกวนนะครับ ผมอยากขอบคุณอีกครั้งน่ะครับ”
“อ้อ ไม่เป็นไรเลยค่ะ ยินดีค่ะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ”
“ไม่เลยครับๆ ไม่มีเลย ทุกอย่างดีมากๆจริงๆครับ”
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นค่ะ”
“แล้วนี่ คุณหลิวกับทุกคนกลับถึงบ้านกันเรียบร้อยดีนะครับ”
“ค่ะ เรียบร้อยดีค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ พักผ่อนมากๆนะครับ ขอบคุณอีกครั้ง...แล้วก็...ฝันดีนะครับ”
พศิกากัดปากตัวเองที่กำลังจะยิ้มออกมา
“ค่ะ ฝันดีเช่นกันค่ะ”
เธอกดวางโทรศัพท์ ได้ยินเสียงหัวใจเต้นดัง ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานานไหลรินผ่านหัวใจ หยิบโทรศัพท์มากดบันทึกเบอร์ “Sweet smile” ล้มตัวลงนอน หลับตาด้วยรอยยิ้มที่ริมฝีปาก
“ขอโทษค่ะ พอดีเพิ่งคุยกับเอชอาร์เสร็จ”
ชายสวมแว่นตากรอบบางรูปร่างสันทัดที่นั่งหัวโต๊ะโบกมือ
“ไม่เป็นไร จา ช่วงนี้แผนกไหนก็ต้องคุยกับทีมลีกัลกันทั้งนั้น”
จารวียิ้มบางเบา ชนะ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับใหญ่ที่ทำงานที่บริษัทมานาน อีกห้าปีก็จะเกษียณจากตำแหน่ง เขาดูแลฝ่ายจัดซื้อทั้งหมดที่แบ่งทีมบายเออร์เป็นกลุ่มตามคำขอจัดซื้อเพื่อสนับสนุนการทำงานของบริษัททุกอย่าง ซื้อตั้งแต่ไม่จิ้มฟันในโรงอาหารยันที่ดินหรือคลังเก็บสินค้า
“นี่ คุณกันตินันท์ เป็นหัวหน้าทีมบายเออร์ฝ่ายผลิตคนใหม่ที่นี่แต่เก๋ามาจากที่อื่น”
“สวัสดีครับ กันครับ”
ชายหนุ่มท่าทางเป็นมิตรเปิดยิ้มทักทายเธอ แปลกที่จารวีรู้สึกคุ้นเคยกับเขาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“สวัสดีค่ะ เรียกจาก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวยิ้มบางให้
“ต่อไป กันมีอะไรก็ดีลกับจาเขาได้เลยนะ จาดูแลบายเออร์ของทีมผลิตทุกคน”
“ครับ ใหม่ๆอาจจะยังไม่เข้าที่ รบกวนด้วยนะครับ”
จารวียิ้มให้อีกครั้ง
“พวกเราน่ะ ตัวดี ทำจาเขาเกือบค้างออฟฟิศมาหลายรอบแล้ว อย่าเอาแต่ใจกันไปนัก แพลนงานล่วงหน้าหน่อย ลีกัลเรามีน้อยแล้วเป็นผู้หญิงกันหมดทั้งทีม บอกๆกันในทีมให้เผื่อเวลาให้ทีมเขาทำงานบ้าง”
“ขอโทษคุณจาด้วยนะครับ ผมเรียกประชุมทุกคนเมื่อเช้าแล้ว อะไรที่ติดขัดอาจจะยังทำให้ช้าอยู่ จะรีบเร่งแก้ให้นะครับ ส่วนคอนแทรคแอดมินเราก็กำลังประสานเอชอาร์ให้เร่งหาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ จาเข้าใจ”
การพูดคุยกันกว่าจะเรียบร้อยก็ร่วมสองชั่วโมง จารวีเตรียมเอกสารที่ลิสต์เอาไว้ว่าสัญญาฉบับใดของบายเออร์คนใดยังติดขัดเรื่องอะไรบ้างอย่างละเอียด จนคนที่มาทำงานใหม่ประทับใจ
“เป็นไง ฝีมือสุดๆนะคนนี้ ดูแลดีๆ บริษัทอื่นร่ำๆว่าจะมาซื้อตัว”
“โอ๊ยย พี่นะ ก็ไปเชื่อข่าวลือ”
“ลืออะไรกัน เขาปิดกันให้แซ่ด”
จารวีหัวเราะและนั่นทำให้คนที่มองอยู่นิ่งไป เธอเป็นคนสวย ชัดเจนตั้งแต่เดินเข้ามา ผิวพรรณนวลเนียน ใบหน้ารูปไข่หวานด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาล จมูกโด่งงามและริมฝีปากสวยเป็นกระจับแต่เมื่อเธอยิ้มเธอน่ารักจับตาจับใจ
“เอาเป็นว่า จาไปโรงงานด้วยวันพุธนี้ละกันนะ บายเออร์ทางนู้นก็จะได้คุยด้วยให้เคลียร์กันไป”
“ได้ค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ มีอีกประชุมต้องเข้าค่ะ”
หญิงสาวรวบเอกสารขึ้นมากอด ยกมือไหว้ชนะที่พยักหน้าให้ และหันมายิ้มลาชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามก่อนจะเดินออกไป ทิ้งกลิ่นหอมหวานของน้ำหอมผู้หญิงเอาไว้ให้ชายหนุ่มที่มาใหม่มองตามไปจนสุดสายตา
ดารินใช้เวลาคุยกับกลทีป์โดยมีนรวุฒิร่วมนั่งทำงานอยู่ด้วยเพราะไม่มีสอนตลอดทั้งบ่าย เรื่องเนื้อหาการสอนนั้นไม่เป็นปัญหาเพียงแต่ระบบการประเมินคะแนนและส่งเกรดทำให้กลทีป์สับสนอยู่พอสมควร
“พี่ที ส่งเกรดนี่แค่อินโทรครับ พอเกรดออกแล้วนี่แหละนรก”
ชายหนุ่มที่นั่งช่วยอธิบายให้รุ่นพี่ฟังกล่าวพร้อมยกไหล่ท่าประจำ
“หืมม? นรกเลยเหรอ”
กลทีป์หน้าเหลอหลา ดารินจึงยิ้มแล้วอธิบาย
“เคยได้ยินไหมคะ ปล้นเกรด”
“อาจารย์คะ หนูทำไมได้ไม่เท่าเพื่อน, อาจารย์คะ ขอให้พิจารณาอีกครั้งเพราะหนูต้องได้เอเพื่อจบเทอมนี้, อาจารย์คะ หนูต้องได้เอเท่านั้นค่ะ เพราะเรียนมาเจ็ดปีแล้ว, อาจารย์คะ บลา บลา บลา พี่ทีเตรียมตัวรับพายุได้เลยครับ”
ชายหนุ่มรุ่นพี่ถึงกับนิ่งกับสิ่งที่อาจารย์หนุ่มเล่า
“สมัยนี้มีปล้นเกรดแบบนี้ด้วยเหรอ”
“ยิ่งกว่านี้ก็มีครับ พ่อแม่มาบุกถึงออฟฟิศจะฟ้องจะโน่นจะนี่ พี่รินก็โดนมาแล้วครับ”
คนที่อาวุโสสุดตรงนั้นหันไปทางดารินทันที หญิงสาวพยักหน้ารับ
“เด็กๆเขาก็มีสิทธิ์จะสงสัยแหละค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องระวังมากขึ้นเวลาให้คะแนน ต้องมีเกณฑ์ชัดเจน มีเหตุผล เก็บหลักฐานไว้ทุกงาน ห้ามพลาดเด็ดขาดนะคะ”
กลทีป์เริ่มมองเห็นเค้าลางว่าจะต้องจัดการอะไรบ้าง
“นี่ยังไม่รวมที่ต้องปะ ฉะ ดะ กับเสือสิงห์กระทิงแรดอาจารย์ด้วยกันนะครับ แต่พี่ทีไม่น่ามีปัญหามากหรอก พวกนั้นประสาทอะไรไม่รู้ชอบมีปัญหากับชะนีอย่างพี่ริน”
ดารินหัวเราะ หักช็อกโกแลตมากินเป็นชิ้นที่สาม รู้สึกน้ำตาลต่ำ
“โอเค อย่าทิ้งพี่นะ พลีส”
คราวนี้รุ่นน้องทั้งสองคนหัวเราะพร้อมกันและคุยกันต่ออีกพักเมื่อใกล้เวลาเลิกงานชายหนุ่มรุ่นพี่จึงเสนอตัวเลี้ยงข้าวเย็นทั้งสองเพื่อฉลองการทำงานวันแรกและเป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือเขา
“กราบขอบคุณครับพี่ที เรามีร้านประจำกัน ไปล้มวัวกันครับ”
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสามก็มานั่งอยู่ที่ร้านปิ้งย่างริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร้านที่นรวุฒิบอกว่าเป็นหนึ่งในร้านบุฟเฟต์ที่สายเนื้อเช่นเขาไม่ควรพลาดโดยมีดารินพยักหน้าเห็นด้วยข้างๆ วันนี้ทั้งสามเดินทางมาด้วยรถของดารินเพราะหนุ่มอีกสองคนไม่ได้เอารถมาทำงาน
มื้ออาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจากเรื่องความหลังสมัยเรียนของแต่ละคน กลทีป์แอบมองรอยยิ้มและดวงตาเป็นประกายที่หาได้ยากจากดารินอย่างห้ามไม่ได้ เขาตักวุ้นเส้นให้หญิงสาวหลายครั้งเพราะจำได้ว่าเป็นของโปรดของเธอ ส่วนนรวุฒิก็สนุกสนานกับการคอยพลิกเนื้อบนเตาใส่จานคนอื่นอย่างเคย
“กินบ้างเถอะ วุฒิ มาๆพี่ทำให้”
“นั่นสิ ยังชอบดูแลคนอื่นตลอดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”
กลทีป์กล่าวชม ดารินแย่งที่คีบไปทำให้สองหนุ่มบ้างหลังจากที่เริ่มจะอิ่ม
“แบบนี้ไงคะ คุณแฟนเขาถึงทั้งรักทั้งหลง หวานกันมาสิบปีไม่เปลี่ยน”
นรวุฒิยิ้มยักไหล่
“โอ้โห นี่วุฒิกับเอกคบกันมาครบสิบปีแล้วเหรอครับ”
“แหม พี่ทีครับ มันช่วยไม่ได้ ก็ทางเราทั้งสวยทั้งเก่งทั้งดี ครบไปหมดจริงๆนี่ครับ”
ดารินกับกลทีป์ประสานเสียงกันหัวเราะ
นรวุฒินั้นคบหากับเอกภพ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์มาตั้งแต่สมัยเรียน ตอนที่เรียนอยู่ที่อังกฤษ แม้จะอยู่คนละเมืองแต่ก็ไปมาหาสู่กันตลอด ไม่ได้ปิดบัง ทำให้เพื่อนนักเรียนไทยรู้เรื่องทั้งสองดี
“อายุยืนมากก พูดถึงก็มาพอดี”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคล้ายๆกับนรวุฒิเพียงแต่ผิวคล้ำกว่าเดินเปิดยิ้มเข้ามาแต่ไกลเมื่อเห็นแฟนหนุ่มโบกมือให้ กลทีป์ย้ายฝั่งมานั่งข้างดารินเปิดที่ว่างให้คนรักได้นั่งด้วยกัน เอกภพยกมือไหว้กลทีป์และดารินทันทีที่นั่งลง บรรยากาศครึกครื้นมากขึ้นเมื่อมีเขามาร่วมวงระลึกความหลังอีกคน
“พี่ที กลับมาพาใครมาด้วยรึเปล่าครับพี่ พวกผมรอข่าวดีพี่กันอยู่นะ”
เอกภพถามขึ้นมาหลังจากเริ่มอิ่มกันแล้วและนั่งละเลียดของหวานและบรรยากาศยามค่ำของแม่น้ำเจ้าพระยากันอยู่ คนถูกถามหัวเราะแอบเหล่มองไปที่หญิงสาวคนเดียวที่ตั้งหน้าตั้งตาตักไอศกรีมชาเขียวเข้าปาก
“ไม่มีเลย พี่ทำแต่งาน”
“อะไรกัน ทั้งหล่อทั้งดีแบบพี่ที มีแต่จะมีคนวิ่งเข้าหาไม่ว่า”
นรวุฒิค้าน หยิบแก้วน้ำของทุกคนมาคีบน้ำแข็งใส่เพิ่มให้ หนุ่มรุ่นพี่ได้แต่หัวเราะเขินๆ เอกภพจึงหันไปทางดารินบ้าง
“แล้วพี่รินล่ะครับ เห็นวุฒิเล่าว่ามีแต่คนเข้ามาจีบ ไม่ถูกใจใครสักคนเหรอครับพี่ ในคณะผมเขาก็ชอบๆพี่กันหลายคนเลยนะ”
“คุณนี่ก็พูดเหมือนไม่รู้จักฉายา เจ้าหญิงหิมะ ใครเข้ามาก็ตีท่าเย็นชากับเขายิ่งกว่าหิมะอีก”
นรวุฒิว่าค่อน ไม่สนใจท่าทางถลึงตาใส่ของดาริน กลทีป์หันไปมองหญิงสาวทันที แกล้งทำเป็นถาม
“รินมีคนมาจีบเยอะเลยเหรอเนี่ย”
“โอ๊ย อย่าให้เม้าท์ครับ พี่ทีแต่ป้าเขาตีหน้านิ่งตะเพิดไปหมด”
ดารินทำเพียงยักไหล่เลียนแบบนรวุฒิบ้าง
“อยู่แบบนี้ก็สบายใจดีนี่นา ใครจะโชคดีเหมือนเธอ”
หญิงสาวเคี้ยวน้ำแข็งใสไปด้วยตอนพูดกับรุ่นน้อง ของหวานอีกถ้วยหลังจากจัดการไอศกรีมเรียบร้อย
“ก็เจ้เล่นปิดประตูใส่โอกาสดีๆหมด ยังไม่ทันจะคุยเลยก็เป็นเจ้าสาวกลัวฝนไปละ คนดีๆมีน้อยนะครับ ระวังจะโดนคาบไปหมด ไม่รู้นะ”
นรวุฒิแอบชายตามาทางกลทีป์ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มเฝ้ามองดารินด้วยสายตาแบบไหนมาเนิ่นนาน ปัญหามันอยู่ที่รุ่นพี่สาวนี่แหละ ยังฝังใจกับอดีตแฟนคนแรกไม่คลาย ทำให้ปิดประตูตายไม่ต้อนรับใครอีกเลยเพราะกลัวจะต้องเสียใจอีก
“เอาเป็นว่า เราสองคนรอไปงานพี่สองคนนะครับ”
เอกภพยิ้ม เขากับนรวุฒิคุยกันทุกเรื่อง ส่วนเรื่องกลทีป์นั้นก็คงจะมีเพียงดารินคนเดียวที่รู้แต่แกล้งทำเป็นมองไม่ออก
“พอกันจริง คู่รักหวานชื่นคู่นี้ เจอใครก็จะให้เขามีแฟนๆ”
หญิงสาวตัดบท ก่อนจะเสนอว่าดึกแล้วควรจะแยกย้ายกันกลับเพราะวันรุ่งขึ้นยังต้องไปทำงาน กลทีป์ยืนยันจะเลี้ยงน้องๆทุกคนรวมถึงเอกภพด้วย จึงนัดกันว่าครั้งหน้าค่อยผลัดกันจ่ายบ้าง แยกย้ายกันขึ้นรถ ดารินโบกมือลารุ่นน้องหนุ่มทั้งสองคน เธออาสาไปส่งกลทีป์ให้เพราะเป็นทางผ่าน เกือบชั่วโมงดารินก็เคลื่อนรถเข้าจอดที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่ง
“ขอบคุณมากครับ ริน ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยนะ”
ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยและรีบลงจากรถไม่ให้หญิงสาวได้ปฏิเสธ เขาโบกมือให้เธอรีบกลับ ดารินจึงต้องออกรถมา
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ เธอไม่ปฏิเสธว่าเขาเป็นคนดีแต่ภาพที่เธอจับได้กับตาว่าแฟนคนแรกนอกใจกับภาพมารดาที่นั่งร้องไห้เพราะบิดาไปมีผู้หญิงคนอื่นยังติดตาติดใจ คราวที่เห็นมารดาเจ็บปวด ดารินก็บอกตนเองว่า เธอจะไม่ผลีผลาม จะศึกษาดูใจดูนิสัยนานๆแต่แล้วความรักครั้งแรกที่ยาวนานถึงหกปีก็จบลงด้วยจุดจบที่ไม่ต่างกับมารดา ตั้งแต่นั้น เธอจึงตั้งกำแพงขึ้นมาเพราะไม่อยากจะเจ็บปวดอีก
‘คนเราไม่เหมือนกันทุกคนหรอก แกเชื่อว่าจะเจอเรื่องเดิมอีกหลังจากซวยซ้ำมาแล้วเหรอ ให้โอกาสตัวเองหน่อยน่า คนดีๆน่ะ หายากนะ’
เสียงพศิกาลอยเข้ามาในหัว ครั้งหนึ่งที่นั่งกินข้าวด้วยกัน
ดารินทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงหลังจากเดินเข้ามาในห้องนอน เธอมองโทรศัพท์มาตลอดทางขึ้นลิฟต์มาที่ห้องหลังจากมาถึงคอนโดของตัวเอง สองจิตสองใจว่าควรจะแกล้งทำเฉยดีหรือไม่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาก่อน
“ถึงพอดีค่ะ พี่ที ขอบคุณนะคะ”
“โอเคครับ งั้นก็กู้ดไนท์นะครับ”
“กู้ดไนท์ค่ะ”
“รินครับ”
เสียงที่เรียกไว้ทำให้ดารินแอบกลั้นหายใจ ขณะที่อีกฝ่ายก็กัดปากตัวเองเช่นกัน ...ใจเย็นก่อน ใจเย็นไว้...กลทีป์บอกตัวเอง
“คะ”
“เจอกันพรุ่งนี้ครับ”
ดารินลอบถอนหายใจ บอกไม่ถูกว่าทำไมในใจถึงรู้สึกผิดหวังเล็กๆ
“เจอกันค่ะ”
หญิงสาวกดวางโทรศัพท์แล้วทิ้งตัวนอนลงไปบนเตียง ถอนใจยาว โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายก็อยู่ในอาการเดียวกัน
พศิกานั่งเป่าผมที่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว งานวันนี้จบลงด้วยดีและได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินคาด บรรดาแขกต่างเข้ามาชื่นชมรสชาติของขนมรวมถึงเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เข้ามาขอบคุณเธอและทีมงานหลังงานจบ และกล่าวว่าจะต้องหาโอกาสมาที่ร้านของพศิกาให้ได้ ลูกค้ามีความสุขเธอก็มีความสุขไปด้วย บรรยากาศของงานนั้นน่ารักและเป็นกันเองอย่างที่ชานนท์ว่า พลอยให้คนที่ไปทำงานอย่างเธอชื่นมื่นไปด้วย
ไม่ใช่งานทุกงานที่เธอและน้องๆไปแล้วจะรู้สึกแบบนี้ งานบางงาน เจ้าภาพหรือไม่ก็แขกที่มาร่วมงานก็แสดงออกชัดเจนว่า พวกเธอเป็นคนทำงานที่อยู่กันคนละระดับกับพวกเขา พศิกาเจอจนชินเสียแล้ว
หญิงสาวดับไฟเตรียมตัวเข้านอนหลังจากวันอันยาวนาน โทรศัพท์ที่วางไว้หัวเตียงก็สั่นเป็นจังหวะ เธอแอบกลอกตาเล็กน้อย หลังจากการโดนหลอกให้ไปกินข้าวเพื่อดูตัววันนั้น หิรัญก็เพียรโทรหาเธอทุกวัน เธอไม่รับเขาก็ไลน์มาหลายข้อความ โชคยังดีที่ร้านของเธอห่างจากที่ทำงานเขามาก ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะมาที่ร้านด้วย วันนี้เธอเหนื่อยและง่วงเต็มที จึงเอนตัวลงนอน ปล่อยให้โทรศัพท์สั่นจนหยุดไปเอง แต่นอนหลับตาไปได้พักเดียวโทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง พศิกาลุกขึ้นนั่งอย่างหัวเสีย เห็นทีจะต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องเสียที
เอื้อมมือมาเปิดไฟหัวเตียงและหยิบโทรศัพท์มาอย่างหงุดหงิดแต่ชะงักไปเมื่อเห็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“สวัสดีค่ะ”
“คุณหลิว ผมชานนท์เองนะครับ”
เธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้น
“ค่ะ คุณชานนท์”
“ขอโทษที่รบกวนนะครับ ผมอยากขอบคุณอีกครั้งน่ะครับ”
“อ้อ ไม่เป็นไรเลยค่ะ ยินดีค่ะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ”
“ไม่เลยครับๆ ไม่มีเลย ทุกอย่างดีมากๆจริงๆครับ”
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นค่ะ”
“แล้วนี่ คุณหลิวกับทุกคนกลับถึงบ้านกันเรียบร้อยดีนะครับ”
“ค่ะ เรียบร้อยดีค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ พักผ่อนมากๆนะครับ ขอบคุณอีกครั้ง...แล้วก็...ฝันดีนะครับ”
พศิกากัดปากตัวเองที่กำลังจะยิ้มออกมา
“ค่ะ ฝันดีเช่นกันค่ะ”
เธอกดวางโทรศัพท์ ได้ยินเสียงหัวใจเต้นดัง ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานานไหลรินผ่านหัวใจ หยิบโทรศัพท์มากดบันทึกเบอร์ “Sweet smile” ล้มตัวลงนอน หลับตาด้วยรอยยิ้มที่ริมฝีปาก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ