เรื่องรักสามฤดู
-
เขียนโดย LaVieRosy
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.33 น.
15 ตอน
0 วิจารณ์
6,236 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 16.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแผ่นป้ายไม้พลิกกลับเป็นคำว่า “Closed” ที่ประตูกระจกใสบานเลื่อนอัตโนมัติ พร้อมกับตัวอักษรเหนือประตูด้านนอกร้อยเรียงอ่อนช้อยด้วยไฟสีเหลืองนวลตัวใหญ่สว่างขึ้นด้วยคำว่า “Deli Delight Cafe” พศิกา เดินตรวจตราความเรียบร้อยไปตามโต๊ะต่างๆภายในคาเฟ่ที่ดัดแปลงมาจากบ้านเก่า ตัวบ้านซ่อนอยู่ใต้เงาร่มไม้ใหญ่น้อย พศิกาเปลี่ยนผนังปูนชั้นล่างทั้งหมดเป็นกระจกใสบานใหญ่ ทำให้เห็นสีเขียวขจีล้อมรอบตัวบ้านและได้ร่มเงาในยามบ่าย ต่อเติมส่วนด้านหน้าเพิ่มเป็นหลังคาเรือนกระจก บุเป็นโซฟาที่นั่งสีน้ำตาลอ่อนตลอดแนว เข้ากับชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้เนื้ออ่อนเรียบง่ายที่วางกระจายตัวไปทั่วชั้นล่าง ส่วนพื้นที่ชั้นบนเป็นห้องเก็บของและห้องทำงานขนาดย่อมของเจ้าของร้าน
หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยกางเกงยีนส์เข้ารูปเข้าชุดกับรองเท้าผ้าใบคู่ประจำ สวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีดำ มีชื่อร้านปักเป็นตัวอักษรตรงอกเดินผ่านเข้ามาในส่วนด้านหลังที่เป็นครัวขนาดใหญ่ ผมยาวสลวยที่ถักเป็นเปียเช่นทุกวันรุ่ยร่าย เหงื่อเม็ดเล็กผุดตามใบหน้าและลำคอขาวผ่องอมชมพู เป็นอีกวันที่เธอและพนักงานรับออเดอร์กันไม่ขาดสายทั้งหน้าร้านและในครัว
พศิกายอมรับว่าเหนื่อยมากแต่ก็มีความสุขเหลือล้น
ท่ามกลางร้านใหม่ๆมากมายที่ผุดขึ้นแทบจะรายวัน ร้านของเธอยังยืนระยะอยู่ได้ยาวนานมาถึงปีที่สิบ หญิงสาวยกเครดิตให้นางพิมพ์จันทร์ คุณยายผู้ล่วงลับของเธอ ที่ทิ้งมรดกไว้ให้เป็นพื้นที่ใจกลางเมืองบนถนนย่านธุรกิจรวมถึงมรดกสูตรขนมทั้งหลายที่ได้กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของร้าน
“Deli Delight Café” เป็นร้านที่มีทั้งเมนูเครื่องดื่ม ขนมอบ ขนมเค้กและขนมไทยคาวและหวาน สลับหมุนเวียนไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน นอกจากวางขายหน้าร้าน พศิกายังรับออเดอร์ขนมตามสั่ง จัดชุดของว่างสำหรับงานต่างๆและส่งตามโรงแรมชื่อดังหลายแห่งด้วย หญิงสาวตั้งใจตั้งชื่อร้านเลือกคำพ้องเสียงคำว่ารสชาติดีและทุกวัน ผสมกับคำว่าความสุขและความพึงพอใจ ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ร้านแห่งนี้นำมาซึ่งความสุขและความพึงพอใจแก่เธอในทุกวันสมความตั้งใจ
ในส่วนครัวขนาดใหญ่หอมอบอวลด้วยกลิ่นขนม ไอร์แลนด์สั่งทำขนาดใหญ่พิเศษตรงกลางเป็นส่วนเอนกประสงค์ที่เธอจะมานั่งสรุปงานรายวันทุกวันหลังปิดร้าน แต่วันนี้มีแขกรับเชิญขาประจำเป็นหญิงสาวสองคนกำลังตักไอศกรีมสีเหลืองนวลเข้าปากอย่างเพลิดเพลินใจ
“เป็นไงบ้าง ใช้ได้ไหม”
พศิกาเดินอ้อมไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับจารวีและดาริน เพื่อนสนิททั้งสองที่เป็นหนูทดลองสูตรขนมใหม่ให้เป็นประจำ
“ดีอ่ะ เหมือนกินมะยงชิดจริงๆ”
จารวีพูดขณะที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ โดยมีดารินพยักเพยิดเห็นด้วยข้างๆกัน หญิงสาวทั้งสามรู้จักกันจากการเรียนร่วมห้องเดียวกันในชั้นมัธยมหนึ่งในโรงเรียนสตรีล้วน ต่างคนต่างมาจากโรงเรียนประถมคนละแห่งแต่ไม่นานก็สนิมสนมกันและร่วมหัวจมท้ายผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันจนถึงตอนนี้นับได้มากกว่ายี่สิบปีแล้ว
“แกทำไอติมได้ดีขึ้นนะ หมวยเล็ก เนื้อนวลเนียนดี”
ดารินเรียกเธอตามคำเรียกที่ทางบ้านเรียก เนื่องด้วยเป็นหลานสาวคนเดียวและเป็นคนสุดท้องในบรรดาหลานย่าหรืออาม่า พศิกามีพี่ชายแท้ๆสองคน ส่วนอีกสี่คนเป็นลูกพี่ลูกน้องชายล้วน ทั้งหมดจึงพากันเรียกเธอจนติดปากว่า อาหมวยเล็ก
“จริงเหรอ ยังไม่ได้ชิมเลย ไหนขอคำนึง”
ดารินตักไอศกรีมสีเหลืองนวลเข้าปากเพื่อนที่ยื่นหน้ามาหา ทั้งสามนั้นสนิทกันมากจนไม่ถือเรื่องเล็กเรื่องน้อยใดๆ เรียกว่ามองตารู้ใจ รู้จักไส้กันทุกขดก็ไม่เกินจริง
“เราชอบทั้งกับข้าวเหนียวมูล ทั้งกับครัมเบิ้ลนะ แกอ่ะ จา”
“เราก็ว่าดีทั้งคู่”
จารวียกนิ้วโป้งให้เพื่อนสองนิ้ว ทำเอาคนทำยิ้มกว้าง เพื่อนทั้งสองพูดกับเธอตรงไปตรงมาเสมอ เป็นอันว่าเมนูประจำฤดูมะยงชิดปีนี้ จะเป็นข้าวเหนียวมูลสูตรดั้งเดิมให้ลูกค้าเลือกจับคู่กับมะยงชิดสดส่งตรงจากสวนทุกวันหรือไอศกรีมมะยงชิดและไอศกรีมมะยงชิดครัมเบิ้ล
“โอเค ดีล! ป่ะ เลี้ยงหมูกระทะ ตามธรรมเนียม”
จารวีและดารินต่างชูมือส่งเสียงเย้ขึ้นมาพร้อมกัน แม้ทั้งสามจะล่วงเลยเข้าสู่วัยสามสิบห้ากันแล้วแต่เมื่ออยู่ด้วยกันก็ยังทำตัวเป็นเด็กเหมือนเคยได้เสมอ
“ว่าแต่ แกจะโดนพี่ธรบ่นอีกไหมเนี่ย จา”
พศิกาอดหันมาถามเพื่อนไม่ได้ ด้วยรู้ดีว่าวัชรธร แฟนหนุ่มรุ่นพี่ของจารวีนั้นออกจะไม่ค่อยชอบให้แฟนสาวมากินดื่มสังสรรค์ที่ร้านหมูกระทะร้านประจำของทั้งสามสักเท่าไหร่นัก จารวีสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย หลุบตาลงเก็บข้าวของใส่กระเป๋า
“ช่างเขาเถอะ บ่นได้บ่นไป เราจะกินซะอย่าง”
ดารินหันมาสบตากับพศิกาทันที ต่างรู้กันด้วยสายตาว่า คืนนี้คงจะได้มีเรื่องคุยกันยาวๆเป็นแน่แท้
หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยกางเกงยีนส์เข้ารูปเข้าชุดกับรองเท้าผ้าใบคู่ประจำ สวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีดำ มีชื่อร้านปักเป็นตัวอักษรตรงอกเดินผ่านเข้ามาในส่วนด้านหลังที่เป็นครัวขนาดใหญ่ ผมยาวสลวยที่ถักเป็นเปียเช่นทุกวันรุ่ยร่าย เหงื่อเม็ดเล็กผุดตามใบหน้าและลำคอขาวผ่องอมชมพู เป็นอีกวันที่เธอและพนักงานรับออเดอร์กันไม่ขาดสายทั้งหน้าร้านและในครัว
พศิกายอมรับว่าเหนื่อยมากแต่ก็มีความสุขเหลือล้น
ท่ามกลางร้านใหม่ๆมากมายที่ผุดขึ้นแทบจะรายวัน ร้านของเธอยังยืนระยะอยู่ได้ยาวนานมาถึงปีที่สิบ หญิงสาวยกเครดิตให้นางพิมพ์จันทร์ คุณยายผู้ล่วงลับของเธอ ที่ทิ้งมรดกไว้ให้เป็นพื้นที่ใจกลางเมืองบนถนนย่านธุรกิจรวมถึงมรดกสูตรขนมทั้งหลายที่ได้กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของร้าน
“Deli Delight Café” เป็นร้านที่มีทั้งเมนูเครื่องดื่ม ขนมอบ ขนมเค้กและขนมไทยคาวและหวาน สลับหมุนเวียนไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน นอกจากวางขายหน้าร้าน พศิกายังรับออเดอร์ขนมตามสั่ง จัดชุดของว่างสำหรับงานต่างๆและส่งตามโรงแรมชื่อดังหลายแห่งด้วย หญิงสาวตั้งใจตั้งชื่อร้านเลือกคำพ้องเสียงคำว่ารสชาติดีและทุกวัน ผสมกับคำว่าความสุขและความพึงพอใจ ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ร้านแห่งนี้นำมาซึ่งความสุขและความพึงพอใจแก่เธอในทุกวันสมความตั้งใจ
ในส่วนครัวขนาดใหญ่หอมอบอวลด้วยกลิ่นขนม ไอร์แลนด์สั่งทำขนาดใหญ่พิเศษตรงกลางเป็นส่วนเอนกประสงค์ที่เธอจะมานั่งสรุปงานรายวันทุกวันหลังปิดร้าน แต่วันนี้มีแขกรับเชิญขาประจำเป็นหญิงสาวสองคนกำลังตักไอศกรีมสีเหลืองนวลเข้าปากอย่างเพลิดเพลินใจ
“เป็นไงบ้าง ใช้ได้ไหม”
พศิกาเดินอ้อมไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับจารวีและดาริน เพื่อนสนิททั้งสองที่เป็นหนูทดลองสูตรขนมใหม่ให้เป็นประจำ
“ดีอ่ะ เหมือนกินมะยงชิดจริงๆ”
จารวีพูดขณะที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ โดยมีดารินพยักเพยิดเห็นด้วยข้างๆกัน หญิงสาวทั้งสามรู้จักกันจากการเรียนร่วมห้องเดียวกันในชั้นมัธยมหนึ่งในโรงเรียนสตรีล้วน ต่างคนต่างมาจากโรงเรียนประถมคนละแห่งแต่ไม่นานก็สนิมสนมกันและร่วมหัวจมท้ายผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันจนถึงตอนนี้นับได้มากกว่ายี่สิบปีแล้ว
“แกทำไอติมได้ดีขึ้นนะ หมวยเล็ก เนื้อนวลเนียนดี”
ดารินเรียกเธอตามคำเรียกที่ทางบ้านเรียก เนื่องด้วยเป็นหลานสาวคนเดียวและเป็นคนสุดท้องในบรรดาหลานย่าหรืออาม่า พศิกามีพี่ชายแท้ๆสองคน ส่วนอีกสี่คนเป็นลูกพี่ลูกน้องชายล้วน ทั้งหมดจึงพากันเรียกเธอจนติดปากว่า อาหมวยเล็ก
“จริงเหรอ ยังไม่ได้ชิมเลย ไหนขอคำนึง”
ดารินตักไอศกรีมสีเหลืองนวลเข้าปากเพื่อนที่ยื่นหน้ามาหา ทั้งสามนั้นสนิทกันมากจนไม่ถือเรื่องเล็กเรื่องน้อยใดๆ เรียกว่ามองตารู้ใจ รู้จักไส้กันทุกขดก็ไม่เกินจริง
“เราชอบทั้งกับข้าวเหนียวมูล ทั้งกับครัมเบิ้ลนะ แกอ่ะ จา”
“เราก็ว่าดีทั้งคู่”
จารวียกนิ้วโป้งให้เพื่อนสองนิ้ว ทำเอาคนทำยิ้มกว้าง เพื่อนทั้งสองพูดกับเธอตรงไปตรงมาเสมอ เป็นอันว่าเมนูประจำฤดูมะยงชิดปีนี้ จะเป็นข้าวเหนียวมูลสูตรดั้งเดิมให้ลูกค้าเลือกจับคู่กับมะยงชิดสดส่งตรงจากสวนทุกวันหรือไอศกรีมมะยงชิดและไอศกรีมมะยงชิดครัมเบิ้ล
“โอเค ดีล! ป่ะ เลี้ยงหมูกระทะ ตามธรรมเนียม”
จารวีและดารินต่างชูมือส่งเสียงเย้ขึ้นมาพร้อมกัน แม้ทั้งสามจะล่วงเลยเข้าสู่วัยสามสิบห้ากันแล้วแต่เมื่ออยู่ด้วยกันก็ยังทำตัวเป็นเด็กเหมือนเคยได้เสมอ
“ว่าแต่ แกจะโดนพี่ธรบ่นอีกไหมเนี่ย จา”
พศิกาอดหันมาถามเพื่อนไม่ได้ ด้วยรู้ดีว่าวัชรธร แฟนหนุ่มรุ่นพี่ของจารวีนั้นออกจะไม่ค่อยชอบให้แฟนสาวมากินดื่มสังสรรค์ที่ร้านหมูกระทะร้านประจำของทั้งสามสักเท่าไหร่นัก จารวีสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย หลุบตาลงเก็บข้าวของใส่กระเป๋า
“ช่างเขาเถอะ บ่นได้บ่นไป เราจะกินซะอย่าง”
ดารินหันมาสบตากับพศิกาทันที ต่างรู้กันด้วยสายตาว่า คืนนี้คงจะได้มีเรื่องคุยกันยาวๆเป็นแน่แท้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ