LacuXs: Academy of Light
-
เขียนโดย VonDerVisE
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.05 น.
8 ตอน
1 วิจารณ์
4,590 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2565 14.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) วันสำคัญ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เช้าวันใหม่กำลังมาเยือนเมือง sandford พระอาทิตย์กำลังขึ้นตามเส้นขอบฟ้า แสงอาทิตย์ที่กระทบกับผืนทรายทำให้เกิดประกายวิบวับ สายลมถาโถม เข้าสู่เมืองอย่างรุนแรง เหมือนรับรู้ได้ถึงวันพิเศษที่กำลังมาเยือน บนยอดดาดฟ้าของบ้านเรือนหลังหนึ่ง มีเงาของหนุ่มน้อย ที่กำลังยืนมอง ดวงอาทิตย์ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขาข้างหนึ่งนั้นเหยีบกับ ราวกั้น มือพาดเข่า เอนตัวไปยังทิศตะวันออก
“ไปลุยกันเลย”
เขาตะโกนออกไปสุดเสียงพร้อมขูมือทั้งสอง ขึ้นสู่ขอบฟ้า ไม่ทันใด หน้าต่างบ้านตรงข้ามก็เปิดออกมาอย่างรุนแรง
“เงียบหน่อยไอเด็กบ้า”
ชายหัวเหม่งพุ้งออกมาตะโกนใส่อย่างแรง เด็กหนุ่มถึงกับตกใจ รีบหลบหลังรั้ว ก่อนจะเอ่ย
“ขอโทษครับ”
โดยปรกติเมือง sandford นั้นมีแต่เสียงพ่อค้าแม่ค้า ดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ดังนั้นช้วงเวลาที่ชาวบ้านต้องการมากที่สุดคือเวลาอันเงียบสงบ ยิ่งเป็นเช้าของวันสอบเข้าด้วยแล้ว นี้คงเป็นช่วงเวลาเดียวที่จะหาความเงียบได้ก่อนที่ผู้คนจะเริ่มออกมาเดินกันอย่างคับคั่ง เด็กหนุ่มรีบเก็บอาวุธที่วางพาดไว้กับกระถางต้นไม้ เขาสะพายมันไว้ที่หลัง โดนใช้ผ้ายาวสีขาวผูกไว้ เขาหยิบเอาผ้าคลุมหัวที่เปื้อนฝุ่นขึ้นมาปัด ก่อนจะเอามันพันรอบคอของเขา เด็กหนุ่มมองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยพลัง
เสียงผู้คนที่เริ่มตื่นจากการหลับไหลเริ่มทำให้ตัวเมืองกลับมามีสีสัน คึกคักอีกครั้ง ประชาชนน้อยใหญ่ต่างพยายามมุ่งหน้าไปหน้าสถาบันก่อนเพื่อจับจองพื้นที่เพราะวันนี้คือวันสำคัญประจำปี บ้างก็มีการไปนอนล้วงหน้าเพราะไม่อยากพลาดการเปิดตัวเหล่าขุนนางทั้งหลาย
“นี้ๆ รีบไปเร็ว”
“อย่าเบียดกันสิ”
ประชาชนเริ่มเดินกันไปที่ถนนสายหลักของเมืองอย่างคึกคัก
ณ ที่พักของพวกขุนนาง เช้าวันใหม่เริ่มทอแสงลงยังห้องที่หรูหรา ลูลุชทักเปียสีทองของเธอจนเสร็จก่อนจะลุกออกจากโตะเครื่องสำอาง เธอเดินไปที่ประตู ก่อนที่ เลิชที่ยืนอยู่จะเปิดประตูให้เธอเพื่ออกไปยังห้องโถง ณ อีกห้องของที่พัก ร่างของเด็กหนุ่ม ผมสีน้ำตาลแดง กำลังยืนให้เหล่าบริวาร แต่งตัวอยู่
“ยังไม่เสร็จอีกหรอ..”
เขามองอย่างดุดันไปยัง บริวารผู้หญิงทั้ง สอง ก่อนจะตบไปยังใบหน้าของ เธอคนหนึ่ง เสียงดังไปทั่วทั้งห้องทำให้ ผู้หญิงคนนึงต้องล้มลงไปกับพื้น
“ขอโทษเพคะองค์ชาย จะรีบจัดให้เสร็จเดี่ยวนี้และคะ” เธอรีบลุกขึ้นมาใส่เครื้องประดับนาๆพัน ลงบนชุดของ เด็กหนุ่ม ก็อกๆ เสียงเคาะประตู ดังขึ้น ก่อนจะเปิดเข้ามา ทำให้เห็นองค์รักษ์ร่างใหญ่
“ท่าน บัททิว ครับถึงเวลาแล้วรถม้าพร้อมแล้วครับ” เขาก้มหน้าลงนิดหน่อยขณะกล่าว
“เออ ไปกันเลย” เด็กหนุ่มยิ้มออกมา
ขณะที่กำลังเดินไปตามทางเดิน เสียงฝีท้าวที่หนักแน่น และเดินกันอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ดูมีจำนวนคนที่มากกว่าที่เห็นเป็นอย่างมาก บัททิว เดินมือท้าวเอวก่อนจะชำเลืองมองดู รอบๆตัว เขาเดินมาถึงทางออก ที่มีรถม้าสีเงิน รออยู่ บริวารรีบเปิดประตูทำให้เห็นความหรูหราพายใน เบาะหนังสีแดง กับผ้าทอสวยหรู มันช่างเหมาะกับองค์ชายเสียนี่กระไร เขากับองค์รักษ์ที่มีแผลที่ตาซ้าย เดินเข้าไปในรถม้า ก่อนที่ประตูจะปิดลง เหล่าองค์รักษ์ที่เหลือเริ่มเดินไปขึ้นม้าที่จัดเตรียมเอาไว้ ก่อนที่จะมีเสียงเป่าแตรเขาสัตว์ยาวเพื่อเป็นสัญญาณ ถึงการเดินทัพ บนชั้นสอง ของที่พักขุนนาง คู่ชายหญิง ที่มีผมสีเงิน กำลังมองไปยังรถม้าที่กำลังออกตัวไปจากที่พัก
“โยร่า เราจะไปแบบนั้นบ้างไหมอะ” เสียงของผู้ชายถามอย่างสงสัย
“จะเอาไปเพื่ออะไรโยเร่ มีแต่พวกโง่เท่านั้นและที่ชอบทำตัวเด่น ใช้หัวคิดเยอะๆหน่อย” เสียงของผู้หญิง พูดออกมาแบบเย็นชา
“ฮาๆ ข้าก็แค่ถามไปงั้น ข้าไม่ชอบขึ้นอะไรพวกนี้อยู่แล้ว เจ้าก็รู้”
“เราก็ไปกันเถอะ” โยร่า กล่าวก่อนจะเดินไปหยิบดาบโค้งขนาดใหญ่มาไว้ตรงหลังของเธอ รถม้าและ เหล่าองค์รักษ์ เริ่มออกตัวไปบน ถนนเส้นหลัก ของเมืองที่พื้นนั้นถูกปูด้วยหินอย่างดี เส้นทางนี้จะนัดผ่านหน้าจตุรัสกลางเมืองก่อนจะไปจบลงที่ ตัวสถาบันพอดิบพอดี
ตอนนี้ผู้คนนั้นแน่นหนามากบริเวณถนนสายหลักยาวไปจนถึงหน้าทางเข้าสถาบัน ผู้คนในเมืองต่างออกมาจับจองพื้นที่เพื่อที่จะดูเหล่าขุนนาง ที่นานๆจะปรากฏตัวให้สาธารณชนได้เห็น โดยธรรมเนียมนั้น ผู้ที่ได้รับเชิญจะเข้าไปยังสถาบันก่อนที่จะให้ผู้คนภายนอกเข้ามาสมัคร เพื่อทดสอบความคู่ควร ดังนั้นจึงมีการต้อนรับผู้ที่ถูกเชิญอย่างยิ่งใหญ่ ให้สมเกียรติ์ “นั้นไงมากันแล้ว” เสียงของชาวเมืองเริ่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงเฮอันดังลั่น เหล่าทหารองครักษ์ หน้าสถาบันเริ่มเป่าแตรยาว ก่อนจะมี ทหารอีกองค์ เดินไปยืนอยู่ยอดประตูทางเข้า เขาแตะไปที่ขอของเขาเบาๆก่อนจะร้ายเวทมนต์ “เปิดประตู” เสียงของเขานั้นดังสนั่น เหล่าทหารค่อยๆเปิดประตูเหล็กบานใหญ่ อย่างช้าๆ เผยให้เห็นลานขนาดใหญ่ ของสถาบัน มีทหารยืนขนาบ สองข้างทาง พร้อมถือธงสัญลักษณ์ แห่งอาณาจักร light kingdom เสียงของม้าที่เดินบนพื้นหินค่อยๆ ดังขึ้น องค์รักษ์ที่อยู่บนยอดประตู ดึงเอาแผ่นหนังแกะออกมาก่อนจะคลี่มันลง เขาอ่าน แล้วออกเสียงอย่างดัง
“ ขอต้อนรับ บุตรสาวแห่งเจ้าเมือง lucion องค์หญิง ลูลุช เดอ ชาน เข้าสู่สถาบัน” ผู้คนต่างมองไปที่หญิงสาวที่งดงามที่ขี่ม้า มากับ องค์รักษ์ของตน
“หลบหน่อย...ขอทางด้วยครับ”
เด็กหนุ่มพยายามเดินแทรกฝูงชนมายังแถวหน้า เขาหยุดมองไปยัง หญิงสาวผู้เลอโฉม อย่างพร้อมเพรียงหญิงสาวก็หันมาสบตายเด็กหนุ่มเช่นกัน เธอมองไปที่เขาอย่างไม่ลดละในขณะที่ มัาก็กำลังเดินไปอย่างช้าๆ “ทำไมเขาถึงพา องค์รักษ์มาแค่คนเดียวละ ดูไม่สมศักดิ์ เอาเสียเลย” ผู้คนต่างซุบซิบนินทากันไปต่างๆนาๆ
“ก็อณาจักร lucion กัมลังเกิดปัญหาอยู่ไง ไม่แน่อณาจักรอาจจะล่มสลายเร็วๆนี้ก็ได้”
“หรือว่าเจ้าเมืองส่งองค์หญิงเพื่อมาเกี้ยวพาราศี กับท่านซิลเว้อ เพื่อที่จะได้ให้อณาจักรยังคงอยู่” ผู้คนเริ่มคุยกันดังขึ้น “อะ..ฮืม” เสียงข่มของ เลิชนั้นทำให้ ผู้คนเงียบลง แต่ตัว องค์หญิงกลับไม่ได้สนใจแม่แต่น้อย เธอนั้นเดินต่อไปตามทางเพื่อเข้าไปยังส
ถาบัน “ขอต้อนรับ บุตรสาวคนโตแห่งนคร tirtana ราวีเอร่า ราวีเร้ เข้าสู่สถาบัน” รถม้าสีน้ำเงินเป็นประกาย พร้อมกับ ทหารองครักษ์ ที่ใส่โซ่สีน้ำเงินเข้มเป็นดังเกราะ ค่อยๆนำ ขบวนมาอย่างช้าๆ ธง สีน้ำเงิน รูป เทพธิดา ถูกชูสูงเหนือพืนดิน มันช่างดูยิ่งใหญ่เสียนี้กระไร ผู้คนต่างส่งเสียงต้อนรับ เป็นดุจตำนานถึงความงามของเจ้าหญิง หากแต่ยังไม่มีไครได้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของเธอ ผู้คนต่างเล่าขานว่า ความงามของเธอนั้นสยบได้ทุกสิ่ง ไม่มีชายใดที่จะไม่หวังครอบครองเธอ อย่างแน่นอน
“ขอต้อนรับ เจ้าชายแห่งเมือง sanzero บัททิว เซ้นต์ ชอน เข้าสู่สถาบัน”
ราชรถสีเงินกำลังขับเคลื่อนเข้ามายังสถาบัน ผู้คนต่างส่งเสียงพากันต้อนรับ
“เซอเบีย เปิดหน้าต่างรถให้ข้าหน่อย ข้าอยากให้พวกเขาเห็นข้าให้เป็นบุญตา” ชายร่างใหญ่เปิดหน้าต่างรถม้าในทันที
“ กรี้ดด.. ท่าน บัททิว บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่าง ส่งเสียงกันอย่างดัง บัททิวมองพวกคนที่อยู่รอบตัวเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะหยิบ เหรียญทองจำนวนหนึ่งแล้วโยนออกไปยังฝูงชน ผู้คนแถวนั้นต่างพยายาม ขว้าแย่งเหรียญทองกันอย่างยุ่งเหยิง ทำให้ทหารที่ประจำการต้องออกมาคลี่คลายเหตุการณ์ในทันที
“ ต่ำกันจริงๆ” บัททิวมองเจือนๆ ก่อนส่งสัญญาณให้ปิดหน้าต่างลง
“ขอต้อนรับ บุตรชายและบุตรสาวแห่ง นครwhite sand ท่านโยร่า กับ ท่านโยเร่ เข้าสู่สถาบัน”
สุดเสียงขององค์รักษ์ หากแต่ไม่มีไครเดินมายังลานเลย นั้นทำให้ประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างงุนงง ผู้คนเริ่มนินทา ว่าทำไมถึงไม่มา หรืออาจเป็นเพราะกลัว ไปต่างๆนา องค์รักษ์ชำเลืองมองเล็กน้อยก่อนจะอ่าน ต่อไป
“ ขอต้อนรับ บุตรชายแห่งเกาะลี้ลับ bracion โมเลีย เข้าสู่สถาบัน”
ราชรถสีดำค่อยๆเคลื่อนผ่านมาอย่างช้าๆ ไม่มีองค์รักษ์ ไดๆ รถสีดำเคลื่อนผ่านไปเองโดยไม่มีม้าจูง กลิ่นอายประหลาดลอยตลบอบอวนไปทั่งทั้งบริเวณ ผู้ที่เห็นบางคนถึงกับเสียวสันหลัง รถม้าเคลื่อนผ่านเข้าไปในสถาบันอย่างช้าๆ เหลือไว้เพียงความรู้สึกอันน่าประหลาด ไว้แก่ผุ้ที่พบเห็น
“และ ขอต้อนรับ องค์รัชทายาทรอง แห่ง light kingdom ท่าน แอ็กเซีก ซิลเว้อ คริมาตา เข้าสู่สถาบัน”
ราชรถสีทราย ม้าสีขาวกับเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่อย่างสง่า ทำให้ผู้ที่เห็นตลึงกับความหล่อเหลา เขาใส่เพียงผ้าสีขาวต่างกับคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด หากแต่บนศรีษะนั้นมี มงกุฎรูปช่อมะกอกสีทองอาหร่าม กับผมสีน้ำตาลอ่อนช่างเข้ากันเป็นอย่างมาก ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นสีแดงเพลิง แสดงถึงความเร้าร้อนในตัวเป็นอย่างดี เขาคุมราชรถด้วยตัวเอง พร้อมทั้งยังโบกมือให้กับประชนทุกคนในบริเวณ ทุกคนต่างสรรเสริญยินดี
“ท่านซิลเว้อๆ” เสียงของประชาชน กึกก้องไปทั่วบริเวณทางเข้า light academy
เด็กหนุ่มมองไปยัง ประชาชนโดยรอบอย่าง ยิ้มแย้ม ก่อนจะเข้าไปสถาบัน ประตูเหล็กค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ ตึง!! ประตูเหล็กปิดเสียงดัง พร้อมกับเสียงประกาศ
“ต่อไปนี้จะเป็นการเปิดรับสมัครประจำปี ผู้ที่ต้องการจะทดสอบว่าจะได้เข้าไปยังสถาบันโดยการประลอง โปรดเตรียมตัวลงทะเบียนที่ ลานจตุรัส กลางเมืองขณะ นี้ทางสถาบันได้ทำการเตรียมพร้อมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โปรดเดินทางไปยังจตุรัสได้เลย ส่วนผู้ที่สนใจสอบเข้าแบบปรกติเชิญติดต่อที่ด้านหน้าของสถาบัน”
องค์รักษ์ที่ยืนอยู่บนยอดประตู เดินกลับเข้าไปในสถาบัน ประชาชนทุกคนต่างเฮลั่น นี้คือการเริ่มต้นแห่งบทชีวิตใหม่ของใครหลายๆ คน ทุกคนที่ยืนดูอยู่ที่นี้พร้อมจะออกเดินทางเพื่อทดสอบความสามารถของตัวเอง
“เอาละไปกันเลย” เด็กหนุ่มยิ้มกล่าว ทันไดนั้นสายลมก็พัดมาพร้อมกับการหายตัวไปของเด็กหนุ่ม
…………………………………………………………………………………………………………………………..
“ไปลุยกันเลย”
เขาตะโกนออกไปสุดเสียงพร้อมขูมือทั้งสอง ขึ้นสู่ขอบฟ้า ไม่ทันใด หน้าต่างบ้านตรงข้ามก็เปิดออกมาอย่างรุนแรง
“เงียบหน่อยไอเด็กบ้า”
ชายหัวเหม่งพุ้งออกมาตะโกนใส่อย่างแรง เด็กหนุ่มถึงกับตกใจ รีบหลบหลังรั้ว ก่อนจะเอ่ย
“ขอโทษครับ”
โดยปรกติเมือง sandford นั้นมีแต่เสียงพ่อค้าแม่ค้า ดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ดังนั้นช้วงเวลาที่ชาวบ้านต้องการมากที่สุดคือเวลาอันเงียบสงบ ยิ่งเป็นเช้าของวันสอบเข้าด้วยแล้ว นี้คงเป็นช่วงเวลาเดียวที่จะหาความเงียบได้ก่อนที่ผู้คนจะเริ่มออกมาเดินกันอย่างคับคั่ง เด็กหนุ่มรีบเก็บอาวุธที่วางพาดไว้กับกระถางต้นไม้ เขาสะพายมันไว้ที่หลัง โดนใช้ผ้ายาวสีขาวผูกไว้ เขาหยิบเอาผ้าคลุมหัวที่เปื้อนฝุ่นขึ้นมาปัด ก่อนจะเอามันพันรอบคอของเขา เด็กหนุ่มมองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยพลัง
เสียงผู้คนที่เริ่มตื่นจากการหลับไหลเริ่มทำให้ตัวเมืองกลับมามีสีสัน คึกคักอีกครั้ง ประชาชนน้อยใหญ่ต่างพยายามมุ่งหน้าไปหน้าสถาบันก่อนเพื่อจับจองพื้นที่เพราะวันนี้คือวันสำคัญประจำปี บ้างก็มีการไปนอนล้วงหน้าเพราะไม่อยากพลาดการเปิดตัวเหล่าขุนนางทั้งหลาย
“นี้ๆ รีบไปเร็ว”
“อย่าเบียดกันสิ”
ประชาชนเริ่มเดินกันไปที่ถนนสายหลักของเมืองอย่างคึกคัก
ณ ที่พักของพวกขุนนาง เช้าวันใหม่เริ่มทอแสงลงยังห้องที่หรูหรา ลูลุชทักเปียสีทองของเธอจนเสร็จก่อนจะลุกออกจากโตะเครื่องสำอาง เธอเดินไปที่ประตู ก่อนที่ เลิชที่ยืนอยู่จะเปิดประตูให้เธอเพื่ออกไปยังห้องโถง ณ อีกห้องของที่พัก ร่างของเด็กหนุ่ม ผมสีน้ำตาลแดง กำลังยืนให้เหล่าบริวาร แต่งตัวอยู่
“ยังไม่เสร็จอีกหรอ..”
เขามองอย่างดุดันไปยัง บริวารผู้หญิงทั้ง สอง ก่อนจะตบไปยังใบหน้าของ เธอคนหนึ่ง เสียงดังไปทั่วทั้งห้องทำให้ ผู้หญิงคนนึงต้องล้มลงไปกับพื้น
“ขอโทษเพคะองค์ชาย จะรีบจัดให้เสร็จเดี่ยวนี้และคะ” เธอรีบลุกขึ้นมาใส่เครื้องประดับนาๆพัน ลงบนชุดของ เด็กหนุ่ม ก็อกๆ เสียงเคาะประตู ดังขึ้น ก่อนจะเปิดเข้ามา ทำให้เห็นองค์รักษ์ร่างใหญ่
“ท่าน บัททิว ครับถึงเวลาแล้วรถม้าพร้อมแล้วครับ” เขาก้มหน้าลงนิดหน่อยขณะกล่าว
“เออ ไปกันเลย” เด็กหนุ่มยิ้มออกมา
ขณะที่กำลังเดินไปตามทางเดิน เสียงฝีท้าวที่หนักแน่น และเดินกันอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ดูมีจำนวนคนที่มากกว่าที่เห็นเป็นอย่างมาก บัททิว เดินมือท้าวเอวก่อนจะชำเลืองมองดู รอบๆตัว เขาเดินมาถึงทางออก ที่มีรถม้าสีเงิน รออยู่ บริวารรีบเปิดประตูทำให้เห็นความหรูหราพายใน เบาะหนังสีแดง กับผ้าทอสวยหรู มันช่างเหมาะกับองค์ชายเสียนี่กระไร เขากับองค์รักษ์ที่มีแผลที่ตาซ้าย เดินเข้าไปในรถม้า ก่อนที่ประตูจะปิดลง เหล่าองค์รักษ์ที่เหลือเริ่มเดินไปขึ้นม้าที่จัดเตรียมเอาไว้ ก่อนที่จะมีเสียงเป่าแตรเขาสัตว์ยาวเพื่อเป็นสัญญาณ ถึงการเดินทัพ บนชั้นสอง ของที่พักขุนนาง คู่ชายหญิง ที่มีผมสีเงิน กำลังมองไปยังรถม้าที่กำลังออกตัวไปจากที่พัก
“โยร่า เราจะไปแบบนั้นบ้างไหมอะ” เสียงของผู้ชายถามอย่างสงสัย
“จะเอาไปเพื่ออะไรโยเร่ มีแต่พวกโง่เท่านั้นและที่ชอบทำตัวเด่น ใช้หัวคิดเยอะๆหน่อย” เสียงของผู้หญิง พูดออกมาแบบเย็นชา
“ฮาๆ ข้าก็แค่ถามไปงั้น ข้าไม่ชอบขึ้นอะไรพวกนี้อยู่แล้ว เจ้าก็รู้”
“เราก็ไปกันเถอะ” โยร่า กล่าวก่อนจะเดินไปหยิบดาบโค้งขนาดใหญ่มาไว้ตรงหลังของเธอ รถม้าและ เหล่าองค์รักษ์ เริ่มออกตัวไปบน ถนนเส้นหลัก ของเมืองที่พื้นนั้นถูกปูด้วยหินอย่างดี เส้นทางนี้จะนัดผ่านหน้าจตุรัสกลางเมืองก่อนจะไปจบลงที่ ตัวสถาบันพอดิบพอดี
ตอนนี้ผู้คนนั้นแน่นหนามากบริเวณถนนสายหลักยาวไปจนถึงหน้าทางเข้าสถาบัน ผู้คนในเมืองต่างออกมาจับจองพื้นที่เพื่อที่จะดูเหล่าขุนนาง ที่นานๆจะปรากฏตัวให้สาธารณชนได้เห็น โดยธรรมเนียมนั้น ผู้ที่ได้รับเชิญจะเข้าไปยังสถาบันก่อนที่จะให้ผู้คนภายนอกเข้ามาสมัคร เพื่อทดสอบความคู่ควร ดังนั้นจึงมีการต้อนรับผู้ที่ถูกเชิญอย่างยิ่งใหญ่ ให้สมเกียรติ์ “นั้นไงมากันแล้ว” เสียงของชาวเมืองเริ่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงเฮอันดังลั่น เหล่าทหารองครักษ์ หน้าสถาบันเริ่มเป่าแตรยาว ก่อนจะมี ทหารอีกองค์ เดินไปยืนอยู่ยอดประตูทางเข้า เขาแตะไปที่ขอของเขาเบาๆก่อนจะร้ายเวทมนต์ “เปิดประตู” เสียงของเขานั้นดังสนั่น เหล่าทหารค่อยๆเปิดประตูเหล็กบานใหญ่ อย่างช้าๆ เผยให้เห็นลานขนาดใหญ่ ของสถาบัน มีทหารยืนขนาบ สองข้างทาง พร้อมถือธงสัญลักษณ์ แห่งอาณาจักร light kingdom เสียงของม้าที่เดินบนพื้นหินค่อยๆ ดังขึ้น องค์รักษ์ที่อยู่บนยอดประตู ดึงเอาแผ่นหนังแกะออกมาก่อนจะคลี่มันลง เขาอ่าน แล้วออกเสียงอย่างดัง
“ ขอต้อนรับ บุตรสาวแห่งเจ้าเมือง lucion องค์หญิง ลูลุช เดอ ชาน เข้าสู่สถาบัน” ผู้คนต่างมองไปที่หญิงสาวที่งดงามที่ขี่ม้า มากับ องค์รักษ์ของตน
“หลบหน่อย...ขอทางด้วยครับ”
เด็กหนุ่มพยายามเดินแทรกฝูงชนมายังแถวหน้า เขาหยุดมองไปยัง หญิงสาวผู้เลอโฉม อย่างพร้อมเพรียงหญิงสาวก็หันมาสบตายเด็กหนุ่มเช่นกัน เธอมองไปที่เขาอย่างไม่ลดละในขณะที่ มัาก็กำลังเดินไปอย่างช้าๆ “ทำไมเขาถึงพา องค์รักษ์มาแค่คนเดียวละ ดูไม่สมศักดิ์ เอาเสียเลย” ผู้คนต่างซุบซิบนินทากันไปต่างๆนาๆ
“ก็อณาจักร lucion กัมลังเกิดปัญหาอยู่ไง ไม่แน่อณาจักรอาจจะล่มสลายเร็วๆนี้ก็ได้”
“หรือว่าเจ้าเมืองส่งองค์หญิงเพื่อมาเกี้ยวพาราศี กับท่านซิลเว้อ เพื่อที่จะได้ให้อณาจักรยังคงอยู่” ผู้คนเริ่มคุยกันดังขึ้น “อะ..ฮืม” เสียงข่มของ เลิชนั้นทำให้ ผู้คนเงียบลง แต่ตัว องค์หญิงกลับไม่ได้สนใจแม่แต่น้อย เธอนั้นเดินต่อไปตามทางเพื่อเข้าไปยังส
ถาบัน “ขอต้อนรับ บุตรสาวคนโตแห่งนคร tirtana ราวีเอร่า ราวีเร้ เข้าสู่สถาบัน” รถม้าสีน้ำเงินเป็นประกาย พร้อมกับ ทหารองครักษ์ ที่ใส่โซ่สีน้ำเงินเข้มเป็นดังเกราะ ค่อยๆนำ ขบวนมาอย่างช้าๆ ธง สีน้ำเงิน รูป เทพธิดา ถูกชูสูงเหนือพืนดิน มันช่างดูยิ่งใหญ่เสียนี้กระไร ผู้คนต่างส่งเสียงต้อนรับ เป็นดุจตำนานถึงความงามของเจ้าหญิง หากแต่ยังไม่มีไครได้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของเธอ ผู้คนต่างเล่าขานว่า ความงามของเธอนั้นสยบได้ทุกสิ่ง ไม่มีชายใดที่จะไม่หวังครอบครองเธอ อย่างแน่นอน
“ขอต้อนรับ เจ้าชายแห่งเมือง sanzero บัททิว เซ้นต์ ชอน เข้าสู่สถาบัน”
ราชรถสีเงินกำลังขับเคลื่อนเข้ามายังสถาบัน ผู้คนต่างส่งเสียงพากันต้อนรับ
“เซอเบีย เปิดหน้าต่างรถให้ข้าหน่อย ข้าอยากให้พวกเขาเห็นข้าให้เป็นบุญตา” ชายร่างใหญ่เปิดหน้าต่างรถม้าในทันที
“ กรี้ดด.. ท่าน บัททิว บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่าง ส่งเสียงกันอย่างดัง บัททิวมองพวกคนที่อยู่รอบตัวเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะหยิบ เหรียญทองจำนวนหนึ่งแล้วโยนออกไปยังฝูงชน ผู้คนแถวนั้นต่างพยายาม ขว้าแย่งเหรียญทองกันอย่างยุ่งเหยิง ทำให้ทหารที่ประจำการต้องออกมาคลี่คลายเหตุการณ์ในทันที
“ ต่ำกันจริงๆ” บัททิวมองเจือนๆ ก่อนส่งสัญญาณให้ปิดหน้าต่างลง
“ขอต้อนรับ บุตรชายและบุตรสาวแห่ง นครwhite sand ท่านโยร่า กับ ท่านโยเร่ เข้าสู่สถาบัน”
สุดเสียงขององค์รักษ์ หากแต่ไม่มีไครเดินมายังลานเลย นั้นทำให้ประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างงุนงง ผู้คนเริ่มนินทา ว่าทำไมถึงไม่มา หรืออาจเป็นเพราะกลัว ไปต่างๆนา องค์รักษ์ชำเลืองมองเล็กน้อยก่อนจะอ่าน ต่อไป
“ ขอต้อนรับ บุตรชายแห่งเกาะลี้ลับ bracion โมเลีย เข้าสู่สถาบัน”
ราชรถสีดำค่อยๆเคลื่อนผ่านมาอย่างช้าๆ ไม่มีองค์รักษ์ ไดๆ รถสีดำเคลื่อนผ่านไปเองโดยไม่มีม้าจูง กลิ่นอายประหลาดลอยตลบอบอวนไปทั่งทั้งบริเวณ ผู้ที่เห็นบางคนถึงกับเสียวสันหลัง รถม้าเคลื่อนผ่านเข้าไปในสถาบันอย่างช้าๆ เหลือไว้เพียงความรู้สึกอันน่าประหลาด ไว้แก่ผุ้ที่พบเห็น
“และ ขอต้อนรับ องค์รัชทายาทรอง แห่ง light kingdom ท่าน แอ็กเซีก ซิลเว้อ คริมาตา เข้าสู่สถาบัน”
ราชรถสีทราย ม้าสีขาวกับเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่อย่างสง่า ทำให้ผู้ที่เห็นตลึงกับความหล่อเหลา เขาใส่เพียงผ้าสีขาวต่างกับคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด หากแต่บนศรีษะนั้นมี มงกุฎรูปช่อมะกอกสีทองอาหร่าม กับผมสีน้ำตาลอ่อนช่างเข้ากันเป็นอย่างมาก ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นสีแดงเพลิง แสดงถึงความเร้าร้อนในตัวเป็นอย่างดี เขาคุมราชรถด้วยตัวเอง พร้อมทั้งยังโบกมือให้กับประชนทุกคนในบริเวณ ทุกคนต่างสรรเสริญยินดี
“ท่านซิลเว้อๆ” เสียงของประชาชน กึกก้องไปทั่วบริเวณทางเข้า light academy
เด็กหนุ่มมองไปยัง ประชาชนโดยรอบอย่าง ยิ้มแย้ม ก่อนจะเข้าไปสถาบัน ประตูเหล็กค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ ตึง!! ประตูเหล็กปิดเสียงดัง พร้อมกับเสียงประกาศ
“ต่อไปนี้จะเป็นการเปิดรับสมัครประจำปี ผู้ที่ต้องการจะทดสอบว่าจะได้เข้าไปยังสถาบันโดยการประลอง โปรดเตรียมตัวลงทะเบียนที่ ลานจตุรัส กลางเมืองขณะ นี้ทางสถาบันได้ทำการเตรียมพร้อมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โปรดเดินทางไปยังจตุรัสได้เลย ส่วนผู้ที่สนใจสอบเข้าแบบปรกติเชิญติดต่อที่ด้านหน้าของสถาบัน”
องค์รักษ์ที่ยืนอยู่บนยอดประตู เดินกลับเข้าไปในสถาบัน ประชาชนทุกคนต่างเฮลั่น นี้คือการเริ่มต้นแห่งบทชีวิตใหม่ของใครหลายๆ คน ทุกคนที่ยืนดูอยู่ที่นี้พร้อมจะออกเดินทางเพื่อทดสอบความสามารถของตัวเอง
“เอาละไปกันเลย” เด็กหนุ่มยิ้มกล่าว ทันไดนั้นสายลมก็พัดมาพร้อมกับการหายตัวไปของเด็กหนุ่ม
…………………………………………………………………………………………………………………………..
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ