รักสุดใจ นายตัวร้าย
9.7
เขียนโดย Ban_Jantra
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 15.09 น.
3 ตอน
1 วิจารณ์
2,433 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2565 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 1
ปัง!
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นหลายนัดภายในห้องห้องหนึ่ง ทำให้เด็กชายและเด็กหญิงที่กำลังสนุกสนานอยู่กับการเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ ต้องรีบวิ่งมาดูที่ต้นเสียงอย่างร้อนรน เด็กชายวิ่งมาหยุดชะงักที่หน้าประตูห้องต้นเสียงดังกล่าว พร้อมยื่นมือกันเด็กหญิงไว้อีกข้างเพื่อไม่ให้วิ่งเข้าไป เขาค่อยๆ ชะโงกมองผ่านมุมประตู ภาพที่เห็นแม่ของเขาโดนปืนจ่อยิงบนเตียงนอน เลือดไหลอาบ นอนแน่นิ่งไม่ขยับร่างกาย เด็กชายยืนมองด้วยความหวาดกลัว ดวงตาเบิกโพลงกว้าง กำมือแน่นตัวสั่น น้ำตาไหลอาบแก้มพรางกลั้นเสียงร้องไห้จุกอยู่ในลำคอ
“ไปเถอะ เราต้องหนีตอนนี้เลย”
เด็กชายตั้งสติ กระซิบบอกข้างหูพร้อมรีบจูงมือเด็กหญิงวิ่งออกจากสถานการณ์ตรงนั้น แต่ทว่ามือปืนที่โหดเหี้ยมได้ยินเสียงเด็กน้อย จึงรีบวิ่งออกตามมาอย่างร้อนรน
เด็กๆ วิ่งหนีมาอย่างไม่คิดชีวิต จนมาถึงโขดหินขนาดใหญ่ริมทะเล ทั้งสองคนรีบลงไปยังตีนโขดหินเพื่อก้มตัวหลบมือปืน น้ำทะเลซัดกระทบโขดหินและเด็กน้อยจนเปียกโชก แต่โชคชะตาช่างใจร้ายกับพวกเขาเหลือเกิน มือปืนตามมาจนพบเด็กน้อยที่กำลังลี้หลบภัยอยู่ มือปืนโหดเหี้ยมนั่นไม่รอช้ารีบกระชากเเขนเด็กชายขึ้นมาด้วยความไร้ปราณี เด็กหญิงไม่หวาดกลัวรีบเข้าไปช่วยทันที ปากอันเล็กกัดไปที่แขนมือปืนนั่นทันใด
“โอ้ย นังเด็กนี่” มือปืนผลักเด็กหญิงออกจนล้มแขนกระแทกพื้น เธอรู้สึกเจ็บมากจนร้องไห้ออกมา
เด็กชายตั้งตัวได้ อาศัยเวลาที่มือปืนเผลอ รีบเตะผ่าหมากเข้าเป้ากางเกงของมือปืนจนทำให้ปืนที่ถืออยู่หลุดไป และรีบกุมดวงใจของตัวเองด้วยความเจ็บปวด
“ไปเร็ว ลุกไหวไหม ทนหน่อยนะ” เด็กชายเข้ามาพยุงตัวเด็กหญิงลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะหนีไป ก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาอีกนัด ปัง!
“เลิกดื้อเหมือนแม่แกสักที”
“พ่อ”
“ฉันให้เวลาแกมามากแล้ว กลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้ คิดว่าพวกแกจะหนีฉันพ้นเหรอ”
“พ่อฆ่าแม่ทำไม” เด็กชายร้องไห้ฟูมฟายวิ่งเข้ามาตีหน้าอกผู้เป็นพ่อ
“แม่แก มันนังแพศยา คนทรยศอย่างนั้นสมควรตาย” พ่อเด็กชายกระชากหัวลูกชายขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นเสียงอย่างขาดสติ
“ผมไม่ไป”
“แกไม่สิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น เพราะต่อไปนี้ฉันคือเจ้าของชีวิตแก แกจะต้องทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น แกจะต้องอยู่ชดใช้ในสิ่งที่แม่ของแกทรยศฉัน จำไว้…เอาตัวมันไป” ผู้เป็นพ่อพูดจบพร้อมกับผลักหัวเด็กชายไปในกลุ่มผู้ติดตามให้จับตัวไว้
“หยุดนะ อย่าเอาตัวพี่ไปนะ” เด็กหญิงรวบรวมแรงกายทั้งหมดลุกขึ้นเพื่อจะเข้าไปช่วยเด็กชาย
“อย่าบอกนะว่า นังเด็กนี่เป็นความอัปยศของแม่แกอีกคน” เด็กหญิงโดนลูกน้องของพ่อเด็กชายล็อคตัวไว้ก่อนที่จะเข้าไปถึงตัวเด็กชาย
“อย่านะ เธอไม่เกี่ยว เธอเป็นแค่เด็กแถวนี้มาเล่นที่บ้านผมเท่านั้น”
“งั้นเหรอ”
เด็กชายขอร้องอ้วนวอนผู้เป็นพ่อให้ไว้ชีวิตเด็กหญิง เขาพยักหน้าบอกเป็นนัยว่าให้ลูกน้องเลิกล็อคตัวเธอ ทันทีที่เธอถูกปล่อยก็รีบวิ่งเข้ามาหาเด็กชายทันที
“พี่คะ พี่จะไปไหน พวกนี้เป็นคนไม่ดีใช่ไหมคะ พี่จะไม่เป็นไรใช่ไหม พี่อย่าไปนะ” เด็กหญิงร้องไห้ฟูมฟายกอดคอเด็กชายเอาไว้อย่างแน่น
“ชู่.. ฟังพี่ดีๆ นะ เธอรีบหนีไปให้ไกลที่สุด อย่าหันกลับมามองเด็ดขาด พี่สัญญา พี่จะกลับมาหาเธอ กลับมาสอนเธอว่ายน้ำอีก เข้าใจไหม เธอต้องเข้มแข้ง และรอพี่ก่อนนะ” เด็กชายกระซิบบอกข้างหูเด็กหญิงอย่างเบาๆ
“ไปได้แล้ว” ผู้เป็นพ่อรีบตัดบท ลูกน้องจึงรีบจับตัวเด็กชายและพาเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
เด็กหญิงมองตามพี่ชายของเขาไปจนสุดทาง ด้วยอาการร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างหนักก่อนจะรีบวิ่งหนีออกจากตรงนั้นไปเช่นกัน
“ไปจัดการให้เรียบร้อย เด็กนั่นรู้เห็นมากเกินไป”
“ครับ ท่านประธาน”
ประโยคสิ้นสุด เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด เด็กชายที่ถูกลากขึ้นรถมาโดยมีลูกน้องของพ่อเขาคอยควบคุมประกบรอบข้าง เขาร้องออกมาอย่างตกใจ พร้อมน้ำตาที่กระหน่ำพรั่งพรู พยายามดิ้นรนเพื่อจะออกจากรถ แต่ก็ไม่สามารถต้านแรงต้านทานของลูกน้องพ่อเขาได้
เด็กชายสูญเสียทั้งแม่ สูญเสียเด็กหญิงที่เขาเปรียบเสมือนน้องสาวในเวลาเดียวกัน ด้วยน้ำมือของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ ชีวิตของเด็กชายต่อไปนี้จะต้องพบเจอกับสิ่งใดในเบื้องหน้า ความเกลียด ความโกรธแค้น กำลังเกาะกินหัวใจเด็กชายผู้น่าสงสาร นับแต่นี้ชีวิตของเขา จะพบกับความสุขได้อย่างนั้นหรือ ความชั่วร้ายจะเข้าครอบงำเขาเหมือนกับพ่อเขาหรือไม่…
12 ปีต่อมา
มหาวิทยาลัยแซบม คณะบริหารธุรกิจฯ
“มินจี มินจี ข่าวด่วนๆ” ยูจินสาวเพื่อนซี้ของซอนมินจี วิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ
“ฉันว่ายัยนี่ลืมทำการบ้านมาแหงๆ” เสียงเพื่อนผู้หญิงอีกคนพูดแทรกขึ้นมาขณะที่อีกฝั่งยังเหนื่อยหอบอยู่
“แย่แล้วๆ ล่ะ รุ่นพี่ลี…โฮยอน เขา… จะสละสิทธิ์คัดตัวเข้าทีมชาติ” เมื่อเพื่อนเธอพูดจบประโยคเสร็จ ซอนมินจีตกใจและนิ่งไปสักพัก โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“นี่ ยูจิน ข่าวเธอชัวร์แน่เหรอ รุ่นพี่ลีโฮยอนไม่มีทางเลิกว่ายน้ำแน่ๆ” โบยองสาวเพื่อนซี้ผู้หญิงอีกคนพูดด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่อยากรู้อยากเห็น
“ชัวร์แน่นอน โค้ชคิมหน้าจะประกาศวันนี้ มินจีเธอไม่รู้ข่าวนี้มาก่อนเลยเหรอ”
“ไม่อ่ะ ฉันจะไปรู้ได้ไงเล่า” ซอนมินจีตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเงียบ แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
เย็นวันเดียวกันนั้น ระหว่างเดินทางกลับบ้านเธอครุ่นคิดถึงเรื่องที่โค้ชคิมประกาศวันนี้ว่าลีโฮยอนถอนตัวการแข่งขันว่ายน้ำเพื่อคัดเลือกเข้าทีมชาติ
‘เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องนั้นนะ’
2 วันก่อนหน้านี้
ระหว่างทางเดินกลับบ้านก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาตามทางเดินอย่างว่องไว
‘เอ๋! อร้ายยยย’ ชายร่างสูงใหญ่วิ่งมาชนสาวร่างเล็กเข้าอย่างแรง จนเธอล้มลงไปกองกับพื้นด้วยสีหน้าโมโหสุดขีดก่อนจะเงยหน้ามองชายไร้มารยาทคนนั้น
“ลีโฮยอน”
ชายหนุ่มสุดหล่อทายาทบริษัทบอดี้การ์ดขนาดใหญ่ของประเทศ รุ่นพี่ปี4 คณะบริหารธุรกิจ ผู้โด่งดังในมหาลัยวิทยาลัย เรียนเก่ง ความสามารถรอบด้าน ผิวเข้ม ตัวสูง ผมสีดำสนิท ริมฝีที่ดูอวบอิ่ม บวกกับแววตาที่คมกริบมีเสน่ห์ ชวนให้สาวๆ ทั้งมหาลัยฯ คลั่งใคล้และหลงใหล แต่นี่เป็นเพียงภายนอกที่เห็นเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเขามีความลึกลับ ชอบเก็บตัว ไม่พูดกับใคร ไม่มีเพื่อน และไม่สนใจใครทั้งนั้นนอกจากตัวเขาเอง หลายครั้งที่มีผู้หญิงมาสารภาพรัก ก็โดนปฏิเสธกลับไปอย่างหน้าชาตลอด แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมของลีโฮยอนลดลงไปแม้แต่น้อย ซึ่งฉันเองก็ยอมรับว่าชื่นชอบในความสามารถการว่ายน้ำของเขาเช่นกัน
“ชู่! มานี่”
ลีโฮยอนทำเสียงกระซิบ พร้อมกับประคองซอนมินจีลุกขึ้นจากพื้น มือใหญ่ๆ ของเขาจับข้อมืออันน้อยนิดของเธอแล้วลากไถลวิ่งไปพร้อมกับเขา
เอ๊ะ! มีคนไล่ตามนายมานี่
เธอเหลือบมองไปเห็นชายฉกรรจ์ประมาณ 5-6 คน ซึ่งกำลังวิ่งไล่ตามมาไม่หยุด ทันทีที่เธอเห็นว่าภัยอันตรายกำลังไล่ตามเธออยู่ ความคิดเอาตัวรอดสั่งการสมองให้เธอรีบเร่งฝีเท้าวิ่งติดสปีดด้วยความเร็วแสงไปพร้อมกับลีโฮยอน เขาทั้งสองวิ่งมาจนสุดทางตันภายในซอยคับแคบของชุมชนแออัด เจ้าพวกนั้นที่ตามมาติดๆ ต้อนเขาทั้งสองจนจนมุม ไม่มีทางหนีไปไหนได้อีก
‘เจ้าพวกนี้มันเป็นใครกันนะ มันไล่ตามลีโฮยอนมาทำไมกันนะ’ คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวซอนมินจีเต็มไปหมด
“หลบข้างหลังฉัน”
ลีโฮยอนดันตัวซอนมินจีไปอยู่ด้านหลังของเขา แผ่นหลังและไหล่กว้างๆ ปิดบังตัวเล็กๆ อย่างเธอจนมิด เธอเหลือบมองไปที่ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยสายตามุ่งมั่นและจริงจังนั่น มันช่างชวนสะกดใจจริงๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแม้จะมองเพียงแค่ด้านข้าง ก็ทำให้ใจเต้นรัว จนแทบจะหลุดออกมา
ตุบ ตับ ผลัวะ เสียงปะทะการต่อสู้ที่แสนแข็งแกร่ง ในพริบตาเดียวลีโฮยอนจัดการเจ้าพวกนั้นลงไปกองกับพื้นจนราบคาบ หมดสติแบบสะบักสะบอม แม้แต่ลีโฮยอนเองก็แสดงความรู้สึกเหนื่อยมากจนเห็นได้ชัด
‘โอ้ ไม่นะ เขาเท่ห์มาก’ เขาจัดการพวกนั้นได้อยู่หมัด เธอตลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะรู้สึกได้ว่ารับรู้ถึงเสียงลมหายใจเหนื่อยหอบรดมาที่ใบหน้าจนรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆ ซึ่งกำลังรับปะทะกับใบหน้าของเธอ
“ขอร้องล่ะ เรื่องวันนี้ห้ามไปบอกใคร”
เสียงแผ่วๆ ของลีโฮยอน และลมหายใจอุ่นๆ ที่ออกมากลับเปลี่ยนเป็นรู้สึกเยือกเย็นสุดๆ
‘นี่มันอะไรกันนะ นี่มันเรื่องอะไร’
“ปากของนาย” ซอนมินจีพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับที่ปากของเขาอย่างเบามือ ปากของเขามีรอยช้ำและมีเลือดซึมออกมา ลีโฮยอนสบตาตอบเธอ สายตานั้นต่างจากตอนเมื่อกี้มาก ดวงตาอันแสนเศร้าคู่นั้นทำให้รู้สึกเศร้าตามอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันว่านายต้องไปทำแผลก่อนดีกว่า”
“ฉันหวังว่าเรื่องในวันนี้ เธอจะไม่บอกใคร เธอรีบออกไปจากตรงนี้ซะ”
ลีโฮยอนไม่สนใจคำพูดของซอนมินจีแม้แต่น้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นก่อนจะหันหลังและรีบเดินไปทันที…
‘เหตุการณ์ในวันนั้นทำไมมันทำให้ฉันวุ่นวายใจขนาดนี้นะ เรื่องที่เกิดขึ้นมันกวนใจฉันมาตลอด ฉันอยากถามเขาทุกอย่างที่ฉันสงสัย ฉันอยากรู้จักตัวตนของเขา ดวงตาที่แสนเศร้าของเขาคู่นั้นทำให้ฉันรู้สึกอยากหาคำตอบ ทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้นะ’ …
สิ่งที่เธอคิดมาตลอดทางกลับบ้าน มันกวนใจเธอจบลงทันทีที่เธอก้าวเข้าร้านอาหารรสชาติชั้นเลิศของแม่ผู้แสนดี ร้านอาหารเล็กๆ ที่ครอบครัวของซอนมินจีอาศัยอยู่ แม่จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีผู้คนมากมายสัญจรเข้า-ออกอย่างไม่ขาดสาย ด้วยรสชาติที่อร่อยถูกปากทำให้มีลูกค้าอย่างเนืองแน่นในทุกๆ วัน
“หนูยกไปเสิร์ฟเลยนะคะ” ซอนมินจีรีบวางกระเป๋าและทิ้งความคิดทุกอย่างลงทันที เพื่อเข้าไปช่วยงานที่แสนจะวุ่นวายในคืนนี้
“มินจี อันนี้โต๊ะ 3 นะ” แม่วางจานอาหารและตะโกนบอก
“ผมเองพี่” โกฮังเจ้าน้องชายสุดหล่อของเธอรีบเข้ามาแย่งจานอาหารเพื่อยกไปเสิร์ฟให้
“ของพี่นู้นเลย” เจ้าน้องชายชี้ไปอ่างล้างจานที่มีถ้วยชามกองท่วมหัว เจ้านี้แผนสูงจริงๆ นะ กะจะให้มือเปื่อยไปเลยมั้ง
สิ้นสุดความวุ่นวาย ลูกค้าที่หลั่งไหลเข้ามามากมายก่อนหน้านี้ เริ่มทยอยออกและอาหารของร้านก็หมดลงเช่นเดียว สองพี่น้องเอนกายอันเหนื่อยล้าลงบนโซฟา ในขณะที่แม่ของเขากำลังค่อยๆ เก็บร้าน
“นี่ เจ้าตัวแสบ ปิดเทอมฤดูร้อนฉันต้องเก็บตัวแล้ว แกจะต้องช่วยแม่ดูแลร้านนะ ห้ามเที่ยวเล่นเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อฟังล่ะก็ อุปกรณ์วาดภาพชุดใหญ่ที่ฉันจะสัมมนาคุณให้อย่างงามคงไม่ได้เห็นแม้ปลายดินสอ” ซอนมินจีพูดไปด้วยทีเย้ยหยันพรางขู่เจ้าน้องชายตัวแสบ
“รู้แล้วน้า ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ซื้อเตรียมไว้รอส่งมอบให้ผมได้เลย” เจ้าน้องชายพูดย้อนกลับเธอทันที
“ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกน่า ตั้งใจฝึกซ้อมเถอะ” แม่หันมาพูดกับลูกสาวก่อนจะกลับไปสนใจเก็บร้านเหมือนเดิม
“นี่! พ่อไปไหน ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน” ซอนมินจีดึงคอน้องชายเข้ามาถามด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
“คงจะอยู่ที่บ่อนไหนบ่อนสักบ่อน เงินหมดเมื่อไหร่ก็คงจะกลับมา”
“เมื่อไหร่พ่อจะเลิกมันได้สักทีนะ” ซอนมินจีถอนใจยาวก่อนจะหันไปมองแม่ผู้ซึ่งเสียสละมากมายให้กับครอบครัว สิ่งที่เธอคิดตอนนี้คืออยากจะพาครอบครัวให้พ้นสภาพกับสิ่งที่เป็นอยู่ เธออยากให้แม่ได้พักผ่อนอย่างสบายใจไม่ต้องกังวลอะไรอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหลุดพ้นได้ตราบใดที่พ่อของพวกเขายังเป็นอยู่แบบนี้…
ติ๊ด ติ๊ด
เสียงข้อความของซอนมินจีดังขึ้น ก่อนที่เธอจะหยิบขึ้นมาดู ก็ต้องพบกับสิ่งที่ทำให้เธอต้องกลัดกลุ้มใจอีกครั้ง เธอร้อนรนใจรีบกดโทรหาเพื่อนของเธอทันที
‘เกิดอะไรขึ้น เธอมีไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน’
‘มาจากกลุ่มแฟนเพจของรุ่นพี่ลีโฮยอนน่ะสิ รุ่นน้องในคณะส่งมาให้ฉันดู ฉันก็รีบส่งให้เธอดูทันทีเลย เธอกับรุ่นพี่ลี…’
‘อย่าเข้าใจผิดนะ มันไม่มีทั้งนั้น แค่อุบัติเหตุกับเรื่องเข้าใจผิด’
‘ต่อให้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ แต่ดูจากคอมเม้นต์ใต้รูปแล้ว ฉันว่าเธอจะต้องโดนแฟนคลับรุ่นพี่ลีโฮยอนเด็ดหัวขาดแน่ๆ’
‘ถึงกับโดนเด็ดหัวขาดเลยเหรอ ไม่หรอกมั้ง’
ซอนมินจีกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ด้วยรูปถ่ายเพียงรูปเดียวที่ลีโฮยอนทำท่าทางเหมือนว่ากำลังกอดเธอในเหตุการณ์ที่เธอเสี่ยงตายมา แน่นอนว่าคลื่นลูกใหญ่ที่ดูจะโหดร้ายกำลังจะก้าวก่ายชีวิตของเธออย่างแน่นอน…
…………………….จบตอนที่1…………………….
ปัง!
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นหลายนัดภายในห้องห้องหนึ่ง ทำให้เด็กชายและเด็กหญิงที่กำลังสนุกสนานอยู่กับการเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ ต้องรีบวิ่งมาดูที่ต้นเสียงอย่างร้อนรน เด็กชายวิ่งมาหยุดชะงักที่หน้าประตูห้องต้นเสียงดังกล่าว พร้อมยื่นมือกันเด็กหญิงไว้อีกข้างเพื่อไม่ให้วิ่งเข้าไป เขาค่อยๆ ชะโงกมองผ่านมุมประตู ภาพที่เห็นแม่ของเขาโดนปืนจ่อยิงบนเตียงนอน เลือดไหลอาบ นอนแน่นิ่งไม่ขยับร่างกาย เด็กชายยืนมองด้วยความหวาดกลัว ดวงตาเบิกโพลงกว้าง กำมือแน่นตัวสั่น น้ำตาไหลอาบแก้มพรางกลั้นเสียงร้องไห้จุกอยู่ในลำคอ
“ไปเถอะ เราต้องหนีตอนนี้เลย”
เด็กชายตั้งสติ กระซิบบอกข้างหูพร้อมรีบจูงมือเด็กหญิงวิ่งออกจากสถานการณ์ตรงนั้น แต่ทว่ามือปืนที่โหดเหี้ยมได้ยินเสียงเด็กน้อย จึงรีบวิ่งออกตามมาอย่างร้อนรน
เด็กๆ วิ่งหนีมาอย่างไม่คิดชีวิต จนมาถึงโขดหินขนาดใหญ่ริมทะเล ทั้งสองคนรีบลงไปยังตีนโขดหินเพื่อก้มตัวหลบมือปืน น้ำทะเลซัดกระทบโขดหินและเด็กน้อยจนเปียกโชก แต่โชคชะตาช่างใจร้ายกับพวกเขาเหลือเกิน มือปืนตามมาจนพบเด็กน้อยที่กำลังลี้หลบภัยอยู่ มือปืนโหดเหี้ยมนั่นไม่รอช้ารีบกระชากเเขนเด็กชายขึ้นมาด้วยความไร้ปราณี เด็กหญิงไม่หวาดกลัวรีบเข้าไปช่วยทันที ปากอันเล็กกัดไปที่แขนมือปืนนั่นทันใด
“โอ้ย นังเด็กนี่” มือปืนผลักเด็กหญิงออกจนล้มแขนกระแทกพื้น เธอรู้สึกเจ็บมากจนร้องไห้ออกมา
เด็กชายตั้งตัวได้ อาศัยเวลาที่มือปืนเผลอ รีบเตะผ่าหมากเข้าเป้ากางเกงของมือปืนจนทำให้ปืนที่ถืออยู่หลุดไป และรีบกุมดวงใจของตัวเองด้วยความเจ็บปวด
“ไปเร็ว ลุกไหวไหม ทนหน่อยนะ” เด็กชายเข้ามาพยุงตัวเด็กหญิงลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะหนีไป ก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาอีกนัด ปัง!
“เลิกดื้อเหมือนแม่แกสักที”
“พ่อ”
“ฉันให้เวลาแกมามากแล้ว กลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้ คิดว่าพวกแกจะหนีฉันพ้นเหรอ”
“พ่อฆ่าแม่ทำไม” เด็กชายร้องไห้ฟูมฟายวิ่งเข้ามาตีหน้าอกผู้เป็นพ่อ
“แม่แก มันนังแพศยา คนทรยศอย่างนั้นสมควรตาย” พ่อเด็กชายกระชากหัวลูกชายขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นเสียงอย่างขาดสติ
“ผมไม่ไป”
“แกไม่สิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น เพราะต่อไปนี้ฉันคือเจ้าของชีวิตแก แกจะต้องทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น แกจะต้องอยู่ชดใช้ในสิ่งที่แม่ของแกทรยศฉัน จำไว้…เอาตัวมันไป” ผู้เป็นพ่อพูดจบพร้อมกับผลักหัวเด็กชายไปในกลุ่มผู้ติดตามให้จับตัวไว้
“หยุดนะ อย่าเอาตัวพี่ไปนะ” เด็กหญิงรวบรวมแรงกายทั้งหมดลุกขึ้นเพื่อจะเข้าไปช่วยเด็กชาย
“อย่าบอกนะว่า นังเด็กนี่เป็นความอัปยศของแม่แกอีกคน” เด็กหญิงโดนลูกน้องของพ่อเด็กชายล็อคตัวไว้ก่อนที่จะเข้าไปถึงตัวเด็กชาย
“อย่านะ เธอไม่เกี่ยว เธอเป็นแค่เด็กแถวนี้มาเล่นที่บ้านผมเท่านั้น”
“งั้นเหรอ”
เด็กชายขอร้องอ้วนวอนผู้เป็นพ่อให้ไว้ชีวิตเด็กหญิง เขาพยักหน้าบอกเป็นนัยว่าให้ลูกน้องเลิกล็อคตัวเธอ ทันทีที่เธอถูกปล่อยก็รีบวิ่งเข้ามาหาเด็กชายทันที
“พี่คะ พี่จะไปไหน พวกนี้เป็นคนไม่ดีใช่ไหมคะ พี่จะไม่เป็นไรใช่ไหม พี่อย่าไปนะ” เด็กหญิงร้องไห้ฟูมฟายกอดคอเด็กชายเอาไว้อย่างแน่น
“ชู่.. ฟังพี่ดีๆ นะ เธอรีบหนีไปให้ไกลที่สุด อย่าหันกลับมามองเด็ดขาด พี่สัญญา พี่จะกลับมาหาเธอ กลับมาสอนเธอว่ายน้ำอีก เข้าใจไหม เธอต้องเข้มแข้ง และรอพี่ก่อนนะ” เด็กชายกระซิบบอกข้างหูเด็กหญิงอย่างเบาๆ
“ไปได้แล้ว” ผู้เป็นพ่อรีบตัดบท ลูกน้องจึงรีบจับตัวเด็กชายและพาเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
เด็กหญิงมองตามพี่ชายของเขาไปจนสุดทาง ด้วยอาการร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างหนักก่อนจะรีบวิ่งหนีออกจากตรงนั้นไปเช่นกัน
“ไปจัดการให้เรียบร้อย เด็กนั่นรู้เห็นมากเกินไป”
“ครับ ท่านประธาน”
ประโยคสิ้นสุด เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด เด็กชายที่ถูกลากขึ้นรถมาโดยมีลูกน้องของพ่อเขาคอยควบคุมประกบรอบข้าง เขาร้องออกมาอย่างตกใจ พร้อมน้ำตาที่กระหน่ำพรั่งพรู พยายามดิ้นรนเพื่อจะออกจากรถ แต่ก็ไม่สามารถต้านแรงต้านทานของลูกน้องพ่อเขาได้
เด็กชายสูญเสียทั้งแม่ สูญเสียเด็กหญิงที่เขาเปรียบเสมือนน้องสาวในเวลาเดียวกัน ด้วยน้ำมือของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ ชีวิตของเด็กชายต่อไปนี้จะต้องพบเจอกับสิ่งใดในเบื้องหน้า ความเกลียด ความโกรธแค้น กำลังเกาะกินหัวใจเด็กชายผู้น่าสงสาร นับแต่นี้ชีวิตของเขา จะพบกับความสุขได้อย่างนั้นหรือ ความชั่วร้ายจะเข้าครอบงำเขาเหมือนกับพ่อเขาหรือไม่…
12 ปีต่อมา
มหาวิทยาลัยแซบม คณะบริหารธุรกิจฯ
“มินจี มินจี ข่าวด่วนๆ” ยูจินสาวเพื่อนซี้ของซอนมินจี วิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ
“ฉันว่ายัยนี่ลืมทำการบ้านมาแหงๆ” เสียงเพื่อนผู้หญิงอีกคนพูดแทรกขึ้นมาขณะที่อีกฝั่งยังเหนื่อยหอบอยู่
“แย่แล้วๆ ล่ะ รุ่นพี่ลี…โฮยอน เขา… จะสละสิทธิ์คัดตัวเข้าทีมชาติ” เมื่อเพื่อนเธอพูดจบประโยคเสร็จ ซอนมินจีตกใจและนิ่งไปสักพัก โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“นี่ ยูจิน ข่าวเธอชัวร์แน่เหรอ รุ่นพี่ลีโฮยอนไม่มีทางเลิกว่ายน้ำแน่ๆ” โบยองสาวเพื่อนซี้ผู้หญิงอีกคนพูดด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่อยากรู้อยากเห็น
“ชัวร์แน่นอน โค้ชคิมหน้าจะประกาศวันนี้ มินจีเธอไม่รู้ข่าวนี้มาก่อนเลยเหรอ”
“ไม่อ่ะ ฉันจะไปรู้ได้ไงเล่า” ซอนมินจีตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเงียบ แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
เย็นวันเดียวกันนั้น ระหว่างเดินทางกลับบ้านเธอครุ่นคิดถึงเรื่องที่โค้ชคิมประกาศวันนี้ว่าลีโฮยอนถอนตัวการแข่งขันว่ายน้ำเพื่อคัดเลือกเข้าทีมชาติ
‘เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องนั้นนะ’
2 วันก่อนหน้านี้
ระหว่างทางเดินกลับบ้านก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาตามทางเดินอย่างว่องไว
‘เอ๋! อร้ายยยย’ ชายร่างสูงใหญ่วิ่งมาชนสาวร่างเล็กเข้าอย่างแรง จนเธอล้มลงไปกองกับพื้นด้วยสีหน้าโมโหสุดขีดก่อนจะเงยหน้ามองชายไร้มารยาทคนนั้น
“ลีโฮยอน”
ชายหนุ่มสุดหล่อทายาทบริษัทบอดี้การ์ดขนาดใหญ่ของประเทศ รุ่นพี่ปี4 คณะบริหารธุรกิจ ผู้โด่งดังในมหาลัยวิทยาลัย เรียนเก่ง ความสามารถรอบด้าน ผิวเข้ม ตัวสูง ผมสีดำสนิท ริมฝีที่ดูอวบอิ่ม บวกกับแววตาที่คมกริบมีเสน่ห์ ชวนให้สาวๆ ทั้งมหาลัยฯ คลั่งใคล้และหลงใหล แต่นี่เป็นเพียงภายนอกที่เห็นเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเขามีความลึกลับ ชอบเก็บตัว ไม่พูดกับใคร ไม่มีเพื่อน และไม่สนใจใครทั้งนั้นนอกจากตัวเขาเอง หลายครั้งที่มีผู้หญิงมาสารภาพรัก ก็โดนปฏิเสธกลับไปอย่างหน้าชาตลอด แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมของลีโฮยอนลดลงไปแม้แต่น้อย ซึ่งฉันเองก็ยอมรับว่าชื่นชอบในความสามารถการว่ายน้ำของเขาเช่นกัน
“ชู่! มานี่”
ลีโฮยอนทำเสียงกระซิบ พร้อมกับประคองซอนมินจีลุกขึ้นจากพื้น มือใหญ่ๆ ของเขาจับข้อมืออันน้อยนิดของเธอแล้วลากไถลวิ่งไปพร้อมกับเขา
เอ๊ะ! มีคนไล่ตามนายมานี่
เธอเหลือบมองไปเห็นชายฉกรรจ์ประมาณ 5-6 คน ซึ่งกำลังวิ่งไล่ตามมาไม่หยุด ทันทีที่เธอเห็นว่าภัยอันตรายกำลังไล่ตามเธออยู่ ความคิดเอาตัวรอดสั่งการสมองให้เธอรีบเร่งฝีเท้าวิ่งติดสปีดด้วยความเร็วแสงไปพร้อมกับลีโฮยอน เขาทั้งสองวิ่งมาจนสุดทางตันภายในซอยคับแคบของชุมชนแออัด เจ้าพวกนั้นที่ตามมาติดๆ ต้อนเขาทั้งสองจนจนมุม ไม่มีทางหนีไปไหนได้อีก
‘เจ้าพวกนี้มันเป็นใครกันนะ มันไล่ตามลีโฮยอนมาทำไมกันนะ’ คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวซอนมินจีเต็มไปหมด
“หลบข้างหลังฉัน”
ลีโฮยอนดันตัวซอนมินจีไปอยู่ด้านหลังของเขา แผ่นหลังและไหล่กว้างๆ ปิดบังตัวเล็กๆ อย่างเธอจนมิด เธอเหลือบมองไปที่ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยสายตามุ่งมั่นและจริงจังนั่น มันช่างชวนสะกดใจจริงๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแม้จะมองเพียงแค่ด้านข้าง ก็ทำให้ใจเต้นรัว จนแทบจะหลุดออกมา
ตุบ ตับ ผลัวะ เสียงปะทะการต่อสู้ที่แสนแข็งแกร่ง ในพริบตาเดียวลีโฮยอนจัดการเจ้าพวกนั้นลงไปกองกับพื้นจนราบคาบ หมดสติแบบสะบักสะบอม แม้แต่ลีโฮยอนเองก็แสดงความรู้สึกเหนื่อยมากจนเห็นได้ชัด
‘โอ้ ไม่นะ เขาเท่ห์มาก’ เขาจัดการพวกนั้นได้อยู่หมัด เธอตลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะรู้สึกได้ว่ารับรู้ถึงเสียงลมหายใจเหนื่อยหอบรดมาที่ใบหน้าจนรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆ ซึ่งกำลังรับปะทะกับใบหน้าของเธอ
“ขอร้องล่ะ เรื่องวันนี้ห้ามไปบอกใคร”
เสียงแผ่วๆ ของลีโฮยอน และลมหายใจอุ่นๆ ที่ออกมากลับเปลี่ยนเป็นรู้สึกเยือกเย็นสุดๆ
‘นี่มันอะไรกันนะ นี่มันเรื่องอะไร’
“ปากของนาย” ซอนมินจีพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับที่ปากของเขาอย่างเบามือ ปากของเขามีรอยช้ำและมีเลือดซึมออกมา ลีโฮยอนสบตาตอบเธอ สายตานั้นต่างจากตอนเมื่อกี้มาก ดวงตาอันแสนเศร้าคู่นั้นทำให้รู้สึกเศร้าตามอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันว่านายต้องไปทำแผลก่อนดีกว่า”
“ฉันหวังว่าเรื่องในวันนี้ เธอจะไม่บอกใคร เธอรีบออกไปจากตรงนี้ซะ”
ลีโฮยอนไม่สนใจคำพูดของซอนมินจีแม้แต่น้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นก่อนจะหันหลังและรีบเดินไปทันที…
‘เหตุการณ์ในวันนั้นทำไมมันทำให้ฉันวุ่นวายใจขนาดนี้นะ เรื่องที่เกิดขึ้นมันกวนใจฉันมาตลอด ฉันอยากถามเขาทุกอย่างที่ฉันสงสัย ฉันอยากรู้จักตัวตนของเขา ดวงตาที่แสนเศร้าของเขาคู่นั้นทำให้ฉันรู้สึกอยากหาคำตอบ ทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้นะ’ …
สิ่งที่เธอคิดมาตลอดทางกลับบ้าน มันกวนใจเธอจบลงทันทีที่เธอก้าวเข้าร้านอาหารรสชาติชั้นเลิศของแม่ผู้แสนดี ร้านอาหารเล็กๆ ที่ครอบครัวของซอนมินจีอาศัยอยู่ แม่จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีผู้คนมากมายสัญจรเข้า-ออกอย่างไม่ขาดสาย ด้วยรสชาติที่อร่อยถูกปากทำให้มีลูกค้าอย่างเนืองแน่นในทุกๆ วัน
“หนูยกไปเสิร์ฟเลยนะคะ” ซอนมินจีรีบวางกระเป๋าและทิ้งความคิดทุกอย่างลงทันที เพื่อเข้าไปช่วยงานที่แสนจะวุ่นวายในคืนนี้
“มินจี อันนี้โต๊ะ 3 นะ” แม่วางจานอาหารและตะโกนบอก
“ผมเองพี่” โกฮังเจ้าน้องชายสุดหล่อของเธอรีบเข้ามาแย่งจานอาหารเพื่อยกไปเสิร์ฟให้
“ของพี่นู้นเลย” เจ้าน้องชายชี้ไปอ่างล้างจานที่มีถ้วยชามกองท่วมหัว เจ้านี้แผนสูงจริงๆ นะ กะจะให้มือเปื่อยไปเลยมั้ง
สิ้นสุดความวุ่นวาย ลูกค้าที่หลั่งไหลเข้ามามากมายก่อนหน้านี้ เริ่มทยอยออกและอาหารของร้านก็หมดลงเช่นเดียว สองพี่น้องเอนกายอันเหนื่อยล้าลงบนโซฟา ในขณะที่แม่ของเขากำลังค่อยๆ เก็บร้าน
“นี่ เจ้าตัวแสบ ปิดเทอมฤดูร้อนฉันต้องเก็บตัวแล้ว แกจะต้องช่วยแม่ดูแลร้านนะ ห้ามเที่ยวเล่นเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อฟังล่ะก็ อุปกรณ์วาดภาพชุดใหญ่ที่ฉันจะสัมมนาคุณให้อย่างงามคงไม่ได้เห็นแม้ปลายดินสอ” ซอนมินจีพูดไปด้วยทีเย้ยหยันพรางขู่เจ้าน้องชายตัวแสบ
“รู้แล้วน้า ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ซื้อเตรียมไว้รอส่งมอบให้ผมได้เลย” เจ้าน้องชายพูดย้อนกลับเธอทันที
“ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกน่า ตั้งใจฝึกซ้อมเถอะ” แม่หันมาพูดกับลูกสาวก่อนจะกลับไปสนใจเก็บร้านเหมือนเดิม
“นี่! พ่อไปไหน ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน” ซอนมินจีดึงคอน้องชายเข้ามาถามด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
“คงจะอยู่ที่บ่อนไหนบ่อนสักบ่อน เงินหมดเมื่อไหร่ก็คงจะกลับมา”
“เมื่อไหร่พ่อจะเลิกมันได้สักทีนะ” ซอนมินจีถอนใจยาวก่อนจะหันไปมองแม่ผู้ซึ่งเสียสละมากมายให้กับครอบครัว สิ่งที่เธอคิดตอนนี้คืออยากจะพาครอบครัวให้พ้นสภาพกับสิ่งที่เป็นอยู่ เธออยากให้แม่ได้พักผ่อนอย่างสบายใจไม่ต้องกังวลอะไรอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหลุดพ้นได้ตราบใดที่พ่อของพวกเขายังเป็นอยู่แบบนี้…
ติ๊ด ติ๊ด
เสียงข้อความของซอนมินจีดังขึ้น ก่อนที่เธอจะหยิบขึ้นมาดู ก็ต้องพบกับสิ่งที่ทำให้เธอต้องกลัดกลุ้มใจอีกครั้ง เธอร้อนรนใจรีบกดโทรหาเพื่อนของเธอทันที
‘เกิดอะไรขึ้น เธอมีไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน’
‘มาจากกลุ่มแฟนเพจของรุ่นพี่ลีโฮยอนน่ะสิ รุ่นน้องในคณะส่งมาให้ฉันดู ฉันก็รีบส่งให้เธอดูทันทีเลย เธอกับรุ่นพี่ลี…’
‘อย่าเข้าใจผิดนะ มันไม่มีทั้งนั้น แค่อุบัติเหตุกับเรื่องเข้าใจผิด’
‘ต่อให้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ แต่ดูจากคอมเม้นต์ใต้รูปแล้ว ฉันว่าเธอจะต้องโดนแฟนคลับรุ่นพี่ลีโฮยอนเด็ดหัวขาดแน่ๆ’
‘ถึงกับโดนเด็ดหัวขาดเลยเหรอ ไม่หรอกมั้ง’
ซอนมินจีกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ด้วยรูปถ่ายเพียงรูปเดียวที่ลีโฮยอนทำท่าทางเหมือนว่ากำลังกอดเธอในเหตุการณ์ที่เธอเสี่ยงตายมา แน่นอนว่าคลื่นลูกใหญ่ที่ดูจะโหดร้ายกำลังจะก้าวก่ายชีวิตของเธออย่างแน่นอน…
…………………….จบตอนที่1…………………….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ