รักสุดใจ นายตัวร้าย

9.7

เขียนโดย Ban_Jantra

วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 15.09 น.

  3 ตอน
  1 วิจารณ์
  2,526 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2565 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) หวั่นไหว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ตอนที่ 2

 

          บริษัทเอ็มเอช (MH) บริษัทบอดี้การ์ดขนาดใหญ่

          เพียะ!!!

          “แกทำอะไรลงไป แกไม่เคยทำงานพลาด แล้วนี่มันอะไร”

น้ำเสียงที่แข็งกร้าวและดุดันของท่านประธานนั่น ทำให้เหล่าชายบอดี้การ์ดผู้ขึงขังต่างยืนสงบน้อมรับความผิดพลาด สองมือกุมกันแน่นด้วยความเกรงกลัว ในขณะเดียวกันนั้นท่านประธานหยิบปืนขึ้นมา นิ้ววางไปที่ไกปืนพร้อมเหนี่ยวเล็งไปที่หัวของลีโฮยอน ซึ่งเขาเองก็ไม่มีท่าทีจะขัดขืนอย่างใด

          “ท่านก็เลยส่งคนไปทำร้ายผมเพื่อเป็นการลงโทษน่ะเหรอ ขอโทษด้วยที่พวกมันลงโทษผมไม่สำเร็จ” ลีโฮยอนพูดด้วยท่าทีนิ่งเรียบไม่เกรงกลัวทำให้ท่านประธานยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก

          ปัง!

          ท่านประธานยิงปืนลงไปที่พื้นก่อนจะหันปากกระบอกปืนกลับมาเล็งที่หัวของลีโฮยอนอีกครั้ง

          “ท่านประธาน ใกล้เวลาเข้าประชุมแล้วครับ” ลูกน้องมือขวาคนสนิทรีบเข้ามาขัดจังหวะ ท่าทีของท่านประธานก็ดูนิ่งลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอย่างขัดใจ

          “จัดการเรื่องนี้ซะ ถ้าแกทำไม่ได้อย่ามาให้ฉันเห็นหน้า”

สิ้นสุดประโยค ท่านประธานรีบรุดเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ ผู้ติดตามก็เดินตามออกไปกันจนหมด เหลือเพียงลีโฮยอนที่ยังคงยืนนิ่งสงบ แววตาแดงก่ำ มีน้ำตาซึมระเรื่อแม้จะไม่ได้รินไหลออกมาแต่ก็รับรู้ได้ถึงความเกลียดแค้นที่จุกอยู่ในใจ

 

……………………………………………………

 

 

          เช้าวันต่อมา ที่ มหาวิทยาลัยแซบม

          หญิงสาวท่าทางแปลกประหลาด แต่งตัวมิดชิดสวมแมสปิดบังใบหน้า พร้อมคลุมหัวปิดด้วยหมวกเสื้อฮู้ด เดินเข้ามาภายในมหาวิทยาลัยอย่างร้อนรน โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยว่ากำลังมีผู้คนมากมายกำลังจับจ้องมาที่เธอ

 

          “มินจี” ยูจินเดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบจูงมือเพื่อนสนิทที่กำลังแสดงท่าทางลับๆ ล่อๆ เหมือนโจร เดินหลบไปในที่ลับตาคน

 

          สองเพื่อนซี้เดินมาที่มุมตึกข้างๆ โรงอาหารของมหาลัย ซึ่งไม่ค่อยมีคนผ่านมาแถวนี้มากมายนัก ก่อนที่ซอนมินจีจะปลดแมสปิดปากและดึงหมวกเสื้อฮู้ดของเธอลง

 

          “อะไรเนี่ย ยอมใจเธอเลยที่วันนี้โผล่มาเรียน เป็นฉันล่ะก็วันนี้ไม่มีทางมาเด็ดขาด ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างกับพวกแฟนคลับที่หิวกระจายพวกนั้น” ยูจินจับมือซอนมินจีเอาไว้แน่น พร้อมส่งสายตาห่วงใย แม้จะดูโอเว่อร์ไปหน่อย

          “ทำไงดี ทำไงดี ฉันไม่อยากโดนฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ” ซอนมินจีแสดงท่าทีร้อนใจเหมือนคนบ้า พร้อมกับพูดอ้อนวอนเพื่อนสนิท

          “ตอนนี้ฉันให้โบยองไปเช็คสถานการณ์อยู่ รอก่อนนะหน้าจะโทรมาได้แล้ว”

 

          ครืด~

          ‘เป็นยังไงบ้าง’

          ‘ปลอดภัย เหตุการณ์เงียบสงบไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง’

 

          ยูจินกดวางสายทันที ที่ได้รับข่าวสารจากโบยอง ซอนมินจีที่กำลังหวาดกลัวพรางตัวอีกครั้งก่อนจะเดินไปเข้าเรียนที่ห้องอย่างระแวดระวังซึ่งดูแล้วจะเป็นจุดสนใจมากกว่าที่เธอทำตัวปกติเสียอีก ทั้งสองคนเดินมาที่ห้องเรียนซึ่งยังไม่ทันได้ก้าวผ่านประตู อยู่ๆ ก็มีมือดีจากด้านหลังคว้าหมวกเสื้อฮู้ดของเธอออกทำให้เสียการทรงตัวโดนดึงลากลงไปกองกับพื้น

 

          “อุ้ย! ขอโทษทีนะฉันนึกว่าเป็นเพื่อนของฉันน่ะ” หญิงร่างสูงใหญ่ประมาณ3-4คนยืนแผ่รังสิตอำมหิตต่อหน้าซอนมินจี แม้จะบอกว่าทักคนผิดแต่ก็ดูออกว่าจงใจทำอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของคณะและคงไม่พ้นพวกแฟนคลับลีโฮยอนอย่างแน่นอน

          “มันจะมากเกินไปละนะ ทักผิดอะไรกันยะ เจตนาแกล้งกันชัดๆ” ยูจินเอาตัวเองเข้ามายืนขวางป้องกันเพื่อนซี้ ก่อนจะชี้หน้าด่ากลาดรุ่นพี่หญิงสาวพวกนั้นอย่างไม่เกรงกลัว

 

          “ยูจิน ฉันขอโทษ ฉันคิดว่าทางสะดวกแล้วแท้ๆ” โบยองเพื่อนสาวอีกคนวิ่งมาหาอย่างร้อนรนก่อนจะรีบพยุงตัวซอนมินจีขึ้นมา

          “ไม่เป็นไร ฉันไม่ทันระวังเอง” ซอนมินจีพูดกับโบยองจบก่อนจะเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับรุ่นพี่หญิงร่างสูงใหญ่พวกนั้น

          “รุ่นพี่ไม่ต้องเสแสร้งทำเป็นว่าทักผิดคนหรอก ทั้งที่ก็ทักถูกคนแล้ว” ซอนมินจีพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นออกไปอย่างไม่เกรงกลัว

          “โอเค งั้นฉันจะไม่เสแสร้งล่ะนะ ถ้าอย่างนั้นขอบอกอะไรพวกเธอไว้หน่อยละกัน ว่าอย่ามายุ่งกับลีโฮยอนเด็ดขาด เพราะนี่แค่ตักเตือน ถ้าเธอไม่ฟังละก็…ครั้งหน้าคงต้องสั่งสอนให้รุ่นน้องอย่างพวกเธอเจียมตัวสักหน่อย” รุ่นพี่พูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ๆ ซอนมินจี ก่อนจะยกแก้วน้ำหวานที่ถือมาด้วยราดลงไปที่หัวของเธออย่างไร้มารยาท

          “นี่! มันจะมากไปละนะ” ยูจินที่ยืนดูอยู่ทนไม่ไหว กระชากผมรุ่นพี่สาว ก่อนจะลงมือตบไปที่ใบหน้าฉาดใหญ่ ทำให้เพื่อนของรุ่นพี่ที่มาด้วยต่างโมโหเข้ามาดึงตัวยูจินและทำร้ายตบตีช่วย

          ซอนมินจีและโบยองเองก็ทนไม่ไหวเช่นเดียวกันที่โดนคุกคามขนาดนี้ ไม่อาจควบคุมสติและอารมณ์ได้อีกปลดปล่อยความโกรธพุ่งตรงเข้าไปรุมตบตีกันอย่างกับหมาฮายีน่าแย่งเหยื่อกันในฝูง ผู้คนมากมายต่างยืนมุงดูแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามสักคน

 

          “นี่! หยุดกันเดี๋ยวนี้นะ” อาจารย์หนุ่มที่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้ามาห้ามทันที แต่เพียงคนเดียวก็ไม่สามารถจะยุติฝูงฮายีน่าให้สงบลงได้ แถมยังกลัวว่าตนเองอาจได้รับลูกหลงไปด้วย และไม่นาน รปภ. หลายนายก็เข้ามายังสถานการณ์ที่วุ่นวายรีบเข้ามาแยกทุกคนออกจากกันอย่างทุลักทุเล จนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งโดยแต่ละคนสภาพสะบักสะบอมเจ็บตัวไปตามๆ กัน

          “พวกเธอก็โตๆ กันหมดแล้ว ทำไมถึงทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้” อาจารย์เดินแทรกเข้ามายังกลางกลุ่มก่อนจะพูดอย่างโมโหต่อหน้านักศึกษาของเขา

          “พวกนั้นทำร้ายเราก่อนนะอาจารย์” ยูจินพูดแทรกพร้อมกับชี้ไปที่หน้ารุ่นพี่สาว

          “แกต่างหากที่มากระชากหัวฉันก่อน” รุ่นพี่ไม่ยอมเถียงกลับคืน

          “แต่แกก็เอาน้ำมาราดหัวเพื่อนฉันก่อน”

          “แกนั่นแหละเริ่มก่อน”

 

          ทุกคนเริ่มเถียงกันไป เถียงกันมาอีกครั้งและดูมีท่าทีเหมือนว่าจะเข้าตะลุมบอนกันอีกครั้ง และทันใดนั้นก็มีชายร่างสูงใหญ่ที่ดูออร่าฉายแววความหล่อมาแต่ไกลเดินเข้ามาด้วยท่าทีแข็งขึงบวกกับหน้าตาเรียบนิ่ง

          “ลีโฮยอน” สาวๆ ที่มุงดูต่างพรึมพรำซุบซิบทันที ที่เห็นว่าลีโฮยอนเดินเข้ามาในสถานการณ์ที่ไม่เลิกรานี้ ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าซอนมินจีพร้อมกับคว้าแขนเธอลากออกไปจากตรงนั้นโดยทิ้งความประหลาดใจให้ทุกคนงุนงง

 

          เขาพาเธอมาที่ห้องรอฝึกซ้อม ก่อนจะปิดประตูพร้อมล็อกกลอนลงอย่างมิดชิดโดยที่มือของเขายังคงจับข้อมือซอนมินจีไม่ปล่อย

          “นายจะทำอะไร” ซอนมินจีพูดพร้อมกับสะบัดมือให้หลุดจากเขา

          “ก็ช่วยเธอไง” ลีโฮยอนตอบกลับพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปหาซอนมินจี ด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์และสายตายั่วยวนอารมณ์เธอ

          “หะ! ช่วยอะไร? เรื่องทั้งหมดนี้ก็เพราะนายนะ” ซอนมินจีเถียงเสียงแข็งด้วยอาการไม่พอใจ

          “เพราะฉันเหรอ วันนั้นมันไม่มีอะไรเลยสักหน่อย”

          “รูปถ่ายออกมาชัดเจนขนาดนั้น ใครๆ ก็ต้องเข้าใจผิดเป็นธรรมดา จะบอกว่าไม่มีอะไรใครจะเชื่อกัน”

          “ถ้าอย่างนั้นฉันก็สะสางทุกอย่างให้เธอแล้ว”

ซอนมินจีขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย โดยไม่ตอบโต้กลับหลังจากที่ลีโฮยอนพูดจบประโยค ก่อนเสียงโทรศัพท์ของเธอจะดังขึ้น

 

          ‘ฮัลโหล!’ ซอนมินจีรับสายก่อนจะเดินหนีหลบไปคุยโทรศัพท์ให้ไกลจากลีโฮยอน

          ‘เห็นรูปที่ฉันส่งไปหรือยัง เป็นรูปถ่ายเดียวกับที่ฉันส่งให้เธอ แต่ว่ารูปนี้มันดันไม่ใช่เธอ’

 

          ซอนมินจีรีบกดวางสายเพื่อที่จะเปิดแชทของยูจินทันที รูปถ่ายที่ทำให้เธอโดนรุมขย้ำเกือบตาย กลายเป็นว่าผู้หญิงในรูปนั่นไม่ใช่เธอแล้ว แถมผู้หญิงในรูปยังออกมาโพสต์บอกเองว่าคือตนเองกับลีโฮยอนจริงๆ เธออึ้งไปสักพักกับสิ่งที่เห็นก่อนจะหันมาหาลีโฮยอนที่ยืนมองดูเธออย่างใจเย็นด้วยใบหน้านิ่งเรียบไม่มีรอยยิ้ม

          ซอนมินจีถอนใจหายฟู่ เบิกตามองบน ก่อนจะเดินเข้าไปหาลีโฮยอนอีกครั้ง

          “ขอบใจนะ ที่จบเรื่องบ้าๆ นี่” ซอนมินจีพูดและกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่ไม่ทันได้คว้ากลอนประตู ลีโฮยอนก็คว้าตัวเธอดันเข้าพิงชิดผนังประตู แขนยาวๆ ปิดบังไม่ให้เธอมีหนทางหลบหนี มือเรียวเล็กสองข้างพยายามดันหน้าอกอันกว้างออก ก็ไม่สามารถต้านความแข็งแรงของลีโฮยอนได้

          “ถ้านายทำอะไรบ้าๆ ฉันจะตะโกนจริงๆ ด้วย” เธอพูดพร้อมดันตัวเขาไปด้วยแต่ก็ไม่ได้สะเทือนแม้แต่น้อย

          “เอาสิ ถ้าไม่อยากมีภาพหลุดอีก ก็ตะโกนเลย… หรือว่ารู้สึกเสียดายแล้วที่รูปนั่นไม่ใช่เธอ” ลีโฮยอนเขยิบใบหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูเบาๆ ซอนมินจีเบือนหน้าหนีหลับตาสนิท โดยที่ลีโฮยอนก็ยังคงพูดแกล้งเธอไม่หยุด

          ใบหน้าที่ใกล้ชิด ลมหายใจที่ปะทะข้างใบหูเธอทำเอาสาวน้อยหน้าแดงดุจดั่งไฟร้อนผ่าว ไม่กล้าที่จะตอบโต้และสบตาเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องอดทนฝืนต่อต้านพยายามเอาตัวรอด

          “ไม่ได้เสียดายสักหน่อย เลิกแกล้งฉันได้แล้ว ฉันขอบใจนายไปแล้วไง”

          “ฉันคงจะไม่ได้แกล้งเธออีกแล้วล่ะ”

          “ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม...นายจะเลิกว่ายน้ำจริงๆ งั้นเหรอ” ซอนมินจีคลายความหวาดกลัว ก่อนจะหันมาพูดกับลีโฮยอนอย่างจริงจัง

          “ใช่!” คำตอบสั้นๆ และสายตาของลีโฮยอนที่จับจ้องซอนมินจีอย่างอ่อนโยน แววตาประกายปนความเศร้าและความสุขในเวลาเดียวกัน เธอตกอยู่ในพวังค์จ้องตาเขาราวกับว่าโดนมนต์สะกด เขาค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเธอ ก่อนที่เธอจะหลับตาลงอย่างช้าๆ ตอบสนองเขา

 

          ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

          เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งสองตื่นจากพวังค์ที่ราวกับฝันนั้นจบลง ซอนมินจีผลักหน้าอกลีโฮยอนออกก่อนจะถอนหายใจยาวคลายความอึดอัดใจ และรีบเปิดประตูออกทันทีพบว่าเพื่อนๆ นักกีฬาที่ยืนอยู่หน้าประตูมองเธอด้วยสายตายิ้มน้อยและสงสัย เธอรู้สึกอายและรีบเดินก้มหน้าก้มตาออกไปจากตรงนั้นทันที

          ลีโฮยอนยืนมองดูเธอเดินไปจนสุดตา พร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อยเดินออกจากห้องมาด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข พรางล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงกดต่อสายไปหาบุคคลปริศนา

          “ขอบใจมากนะ ชินมินอา” …

 

          

          ความว้าวุ่นใจที่ทั้งเธอและเขาต้องเผชิญ กลับถาโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย สาวน้อยผู้มุ่งมั่นกับความฝันเพียงอย่างเดียวมาตลอด กับต้องไขว้เขวกับแววตาและรอยยิ้มของผู้ชายที่นิ่งและแสนเย็นชา เธอเพียงรู้สึกชื่นชอบและชื่นชมในความสามารถของเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ารู้สึกหวั่นไหวและใจเต้นทุกครั้งที่นึกถึงเขา….

 

          

 

 

 

 

          …สายน้ำอุ่นๆ กระทบเสียงสะท้อนภายในโรงฝึกซ้อมที่เงียบสงบ เหล่านักกีฬาที่ฝึกซ้อมเสร็จแล้วต่างพากันกลับบ้านจนหมด เหลือเพียงสาวน้อยซอนมินจีที่ยังคงฝึกซ้อมอย่างไม่หยุดหย่อนก็เพื่อลดความคิดฟุ้งซ่านที่วนเวียนอยู่ในสมองเธอ

 

          ปี๊ดดด

          เสียงนกหวีดลากยาวดังขึ้น ทำให้ซอนมินจีต้องหยุดว่ายน้ำกะทันหันเพื่อมองไปที่ต้นเสียงนั้น พบโค้ชคิมยืนกอดอกปากคาบนกหวีดสายตาแข็งกร้าวก่อนจะกวักมือเรียกเธอขึ้นจากน้ำ ซอนมินจีรู้สึกกังวลราวกับว่าจะต้องมีเหตุการณ์อะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน

 

          “เรื่องที่เธอทะเลาะวิวาท ถึงหูสโมสรแล้วนะ” โค้ชคิมพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์ ‘ภาพข่าวตัวเต็งนักกีฬาว่ายน้ำทำตัวไม่เหมาะสมทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะ’ ทำให้ภาพลักษณ์ของสโมสรเสื่อมเสีย ในขณะที่ซอนมินจีรับฟังและสวมใส่เสื้อคลุมไปด้วย

          “ฉันขอโทษค่ะโค้ช ที่ตอนนั้นฉันไม่อดทน อดกลั้น” ซอนมินจีพูดเสียงสั่นเครือ ก้มหน้าน้อมรับความผิด

          “ช่างมันเถอะ เธอก็ไม่ผิดไปซะทั้งหมด ยังไงซะตอนนี้เธอก็ต้องได้รับทัณฑ์บน พรุ่งนี้โค้ชจะพาเธอเข้าไปรายงานตัว ไม่ต้องกังวล...พวกเขาคงไม่ใจร้ายกับเธอมากนักหรอก”

          “ค่ะโค้ช” ซอนมินจีตอบรับและรู้สึกเศร้า แต่เธอก็ต้องยอมรับและทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น สาเหตุจะไม่ใช่เธอก็ตาม

          “กลับบ้านได้แล้ว อย่าหักโหมมากนัก เดี๋ยวจะบาดเจ็บเอา” โค้ชคิมพูดจบก็เดินออกไปทันที

 

          ครืด~ ครืด~

 

          ‘พี่ครับ แย่แล้วครับ รีบมาที่ร้านเร็ว’

 

          ทันทีที่เธอได้รับโทรศัพท์จากน้องชายก็รีบบึ่งไปที่ร้านอาหารของแม่ทันที และเมื่อมาถึงก็พบว่าข้าวของหล่นแตก เครื่องครัว ถ้วย จานชาม โต๊ะเก้าอี้ เครื่องมือทำมาหากินต่างๆ แตกกระจาย พังยับเยินไม่มีชิ้นดี แม่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กลางร้านโดยมีน้องชายคอยปลอบใจอยู่เคียงข้าง

 

          “โกฮัง เกิดอะไรขึ้น ใครทำแบบนี้”

          “พ่ออีกแล้วครับพี่ พวกเจ้าหนี้มันมาตามหาพ่อ บอกว่าพ่อติดหนี้พวกมันอยู่”

          “หะ! อะไรนะ ครั้งนี้เท่าไหร่อีกเนี่ย” ซอนมินจีพูดออกมาอย่างหัวเสีย

          “พวกมันบอกว่าพ่อติดหนี้ 100,000,000 วอน ตอนนี้ติดต่อพ่อไม่ได้เลย พวกมันยังบอกอีกว่าจะมาทวงเงินอีก7วัน ถ้ายังไม่มีเงินไปคืนพวกมัน มันจะยึดร้านอาหารของเรา พวกมันฝากนี้เอาไว้ด้วย”

 

          โกฮังยื่นนามบัตรที่กำไว้ในมือส่งมาให้เธอ ‘คลับแบล็ก (ClubBlack) ’ เอ๊ะ! ชื่อผับเหรอ พ่อไปเล่นการพนันทีนี้เหรอ พวกมันจับพ่อไว้หรือเปล่านะ ทำไมถึงติดต่อพ่อไม่ได้เลยล่ะ เธอรู้สึกกังวลและสงสารแม่ที่กำลังนั่งร้องไห้อย่างหมดหวัง

 

          ครอบครัวของเธอมักจะเป็นแบบนี้เสมอ พ่อมักตบตีแม่ ตบตีเธอกับน้องชาย ติดการพนัน ติดเหล้า ชีวิตของเธอเผชิญกับเรื่องราวเลวร้ายมาตลอด พ่อมักจะคอยสร้างปัญหาให้กับครอบครัวเสมอ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องมากมายแค่ไหน พวกลูกๆ จะมีแม่คอยเป็นแรงยึดเหนี่ยวให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้…

 

 

…………………….จบตอนที่2…………………….

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา