ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก

-

เขียนโดย ณรีนิน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.

  44 ตอน
  2 วิจารณ์
  16.97K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) แมวน้อยหลงมาจากไหน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“เอมแน่ใจนะ ว่าจะไม่ไปกรุงเทพพร้อมกับแม่”สายสุนีย์พูดเกลี้ยกล่อมในขณะที่เลือกหยิบเสื้อผ้าออกจากตู้แล้วเดินอ้อมมาทางปลายเตียง ก่อนที่จะนั่งเผชิญหน้ากับบุตรสาวที่กำลังนั่งพับผ้าวางไว้ข้างกระเป๋าเดินทางใบใหญ่

“แน่ใจค่ะ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเอมเลย อีกแค่ 3-4 วัน คุณยายก็กลับจากปฏิบัติธรรมแล้วล่ะค่ะ”

เสียงใสๆของลูกสาวเอ่ยในขณะที่ช่วยจัดแจงเสื้อผ้าของสายสุนีย์ใส่กระเป๋าเดินทาง

ถึงแม้บุตรสาวจะพูดแบบนั้นแต่ผู้เป็นแม่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้  ทั้งที่กำหนดไว้แล้วว่าจะกลับกรุงเทพหลังจากที่คุณยายเจิมจันทร์เสร็จสิ้นจากการปฏิบัติธรรม แต่แล้วอยู่ๆ เมื่อตอนบ่ายก็มีโทรศัพท์ด่วนจากภาคินัยผู้เป็นสามีบอกให้กลับกรุงเทพด่วน เหตุเพราะน้องไอซ์หรือเด็กชายภคพงษ์ น้องชายต่างบิดาของเอมมาลินเกิดอุบัติเหตุหกล้มกระดูกแขนซ้ายหักจากการเล่นเซิร์ฟสเก็ตจนต้องเข้าเฝือก ต่อให้มีพี่เลี้ยงหรือพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ความเอาแต่ใจตัวเองชอบเหวี่ยงวีนของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ยังอยู่ในวัยเยาว์อายุแค่เก้าขวบแถมนิสัยดื้อรั้น ทำให้สายสุนีย์เป็นห่วงว่าอาการบาดเจ็บของน้องไอซ์จะไม่ทุเลาลง

“ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเอมอย่างนี้ จะไม่เหงาแย่หรือลูก ดูสิทั้งสร้อยทั้งชดก็ไม่อยู่กันทั้งคู่”

สายสุนีย์มิวายพูดถึงคนรับใช้ทั้งสอง อย่างสร้อยต้องเก็บกระเป๋าไปดูแลเจิมจันทร์ระหว่างปฏิบัติธรรมเหมือนเช่นทุกครั้ง ไหนจะนายชดที่ลากลับบ้านเพราะต้องไปดูแลเมียที่เพิ่งคลอดลูก สรุปว่าไม่มีใครอยู่บ้านหลังใหญ่นี้นอกจากเอมมาลิน

“เอมมีงานทำยามว่างแล้วค่ะ ไม่เหงาแน่นอน” หญิงสาวกล่าวด้วยท่าทีสดใส

“อ๋อ....กี่ทอผ้าตัวเก่าของคุณยายใช่ไหมลูก ตั้งแต่กลับมาจากบริษัทก็มารบเร้าให้คุณยายสอนทอผ้า นี่ดีนะที่เอมหัวเร็วไม่งั้นคุณยายคงมัวแต่สอนจนไม่ได้ไปปฏิบัติธรรมแน่เลย”

มารดารู้ทันทีว่างานยามว่างที่เอมมาลินพูดถึงคืออะไร นึกแอบหมั่นไส้นิดๆ หลังจากรู้จากวิมลว่าลูกสาวคนสวยของเธอแอบแปลงร่างเป็นสาวทอผ้าในขณะที่เธอต้อนรับลูกค้าอยู่ มิหนำซ้ำยังเกือบถูกลูกค้าจับได้ 

ทั้งวิมลและยุพาต่างยอมรับว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดจนถูกพอเจตน์ผู้จัดการเจ้าระเบียบตำหนิใส่ไปหนึ่งยก แต่ดูเหมือนผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งสองดูไม่สะทกสะท้าน กลับรู้สึกยินดีที่ได้ช่วยให้คุณหนูแสนสวยได้ทำตามที่ต้องการ

การบอกลาของสองแม่ลูกเป็นไปอย่างเร่งรีบ รถเช่าคันหรูขนาดเล็กกลางเก่ากลางใหม่พร้อมคนขับรถเป็นตัวเลือกเดียวเพื่อให้ทันขึ้นเครื่องบินไฟลท์ที่เร็วที่สุดของวันนี้ เอมมาลินโบกมือให้รถที่เคลื่อนตัวห่างออกไปจนลับสายตา จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าภายในบ้านและลงกลอนประตูใหญ่แน่นหนา เดินมุ่งหน้าไปห้องโถงที่เปิดออกไปสู่สวนหลังบ้านได้

หญิงสาวชอบมุมที่มองเห็นสวนหลังบ้านเป็นที่สุด วันก่อนเอมมาลินจึงขอร้องแกมบังคับให้ป้าสร้อยกับนายชดช่วยกันยกกี่ทอผ้าออกมาจากห้องเก็บของ ประกอบทุกอย่างจนเข้าที่เข้าทางตั้งไว้ที่โถงใต้ถุนหลังบ้านซึ่งตรงกับห้องนอนชั้นสองของหญิงสาวพอดี คุณยายเจิมจันทร์เองก็ยินดีที่ได้เห็นกี่ทอผ้ากลับมาใช้การได้อีกครั้ง

 

ในขณะที่หญิงสาวเริ่มที่จะเอาจริงเอาจังกับกี่ทอผ้าตรงหน้า เธอเหมือนจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากในสวน หญิงสาวหยุดมือตั้งใจฟังเสียงอีกครั้ง

“………...” 

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้หูแว่วไป มือที่จับกระสวยอยู่วางลงอย่างเบามือ แล้วลุกเดินไปยังทิศทางของเสียงที่คาดว่าอยู่ที่ใดที่หนึ่งในสวนหลังบ้าน สายตาก้มต่ำเมื่อได้เห็นเจ้าตัวต้นเสียง

มันคือแมวไทยตัวเล็กที่นั่งตาแป๋วแหววอยู่ใต้โคนต้นหอมหมื่นลี้

“อ้าว เจ้าเหมียว....หลงมาจากไหนเนี่ย!” 

“เหมียวววว” เจ้าขนปุยสีส้มแซมขาวสลับดำ มีหนวดสีขาวยาวเรียงเส้นสวย มันจ้องหน้าเธอแถมยังอ้าปากร้องไม่หยุด 

จนหญิงสาวย่อตัวนั่งยองๆใช้มือลูบหัวแมวน้อยเบาๆ ทดสอบดูว่ามันจะกลัวคนแปลกหน้าหรือไม่ 

เจ้าเหมียวเงียบเสียงลง ใช้หัวคลอเคลียที่มือของหญิงสาวอย่างไว้ใจ

“อุ้ยน่ารักจัง คุ้นเคยกับคนด้วย” 

จากนั้นมันก็เปลี่ยนท่าทางเอี้ยวตัวไปคลอเคลียกับโคนต้นไม้ จมูกสีขาวอมชมพูของมันขยับดุ๊กดิ๊กสูดดมกลิ่นที่โชยมา เอมมาลินคิดไปเองว่าขนาดแมวยังหอมฟินกับกลิ่นหอมของดอกหอมหมื่นลี้ต้นนี้เลย

หญิงสาวนึกติดใจรสชาติชาดอกหอมหมื่นลี้ที่ได้ดื่มเมื่อสองวันก่อน เลยเอื้อมมือไปเก็บกำไว้สองสามช่อ ‘เอาไว้ทำชาดื่มอีกดีกว่า’

“เหมียว” มันเงยหน้ามองสิ่งที่อยู่ในมือของหญิงสาวไม่วางตา ดูแสนรู้กว่าแมวทั่วไปซะจริง 

“แกเป็นแมวกินดอกไม้ไม่ได้หรอก มานี่มา เดี๋ยวหาอาหารให้กิน”

เอมมาลินพูดราวกับเหมียวน้อยจะเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ในใจคิดว่าก็ดีเหมือนกันมีแมวอยู่เป็นเพื่อนยามเหงา เหมียวน้อยรีบเดินเยื้องย่างตามร่างบางเข้าบ้าน

แมวน้อยที่เพิ่งเจอกันไม่นานกระโดดขึ้นนั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆ กับหญิงสาว มันเงยหน้ามองมือเรียวยาวที่กำลังบรรจงใส่กลีบดอกหอมหมื่นลี้และเทน้ำร้อนใส่กา

เธอก้มสูดดมไอน้ำที่ลอยขึ้นนำพากลิ่นหอมชื่นใจก่อนที่จะปิดฝากาน้ำ จนได้ที่แล้วรินใส่ถ้วยชา

“อ้าว เจ้าเหมียว ทำไมไม่กินปลากรอบล่ะ ไม่หิวเหรอ” เหมียวน้อยทำท่ากระดิกหูได้ยินเสียงพูด

มันไม่แม้แต่จะมองปลากรอบแสนอร่อยในจานใบเล็ก กลับจ้องมองอากัปกิริยาของร่างบางที่กำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นเป่าความร้อนก่อนที่จะละเลียดดื่มจนชาหมดถ้วย

“เหมียววววววว” คราวนี้มันร้องเสียงเหมียวลากยาวเหมือนจะพูดได้ กะพริบตาช้าๆ พลางยกขาหน้าสองขาเกาะขอบโต๊ะ 

หญิงสาวลองหยิบปลากรอบจ่อที่ปากของมัน คราวนี้ได้ผล มันอ้าปากงับปลากรอบจากมือ เคี้ยวด้วยฟันกรามเสียงดังกรุบๆ หมดแล้วก็เงยหน้ามอง เอมมาลินเห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจยกใหญ่ เลื่อนจานปลากรอบไว้ตรงหน้ามันอีกครั้ง 

“เอาล่ะ แกนั่งตรงนี้นะ อย่าซน ฉันมีงานต้องทำ” หมดห่วงกับการให้อาหารแมวหลงตัวนี้ไปสักที 

เมื่อเวลาแห่งการจิบน้ำชาสิ้นสุดลง ร่างบางเข้าประจำที่นั่งกี่ทอผ้าเริ่มรังสรรค์ผลงานให้เสร็จอย่างที่ตั้งใจ   

 

“วันนี้อยู่บ้านคนเดียวเป็นอย่างไรบ้างหนูเอม” เสียงปลายสายไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง ข้างกายมีหญิงรับใช้คนสนิทสาละวนจัดแจงที่นอนสำหรับนายหญิงชรา

“ทำไมจะอยู่คนเดียวไม่ได้ล่ะคะคุณยาย เอมยังอยู่ที่จีนคนเดียวได้สบายๆ เลย แค่นี้สบายมากค่ะ” 

หญิงสาวตอบพลางเช็ดเส้นผมเปียกลู่ หลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จก็รีบโทรศัพท์หาคุณยายเจิมจันทร์

“คุณยายคะ แถวนี้มีใครเลี้ยงแมวบ้างหรือเปล่าคะ”

“แมวเหรอ? เพื่อนบ้านเราก็ไม่มีใครเคยบอกว่าเลี้ยงแมวเลยนะ มีอะไรหรือเปล่าลูก” เจิมจันทร์กล่าวด้วยไม่รู้ว่าหลานสาวจะถามถึงแมวทำไม

เอมมาลินหันไปมองดูเจ้าแมวน้อยกำลังนอนเหยียดยาวท่าทางสบายใจอยู่บนโต๊ะหัวเตียง

“ก็วันนี้มีแมวสามสีเข้ามาในบ้านเราค่ะ เอมเอาปลากรอบให้กินแล้วมันก็ยังไม่ยอมไปไหน”

เจิมจันทร์ลองหันไปถามสร้อยเผื่อว่าจะได้คำตอบ

“สร้อย แถวบ้านเรามีใครที่ไหนเลี้ยงแมวบ้างหรือเปล่า หนูเอมบอกว่ามีแมวสามสีเข้าบ้าน”

“ไม่มีหรอกค่ะนายท่าน ในละแวกบ้านเราอิฉันรู้จักเกือบทุกบ้าน จะมีบ้านที่อยู่หน้าปากซอยทางเข้าเขาก็เลี้ยงแต่สุนัขตัวใหญ่ๆ คงไม่มีแมวอย่างที่คุณเอมว่า” แม่บ้านหญิงคนเก่าแก่บอกอย่างกับรู้จักคนละแวกบ้านไปเสียหมด “หรือว่าจะมีคนเอามาปล่อยคะ”

เสียงพูดแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ของป้าสร้อยทำให้เอมมาลินนึกสงสารแมวน้อยตัวนี้ขึ้นมา

“ทำอย่างไงกับมันต่อดีคะคุณยาย ดูสิตัวเล็กนิดเดียว อายุน่าจะประมาณ 3-4 เดือนเท่านั้นเอง” 

“เอาเถอะลูก เดี๋ยวยายกลับบ้านก่อนแล้วเราค่อยว่ากัน ตอนนี้ให้มันอยู่เป็นเพื่อนหนูเอมไปก่อนแล้วกัน ก็ดีเหมือนกันนะหนูเอมจะได้ไม่เหงา” 

เอมมาลินเหลือบมองเจ้าแมวตัวที่ถูกกล่าวถึงอีกครั้ง ‘ดีนะที่ฉันไม่แพ้ขนแมว ไม่งั้นแกโดนอัปเปหิออกไปจากบ้านแน่นอน’ หญิงสาวนึกหมั่นไส้เจ้าตัวดีที่ใช้คางเกยเท้าหน้านอนหลับตาพริ้ม ทำราวกับที่นี่คือบ้านของบ้านมัน

เมื่อคาดว่ามันคงหลับสนิทแล้วร่างบางในชุดนอนก็หันมาคุยโทรศัพท์กับคุณยายน้ำเสียงเจื้อยแจ้วเพราะเห็นว่ายังหัวค่ำอยู่

เจ้าขนปุยลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาสีเขียวเปล่งประกายจ้องแผ่นหลังของหญิงสาวไม่วางตา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา