ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก
เขียนโดย ณรีนิน
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) สาวทอผ้าผู้น่ารัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เสียงกระทบของฟืมหรือฟันหวีทอเส้นไหมจนกลายเป็นผืนผ้าของเครื่องทอผ้าแบบอัตโนมัติ เพียงการสั่งการด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ การทอผ้าก็ดูเป็นเรื่องง่ายดาย ด้วยแบบและลวดลายถูกป้อนข้อมูลคำสั่งไว้ในเครื่องเรียบร้อยแล้ว ช่างเป็นความอัศจรรย์ในเชิงกลที่น่าสนใจต่อเหล่าคณะผู้มาเยือน
รองประธานหนุ่มยืนฟังผู้บรรยายกระบวนการที่น่าสนใจนี้ผ่านล่ามภาษาจีน เพียงไม่นานความสนใจของเขาลดลงไปเล็กน้อยด้วยเห็นว่าเครื่องทอผ้าแบบอัตโนมัติในโรงงานแห่งนี้ ไม่ใช่อุปกรณ์ที่ถือว่าทันสมัยที่สุด เพราะที่ประเทศของเขาย่อมมีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า
สิ่งที่เขาสนใจมากกว่านั้น คือการสร้างสรรค์ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจนสามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่ผ้าไหมและเป็นที่ต้องการของแบรนด์ดังในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้ได้อย่างไร
ชายหนุ่มทอดสายตายาวมองข้ามเครื่องทอผ้าโครงเหล็กสี่เหลี่ยมไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่กับเครื่องทอผ้าโครงไม้ตัวสุดท้ายในโซนฝั่งตรงกันข้าม หากมองผิวเผินก็แค่พนักงานหญิงนั่งทอผ้าทั่วไป แต่เห็นว่าหญิงผู้นั้นช่างดูแตกต่างตรงที่ดูอ่อนวัยกว่าพนักงานหญิงทุกคนที่กำลังปฏิบัติงานอยู่
เขาปลีกตัวออกจากกลุ่มอย่างเงียบๆ เป้าหมายคือเครื่องทอผ้าโครงไม้ตัวสุดท้าย เสียงรองเท้าหนังชายกระทบพื้นปูนตรงไปตามทิศทางสัญลักษณ์ลูกศรทางเดินไปจนถึงแนวเส้นทึบสีเหลือง
ยุพาที่ยืนข้างๆคอยให้กำลังใจคุณหนูเอมมาลินสาวทอผ้าชั่วคราว ก็ให้เบิกตากว้างทันทีที่เห็นชายร่างสูงใส่สูทสาวเท้าเดินมุ่งหน้ามาทางนี้
“คุณหนู คุณหนู รีบหลบเร็วค่ะ มีคนกำลังเดินมาทางเราแล้ว”ยุพาละล่ำละลักเรียก
“หา.....ใครมานะ”
“หน้าไม่คุ้นเลย ลูกค้าแน่ๆเลยค่ะ”
“โธ่เอ๊ย! ทำไมเขาประชุมกันเสร็จเร็วจังล่ะยุพา เอมเพิ่งลงมือทอได้นิดเดียวเอง”
เอมมาลินทำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ผละมือจากกระสวยทอผ้าอย่างรีบๆ จนมันกลิ้งคลุกๆตกไปที่พื้น นึกจะเอื้อมมือไปเก็บแต่ยุพาเร่งเร้าเกรงจะไม่ทันการณ์
“รีบหลบมาทางนี้เร็วค่ะ!”
ตอนนี้ต้องรีบพาเอมมาลินหลบซ่อนตัวไว้ก่อน ยุพาไม่อยากเสี่ยงต่อฐานความผิดที่ไม่ทำงานในแผนกของตัวเองตามคำสั่งของผู้จัดการหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
จุดแขวนผ้าไหมที่เพิ่งทอเสร็จดูเป็นสถานที่เหมาะสมที่สุด ขนาดของผ้าไหมที่แขวนอยู่บนราวเชือกกว้างพอสำหรับหญิงสองคนยืนหลบอยู่ได้สบายๆ
สองสาวยืนนิ่งอยู่อึดใจใหญ่ เงี่ยหูฟังเสียงเดินที่ใกล้เข้ามา แล้วอยู่ๆ ก็เงียบไปเฉยๆ
ผู้ชายตัวสูงใส่สูททรงเทเลอร์ฟิตเข้ากับสรีระหลุบตามองที่พื้น เห็นกระสวยที่พลิกคว่ำตกอยู่ไม่ห่างเครื่องทอผ้าแต่ที่พื้นยังมีสิ่งอื่นตกอยู่ เขาเปลี่ยนใจเดินไปเก็บสิ่งนั้น
ยุพาอดใจไม่ไหวต้องแง้มเปิดผ้าดูจนมองเห็นร่างชายหนุ่มชัดๆ
“เป็นไงบ้างยุพา เขาไปหรือยัง”
“ยังไม่ไปค่ะ แต่เขาเก็บอะไรสักอย่าง มองไม่ชัดเลยค่ะ” ของที่อยู่ในมือมันช่างขนาดเล็กเหลือเกิน
“เห็นแล้ว ดอกไม้ค่ะดอกไม้ เอ๊ะ....ดอกไม้มาจากไหนนะ คุ้นๆ”พอเหลือบมาเห็นผมหางม้าของคุณหนูก็นึกขึ้นได้จึงพูดต่อ “อ๋อ.....ดอกไม้ที่ติดผมคุณหนูไงคะ ผู้ชายหล่อๆคนนั้นน่ะ เขาเก็บดอกไม้คุณหนูได้ค่ะ”
ยุพาพูดออกไปด้วยไม่รู้จักฐานะของผู้มาเยือน รู้แต่ว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีผิวพรรณสะอาดสะอ้าน
“จริงเหรอ” ยกมือขึ้นจับที่ยางรัดผมที่ยังเหลือดอกหอมหมื่นลี้ติดอยู่ส่วนหนึ่ง แล้วอีกส่วนหนึ่งดันไปอยู่ในมือชายหนุ่มคนนั้น “มันหล่นไปตอนที่วิ่งเมื่อกี้นี้แน่เลย”
ชายหนุ่มเอียงคอเหลือบมองไปยังทิศทางของเสียงกระซิบกระซาบที่ดังแว่วมาถึงหู ดอกไม้ในมือของชายหนุ่มคือดอกไม้ชนิดเดียวกันกับที่เห็นในห้องท่านประธานไม่ผิดแน่ พอเข้าใจแล้วว่าเจ้าของดอกไม้หลบอยู่ตรงไหน เขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่กลับสอดดอกไม้ที่เพิ่งหยิบขึ้นมาเมื่อสักครู่ไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน ไม่คิดจะทิ้ง
หลี่เจี๋ยที่เดินตามมาห่างๆ เพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์รีบเข้ามาแจ้งกำหนดการในช่วงบ่ายให้เจ้านายหนุ่มทราบ หลี่เจี๋ยแปลกใจที่รองประธานหนุ่มเดินมาดูเครื่องทอผ้าแบบทอมือ ทั้งที่บริษัทพยายามโชว์ผลงานจากเครื่องทออัตโนมัติมากกว่า
“ท่านสนใจดูเครื่อง Manual หรือครับ”
“ผมว่าน่าสนใจดีนะ” เสียงทุ้มนุ่มกล่าวตอบสั้นๆ
เอมมาลินได้ยินเสียงพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ให้สะดุดหูกับน้ำเสียงที่เปล่งภาษาจีนจากชายผู้ยืนห่างออกไปไม่ถึงสองเมตร
‘เหมือนเคยได้ยินที่ไหนนะ’ เธอพยายามเงี่ยหูฟังให้ชัดๆอีกครั้ง
จางเหวินเซียวไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก จนกระทั่งสายสุนีย์กับพอเจตน์เดินตามมาสมทบ
“คุณจางเหวินเซียวสนใจดูกี่ทอผ้าของเราด้วยหรือคะ”สายสุนีย์เรียกชื่อเครื่องทอผ้าอย่างง่ายๆ
เอมมาลินสะดุ้งเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงมารดาคุยกับลูกค้าด้วยภาษาจีน
“อ่อ....ครับ ผมสนใจลวดลายที่ทอขึ้นจากเครื่องทอผ้าแบบนี้ ดูซับซ้อนและสวยงามมาก”
“ใช่ค่ะ เราใช้กี่ทอมือเป็นจุดเริ่มต้นในการออกแบบลวดลายก่อนที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับเครื่องจักรทออัตโนมัติค่ะ”สายสุนีย์อธิบายให้ฟังอย่างตั้งใจเหมือนเช่นเคย
“โห.....ท่านประธานเก๊งเก่งนะคะคุณหนู พูดภาษาจีนรัวๆเลย” ยุพากระซิบเมื่อได้ยินการสนทนาจากบุคคลฝั่งตรงข้าม ส่วนลูกสาวท่านประธานยืนอมยิ้มกลอกตาไปมา แหม...ร้อยวันพันปีไม่เห็นคุณแม่อยากจะพูดภาษาจีน ส่วนมากจะเป็นภาษาอังกฤษเสียมากกว่า แสดงว่าลูกค้าคนนี้ต้องสำคัญมากแน่ๆเลย
“เดี๋ยวผมจะเรียกพนักงานให้มาสาธิตการทอผ้าดีไหมครับท่าน” พอเจตน์รีบเสนอความคิดอย่างรู้หน้าที่ สายสุนีย์หันไปบอกจางเหวินเซียวตามนั้น ทำให้รองประธานหนุ่มรู้สึกพอใจในความกระฉับกระเฉงของทั้งผู้บริหารและผู้จัดการที่พร้อมจัดการทุกสิ่งอย่างที่เขาสนใจ
เมื่อการสาธิตเริ่มต้นขึ้น จางเหวินเซียวเดินเข้าใกล้จุดที่สองสาวหลบอยู่ในระยะประชิด เขาแกล้งทำเป็นสนใจลวดลายผ้าไหมที่แขวนเป็นเกราะกำบังสองสาวอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหันหลังกลับไปดูการสาธิตทอผ้า ไม่ยอมเดินออกจากบริเวณนั้นเสียด้วย ศีรษะด้านหลังของเขาโผล่พ้นผืนผ้าจนคนที่หลบอยู่ได้เห็นเส้นผมหยักศกสีดำสนิทนั้นชัดเจน เอมมาลินกับยุพาต่างมองหน้ากันรีบย่อตัวลงอัตโนมัติจนเข่าเกือบถึงพื้น ทั้งสองแทบกลั้นหายใจกลัวคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามจะรับรู้การเคลื่อนไหว
‘ตาคนนี้ก็แปลกคน มายืนที่อับๆตรงนี้ทำไมกัน ตกลงรู้หรือไม่รู้กันแน่ว่าเราแอบอยู่’ หญิงสาวนึกขัดเคือง หัวใจเต้นตึกตักๆ ด้วยความตื่นเต้นเป็นหนักหนา
ชายหนุ่มยืนกอดอกจับจองพื้นที่บริเวณนี้ราวกับช่วยปิดบังคนด้านหลัง กลิ่นหอมจากดอกกุ้ยฮวาที่โชยมาจากเส้นผมของหญิงสาวรบกวนจิตใจชายหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก ทำให้นึกถึงแต่ดวงหน้าประดับรอยยิ้มสดใสในรูปที่ติดอยู่บนผนังห้องท่านประธาน
เขาคิดเล่นๆว่าน่าจะเปิดผืนผ้าไหมที่อยู่ด้านหลังของเขาออกเสียให้รู้เรื่องรู้ราว ดูสิตัวจริงของเจ้าของดอกไม้จะงดงามยิ่งกว่าในรูปหรือไม่.....
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีการสาธิตได้จบลง ทุกคน ณ ที่นั้นต่างทยอยเดินกลับไปทิศทางเดิม รวมถึงจางเหวินเซียวที่เดินอ้อยอิ่งออกไปอย่างช้าๆด้วยเช่นกัน
“เขาไปกันแล้วค่ะ” ยุพาแหวกผืนผ้าไหมออกกว้างขึ้นแสดงให้เอมมาลินเห็นว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัยแล้ว “ไปเร็วค่ะ ออกไปทางด้านหลังแล้วขึ้นทางบันไดหนีไฟ จะได้ไม่มีคนเห็น” ยุพาวิ่งลิ่วๆออกไปก่อน
เอมมาลินชักอยากเห็นหน้าลูกค้าชาวจีนที่สายสุนีย์เรียกชื่อเขาว่าคุณจางเหวินเซียวเสียเหลือเกิน แต่จะมัวหลบอยู่อย่างนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ หญิงสาวเคลื่อนตัวออกจากที่ซ่อนตัวชั่วคราววิ่งซอยเท้าถี่ๆบนพื้นปูน บ่ายหน้าไปยังทางเดินหลังโรงงาน
ในเสี้ยววินาทีที่จางเหวินเซียวหันหลังกลับไปมอง ร่างของสาวชุดโรงงานไว้ผมหางม้าวิ่งอย่างรีบร้อนเลี้ยวหายไปหลังกำแพง ทำให้ชายหนุ่มอดนึกขันในใจไม่ได้ ดอกไม้ที่มัดรวมกับผมหางม้านั้นทำให้เขามั่นใจว่าต้องเป็นสาวน้อยเอมมาลินลูกสาวแสนสวยของท่านประธานสายสุนีย์แน่นอน
การล่ำลาที่หน้าประตูทางเข้าบริษัทดำเนินไปด้วยดี บุคคลที่เกี่ยวข้องต่างพากันยินดีกับการพบปะกันในวันนี้ รถตู้คันหรูทยอยจอดเทียบรอรับคณะผู้มาเยือนจนครบทุกคน จางเหวินเซียวโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นการตอบรับการขอบคุณจากกลุ่มคนที่ยืนคอยส่งเขา
ชายหนุ่มนั่งเอนตัวสบายบนเบาะนุ่ม มือหนาควานหาดอกไม้หยิบออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูท ด้วยเกรงว่ากลีบจะช้ำเสียหาย
“นั่นดอกไม้อะไรหรือครับท่าน” หลี่เจี๋ยหันไปเห็นเจ้านายหนุ่มถือดอกไม้ช่อจิ๋ว
“ดอกกุ้ยฮวา ผมเก็บได้จากบริษัท คงมีใครบางคนทำตกไว้น่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“ครับ เอ่อ....แล้วการเยี่ยมชมบริษัทวันนี้ ท่านเห็นว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ”
เลขาคนสนิทพูดเปลี่ยนเรื่องคุย ถามหาคำตอบเรื่องงานในวันนี้
“ผมยังไม่ตัดสินใจตอนนี้ ให้ทางนั้นส่งข้อมูลมาเพิ่มอีกสักนิดแล้วกัน”
“รับทราบครับ” หลี่เจี๋ยยิ้มมุมปาก การสั่งการในลักษณะนี้แสดงว่า ‘สนใจ’
ทำงานใกล้ชิดมานาน เลขาย่อมรู้ใจนายมากที่สุด หากเจ้านายหนุ่มผู้นี้ไม่ต้องการสานต่อก็จะพูดตรงไปตรงมาว่า ‘ไม่’โดยทันที แต่ในคราวนี้กลับรั้งรอเวลา
จางเหวินเซียวในฐานะทายาทรุ่นต่อไปที่จะเข้ามาสืบทอดธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์คุณภาพระดับไฮเอนด์จากท่านประธานจางฉวนบิดาที่อยู่ในวัยใกล้เกษียน ชายหนุ่มเข้ารับตำแหน่งรองประธานบริษัทตั้งแต่สามปีก่อน ด้วยอายุในขณะนั้นเพียงยี่สิบห้าปีจึงเป็นที่จับตามองของหลายฝ่ายว่าจะบริหารงานในตำแหน่งสูงทั้งที่อายุยังน้อยได้หรือไม่ แต่ด้วยความสามารถของรองประธานหนุ่มผู้นี้ที่โชว์ฝีมือสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์โดดเด่นจนมียอดขายมากเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้จางเหวินเซียวเป็นที่ยอมรับของบอร์ดบริหารแบบไม่มีข้อกังขา
ด้วยวิสัยทัศน์ที่แตกต่างจากบิดาที่เน้นสร้างธุรกิจครอบคลุมเฉพาะกลุ่มก้อนของตัวเอง แต่จางเหวินเซียวประสงค์ที่จะทำธุรกิจที่เปิดกว้างกว่านั้น และการมาประเทศไทยในครั้งนี้เพื่อเลือกบริษัทที่เหมาะสมในการร่วมลงทุนในโปรเจกต์ต่อไป หลี่เจี๋ยสังเกตเห็นท่าทีของเจ้านายที่แสดงความชื่นชมความสามารถในการบริหารงานของท่านประธานหญิงสายสุนีย์เป็นพิเศษ
ประธานหญิงผู้นี้สื่อสารภาษาจีนได้ด้วยตนเองโดยไม่พึ่งพาล่ามแปลภาษา ช่วยให้การเจรจาทางธุรกิจราบรื่นมากขึ้น มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทที่เพิ่งจากมาเมื่อครู่นี้จะเป็นดาวเด่นในบรรดาบริษัทที่ไปเยี่ยมชมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ