ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก
-
เขียนโดย ณรีนิน
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.
44 ตอน
2 วิจารณ์
17.03K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
42) รอการกลับมา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความภายในห้องที่มีกลิ่นยาสมุนไพรตลบอบอวล ร่างของบุรุษผู้บาดเจ็บยังคงนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียง เขาเพิ่งผ่านความเป็นความตายจากการต่อสู้จนตกหน้าผาลงมา แต่ช่างโชคดีเหลือเกินที่รอดชีวิตมาได้
ในขณะเดียวกัน บุรุษสองคนยืนอยู่นอกประตูกำลังสนทนาเกี่ยวกับอาการของผู้ที่นอนพักอยู่ภายในห้องอย่างเคร่งเครียด
“เหตุใดยังไม่ได้สติ จะเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือไม่” ใบหน้าเป็นกังวลของหวางชุนเทียนเอ่ยถามหมอหลิวซูเหยียน
“ที่ยังไม่ได้สติเป็นเพราะพิษที่เคลือบกับอาวุธเหล่านั้นทำให้อวัยวะส่วนอื่นเสียหายไปด้วย อาจต้องใช้เวลาสักสองสามวัน แต่ท่านแม่ทัพไม่ต้องเป็นกังวลไป ยาสมุนไพรที่ข้าปรุงขึ้นสามารถยับยั้งการกระจายของพิษชนิดนี้ได้ รับรองว่าปลอดภัย”
หมอหลิวซูเหยียนยังยืนยันอีกว่าระหว่างที่รอองค์ชายใหญ่ฟื้น ได้สั่งให้เค่อหยวนเร่งเดินทางไปหาพืชสมุนไพรแถบชายแดนใต้ หากปรุงยาจากสมุนไพรชนิดนั้นสำเร็จแล้วจะสามารถระงับพิษให้หายขาดได้อย่างแน่นอน
หวางชุนเทียนถอนหายใจโล่งอกก่อนที่จะยกมือคารวะขอบคุณในความทุ่มเทช่วยรักษาพระอาการขององค์ชายใหญ่ในครั้งนี้
“อย่าได้ไปเกรงใจเลย ข้าดีใจที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือองค์ชายใหญ่ และยินดีที่ได้เจอขุนพลผู้ภักดีต่อบ้านเมืองเช่นท่านอีกครั้ง”
รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าของแม่ทัพหนุ่ม เขาคิดไม่ผิดจริงๆที่ดั้นด้นพาองค์ชายใหญ่มาหาหมอหลิวซูเหยียนที่หมู่บ้านหนิงอัน
และตอนนี้เริ่มคลายกังวลแล้ว หมอเทวดาผู้นี้ต้องรักษาอาการบาดเจ็บจากพิษประหลาดนี้ได้แน่นอน!
แม่ทัพหนุ่มและหมอหลิวซูเหยียนเดินคุยกันจนกระทั่งมาถึงลานกว้าง ทั้งสองตรงเข้ามาหาม้าสีนิลที่ถูกผูกไว้กับหลักไม้
“ขอบใจเจ้ามากนะ หากไม่ใช่เพราะเจ้าตามมาช่วยเหลือข้า องค์ชายใหญ่คงไม่รอดชีวิตมาถึงที่นี่เป็นแน่” หวางชุนเทียนยกมือตบที่หลังของมันเบาๆ
น้ำเสียงอ่อนโยนที่ม้าสีนิลได้ยินทำให้มันก้มหัวลงพลางกะพริบตาสองสามที ราวกับเข้าใจความหมายที่เจ้านายของมันกล่าว
“เจ้าม้าแสนรู้ตัวนี้ มันได้ช่วยท่านแม่ทัพอีกครั้งแล้วสินะ ช่างเป็นม้าที่น่ายกย่องเสียจริง” หมอเทวดาเอ่ยสรรเสริญ แม้มันเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานแต่มันกลับมีความภักดีต่อนายของมันอย่างยิ่ง
ในวันเกิดเหตุ ม้าสีนิลแสนรู้ตัวนี้ได้เห็นเจ้านายของมันกระโดดจากหน้าผาลงสู่ลำธาร มันรีบวิ่งหนีออกจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยการต่อสู้โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น และใช้เวลากว่าครึ่งค่อนวันวิ่งลัดเลาะหาเส้นทางที่สามารถลงไปช่วยนายของมันให้ได้
หวางชุนเทียนและองค์ชายใหญ่ถูกกระแสน้ำซัดห่างจากจุดที่ตกลงมาไม่ไกลมาก โชคดีที่แม่ทัพหนุ่มไม่ได้รับบาดเจ็บทำให้ยังเหลือกำลังพอที่จะว่ายน้ำหาร่างของผู้ที่ตกลงมาด้วยกันและแบกร่างที่บาดเจ็บนั้นเดินเลียบไปตามริมธาร
เขาเห็นว่ารอยเขียวคล้ำรอบบาดแผลดูสาหัสเกินกว่าถูกอาวุธแหลมคมธรรมดาทั่วไป บาดแผลลักษณะนี้ทำให้นึกถึงเมื่อครั้งที่เขาเคยประสบอันตรายจากอาวุธเคลือบยาพิษของคนร้ายเช่นกัน
‘หรือว่าอาวุธเหล่านั้นมีพิษ!’ หากพิษชนิดนี้จะร้ายแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อพระชนม์ชีพ คนที่จะช่วยชีวิตองค์ชายใหญ่ได้คงจะมีแต่ ‘หมอหลิวซูเหยียน’
‘เราต้องพาองค์ชายใหญ่ไปที่หมู่บ้านหนิงอัน’
ในเวลาเช่นนี้ เขาคิดถึงหมอเทวดาผู้นั้นเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่กว่าจะเดินเท้าไปจนถึงหมู่บ้านหนิงอันอาการขององค์ชายจะรุนแรงขึ้นหรือไม่
“ฮี้...”
เสียงม้าร้องมาจากอีกฟากฝั่งของสายธารทำให้หวางชุนเทียนหันกลับไปมอง และจำได้ทันทีว่ามันคือเจ้าม้าสีนิลคู่ใจของเขานั่นเอง
ทันทีที่มันเห็นหน้าเจ้านาย เจ้าม้าผู้ซื่อสัตย์ก็ร้องเสียงดังลากยาว ครั้นแล้วก็กระโจนลงน้ำว่ายมาหาเจ้านายของมันราวกับรู้ว่าตอนนี้คือเวลาที่มันต้องทำหน้าที่ของมัน!
ในขณะที่หวางชุนเทียนและหมอหลิวซูเหยียนยืนสนทนากันอยู่ เสียงกระพือปีกของนกพิราบโผบินมาเกาะหมับเข้าที่หลังของเจ้าม้าสีนิล
“นกตัวนี้…” ทั้งสองคนต่างก็หันมองพิราบตัวนั้นเป็นตาเดียวและสังเกตเห็นปลอกที่ขาของมัน
“หรือจะเป็นนกพิราบสื่อสารที่ท่านเคยมอบให้ข้าดูแล” หมอหลิวซูเหยียนจำได้ว่าน่าจะเป็นนกตัวเดียวกันกับที่เคยเลี้ยงไว้ในกรงก่อนหน้านี้
เมื่อคลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะใช่ แม่ทัพหนุ่มลองผิวปากเรียก และมันก็บินมาเกาะที่แขนตามที่คิดไว้จริงๆ เจ้านกตัวนี้จะหลุดจากกรงเพื่อมาหาเขาอย่างนั้นหรือ?
“ใช่จริงๆด้วย มันคงจำหนทางระหว่างจวนของท่านและหมู่บ้านแห่งนี้ได้ ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”
“คงเป็นบุญบารมีขององค์ชายลี่หมิงเป็นแน่ ข้าจะใช้เจ้านกตัวนี้ส่งข่าวให้วังหลวงส่งคนมารับองค์ชายใหญ่ที่นี่”
แม่ทัพหวางยิ้มอย่างมีความหวัง แค่นี้ก็พอจะมีหนทางแก้ไขปัญหาได้แล้ว
“เคร้งงงง” เสียงแก้วชาหลุดจากมือเรียวบางตกลงพื้นแตกกระจาย หญิงสาวเกิดอาการคล้ายคนหมดแรงขึ้นมากะทันหันเมื่อได้ยินข่าวร้ายที่ว่า ‘ท่านแม่ทัพตกหน้าผาไปพร้อมองค์ชายใหญ่ และตอนนี้ยังหาตัวไม่พบ!’
“คุณหนู! เป็นอะไรไหมเจ้าคะ” จูผิงหันมาเห็นใบหน้าซีดเผือดของนายหญิง สาวใช้รีบโผเข้าประคองร่างบอบบางที่ก่อนเคยยืนนิ่งแต่บัดนี้กลับต้องเซไปมานิดๆเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่
“เป็นไปไม่ได้...ท่านแม่ทัพไม่โชคร้ายถึงเพียงนั้น...อีกไม่นานก็จะเจอตัวอย่างแน่นอน เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่ นายกองกัว”
เหม่ยหลินเอ่ยเสียงสั่นหันไปขอคำตอบกับกัวเสี่ยนหรง
หวางชุนเทียนสัญญากับเธอว่าจะกลับมา เขาต้องกลับมา!
“จนวันนี้ก็ยังไม่พบร่างของผู้ใดที่ใต้ผาลึกนั้น เรายังมีพอมีความหวังว่าทั้งสองคนจะยังมีชีวิตอยู่ขอรับ”
กัวเสี่ยนหรงใช้เวลาอยู่หลายวันที่นำพาเหล่าทหารองครักษ์ค้นหาไปจนทั่วป่า โดยเฉพาะบริเวณลำธารใต้หน้าผานั้น แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบร่างของคนทั้งสองเสียที เขาจึงตัดสินใจกลับมาที่จวนเพื่อแจ้งข่าวนี้แก่คุณหนูเหม่ยหลินทราบ
ในจังหวะนั้นเอง ลู่หลิ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่ทัพ!” เสียงตะโกนถามด้วยความตกใจ นางได้ยินแว่วๆว่าท่านแม่ทัพหายตัวไปจึงเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาถาม
เวลานี้ ทั้งเหม่ยหลินและลู่หลิ่งต่างเศร้าเสียใจกับสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับแม่ทัพเจ้าของจวน!
ภายวันเดียวกันนั้น ลู่หลิ่งนั่งรถม้าตรงไปที่เรือนเจียวลู่ นางรีบลงมาจากรถม้าและก้าวเข้าสู่ประตูเรือนด้วยทีท่าร้อนใจ
“ช้าก่อนแม่นางลู่หลิ่ง ท่านมีธุระอันใด” หลัวอี้ชิงคนสนิทเจ้าของเรือนมาดักหน้าไว้
“ข้ามาหาท่านรองแม่ทัพเหอไป่เฉิน พาข้าไปพบเขาเดี๋ยวนี้!” ลู่หลิ่งพูดราวกับออกคำสั่ง
หลัวอี้ชิงเห็นอาการร้อนใจของหญิงสาวตรงหน้าก็พอจะเดาได้ว่าลู่หลิ่งมาขอพบท่านรองแม่ทัพด้วยเรื่องใด แต่ก็ยังไม่ทันขยับกายทำตามที่นางพูด ร่างสูงของเหอไป่เฉินก็เปิดประตูเดินออกมาเสียก่อน
“มีธุระอันใดกับข้า”
ลู่หลิ่งสาวเท้าเดินเข้าหาเจ้าของเสียงทุ้มเข้มนั้นทันที “ท่านเคยรับปากไว้ว่าจะไม่ทำร้ายแม่ทัพหวาง”
คำพูดของลู่หลิ่งทำให้เหอไป่เฉินเหล่มองอย่างไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วมุ่นก่อนที่จะเอ่ยถาม
“เจ้าหมายความถึงสิ่งใด”
“คนที่ลอบทำร้ายองค์ชายใหญ่คือท่าน! เพราะการกระทำของท่านทำให้แม่ทัพหวางต้องรับเคราะห์ไปด้วย ในเมื่อข้าได้สูญเสียแม่ทัพหวางไปแล้ว ต่อไปนี้ข้าคงไม่อาจฟังคำของท่านได้อีก!” ลู่หลิ่งพูดด้วยความโมโห
“ฮึ...หากเจ้าคิดว่าหวางชุนเทียนตายไปแล้ว มีคนพบศพแล้วงั้นรึ?”
ลู่หลิ่งได้ยินเช่นนั้นพลันจ้องมองหน้าเหอไป่เฉินด้วยนัยน์ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง ‘นั่นสิ นายกองกัวเสี่ยนหรงบอกว่าค้นหามาหลายวันก็ยังไม่พบ หรือว่าท่านแม่ทัพจะยังมีชีวิตอยู่!’
“หวางชุนเทียนอาจจะกลับมาในไม่ช้า แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น เจ้าต้องทำสิ่งที่ตกลงกันไว้ให้สำเร็จ”
เรื่องที่ตกลงกันไว้! ลู่หลิ่งนึกขึ้นได้
“ท่านหมายถึง เหม่ยหลิน!”
เหอไป่เฉินพยักหน้าพลางยิ้มเย็นยะเยือก ได้เวลาที่เขาควรจะออกจากแคว้นตงเยว่แล้ว
หากแม้หวางชุนเทียนโชคดีมีชีวิตรอดกลับเมืองหลวงมาได้ ถึงตอนนั้นก็คงไม่ได้เจอเหม่ยหลินอีกต่อไปแล้ว
เพราะเหอไป่เฉินคิดจะพาเหม่ยหลินไปแคว้นม่งอู๋!
ในขณะเดียวกัน บุรุษสองคนยืนอยู่นอกประตูกำลังสนทนาเกี่ยวกับอาการของผู้ที่นอนพักอยู่ภายในห้องอย่างเคร่งเครียด
“เหตุใดยังไม่ได้สติ จะเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือไม่” ใบหน้าเป็นกังวลของหวางชุนเทียนเอ่ยถามหมอหลิวซูเหยียน
“ที่ยังไม่ได้สติเป็นเพราะพิษที่เคลือบกับอาวุธเหล่านั้นทำให้อวัยวะส่วนอื่นเสียหายไปด้วย อาจต้องใช้เวลาสักสองสามวัน แต่ท่านแม่ทัพไม่ต้องเป็นกังวลไป ยาสมุนไพรที่ข้าปรุงขึ้นสามารถยับยั้งการกระจายของพิษชนิดนี้ได้ รับรองว่าปลอดภัย”
หมอหลิวซูเหยียนยังยืนยันอีกว่าระหว่างที่รอองค์ชายใหญ่ฟื้น ได้สั่งให้เค่อหยวนเร่งเดินทางไปหาพืชสมุนไพรแถบชายแดนใต้ หากปรุงยาจากสมุนไพรชนิดนั้นสำเร็จแล้วจะสามารถระงับพิษให้หายขาดได้อย่างแน่นอน
หวางชุนเทียนถอนหายใจโล่งอกก่อนที่จะยกมือคารวะขอบคุณในความทุ่มเทช่วยรักษาพระอาการขององค์ชายใหญ่ในครั้งนี้
“อย่าได้ไปเกรงใจเลย ข้าดีใจที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือองค์ชายใหญ่ และยินดีที่ได้เจอขุนพลผู้ภักดีต่อบ้านเมืองเช่นท่านอีกครั้ง”
รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าของแม่ทัพหนุ่ม เขาคิดไม่ผิดจริงๆที่ดั้นด้นพาองค์ชายใหญ่มาหาหมอหลิวซูเหยียนที่หมู่บ้านหนิงอัน
และตอนนี้เริ่มคลายกังวลแล้ว หมอเทวดาผู้นี้ต้องรักษาอาการบาดเจ็บจากพิษประหลาดนี้ได้แน่นอน!
แม่ทัพหนุ่มและหมอหลิวซูเหยียนเดินคุยกันจนกระทั่งมาถึงลานกว้าง ทั้งสองตรงเข้ามาหาม้าสีนิลที่ถูกผูกไว้กับหลักไม้
“ขอบใจเจ้ามากนะ หากไม่ใช่เพราะเจ้าตามมาช่วยเหลือข้า องค์ชายใหญ่คงไม่รอดชีวิตมาถึงที่นี่เป็นแน่” หวางชุนเทียนยกมือตบที่หลังของมันเบาๆ
น้ำเสียงอ่อนโยนที่ม้าสีนิลได้ยินทำให้มันก้มหัวลงพลางกะพริบตาสองสามที ราวกับเข้าใจความหมายที่เจ้านายของมันกล่าว
“เจ้าม้าแสนรู้ตัวนี้ มันได้ช่วยท่านแม่ทัพอีกครั้งแล้วสินะ ช่างเป็นม้าที่น่ายกย่องเสียจริง” หมอเทวดาเอ่ยสรรเสริญ แม้มันเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานแต่มันกลับมีความภักดีต่อนายของมันอย่างยิ่ง
ในวันเกิดเหตุ ม้าสีนิลแสนรู้ตัวนี้ได้เห็นเจ้านายของมันกระโดดจากหน้าผาลงสู่ลำธาร มันรีบวิ่งหนีออกจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยการต่อสู้โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น และใช้เวลากว่าครึ่งค่อนวันวิ่งลัดเลาะหาเส้นทางที่สามารถลงไปช่วยนายของมันให้ได้
หวางชุนเทียนและองค์ชายใหญ่ถูกกระแสน้ำซัดห่างจากจุดที่ตกลงมาไม่ไกลมาก โชคดีที่แม่ทัพหนุ่มไม่ได้รับบาดเจ็บทำให้ยังเหลือกำลังพอที่จะว่ายน้ำหาร่างของผู้ที่ตกลงมาด้วยกันและแบกร่างที่บาดเจ็บนั้นเดินเลียบไปตามริมธาร
เขาเห็นว่ารอยเขียวคล้ำรอบบาดแผลดูสาหัสเกินกว่าถูกอาวุธแหลมคมธรรมดาทั่วไป บาดแผลลักษณะนี้ทำให้นึกถึงเมื่อครั้งที่เขาเคยประสบอันตรายจากอาวุธเคลือบยาพิษของคนร้ายเช่นกัน
‘หรือว่าอาวุธเหล่านั้นมีพิษ!’ หากพิษชนิดนี้จะร้ายแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อพระชนม์ชีพ คนที่จะช่วยชีวิตองค์ชายใหญ่ได้คงจะมีแต่ ‘หมอหลิวซูเหยียน’
‘เราต้องพาองค์ชายใหญ่ไปที่หมู่บ้านหนิงอัน’
ในเวลาเช่นนี้ เขาคิดถึงหมอเทวดาผู้นั้นเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่กว่าจะเดินเท้าไปจนถึงหมู่บ้านหนิงอันอาการขององค์ชายจะรุนแรงขึ้นหรือไม่
“ฮี้...”
เสียงม้าร้องมาจากอีกฟากฝั่งของสายธารทำให้หวางชุนเทียนหันกลับไปมอง และจำได้ทันทีว่ามันคือเจ้าม้าสีนิลคู่ใจของเขานั่นเอง
ทันทีที่มันเห็นหน้าเจ้านาย เจ้าม้าผู้ซื่อสัตย์ก็ร้องเสียงดังลากยาว ครั้นแล้วก็กระโจนลงน้ำว่ายมาหาเจ้านายของมันราวกับรู้ว่าตอนนี้คือเวลาที่มันต้องทำหน้าที่ของมัน!
ในขณะที่หวางชุนเทียนและหมอหลิวซูเหยียนยืนสนทนากันอยู่ เสียงกระพือปีกของนกพิราบโผบินมาเกาะหมับเข้าที่หลังของเจ้าม้าสีนิล
“นกตัวนี้…” ทั้งสองคนต่างก็หันมองพิราบตัวนั้นเป็นตาเดียวและสังเกตเห็นปลอกที่ขาของมัน
“หรือจะเป็นนกพิราบสื่อสารที่ท่านเคยมอบให้ข้าดูแล” หมอหลิวซูเหยียนจำได้ว่าน่าจะเป็นนกตัวเดียวกันกับที่เคยเลี้ยงไว้ในกรงก่อนหน้านี้
เมื่อคลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะใช่ แม่ทัพหนุ่มลองผิวปากเรียก และมันก็บินมาเกาะที่แขนตามที่คิดไว้จริงๆ เจ้านกตัวนี้จะหลุดจากกรงเพื่อมาหาเขาอย่างนั้นหรือ?
“ใช่จริงๆด้วย มันคงจำหนทางระหว่างจวนของท่านและหมู่บ้านแห่งนี้ได้ ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”
“คงเป็นบุญบารมีขององค์ชายลี่หมิงเป็นแน่ ข้าจะใช้เจ้านกตัวนี้ส่งข่าวให้วังหลวงส่งคนมารับองค์ชายใหญ่ที่นี่”
แม่ทัพหวางยิ้มอย่างมีความหวัง แค่นี้ก็พอจะมีหนทางแก้ไขปัญหาได้แล้ว
“เคร้งงงง” เสียงแก้วชาหลุดจากมือเรียวบางตกลงพื้นแตกกระจาย หญิงสาวเกิดอาการคล้ายคนหมดแรงขึ้นมากะทันหันเมื่อได้ยินข่าวร้ายที่ว่า ‘ท่านแม่ทัพตกหน้าผาไปพร้อมองค์ชายใหญ่ และตอนนี้ยังหาตัวไม่พบ!’
“คุณหนู! เป็นอะไรไหมเจ้าคะ” จูผิงหันมาเห็นใบหน้าซีดเผือดของนายหญิง สาวใช้รีบโผเข้าประคองร่างบอบบางที่ก่อนเคยยืนนิ่งแต่บัดนี้กลับต้องเซไปมานิดๆเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่
“เป็นไปไม่ได้...ท่านแม่ทัพไม่โชคร้ายถึงเพียงนั้น...อีกไม่นานก็จะเจอตัวอย่างแน่นอน เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่ นายกองกัว”
เหม่ยหลินเอ่ยเสียงสั่นหันไปขอคำตอบกับกัวเสี่ยนหรง
หวางชุนเทียนสัญญากับเธอว่าจะกลับมา เขาต้องกลับมา!
“จนวันนี้ก็ยังไม่พบร่างของผู้ใดที่ใต้ผาลึกนั้น เรายังมีพอมีความหวังว่าทั้งสองคนจะยังมีชีวิตอยู่ขอรับ”
กัวเสี่ยนหรงใช้เวลาอยู่หลายวันที่นำพาเหล่าทหารองครักษ์ค้นหาไปจนทั่วป่า โดยเฉพาะบริเวณลำธารใต้หน้าผานั้น แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบร่างของคนทั้งสองเสียที เขาจึงตัดสินใจกลับมาที่จวนเพื่อแจ้งข่าวนี้แก่คุณหนูเหม่ยหลินทราบ
ในจังหวะนั้นเอง ลู่หลิ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่ทัพ!” เสียงตะโกนถามด้วยความตกใจ นางได้ยินแว่วๆว่าท่านแม่ทัพหายตัวไปจึงเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาถาม
เวลานี้ ทั้งเหม่ยหลินและลู่หลิ่งต่างเศร้าเสียใจกับสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับแม่ทัพเจ้าของจวน!
ภายวันเดียวกันนั้น ลู่หลิ่งนั่งรถม้าตรงไปที่เรือนเจียวลู่ นางรีบลงมาจากรถม้าและก้าวเข้าสู่ประตูเรือนด้วยทีท่าร้อนใจ
“ช้าก่อนแม่นางลู่หลิ่ง ท่านมีธุระอันใด” หลัวอี้ชิงคนสนิทเจ้าของเรือนมาดักหน้าไว้
“ข้ามาหาท่านรองแม่ทัพเหอไป่เฉิน พาข้าไปพบเขาเดี๋ยวนี้!” ลู่หลิ่งพูดราวกับออกคำสั่ง
หลัวอี้ชิงเห็นอาการร้อนใจของหญิงสาวตรงหน้าก็พอจะเดาได้ว่าลู่หลิ่งมาขอพบท่านรองแม่ทัพด้วยเรื่องใด แต่ก็ยังไม่ทันขยับกายทำตามที่นางพูด ร่างสูงของเหอไป่เฉินก็เปิดประตูเดินออกมาเสียก่อน
“มีธุระอันใดกับข้า”
ลู่หลิ่งสาวเท้าเดินเข้าหาเจ้าของเสียงทุ้มเข้มนั้นทันที “ท่านเคยรับปากไว้ว่าจะไม่ทำร้ายแม่ทัพหวาง”
คำพูดของลู่หลิ่งทำให้เหอไป่เฉินเหล่มองอย่างไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วมุ่นก่อนที่จะเอ่ยถาม
“เจ้าหมายความถึงสิ่งใด”
“คนที่ลอบทำร้ายองค์ชายใหญ่คือท่าน! เพราะการกระทำของท่านทำให้แม่ทัพหวางต้องรับเคราะห์ไปด้วย ในเมื่อข้าได้สูญเสียแม่ทัพหวางไปแล้ว ต่อไปนี้ข้าคงไม่อาจฟังคำของท่านได้อีก!” ลู่หลิ่งพูดด้วยความโมโห
“ฮึ...หากเจ้าคิดว่าหวางชุนเทียนตายไปแล้ว มีคนพบศพแล้วงั้นรึ?”
ลู่หลิ่งได้ยินเช่นนั้นพลันจ้องมองหน้าเหอไป่เฉินด้วยนัยน์ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง ‘นั่นสิ นายกองกัวเสี่ยนหรงบอกว่าค้นหามาหลายวันก็ยังไม่พบ หรือว่าท่านแม่ทัพจะยังมีชีวิตอยู่!’
“หวางชุนเทียนอาจจะกลับมาในไม่ช้า แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น เจ้าต้องทำสิ่งที่ตกลงกันไว้ให้สำเร็จ”
เรื่องที่ตกลงกันไว้! ลู่หลิ่งนึกขึ้นได้
“ท่านหมายถึง เหม่ยหลิน!”
เหอไป่เฉินพยักหน้าพลางยิ้มเย็นยะเยือก ได้เวลาที่เขาควรจะออกจากแคว้นตงเยว่แล้ว
หากแม้หวางชุนเทียนโชคดีมีชีวิตรอดกลับเมืองหลวงมาได้ ถึงตอนนั้นก็คงไม่ได้เจอเหม่ยหลินอีกต่อไปแล้ว
เพราะเหอไป่เฉินคิดจะพาเหม่ยหลินไปแคว้นม่งอู๋!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ