ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก
-
เขียนโดย ณรีนิน
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.
44 ตอน
2 วิจารณ์
16.98K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เตรียมการต้อนรับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความชายร่างท้วมใส่สูทสีเทาอ่อนยืนอยู่ต่อหน้าเหล่าหัวหน้าแผนกทั้งชายหญิงที่ยืนเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดาน ในมือของแต่ละคนถือแฟ้มรอการตรวจสอบ บรรยากาศช่างดูเหมือนครูประจำชั้นตรวจสมุดการบ้านนักเรียนก่อนเริ่มคาบเรียน
แต่หากที่นี่คือบริษัทที่ขึ้นชื่อด้านการผลิตสิ่งทอ สินค้าที่ทำรายได้ให้แก่บริษัทคือผ้าไหมไทยลวดลายเป็นอกลักษณ์เฉพาะจนมีบริษัทแบรนด์ดังต่างให้ความสนใจสั่งซื้อไปต่อยอดสินค้าของตนเอง
“ทุกคน ฟังทางนี้!” พอเจตน์ตบมือพร้อมเปล่งเสียงเพื่อเรียกให้ทุกคนสนใจในสิ่งที่จะพูดต่อจากนี้
“วันนี้เรามีลูกค้าสำคัญจากต่างประเทศ อย่าให้มีอะไรขาดตกบกพร่องเด็ดขาด หากแผนกไหนเกิดปัญหาเร่งด่วน ให้รีบรายงานผมทันที เข้าใจมั้ย!” น้ำเสียงสั่งการลากยาวในตอนท้ายกระตุ้นให้คนในที่นี้ตื่นตัว
“เข้าใจค่ะ / ครับ”เสียงของผู้ใต้บังคับบัญชาตอบด้วยความพร้อมเพรียงกัน
พอเจตน์พยักหน้าหนักๆอย่างพอใจ
เมื่อได้รับการติดต่อจากต่างประเทศเพื่อขอเข้าเยี่ยมชมโรงงานทอผ้าแห่งนี้ พอเจตน์ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปได้รับคำสั่งจากท่านประธานให้ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างในบริษัท ด้วยเป็นคนที่ตั้งใจในการทำงานมาแต่ไหนแต่ไร เขาจึงละเมียดละไมกับงานที่ได้รับมอบหมายครั้งนี้เป็นอย่างมาก
พนักงานสาวฝ่ายบัญชีนั่งกดแป้นพิมพ์อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ภายในห้องที่ล้อมรอบด้วยผนังกระจก แม้ดูเหมือนกำลังตั้งอกตั้งใจกับงานตรงหน้า แต่หากสายตามิวายเหลือบมองไปที่โถงทางเดินผ่านผนังกระจก หล่อนเห็นว่าพอเจตน์ที่ทำหน้าเคร่งขรึมกว่าทุกวันเรียกให้หัวหน้าทุกแผนกประชุมแบบรวบรัดก่อนการเดินตรวจสถานที่ อดไม่ได้ที่จะหันมาสนทนากับเพื่อนสาวโต๊ะข้างๆ
“แกๆ วันนี้ดูผู้จัดการตื่นเต้นกว่าทุกครั้งเลยนะ ลูกค้ารายนี้สำคัญกว่ารายอื่นยังไง”
“เห็นเขาว่าเป็นลูกค้าจากจีนนะ ที่ว่าสำคัญอย่างไง ก็คงหมายถึงการทำธุรกิจร่วมกันนะสิ”
“แบบไหนเรียกว่าทำธุรกิจร่วมกัน เขามาจ้างเราผลิตสินค้าแบบนี้ใช่มั้ย”
“โอ๊ย ถ้าดูแลสถานที่ทุกกระเบียดนิ้วขนาดนี้ ไม่น่าแค่มาจ้างผลิตสินค้าแล้วล่ะ”
“หา...หรือว่าจะมาร่วมถือหุ้นกับบริษัทเรา”
“ก็ไม่แน่นะ คนที่เข้าประชุมวันนี้ มีทั้งท่านประธาน กรรมการ ผู้ถือหุ้น และหัวหน้าทุกฝ่ายทุกแผนกในบริษัทด้วยนะ ผู้จัดการย้ำนักย้ำหนาไม่ให้ทุกคนขาดประชุมเด็ดขาด”
ยังไม่ทันพูดจบประโยค เสียงจากโต๊ะด้านหลังดังแทรกการสนทนา
“นี่! พวกหล่อน รายงานประจำไตรมาสแรกเสร็จเรียบร้อยหรือยัง มัวแต่คุยกันอยู่นั่น!”
หัวหน้าหญิงวัยสี่สิบต้นๆเดินมาที่โต๊ะทวงงานที่สั่งการไว้หลายวันก่อน ทำให้สองพนักงานสาวหยุดส่งเสียงทันที
“รายงานอยู่นี่ค่ะ หัวหน้า”พนักงานสาวรีบหยิบแฟ้มรายงานส่งถึงมือหัวหน้า
“ทำไมไม่ส่งพรุ่งนี้เลยล่ะยะ” วิมลรับรายงาน ตวัดสายตาใส่ลูกน้องสาว
ลูกน้องยิ้มหน้าแหยๆ ดูเหมือนงานที่สั่งทำเสร็จได้สักพักแล้ว แต่ด้วยความอยากเม้าท์มอยมากจนเกินไป เอกสารที่กล่าวถึงจึงยังไม่ถูกวางบนโต๊ะหัวหน้าเสียที
“หัวหน้าไม่ต้องเดินตามไปประชุมกับผู้จัดการหรือคะ” ลูกน้องสาวอดไม่ได้ที่จะถาม
“นั่นสิคะ หัวหน้าทุกแผนกเดินตามผู้จัดการตัวติดกันจนแทบจะสิงร่างแล้วนะคะ” ลูกน้องสาวอีกคนพูดแบบขำขัน ตั้งแต่เข้าทำงานที่บริษัทแห่งนี้ยังไม่เคยเห็นการตรวจสถานที่แบบเข้มงวดขนาดนี้มาก่อน
“ไม่ต้องย่ะ ผู้จัดการให้ฉันคอยดูแลท่านประธาน เผื่อว่าท่านมีอะไรเรียกใช้ ฉันจะได้รับใช้ได้อย่างเต็มที่” วิมลพูดยิ้มๆด้วยความภูมิใจที่ได้รับหน้าที่สำคัญพอๆกัน
ในขณะที่เปิดดูแฟ้มอย่างลวกๆ สายตาเหลือบไปเห็นสตรีสองนางเดินก้าวออกจากลิฟต์เดินตรงมาตามโถงทางเดินชั้นสอง
“อุ้ยตาย ท่านประธานมาแล้ว!” เสียงอุทานดังขึ้น “เอ๊ะ แล้วนั่น.........”
“ท่านประธานมากับใครหรือคะ หัวหน้า”ลูกน้องสาวทั้งสองพลอยหันมองตาม
“อ๋อ นั่นคุณหนูเอมมาลินลูกสาวท่านประธาน ดูสิ...ไม่เห็นแค่สองสามปีโตเป็นสาวสวยเชียว”
หลายปีก่อน ตั้งแต่เริ่มทำงานที่บริษัทแห่งนี้ วิมลได้พบคุณหนูเอมมาลินมาพร้อมคุณแม่อยู่บ่อยครั้ง จวบจนช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ก็ได้ทราบว่าคุณหนูไปเรียนต่อที่ประเทศจีนจึงไม่ค่อยได้มาที่บริษัทอีก
ท่านประธานหญิงในชุดสูทผ้าไหมกระโปรงสีเทาฟ้าขมวดผมยกสูงเรียบสวยก้าวเดินมาพร้อมคุณหนูเอมมาลินในชุดเดรสกระโปรงยาวเหนือเข่าสีอ่อนหวาน
วิมลมองตามทั้งสองแม่ลูก จนเห็นว่าเดินเลี้ยวเข้าสู่ห้องที่ติดป้ายด้านหน้า‘ห้องประธาน’เรียบร้อยแล้วจึงหันมาทางสองสาว
“พวกเธอรีบกลับไปนั่งโต๊ะทำงานกันต่อไปแล้ว เดี๋ยวฉันรีบแจ้งให้ผู้จัดการทราบก่อน”
หันไปคว้ามือถือบนโต๊ะทำงาน รีบโทรรายงานผู้จัดการอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโล ผู้จัดการคะ ท่านประธานมาถึงแล้วนะคะ อีกเดี๋ยวคงจะเรียกหาผู้จัดการแน่เลยค่ะ”
ปลายสายได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น
“งั้น...คุณรีบไปต้อนรับแทนผมก่อน ถ้าท่านประธานถามหาผม ให้บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปพบท่าน เออ...อย่าลืมหยิบแฟ้มรายงานประจำไตรมาสแรกให้ท่านประธานดูด้วย”
พอเจตน์กล่าวแกมสั่งการให้วิมลทำหน้าที่แทน เพราะยังง่วนอยู่กับการตรวจเช็คสถานที่
“รับทราบค่ะ” วิมลตอบรับคำสั่ง หันไปกวักมือเรียกแม่บ้านให้จัดเตรียมเครื่องดื่มและของว่างยกไปเสริฟ์ที่ห้องท่านประธาน ก่อนที่จะเปิดประตูออฟฟิศพุ่งตัวออกไปไม่เกินสิบก้าวก็มาหยุดอยู่หน้าห้องท่านประธาน พลางจัดเผ้าผมให้เรียบร้อยก่อนเคาะประตู
“ก๊อกๆๆ”
“เข้ามาได้” เสียงอนุญาตจากท่านประธานดังขึ้น
ร่างของหัวหน้าฝ่ายบัญชีก้าวเข้ามาสู่พื้นที่ห้องกว้างโทนสีน้ำตาลสลับส้มอ่อน แบ่งพื้นที่ห้องเป็นสองโซน ที่มุมฝั่งห้องรับแขกอยู่ติดริมหน้าต่าง วางโซฟาไว้ใกล้กับผนังกระจกใสตัดแสงสีชาทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกได้เป็นอย่างดี ส่วนอีกมุมเป็นโต๊ะทำงานของท่านประธาน ด้านหลังมีรูปครอบครัวใส่กรอบไม้สีเบทติดผนังอยู่โดดเด่น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านประธาน”
วิมลกล่าวทักทายพร้อมโค้งคำนับสายสุนีย์ที่นั่งบนเก้าอี้หนังเงาวับ มีโน๊ตบุ๊คขนาดย่อมๆวางอยู่บนโต๊ะไม้สีสักสีน้ำตาลพื้นกระจก
ประธานหญิงพยักหน้ายิ้มให้เล็กน้อยเป็นการตอบกลับการทักทายจากลูกน้อง มิวายถามถึงพอเจตน์ผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปที่สายสุนีย์ไว้วางใจให้มีอำนาจสูงสุดของโรงงานทอผ้าแห่งนี้
“ตอนนี้ผู้จัดการตรวจเช็คสถานที่อยู่ค่ะ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงผู้จัดการจะเข้ามาพบท่านค่ะ”
“แล้วทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ ท่านประธานไม่ต้องเป็นห่วง”
วิมลแจ้งตามที่พอเจตน์สั่ง พร้อมวางแฟ้มรายงานไว้ทางฝั่งขวาของโต๊ะทำงาน
สักครู่เดียว แม่บ้านยกเครื่องดื่มและของว่างเข้ามาภายในห้อง
วิมลหันไปหยิบถ้วยกาแฟวางบนโต๊ะท่านประธานเรียบร้อยแล้ว เดินนำแม่บ้านไปที่โต๊ะรับแขกเพื่อเสิร์ฟอาหารว่างให้แก่คุณหนูเอมมาลินอย่างรู้งาน
“สวัสดีค่ะคุณหนูเอม ไม่เจอคุณหนูเลยตั้งแต่คุณหนูไปเรียนต่อทีประเทศจีน คุณหนูสบายดีไหมคะ”
วิมลทักทายพร้อมยกขนมคุกกี้และน้ำส้มคั้นวางไว้บนโต๊ะ
“เอมสบายดีค่ะ ขอบคุณที่จัดของว่างมาให้นะคะ”
หญิงสาวส่งยิ้มหวานพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ
“โอ๊ย ไม่ต้องไหว้วิมลหรอกค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมบอกวิมลได้เลยนะคะ”
วิมลหัวเราะเบาๆ เอ็นดูกับความน่ารักไม่ถือตัวของคุณหนูเอมมาลิน อย่างนี้สิที่เรียกว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี ทั้งๆที่ไปร่ำเรียนที่ต่างประเทศก็ยังไม่ลืมที่ต้องไหว้ผู้ที่มีอายุมากกว่า
“ดอกอะไรคะ กลิ่นหอมแปลกดี สีเหลืองสวยด้วยนะคะ” วิมลหลุบตามองมือเรียวสวยที่กำลังสาละวนจัดแจกันดอกไม้อยู่
“ดอกหอมหมื่นลี้ค่ะ เอมเอามาจากจีน”
“โอ้โห! มาไกลขนาดนี้ยังดูสดอยู่เลยนะคะ ไม่เหี่ยวเลยสักดอก หรือว่าคุณหนูมีวิธี...”
คนพูดทำตาโตตั้งหน้าจะถามต่อ หากแต่ได้ยินเสียงพูดดังมาจากฝั่งโต๊ะทำงาน
“โดนยายเอมหลอกแล้ววิมล นั่นนะเพิ่งเด็ดมาเมื่อเช้านี้จากสวนหลังบ้าน” สายสุนีย์พูดกลั้วหัวเราะขัดขึ้น
“เมล็ดพันธุ์ที่เอามาปลูกต่างหากค่ะ ที่เอามาจากจีน”คราวนี้คุณหนูพูดเรื่องจริงกับวิมลสักที
“แหม คุณหนูละก็” ขยับแว่นทำตาค้อน ส่วนคนพูดกลับนั่งหัวเราะคิกคัก
เสียงสนทนาอย่างสนุกสนานดังขึ้นเป็นระยะทำให้ห้องประธานที่เคยปิดเงียบมาหลายเดือนกลับกลายเป็นห้องที่มีชีวิตชีวาอีกครั้ง
จนกระทั่งพอเจตน์เดินเข้ามาแจ้งต่อสายสุนีย์ว่าลูกค้าใกล้จะมาถึงบริษัทแล้ว
“ท่านประธานจะตรวจสอบตรงจุดไหนก่อนที่ลูกค้าจะมาถึงหรือไม่ครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อย่าเสียเวลาตรวจนานนักเลย ฉันเชื่อฝีมือคุณพอเจตน์ว่าดูแลทุกอย่างได้เรียบร้อย” สายสุนีย์กล่าวด้วยความน้ำเสียงเรียบ ไม่เพียงความไว้วางใจการทำงานของพอเจตน์เท่านั้น ความซื่อสัตย์ที่มีต่อบริษัทมาตลอดเกือบยี่สิบปีก็เป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
‘องค์กรที่ไร้การคอร์รัปชัน องค์กรนั้นย่อมประสบความสำเร็จที่แท้จริง’
สายสุนีย์ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการนี้มาโดยตลอด จากบริษัทขนาดเล็กที่ทอผ้าไหมขายกลายเป็นโรงงานและบริษัทขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับบริษัท ก็เป็นเพราะการทำงานภายใต้การดูแลของผู้จัดการวัยห้าสิบผู้นี้
“ขอบคุณที่ท่านเชื่อใจครับ วันนี้ผมจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุดแน่นอนครับท่าน”
แต่หากที่นี่คือบริษัทที่ขึ้นชื่อด้านการผลิตสิ่งทอ สินค้าที่ทำรายได้ให้แก่บริษัทคือผ้าไหมไทยลวดลายเป็นอกลักษณ์เฉพาะจนมีบริษัทแบรนด์ดังต่างให้ความสนใจสั่งซื้อไปต่อยอดสินค้าของตนเอง
“ทุกคน ฟังทางนี้!” พอเจตน์ตบมือพร้อมเปล่งเสียงเพื่อเรียกให้ทุกคนสนใจในสิ่งที่จะพูดต่อจากนี้
“วันนี้เรามีลูกค้าสำคัญจากต่างประเทศ อย่าให้มีอะไรขาดตกบกพร่องเด็ดขาด หากแผนกไหนเกิดปัญหาเร่งด่วน ให้รีบรายงานผมทันที เข้าใจมั้ย!” น้ำเสียงสั่งการลากยาวในตอนท้ายกระตุ้นให้คนในที่นี้ตื่นตัว
“เข้าใจค่ะ / ครับ”เสียงของผู้ใต้บังคับบัญชาตอบด้วยความพร้อมเพรียงกัน
พอเจตน์พยักหน้าหนักๆอย่างพอใจ
เมื่อได้รับการติดต่อจากต่างประเทศเพื่อขอเข้าเยี่ยมชมโรงงานทอผ้าแห่งนี้ พอเจตน์ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปได้รับคำสั่งจากท่านประธานให้ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างในบริษัท ด้วยเป็นคนที่ตั้งใจในการทำงานมาแต่ไหนแต่ไร เขาจึงละเมียดละไมกับงานที่ได้รับมอบหมายครั้งนี้เป็นอย่างมาก
พนักงานสาวฝ่ายบัญชีนั่งกดแป้นพิมพ์อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ภายในห้องที่ล้อมรอบด้วยผนังกระจก แม้ดูเหมือนกำลังตั้งอกตั้งใจกับงานตรงหน้า แต่หากสายตามิวายเหลือบมองไปที่โถงทางเดินผ่านผนังกระจก หล่อนเห็นว่าพอเจตน์ที่ทำหน้าเคร่งขรึมกว่าทุกวันเรียกให้หัวหน้าทุกแผนกประชุมแบบรวบรัดก่อนการเดินตรวจสถานที่ อดไม่ได้ที่จะหันมาสนทนากับเพื่อนสาวโต๊ะข้างๆ
“แกๆ วันนี้ดูผู้จัดการตื่นเต้นกว่าทุกครั้งเลยนะ ลูกค้ารายนี้สำคัญกว่ารายอื่นยังไง”
“เห็นเขาว่าเป็นลูกค้าจากจีนนะ ที่ว่าสำคัญอย่างไง ก็คงหมายถึงการทำธุรกิจร่วมกันนะสิ”
“แบบไหนเรียกว่าทำธุรกิจร่วมกัน เขามาจ้างเราผลิตสินค้าแบบนี้ใช่มั้ย”
“โอ๊ย ถ้าดูแลสถานที่ทุกกระเบียดนิ้วขนาดนี้ ไม่น่าแค่มาจ้างผลิตสินค้าแล้วล่ะ”
“หา...หรือว่าจะมาร่วมถือหุ้นกับบริษัทเรา”
“ก็ไม่แน่นะ คนที่เข้าประชุมวันนี้ มีทั้งท่านประธาน กรรมการ ผู้ถือหุ้น และหัวหน้าทุกฝ่ายทุกแผนกในบริษัทด้วยนะ ผู้จัดการย้ำนักย้ำหนาไม่ให้ทุกคนขาดประชุมเด็ดขาด”
ยังไม่ทันพูดจบประโยค เสียงจากโต๊ะด้านหลังดังแทรกการสนทนา
“นี่! พวกหล่อน รายงานประจำไตรมาสแรกเสร็จเรียบร้อยหรือยัง มัวแต่คุยกันอยู่นั่น!”
หัวหน้าหญิงวัยสี่สิบต้นๆเดินมาที่โต๊ะทวงงานที่สั่งการไว้หลายวันก่อน ทำให้สองพนักงานสาวหยุดส่งเสียงทันที
“รายงานอยู่นี่ค่ะ หัวหน้า”พนักงานสาวรีบหยิบแฟ้มรายงานส่งถึงมือหัวหน้า
“ทำไมไม่ส่งพรุ่งนี้เลยล่ะยะ” วิมลรับรายงาน ตวัดสายตาใส่ลูกน้องสาว
ลูกน้องยิ้มหน้าแหยๆ ดูเหมือนงานที่สั่งทำเสร็จได้สักพักแล้ว แต่ด้วยความอยากเม้าท์มอยมากจนเกินไป เอกสารที่กล่าวถึงจึงยังไม่ถูกวางบนโต๊ะหัวหน้าเสียที
“หัวหน้าไม่ต้องเดินตามไปประชุมกับผู้จัดการหรือคะ” ลูกน้องสาวอดไม่ได้ที่จะถาม
“นั่นสิคะ หัวหน้าทุกแผนกเดินตามผู้จัดการตัวติดกันจนแทบจะสิงร่างแล้วนะคะ” ลูกน้องสาวอีกคนพูดแบบขำขัน ตั้งแต่เข้าทำงานที่บริษัทแห่งนี้ยังไม่เคยเห็นการตรวจสถานที่แบบเข้มงวดขนาดนี้มาก่อน
“ไม่ต้องย่ะ ผู้จัดการให้ฉันคอยดูแลท่านประธาน เผื่อว่าท่านมีอะไรเรียกใช้ ฉันจะได้รับใช้ได้อย่างเต็มที่” วิมลพูดยิ้มๆด้วยความภูมิใจที่ได้รับหน้าที่สำคัญพอๆกัน
ในขณะที่เปิดดูแฟ้มอย่างลวกๆ สายตาเหลือบไปเห็นสตรีสองนางเดินก้าวออกจากลิฟต์เดินตรงมาตามโถงทางเดินชั้นสอง
“อุ้ยตาย ท่านประธานมาแล้ว!” เสียงอุทานดังขึ้น “เอ๊ะ แล้วนั่น.........”
“ท่านประธานมากับใครหรือคะ หัวหน้า”ลูกน้องสาวทั้งสองพลอยหันมองตาม
“อ๋อ นั่นคุณหนูเอมมาลินลูกสาวท่านประธาน ดูสิ...ไม่เห็นแค่สองสามปีโตเป็นสาวสวยเชียว”
หลายปีก่อน ตั้งแต่เริ่มทำงานที่บริษัทแห่งนี้ วิมลได้พบคุณหนูเอมมาลินมาพร้อมคุณแม่อยู่บ่อยครั้ง จวบจนช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ก็ได้ทราบว่าคุณหนูไปเรียนต่อที่ประเทศจีนจึงไม่ค่อยได้มาที่บริษัทอีก
ท่านประธานหญิงในชุดสูทผ้าไหมกระโปรงสีเทาฟ้าขมวดผมยกสูงเรียบสวยก้าวเดินมาพร้อมคุณหนูเอมมาลินในชุดเดรสกระโปรงยาวเหนือเข่าสีอ่อนหวาน
วิมลมองตามทั้งสองแม่ลูก จนเห็นว่าเดินเลี้ยวเข้าสู่ห้องที่ติดป้ายด้านหน้า‘ห้องประธาน’เรียบร้อยแล้วจึงหันมาทางสองสาว
“พวกเธอรีบกลับไปนั่งโต๊ะทำงานกันต่อไปแล้ว เดี๋ยวฉันรีบแจ้งให้ผู้จัดการทราบก่อน”
หันไปคว้ามือถือบนโต๊ะทำงาน รีบโทรรายงานผู้จัดการอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโล ผู้จัดการคะ ท่านประธานมาถึงแล้วนะคะ อีกเดี๋ยวคงจะเรียกหาผู้จัดการแน่เลยค่ะ”
ปลายสายได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น
“งั้น...คุณรีบไปต้อนรับแทนผมก่อน ถ้าท่านประธานถามหาผม ให้บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปพบท่าน เออ...อย่าลืมหยิบแฟ้มรายงานประจำไตรมาสแรกให้ท่านประธานดูด้วย”
พอเจตน์กล่าวแกมสั่งการให้วิมลทำหน้าที่แทน เพราะยังง่วนอยู่กับการตรวจเช็คสถานที่
“รับทราบค่ะ” วิมลตอบรับคำสั่ง หันไปกวักมือเรียกแม่บ้านให้จัดเตรียมเครื่องดื่มและของว่างยกไปเสริฟ์ที่ห้องท่านประธาน ก่อนที่จะเปิดประตูออฟฟิศพุ่งตัวออกไปไม่เกินสิบก้าวก็มาหยุดอยู่หน้าห้องท่านประธาน พลางจัดเผ้าผมให้เรียบร้อยก่อนเคาะประตู
“ก๊อกๆๆ”
“เข้ามาได้” เสียงอนุญาตจากท่านประธานดังขึ้น
ร่างของหัวหน้าฝ่ายบัญชีก้าวเข้ามาสู่พื้นที่ห้องกว้างโทนสีน้ำตาลสลับส้มอ่อน แบ่งพื้นที่ห้องเป็นสองโซน ที่มุมฝั่งห้องรับแขกอยู่ติดริมหน้าต่าง วางโซฟาไว้ใกล้กับผนังกระจกใสตัดแสงสีชาทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกได้เป็นอย่างดี ส่วนอีกมุมเป็นโต๊ะทำงานของท่านประธาน ด้านหลังมีรูปครอบครัวใส่กรอบไม้สีเบทติดผนังอยู่โดดเด่น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านประธาน”
วิมลกล่าวทักทายพร้อมโค้งคำนับสายสุนีย์ที่นั่งบนเก้าอี้หนังเงาวับ มีโน๊ตบุ๊คขนาดย่อมๆวางอยู่บนโต๊ะไม้สีสักสีน้ำตาลพื้นกระจก
ประธานหญิงพยักหน้ายิ้มให้เล็กน้อยเป็นการตอบกลับการทักทายจากลูกน้อง มิวายถามถึงพอเจตน์ผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปที่สายสุนีย์ไว้วางใจให้มีอำนาจสูงสุดของโรงงานทอผ้าแห่งนี้
“ตอนนี้ผู้จัดการตรวจเช็คสถานที่อยู่ค่ะ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงผู้จัดการจะเข้ามาพบท่านค่ะ”
“แล้วทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ ท่านประธานไม่ต้องเป็นห่วง”
วิมลแจ้งตามที่พอเจตน์สั่ง พร้อมวางแฟ้มรายงานไว้ทางฝั่งขวาของโต๊ะทำงาน
สักครู่เดียว แม่บ้านยกเครื่องดื่มและของว่างเข้ามาภายในห้อง
วิมลหันไปหยิบถ้วยกาแฟวางบนโต๊ะท่านประธานเรียบร้อยแล้ว เดินนำแม่บ้านไปที่โต๊ะรับแขกเพื่อเสิร์ฟอาหารว่างให้แก่คุณหนูเอมมาลินอย่างรู้งาน
“สวัสดีค่ะคุณหนูเอม ไม่เจอคุณหนูเลยตั้งแต่คุณหนูไปเรียนต่อทีประเทศจีน คุณหนูสบายดีไหมคะ”
วิมลทักทายพร้อมยกขนมคุกกี้และน้ำส้มคั้นวางไว้บนโต๊ะ
“เอมสบายดีค่ะ ขอบคุณที่จัดของว่างมาให้นะคะ”
หญิงสาวส่งยิ้มหวานพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ
“โอ๊ย ไม่ต้องไหว้วิมลหรอกค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมบอกวิมลได้เลยนะคะ”
วิมลหัวเราะเบาๆ เอ็นดูกับความน่ารักไม่ถือตัวของคุณหนูเอมมาลิน อย่างนี้สิที่เรียกว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี ทั้งๆที่ไปร่ำเรียนที่ต่างประเทศก็ยังไม่ลืมที่ต้องไหว้ผู้ที่มีอายุมากกว่า
“ดอกอะไรคะ กลิ่นหอมแปลกดี สีเหลืองสวยด้วยนะคะ” วิมลหลุบตามองมือเรียวสวยที่กำลังสาละวนจัดแจกันดอกไม้อยู่
“ดอกหอมหมื่นลี้ค่ะ เอมเอามาจากจีน”
“โอ้โห! มาไกลขนาดนี้ยังดูสดอยู่เลยนะคะ ไม่เหี่ยวเลยสักดอก หรือว่าคุณหนูมีวิธี...”
คนพูดทำตาโตตั้งหน้าจะถามต่อ หากแต่ได้ยินเสียงพูดดังมาจากฝั่งโต๊ะทำงาน
“โดนยายเอมหลอกแล้ววิมล นั่นนะเพิ่งเด็ดมาเมื่อเช้านี้จากสวนหลังบ้าน” สายสุนีย์พูดกลั้วหัวเราะขัดขึ้น
“เมล็ดพันธุ์ที่เอามาปลูกต่างหากค่ะ ที่เอามาจากจีน”คราวนี้คุณหนูพูดเรื่องจริงกับวิมลสักที
“แหม คุณหนูละก็” ขยับแว่นทำตาค้อน ส่วนคนพูดกลับนั่งหัวเราะคิกคัก
เสียงสนทนาอย่างสนุกสนานดังขึ้นเป็นระยะทำให้ห้องประธานที่เคยปิดเงียบมาหลายเดือนกลับกลายเป็นห้องที่มีชีวิตชีวาอีกครั้ง
จนกระทั่งพอเจตน์เดินเข้ามาแจ้งต่อสายสุนีย์ว่าลูกค้าใกล้จะมาถึงบริษัทแล้ว
“ท่านประธานจะตรวจสอบตรงจุดไหนก่อนที่ลูกค้าจะมาถึงหรือไม่ครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อย่าเสียเวลาตรวจนานนักเลย ฉันเชื่อฝีมือคุณพอเจตน์ว่าดูแลทุกอย่างได้เรียบร้อย” สายสุนีย์กล่าวด้วยความน้ำเสียงเรียบ ไม่เพียงความไว้วางใจการทำงานของพอเจตน์เท่านั้น ความซื่อสัตย์ที่มีต่อบริษัทมาตลอดเกือบยี่สิบปีก็เป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
‘องค์กรที่ไร้การคอร์รัปชัน องค์กรนั้นย่อมประสบความสำเร็จที่แท้จริง’
สายสุนีย์ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการนี้มาโดยตลอด จากบริษัทขนาดเล็กที่ทอผ้าไหมขายกลายเป็นโรงงานและบริษัทขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับบริษัท ก็เป็นเพราะการทำงานภายใต้การดูแลของผู้จัดการวัยห้าสิบผู้นี้
“ขอบคุณที่ท่านเชื่อใจครับ วันนี้ผมจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุดแน่นอนครับท่าน”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ