ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก

-

เขียนโดย ณรีนิน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.

  44 ตอน
  2 วิจารณ์
  16.98K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) เหตุเกิดที่โรงเตี๊ยม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“ช่วงนี้ท่านแม่ทัพไม่อยู่จวนงั้นหรือ” ลู่หลิ่งทวนคำตอบที่ได้ฟังจากพ่อบ้านเฉิน เช้านี้นางเดินตามหาแม่ทัพหวางชุนเทียนไปทั่วจวน ด้วยต้องการรู้ปฏิกิริยาของเขาว่าได้รับรู้เรื่องราวการทะเลาะกันระหว่างนางและเหม่ยหลินหรือไม่ เพราะคิดว่าเหม่ยหลินคงทนไม่ได้จนรีบมาฟ้องแล้วเป็นแน่
“ใช่ขอรับ เห็นว่ามีงานด้านการทหารเร่งด่วนที่ต้องทำ ไม่กลับจวนสักสามสี่วัน”พ่อบ้านสูงวัยแจ้งรายละเอียดเท่าที่รู้มา
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ลู่หลิ่งยืนนิ่งคิดบางสิ่งบางอย่าง ‘ท่านแม่ทัพยุ่งอยู่กับงานเช่นนี้ก็ดี ระหว่างนี้คงยังไม่มีกะจิตกะใจเตรียมงานแต่งเป็นแน่’ สิ่งที่ลู่หลิ่งคิดขึ้นได้คือต้องหาหนทางขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ให้ได้ อย่างน้อยในช่วงที่แม่ทัพหวางไม่อยู่ในจวนน่าจะมีสักวิธีที่จะกระทำได้
“พ่อบ้านเฉิน วันนี้ข้านัดกับแม่นางเหม่ยหลินไว้ว่าจะไปข้างนอก รบกวนท่านเตรียมรถม้าไว้ให้ด้วย”
“ได้ขอรับข้าจะจัดการให้” พ่อบ้านเฉินตอบรับคำสั่งการของคุณหนูเจ้าเลห์โดยง่าย ด้วยรู้ไม่ทันความร้ายกาจของนาง
 
“ข้าขอโทษจริงๆนะเหม่ยหลิน เมื่อวานข้าผิดเองที่ทำร้ายคนของเจ้า อภัยให้ข้าเถิดนะ” น้ำเสียงอ่อนหวานที่ดูเหมือนสำนึกได้ของลู่หลิ่งดังขึ้นภายในห้องพักของเหม่ยหลิน แปลกใจที่อยู่ๆลู่หลิ่งก็มาเคาะประตูแต่เช้า ที่แท้ก็จะเข้ามาพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จากที่ได้ปะทะคารมกันจนถึงขนาดว่าคงจะไม่มองหน้ากันอีกแล้ว แต่มาวันนี้กลับมาขอโทษขอโพยยกใหญ่
เหม่ยหลินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องรี่ตามองหญิงใจร้ายอย่างไม่ไว้ใจ ‘จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย’
“นี่เจ้าตั้งใจมาขอโทษจริงๆหรือ” ถามออกไปทั้งที่ไม่อยากจะเชื่อในคำพูด
“จริงๆนะเหม่ยหลิน ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ ข้าหวังให้เจ้ายกโทษให้ ว่าแต่...เจ้าได้พูดเรื่องนี้ให้ท่านแม่ทัพทราบหรือไม่”
“เปล่า ข้าไม่ได้พูด” หญิงสาวส่ายหน้า อันที่จริงก็เกือบพลั้งปากพูดไปแล้ว ดีนะที่จูผิงห้ามเอาไว้ก่อน
“ค่อยยังชั่วหน่อย ข้ากลัวเหลือเกินว่าท่านแม่ทัพจะไม่พอใจแล้วไล่ข้าออกจากจวน” ลู่หลิ่งพูดเสียงเศร้าจนเหม่ยหลินถอนหายใจยาว คิดๆไปมันก็เป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์หากต่างฝ่ายคอยจะหาเรื่องทะเลาะกัน  ในเมื่อนางกล้าที่จะมาขอโทษขนาดนี้ก็ควรอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขจะดีกว่า
“ก็ได้ หากเจ้าเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ถือเป็นเรื่องดี ข้าขอถามจูผิงก่อนว่าให้อภัยเจ้าได้หรือไม่”
“ข้าไม่มีสิ่งใดถือโทษคุณหนูลู่หลิ่งหรอกเจ้าค่ะ แผลของข้าก็ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ เพราะคุณหนูเหม่ยหลินดูแลข้าเป็นอย่างดี” จูผิงสาวใช้รีบโบกไม้โบกมือส่ายหน้าดิก นางเปลี่ยนคำเรียกนายหญิงของนางให้เป็นคุณหนู เพราะตอนนี้พอจะรับรู้ได้แล้วว่าเหม่ยหลินก็เป็นคนสำคัญของแม่ทัพหวางไม่น้อยไปกว่าลู่หลิ่ง
“เอาล่ะ วันนี้ข้าขอเลี้ยงอาหารเจ้าเป็นการไถ่โทษ ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวตลาด นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เปิดหูเปิดตาด้วย เจ้าจะพาจูผิงไปด้วยกันก็ได้” ลู่หลิ่งออกปากชักชวนแถมยังคะยั้นคะยอหนักมาก “ไปเถอะนะเหม่ยหลิน”
เหม่ยหลินที่มีท่าทีตายใจอยู่แล้วมีสีหน้าผ่อนคลายลง ยิ่งลู่หลิ่งพูดถึงเรื่องกินเรื่องเที่ยวแถมมีจูผิงไปเป็นเพื่อน สุดท้ายหญิงสาวก็ใจอ่อนพยักหน้ายินยอมไปตามที่ลู่หลิ่งชวน
 
รถม้าที่พ่อบ้านเฉินเตรียมไว้สามารถนั่งไปได้สี่คนแบบสบายๆ ลู่หลิ่งหันไปถามเย่เหยาที่นั่งอยู่ข้างกายว่าจัดการบางอย่างเรียบร้อยแล้วหรือยัง เหม่ยหลินได้ยินที่ทั้งสองคุยกันจึงได้รู้ว่าเมื่อเช้าเย่เหยาออกไปจองโต๊ะอาหารไว้ล่วงหน้า ด้วยเป็นร้านมีชื่อเสียงลูกค้าค่อนข้างมาก
‘โรงเตี๊ยมเยี่ยนหยาง’ เหม่ยหลินลงจากรถม้าก็เงยหน้ามองป้ายของสถานที่อันเป็นจุดหมาย รู้สึกตื่นเต้นเพราะไม่เคยออกมากินข้าวที่โรงเตี๊ยมมาก่อน ที่นี่เป็นโรงเตี๊ยมสองชั้นที่มีลูกค้าหนาแน่นจริงอย่างที่เย่เหยากล่าว มีลูกค้าเดินเข้าออกตลอดบ่งบอกว่าเป็นร้านขึ้นชื่อ จูผิงเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้นายหญิงของนาง เพราะตลอดชีวิตเป็นเพียงนางกำนัลตัวเล็กๆได้แต่ใช้ชีวิตภายในวังหลวงไม่ค่อยได้ออกมากินข้าวภายนอกกำแพงวังสักเท่าไร น้อยครั้งที่จะติดตามนางกำนัลรุ่นพี่ออกมาทำธุระเพียงไม่กี่ครั้ง
เสี่ยวเอ้อร์ประจำร้านจำเย่เหยาได้ นางผู้นี้มาจองโต๊ะล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เช้า “เชิญที่ชั้นสองได้เลยขอรับ ข้าน้อยเตรียมโต๊ะสำหรับแม่นางทั้งสี่ไว้เรียบร้อยแล้ว”
บริกรประจำร้านเดินนำหญิงทั้งสี่มาที่โต๊ะริมระเบียงติดกับถนนหน้าโรงเตี๊ยม เพียงไม่นานอาหารก็ทยอยมาจนเต็มโต๊ะ เมื่อเริ่มรับประทานไปได้สักพัก โต๊ะข้างๆที่ว่างอยู่โดยรอบก็มีลูกค้าผู้มาใหม่เข้านั่งจับจองจนเกือบเต็ม ในบรรดาลูกค้าที่เดินขึ้นชั้นสองก็มีสองบุรุษที่เป็นแขกผู้เข้าพักห้องพิเศษของโรงเตี๊ยมเยี่ยนหยางรวมอยู่ด้วย สายตาของคนทั้งคู่มองไปตำแหน่งเดียวกันนั่นคือโต๊ะที่ติดทิวทัศน์ฝั่งริมถนน
“โต๊ะประจำของเรามีคนนั่งเสียแล้วขอรับคุณชาย”เสียงทุ้มของชายผู้หนึ่งหันไปบอกคุณชายเหอไป่เฉินผู้เป็นนาย
“ขอประทานโทษขอรับ แม่นางโต๊ะนั้นมาจองโต๊ะไว้ตั้งแต่เช้า" เสี่ยวเอ้อร์เหลือบมาเห็นลูกค้าหนุ่มทั้งสองเดินขึ้นมารีบวิ่งไปรายงาน 
"แต่ข้าได้จัดเตรียมโต๊ะที่อยู่ฝั่งเดียวกันไว้ให้นายท่านทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ตำแหน่งนี้ลมพัดเย็นสบายไม่แพ้โต๊ะประจำของนายท่านแน่นอนขอรับ” พยายามพูดด้วยเกรงว่าลูกค้าประจำจะไม่พอใจที่ต้องนั่งโต๊ะอื่น
“ไม่เป็นไร อี้ชิง...เราไปนั่งโต๊ะนั้นก็ได้” คุณชายเหอไป่เฉินเอ่อขึ้นแล้วพากันไปนั่งโต๊ะมุมใหม่ที่เสี่ยวเอ้อร์จัดหาให้ วันนี้ยอมให้สักวันก็คงไม่เป็นไร
ส่วนโต๊ะที่หญิงสาวทั้งสี่นั่งรับประทานอาหารกันอยู่ ยังคงลิ้มรสอาหารอร่อยโดยไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าโต๊ะนี้เป็นโต๊ะประจำของใคร
“นี่เหม่ยหลิน สุราดอกท้อของโรงเตี๊ยมนี้ขึ้นชื่อมากเลยนะ ข้าจะรินให้เจ้าดื่ม” ลู่หลิ่งพูดพลางรินสุราแล้ววางจอกลงตรงหน้าเหม่ยหลิน
“ข้าดื่มสุราไม่เก่ง เจ้าดื่มกับเย่เหยาเถิด” เหม่ยหลินเลื่อนจอกเหล้ากลับคืน
“ดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อย เจ้าดื่มไม่เก่งไม่เป็นปัญหาถ้าเจ้าเมาข้าจะดูแลเจ้าเอง” ลู่หลิ่งคะยั้นคะยอไม่เลิก
“แต่ว่า...”
“งั้นข้าดื่มให้แก่เจ้าก่อนหนึ่งจอก” ลู่หลิ่งกระดกจอกเหล้าเข้าปากอย่างรวดเร็วก่อนเอื้อมหยิบอีกจอก “หากเจ้าไม่ดื่ม ข้าถือว่าเจ้ายังไม่ให้อภัยข้า” ทีท่าเชิงกดดันเช่นนี้ทำให้เหม่ยหลินกระอักกระอ่วนใจ แต่เพื่อมิตรภาพของสองสาวผู้อาศัยในจวนท่านแม่ทัพเหมือนกันจึงยอมรับจอกเหล้าจากมือลู่หลิ่ง
“ก็ได้ๆ แค่จอกเดียวนะ” เหม่ยหลินคิดเองว่าแค่สุราไม่กี่มิลลิลิตรไม่น่าจะเมาหรอกมั้ง ลองยกขึ้นมาดมดูก็หอมดีนะ พอจิบสุราแตะลิ้นนิดหน่อยก็ทำหน้าเบ้เสียแล้ว คนดื่มเก่งกับคนดื่มไม่เป็นมานั่งร่วมโต๊ะกันเช่นนี้ผู้เสียเปรียบเป็นใครย่อมเดาไม่ยาก แต่เธอจำต้องกลั้นใจดื่มแล้ววางจอกเปล่าบนโต๊ะ
“ข้าดื่มอีกจอก เจ้าก็ด้วยนะ” หญิงที่ดื่มเหล้าเก่งรินเหล้าใส่จอกตัวเอง ไม่วายเอื้อมไปเติมจอกเปล่าตรงหน้าของเหม่ยหลินอีก แม้จูผิงจะช่วยพูดทักท้วงก็ไม่เป็นผลด้วยตนเองเป็นแค่สาวใช้หากจะออกปากช่วยดื่มสุราแสนแพงนี้คงไม่สมควร
เย่เหยามองท่าทางการดื่มสุราที่ไม่เอาไหนของเหม่ยหลินแล้วยกมือป้องปากลอบยิ้ม แค่จอกที่สามสี่ก็ดูมือไม้อ่อนเสียแล้ว นายหญิงของนางต่างหากที่เก่งกาจด้านการดื่มสุรา
‘อย่างนี้คงมอมเหล้าเหม่ยหลินได้ไม่ยาก’  ความคิดร้ายกาจที่มีมาตั้งแต่ต้นได้เริ่มขึ้น สาวใช้ตัวดีปรายตามองไปที่โต๊ะชายหนุ่มสามสี่คนที่นั่งรวมอยู่ถัดไปสองโต๊ะ นางพยักหน้าช้าๆ เป็นการส่งสัญญาณ ชายหนึ่งคนในนั้นลุกขึ้นยืนสาวเท้าตรงเข้ามายืนใกล้เหม่ยหลิน
“ข้าขอมอบสุราจอกนี้ให้แก่แม่นางด้วยคนได้หรือไม่” ลักษณะท่าทางเมามาย ยกจอกสุราส่ายไปมาต่อหน้าเหม่ยหลินที่ตอนนี้ดูมึนเล็กน้อยจากสุราดอกท้อที่ไม่เคยดื่มมาก่อน
“ไม่...ข้าไม่ดื่มแล้ว” เสียงเบาแผ่วของเหม่ยหลินตอบกลับโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามองด้วยซ้ำว่าใครมาทักทายถึงโต๊ะ
จูผิงเห็นท่าไม่ดีดีดตัวขึ้นพยายามปัดมือไม่ให้ชายผู้นี้มาโดนตัวนายหญิง “เจ้าเป็นใคร! อย่ามาเข้าใกล้คุณหนูของข้านะ” หันมองหน้าหญิงสาวที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนักยิ่งเป็นห่วง “คุณหนูเหม่ยหลินไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะ”
“เฮ้ย! เจ้าเป็นแค่สาวใช้อย่ามาเสนอหน้า” เสียงที่ดังของคนเมาได้ยินไปถึงโต๊ะของคุณชายเหอไป่เฉิน เขาหันมามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวทั้งสี่คน
ไม่สิ...ดูเหมือนเกิดปัญหาขึ้นแค่หญิงสาวสองคนที่นั่งหันหลัง ทั้งคู่มีท่าทีต่อต้านการเข้ามารุกรานของคนเมาผู้นั้นอย่างเห็นได้ชัด แต่สองสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามกลับทำสีหน้าเฉยเมย เหมือนไม่เกรงกลัวว่าจะเกิดเหตุอันตรายถึงตนเองเลยทั้งที่ก็มาด้วยกัน ช่างประหลาดแท้
“คุณชายขอรับ ดูแปลกๆนะขอรับ” หลัวอี้ชิงเริ่มพูดขึ้นก่อน
“ข้าเห็นแล้ว” เขาขยับตัวเมื่อเห็นว่าฝ่ายคนเมาสุราผู้นั้นตั้งท่ายกมือจะฟาด แต่ดีที่มือหนานั้นยังไม่ทันตวัดลงกลางใบหน้าสาวใช้ กลับมีจานเปล่าบินลอยมาโดนกลางหลังจนร่างเมานั้นล้มลงหน้ากระแทกพื้น
“ใครวะ! มายุ่งเรื่องของข้าทำไม” ล้มเจ็บแบบนี้จนแทบจะสร่างเมา หันไปหาทิศทางจานที่ลอยมากระแทกกลางหลังก็ไม่เห็นว่าใครเป็นคนกระทำ จูผิงได้ทีรีบจูงมือเหม่ยหลินให้ลุกขึ้นแม้จะโงนเงนไปบ้างแต่ยังพอครองสติได้ “คุณหนูเหม่ยหลินเจ้าคะ เรากลับกันเถิดเจ้าค่ะ”
“ยังไปไม่ได้!” ยังมีพรรคพวกของชายขี้เมาที่มาด้วยกันขวางหน้าไว้ไม่ให้ทั้งสองพ้นไปจากบริเวณนี้ได้โดยง่าย
ส่วนลู่หลิ่งกับเย่เหยานั่นเล่าค่อยๆก้าวถอยหลังหาทางหลบฉาก ทั้งที่สถานการณ์แบบนี้ควรอยู่ข้างๆคอยช่วยเหลือกันและกัน แต่กลับยืนมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านต่อเหตุร้ายตรงหน้า
คุณชายเหอไป่เฉินเห็นชายหลายคนเข้าล้อมหญิงสาวทั้งสองไว้เช่นนั้นก็ตรงเข้าไปจับไหล่กระชากออกมาล้มหงายหลังทีละคน
“แม่นาง! เป็นอะไรหรือไม่” เขาหันมองหน้าหญิงสาวก้มตัวลงถาม
เหม่ยหลินรับรู้ได้ว่ามีคนมาช่วย แต่ความรู้สึกมึนๆนั้นทำได้เพียงส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แต่คุณหนูของข้า...” จูผิงตอบแทนพลันสายตาเหลือบไปเห็นคนร้ายบางคนลุกขึ้นกำหมัดพุ่งตัวเข้ามาจะเอาคืน “เอ๊ะ! ระวังเจ้าค่ะ!” ร้องเตือนเสียงหลง
เหอไป่เฉินเอี้ยวตัวเพียงนิดเดียวก็หลบจนพ้นหมัดของคนร้าย เขาใช้ท่อนแขนสะบัดเข้ากลางอกเต็มแรงจนฝ่ายตรงข้ามกระเด็นไป และต่อจากนั้นหน้าที่กำราบคนร้ายก็กลายเป็นของหลัวอี้ชิงที่รอท่าอยู่ด้านหลัง
          เสียงเอะอะที่ชั้นสองของโรงเตี๊ยมเยี่ยนหยางดังไปถึงหน้าถนนจนพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนที่อยู่ด้านล่างชะเง้อมอง ไม่เว้นแม้แต่หวางชุนเทียนและกัวเสี่ยนหรงที่เพิ่งเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามก็ได้เห็นกลุ่มคนเคลื่อนไหวอยู่บนนั้นเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น” กัวเสี่ยนหรงหันไปถามคนแถวนั้นที่ยืนเห็นเหตุการณ์ ได้รับคำตอบว่าลูกค้าของโรงเตี๊ยมต่างก็เมาสุราจนเกิดการทะเลาะวิวาท
ทั้งสองเดินตรงไปใกล้จุดเกิดเหตุ แต่พอกวาดสายตาขึ้นมองพื้นที่โดยรอบของโรงเตี๊ยมชั้นสองก็ได้เห็นสตรีหลายนางยืนหลบอยู่เพื่อให้พ้นพื้นที่อันตราย
“โครม!!!” เสียงเก้าอี้และโต๊ะล้มระเนระนาดมาทางหญิงสาว
“คุณหนูหลบมาทางนี้เจ้าค่ะ!” จูผิงดึงแขนเหม่ยหลินมาจนถึงริมฝั่งโต๊ะที่นั่งเดิมอีกครั้ง ลู่หลิ่งทำเป็นร้องวี้ดว้ายตกใจ แต่กลับมองเห็นโอกาสดีๆ นางเตะเก้าอี้ไม้ไปทางจูผิงหวังให้สะดุดล้มลง ซึ่งก็ได้ผล จูผิงล้มหน้าคว่ำจนมือหลุดจากเหม่ยหลินที่ตอนนี้เคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่วเดินเซไปเกาะราวระเบียง
แม่ทัพหวางไม่อยากเชื่อสายตา คิ้วเข้มกระตุกเข้าหากันเมื่อเพ่งมองร่างของหญิงที่อยู่ชั้นสองของโรงเตี๊ยม นางผู้นั้นมีลักษณะท่าทางการยืนไม่มั่นคง ดูผิดปกติเกินไป แต่ใบหน้าและรูปร่างช่างดูคุ้นตายิ่งนัก
‘เหม่ยหลิน!’ นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร! เขาแน่ใจแล้วว่าคือเหม่ยหลินที่ตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย หวางชุนเทียนก้าวขาจะเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมเพื่อช่วยนาง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเหม่ยหลินกำลังจะพลัดตกจากระเบียงชั้นสองเพราะถูกร่างคนร้ายเซถอยหลังมาชนร่างบางจนกระเด็น
“กรี๊ดดดด!!” เสียงสุดท้ายดังขึ้นก่อนที่จะตกลงสู่เบื้องล่าง
“คุณหนู!” จูผิงผงกหัวขึ้น ตกใจสุดขีดที่เห็นร่างหญิงสาวร่วงหายไปจากริมระเบียง คุณชายเหอไป่เฉินรีบถลันตัวเข้าไปหวังจะรวบตัวหญิงสาวไว้แต่ก็ไม่ทัน ใบหน้าคมคายชะโงกมองอย่างหวั่นใจ
ก่อนที่ร่างเหม่ยหลินจะตกถึงพื้น หวางชุนเทียนที่อยู่ด้านล่างวิ่งเต็มกำลังพุ่งตัวเข้ารับร่างบางไว้ให้ทันท่วงที!
เขาไม่มีทางจะปล่อยให้เหม่ยหลินต้องเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน!
ในขณะที่ทุกคนบนชั้นสองวิ่งไปที่ระเบียงมองหาร่างที่ตกลงไป เย่เหยาหันหลังไปขยิบตาให้คนร้ายทั้งสี่รีบหนีไปเสียเพื่อไม่ให้ใครจับได้
มิฉะนั้นจะถูกบีบบังคับจนต้องคายความลับว่าคนที่จ้างวานคือลู่หลิ่ง!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา