ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก

-

เขียนโดย ณรีนิน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.

  44 ตอน
  2 วิจารณ์
  17.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) วางแผนสลับตัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พระชายาฟางซินรู้สึกตกใจเมื่อรู้จากนางกำนัลสาวว่าท่านอ๋องทรงทราบเรื่องที่ซูปี้พาตัวเหม่ยหลินมาจากหมู่บ้านหนิงอันเพื่อเตรียมส่งให้เป็นเครื่องบรรณาการ ทั้งๆที่พยายามให้เรื่องนี้ดำเนินไปอย่างเงียบๆ แต่แม่ทัพหวางชุนเทียนช่างหูไวตาไว แถมยังกล้าที่จะทูลขอนางจากท่านอ๋องโดยตรง

นางกำนัลสาวซึ่งเป็นคนของพระชายาเล่าสิ่งที่ได้ยินมาให้ฟังอย่างต่อเนื่อง

“ท่านอ๋องยังรับปากกับท่านแม่ทัพหวางว่าจะสั่งละเว้นนางไม่ให้เป็นสตรีบรรณาการด้วยเพคะ”

ก่อนหน้านี้พระชายาเคยคิดเอาไว้ว่าหากหวางชุนเทียนเอ่ยขอจากนางด้วยตนเอง นางก็จะปฏิเสธและจะถือโอกาสส่งตัวเหม่ยหลินไปแคว้นม่งอู๋ก่อนกำหนด แต่ตอนนี้ท่านอ๋องทรงทราบเรื่องเสียแล้วทำให้นางไม่กล้าทำสิ่งที่คิดไว้

“เอาเถิด หากท่านอ๋องประทานนางให้เป็นคนในจวนสกุลหวาง อย่างน้อยองค์ชายรองก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้” พระชายาฟางซินคิดในแง่ดี

“แต่ว่า...” นางกำนัลสาวเอ่ยคำสั้นๆออกมา

“ยังมีเรื่องอันใดอีก เจ้าเล่ามาให้หมด”

“หม่อมฉันได้ยินองค์ชายรองกล่าวถึงเรื่องนี้กับขันที ดูเหมือนองค์ชายรองก็สนใจนางเช่นกัน”

“อะไรนะ องค์ชายรองก็ทรงทราบเรื่องงั้นรึ?”

“เพคะ องค์ชายรองก็เข้าเฝ้าท่านอ๋องหลังจากที่ท่านแม่ทัพออกจากห้องทรงงาน”

แน่นอนว่าพระชายาอยากรู้ว่าองค์ชายรองได้พูดสิ่งใดกับท่านอ๋อง แต่นางกำนัลก็ไม่อาจรู้ได้เพราะองค์ชายรองให้ขันทีคนสนิทเป็นผู้เข้าถวายการรับใช้เพียงคนเดียวเท่านั้น

“หากองค์ชายรองกล้าที่จะเอ่ยขอตัวนางต่อหน้าผู้เข้าร่วมพิธีที่มีตั้งมากมาย ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”

ท่าทางที่นิ่งสงบมาพักใหญ่เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดอย่างเห็นได้ชัด จนนางกำนัลซูปี้ที่ยืนข้างกายมาตลอดหันไปทูลบางอย่างที่ทำให้พระชายานิ่งสงบลงอีกครั้ง

บ่ายวันนั้น เสี่ยวถิงเพื่อนร่วมห้องของเหม่ยหลินถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าพระชายา หญิงสาวทั้งรู้สึกตกใจและแปลกใจในคำสั่งของพระชายาเป็นอย่างมาก

“จะให้หม่อมฉันสลับตัวกับเหม่ยหลิน...จะเป็นไปได้หรือเพคะ!”

“เรื่องที่ข้าสั่งย่อมมีทางเป็นไปได้ หากเรื่องนี้สำเร็จ นอกจากเจ้าจะได้ของกำนัลมากมายจากข้าแล้ว ท่านอ๋องจะประทานตัวเจ้าให้คอยรับใช้ใกล้ชิดท่านแม่ทัพหวางชุนเทียนในจวนสกุลหวาง ไม่ดีหรือ?”

“แต่ว่าท่านแม่ทัพหวางจะเชื่อได้อย่างไรว่าหม่อมฉันคือเหม่ยหลิน”

พระชายาหันไปมองหน้านางกำนัลซูปี้ให้เป็นผู้อธิบายในสิ่งที่เสี่ยวถิงกังวลใจ

“เท่าที่ข้ารู้มา แม่ทัพหวางเคยเห็นหน้าเหม่ยหลินเพียงครั้งเดียว หากเจ้าเปลี่ยนทรงผมและแต่งกายให้คล้ายนางมากที่สุดแถมยังมีสิ่งยืนยันตัวตนว่าเป็นเหม่ยหลินย่อมหลอกตาท่านแม่ทัพและทุกคนได้”

“สิ่งยืนยันตัวตันคืออะไรหรือเจ้าคะ” เสี่ยวถิงหน้านิ่วคิ้วขมวดหันไปถามนางกำนัลซูปี้ นึกไม่ออกว่าจะทำให้แม่ทัพเชื่อได้อย่างไร

“ตราหยกสัญลักษณ์ของแม่ทัพหวางชุนเทียนอย่างไรเล่า” นางกำนัลผู้นี้แอบรู้มาว่าเหม่ยหลินพกตราหยกสำคัญติดตัวไว้ตลอดเวลาจึงคิดแผนการสลับตัวอันแยบยลนี้ขึ้นมา

“หมายความว่า จะให้ข้าขโมยตราหยกของเหม่ยหลินหรือเจ้าคะ!” นางเบิกตากว้างนึกขึ้นได้ทันที ตราหยกที่กล่าวถึงเป็นชิ้นเดียวกับที่ได้เห็นในคืนนั้นเป็นแน่

พระชายาฟางซินหัวเราะเบาๆ “ถูกต้องแล้วเสี่ยวถิง...คนฉลาดเยี่ยงเจ้า ข้าคิดว่าคงเอาตัวรอดได้ไม่ยาก”

“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ” เสี่ยวถิงตอบรับพระชายาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ตอนนี้นางเริ่มเข้าใจแล้วว่าโอกาสที่จะเป็นหญิงชั้นสูงในจวนของบุรุษที่สูงศักดิ์ไม่ได้มีเพียงการเป็นเครื่องบรรณาการที่แคว้นม่งอู๋เท่านั้น เพราะหญิงต่างแคว้นเช่นนางก็คงเป็นได้เพียงอนุของชนชั้นสูงในจวนใดจวนหนึ่ง แต่ในเมื่อมีโอกาสได้เป็นฮูหยินเอกของแม่ทัพหนุ่มที่ยังโสด เหตุใดต้องรีรอให้โอกาสนี้หลุดลอยไปด้วยเล่า!

แม้ว่าแผนการอันแยบยลที่สร้างขึ้นนี้ดูเหมือนจะสำเร็จได้ไม่ยาก แต่ในวังหลวงยังมีอีกผู้หนึ่งที่ยืนยันตัวตนของหญิงนามว่าเหม่ยหลิน เขาคนนั้นคือจิตรกรหลวงซุนถงฉี…

ในค่ำคืนที่แสนสงบ ชายชุดดำลอบเข้ามาภายในเรือนของซุนถงฉี สิ่งที่ชายผู้นั้นกระทำต่อซุนถงฉีคือการพ่นผงพิษใส่ที่ใบหน้า จนทำให้จิตรกรวัยกลางคนได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา 

เช้าวันต่อมา ภรรยาของซุนถงฉีได้แต่คอยปลอบใจอยู่ข้างๆ นางรับยาจากหมอและเดินไปส่งที่หน้าประตูบ้าน ปล่อยให้สามีนั่งอยู่เงียบๆที่โต๊ะกลางบ้าน ซุนถงฉีได้แต่คิดถึงคำพูดของหมอที่ได้รักษาอาการของเขาในวันนี้

“ผงพิษชนิดนี้มิได้มีพิษร้ายแรง ท่านต้องกินยารักษาอาการนี้อีกประมาณหนึ่งเดือน ข้ารับรองว่าดวงตาของท่านจะกลับมามองเห็นได้ใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน”

“หนึ่งเดือน! หากข้าหายไม่ทันวันพิธี แล้วจะเป็นพยานให้หญิงผู้นั้นได้อย่างไร”

ซุนถงฉียกมือสัมผัสผ้าสีขาวพันรอบดวงตาด้วยความรู้สึกสับสน เหตุใดจึงมีคนร้ายลอบเข้ามาทำร้ายเขาถึงในเรือนเช่นนี้!

 

อยู่ๆวันนี้นางกำนัลซูปี้ก็อนุญาตให้หญิงสาวทุกคนไปเที่ยวในตัวเมืองหลวงได้ เหม่ยหลินที่เตรียมตัวเสร็จนานแล้วมองเสี่ยวถิงในชุดสวยหวานนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก การแต่งหน้าแต่งตัวของเสี่ยวถิงแตกต่างไปจากทุกวันจนเหม่ยหลินแปลกใจ ปกติแล้วนางชอบทำให้ตัวเองเป็นจุดเด่นด้วยเสื้อผ้าสีสดกับทรงผมม้วนไปม้วนมา ไหนจะปิ่นปักผมราคาแพง ส่วนใบหน้าก็มักฉาบด้วยเครื่องประทินโฉมมากมายอยู่เสมอ แต่ขณะนี้เครื่องประทินโฉมบนใบหน้าดูเบาบางลง ริมฝีปากจากที่เคยทาบด้วยชาดสีแดงสด กลับเปลี่ยนใช้สีชมพูอมส้มจนเหมือนกลายเป็นคนละคน อดคิดไม่ได้ว่าแต่งตัวแบบนี้ก็สวยดีหรอกนะแต่รู้สึกดูไม่เหมาะกับนางเลย

“มีเรื่องอะไรน่าขันงั้นรึ ข้าดูไม่งามหรืออย่างไร”

“รูปลักษณ์ในวันนี้เหมือนไม่ใช่เจ้าเลย ปกติข้าเห็นว่าเจ้าแต่งตัวเปรี้ยวเซ็กซี่กว่านี้มาก”

“เปรี้ยวเซ็กซี่?” เสี่ยวถิงได้แต่มองหน้าเหม่ยหลินแบบงงๆ “เจ้าหาว่าข้าน่ารังเกียจเช่นนั้นรึ!”

“เปล่านะ” หญิงสาวส่ายหน้าดิก “ข้าหมายถึงปกติเจ้ามักจะแต่งกายสวยน่ามองต่างหาก”

“ฮึๆ หากหมายความเช่นนั้นจริง ก็เป็นอย่างที่เจ้าว่า” เสี่ยวถิงที่หลงในความงามของตัวเองเห็นด้วยในคำกล่าวนั้น

สายตามองค้อนเมื่อสักครู่หันกลับมามองตัวเองในกระจกอีกครั้ง พลันคิดว่าการแต่งกายให้คล้ายกับเหม่ยหลินดูน่าเบื่อเกินไปสำหรับเสี่ยวถิง ทุกสิ่งบนร่างกายช่างไม่เหมาะกับตนเองเสียเลย นางต้องทนกับใบหน้าจืดชืด เครื่องประดับติดกายก็มีเพียงไม่กี่ชิ้น เสื้อผ้าสีไม่สดสวย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแผนการใหญ่ที่จะดำเนินไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

“เอาล่ะ รีบออกไปกันเถิด” เสี่ยวถิงหันมาออกปากเร่งเร้า

หางตาของนางมองบริเวณผ้ามัดเอวของร่างที่เดินนำหน้าก้าวออกจากห้องไปก่อน นางคาดหวังว่าจะขโมยตราหยกที่เหม่ยหลินพกติดตัวตลอดเวลานั้นให้จงได้!

 

บนถนนกลางเมืองหลวงที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย  เหม่ยหลินและเสี่ยวถิงอยู่ท่ามกลางร้านค้าสองข้างทางที่ทอดยาว พ่อค้าแม่ค้าแต่ละฝั่งต่างออกปากเชิญชวนให้ลูกค้าซื้อสินค้าของตนเอง แม้ดูชุลมุนวุ่นวายแต่บรรยากาศช่างดูตื่นตาตื่นใจสำหรับหญิงสาวยุคดิจิตอลอย่างเหม่ยหลิน หญิงสาวเดินหยิบจับข้าวของแปลกตาเหล่านั้นอย่างเพลิดเพลิน

เสี่ยวถิงยุยงให้เหม่ยหลินซื้อของมากมายจนมือทั้งสองข้างของหญิงสาวไม่ว่างอีกต่อไป

 “พอแล้วนะเสี่ยวถิง ข้าถือไม่ไหวแล้ว”

“ซื้อไปเถิด ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ค่อยมีข้าวของเครื่องใช้ติดตัวมาเลย เดี๋ยวข้าช่วยถือเอง”

ในขณะที่ทั้งสองยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องประดับ อยู่ๆก็มีหญิงชายท่าทางแปลกๆสองคนเดินมาชนเหม่ยหลินเข้าอย่างจังจนข้าวของกระจายตกพื้น หญิงสาวมัวแต่ก้มเก็บข้าวของจนไม่ทันระวังว่ามีมือของมิจฉาชีพหญิงล้วงหยิบตราหยกที่อยู่ในผ้าคาดเอวของเธอ

“เอ๊ะ! อะไรกันเนี่ย...ขโมยของงั้นรึ” เหม่ยหลินคว้ามือหญิงผู้นี้ไว้ แต่ก็ไม่ทันกับที่ของตราหยกได้ถูกสลับมือไปสู่มิจฉาชีพชายที่มาด้วยกันเรียบร้อยแล้ว

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เอาของๆข้าคืนมา!” หญิงสาวตะโกนขึ้นมาเมื่อเห็นชายผู้นั้นวิ่งหนีเตลิดไปอย่างรวดเร็ว

“เหม่ยหลินอย่าตามไปเลย อันตรายเกินไป” เสี่ยวถิงรั้งเหม่ยหลินที่พยายามลุกขึ้นวิ่งตาม แต่เหม่ยหลินกลับปัดมือนางออก แล้ววิ่งตามขโมยไปโดยไม่สนใจเสี่ยวถิงที่ลอบยิ้มอย่างสะใจ นางคิดว่าอย่างไงก็ตามไม่ทันหรอก!

 

เหตุการณ์ชุลมุนที่หน้าร้านขายเครื่องประดับรวมทั้งเสียงตะโกนของหญิงสาวดังลอดเข้าไปภายในรถม้าของแม่ทัพหวางชุนเทียน ปกติเขาจะไม่เลือกเส้นทางนี้เป็นทางกลับจวนเพราะเห็นว่าบนถนนจะพลุกพล่านเกินไป แต่วันนี้มีความรู้สึกบางอย่าง อยู่ๆเขาอยากทำในสิ่งที่แตกต่างกว่าทุกวัน

“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เสียงดังเอะอะนั้นคืออะไร” แม่ทัพหนุ่มถามผู้บังคับรถม้าอยู่ภายนอก

“ได้ยินว่ามีขโมยขอรับ ดูเหมือนกำลังวิ่งมาทางนี้แล้วขอรับ”

หวางชุนเทียนเปิดหน้าต่างด้านข้างเพื่อมองดูเหตุการณ์ภายนอก เขาชะโงกหน้าออกจากตัวรถจนได้เห็นชายคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมุ่งหน้ามายังทิศทางนี้จริงดังที่ผู้บังคับรถม้าบอก แต่ก่อนที่จะถึงตำแหน่งที่ตัวรถม้าเคลื่อนอยู่ ร่างนั้นกลับเลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นเล็กที่ขนาบข้างด้วยกำแพงสูง

แต่ยังเห็นว่ามีร่างหญิงสาวเจ้าของเสียงเอะอะนั้นวิ่งตามใกล้เข้ามาอีกหนึ่งคน

ดวงตาของหวางชุนเทียนเบิกกว้างหลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของนางชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างนั้นเลี้ยวเข้าไปยังถนนเส้นเดียวกันกับขโมย

“หยุดรถเดี๋ยวนี้!” ร่างสูงใหญ่ลุกจากที่นั่งเปิดผ้าหน้ารถแล้วพุ่งตัวออกจากรถม้าทันที

 

เหม่ยหลินวิ่งเลี้ยวเข้ามาสู่ถนนเส้นเล็กและแคบเพื่อตามขโมยผู้นั้น แม้จะเหลือบเห็นกองไม้วางซ้อนอย่างไม่เป็นระเบียบอยู่ข้างกำแพงจวนจะถล่มลงมา แต่สายตาของเธอตอนนี้สนใจและเพ่งมองร่างของขโมยที่อยู่ไกลออกไปทุกทีมากกว่า หญิงสาวมุ่งมั่นจะวิ่งตามจับชายผู้นั้นให้ได้จึงไม่ทันระวัง เท้าของเธอสะดุดกับไม้ท่อนยาวที่วางอยู่กับพื้น ปลายไม้ท่อนนั้นเคลื่อนไปสะกิดไม้มากมายที่วางขนานก่อตัวสูงอยู่ข้างกำแพงจนกองไม้ด้านบนไหวตัวยวบยาบ

เมื่อไม้ทำท่าจะเทลงมาสู่เบื้องล่าง หญิงสาวตกใจสุดขีด ได้แต่ยืนขาแข็งไม่อาจก้าวขาต่อไปได้

“ว้าย!!.....” เสียงกรีดร้องแหลมเล็กดังขึ้น

เพียงชั่วพริบตาก่อนที่เศษไม้หลายชิ้นจะร่วงหล่นมาทับร่างหญิงสาว บุรุษที่วิ่งเข้าประชิดด้านหลังได้รั้งร่างบางกระชากเข้าสู่อ้อมกอดของเขาได้ทันท่วงที

“โครม!!....” เหม่ยหลินตัวเกร็งหลับตาปี๋ไปชั่วขณะ จนกระทั่งสิ้นเสียงความเคลื่อนไหว

“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาอยู่ข้างใบหูเล็กด้านหลัง ทำให้หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้น ภาพตรงหน้าคือกองไม้ที่กลิ้งทับกันอยู่บนพื้น อ้อมกอดจากทางด้านหลังของเจ้าของเสียงทุ้มนั้นยังไม่ยอมปล่อย

หวางชุนเทียนเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อยไปกว่าเหม่ยหลินเช่นกัน หากเขาไม่ตัดสินใจวิ่งตามเข้ามาคว้าตัวหญิงสาวไว้ ไม่รู้ว่าหญิงผู้นี้จะบาดเจ็บจากกองไม้อันตรายนี้มากขนาดไหน

“ปละ...ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นไรแล้ว…” หญิงสาวเอ่ยขึ้นในขณะที่หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความตกใจ ใบหน้าก้มต่ำมองดูอ้อมแขนแข็งแรงที่ช่วยรั้งให้เธอพ้นภัย

น้ำเสียงของหญิงสาวทำให้แม่ทัพหนุ่มได้สติ เขาคลายอ้อมแขนแล้วผละตัวออกจากร่างบางทันที

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา