ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก
เขียนโดย ณรีนิน
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) แผนการร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความร่างท้วมของนางกำนัลอาวุโสเดินตรวจตราการฝึกซ้อมร่ายรำของบรรดาหญิงงามผู้เป็นเครื่องบรรณาการให้ทันก่อนวันเดินทางในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า นางได้รับมอบหมายจากพระชายาแห่งองค์ชายรองให้ดูแลฝึกซ้อมศิลปะการร่ายรำเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่เจ้าผู้ครองแคว้นม่งอู๋
“พระชายาเสด็จ!” ทุกคนในที่นั้นต่างหยุดหันมาทำความเคารพสตรีสูงศักดิ์ในชุดผ้าไหมพลิ้วสวยปักชายผ้าด้วยลายดอกเบญจมาศผู้เดินเยื้องย่างเข้ามาในห้องโถงขนาดใหญ่ที่จัดเตรียมไว้สำหรับเป็นสถานที่ฝึกซ้อม พระชายาทรงประทับบนตั่งไม้ยกสูงพลางเอ่ยถามความคืบหน้าในการฝึกซ้อม
“พวกนางจดจำท่าร่ายรำได้ทั้งหมดแล้วเพคะ มิมีสิ่งใดให้พระชายาต้องเป็นกังวลเพคะ” ผู้ที่ตอบคือนางกำนัลนามว่าซูปี้เป็นคนสนิทที่พระชายาฟางซินให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ นางกำนัลผู้นี้เป็นพี่เลี้ยงตั้งแต่ครั้งที่ยังดำรงฐานะเป็นองค์หญิง
“พระชายาเพคะ ท่านซุนถงฉีขอเข้าเฝ้าเพคะ” นางกำนัลสาวเดินเข้ามารายงาน
“หือ...ท่านซุนกลับจากนอกเมืองแล้วงั้นรึ รีบเชิญเข้ามาได้” พระชายาไม่รีรอที่จะอนุญาต แสดงให้เห็นว่ารอการกลับมาของซุนถงฉีอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นว่าพระชายามีธุระที่ต้องพูดคุยกับท่านซุนถงฉี นางกำนัลซูปี้จึงสั่งให้สาวงามทุกนางกลับออกไปเสียก่อน ให้การซ้อมร่ายรำของวันนี้จบลงเพียงเท่านี้...
“ถวายบังคมพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”ซุนถงฉีเดินเข้ามาหยุดแล้วโค้งตัวคารวะด้วยความนอบน้อม
จุดประสงค์ในการเข้าพบครั้งนี้คือการถวายภาพวาดตามคำบัญชาของพระชายาที่ต้องการตกแต่งตำหนักด้วยภาพวาดทิวทัศน์ธรรมชาติงดงามเสมือนจริงราวกับได้ไปเห็นที่แห่งนั้นมาด้วยตัวเอง ในมือของซุนถงฉีถือม้วนภาพวาดหลายขนาดเกือบสิบม้วนวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบเตรียมมอบให้แก่พระชายา
“นี่หรือ...ภาพวาดที่ท่านตระเวนเดินทางวาดจากสถานที่จริง” พระชายาผู้ทรงมีความชื่นชอบศิลปะทุกแขนงเป็นทุนเดิม ทรงพอใจในผลงานการวาดภาพของซุนถงฉีที่เก่งหาตัวจับยาก และครั้งนี้ก็เช่นกันที่ประสงค์ให้ช่างวาดภาพผู้นี้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ทรงโปรดที่จะเห็นภาพวาดสวยงามประดับประดาทุกจุดในตำหนัก
ในระหว่างที่พระชายากล่าวชื่นชมฝีมือการวาดภาพโดยให้เหล่านางกำนัลเปิดม้วนภาพวางเรียงเป็นแถวอยู่นั้น
“องค์ชายรองเสด็จ!” บุรุษในอาภรณ์สีเทาอมฟ้าเป็นองค์ชายรองลี่หยางผู้มีพระพักตร์ขาวซีดแต่ยังคงมีสง่าราศีกว่าคนทั่วไปก้าวเท้าเข้ามาในห้องที่บัดนี้เต็มไปด้วยภาพวาดทิวทัศน์ฝีมือจิตกรหลวง
“มีสิ่งใดน่าสนใจงั้นหรือพระชายา เสียงหัวเราะครึกครื้นดังไปถึงด้านนอก” พระชายาฟางซินรีบลุกออกจากตั่งที่นั่งแล้วย่อตัวคำนับพระสวามี
สายตาองค์ชายรองเหลือบมองซุนถงฉีที่หลีกทางไปอยู่ด้านข้างและก้มลงถวายความเคารพพร้อมกับผู้อื่น
“เป็นอย่างไรบ้างท่านซุน มาถวายงานแด่ชายาของข้าแต่เช้า เห็นว่าท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อวานมิใช่รึ”
“เอ่อ...ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกลับถึงเมืองหลวงจวนเวลาใกล้ตะวันตกดินแล้ว จึงมิได้มาถวายงานโดยทันที เกรงว่าจะเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของพระชายา ขอทรงให้อภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าได้ข่าวว่าท่านแวะเยี่ยมเยียนที่จวนแม่ทัพหวางก่อนที่กลับเรือนตนเองเสียอีกนะ”
ซุนถงฉีหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย เขารู้ดีกว่าคำพูดเหน็บแนมขององค์ชายรองย่อมมีนัย เป็นที่รู้กันทั่วราชสำนักว่าองค์ชายรองลี่หยางไม่ใคร่จะพอพระทัยท่านแม่ทัพหวางชุนเทียนเท่าไรนัก ด้วยท่านอ๋องพระราชบิดาขององค์ชายรองให้ความสนใจในตัวแม่ทัพหนุ่มผู้นี้มากเป็นพิเศษ ยิ่งในช่วงสองปีมานี้มักจะมีราชการลับจากท่านอ๋องส่งต่อให้แม่ทัพหวางอยู่เนืองๆ ไม่ว่าองค์ชายรองจะสักถามหรือขอเข้าร่วมระหว่างการปรึกษาหารือก็มักจะถูกผลักไสอยู่เสมอ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าโดนดูถูกดูแคลนในความสามารถทั้งที่เป็นถึงองค์ชายรองของอ๋องแห่งแคว้นตงเยว่
องค์ชายรองลี่หยางผู้ไม่สนใจด้านการซ้อมรบของเหล่าทหาร เพราะเห็นว่าแคว้นตงเยว่ตกเป็นเมืองขึ้นของแคว้นม่งอู๋มานานหลายปีบ้านเมืองก็ดูสุขสงบดี เพียงแค่ส่งบรรณาการตามกำหนดก็ไม่เห็นว่าเป็นปัญหาใหญ่ เหตุใดต้องหาเรื่องใส่ตัวทนเหนื่อยยากไปฝึกการสู้รบยังกองทัพชายแดนเหมือนดั่งองค์ชายใหญ่ทรงกระทำอยู่ในขณะนี้ด้วยเล่า
ถึงกระนั้น สถานการณ์ในขณะนี้ออกจะพิลึกพิลั่นที่ในเมืองหลวงกลับมีแม่ทัพหวางชุนเทียนผู้ที่ควรอยู่ชายแดนมากกว่าองค์ชายใหญ่ลี่หมิง แต่ตามคำบัญชาขอท่านอ๋องที่ให้เขาอยู่ว่าราชการในราชสำนักและยู่ข้างกายท่านอ๋อง ส่งรองแม่ทัพเป็นผู้อยู่ดูแลองค์ชายใหญ่ที่กองทัพชายแดนแทน องค์ชายใหญ่นี่ก็กระไร ยินยอมออกเดินทางไปชายแดนแต่โดยดีทั้งที่ถูกวางตัวให้เป็นรัชทายาทแล้วแท้ๆ เหตุไฉนไม่หาความสุขสำราญอยู่ในวังหลวง
“ว่าอย่างไร ท่านซุนบอกข้าได้หรือไม่ ท่านไปคุยสิ่งใดกับแม่ทัพหวาง” ความริษยาขององค์ชายมีได้ทุกโอกาส นึกขัดเคืองที่มีชื่อแม่ทัพผู้นี้เกี่ยวข้องอีกแล้ว
“กระหม่อมได้รับคำแนะนำจากท่านแม่ทัพว่าภูมิทัศน์ธรรมชาติของหมู่บ้านหนิงอันสวยงามมาก หากเดินทางไปยังหมู่บ้านนี้ กระหม่อมจะไม่เสียเวลาเดินทางไปสถานที่อื่น จึงได้ผลงานที่สวยงามหลายภาพพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้น จึงมอบภาพให้แก่แม่ทัพหวาง...เพื่อเป็นการตอบแทน…” เสียงของซุนถงฉีเบาลง ไม่กล้าสบตาฝ่ายตรงข้าม
“บังอาจ!! การเดินทางไปนอกเมืองครั้งนี้ เจ้าได้รับคำสั่งจากชายาของข้า ฉะนั้นผลงานของเจ้าแม้แต่ชิ้นเดียว จะตกเป็นของผู้อื่นไม่ได้!” องค์ชายรองตบโต๊ะดังปัง! จนพระชายาที่นั่งฟังอยู่ข้างๆต้องสะดุ้ง
ซุนถงฉีบังเกิดความกลัวจนหน้าถอดสี ไม่กล้าจะพูดอธิบายอันใดอีกต่อไป ได้แต่คุกเข่าลงก้มหน้าติดพื้นพร้อมโขลกศีรษะเพื่อขอให้องค์ชายรองอภัย
“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยให้ซุนถงฉีผู้นี้ด้วยเถิดเพคะ รูปภาพดังกล่าวคงมิได้งดงามเท่ากับบรรดาภาพที่อยู่ตรงหน้าหรอก เป็นจริงอย่างที่ข้าพูดใช่หรือไม่...ท่านซุน”
“ช่ะ...ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไหนพูดมาสิ ภาพนั้นมีลักษณะเป็นเช่นไร มีความสำคัญเพียงใดถึงกับต้องมอบให้แก่แม่ทัพผู้นั้น”
“อะ..เอ่อ..ภาพนั้นเป็นภาพเดียวที่มีหญิงสาวและเด็กหญิงนั่งอยู่ใต้ต้นกุ้ย หญิงผู้นั้นกำลังเป่าขลุ่ยในบทเพลงที่ข้าไม่เคยได้ยินท่วงทำนองลักษณะนี้มาก่อน กระหม่อมลงมือวาดโดยกะทันหัน มิได้ตั้งใจแต่อย่างใดพ่ะย่ะค่ะ แล้วอีกประการหนึ่งคือกระหม่อมเห็นว่าท่านแม่ทัพหวางเคยรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่หมู่บ้านนั้น น่าจะรู้จักหญิงสาวในภาพก็เป็นได้”
ความเป็นจริงที่ซุนถงฉียังกล่าวไม่หมด เขารู้ดีว่าอย่างไรเสียพระชายาคงไม่โปรดรูปภาพหญิงงามให้อยู่ในตำหนักแห่งนี้อยู่แล้ว ใครเล่าอยากให้สามีของตนได้เห็นรูปผู้หญิงอื่นในสถานที่ของตนเอง ทำให้เขาไม่กล้าที่จะถวายภาพที่มีหญิงงามสวยสะคราญให้แก่พระชายา
“เห็นไหมล่ะ...ไม่ใช่ภาพที่ตั้งใจวาดตั้งแต่แรก ความงดงามย่อมน้อยกว่าภาพอื่นเป็นไหนๆ ฝ่าบาทอย่าใส่พระทัยเลยเพคะ”
“เจ้าคิดเช่นนั้นรึ ฟางซิน” แม้จะทำหน้าเหมือนยอมรับแต่ก็แสร้งทำเป็นถามความเห็นจากชายาของตน เมื่อองค์ชายรองเพ่งพินิจภาพทั้งหมดที่เรียงรายอยู่บนฉาก ทำให้องค์ชายรองเห็นถึงความแตกต่างที่ละเอียดอ่อนกว่านั้น... ภาพวาดที่มีอยู่ในห้องนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตในภาพแม้แต่ภาพเดียว
การให้ความสำคัญกับสิ่งสวยงามและรังสรรค์ผลงานให้บังเกิดบนผืนผ้าย่อมมาจากจิตวิญญาณของนักวาดภาพอยู่แล้ว แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวผู้ที่ซุนถงฉีได้เห็นนั้นย่อมมีความงามมากพอ มิเช่นนั้น มีหรือจิตรกรหลวงผู้นี้จะเปลืองแรง...
ทำให้องค์ชายรองใคร่รู้ว่าหญิงนางนั้นมีความสำคัญอะไรกับแม่ทัพหวางชุนเทียนกันแน่...
“ทรงคิดอะไรอยู่หรือเพคะ” หลังจากที่องค์ชายรองกลับออกไปแล้ว พระชายาทำหน้าตาไม่สู้ดี รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก จนนางกำนัลซูปี้ต้องกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง
“ข้าไม่ไว้ใจสถานการณ์ในขณะนี้เลย เหตุไฉนสามีข้าต้องสนใจภาพนั้นนักหนา ก็แค่ภาพไร้สาระภาพเดียว!”
“พระชายาทรงเห็นว่าเป็นอย่างไรหรือเพคะ”
“ข้าย่อมรู้นิสัยขององค์ชายรองสามีของข้าดี หากสามีของข้าต้องการแย่งชิงสิ่งที่น่าสนใจจากแม่ทัพหวางเพื่อเป็นการหักหน้าย่อมลงมือทำไม่รีรอ ในครานี้ก็เช่นกัน...เป็นไปได้ว่าสามีข้าจะไปนำตัวหญิงผู้นั้นมาที่นี่สนมในตำหนักก็มีตั้งมากมายแล้ว หากยังรับสนมมาเพิ่มอีก ข้าคงทนไม่ได้เป็นแน่”
“หากทรงหมายถึงหญิงงามแห่งหมู่บ้านหนิงอัน เรื่องนี้จัดการไม่ยากเพคะ”
พระชายาฟางซินหันมองหน้าซูปี้อย่างฉงนสงสัย “เจ้ามีวิธีหรือซูปี้”
“หม่อมฉันเห็นควรว่า หากเราจับนางผู้นั้นมาซ่อนตัวไว้ก่อน พอถึงเวลาก็ส่งตัวนางไปแคว้นม่งอู๋พร้อมหญิงสาวงามบรรณาการทั้งหมดเสีย เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีใครได้เห็นหน้านางอีก ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพหวางหรือองค์ชายรองเพคะ”
นางกำนัลวัยกลางคนเจ้าเล่ห์ผู้นี้ ช่วยคิดหาหนทางกำจัดสิ่งกวนใจทั้งหลายให้แก่นายหญิงของนางโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ส่วนพระชายาฟางซินเองก็มีนิสัยใจคอร้ายกาจไม่ต่างจากนางกำนัลซูปี้ผู้เป็นพี่เลี้ยงที่ดูแลนางมาตั้งแต่เด็ก นางจึงเห็นด้วยกับความคิดนี้
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าแสดงความพอใจในแผนการร้ายที่แนบเนียน
นางกำนัลซูปี้จึงได้รับคำสั่งให้เดินทางไปหมู่บ้านหนิงอันโดยเร็วที่สุด!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ