เธอ(YOU)

9.8

วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 19.24 น.

  11 chapter
  0 วิจารณ์
  7,275 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565 12.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Thinking

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
Thinking
 
***Mentioned Murder  มีการกล่าวถึงการฆาตกรรม

 
 
 
 
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา จิรากรหอบเอกสารปึกใหญ่มาให้แฝดพี่
“โอยหนัก ปวดแขนไปหมดแล้วเนี่ย แบบนี้ต้องเลี้ยงสองมื้อแล้วแหละ” ว่าพร้อมทำท่าบีบนวดแขนตัวเอง
“ตะกละจริงๆเล้ย ไหนดูสิได้ไรมา มันจะคุ้มค่าตอบแทนรึเปล่า”
“แน่นอนจ้า ตามที่เจษบอกอ่ะ มีอยู่สามคดีที่มีคนเสียชีวิตในระหว่างจำคุก
หนึ่งคดียาเสพติด ผู้ต้องหาติดคุกได้สามเดือนก็ป่วยหนักและเสียชีวิต
สองคดีฉ้อโกง อันนี้ป่วยอยู่แล้วเข้าไปปีเดียวก็เสียชีวิต
ส่วนคดีสุดท้ายเป็นคดีฆาตกรรมหลังจากโดนตัดสินจำคุกได้เกือบปี เขาก็เสียชีวิตเพราะฆ่าตัวตาย”
“ฆ่าตัวตายในเรือนจำน่ะเหรอ?” เจษลินทร์เลิกคิ้วเอ่ยถาม
“อือ ผูกคอตายน่ะ”
เจษลินทร์พยักหน้าหงึกหงักหยิบเอกสารเหล่านั้นมาเปิดดูทีละปึก
“จันทร์ไปอาบน้ำก่อนนา สงสัยอะไรก็แชทมาแล้วกัน”
“โอเค ขอบใจนะ” เจษลินทร์เอ่ยโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
เขาใช้เวลาอ่านเอกสารอยู่จนดึก แล้วมานั่งโยงหาความน่าจะเป็น
สองคดีแรกจำเลยยอมรับสารภาพ ต่างกับคดีที่สามให้การปฏิเสธมาโดยตลอด แต่สุดท้ายหลักฐานมัดตัวเลยโดนศาลตัดสินว่าผิดจริง
เอ๋ เดี๋ยวนะ ชื่อ ชวินทร์ กรณ์กัณณ์? เจษลินทร์ทวนชื่อบุคคลในคดีที่สาม รู้สึกคุ้นมากๆ พยายามนึกจนคิ้วสวยขมวดเป็นปม แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
กอปรกับตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เขาจึงเลือกที่จะวางทุกอย่างไว้ตรงนั้นก่อน แล้วพาร่างสูงโปร่งเพรียวลมของตัวเองขึ้นไปนอน
 
 
 
 
 
 
เย็นวันต่อมา หลังจากเลิกงานเจษลินทร์ไปนั่งรอรับมารดาที่ร้านเหมือนอย่างเคย ในระหว่างรอเขาก็พยายามนึกชื่อที่ติดอยู่ในหัวเขามาตั้งแต่เมื่อคืน
“งานเครียดขนาดนั้นเลยเหรอ ดูซิคิ้วเป็นปมเชียว” เจนจิราเอ่ยพร้อมยื่นปลายนิ้วจี้ตรงหัวคิ้วที่มุ่นกันอยู่บนใบหน้าของลูกชาย
เจษลินทร์ย่นจมูกก่อนจะตอบ
“เปล่าครับคุณเจน ช่วงนี้งานไม่เยอะหรอก แค่พยายามนึกอะไรบางอย่างอยู่ ถ้าคุณเจนหอมนิดหน่อยก็คงจะคิดออกทันทีเลยครับ” ว่าพร้อมทำหน้าออดอ้อนอย่างที่เจ้าตัวมักจะทำเสมอ
เจนจิราส่ายศีรษะแล้ว! บางครั้งเธอก็อดถามตัวเองไม่ได้ 'นี่ลูกชายเธออายุยี่สิบเก้าจริงรึเปล่านะ?'
ขี้อ้อนเหมือนเด็กสามขวบไม่มีผิด แต่กระนั้นเธอก็หอมกระหม่อมลูกชายอย่างรักใคร่
“โอ๊ะ นึกออกทันทีเลยครับ!” คนลูกว่าพร้อมทำตาแป๋ว จนมารดาหัวเราะน้อยๆให้กับท่าทีทะเล้นนั้น ยีหัวด้วยความเอ็นดูไปอีกหนึ่งที
“วันนี้จันทร์บอกว่าจะเลิกช้าหน่อย แม่ได้ยินว่ามีคดีให้ปวดหัวอีกแล้ว งั้นวันนี้ทำต้มจับฉ่ายของโปรดเจ้าตัวดีกว่าเนอะ”
“ครับ หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้งด้วยนา ของโปรดคุณเจนกับพ่อ” พอพูดถึงพ่อน้ำเสียงเจษลินทร์เบาลงไปนิดหน่อย เจนจิราไม่พูดอะไร แค่ยื่นมือไปกุมมือลูกชายไว้ ก่อนจะบอกลาเด็กในร้านแล้วพากันกลับบ้าน
 
 
 
 
“หูย วันนี้มีจับฉ่ายด้วย อยากกินพอดีเลย” จิรากรเอ่ยอย่างอารมณ์ดีทันทีที่เข้าบ้านมา
“ว้า มาได้ถูกเวลาเฉยเลย ตั้งใจจะกินให้หมดแล้วเจียวไข่ไว้ให้นะเนี่ย” เจษลินทร์เอ่ยเย้า
จิรากรทำท่าเบะปากใส่แฝดพี่แล้วเดินตรงไปหามารดา
“คุณเจนจิราน่ารักที่สุดเลยครับ” เขากอดคนน่ารักจากด้านหลัง เอาหน้าซบไหล่นิ่งค้างไว้อย่างนั้น
เจนจิราชะงักมือจากการจัดจานอาหาร เปลี่ยนมาลูบแขนลูกชายแทน ท่าทางแบบนี้เจ้าตัวคงมีเรื่องเครียดล่ะสิ
“เป็นไรหืม งานมีปัญหาเหรอ”
“นิดหน่อยครับ แต่ตอนนี้หิวมากกว่า ทานข้าวกันเถอะครับคุณเจน วันนี้จันทร์จะกินให้พุงกางเล้ยย”
คนเป็นแม่พยักหน้าตอบกลับปนขำน้อยๆ เพราะลูกชายคนเล็กน่ะตัวเท่าลูกแมวจะกินได้เยอะแค่ไหนกันเชียว
 
 
 
 
 
 
“มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” เจษลินทร์ถามแฝดน้อง ที่แอบมานั่งถอนหายใจในห้องทำงานของพ่อ
ห้องสีคราม โต๊ะและเก้าอี้ที่บ่งบอกอายุและความชอบของผู้ใช้งาน เอกสารเยอะแยะไปหมดสมกับเป็นห้องทำงานของอัยการ กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของห้องหอมติดจมูกจางๆ
ตั้งแต่พ่อเสียไป ทุกคนตกลงกันว่าจะปล่อยห้องนี้ไว้แบบนี้ ข้าวของทุกสิ่งอย่างยังวางไว้อยู่ที่เดิม เพราะอยากให้หลงเหลือกลิ่นอายของพ่อไว้
ห้องนี้น่าจะเป็นห้องที่สะอาดที่สุดในบ้าน เพราะพวกเขาทั้งสามคนจะเวียนกันมาทำความสะอาดเป็นประจำ แต่จริงๆอีกนัยหนึ่งก็คือเวลาที่ใครคิดถึงพ่อก็มักจะมานั่งเล่นที่นี่ รวมไปถึงเวลาที่เหนื่อย ท้อ หรือมีปัญหา อย่างจิรากรตอนนี้
“อือ เรื่องงานน่ะ ได้ดูข่าวมั๊ยที่ว่ามีผู้หญิงเสียชีวิตปริศนาในคอนโด” จิรากรตอบ
“อือ เห็นๆ ที่กรีดข้อมือแล้วมีเลือดลากเป็นทางยาวจนถึงระเบียงนั้นใช่มั้ย จันทร์ได้รับผิดชอบคดีนี้เหรอ”
จิรากรพยักหน้ารับ
“แล้วมันมีปัญหาเหรอทำไมนอยด์แบบนี้ เล่าให้ฟังหน่อยสิช่วงนี้รู้สึกสนใจอะไรแบบนี้อยู่พอดี” 
“อือ คดีนี้ทุกอย่างดูเหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะสภาพศพไม่มีบาดแผลอื่น ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ยกเว้นรอยเลือดที่ลากเป็นทางยาวสองเส้น ซึ่งไม่ใช่ฝีมือผู้ตายแน่นอน กำลังตามกันอยู่ว่ารอยนั้นเป็นรอยอะไร และใครเป็นคนทำ
ส่วนผู้ต้องสงสัยก็มีแค่คนเดียวคือพนักงานส่งของ แต่เราไม่มีหลักฐานบ่งบอกว่าเขาเป็นคนทำเลย เวลาที่เขาเข้าไปในห้องของผู้เสียชีวิตมันน้อยเกินไปสำหรับการติดตั้งเครื่องชงกาแฟและทำการฆาตกรรมพร้อมสร้างรอยเลือดนั่น ทั้งแรงจูงใจก็ไม่มี อีกอย่างเวลาเสียชีวิตมันก็ไม่สอดคล้องกับเวลาที่คนส่งของเข้าห้องผู้หญิงคนนั้นด้วย เราพิสูจน์หมดแล้ว ไม่มีหลักฐานเอาผิดเขาเลย จันทร์เลยคิดว่าจันทร์จะสั่งไม่ฟ้องคนส่งของ”
เจษลินทร์พยักหน้า "แล้วไงต่อ?"
“คือตอนนี้ทางเราทำการสืบสวนแบบไม่คุมขังผู้ต้องสงสัยน่ะ เลยทำให้ผู้คนไม่พอใจ อย่างที่รู้ว่าคดีนี้มันเป็นปริศนาผู้คนเลยให้ความสนใจกันเยอะ แล้วทุกวันนี้พวกผู้เชี่ยวชาญบนโลกออนไลน์ก็เยอะซะเหลือเกิน มีแต่พวกรู้ดีทั้งนั้น เขาเห็นคดีก็ฟันธงว่าเป็นการฆาตกรรมแน่นอน เลยพากันโจมตีสำนักงานอัยการว่าทำไมยังไม่สั่งฟ้องซักที ทั้งๆที่ผู้ต้องสงสัยมอบตัวแล้ว เพจดังต่างๆก็เอาเรื่องนี้มาขยี้กันอย่างมันมือ วิจารณ์การทำงานของสำนักอัยการว่าล่าช้า ไม่โปร่งใสบ้างล่ะ โอ๊ย สารพัดสารเพ
ตอนนี้ก็มีคนเริ่มจุดประเด็นขุดประวัติของผู้ต้องสงสัยเอามาด่ามายำทั้งที่ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน อีกเดี๋ยวคงขุดประวัติจันทร์ด้วยแหละ
พูดง่ายๆ คือความโกรธแค้นที่เกิดจากการเข้าใจผิดตอนนี้กำลังลุกลามใหญ่โต ผู้คนเหล่านั้นเขาไม่สนใจความจริงว่ามันเป็นยังไง แค่อาศัยการเดามั่วๆแบบมีหลักการ ก็ตัดสินไปแล้วอ่ะ” จิรากรถอนหายใจหลังจากอธิบายปนบ่นยาวเหยียด
“แล้วจันทร์จะทำไงต่อ” เจษลินทร์ถามพลางตบไหล่เบาๆเป็นการปลอบ
“ความคิดของจันทร์ก็คงสั่งไม่ฟ้องอ่ะ แต่คงต้องคุยกับหัวหน้าอีกทีแหละ”
“อือ งั้นก็ค่อยคิดพรุ่งนี้ วันนี้ไปพักผ่อนก่อนไป นอนไม่พอสมองไม่ทำงานนา คืนนี้ไปนอนกับคุณเจนกัน”
จิรากรพยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มน้อยๆให้อีกฝ่ายแล้วลุกเดินออกจากห้องไป
“ฝากปิดไฟด้วย”
เจษลินทร์ทำมือโอเคให้แฝดน้อง แล้วมองสำรวจรอบๆห้อง ตั้งใจว่าจะเดินออกไปแล้วเหมือนกัน
แต่สายตาก็ไปสะดุดที่กระดาษโน๊ตบนโต๊ะทำงานของพ่อที่ถูกเขียนด้วยปากกาเมจิกสีแดงแล้ววงไว้อีกที
‘ชวินทร์ กรณ์กัณณ์ - มือซ้าย!- ต้องสอบสวนอีกครั้ง!’
เจษลินทร์ตาลุกวาวทันที มิน่าถึงรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับชื่อของบุคคลในคดีที่สามนัก เพราะเขาเห็นมันทุกครั้งที่เขามาห้องพ่อนี่เอง
พ่อเขียนว่า ‘ต้องสอบสวนอีกครั้ง’ นั่นแปลว่าต้องสอบสวนอีกครั้งหลังจากคดีจบ? หรือพ่อเขียนมันในตอนที่พ่อเริ่มสืบสวนคดีนี้?
 
 
สมองเจษลินทร์ประมวลผลปะติดปะต่อเรื่องราวรวดเร็ว เขาคิดว่าต้องเป็นคดีนี้แน่ๆ ที่เจ้าของข้อความป่วนนั่นเอ่ยถึง
 
เขาถอนหายใจแล้วเดินไปเอาเอกสารที่จิรากรให้เขาเมื่อวานมาอ่านอย่างละเอียดอีกสองสามรอบก่อนจะลงมือเขียนสรุปตามความเข้าใจของตัวเอง
 
 
คดีฆาตกรรมนางสาวJ
ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนพบศพนางสาวJ ภายในรถแท็กซี่คันหนึ่ง ซึ่งจอดอยู่ในซอยเปลี่ยวถนนXXX
สภาพผู้เสียชีวิตมีมีดพกเสียบอยู่บริเวณหน้าอกด้านซ้าย มีคราบเลือดไหลเปื้อนเบาะหลังจำนวนหนึ่ง
การชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น พบผู้ตายถูกทำร้ายบริเวณหน้าอก ทั้งยังพบรอยช้ำบริเวณลำคอและใบหน้าด้านซ้าย
ผู้ต้องสงสัยคือนายชวินทร์ กรณ์กัณณ์ (อายุ25ปี) เจ้าของรถแท็กซี่และเขาก็เป็นคนโทรแจ้งตำรวจ
ผู้ต้องสงสัยให้การปฏิเสธในชั้นตำรวจ โดยอ้างว่าคืนวันเกิดเหตุเจ้าตัวทำงาน (ขับแท็กซี่) ตามปกติ ได้ขับไปส่งผู้โดยสารต่างชาติสองคนที่สถานบันเทิงย่านดังในเวลาประมาณ 23.20 น. และได้แวะกินก๋วยเตี๋ยวแถวๆนั้น จากนั้นก็ขับวนย่านสถานบันเทิงเพื่อหาลูกค้า มีชายหนุ่มคนหนึ่งโบกรถ โดยชายคนนั้นพาหญิงสาวที่ไม่ได้สติขึ้นรถมาด้วย
ผู้โดยสารทั้งสองคนนั่งที่เบาะหลัง นายชวินทร์คิดว่าผู้หญิงคงเมามากเพราะเธอไม่ได้สติเลยตั้งแต่ขึ้นรถมา เป็นฝ่ายชายที่คอยบอกทางให้เขาว่าจะไปไหน
ชวินทร์ได้ขอแวะปั๊มเติมน้ำมันและเข้าห้องน้ำก่อน ตอนแรกผู้โดยสารชายเหมือนจะไม่อยากให้แวะ แต่สุดท้ายก็ยอม
หลังจากนั้นก็ขับไปถึงซอยลึกที่ค่อนข้างเปลี่ยวและมืด อยู่ๆชวินทร์ก็รู้สึกว่าเขามีอาการมึนหัว แน่นหน้าอก หายใจค่อนข้างลำบาก และรู้สึกง่วงมากๆแทบจะอยู่ในอาการสะลึมสะลือด้วยซ้ำ จึงถามผู้โดยสารว่าอีกไกลมั้ยและได้บอกกับผู้โดยสารไปตามตรงว่าเขากลัวว่าตัวเองจะขับรถไม่ไหว
ผู้โดยสารชายจึงบอกให้จอดรถตรงนั้นเลย ชวินทร์ก็รีบจอดทันที เขาจำได้แค่ว่าตรงนั้นมันค่อนข้างมืด แต่ยังไม่ทันที่ชวินทร์จะได้พูดหรือทำอะไรเขาก็วูบไปเลย
รู้สึกตัวอีกทีตอน 04.45 น. ตอนแรกที่ตื่นมายังงงๆเบลอๆอยู่ แปลกใจที่ตัวเองฟุบหลับอยู่หลังพวงมาลัย พอเห็นมีคนนอนอยู่ที่เบาะหลังก็หันไปดู พบว่าหญิงสาวมีมีดเสียบอยู่ที่หน้าอก ส่วนตัวเขาก็มีรอยเลือดอยู่ในมือมากมาย แม้จะตกใจมากแต่เขาก็ยังมีสติพอที่จะโทรเรียกรถพยาบาลและแจ้งตำรวจ
.
.
ผลชันสูตรศพของนางสาวJ พบบาดแผลแนวตั้งขอบเรียบที่หน้าอก 1 แผล มีรอยฟกช้ำที่ใบหน้าด้านซ้าย มีรอยช้ำหนักที่ลำคอ หัวไหล่ทั้งสองข้าง ศอก หน้าอกและข้อมือ ระบุสาเหตุการตายว่าขาดอากาศหายใจจากการถูกบีบคอ
ผู้เสียชีวิตไม่ได้โดนกระทำชำเรา
.
ผลตรวจลายนิ้วมือที่มีดเป็นของชวินทร์
.
คดีนี้ตอนแรกจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน ทั้งยังมีน้องชายของจำเลยเป็นพยานให้การว่าได้ยินเสียงผู้ชายเรียกรถของชวินทร์ เพราะตอนนั้นชวินทร์คุยโทรศัพท์กับน้องชายอยู่ แต่พอผลตรวจลายนิ้วมือออกมาจำเลยก็เปลี่ยนเป็นให้การรับสารภาพว่าตนเองเป็นคนฆ่านางสาวJจริง เพราะต้องการข่มขืนแต่หญิงสาวขัดขืนเลยบันดาลโทสะพลั้งมือฆ่า ส่วนชายที่จำเลยอ้างว่าขึ้นรถมากับหญิงสาวนั้นไม่ได้มีตัวตนจริงๆ
.
ศาลตัดสินจำคุก 28 ปี
หลังจากเข้าเรือนจำได้เกือบปีเขาก็ฆ่าตัวตาย
 
 
 
 
เจษลินทร์ถอนหายใจยืดยาว เขาไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้นักหรอก แต่ตอนนี้เขามีข้อสงสัยอยู่หลายจุด
ถ้าบีบคอให้ตายแล้วจะใช้มีดแทงให้เลอะทำไม? ถ้าพลั้งมือฆ่าแล้วทิ้งศพข้างทางไม่ดีกว่าหรือ? แถมชวินทร์ยังโทรเรียกรถพยาบาลด้วย?
โอย เขาเป็นช่างภาพนะเฮ้ย ไม่ใช่ตำรวจหรือนักสืบ จะรู้ได้ไงเนี่ยว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง!
เจษลินทร์คร่ำครวญกับตัวเองอยู่พักใหญ่
‘อ๊ะ คดีนี้ สน.ที่ลุงศินทำงาน (แต่ก่อน) เป็นผู้รับผิดชอบนี่’ คิดได้ดังนั้นเจษลินทร์ก็ตั้งใจว่าวันหยุดนี้จะลองถามลุงดู
ส่วนเรื่องผลชันสูตรศพเขาไม่ค่อยเข้าใจนัก ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นเมื่อนึกบางอย่างออก รีบหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความ
[ข้อความแชท]
Jecelyn: ยู พรุ่งนี้เย็นว่างมั้ย ไปกินข้าวกัน
U: กรี๊ดดด ผัวคิดถึงเมียแล้วเหรอคะ เมียว่างซำเหมอค่ะ โรงแรมไหนคะว่ามาเลย
Jecelyn: 5555 เว่อร์ให้มันน้อยๆหน่อย งั้นพรุ่งนี้เย็นเจอกันนะแถวบ้านยูนั่นแหละ อยากกินร้านไหนก็บอกมาละกันเดี๋ยวเลี้ยงเอง
U: งู้ย มีผัวหล่อแล้วยังป๋าอีก รักนะคะ อยากเป็นเมียทางพฤตินัย
Jecelyn: โอ๊ยยู 55555555555555
U: มึงก็ขำอร่อยไปนะคะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะผัว เดี๋ยวเมียส่งโลเคชั่นโรงแรม เอ้ยร้านไปให้นะคะ
Jecelyn: 555 ok เจอกัน
 
 
หลังจากนัดแนะกับเพื่อนสาวเสร็จ ร่างบางก็รีบไปอาบน้ำหอบผ้าห่มไปเคาะห้องแฝดตามที่นัดแนะกันเอาไว้
 
 
"คุณเจนนน" / "คนสวยคร้าบ"
เสียงสองแฝดดังขึ้นพร้อมเจ้าตัวแย่งกันขึ้นเตียงมารดา
"วันนี้จันทร์จะนอนข้างคุณเจน เจษห้ามแย่ง"
"อะระ อาทิตย์ที่แล้วจันทร์ก็นอนข้างคุณเจนไปแล้ว วันนี้ก็เป็นทีของเจษเหอะ"
"เจษมั่วแล้ว อาทิตย์นี้เป็นทีของจันทร์ต่างหาก"
เจนจิราส่ายหัวแล้ว ลูกชายทั้งสองมักจะเป็นแบบนี้ทุกทีที่มานอนกับเธอ
"ไม่ต้องเถียงกันๆ เดี๋ยววันนี้แม่นอนกลางเอง"
"เย้" เจษลินทร์และจิรากรอุทานดีใจพร้อมกันแล้วรีบจัดแจงนอนขนาบข้างซ้ายขวาของมารดา
พอได้ที่แล้วทั้งสองก็พาดแขนโอบกอดมารดาหลวมๆ แต่ก็ยังไม่วายเปิดศึกเพราะแขนพาดโดนกัน
สุดท้ายโดนคุณเจนตีมือเบาๆคนละที ศึกแย่งมารดาถึงได้จบลง
"ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันไหม?" มารดาเอ่ยถามลูกชาย
"หือ คุณเจนอยากไปเที่ยวเหรอครับ"
"อื้อ เห็นพวกลูกทำงานกันหนักก็อยากให้พักบ้าง อีกอย่างตั้งแต่พ่อเสียไปพวกเรายังไม่ได้ไปเที่ยวกันเลยนะ"
"จันทร์ไปได้ครับคุณเจน ขอแค่บอกล่วงหน้า"
"อ่า งั้นรอเจษเคลียร์งานอีกหน่อยได้มั้ยครับ ช่วงนี้รับงานมาเยอะเลย"
"จ้า แม่ไม่รีบหรอก เคลียร์งานเมื่อไหร่เราค่อยไปกัน"
เจษลินทร์พยักหน้ารับแล้วหันไปซบไหล่อ้อนมารดา
"งั้นฝันดีนะครับคุณเจน"
"ฝันดีครับคุณเจนคนสวย"
เจนจิรายิ้มอ่อนโยนให้ลูกทั้งสอง
"ฝันดีจ้า"
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
TBC
 
 

 
 
อย่าเพิ่งเบื่อบ้านวิทยวรคุณณ์กันนะคะ เราอยากพรีเซนต์ว่าบ้านนี้เขาน่ารักและรักกันมาก ฮรี่
 
มาถึงตรงนี้งงเนื้อเรื่องกันมั้ยคะทุกคน คือคุณเจษเขาก็มีเรื่องให้สืบ ส่วนคุณจันทร์เขาก็มีงานให้ปวดหัวประมาณนี้ค่ะ
ด้วยความที่เราเป็นคนเขียนอ่ะเนาะ เรื่องราวทุกอย่างมันก็อยู่ในหัว เลยไม่รู้ว่ารี้ดจะงงกันรึเปล่า
ถ้าสงสัย หรือเราเขียนบกพร่องตรงไหน คอมเม้นท์บอกกล่าวกันได้นะคะ
 
ใดๆคือพระเอกของอีฉันอยู่ไหนคะ? ยังไม่มาเลยเจ้าค่ะ ค่าตัวแพงมาก ถถถถถถ
 
 
- Love -
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา