ระบบแห่งเกียรติยศ
-
เขียนโดย Zily7824
วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 01.20 น.
8 ตอน
1 วิจารณ์
5,018 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2564 01.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ตราแห่เกียรติยศ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความยูบิน เขาเป็นนักศึกษาปีที่ 3 ธรรมดาๆคนหนึ่งที่จากบ้านเกิดมาเรียนต่อในเมืองหลวง เหมือนคนหลายๆคนในช่วงอายุเท่าๆกันกับเขา
เขาไม่ได้มีความพิเศษแตกต่างจากคนทั่วไปนักมากมายนัก จะแตกต่างจากคนอื่นๆคือเขานั้นเป็นตัวเอกของนิยายเรื่องนี้ ส่วนเรื่องที่เขาจากเป็นตัวเอกไปได้ตลอดทั้งเรื่องนั้นยังไม่แน่ชัดนัก…
ในเรื่องรูปร่างเขาก็ถือว่าดีในระดับนึ่งด้วยส่วนสูงของเขาที่ 180 เซนติเมตรมาพร้อมกับน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม หน้าตาก็ค่อนข้างดี มีผมสีดำประกายเงางามเชียวหล่ะ เพราะเขามีนิสัยชอบออกกำลังกายบ่อยๆมาตั้งแต่เด็กๆทำให้เขามีรูปร่างแบบนี้
สิ่งที่เขาชอบที่สุดก็คือการเดินป่าออกผจญภัย ด้วยตัวคนเดียวเพราะเวลาที่เขาเดินป่านั้นเขารู้สึกได้ถึงความอิสระที่มาพร้อมกับความท้าทาย ถึงมันจะดูอันตรายนิดหน่อยก็เถอะนะ แต่มันก็ช่วยเพิ่มความตื่นเต้นในการผจญภัยได้ดีเลยทีเดียว เรื่องนี้อาจจะเป็นนิสัยแปลกๆที่ไม่เหมือนใครของเขาเรื่องนึ่ง
เขาอาจจะมีนิสัยแปลกๆอย่างอื่นอีกเยอะแต่ก็ไม่ค่อยมีคนรู้ ในตอนนี้ก็แค่อาจจะยังไม่ได้เปิดเผยออกมาให้ใครได้เห็นเพราะส่วนใหญ่เขาก็ชอบใช้ชีวิตคนเดียว คนที่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขานั้น ก็มีเพียงแค่ครอบครัวและก็เพื่อนสนิทอันน้อยนิดของเขาเท่านั้น
ในช่วงวันหยุดยาวครั้งหน้านั้นของยูบินนั้น เขาวางแผนที่จะไปเดินป่าที่ห่างไกลจากตัวเมืองด้วยตัวคนเดียว ป่าแห่งนั้นมีขนาดใหญ่โตการจะเดินทะลุได้ต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยทีเดียว ป่าที่เขาจะไปนั้นมันไม่ค่อยมีผู้คนกล้าที่จะเข้าไปในป่าแห่งนี้มากนักเพราะกลัวการหลงทางและพบเจออันตรายจากสัตว์ที่ดุร้าย
แต่ทำยังไงได้เพราะนิสัยชอบความท้าทายของเขานั้นมันยากที่จะต้านทานใจตัวเองได้ไหว ครั้งนี้เขารู้สึกตื่นเต้นพร้อมที่จะออกเดินทางได้ตลอดเวลา เพราะว่าครั้งนี้จะเป็นการผจญภัยที่ใช้เวลาในการเดินทางยาวนานที่สุดของเขา เรียกได้ว่าเป็นการผจญภัยครั้งใหญ่ที่สุดของเขาเลยเชียวหล่ะเมื่อเทียบกับครั้งที่ผ่านๆมา เพื่อที่จะเผชิญความท้าทายของการผจญภัยครั้งใหญ่นี้เขาต้องเตรียมพร้อมหลายอย่าง เขาต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับป่าแห่งนี้ไว้เพื่อความปลอดภัย แล้วเขาก็ยังต้องเตรียมซื้ออุปกรณ์อำนวยความสดวกต่างๆพร้อมกับเสบียงในการเดินทางครั้งนี้
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านล่วงเลยไปหลายวัน…ในพริบตาวันหยุดที่เขารอคอยก็มาถึงจนได้
โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยการเดินทางครั้งใหญ่นี้ของเขา มันจะเป็นการเดินทางที่ใหญ่สมชื่อจริงๆ การเดินทางครั้งนี้นั้นมันจะทำให้ชีวิตเขาได้พบเจอกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายมากมาย ถึงช่วงแรกมันจะดูธรรมดาไม่มีอะไรก็เถอะนะ…
ในช่วงเช้าของวันนี้เขาได้ออกเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง จุดหมายคือชนบทอันห่างไกล
พอเขามาถึงที่ชนบทแห่งนี้นั้นเขาก็ได้หาที่พักก่อนซักหนึ่งคืนเพื่อพักผ่อนรอการเดินทางในวันถัดไป
ในวันต่อมาเขาก็ได้ออกเดินทาง…
หลังจากเขาเดินทางลึกเข้าไปในป่าใหญ่เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นเขาไม่ได้พบเจออะไรมากนัก นอกจากต้นไม้หินลำธารและสัตว์ตัวเล็กๆระหว่างทางตามธรรมชาติก็เท่านั้น
แต่ในวันธรรมดาๆของการเดินป่าของยูบินวันนี้นั้นในช่วงเช้าก่อนที่เขาจะตัดสินกลับออกไปจากป่านั้นเขาได้บังเอิญพบป่าทึบผิดปรกติ มันไม่สามารถที่จะมองผ่านเข้าไปได้ ด้านหน้าต้นไม้บดบังสายตาของเขาจนะแทบจะหมด ในตอนนั้นเขาก็ได้ตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจดูด้านในของป่าทึบพร้อมกับความตื่นเต้น เขาใช้เวลาสักพักในการเดินผ่านป่าทึบเข้าไป
พอเขาพ้นออกจากป่าทึบนั้นเขาก็ได้บังเอิญพบเจอกับสถานที่แห่งนึ่งที่ดูแปลกตา
“ นี่มันอะไรกันเนี่ย ” ยูบินพึมพำ เขารู้สึกตื่นเต้นกับการที่พบสถานที่แปลกใหม่
“ ไม่เห็นจะเคยได้ยินมาว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ในป่าแห่งนี้ด้วย ” ยูบินคิด
“ ได้พบสถานที่ที่ไม่มีในข้อมูล ถือว่าคุ้มค่าแล้วกับการเดินทางครั้งนี้ ”
สถานที่แห่งนี้มีรูปร่างเหมือนปราสาทขนาดใหญ่คล้ายปราสาทในยุโรปยุคกลาง ดูค่อนข้างที่จะเก่าแก่พอสมควร รอบบริเวณปราสาทมีเถาวัลย์เลื้อยมากมายรอบๆ ตัวผนังกำแพงมีสีดำสนิทดูน่ากลัวสภาพผนังกำแพงที่แตกระแหงพื้นทางเดินรอบๆก็ดูไม่ต่างกันมากนัก ตัวปราสาทรอบนอกแทบทุกส่วนเป็นสีดำสนิท
ยูบินได้เดินสำรวจไปรอบรอบๆปราสาทอยู่สักพักใช้เวลาราวๆ 10 นาที
หลังจากสำรวจรอบด้านนอกปราสาทเสร็จ ยูบินได้คิดคำนวนขนาดของปราสาทแห่งนี้คร่าวๆ
“ ปราสาทแห่งนี้พื้นขนาดกว้างประมาณสองสนามฟุตบอลสูงเฉลี่ยๆก็ประมาณ 50 เมตร ถือไม่นับหอคอยปลายยอดแหลมๆหล่ะนะ ทำไมสถานที่ขนาดใหญ่ขนาดนี้ไม่มีคนสำรวจพบ มันน่าแปลกใจ นี่มันปี ค.ศ.2042 แล้วนะ ” ยูบินคิด
“ ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอกแล้วสิ ”
จากนั้นเขาก็ได้คิดทบทวนว่าจะเข้าไปสำรวจด้านในต่อดีหรือว่าจะไม่เข้าไปดีอยู่สักพัก จนสุดท้ายเขาก็ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว จากนั้นเขาก็ได้ตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจด้านในของปราสาท
ในขณะที่เขาเดินผ่านประตูปราสาทที่ผุพังเข้าไปด้านในตัวปราสาทนั้น เขาไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าตัว ปราสาททั้งหมดนั้นได้หายไปจากสถานที่บริเวณใจกลางป่าแห่งนี้แล้ว หลังจากที่ปราสาทได้หายไปพื้นที่รอบๆบริเวณนั้นก็เหมือนไม่เคยมีสิ่งก่อสร้างใดตั้งอยู่มาก่อนเลย มันได้กลายเป็นป่าไม้ทึบไปหมดในบริเวณนั้น
หลังจากที่ยูบินได้ผ่านประตูเข้ามานั้นเขาก็ไม่ได้หันหลังมองกลับไป
“ ทำไมรู้สึกขนลุกแปลกๆว่ะ อากาศก็เหมือนเริ่มเย็นลงนิดหน่อย สงสัยจะคิดไปเอง? ” ยูบินคิดกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้คิดสงสัยอะไรมากนัก
เขาได้ใช้เวลาเดินสำรวจด้านในปราสาทประมาณ 2-3 ชั่วโมง ปราสาทแห่งนี้นั้นมีอยู่ 7 ชั้นแต่ถ้ารอบหอคอยรอบๆที่สี่มุมแล้วจะมีอยู่ 13 ชั้น หลังจากสำรวจด้านในตัวปราสาทคร่าวๆแล้ว เขาไม่พบเจออะไรเลยนอกจากห้องที่ว่างกล่าว ที่เจอก็มีแต่ร่องรอยผุพังตามการเวลา ดูเก่าแก่ไม่แตกต่างจากด้านนอกตัวปราสาทมากนัก
“ ทำไมไม่มีเฟอนิเจอร์อะไรเลยหล่ะ นี่มันแปลกเกินไปแล้วน่าจะมีร่องรอยคนอยู่บ้างสิ ” ยูบินงุนงง
“ ปราสาทหลังโตแต่ไม่เจออะไรทุกอย่างคล้ายกับว่าถูกขนย้ายไปออกหมด… เริ่มจะรู้สึกอยากกลับออกไปข้างนอกแล้วสิ อยู่ข้างในนี้นานๆเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ บรรยากาศก็น่าขนลุกปราสาทหลังโตกับพื้นโล่งๆ ดูไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่นะเนี่ย… ” ยูบินคิด
ขณะที่กำลังเดินออกไปด้านนอกเขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ เขารู้สึกได้ว่าอุณหภูมิเหมือนกับว่าจะเย็นผิดปรกติ
“ ทำไมเริ่มรู้สึกอากาศเย็น เริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ แต่ตอนก่อนที่จะเข้ามาอากาศก็ปรกติดีนะ ไม่ได้รู้สึกแบบนี้เลย ” ยูบินครุ่นคิด
พอเขาหันหน้ามองลอดช่องหน้าต่างออกไปนั้น เขาก็ได้พบเห็นหิมะสีขาวโพลนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา… ใช่หิมะสีขาวโพลนเลยหล่ะ…
“ ก็ไม่ได้แปลกอะไรหิมะก็ต้องสีขาวอยู่แล้วสิ ”
"แต่… เอ๊ะ! หิมะ?" ยูบินอุทานออกมา
…
“นี่มันอะไรกันว่ะเนี่ย อยู่เฉยๆก็วาปมาสถานที่แปลกๆเฉยเลย แล้วไอ้ปราสาทแปลกๆนี่พาเรามาโพล่ที่ไหนกันว่ะเนี่ย ”
“แล้วจะทำยังไงต่อว่ะเนี่ยทีนี้” ยูบินอึ้ง
แต่แล้วอยู่ก็มีเสียงดีงขึ้นที่ด้านหน้าของเขา
ติ๊ง! ~
[ ระบบแห่งเกียรติยศ ระบบจะช่วยเหลือให้ท่านได้เป็นผู้ที่มีความยิ่งใหญ่สูงส่งเหนือผู้ใด ตกลง/ปฏิเสธ ]
หน้าจอสีฟ้าโปร่งแสงลอยปรากฏที่ด้านหน้าของยูบิน
ยูบินรู้สึกตกใจที่อยู่ๆก็มีหน้าจอสีฟ้าโปร่งแสงมาโผล่ตรงหน้า แต่แล้วเขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากมายเพราะเขาเคยอ่านนิยายแนวตัวเอกพบเจอกับระบบมาบ้าง
“ ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสเจอกับสถานการณ์เหมือนอย่างตัวเอกในนิยาย มาปรากฏอยู่ตรงหน้าจริงๆ ถือว่ายังโชคดี ไม่งั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อเหมือนกันกับสถานการณ์แบบนี้ ยังดีที่ยังมีระบบ น่าจะหาหนทางช่วยชีวิตได้บ้าง ”
ยูบินไม่ได้คิดอะไรมากมายกับหน้าจอและคำอธิบายตรงหน้าแล้วแตะคำว่า [ ตกลง ] ที่หน้าจอไป
[ “ระบบกำลังมอบอำนาจให้แก่ท่าน…” ] เสียงดังขึ้นในหัวของยูบิน
[ “การมอบอำนาจ ระบบแห่งเกียรติยศสำเร็จเรียบร้อย” ]
[ “ท่านสามารถใช้คำพูดหรือความคิดออกคำสั่งระบบ หน้าที่ของระบบคือมอบภาระกิจกับท่านและให้ความช่วยเหลือท่านตามความสามารถที่ระบบสามารถช่วยเหลือท่านได้ในปัจจุบัน ระบบในตอนที่คือระบบขั้นที่ 1 ท่านสามารถอัพเกรดระบบได้จากภาระกิจที่ระบบจะมอบให้ท่านในภายหลัง” ]
“ระบบมีความสามารถทำอะไรได้บ้างในตอนนี้” ยูบินพูดขึ้น
[ “ระบบมีความสามารถ กักเก็บสิ่งไม่มีชีวิตและสิ่งมีชีวิตไว้ที่มิติส่วนตัวได้ มิติแห่งนั้นมีขนาดไร้สิ้นสุด ” ]
[ “ความสามารถตอบคำถามตามข้อมูลที่ระบบมีในแต่ละขั้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมทำภาระกิจอัพเกรดระบบให้สำเร็จเพื่อที่จะได้ข้อมูลเพิ่มเติม ” ]
“ที่นี่คือที่ไหน ทำไมปราสาทแห่งนี้ถึงได้ย้ายมาที่นี่ได้กัน” ยูบินถามระบบ
“ที่นี่คือดวงดาวซิวรอน ท่านอยู่ที่ทวีปวาเรนเซียทางตอนเหนือแถบเทือกเขาฮาร์ท อาณาจักรไอซ์บลัด เขตเมืองวู ที่ใกล้กับที่นี่ที่สุดคือหมู่บ้าน ใบไม้สีขาว”
“ระยะทางห่างจากที่นี่เท่าไหร่”
[ “ประมาณ400กิโลเมตร…” ]
“ใกล้แล้วหรอว่ะเนี่ย…ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีอะไรเลยมีแต่หิมะกับน้ำแข็ง เห้อออ…”
[ “ท่านต้องเข้าใจว่าดินแดนแห่งนี้กว้างใหญ่กว่าที่ๆท่านจากมามากมายนัก” ]
“เข้าใจแล้ว ต้องทำใจสินะแต่เดี๋ยวก็มีหนทางไปถึงเองแหละในอนาคต ยังไงก็มีระบบให้พึ่งพาให้ความช่วยเหลือเราอยู่”
“แล้วภาระกิจที่ว่านี้คือยังไงบังคับให้ทำรึปล่าว” ยูบินถามระบบ
[ “ภาระกิจที่ระบบมอบให้นั้นท่านสามารถที่จะปฏิเสธหรือตอบรับก็ได้” ]
“โอ้ ระบบนี่มันอิสระดีนะเนี่ย งั้นเราก็คลายความกดดันไปอีกหนึ่งอย่าง ” ยูบินพูดออกมา
“แล้วระบบสามารถดูค่าสถานะเมืองตัวเอกในนิยายที่เคยอ่านรึปล่าวว่ะเนี่ย” ยูบินคิด
[ “ระบบสามารถเปิดหน้าต่างสถานะข้อมูลของท่านได้เพียงท่านคิดหรือพูดว่า เปิดหน้าต่างสถานะ” ] ระบบตอบกลับ
“มันต้องอย่างงี้สิ ระบบนี่มันเจ๋งจริงๆ ฮ่าๆๆ” ยูบินหัวเราะ
“เปิดหน้าต่างสถานะ” ยูบินพูดขึ้น
{ หน้าจอสีฟ้าโปร่งแสงปรากฏขึ้นมา }
[ ชื่อ : ยูบิน ]
[ อายุ : 20 ปี ]
[ เพศ : ชาย ]
[ เผ่า : มนุษย์ ]
[ พลังชีวิต : 0.1/0.1 ] (พลังชีวิตต่ำเตี้ยโดนสะกิดนิดเดียวก็เตรียมลงหลุมได้เลย)
[ ความแข็งแกร่ง : 0.011 ] (แข็งแกร่งจนแทบไม่มีใครต่อสู้ด้วยได้เลยไร้คู่ต่อกร…หมายถึงต่อสู้กับใครก็ไม่ได้อ่ะนะ)
[ ความว่องไว : 0.014 ] (ในมุมมองของระดับผู้ไร้ตราขั้นที่ 1 ก็ช้าจนเหมือนเท่าคลาน…)
[ พลังวิญญาณ : 0 ]
[ พลังเวทย์ : 0 ]
[ พลังปราณ : 0 ]
[ ระดับพลัง : ผู้ไร้ตราระดับ 0 ]
[ ทักษะ : ไม่มี ]
[ ทรัพย์สิน : ปราสาทแห่งเกียรติยศ ]
“ ค่าสถานะนี่มันน้อยแบบต่ำเตี้ยจริงๆนั่นแหละ ตอนไหนค่ามันจะเปลี่ยนไปถึง 1 ได้ว่ะเนี่ย แล้วไอ้คำอธิบายหลังค่าสถานะอีกไม่เห็นจะต้องตอกย้ำกันขนาดนั้นก็ได้มั้ง เห้ออ… อย่างกับเลเวลหนึ่งในเกมแหนะ แต่ถ้าคิดดีมันก็ดูเหมือนจะต่ำกว่าเลเวลหนึ่งอีกนะเนี่ยเทียบกันไม่ได้เลยแม่แต่น้อย… อย่างน้อยในเกมมันก็ไม่ใช่ค่าสถานะเป็นจุดทศนิยมอย่างนี้หล่ะนะรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูกยังไม่รู้แฮะ แต่ก็ยังดีที่ระบบยังใจดีให้รับบทเป็นเจ้าของปราสาทโทรมๆกับเราอีก นี่ก่อนหน้านี้ไม่เคยฝันว่าจะได้บ้านที่หลังใหญ่โตขนาดนี้ แต่ปราสาทหลังโตพร้อมพื้นโล่งไม่มีอะไรเลย ปราสาทที่โดดเดี่ยวกลางทุ่งหิมะขาวโพลนให้ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวดีจริงๆ นี่เราควรที่จะดีใจที่ได้เป็นเจ้าของที่นี่รึปล่าวว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ”
[ “นี่คือระดับของมนุษย์ธรรมดาที่ไร้ระดับการฝึกฝน” ] เสียงจากระบบ
“แล้วไอ้ระดับการฝึกฝนนี่มันมีระดับไหนบ้างแบ่งกันยังไง”
[ “ทุกๆระดับการฝึกฝนมีขอบเขตย่อยคือระดับที่ 1-9 ระดับ 1-3คือขั้นต่ำ 4-6 คือขั้นกลาง 7-9 คือขั้นสูง ระดับขั้นขอบเขตใหญ่แบ่งได้เป็น ระดับผู้ไร้ตรา ระดับบิวท์ ระดับไฮท์ ระดับไฮท์ฮิว ระดับผู้พิทักษ์ ระดับรัตติกาล ระดับเชนทร์ ระดับราชันย์ ระดับจักรพรรดิ ระดับบลัดเรย์น ระดับเทพ ทุกๆระดับขั้นขอบเขตใหญ่จะมีตราแห่งเกียรติยศเป็นตัวบ่งบอกถึงระดับพลัง ส่วนระดับพลังที่เหนือกว่านี้ระบบยังไม่มีความสามารถที่จะให้ข้อมูลแก่ท่านได้ในตอนนี้ ” ]
“ เห้อออ พอมองดูระดับพลังในหน้าต่างสถานะแล้ว พลังไม่แม้ที่จะเทียบกับผู้ไร้ตราขั้นหนึ่งอีกหรอว่ะเนี่ย… จะอ่อนแอเกินไปแล้ว หนทางยังอีกยาวไกลสินะ… ”
จากนั้นเสียงของระบบก็ดังขึ้นในหัววของยูบินอีกครั้ง
[ “ระบบขอเตือนท่านว่า ปราสาทแห่งนี้นั้นไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ท่านเห็น” ]
“เข้าใจแล้วๆ ปราสาทที่พาวาปมายังอีกโลกหนึ่งได้แบบนี้ ดูก็รู้ว่าไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอก”
“แล้วระบบไม่มีของขวัญหรืออะไรมอบให้เลยหรือ ? ”
ติ๊ง หน้าจอโปร่งแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นที่หน้าของยูบิน
[ “ระบบมีสิ่งของมอบให้ผู้ถือครองระบบ ท่านสามารถใช้ความคิดพาท่านเข้าไปดูได้ในมิติส่วนตัวสิ่งของนั้นอยู่ในมิติส่วนตัวของท่าน จะใช่ของขวัญหรือไม่ท่านสามารถตรวจสอบเองได้” ]
“ระบบนี่เริ่มกวนประสาทแระ”
ระบบ[…]
ทันใดนั้นยูบินได้ใช้ความคิดแล้วตัวเขาก็หายเข้าไปในมิติส่วนตัว
วูบบ!
พื้นที่ราบเรียบสีดำกว้างไกลไม่สิ้นสุดปรากฏขึ้นในสายตาของยูบิน ขณะที่กำลังมองดูรอบๆพื้นที่ด้านในมิติ ยูบินมองเห็นของสิ่งของชิ้นหนึ่งวางอยู่บนแท่นสีดำทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสูงประมาณ 1 เมตรห่างจากตัวเขาไม่กี่ก้าว มันมีลักษณะคล้ายกับกระจกใสเล็กๆแปดเหลี่ยมขนาดกว้างยาวประมาณ 10 เซนติเมตร บนตัวมีรูปดาวแปดแฉกสีทองอยู่ตรงกลาง เขารู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งของชิ้นนั้นมันเรียกร้องให้เขาเดินไปหยิบมันขึ้นมายังไงอย่างงั้น หลังจากที่ใช้สายตาตรวจสอบดูแล้ว เขาก็ได้เดินเข้าไปที่แท่นเพื่อที่จะหยิบมันขึ้นมา
ทว่า…ตอนที่นิ้วของเขาได้สัมผัสกับมันนั้นเขาได้รับรู้ถึงพลังที่แผ่กระจายออกมารอบๆของสิ่งนี้ เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ของพลังนี้ มันมากมายเกินกว่าที่เขาจะรับไหวมันแผ่แรงกดดันมาที่ตัวจนเขาคุกเข่าลงไปที่พื้น เขารู้สึกว่าตัวเขานั้นเล็กจ้อยเหมือนเป็นแค่มดปลวกต่อหน้าพลังอันยิ่งใหญ่ เขาเริ่มกัดฟันเหงื่อเริ่มออกตามตัวและพยายามที่จกหยิบมันขึ้นมา แต่ยังดีที่ร่างกายเขาไม่เป็นอะไรเพราะมีพลังของระบบช่วยควบคุมผนึกพลังของมันเอาไว้ เขาเพียงแค่สัมผัสถึงพลังทางด้านจิตใจเท่านั้น สักพักทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนปรกติแรงกดดันทั้งหมดนั้นหายไปหลังจากหยิบมันขึ้นมา ทั้งที่ก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมา ของสิ่งนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนสิ่งของทั่วไปเท่านั้นมันไม่ได้มีพลังแผ่ออกมาเลยแม้แต่น้อย…
ยูบินหายใจเหนื่อยหอบ “ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ”
เขายังคงคุกเข่าท่าเดิม เขายังลุกยืนไม่ไหวในตอนนี้เพราะแรงกดดันทางด้านจิตใจนี้เขาเกือบที่จะรับไม่ไหว เขายังรู้สึกได้ถึงวิญญาณของเขาที่สั่นไหวด้วยความกลัวต่อหน้าพลังอันยิ่งใหญ่
[ “ระบบแค่ให้ท่านได้สัมผัสถึงพลังเศษเสี้ยวหนึ่งของพลังทั้งหมด” ] เสียงระบบดังขึ้นในหัวของยูบิน
“ของสิ่งนี้คืออะไรกัน” ยูบินถามระบบ
[ “สิ่งที่ท่านถือไว้เรียกว่า ตราแห่งเกียรติยศ มันเป็นสิ่งที่ใช้แทนระดับการฝึกฝนของผู้ถือครอง การที่จะได้ถือครองตราแห่งเกียรติยศ ปรกตินั้นมีเงื่อนไขในการได้รับตราคือต้องผ่านการทดสอบที่สถานที่ทดสอบในแต่ละเมือง ยิ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ยิ่งสามารถรับการทดสอบ เพื่อรับตราในระดับที่สูงขึ้นไป” ]
“แล้วตรานี้มันอยู่ระดับไหนกัน”
[ “ระบบไม่มีความสามารถในการตอบคำถามของท่านในเรื่องที่เกี่ยวกับตรานี้” ]
…
เขาไม่ได้มีความพิเศษแตกต่างจากคนทั่วไปนักมากมายนัก จะแตกต่างจากคนอื่นๆคือเขานั้นเป็นตัวเอกของนิยายเรื่องนี้ ส่วนเรื่องที่เขาจากเป็นตัวเอกไปได้ตลอดทั้งเรื่องนั้นยังไม่แน่ชัดนัก…
ในเรื่องรูปร่างเขาก็ถือว่าดีในระดับนึ่งด้วยส่วนสูงของเขาที่ 180 เซนติเมตรมาพร้อมกับน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม หน้าตาก็ค่อนข้างดี มีผมสีดำประกายเงางามเชียวหล่ะ เพราะเขามีนิสัยชอบออกกำลังกายบ่อยๆมาตั้งแต่เด็กๆทำให้เขามีรูปร่างแบบนี้
สิ่งที่เขาชอบที่สุดก็คือการเดินป่าออกผจญภัย ด้วยตัวคนเดียวเพราะเวลาที่เขาเดินป่านั้นเขารู้สึกได้ถึงความอิสระที่มาพร้อมกับความท้าทาย ถึงมันจะดูอันตรายนิดหน่อยก็เถอะนะ แต่มันก็ช่วยเพิ่มความตื่นเต้นในการผจญภัยได้ดีเลยทีเดียว เรื่องนี้อาจจะเป็นนิสัยแปลกๆที่ไม่เหมือนใครของเขาเรื่องนึ่ง
เขาอาจจะมีนิสัยแปลกๆอย่างอื่นอีกเยอะแต่ก็ไม่ค่อยมีคนรู้ ในตอนนี้ก็แค่อาจจะยังไม่ได้เปิดเผยออกมาให้ใครได้เห็นเพราะส่วนใหญ่เขาก็ชอบใช้ชีวิตคนเดียว คนที่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขานั้น ก็มีเพียงแค่ครอบครัวและก็เพื่อนสนิทอันน้อยนิดของเขาเท่านั้น
ในช่วงวันหยุดยาวครั้งหน้านั้นของยูบินนั้น เขาวางแผนที่จะไปเดินป่าที่ห่างไกลจากตัวเมืองด้วยตัวคนเดียว ป่าแห่งนั้นมีขนาดใหญ่โตการจะเดินทะลุได้ต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยทีเดียว ป่าที่เขาจะไปนั้นมันไม่ค่อยมีผู้คนกล้าที่จะเข้าไปในป่าแห่งนี้มากนักเพราะกลัวการหลงทางและพบเจออันตรายจากสัตว์ที่ดุร้าย
แต่ทำยังไงได้เพราะนิสัยชอบความท้าทายของเขานั้นมันยากที่จะต้านทานใจตัวเองได้ไหว ครั้งนี้เขารู้สึกตื่นเต้นพร้อมที่จะออกเดินทางได้ตลอดเวลา เพราะว่าครั้งนี้จะเป็นการผจญภัยที่ใช้เวลาในการเดินทางยาวนานที่สุดของเขา เรียกได้ว่าเป็นการผจญภัยครั้งใหญ่ที่สุดของเขาเลยเชียวหล่ะเมื่อเทียบกับครั้งที่ผ่านๆมา เพื่อที่จะเผชิญความท้าทายของการผจญภัยครั้งใหญ่นี้เขาต้องเตรียมพร้อมหลายอย่าง เขาต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับป่าแห่งนี้ไว้เพื่อความปลอดภัย แล้วเขาก็ยังต้องเตรียมซื้ออุปกรณ์อำนวยความสดวกต่างๆพร้อมกับเสบียงในการเดินทางครั้งนี้
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านล่วงเลยไปหลายวัน…ในพริบตาวันหยุดที่เขารอคอยก็มาถึงจนได้
โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยการเดินทางครั้งใหญ่นี้ของเขา มันจะเป็นการเดินทางที่ใหญ่สมชื่อจริงๆ การเดินทางครั้งนี้นั้นมันจะทำให้ชีวิตเขาได้พบเจอกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายมากมาย ถึงช่วงแรกมันจะดูธรรมดาไม่มีอะไรก็เถอะนะ…
ในช่วงเช้าของวันนี้เขาได้ออกเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง จุดหมายคือชนบทอันห่างไกล
พอเขามาถึงที่ชนบทแห่งนี้นั้นเขาก็ได้หาที่พักก่อนซักหนึ่งคืนเพื่อพักผ่อนรอการเดินทางในวันถัดไป
ในวันต่อมาเขาก็ได้ออกเดินทาง…
หลังจากเขาเดินทางลึกเข้าไปในป่าใหญ่เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นเขาไม่ได้พบเจออะไรมากนัก นอกจากต้นไม้หินลำธารและสัตว์ตัวเล็กๆระหว่างทางตามธรรมชาติก็เท่านั้น
แต่ในวันธรรมดาๆของการเดินป่าของยูบินวันนี้นั้นในช่วงเช้าก่อนที่เขาจะตัดสินกลับออกไปจากป่านั้นเขาได้บังเอิญพบป่าทึบผิดปรกติ มันไม่สามารถที่จะมองผ่านเข้าไปได้ ด้านหน้าต้นไม้บดบังสายตาของเขาจนะแทบจะหมด ในตอนนั้นเขาก็ได้ตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจดูด้านในของป่าทึบพร้อมกับความตื่นเต้น เขาใช้เวลาสักพักในการเดินผ่านป่าทึบเข้าไป
พอเขาพ้นออกจากป่าทึบนั้นเขาก็ได้บังเอิญพบเจอกับสถานที่แห่งนึ่งที่ดูแปลกตา
“ นี่มันอะไรกันเนี่ย ” ยูบินพึมพำ เขารู้สึกตื่นเต้นกับการที่พบสถานที่แปลกใหม่
“ ไม่เห็นจะเคยได้ยินมาว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ในป่าแห่งนี้ด้วย ” ยูบินคิด
“ ได้พบสถานที่ที่ไม่มีในข้อมูล ถือว่าคุ้มค่าแล้วกับการเดินทางครั้งนี้ ”
สถานที่แห่งนี้มีรูปร่างเหมือนปราสาทขนาดใหญ่คล้ายปราสาทในยุโรปยุคกลาง ดูค่อนข้างที่จะเก่าแก่พอสมควร รอบบริเวณปราสาทมีเถาวัลย์เลื้อยมากมายรอบๆ ตัวผนังกำแพงมีสีดำสนิทดูน่ากลัวสภาพผนังกำแพงที่แตกระแหงพื้นทางเดินรอบๆก็ดูไม่ต่างกันมากนัก ตัวปราสาทรอบนอกแทบทุกส่วนเป็นสีดำสนิท
ยูบินได้เดินสำรวจไปรอบรอบๆปราสาทอยู่สักพักใช้เวลาราวๆ 10 นาที
หลังจากสำรวจรอบด้านนอกปราสาทเสร็จ ยูบินได้คิดคำนวนขนาดของปราสาทแห่งนี้คร่าวๆ
“ ปราสาทแห่งนี้พื้นขนาดกว้างประมาณสองสนามฟุตบอลสูงเฉลี่ยๆก็ประมาณ 50 เมตร ถือไม่นับหอคอยปลายยอดแหลมๆหล่ะนะ ทำไมสถานที่ขนาดใหญ่ขนาดนี้ไม่มีคนสำรวจพบ มันน่าแปลกใจ นี่มันปี ค.ศ.2042 แล้วนะ ” ยูบินคิด
“ ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอกแล้วสิ ”
จากนั้นเขาก็ได้คิดทบทวนว่าจะเข้าไปสำรวจด้านในต่อดีหรือว่าจะไม่เข้าไปดีอยู่สักพัก จนสุดท้ายเขาก็ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว จากนั้นเขาก็ได้ตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจด้านในของปราสาท
ในขณะที่เขาเดินผ่านประตูปราสาทที่ผุพังเข้าไปด้านในตัวปราสาทนั้น เขาไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าตัว ปราสาททั้งหมดนั้นได้หายไปจากสถานที่บริเวณใจกลางป่าแห่งนี้แล้ว หลังจากที่ปราสาทได้หายไปพื้นที่รอบๆบริเวณนั้นก็เหมือนไม่เคยมีสิ่งก่อสร้างใดตั้งอยู่มาก่อนเลย มันได้กลายเป็นป่าไม้ทึบไปหมดในบริเวณนั้น
หลังจากที่ยูบินได้ผ่านประตูเข้ามานั้นเขาก็ไม่ได้หันหลังมองกลับไป
“ ทำไมรู้สึกขนลุกแปลกๆว่ะ อากาศก็เหมือนเริ่มเย็นลงนิดหน่อย สงสัยจะคิดไปเอง? ” ยูบินคิดกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้คิดสงสัยอะไรมากนัก
เขาได้ใช้เวลาเดินสำรวจด้านในปราสาทประมาณ 2-3 ชั่วโมง ปราสาทแห่งนี้นั้นมีอยู่ 7 ชั้นแต่ถ้ารอบหอคอยรอบๆที่สี่มุมแล้วจะมีอยู่ 13 ชั้น หลังจากสำรวจด้านในตัวปราสาทคร่าวๆแล้ว เขาไม่พบเจออะไรเลยนอกจากห้องที่ว่างกล่าว ที่เจอก็มีแต่ร่องรอยผุพังตามการเวลา ดูเก่าแก่ไม่แตกต่างจากด้านนอกตัวปราสาทมากนัก
“ ทำไมไม่มีเฟอนิเจอร์อะไรเลยหล่ะ นี่มันแปลกเกินไปแล้วน่าจะมีร่องรอยคนอยู่บ้างสิ ” ยูบินงุนงง
“ ปราสาทหลังโตแต่ไม่เจออะไรทุกอย่างคล้ายกับว่าถูกขนย้ายไปออกหมด… เริ่มจะรู้สึกอยากกลับออกไปข้างนอกแล้วสิ อยู่ข้างในนี้นานๆเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ บรรยากาศก็น่าขนลุกปราสาทหลังโตกับพื้นโล่งๆ ดูไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่นะเนี่ย… ” ยูบินคิด
ขณะที่กำลังเดินออกไปด้านนอกเขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ เขารู้สึกได้ว่าอุณหภูมิเหมือนกับว่าจะเย็นผิดปรกติ
“ ทำไมเริ่มรู้สึกอากาศเย็น เริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ แต่ตอนก่อนที่จะเข้ามาอากาศก็ปรกติดีนะ ไม่ได้รู้สึกแบบนี้เลย ” ยูบินครุ่นคิด
พอเขาหันหน้ามองลอดช่องหน้าต่างออกไปนั้น เขาก็ได้พบเห็นหิมะสีขาวโพลนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา… ใช่หิมะสีขาวโพลนเลยหล่ะ…
“ ก็ไม่ได้แปลกอะไรหิมะก็ต้องสีขาวอยู่แล้วสิ ”
"แต่… เอ๊ะ! หิมะ?" ยูบินอุทานออกมา
…
“นี่มันอะไรกันว่ะเนี่ย อยู่เฉยๆก็วาปมาสถานที่แปลกๆเฉยเลย แล้วไอ้ปราสาทแปลกๆนี่พาเรามาโพล่ที่ไหนกันว่ะเนี่ย ”
“แล้วจะทำยังไงต่อว่ะเนี่ยทีนี้” ยูบินอึ้ง
แต่แล้วอยู่ก็มีเสียงดีงขึ้นที่ด้านหน้าของเขา
ติ๊ง! ~
[ ระบบแห่งเกียรติยศ ระบบจะช่วยเหลือให้ท่านได้เป็นผู้ที่มีความยิ่งใหญ่สูงส่งเหนือผู้ใด ตกลง/ปฏิเสธ ]
หน้าจอสีฟ้าโปร่งแสงลอยปรากฏที่ด้านหน้าของยูบิน
ยูบินรู้สึกตกใจที่อยู่ๆก็มีหน้าจอสีฟ้าโปร่งแสงมาโผล่ตรงหน้า แต่แล้วเขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากมายเพราะเขาเคยอ่านนิยายแนวตัวเอกพบเจอกับระบบมาบ้าง
“ ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสเจอกับสถานการณ์เหมือนอย่างตัวเอกในนิยาย มาปรากฏอยู่ตรงหน้าจริงๆ ถือว่ายังโชคดี ไม่งั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อเหมือนกันกับสถานการณ์แบบนี้ ยังดีที่ยังมีระบบ น่าจะหาหนทางช่วยชีวิตได้บ้าง ”
ยูบินไม่ได้คิดอะไรมากมายกับหน้าจอและคำอธิบายตรงหน้าแล้วแตะคำว่า [ ตกลง ] ที่หน้าจอไป
[ “ระบบกำลังมอบอำนาจให้แก่ท่าน…” ] เสียงดังขึ้นในหัวของยูบิน
[ “การมอบอำนาจ ระบบแห่งเกียรติยศสำเร็จเรียบร้อย” ]
[ “ท่านสามารถใช้คำพูดหรือความคิดออกคำสั่งระบบ หน้าที่ของระบบคือมอบภาระกิจกับท่านและให้ความช่วยเหลือท่านตามความสามารถที่ระบบสามารถช่วยเหลือท่านได้ในปัจจุบัน ระบบในตอนที่คือระบบขั้นที่ 1 ท่านสามารถอัพเกรดระบบได้จากภาระกิจที่ระบบจะมอบให้ท่านในภายหลัง” ]
“ระบบมีความสามารถทำอะไรได้บ้างในตอนนี้” ยูบินพูดขึ้น
[ “ระบบมีความสามารถ กักเก็บสิ่งไม่มีชีวิตและสิ่งมีชีวิตไว้ที่มิติส่วนตัวได้ มิติแห่งนั้นมีขนาดไร้สิ้นสุด ” ]
[ “ความสามารถตอบคำถามตามข้อมูลที่ระบบมีในแต่ละขั้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมทำภาระกิจอัพเกรดระบบให้สำเร็จเพื่อที่จะได้ข้อมูลเพิ่มเติม ” ]
“ที่นี่คือที่ไหน ทำไมปราสาทแห่งนี้ถึงได้ย้ายมาที่นี่ได้กัน” ยูบินถามระบบ
“ที่นี่คือดวงดาวซิวรอน ท่านอยู่ที่ทวีปวาเรนเซียทางตอนเหนือแถบเทือกเขาฮาร์ท อาณาจักรไอซ์บลัด เขตเมืองวู ที่ใกล้กับที่นี่ที่สุดคือหมู่บ้าน ใบไม้สีขาว”
“ระยะทางห่างจากที่นี่เท่าไหร่”
[ “ประมาณ400กิโลเมตร…” ]
“ใกล้แล้วหรอว่ะเนี่ย…ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีอะไรเลยมีแต่หิมะกับน้ำแข็ง เห้อออ…”
[ “ท่านต้องเข้าใจว่าดินแดนแห่งนี้กว้างใหญ่กว่าที่ๆท่านจากมามากมายนัก” ]
“เข้าใจแล้ว ต้องทำใจสินะแต่เดี๋ยวก็มีหนทางไปถึงเองแหละในอนาคต ยังไงก็มีระบบให้พึ่งพาให้ความช่วยเหลือเราอยู่”
“แล้วภาระกิจที่ว่านี้คือยังไงบังคับให้ทำรึปล่าว” ยูบินถามระบบ
[ “ภาระกิจที่ระบบมอบให้นั้นท่านสามารถที่จะปฏิเสธหรือตอบรับก็ได้” ]
“โอ้ ระบบนี่มันอิสระดีนะเนี่ย งั้นเราก็คลายความกดดันไปอีกหนึ่งอย่าง ” ยูบินพูดออกมา
“แล้วระบบสามารถดูค่าสถานะเมืองตัวเอกในนิยายที่เคยอ่านรึปล่าวว่ะเนี่ย” ยูบินคิด
[ “ระบบสามารถเปิดหน้าต่างสถานะข้อมูลของท่านได้เพียงท่านคิดหรือพูดว่า เปิดหน้าต่างสถานะ” ] ระบบตอบกลับ
“มันต้องอย่างงี้สิ ระบบนี่มันเจ๋งจริงๆ ฮ่าๆๆ” ยูบินหัวเราะ
“เปิดหน้าต่างสถานะ” ยูบินพูดขึ้น
{ หน้าจอสีฟ้าโปร่งแสงปรากฏขึ้นมา }
[ ชื่อ : ยูบิน ]
[ อายุ : 20 ปี ]
[ เพศ : ชาย ]
[ เผ่า : มนุษย์ ]
[ พลังชีวิต : 0.1/0.1 ] (พลังชีวิตต่ำเตี้ยโดนสะกิดนิดเดียวก็เตรียมลงหลุมได้เลย)
[ ความแข็งแกร่ง : 0.011 ] (แข็งแกร่งจนแทบไม่มีใครต่อสู้ด้วยได้เลยไร้คู่ต่อกร…หมายถึงต่อสู้กับใครก็ไม่ได้อ่ะนะ)
[ ความว่องไว : 0.014 ] (ในมุมมองของระดับผู้ไร้ตราขั้นที่ 1 ก็ช้าจนเหมือนเท่าคลาน…)
[ พลังวิญญาณ : 0 ]
[ พลังเวทย์ : 0 ]
[ พลังปราณ : 0 ]
[ ระดับพลัง : ผู้ไร้ตราระดับ 0 ]
[ ทักษะ : ไม่มี ]
[ ทรัพย์สิน : ปราสาทแห่งเกียรติยศ ]
“ ค่าสถานะนี่มันน้อยแบบต่ำเตี้ยจริงๆนั่นแหละ ตอนไหนค่ามันจะเปลี่ยนไปถึง 1 ได้ว่ะเนี่ย แล้วไอ้คำอธิบายหลังค่าสถานะอีกไม่เห็นจะต้องตอกย้ำกันขนาดนั้นก็ได้มั้ง เห้ออ… อย่างกับเลเวลหนึ่งในเกมแหนะ แต่ถ้าคิดดีมันก็ดูเหมือนจะต่ำกว่าเลเวลหนึ่งอีกนะเนี่ยเทียบกันไม่ได้เลยแม่แต่น้อย… อย่างน้อยในเกมมันก็ไม่ใช่ค่าสถานะเป็นจุดทศนิยมอย่างนี้หล่ะนะรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูกยังไม่รู้แฮะ แต่ก็ยังดีที่ระบบยังใจดีให้รับบทเป็นเจ้าของปราสาทโทรมๆกับเราอีก นี่ก่อนหน้านี้ไม่เคยฝันว่าจะได้บ้านที่หลังใหญ่โตขนาดนี้ แต่ปราสาทหลังโตพร้อมพื้นโล่งไม่มีอะไรเลย ปราสาทที่โดดเดี่ยวกลางทุ่งหิมะขาวโพลนให้ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวดีจริงๆ นี่เราควรที่จะดีใจที่ได้เป็นเจ้าของที่นี่รึปล่าวว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ”
[ “นี่คือระดับของมนุษย์ธรรมดาที่ไร้ระดับการฝึกฝน” ] เสียงจากระบบ
“แล้วไอ้ระดับการฝึกฝนนี่มันมีระดับไหนบ้างแบ่งกันยังไง”
[ “ทุกๆระดับการฝึกฝนมีขอบเขตย่อยคือระดับที่ 1-9 ระดับ 1-3คือขั้นต่ำ 4-6 คือขั้นกลาง 7-9 คือขั้นสูง ระดับขั้นขอบเขตใหญ่แบ่งได้เป็น ระดับผู้ไร้ตรา ระดับบิวท์ ระดับไฮท์ ระดับไฮท์ฮิว ระดับผู้พิทักษ์ ระดับรัตติกาล ระดับเชนทร์ ระดับราชันย์ ระดับจักรพรรดิ ระดับบลัดเรย์น ระดับเทพ ทุกๆระดับขั้นขอบเขตใหญ่จะมีตราแห่งเกียรติยศเป็นตัวบ่งบอกถึงระดับพลัง ส่วนระดับพลังที่เหนือกว่านี้ระบบยังไม่มีความสามารถที่จะให้ข้อมูลแก่ท่านได้ในตอนนี้ ” ]
“ เห้อออ พอมองดูระดับพลังในหน้าต่างสถานะแล้ว พลังไม่แม้ที่จะเทียบกับผู้ไร้ตราขั้นหนึ่งอีกหรอว่ะเนี่ย… จะอ่อนแอเกินไปแล้ว หนทางยังอีกยาวไกลสินะ… ”
จากนั้นเสียงของระบบก็ดังขึ้นในหัววของยูบินอีกครั้ง
[ “ระบบขอเตือนท่านว่า ปราสาทแห่งนี้นั้นไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ท่านเห็น” ]
“เข้าใจแล้วๆ ปราสาทที่พาวาปมายังอีกโลกหนึ่งได้แบบนี้ ดูก็รู้ว่าไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอก”
“แล้วระบบไม่มีของขวัญหรืออะไรมอบให้เลยหรือ ? ”
ติ๊ง หน้าจอโปร่งแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นที่หน้าของยูบิน
[ “ระบบมีสิ่งของมอบให้ผู้ถือครองระบบ ท่านสามารถใช้ความคิดพาท่านเข้าไปดูได้ในมิติส่วนตัวสิ่งของนั้นอยู่ในมิติส่วนตัวของท่าน จะใช่ของขวัญหรือไม่ท่านสามารถตรวจสอบเองได้” ]
“ระบบนี่เริ่มกวนประสาทแระ”
ระบบ[…]
ทันใดนั้นยูบินได้ใช้ความคิดแล้วตัวเขาก็หายเข้าไปในมิติส่วนตัว
วูบบ!
พื้นที่ราบเรียบสีดำกว้างไกลไม่สิ้นสุดปรากฏขึ้นในสายตาของยูบิน ขณะที่กำลังมองดูรอบๆพื้นที่ด้านในมิติ ยูบินมองเห็นของสิ่งของชิ้นหนึ่งวางอยู่บนแท่นสีดำทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสูงประมาณ 1 เมตรห่างจากตัวเขาไม่กี่ก้าว มันมีลักษณะคล้ายกับกระจกใสเล็กๆแปดเหลี่ยมขนาดกว้างยาวประมาณ 10 เซนติเมตร บนตัวมีรูปดาวแปดแฉกสีทองอยู่ตรงกลาง เขารู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งของชิ้นนั้นมันเรียกร้องให้เขาเดินไปหยิบมันขึ้นมายังไงอย่างงั้น หลังจากที่ใช้สายตาตรวจสอบดูแล้ว เขาก็ได้เดินเข้าไปที่แท่นเพื่อที่จะหยิบมันขึ้นมา
ทว่า…ตอนที่นิ้วของเขาได้สัมผัสกับมันนั้นเขาได้รับรู้ถึงพลังที่แผ่กระจายออกมารอบๆของสิ่งนี้ เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ของพลังนี้ มันมากมายเกินกว่าที่เขาจะรับไหวมันแผ่แรงกดดันมาที่ตัวจนเขาคุกเข่าลงไปที่พื้น เขารู้สึกว่าตัวเขานั้นเล็กจ้อยเหมือนเป็นแค่มดปลวกต่อหน้าพลังอันยิ่งใหญ่ เขาเริ่มกัดฟันเหงื่อเริ่มออกตามตัวและพยายามที่จกหยิบมันขึ้นมา แต่ยังดีที่ร่างกายเขาไม่เป็นอะไรเพราะมีพลังของระบบช่วยควบคุมผนึกพลังของมันเอาไว้ เขาเพียงแค่สัมผัสถึงพลังทางด้านจิตใจเท่านั้น สักพักทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนปรกติแรงกดดันทั้งหมดนั้นหายไปหลังจากหยิบมันขึ้นมา ทั้งที่ก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมา ของสิ่งนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนสิ่งของทั่วไปเท่านั้นมันไม่ได้มีพลังแผ่ออกมาเลยแม้แต่น้อย…
ยูบินหายใจเหนื่อยหอบ “ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ”
เขายังคงคุกเข่าท่าเดิม เขายังลุกยืนไม่ไหวในตอนนี้เพราะแรงกดดันทางด้านจิตใจนี้เขาเกือบที่จะรับไม่ไหว เขายังรู้สึกได้ถึงวิญญาณของเขาที่สั่นไหวด้วยความกลัวต่อหน้าพลังอันยิ่งใหญ่
[ “ระบบแค่ให้ท่านได้สัมผัสถึงพลังเศษเสี้ยวหนึ่งของพลังทั้งหมด” ] เสียงระบบดังขึ้นในหัวของยูบิน
“ของสิ่งนี้คืออะไรกัน” ยูบินถามระบบ
[ “สิ่งที่ท่านถือไว้เรียกว่า ตราแห่งเกียรติยศ มันเป็นสิ่งที่ใช้แทนระดับการฝึกฝนของผู้ถือครอง การที่จะได้ถือครองตราแห่งเกียรติยศ ปรกตินั้นมีเงื่อนไขในการได้รับตราคือต้องผ่านการทดสอบที่สถานที่ทดสอบในแต่ละเมือง ยิ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ยิ่งสามารถรับการทดสอบ เพื่อรับตราในระดับที่สูงขึ้นไป” ]
“แล้วตรานี้มันอยู่ระดับไหนกัน”
[ “ระบบไม่มีความสามารถในการตอบคำถามของท่านในเรื่องที่เกี่ยวกับตรานี้” ]
…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ