คุณพฤกษ์รวยมาก (สนพ.Onederwhy)
-
เขียนโดย ฟ้ามุ่ย
วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 22.49 น.
41 ตอน
0 วิจารณ์
22.36K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2564 23.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) 00 13
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ00 13
ยามเช้าที่อากาศเย็นสบายแต่จิตใจของใครบางคนกลับร้อนรุ่มอยู่ไม่เป็นสุข อินทรชิตในชุดนักเรียนเดินวนไปวนมา สีหน้ากระวนกระวายแถมยังไม่รับประทานอาหารเช้าร่วมกับพี่น้องคนอื่นเหมือนอย่างปกติ เด็กหนุ่มชะโงกหน้าเข้า ๆ ออก ๆ เดินไปมาราวกับหนูติดจั่น คอยพะว้าพะวังถึงใครบางคนที่ไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน
หญิงชราเดินออกมาจากห้องอาหาร เห็นเขายืนมองออกไปยังหน้าบ้านด้วยท่าทีแปลก ๆ จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณอินทร์มีอะไรหรือคะ”
อินทรชิตชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันมอง เมื่อเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยจึงปรี่เข้าไปหา ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า
“คุณยายครับ คุณพฤกษ์ยังไม่กลับมาอีกหรือครับ”
แม่พลอยเลิกคิ้ว คล้ายไม่เข้าใจในสิ่งที่เด็กหนุ่มถาม อินทรชิตจึงเร่งเร้า
“เมื่อคืนคุณพฤกษ์ออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่าไปไหนผมอยู่รอทั้งคืนแต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นเขากลับมาเลย”
หญิงชราร้องอ้อขึ้นมาในคอคำหนึ่ง ยกมือบีบไหล่เป็นเชิงให้เขาใจเย็นลงสักหน่อยก่อนจะยิ้มน้อย ๆ
“คุณพฤกษ์เธอโตแล้ว คงดูแลตัวเองได้ คุณอินทร์ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะคะ”
“จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไรครับ กะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาไม่มีใครรู้จะไม่แย่เอาหรือครับ”
“กังวลเกินเหตุไปแล้ว” เธอตบหลังเด็กหนุ่มปุ ๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มว่า
“อีกอย่าง ยายว่าคุณพฤกษ์เธอคงออกไปเที่ยวกับคุณฉัตรเหมือนทุกทีนั่นแหละ รายนั้นเขาคงจะช่วยดูแลคุณพฤกษ์ได้อย่างแน่นอน”
อินทรชิตที่ร้อนอยู่ไม่สุขพอได้ยินชื่อนั้นถึงกับหน้าทะมึนลงไปอีก เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่เฝ้ามองประตูรั้วอันโอ่อ่า รอคอยคุณพฤกษ์ของตนกลับมาเหมือนสุนัขรอคอยเจ้านาย
พฤกษ์ขยับเปลือกตาสีขาวมุกเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่ง ความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้คือความเจ็บปวดที่แล่นริ้วขึ้นมาจากช่องทางด้านหลัง ชายหนุ่มราวกับว่าร่างกายถูกฉีกกระชากออกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างไรอย่างนั้น
ร่างโปร่งสะโอดสะองหยัดตัวขึ้นเล็กน้อยทว่ากลับถูกของหนักบางอย่างพาดทับเอาไว้ทั่วร่าง โลกทัศน์ตรงหน้าดูมึนเบลอ เมื่อยกมือขึ้นแตะที่ดวงตาก็เพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีคอนแทคเลนส์อยู่ในเบ้าตาเสียแล้ว พฤกษ์หรี่ตาจนแทบเป็นเส้นตรง พอจะเห็นได้ลาง ๆ ว่ามีแขนแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามคู่หนึ่งกำลังโอบกอดร่างของตนเองเอาไว้แนบอก เขาแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย มองสิ่งใดไม่เห็นนอกจากปลายคางของผู้ที่กกกอดและลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าผ่านผิวแก้ม
ใครกัน.. อ้อ คงจะเป็นฉัตรตะวันกระมัง พฤกษ์คิด
แต่
เดี๋ยว
“คุณฉัตร! ” พฤกษ์เบิกตากว้าง ผวาตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจก่อนจะถูกความเจ็บจุกจะตีขึ้นมาเป็นระลอกจนต้องนิ่วหน้าสูดปากแทบไม่ทัน
“เจ็บ ..ทำไมเจ็บอย่างนี้” เขาโอดครวญก่อนจะหันไปมองร่างกำยำที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ พฤกษ์โน้มหน้าลงต่ำเพราะสายตาสั้น จับจ้องอยู่นานจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นฉัตรตะวันอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด อีกฝ่ายนอนตัวเปล่าเปลือยไม่สวมเสื้อผ้าชิ้นใดไว้บนตัวสักชิ้น เขาก็ด้วย ไม่ใช่แค่ท่อนบน แต่ท่อนล่างก็ไม่ได้อะไรปกปิดไว้เช่นเดียวกัน ความคิดหนึ่งแว่บผ่านเข้ามาในหัวพลันทำให้ใบหน้าซีกหนึ่งกระตุกอย่างรุนแรง พฤกษ์ไม่แปลกใจหรอกหากเมาแล้วตื่นมานอนอยู่ข้างเพื่อนสนิท แต่ที่แปลกใจคือสภาพที่เป็นอยู่และอาการบางอย่างที่หลงเหลือทิ้งไว้ในร่างกายต่างหาก
เขารู้จักความรู้สึกเหล่านี้ดี ..มันย่อมต้องเป็นผลกระทบจากการมีเซ็กซ์ครั้งแรกไม่ผิดแน่
ความหนาวสะท้านเยือกเย็นบังเกิดขึ้นทั่วสรรพางค์กาย พฤกษ์ไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าตนอาจจะร่วมหลับนอนกับเพื่อนสนิทตนเองไปแล้ว ทว่าความคลุมเครือนั้นถูกฉัตรตะวันทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อร่างกายกำยำพลิกตัวกลับขึ้นมานอนหงาย ผิวเนื้อสีขาวนวลของอีกฝ่ายที่มีรอยขีดข่วนปรากฏทั่วร่างยังไม่น่าหวาดหวั่นเท่ารอยดูดเม้มสีแดงช้ำสามสี่รอยบริเวณซอกคอด้านขวา
พฤกษ์เหมือนวิญญาณหลุดออกจากกายหยาบไปเสียเดี๋ยวนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างโปร่งจึงค่อย ๆ ยกแขนแข็งแรงที่พาดอยู่บนตัวออกและลุกขึ้นจากเตียง ทว่าทันทีที่เท้าเปลือยสัมผัสกับพื้นห้อง ของเหลวบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในช่องทางด้านหลังก็พร้อมใจกันไหลลู่ลงมาถึงข้อเท้า เขายืนตัวแข็งทื่อไปในบัดดลก่อนจะสูดลมหายใจลึกและค่อย ๆ ก้มลงดูท่อนล่างของตนเอง
“ไอ้นี่ ..นี่ ..มัน”
หลักฐานที่ประจักษ์ชัดตรงหน้าทำให้พฤกษ์รู้สึกอยากตายขึ้นมาอีกรอบเสียดื้อ ๆ
แสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาจากรอยแยกของผ้าม่านสีชมพูสดส่งผลให้ชายหนุ่มสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับ ภาพแรกที่ฉัตรตะวันเห็นคือฝ้าเพดานราคาถูกสีขาวของม่านรูด.. เขานอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ครู่หนึ่งจึงกระพริบตาปริบ ๆ สองครั้งก่อนลุกขึ้นพรวดเมื่อนึกถึงใครอีกคนที่นอนอยู่ด้านข้าง
ไม่มี!
พื้นที่ด้านข้างว่างเปล่าเหลือทิ้งไว้เพียงความเย็นเยียบที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายลุกออกจากเตียงไปได้สักพักแล้ว ฉัตรตะวันลนลาน ทว่าเขาได้ยินเสียงขยับของอะไรบางอย่างจึงหันขวับไปมองทันที พฤกษ์นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาตัวหนึ่ง หลังเยียดตรง มือกอดอกและมองมาทางเขาด้วยแววตาไร้อารมณ์เหมือนอย่างทุกที ชายหนุ่มพลันรู้สึกกระหายในคอ พูดสั่น ๆ ว่า
“คุณ..” พฤกษ์ยกมือขึ้นแทรกก่อนจะพยักเพยิดไปทางห้องน้ำ
“ไปอาบน้ำแล้วมาคุยกัน”
“แต่”
“ไปอาบน้ำ”
โอเค ฉัตรตะวันลุกพรวด ก้มเก็บเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้ขึ้นมากอดแนบอก กระนั้นก็ยังไม่วายหันมาส่งสายตาเว้าวอนให้แต่พอเห็นว่าพฤกษ์ไม่ได้สนใจจึงเดินหน้างอเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี
คล้อยหลังที่อีกฝ่ายเข้าไปในห้องน้ำได้สักพัก พฤกษ์สลับขาขึ้นมาไขว่ห้าง เขาขยับหลุกหลิกจัดท่านั่งอยู่หลายทีเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บเสียดช่องทางที่บวมช้ำ พอหาท่าที่พอดีได้ก็ถอนหายใจออกมา เหยียดยาวด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง นิ้วมือเรียวถูกยกขึ้นมานวดคลึงหว่างคิ้ว พฤกษ์รู้สึกมึนอยู่เล็กน้อย คาดว่าเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเมื่อคืนแต่พอหลังจากที่ได้ชำระล้างร่างกายและคราบเหนียวหนืดออกไปจนหมดก็ค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกในเวลาไม่ถึงห้านาทีพร้อมกับร่างสูงกำยำในสภาพเปียกซ่กเดินออกมา พฤกษ์กวาดตามองรอบหนึ่ง คาดว่าอีกฝ่ายคงเดินผ่านน้ำ ถูสบู่ถูก ๆ สองสามทีแล้วเดินผ่านน้ำอีกครั้งก่อนจะรีบร้อนใส่เสื้อผ้าทั้งที่ยังตัวเปียกอย่างแน่นอน
เพิ่งจะเคยเห็นเหมือนกัน ใจร้อนจนเสียจริตแบบนี้
ฉัตรตะวันโยนผ้าขนหนูสีขาวทิ้งอย่างส่งเดชก่อนจะนั่งลงบนเตียง หันหน้าเข้าหาพฤกษ์ พูดว่า
“เจ็บ ..ไหมครับ”
เปิดบทสนทนาได้ชวนกระอักกระอ่วนเสียจนคนถูกถามหน้ากระตุก ทว่าด้วยอายุที่มากและประสบการณ์ชีวิตจากกาลก่อนส่งผลให้พฤกษ์คุ้นชินกับคำพูดประเภทนี้ไปเสียแล้ว เขาส่ายหัว ตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า
“พอทนได้”
“อะ อืม” ชายหนุ่มครางรับในคอและนั่งเงียบไม่พูดหรือถามอะไรอีก คนทั้งคู่เงียบอยู่อย่างนั้นราวสองนาทีได้ ในที่สุดคนที่ใจร้อนกว่าอย่างฉัตรตะวันจึงพูดขึ้น
“นี่ ...คุณพฤกษ์ พูดอะไรหน่อยสิครับ”
พฤกษ์กรอกตาไปมา อันที่จริงเขายังไม่ได้คิดว่าจะจัดการปัญหาตรงหน้านี้ยังไงดี หลังจากได้สติก็ลุกออกจากเตียงตรงเข้าไปอาบน้ำ ชำระล้างคราบของเหลวในร่างกายเสร็จ ออกมานั่งรออีกฝ่ายตื่นอยู่บนโซฟาเพียงเท่านั้น เขาคิดไม่ตกอยู่ในหัว หรี่ตามองก็เห็นอีกฝ่ายทำสีหน้าวิตกจริตอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อคืน ..เกิดอะไรขึ้น”
“เมื่อคืนหรือครับ” ฉัตรตะวันทวนคำถามนั้นพร้อมใบหน้าที่แดงจัด ในหัวกำลังคิดถึงเซ็กซ์อันดุเดือดที่เกิดขึ้น ทว่าเมื่อหลุบตามองต่ำ เห็นรอยเลือดที่เปื้อนเป็นปื้นอยู่บนผ้าปูที่นอน ใบหน้าที่แดงจัดก็พลันขาวซีดไร้เลือดฝาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
พฤกษ์เองก็ไม่ใช่ว่ามองไม่เห็นรอยเลือดที่เด่นหราอยู่บนเตียง เขาเห็นมันแน่นอนแต่เลือกที่จะมองมันนิ่ง ๆ ไม่ได้รู้สึกอินังขังขอบสักเท่าใดนัก อาจด้วยเพราะเขาไม่ได้ยึดถือกับคำว่าพรหมจรรย์หรือครั้งแรกที่ควรรักษาเอาไว้ให้คนที่คู่ควรกระมังจึงได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ หากจะให้พฤกษ์มีความเห็นในเรื่องนี้ก็คงจะเป็นเพราะขนาดที่ใหญ่ของฉัตรตะวันที่สอดใส่เข้ามาโดยไม่มีการเบิกทางหรือใช้สารหล่อลื่นเข้าช่วยจึงทำให้ช่องทางด้านหลังเกิดการฉีกขาดขึ้นมา
“เมื่อคืน..” เสียงทุ้มติดจะสั่นเครือค่อย ๆ พูดขึ้น ฉัตรตะวันเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่แม้แต่จะมองหน้าหรือสบตาเขาเวลาพูดเหมือนทุกที
“คุณเมามาก เหมือนจะถูกรุ่นพี่พวกนั้นเอาอะไรแปลก ๆ ให้กินหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอผมพาคุณออกมา เราอยู่บนรถ ..คุณพฤกษ์ คุณจูบผม ละ แล้วก็”
“มีเซ็กส์? ”
ฉัตรตะวันไม่ตอบ เขาได้แต่เบือนหน้าหนีอยู่อย่างคนขี้ขลาด
“คุณฉัตร” พฤกษ์เรียกเสียงต่ำ “หันมาสิ ผมพูดกับคุณอยู่นะ”
พฤกษ์ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่งและไม่ยอมหันกลับมามองหน้า
“ได้” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับลุกขึ้นยืน พอทำท่าจะเดินไปที่ประตู ความเจ็บปวดผสมกับความมึนก็แผ่ขยายออกมาอีกรอบ พฤกษ์เสียการทรงตัว ร่างโปร่งเซไปเล็กน้อยก่อนจะจับพนักโซฟาเอาไว้ เพียงเท่านั้นฉัตรตะวันก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที ชายหนุ่มคว้าแขนบางเอาไว้โดยเร็ว พูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า
“ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวสิ! คุณจะไปไหน!? ”
“ในเมื่อคุณไม่ยอมพูด ผมก็จะกลับบ้านน่ะสิ”
“สภาพแบบนี้จะกลับไปได้ยังไง! ไปโรงพยาบาลเถอะ”
“หา!? ” พฤกษ์ร้องก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยแววตาตกตะลึง “เมื่อกี้คุณว่ายังไงนะ”
“ไปโรงพยาบาล” แววตาและน้ำเสียงของฉัตรตะวันหนักแน่นจริงจังจนพฤกษ์หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“ผมไม่เป็นอะไรหรอก แค่รู้สึกเจ็บ กินยานอนพักเดี๋ยวก็หาย” เขาขืนตัวออกห่างทว่าฝ่ามือแกร่งกลับไม่ยอมปล่อยโดยง่าย
“แต่เลือดออกนะครับ ผมกลัวว่าตรงนั้นของคุณพฤกษ์มัน ..เอ่อ ยังไงก็ไปหาหมอเถอะนะ”
“เลือดออกเป็นเรื่องธรรมชาติ อีกอย่างมันก็หยุดไหลไปนานแล้วด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นไปตรวจหาสารเสพติดก็ได้”
“ผมไม่ได้เสพเสียหน่อย! ”
“ตอนนั้นคุณเมา คุณไม่รู้หรอกว่ามันอาจเกิดอะไรขึ้นบ้าง! รุ่นพี่พวกนั้น คนที่อยู่ที่นั่นไม่ใช่คนดีเด่อะไร มันอาจจะเอาอะไรให้คุณเสพก็ได้ทั้งนั้น! ”
“คุณฉัตร ..คุณอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ได้ไหมครับ”
“มันเป็นเรื่องใหญ่ตั้งแต่เรานอนด้วยกันแล้วหรือเปล่า”
“ฟังนะ” พฤกษ์สะบัดแขนและถอยห่างออกมาเพื่อให้ตนเองได้ใช้ความคิด
“มันจะไม่เป็นเรื่องใหญ่ถ้าหากว่าคุณขัดขืนผมสักนิดก็ยังดี”
ฉัตรตะวันที่กำลังเดือดดาล พอได้ยินคำพูดนั้นถึงกับสะอึกและแข็งทื่อไปทั้งร่าง
“ผมเมา ผมไปรุ่มร่ามใส่ ทำไมคุณไม่ขัดขืนล่ะ ลำพังคุณเองถ้าไม่ยอมผมจะเอาแรงที่ไหนไปสู้ ผมจูบ คุณผลักออกสิ ต่อยผมให้ร่วงสักหมัดก็ยังได้ แต่ทำไมถึงไม่ทำ? ”
“...”
“คุณฉัตร ผมอาจจะหลงตัวเองไปสักหน่อยแต่ก็อยากถามตรง ๆ ..คุณคิดอะไรผมใช่ไหม? ”
ร่างสูงลมหายใจขาดหายไปทันทีที่ได้ยินส่วนท้ายของประโยคนั้น ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงจัดจนต้องเสมองไปทางอื่นกลบเกลื่อน ทว่าในมุมมองของพฤกษ์ที่เห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบและหลบสายตาคงเป็นเพราะช็อคที่เขาไปกล่าวหาว่ามีใจพิศวาสอย่างแน่นอน
พฤกษ์ถอนหายใจยาวเหยียด คิดโทษตนเองในใจไปร้อยแปดพันเก้าที่ทำให้ฉัตรตะวันต้องมีตราบาปติดตัวไปชั่วชีวิตเสียแล้ว อนึ่ง ด้วยเพราะฉัตรตะวันที่เขารู้จักในกาลก่อนเป็นผู้ชายหล่อเหลาเนื้อหอมที่มีรสนิยมชมชอบเพศตรงข้ามเหมือนผู้ชายทั่วไป แม้ว่าฉัตรตะวันในกาลนี้จะชอบเข้าใกล้คอยคลอเคลียและแสดงออกนอกหน้าว่าหวงแหนจนพฤกษ์เกิด‘สะกิดใจ’อยู่บางครั้งก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรบ่งชี้ได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายมีรสนิยมชอบเพศเดียวกันหรือทั้งสองเพศ อีกทั้งเมื่อคืนหากว่าเขาเมาจนไม่มีสติรู้ผิดชอบชั่วดี อีกฝ่ายก็คงมีสภาพไม่ต่างกัน พฤกษ์มั่นใจอยู่เต็มอกว่าเขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอย่างแน่นอน ฉัตรตะวันที่ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์มอมเมาก็เพียงแค่โอนอ่อนตามความต้องการทางเพศที่ถูกเขาปลุกเร้าก็เท่านั้น
แย่ ..แย่มาก พฤกษ์กำลังคิดหนัก เขาคิดว่าตนเองอาจจะสร้างแผลใจเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ให้อีกฝ่ายไปแล้วก็ได้
ผู้ชายทั้งแท่งมีเซ็กส์กับผู้ชายด้วยกันเพราะความเมานับว่าแย่แล้ว แถมผู้ชายที่ว่านั่นยังเป็นเพื่อนสนิทอีกด้วย
เลวร้ายสำหรับฉัตรตะวันเกินไปแล้ว!
ในตอนที่พฤกษ์กำลังเศร้าเสียใจในการกระทำของตนเองอยู่นั้น จู่ ๆ ฉัตรตะวันก็ตัดสินใจพูดออกมา
“ใช่ ผมคิดกับคุณเป็นอย่างอื่นจริง ๆ ”
“ผมคงหลงตัวเองจริง ๆ ขอโทษด้วยที่ถามแบบนั้นอะ— ”
พฤกษ์เองก็ตัดสินใจพูดสวนออกไปโดยไม่ทันฟังอีกฝ่ายให้ดี พอตั้งสติได้ถึงรู้สึกตัวว่าเมื่อครู่ได้ยินอะไรแว่วผ่านหู ดวงตาเรียวสวยก็เบิกกว้าง
“อะไรนะ!? ”
ฉัตรตะวันยกมือขึ้นถูหน้าตนเองโดยแรง ตอบไปว่า
“เมื่อคืนที่คุณพฤกษ์จูบ ผมไม่ได้เมานะครับ สร่างเมาเสียด้วยซ้ำ มีสติครบถ้วนดี แต่ถ้าคุณจะถามว่าทำไมผมถึงไม่ขัดขืนอะไรเลย ผมคงจะตอบไปตามตรงว่าผมรู้สึกดีที่คุณพฤกษ์ทำแบบนั้น แต่ก็รู้ดีอีกเหมือนกันว่าคุณเมา คุณไม่มีสติ คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่”
ร่างโปร่งถอยร่นจนทรุดลงไปนั่งกับโซฟาตัวเดิม ความตกใจกลบเอาความเจ็บแปลบที่ช่องทางด้านหลังไปชั่วขณะ พฤกษ์กระพริบตาปริบ ๆ มองคนพูดด้วยความรู้สึก ..พิลึกพิลั่น
ฉัตรตะวันกระแอมกระไออยู่ในคอ ขยับมาทางเขาและย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเพื่อให้เสมอกัน
“ถ้าจะมีคนผิด คนนั้นคงเป็นผม คุณพฤกษ์.. คุณจะแจ้งตำรวจก็ได้ ผมยินดี” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าย่ำแย่ ยิ่งนึกถึงเสียงกรีดร้องแผ่วเบาเพราะความเจ็บปวด หรือแม้แต่รอยเลือดจากการฉีกขาด ใบหน้าของเขาก็ยิ่งดำทะมึนน่ากลัวกว่าเดิม
“เดี๋ยว.. แจ้งอะไร แจ้งทำไมครับ” พฤกษ์คล้ายกับคนโง่งม หัวสมองอื้ออึง เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉัตรตะวันพูดเลยสักนิด
“ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันเรียกว่าอาชญากรรม”
คิ้วสวยมุ่นเข้าหากัน “เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ”
“อย่างแรกเลยนะ คุณชอบผม? ” พฤกษ์ชี้มาที่ตนเอง ชายหนุ่มมองตามพร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ พอพฤกษ์ได้ยินคำตอบนั้นก็ทำเอาอึ้งกิมกี่จนคลำหาเสียงตนเองไม่เจอ รีบถามต่อว่า
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“มอสี่”
พฤกษ์อดไม่ได้ที่จะยกมืออันสั่นเทาขึ้นมาปิดปาก เขาเพิ่งจะเคยตกใจจนเสียอาการอย่างนี้เป็นครั้งแรก ฉัตรตะวันชอบเขาตั้งแต่มอสี่! มอสี่เลยนะ! อายุเท่าไหร่กันเชียว! สิบหกเองไม่ใช่หรือ! ขณะที่ตัวเขาเพิ่งมารู้ว่าเป็นเกย์ก็ปาเข้าไปตอนปีสองแล้ว!!
“ขอเวลาผมพักหายใจเดี๋ยว” พฤกษ์ยกมือกั้น นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขาไปไกลมาก ในหัวของเขาคิดอะไรไม่ออก ปากก็ชาจนพูดอะไรไม่ถูกอีกเหมือนกัน ประสบการณ์ชีวิตที่สั่งสมมาดูเหมือนจะไม่สามารถนำเอามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนแบบนี้
“รู้สึกไม่ดีหรือที่ผมบอกแบบนี้ ..อันที่จริงผมนึกว่าคุณจะโอเคเสียอีก เพราะอย่างน้อย ๆ คุณก็เป็นเกย์”
พฤกษ์เงยหน้าขึ้น หรี่ตามองอีกฝ่ายจนเห็นภาพตรงหน้าเป็นเส้นตรง ในความคิดของฉัตรตะวันคงเห็นว่าพฤกษ์กำลังหรี่ตามองด้วยความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด แต่ทว่าความเป็นจริงแล้วพฤกษ์แค่สายตาสั้นจนต้องอาศัยการหรี่ตาเพื่อบีบโลกทัศน์ตรงหน้าให้แคบลงเท่านั้น
แต่ในใจลึก ๆ เขาเองก็มีความขุ่นมัวกับคำพูดนั้นอยู่ไม่น้อยเลย
“เป็นเกย์ก็ไม่ได้โอเคกับผู้ชายบนโลกหรอกนะ นี่คุณเห็นเกย์เป็นตัวอะไรเนี่ย”
ฉัตรตะวันปรี่เข้ามาหาเขาอย่างกระตือรือร้น ร่างสูงกำยำยอบกายนั่งชันเข่าอยู่เบื้องหน้า มือหนาเอื้อมมาจับข้อแขนเล็กอย่างทะนุถนอม
“ขอโทษ ผมปากเสียเอง ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกหรืออะไรทำนองนั้นเลยจริง ๆ ผมขอโทษนะคนดี อย่าโกรธผมเลย”
“โอเค” พฤกษ์มองใบหน้าหล่อเหลานั้น พูดว่า
“แต่คุณก็ควรเรียนรู้ไว้ว่าต่อให้เป็นเกย์ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบนอนกับผู้ชายทุกคน ไม่สิไม่ใช่แค่ผม แต่รวมไปถึงทุกคนนั่นแหละ ทั้งชายทั้งหญิง แม้แต่ตัวคุณฉัตรเองก็คงไม่นอนกับใครไปทั่วเหมือนกันใช่ไหม คุณเข้าใจความจริงข้อนี้ไหมครับ”
ฉัตรตะวันพยักหน้าหงึกหงัก
“ดีมาก” พฤกษ์ดึงมือตนเองมาวางไว้ที่หน้าตัก เหลือบตามองคนที่อยู่ต่ำกว่า น้ำเสียงราบเรียบพูดว่า “แล้วเราจะเอายังไงต่อทีนี้”
“มะ หมายถึง”
“เรื่องที่ผมมีเซ็กส์กับคุณ”
ชายหนุ่มสูดหายใจเฮือกใหญ่ เขากลอกตาคิด มีถ้อยคำมากมายร้อยเรียงอยู่ในหัว ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
“เอ่อ..” ฉัตรตะวันอ้ำอึ้ง
“อืม” เขาพยักหน้า “ผมรู้ว่ามันกระอักกระอ่วน”
“อันที่จริงคุณพฤกษ์ควรจะรู้สึกกระอักกระอ่วนมากกว่า”
“โอ๊ย” พฤกษ์โบกมือ “เรื่องแค่นี้เอง ใช่เรื่องหนักหนาอะไร”
“แต่.. คุณเมา เอ่อ แล้วผมก็เหมือนพวกฉวยโอกาส”
“ก็จริงของคุณ”
ฉัตรตะวันหน้าซีด
“ให้ผมรับผิดชอบนะ บางทีเราอาจจะคบ..”
พฤกษ์ยิ้มแห้ง รีบแทรกขึ้นมาว่า “ใจเย็น ๆ ก่อนคุณฉัตร อย่าให้ต้องถึงขั้นนั้นเลย”
“คุณเสียหายนะ”
“อืม ใช่ เสียหายไปหลายอยู่” เขาขมวดคิ้วมุ่นยามเมื่อขยับท่านั่งแล้วความเจ็บปวดจากเบื้องล่างแล่นแปลบขึ้นมา
“แต่ช่างมันเถอะครับ”
“ช่างมัน? ”
พฤกษ์กดข่มความเจ็บนั้น ฝืนพยักหน้าตอบ
“ใช่ ช่างมัน ถือเสียว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุไปก็ได้ ผมไม่ติดใจอะไรหรอกนะเพราะเรื่องนี้ผมเองก็มีส่วนผิดอยู่ครึ่งหนึ่งเหมือนกัน คุณฉัตรไม่ต้องคิดมากหรอก แต่ เอ่อ.. ส่วน”
“ความรู้สึกผมล่ะ” ฉัตรตะวันพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ เขายืดกายขึ้น แหงนมองคนที่นั่งบนโซฟาด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย
“ผมรู้สึกกับคุณมานานแล้วนะ”
“...”
“จริง ๆ ผมอยากให้คุณพฤกษ์ฟังผมพูดเมื่อกี้ให้จบ คุณรู้ใช่ไหมว่าผมจะพูดอะไร? ‘บางทีเราอาจจะคบกัน ผมอยากขอโอกาสคบกับคุณในฐานะแฟน’ คุณรู้ว่าผมต้องพูดแบบนี้เลยเลือกที่จะไม่สนใจ ทำไมหรือครับ ผมไม่ดีพอที่จะให้คุณเปิดใจเลยหรือ ผมไม่ดีตรงไหน บอกผมสิ ตรงไหนที่ไม่ดี ผมให้คุณได้ทุกอย่างเลย ผมขอแค่โอกาสครั้งเดียวเอง..”
“คุณฉัตร” พฤกษ์ยกมือลูบหน้าโดยแรง หัวสมองเขาชาหนึบจนไม่สามารถคิดอะไรได้ คนทั้งสองนั่งก้มหน้ากันอยู่อย่างนั่นราวนาทีครึ่ง ในที่สุด ..พฤกษ์จึงพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ผมขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ แต่ถ้าไม่เคลียร์ให้จบตอนนี้มันอาจจะเป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่ง.. ผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นอย่างนั้น”
“....”
“ผมไม่สามารถเป็นในสิ่งที่คุณขอได้ อะ คุณฉัตร.. ใจเย็น ๆ ฟังผม มองหน้าผมด้วย ห้ามหลบตา”
ฉัตรตะวันแสดงออกทางสีหน้าทันทีที่พฤกษ์เริ่มพูด เขาเบนหน้าไปทางอื่นอยู่หลายครั้งแต่ก็ต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับดวงตาคู่สวยนั่นอย่างไม่อาจขัดขืนได้
ชายหนุ่มสบถ ‘เหอะ’ ในคอ
“ผมฟังอยู่”
พฤกษ์หรี่ตาจนเป็นเส้นตรง
“ผมไม่อยากอ้อมค้อม ขอโทษอีกครั้งถ้าพูดตรง ๆ แล้วมันทำร้ายความรู้สึกของคุณ แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผมไม่สามารถเป็นได้มากกว่าเพื่อนของคุณ ผมอยากให้คุณเข้าใจ โอเค ถึงเราจะมีเซ็กซ์กันแล้วแต่นั่นเป็นเพราะผมไม่มีสติ คุณเองก็ไม่มีสติ เราถึงถลำลึกกันไปไกลแบบนี้”
“ผมมีสติ” เขาพูดเสียงหนักแน่น
“คุณไม่มี เพราะถ้าคุณมี คุณก็ควรมีความยับยั้งชั่งใจด้วยเหมือนกัน”
ฉัตรตะวันพูดไม่ออก คล้ายกับมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ชายหนุ่มยืนแข็งค้าง พฤกษ์พูดถูก เขาไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ปล่อยให้อารมณ์ที่เก็บซ่อนมานานควบคุมสามัญสำนึกจนเลยเถิดมาถึงขนาดนี้
ทั้งที่ตอนนั้น ..ถ้าเขาหยุด เขาก็ทำได้
แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ
“ผมผิดเอง” เขายอมรับเสียงหงอย ๆ
“เราผิดด้วยกันทั้งคู่” พฤกษ์เอื้อมมือไปตบบ่ากว้างตรงหน้าเบา ๆ พูดว่า
“คุณฉัตรเลือกเอานะ ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น คิดว่ามันเป็นเพียงแค่เซ็กส์แล้วเราก็กลับไปเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมหรือถ้ายังดึงดันที่จะเป็นมากกว่าเพื่อน ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือแม้แต่เพื่อนผมก็เป็นให้คุณไม่ได้ คุณเลือกเอานะครับ ทางให้เลือกมีแค่นี้”
พฤกษ์พูดจบก็เห็นว่าฉัตรตะวันมีสีหน้าที่ปวดร้าวจนปิดซ่อนไม่มิด พลันรู้สึกว่าในอกเต้นแกว่งไปหลายจังหวะ เขาคิดว่าตนเองใจร้ายอย่างคาดไม่ถึงที่พูดออกไปแบบนี้ แต่เขาไม่อยากประนีประนอมหรือให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับอีกฝ่าย ฉัตรตะวันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ ไม่ว่าจะกาลก่อนหรือตอนนี้ก็มีเพียงอีกฝ่ายที่อยู่เคียงข้างในทุกช่วงเวลา พฤกษ์รักและรู้สึกกับฉัตรตะวันในสถานะเพื่อนสนิทและพี่ชายเท่านั้น ต่อให้ใกล้ชิดกันมากเพียงไร สัมผัสกันมากแค่ไหน ความรู้สึกของเขาก็ไม่มีทางเป็นอื่นได้
ตั้งแต่ที่ลืมตาขึ้นมาในฐานะนี้ ตั้งแต่ที่รู้ว่าฉัตรตะวันที่ควรตายจากไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ พฤกษ์ก็เกิดความรู้สึกที่อยากจะรักษาคน ๆ นี้เอาไว้ข้างกายในฐานะเพื่อนให้นานที่สุด
ใช่ ..แค่ในฐานะเพื่อน
“ฮะ ฮะ ..แม้แต่เพื่อนก็ไม่เป็นให้งั้นหรือครับ” ฉัตรตะวันเซถอยไปนั่งพิงกับเตียงก่อนจะหัวเราะเยาะตัวเอง ชายหนุ่มแหงนหน้ามองผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟา พฤกษ์มีสายตาเรียบนิ่ง ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดแม้สักนิด เขาเจ็บแปลบขึ้นมาในอกทันที
ทั้ง ๆ ที่ผมเจ็บหนักขนาดนี้ คุณก็ยังเย็นชาอยู่ได้นะ..
“อืม” พฤกษ์ครางรับในคอ อันที่จริงคำพูดที่ว่า ‘ถ้ายังดึงดันที่จะเป็นมากกว่าเพื่อน ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือแม้แต่เพื่อนผมก็เป็นให้คุณไม่ได้’ เป็นคำพูดที่เขาแกล้งยกขึ้นมาอ้างเพื่อใช้ข่มขู่ให้ฉัตรตะวันล้มเลิกความพยายามในเรื่องนี้เสียที พฤกษ์คิดว่ามันได้ผลชะงัด อีกฝ่ายดูเหมือนจะหวั่นไหวกับคำพูดเด็ดขาดนั้นของเขาจนมีสีหน้าย่ำแย่ ฉัตรตะวันนั่งนิ่งเงียบคล้ายกำลังใช้ความคิดอยู่ในหัว จังหวะนั้นเองความรู้สึกเจ็บระบมที่ช่องทางด้านหลังก็แผ่ขยายอีกรอบ พฤกษ์จิกเล็บลงบนขากางเกงแน่นเพื่อกดข่ม ทว่าความเจ็บครั้งนี้มันรุนแรงยากที่ทานทนไหว ริมฝีปากแดงเรื่อเม้มเข้าหากัน ลมหายใจร้อนผ่าวเริ่มสะดุดไม่สม่ำเสมอ ในตอนนั้นเอง ฉัตรตะวันจึงพูดขึ้นว่า
“ก็ได้ ..เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม เป็นเพื่อนกันอย่างที่คุณพฤกษ์ต้องการ ผมเข้าใจแล้วว่าคุณไม่มีทางรักผมในแง่นั้นได้ แต่อย่างน้อยคุณก็ช่วยรับรู้ความรู้สึกผมได้ไหมครับ”
“...”
“ช่วยรับรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณได้ไหม ผมไม่อยากให้คุณลืมเหมือนที่คุณจะลืมว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ได้ไหมครับ ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวแล้วเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกัน”
มือเรียวที่จิกขากางเกงข้างหนึ่งถูกฉัตรตะวันเอื้อมมากุมเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มน้อย ๆ ทว่าในดวงตายังคงมีความหม่นหมองวูบไหวอยู่ พฤกษ์วางฝ่ามืออีกข้างซ้อนทับลงบนหลังมือใหญ่นั้น พูดว่า
“ได้สิครับ”
ยามเช้าที่อากาศเย็นสบายแต่จิตใจของใครบางคนกลับร้อนรุ่มอยู่ไม่เป็นสุข อินทรชิตในชุดนักเรียนเดินวนไปวนมา สีหน้ากระวนกระวายแถมยังไม่รับประทานอาหารเช้าร่วมกับพี่น้องคนอื่นเหมือนอย่างปกติ เด็กหนุ่มชะโงกหน้าเข้า ๆ ออก ๆ เดินไปมาราวกับหนูติดจั่น คอยพะว้าพะวังถึงใครบางคนที่ไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน
หญิงชราเดินออกมาจากห้องอาหาร เห็นเขายืนมองออกไปยังหน้าบ้านด้วยท่าทีแปลก ๆ จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณอินทร์มีอะไรหรือคะ”
อินทรชิตชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันมอง เมื่อเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยจึงปรี่เข้าไปหา ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า
“คุณยายครับ คุณพฤกษ์ยังไม่กลับมาอีกหรือครับ”
แม่พลอยเลิกคิ้ว คล้ายไม่เข้าใจในสิ่งที่เด็กหนุ่มถาม อินทรชิตจึงเร่งเร้า
“เมื่อคืนคุณพฤกษ์ออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่าไปไหนผมอยู่รอทั้งคืนแต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นเขากลับมาเลย”
หญิงชราร้องอ้อขึ้นมาในคอคำหนึ่ง ยกมือบีบไหล่เป็นเชิงให้เขาใจเย็นลงสักหน่อยก่อนจะยิ้มน้อย ๆ
“คุณพฤกษ์เธอโตแล้ว คงดูแลตัวเองได้ คุณอินทร์ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะคะ”
“จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไรครับ กะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาไม่มีใครรู้จะไม่แย่เอาหรือครับ”
“กังวลเกินเหตุไปแล้ว” เธอตบหลังเด็กหนุ่มปุ ๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มว่า
“อีกอย่าง ยายว่าคุณพฤกษ์เธอคงออกไปเที่ยวกับคุณฉัตรเหมือนทุกทีนั่นแหละ รายนั้นเขาคงจะช่วยดูแลคุณพฤกษ์ได้อย่างแน่นอน”
อินทรชิตที่ร้อนอยู่ไม่สุขพอได้ยินชื่อนั้นถึงกับหน้าทะมึนลงไปอีก เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่เฝ้ามองประตูรั้วอันโอ่อ่า รอคอยคุณพฤกษ์ของตนกลับมาเหมือนสุนัขรอคอยเจ้านาย
พฤกษ์ขยับเปลือกตาสีขาวมุกเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่ง ความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้คือความเจ็บปวดที่แล่นริ้วขึ้นมาจากช่องทางด้านหลัง ชายหนุ่มราวกับว่าร่างกายถูกฉีกกระชากออกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างไรอย่างนั้น
ร่างโปร่งสะโอดสะองหยัดตัวขึ้นเล็กน้อยทว่ากลับถูกของหนักบางอย่างพาดทับเอาไว้ทั่วร่าง โลกทัศน์ตรงหน้าดูมึนเบลอ เมื่อยกมือขึ้นแตะที่ดวงตาก็เพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีคอนแทคเลนส์อยู่ในเบ้าตาเสียแล้ว พฤกษ์หรี่ตาจนแทบเป็นเส้นตรง พอจะเห็นได้ลาง ๆ ว่ามีแขนแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามคู่หนึ่งกำลังโอบกอดร่างของตนเองเอาไว้แนบอก เขาแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย มองสิ่งใดไม่เห็นนอกจากปลายคางของผู้ที่กกกอดและลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าผ่านผิวแก้ม
ใครกัน.. อ้อ คงจะเป็นฉัตรตะวันกระมัง พฤกษ์คิด
แต่
เดี๋ยว
“คุณฉัตร! ” พฤกษ์เบิกตากว้าง ผวาตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจก่อนจะถูกความเจ็บจุกจะตีขึ้นมาเป็นระลอกจนต้องนิ่วหน้าสูดปากแทบไม่ทัน
“เจ็บ ..ทำไมเจ็บอย่างนี้” เขาโอดครวญก่อนจะหันไปมองร่างกำยำที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ พฤกษ์โน้มหน้าลงต่ำเพราะสายตาสั้น จับจ้องอยู่นานจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นฉัตรตะวันอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด อีกฝ่ายนอนตัวเปล่าเปลือยไม่สวมเสื้อผ้าชิ้นใดไว้บนตัวสักชิ้น เขาก็ด้วย ไม่ใช่แค่ท่อนบน แต่ท่อนล่างก็ไม่ได้อะไรปกปิดไว้เช่นเดียวกัน ความคิดหนึ่งแว่บผ่านเข้ามาในหัวพลันทำให้ใบหน้าซีกหนึ่งกระตุกอย่างรุนแรง พฤกษ์ไม่แปลกใจหรอกหากเมาแล้วตื่นมานอนอยู่ข้างเพื่อนสนิท แต่ที่แปลกใจคือสภาพที่เป็นอยู่และอาการบางอย่างที่หลงเหลือทิ้งไว้ในร่างกายต่างหาก
เขารู้จักความรู้สึกเหล่านี้ดี ..มันย่อมต้องเป็นผลกระทบจากการมีเซ็กซ์ครั้งแรกไม่ผิดแน่
ความหนาวสะท้านเยือกเย็นบังเกิดขึ้นทั่วสรรพางค์กาย พฤกษ์ไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าตนอาจจะร่วมหลับนอนกับเพื่อนสนิทตนเองไปแล้ว ทว่าความคลุมเครือนั้นถูกฉัตรตะวันทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อร่างกายกำยำพลิกตัวกลับขึ้นมานอนหงาย ผิวเนื้อสีขาวนวลของอีกฝ่ายที่มีรอยขีดข่วนปรากฏทั่วร่างยังไม่น่าหวาดหวั่นเท่ารอยดูดเม้มสีแดงช้ำสามสี่รอยบริเวณซอกคอด้านขวา
พฤกษ์เหมือนวิญญาณหลุดออกจากกายหยาบไปเสียเดี๋ยวนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างโปร่งจึงค่อย ๆ ยกแขนแข็งแรงที่พาดอยู่บนตัวออกและลุกขึ้นจากเตียง ทว่าทันทีที่เท้าเปลือยสัมผัสกับพื้นห้อง ของเหลวบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในช่องทางด้านหลังก็พร้อมใจกันไหลลู่ลงมาถึงข้อเท้า เขายืนตัวแข็งทื่อไปในบัดดลก่อนจะสูดลมหายใจลึกและค่อย ๆ ก้มลงดูท่อนล่างของตนเอง
“ไอ้นี่ ..นี่ ..มัน”
หลักฐานที่ประจักษ์ชัดตรงหน้าทำให้พฤกษ์รู้สึกอยากตายขึ้นมาอีกรอบเสียดื้อ ๆ
แสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาจากรอยแยกของผ้าม่านสีชมพูสดส่งผลให้ชายหนุ่มสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับ ภาพแรกที่ฉัตรตะวันเห็นคือฝ้าเพดานราคาถูกสีขาวของม่านรูด.. เขานอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ครู่หนึ่งจึงกระพริบตาปริบ ๆ สองครั้งก่อนลุกขึ้นพรวดเมื่อนึกถึงใครอีกคนที่นอนอยู่ด้านข้าง
ไม่มี!
พื้นที่ด้านข้างว่างเปล่าเหลือทิ้งไว้เพียงความเย็นเยียบที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายลุกออกจากเตียงไปได้สักพักแล้ว ฉัตรตะวันลนลาน ทว่าเขาได้ยินเสียงขยับของอะไรบางอย่างจึงหันขวับไปมองทันที พฤกษ์นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาตัวหนึ่ง หลังเยียดตรง มือกอดอกและมองมาทางเขาด้วยแววตาไร้อารมณ์เหมือนอย่างทุกที ชายหนุ่มพลันรู้สึกกระหายในคอ พูดสั่น ๆ ว่า
“คุณ..” พฤกษ์ยกมือขึ้นแทรกก่อนจะพยักเพยิดไปทางห้องน้ำ
“ไปอาบน้ำแล้วมาคุยกัน”
“แต่”
“ไปอาบน้ำ”
โอเค ฉัตรตะวันลุกพรวด ก้มเก็บเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้ขึ้นมากอดแนบอก กระนั้นก็ยังไม่วายหันมาส่งสายตาเว้าวอนให้แต่พอเห็นว่าพฤกษ์ไม่ได้สนใจจึงเดินหน้างอเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี
คล้อยหลังที่อีกฝ่ายเข้าไปในห้องน้ำได้สักพัก พฤกษ์สลับขาขึ้นมาไขว่ห้าง เขาขยับหลุกหลิกจัดท่านั่งอยู่หลายทีเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บเสียดช่องทางที่บวมช้ำ พอหาท่าที่พอดีได้ก็ถอนหายใจออกมา เหยียดยาวด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง นิ้วมือเรียวถูกยกขึ้นมานวดคลึงหว่างคิ้ว พฤกษ์รู้สึกมึนอยู่เล็กน้อย คาดว่าเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเมื่อคืนแต่พอหลังจากที่ได้ชำระล้างร่างกายและคราบเหนียวหนืดออกไปจนหมดก็ค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกในเวลาไม่ถึงห้านาทีพร้อมกับร่างสูงกำยำในสภาพเปียกซ่กเดินออกมา พฤกษ์กวาดตามองรอบหนึ่ง คาดว่าอีกฝ่ายคงเดินผ่านน้ำ ถูสบู่ถูก ๆ สองสามทีแล้วเดินผ่านน้ำอีกครั้งก่อนจะรีบร้อนใส่เสื้อผ้าทั้งที่ยังตัวเปียกอย่างแน่นอน
เพิ่งจะเคยเห็นเหมือนกัน ใจร้อนจนเสียจริตแบบนี้
ฉัตรตะวันโยนผ้าขนหนูสีขาวทิ้งอย่างส่งเดชก่อนจะนั่งลงบนเตียง หันหน้าเข้าหาพฤกษ์ พูดว่า
“เจ็บ ..ไหมครับ”
เปิดบทสนทนาได้ชวนกระอักกระอ่วนเสียจนคนถูกถามหน้ากระตุก ทว่าด้วยอายุที่มากและประสบการณ์ชีวิตจากกาลก่อนส่งผลให้พฤกษ์คุ้นชินกับคำพูดประเภทนี้ไปเสียแล้ว เขาส่ายหัว ตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า
“พอทนได้”
“อะ อืม” ชายหนุ่มครางรับในคอและนั่งเงียบไม่พูดหรือถามอะไรอีก คนทั้งคู่เงียบอยู่อย่างนั้นราวสองนาทีได้ ในที่สุดคนที่ใจร้อนกว่าอย่างฉัตรตะวันจึงพูดขึ้น
“นี่ ...คุณพฤกษ์ พูดอะไรหน่อยสิครับ”
พฤกษ์กรอกตาไปมา อันที่จริงเขายังไม่ได้คิดว่าจะจัดการปัญหาตรงหน้านี้ยังไงดี หลังจากได้สติก็ลุกออกจากเตียงตรงเข้าไปอาบน้ำ ชำระล้างคราบของเหลวในร่างกายเสร็จ ออกมานั่งรออีกฝ่ายตื่นอยู่บนโซฟาเพียงเท่านั้น เขาคิดไม่ตกอยู่ในหัว หรี่ตามองก็เห็นอีกฝ่ายทำสีหน้าวิตกจริตอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อคืน ..เกิดอะไรขึ้น”
“เมื่อคืนหรือครับ” ฉัตรตะวันทวนคำถามนั้นพร้อมใบหน้าที่แดงจัด ในหัวกำลังคิดถึงเซ็กซ์อันดุเดือดที่เกิดขึ้น ทว่าเมื่อหลุบตามองต่ำ เห็นรอยเลือดที่เปื้อนเป็นปื้นอยู่บนผ้าปูที่นอน ใบหน้าที่แดงจัดก็พลันขาวซีดไร้เลือดฝาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
พฤกษ์เองก็ไม่ใช่ว่ามองไม่เห็นรอยเลือดที่เด่นหราอยู่บนเตียง เขาเห็นมันแน่นอนแต่เลือกที่จะมองมันนิ่ง ๆ ไม่ได้รู้สึกอินังขังขอบสักเท่าใดนัก อาจด้วยเพราะเขาไม่ได้ยึดถือกับคำว่าพรหมจรรย์หรือครั้งแรกที่ควรรักษาเอาไว้ให้คนที่คู่ควรกระมังจึงได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ หากจะให้พฤกษ์มีความเห็นในเรื่องนี้ก็คงจะเป็นเพราะขนาดที่ใหญ่ของฉัตรตะวันที่สอดใส่เข้ามาโดยไม่มีการเบิกทางหรือใช้สารหล่อลื่นเข้าช่วยจึงทำให้ช่องทางด้านหลังเกิดการฉีกขาดขึ้นมา
“เมื่อคืน..” เสียงทุ้มติดจะสั่นเครือค่อย ๆ พูดขึ้น ฉัตรตะวันเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่แม้แต่จะมองหน้าหรือสบตาเขาเวลาพูดเหมือนทุกที
“คุณเมามาก เหมือนจะถูกรุ่นพี่พวกนั้นเอาอะไรแปลก ๆ ให้กินหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอผมพาคุณออกมา เราอยู่บนรถ ..คุณพฤกษ์ คุณจูบผม ละ แล้วก็”
“มีเซ็กส์? ”
ฉัตรตะวันไม่ตอบ เขาได้แต่เบือนหน้าหนีอยู่อย่างคนขี้ขลาด
“คุณฉัตร” พฤกษ์เรียกเสียงต่ำ “หันมาสิ ผมพูดกับคุณอยู่นะ”
พฤกษ์ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่งและไม่ยอมหันกลับมามองหน้า
“ได้” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับลุกขึ้นยืน พอทำท่าจะเดินไปที่ประตู ความเจ็บปวดผสมกับความมึนก็แผ่ขยายออกมาอีกรอบ พฤกษ์เสียการทรงตัว ร่างโปร่งเซไปเล็กน้อยก่อนจะจับพนักโซฟาเอาไว้ เพียงเท่านั้นฉัตรตะวันก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที ชายหนุ่มคว้าแขนบางเอาไว้โดยเร็ว พูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า
“ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวสิ! คุณจะไปไหน!? ”
“ในเมื่อคุณไม่ยอมพูด ผมก็จะกลับบ้านน่ะสิ”
“สภาพแบบนี้จะกลับไปได้ยังไง! ไปโรงพยาบาลเถอะ”
“หา!? ” พฤกษ์ร้องก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยแววตาตกตะลึง “เมื่อกี้คุณว่ายังไงนะ”
“ไปโรงพยาบาล” แววตาและน้ำเสียงของฉัตรตะวันหนักแน่นจริงจังจนพฤกษ์หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“ผมไม่เป็นอะไรหรอก แค่รู้สึกเจ็บ กินยานอนพักเดี๋ยวก็หาย” เขาขืนตัวออกห่างทว่าฝ่ามือแกร่งกลับไม่ยอมปล่อยโดยง่าย
“แต่เลือดออกนะครับ ผมกลัวว่าตรงนั้นของคุณพฤกษ์มัน ..เอ่อ ยังไงก็ไปหาหมอเถอะนะ”
“เลือดออกเป็นเรื่องธรรมชาติ อีกอย่างมันก็หยุดไหลไปนานแล้วด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นไปตรวจหาสารเสพติดก็ได้”
“ผมไม่ได้เสพเสียหน่อย! ”
“ตอนนั้นคุณเมา คุณไม่รู้หรอกว่ามันอาจเกิดอะไรขึ้นบ้าง! รุ่นพี่พวกนั้น คนที่อยู่ที่นั่นไม่ใช่คนดีเด่อะไร มันอาจจะเอาอะไรให้คุณเสพก็ได้ทั้งนั้น! ”
“คุณฉัตร ..คุณอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ได้ไหมครับ”
“มันเป็นเรื่องใหญ่ตั้งแต่เรานอนด้วยกันแล้วหรือเปล่า”
“ฟังนะ” พฤกษ์สะบัดแขนและถอยห่างออกมาเพื่อให้ตนเองได้ใช้ความคิด
“มันจะไม่เป็นเรื่องใหญ่ถ้าหากว่าคุณขัดขืนผมสักนิดก็ยังดี”
ฉัตรตะวันที่กำลังเดือดดาล พอได้ยินคำพูดนั้นถึงกับสะอึกและแข็งทื่อไปทั้งร่าง
“ผมเมา ผมไปรุ่มร่ามใส่ ทำไมคุณไม่ขัดขืนล่ะ ลำพังคุณเองถ้าไม่ยอมผมจะเอาแรงที่ไหนไปสู้ ผมจูบ คุณผลักออกสิ ต่อยผมให้ร่วงสักหมัดก็ยังได้ แต่ทำไมถึงไม่ทำ? ”
“...”
“คุณฉัตร ผมอาจจะหลงตัวเองไปสักหน่อยแต่ก็อยากถามตรง ๆ ..คุณคิดอะไรผมใช่ไหม? ”
ร่างสูงลมหายใจขาดหายไปทันทีที่ได้ยินส่วนท้ายของประโยคนั้น ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงจัดจนต้องเสมองไปทางอื่นกลบเกลื่อน ทว่าในมุมมองของพฤกษ์ที่เห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบและหลบสายตาคงเป็นเพราะช็อคที่เขาไปกล่าวหาว่ามีใจพิศวาสอย่างแน่นอน
พฤกษ์ถอนหายใจยาวเหยียด คิดโทษตนเองในใจไปร้อยแปดพันเก้าที่ทำให้ฉัตรตะวันต้องมีตราบาปติดตัวไปชั่วชีวิตเสียแล้ว อนึ่ง ด้วยเพราะฉัตรตะวันที่เขารู้จักในกาลก่อนเป็นผู้ชายหล่อเหลาเนื้อหอมที่มีรสนิยมชมชอบเพศตรงข้ามเหมือนผู้ชายทั่วไป แม้ว่าฉัตรตะวันในกาลนี้จะชอบเข้าใกล้คอยคลอเคลียและแสดงออกนอกหน้าว่าหวงแหนจนพฤกษ์เกิด‘สะกิดใจ’อยู่บางครั้งก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรบ่งชี้ได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายมีรสนิยมชอบเพศเดียวกันหรือทั้งสองเพศ อีกทั้งเมื่อคืนหากว่าเขาเมาจนไม่มีสติรู้ผิดชอบชั่วดี อีกฝ่ายก็คงมีสภาพไม่ต่างกัน พฤกษ์มั่นใจอยู่เต็มอกว่าเขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอย่างแน่นอน ฉัตรตะวันที่ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์มอมเมาก็เพียงแค่โอนอ่อนตามความต้องการทางเพศที่ถูกเขาปลุกเร้าก็เท่านั้น
แย่ ..แย่มาก พฤกษ์กำลังคิดหนัก เขาคิดว่าตนเองอาจจะสร้างแผลใจเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ให้อีกฝ่ายไปแล้วก็ได้
ผู้ชายทั้งแท่งมีเซ็กส์กับผู้ชายด้วยกันเพราะความเมานับว่าแย่แล้ว แถมผู้ชายที่ว่านั่นยังเป็นเพื่อนสนิทอีกด้วย
เลวร้ายสำหรับฉัตรตะวันเกินไปแล้ว!
ในตอนที่พฤกษ์กำลังเศร้าเสียใจในการกระทำของตนเองอยู่นั้น จู่ ๆ ฉัตรตะวันก็ตัดสินใจพูดออกมา
“ใช่ ผมคิดกับคุณเป็นอย่างอื่นจริง ๆ ”
“ผมคงหลงตัวเองจริง ๆ ขอโทษด้วยที่ถามแบบนั้นอะ— ”
พฤกษ์เองก็ตัดสินใจพูดสวนออกไปโดยไม่ทันฟังอีกฝ่ายให้ดี พอตั้งสติได้ถึงรู้สึกตัวว่าเมื่อครู่ได้ยินอะไรแว่วผ่านหู ดวงตาเรียวสวยก็เบิกกว้าง
“อะไรนะ!? ”
ฉัตรตะวันยกมือขึ้นถูหน้าตนเองโดยแรง ตอบไปว่า
“เมื่อคืนที่คุณพฤกษ์จูบ ผมไม่ได้เมานะครับ สร่างเมาเสียด้วยซ้ำ มีสติครบถ้วนดี แต่ถ้าคุณจะถามว่าทำไมผมถึงไม่ขัดขืนอะไรเลย ผมคงจะตอบไปตามตรงว่าผมรู้สึกดีที่คุณพฤกษ์ทำแบบนั้น แต่ก็รู้ดีอีกเหมือนกันว่าคุณเมา คุณไม่มีสติ คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่”
ร่างโปร่งถอยร่นจนทรุดลงไปนั่งกับโซฟาตัวเดิม ความตกใจกลบเอาความเจ็บแปลบที่ช่องทางด้านหลังไปชั่วขณะ พฤกษ์กระพริบตาปริบ ๆ มองคนพูดด้วยความรู้สึก ..พิลึกพิลั่น
ฉัตรตะวันกระแอมกระไออยู่ในคอ ขยับมาทางเขาและย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเพื่อให้เสมอกัน
“ถ้าจะมีคนผิด คนนั้นคงเป็นผม คุณพฤกษ์.. คุณจะแจ้งตำรวจก็ได้ ผมยินดี” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าย่ำแย่ ยิ่งนึกถึงเสียงกรีดร้องแผ่วเบาเพราะความเจ็บปวด หรือแม้แต่รอยเลือดจากการฉีกขาด ใบหน้าของเขาก็ยิ่งดำทะมึนน่ากลัวกว่าเดิม
“เดี๋ยว.. แจ้งอะไร แจ้งทำไมครับ” พฤกษ์คล้ายกับคนโง่งม หัวสมองอื้ออึง เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉัตรตะวันพูดเลยสักนิด
“ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันเรียกว่าอาชญากรรม”
คิ้วสวยมุ่นเข้าหากัน “เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ”
“อย่างแรกเลยนะ คุณชอบผม? ” พฤกษ์ชี้มาที่ตนเอง ชายหนุ่มมองตามพร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ พอพฤกษ์ได้ยินคำตอบนั้นก็ทำเอาอึ้งกิมกี่จนคลำหาเสียงตนเองไม่เจอ รีบถามต่อว่า
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“มอสี่”
พฤกษ์อดไม่ได้ที่จะยกมืออันสั่นเทาขึ้นมาปิดปาก เขาเพิ่งจะเคยตกใจจนเสียอาการอย่างนี้เป็นครั้งแรก ฉัตรตะวันชอบเขาตั้งแต่มอสี่! มอสี่เลยนะ! อายุเท่าไหร่กันเชียว! สิบหกเองไม่ใช่หรือ! ขณะที่ตัวเขาเพิ่งมารู้ว่าเป็นเกย์ก็ปาเข้าไปตอนปีสองแล้ว!!
“ขอเวลาผมพักหายใจเดี๋ยว” พฤกษ์ยกมือกั้น นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขาไปไกลมาก ในหัวของเขาคิดอะไรไม่ออก ปากก็ชาจนพูดอะไรไม่ถูกอีกเหมือนกัน ประสบการณ์ชีวิตที่สั่งสมมาดูเหมือนจะไม่สามารถนำเอามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนแบบนี้
“รู้สึกไม่ดีหรือที่ผมบอกแบบนี้ ..อันที่จริงผมนึกว่าคุณจะโอเคเสียอีก เพราะอย่างน้อย ๆ คุณก็เป็นเกย์”
พฤกษ์เงยหน้าขึ้น หรี่ตามองอีกฝ่ายจนเห็นภาพตรงหน้าเป็นเส้นตรง ในความคิดของฉัตรตะวันคงเห็นว่าพฤกษ์กำลังหรี่ตามองด้วยความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด แต่ทว่าความเป็นจริงแล้วพฤกษ์แค่สายตาสั้นจนต้องอาศัยการหรี่ตาเพื่อบีบโลกทัศน์ตรงหน้าให้แคบลงเท่านั้น
แต่ในใจลึก ๆ เขาเองก็มีความขุ่นมัวกับคำพูดนั้นอยู่ไม่น้อยเลย
“เป็นเกย์ก็ไม่ได้โอเคกับผู้ชายบนโลกหรอกนะ นี่คุณเห็นเกย์เป็นตัวอะไรเนี่ย”
ฉัตรตะวันปรี่เข้ามาหาเขาอย่างกระตือรือร้น ร่างสูงกำยำยอบกายนั่งชันเข่าอยู่เบื้องหน้า มือหนาเอื้อมมาจับข้อแขนเล็กอย่างทะนุถนอม
“ขอโทษ ผมปากเสียเอง ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกหรืออะไรทำนองนั้นเลยจริง ๆ ผมขอโทษนะคนดี อย่าโกรธผมเลย”
“โอเค” พฤกษ์มองใบหน้าหล่อเหลานั้น พูดว่า
“แต่คุณก็ควรเรียนรู้ไว้ว่าต่อให้เป็นเกย์ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบนอนกับผู้ชายทุกคน ไม่สิไม่ใช่แค่ผม แต่รวมไปถึงทุกคนนั่นแหละ ทั้งชายทั้งหญิง แม้แต่ตัวคุณฉัตรเองก็คงไม่นอนกับใครไปทั่วเหมือนกันใช่ไหม คุณเข้าใจความจริงข้อนี้ไหมครับ”
ฉัตรตะวันพยักหน้าหงึกหงัก
“ดีมาก” พฤกษ์ดึงมือตนเองมาวางไว้ที่หน้าตัก เหลือบตามองคนที่อยู่ต่ำกว่า น้ำเสียงราบเรียบพูดว่า “แล้วเราจะเอายังไงต่อทีนี้”
“มะ หมายถึง”
“เรื่องที่ผมมีเซ็กส์กับคุณ”
ชายหนุ่มสูดหายใจเฮือกใหญ่ เขากลอกตาคิด มีถ้อยคำมากมายร้อยเรียงอยู่ในหัว ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
“เอ่อ..” ฉัตรตะวันอ้ำอึ้ง
“อืม” เขาพยักหน้า “ผมรู้ว่ามันกระอักกระอ่วน”
“อันที่จริงคุณพฤกษ์ควรจะรู้สึกกระอักกระอ่วนมากกว่า”
“โอ๊ย” พฤกษ์โบกมือ “เรื่องแค่นี้เอง ใช่เรื่องหนักหนาอะไร”
“แต่.. คุณเมา เอ่อ แล้วผมก็เหมือนพวกฉวยโอกาส”
“ก็จริงของคุณ”
ฉัตรตะวันหน้าซีด
“ให้ผมรับผิดชอบนะ บางทีเราอาจจะคบ..”
พฤกษ์ยิ้มแห้ง รีบแทรกขึ้นมาว่า “ใจเย็น ๆ ก่อนคุณฉัตร อย่าให้ต้องถึงขั้นนั้นเลย”
“คุณเสียหายนะ”
“อืม ใช่ เสียหายไปหลายอยู่” เขาขมวดคิ้วมุ่นยามเมื่อขยับท่านั่งแล้วความเจ็บปวดจากเบื้องล่างแล่นแปลบขึ้นมา
“แต่ช่างมันเถอะครับ”
“ช่างมัน? ”
พฤกษ์กดข่มความเจ็บนั้น ฝืนพยักหน้าตอบ
“ใช่ ช่างมัน ถือเสียว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุไปก็ได้ ผมไม่ติดใจอะไรหรอกนะเพราะเรื่องนี้ผมเองก็มีส่วนผิดอยู่ครึ่งหนึ่งเหมือนกัน คุณฉัตรไม่ต้องคิดมากหรอก แต่ เอ่อ.. ส่วน”
“ความรู้สึกผมล่ะ” ฉัตรตะวันพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ เขายืดกายขึ้น แหงนมองคนที่นั่งบนโซฟาด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย
“ผมรู้สึกกับคุณมานานแล้วนะ”
“...”
“จริง ๆ ผมอยากให้คุณพฤกษ์ฟังผมพูดเมื่อกี้ให้จบ คุณรู้ใช่ไหมว่าผมจะพูดอะไร? ‘บางทีเราอาจจะคบกัน ผมอยากขอโอกาสคบกับคุณในฐานะแฟน’ คุณรู้ว่าผมต้องพูดแบบนี้เลยเลือกที่จะไม่สนใจ ทำไมหรือครับ ผมไม่ดีพอที่จะให้คุณเปิดใจเลยหรือ ผมไม่ดีตรงไหน บอกผมสิ ตรงไหนที่ไม่ดี ผมให้คุณได้ทุกอย่างเลย ผมขอแค่โอกาสครั้งเดียวเอง..”
“คุณฉัตร” พฤกษ์ยกมือลูบหน้าโดยแรง หัวสมองเขาชาหนึบจนไม่สามารถคิดอะไรได้ คนทั้งสองนั่งก้มหน้ากันอยู่อย่างนั่นราวนาทีครึ่ง ในที่สุด ..พฤกษ์จึงพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ผมขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ แต่ถ้าไม่เคลียร์ให้จบตอนนี้มันอาจจะเป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่ง.. ผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นอย่างนั้น”
“....”
“ผมไม่สามารถเป็นในสิ่งที่คุณขอได้ อะ คุณฉัตร.. ใจเย็น ๆ ฟังผม มองหน้าผมด้วย ห้ามหลบตา”
ฉัตรตะวันแสดงออกทางสีหน้าทันทีที่พฤกษ์เริ่มพูด เขาเบนหน้าไปทางอื่นอยู่หลายครั้งแต่ก็ต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับดวงตาคู่สวยนั่นอย่างไม่อาจขัดขืนได้
ชายหนุ่มสบถ ‘เหอะ’ ในคอ
“ผมฟังอยู่”
พฤกษ์หรี่ตาจนเป็นเส้นตรง
“ผมไม่อยากอ้อมค้อม ขอโทษอีกครั้งถ้าพูดตรง ๆ แล้วมันทำร้ายความรู้สึกของคุณ แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผมไม่สามารถเป็นได้มากกว่าเพื่อนของคุณ ผมอยากให้คุณเข้าใจ โอเค ถึงเราจะมีเซ็กซ์กันแล้วแต่นั่นเป็นเพราะผมไม่มีสติ คุณเองก็ไม่มีสติ เราถึงถลำลึกกันไปไกลแบบนี้”
“ผมมีสติ” เขาพูดเสียงหนักแน่น
“คุณไม่มี เพราะถ้าคุณมี คุณก็ควรมีความยับยั้งชั่งใจด้วยเหมือนกัน”
ฉัตรตะวันพูดไม่ออก คล้ายกับมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ชายหนุ่มยืนแข็งค้าง พฤกษ์พูดถูก เขาไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ปล่อยให้อารมณ์ที่เก็บซ่อนมานานควบคุมสามัญสำนึกจนเลยเถิดมาถึงขนาดนี้
ทั้งที่ตอนนั้น ..ถ้าเขาหยุด เขาก็ทำได้
แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ
“ผมผิดเอง” เขายอมรับเสียงหงอย ๆ
“เราผิดด้วยกันทั้งคู่” พฤกษ์เอื้อมมือไปตบบ่ากว้างตรงหน้าเบา ๆ พูดว่า
“คุณฉัตรเลือกเอานะ ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น คิดว่ามันเป็นเพียงแค่เซ็กส์แล้วเราก็กลับไปเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมหรือถ้ายังดึงดันที่จะเป็นมากกว่าเพื่อน ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือแม้แต่เพื่อนผมก็เป็นให้คุณไม่ได้ คุณเลือกเอานะครับ ทางให้เลือกมีแค่นี้”
พฤกษ์พูดจบก็เห็นว่าฉัตรตะวันมีสีหน้าที่ปวดร้าวจนปิดซ่อนไม่มิด พลันรู้สึกว่าในอกเต้นแกว่งไปหลายจังหวะ เขาคิดว่าตนเองใจร้ายอย่างคาดไม่ถึงที่พูดออกไปแบบนี้ แต่เขาไม่อยากประนีประนอมหรือให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับอีกฝ่าย ฉัตรตะวันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ ไม่ว่าจะกาลก่อนหรือตอนนี้ก็มีเพียงอีกฝ่ายที่อยู่เคียงข้างในทุกช่วงเวลา พฤกษ์รักและรู้สึกกับฉัตรตะวันในสถานะเพื่อนสนิทและพี่ชายเท่านั้น ต่อให้ใกล้ชิดกันมากเพียงไร สัมผัสกันมากแค่ไหน ความรู้สึกของเขาก็ไม่มีทางเป็นอื่นได้
ตั้งแต่ที่ลืมตาขึ้นมาในฐานะนี้ ตั้งแต่ที่รู้ว่าฉัตรตะวันที่ควรตายจากไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ พฤกษ์ก็เกิดความรู้สึกที่อยากจะรักษาคน ๆ นี้เอาไว้ข้างกายในฐานะเพื่อนให้นานที่สุด
ใช่ ..แค่ในฐานะเพื่อน
“ฮะ ฮะ ..แม้แต่เพื่อนก็ไม่เป็นให้งั้นหรือครับ” ฉัตรตะวันเซถอยไปนั่งพิงกับเตียงก่อนจะหัวเราะเยาะตัวเอง ชายหนุ่มแหงนหน้ามองผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟา พฤกษ์มีสายตาเรียบนิ่ง ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดแม้สักนิด เขาเจ็บแปลบขึ้นมาในอกทันที
ทั้ง ๆ ที่ผมเจ็บหนักขนาดนี้ คุณก็ยังเย็นชาอยู่ได้นะ..
“อืม” พฤกษ์ครางรับในคอ อันที่จริงคำพูดที่ว่า ‘ถ้ายังดึงดันที่จะเป็นมากกว่าเพื่อน ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือแม้แต่เพื่อนผมก็เป็นให้คุณไม่ได้’ เป็นคำพูดที่เขาแกล้งยกขึ้นมาอ้างเพื่อใช้ข่มขู่ให้ฉัตรตะวันล้มเลิกความพยายามในเรื่องนี้เสียที พฤกษ์คิดว่ามันได้ผลชะงัด อีกฝ่ายดูเหมือนจะหวั่นไหวกับคำพูดเด็ดขาดนั้นของเขาจนมีสีหน้าย่ำแย่ ฉัตรตะวันนั่งนิ่งเงียบคล้ายกำลังใช้ความคิดอยู่ในหัว จังหวะนั้นเองความรู้สึกเจ็บระบมที่ช่องทางด้านหลังก็แผ่ขยายอีกรอบ พฤกษ์จิกเล็บลงบนขากางเกงแน่นเพื่อกดข่ม ทว่าความเจ็บครั้งนี้มันรุนแรงยากที่ทานทนไหว ริมฝีปากแดงเรื่อเม้มเข้าหากัน ลมหายใจร้อนผ่าวเริ่มสะดุดไม่สม่ำเสมอ ในตอนนั้นเอง ฉัตรตะวันจึงพูดขึ้นว่า
“ก็ได้ ..เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม เป็นเพื่อนกันอย่างที่คุณพฤกษ์ต้องการ ผมเข้าใจแล้วว่าคุณไม่มีทางรักผมในแง่นั้นได้ แต่อย่างน้อยคุณก็ช่วยรับรู้ความรู้สึกผมได้ไหมครับ”
“...”
“ช่วยรับรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณได้ไหม ผมไม่อยากให้คุณลืมเหมือนที่คุณจะลืมว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ได้ไหมครับ ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวแล้วเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกัน”
มือเรียวที่จิกขากางเกงข้างหนึ่งถูกฉัตรตะวันเอื้อมมากุมเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มน้อย ๆ ทว่าในดวงตายังคงมีความหม่นหมองวูบไหวอยู่ พฤกษ์วางฝ่ามืออีกข้างซ้อนทับลงบนหลังมือใหญ่นั้น พูดว่า
“ได้สิครับ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ