NEW LOVE แค่เพื่อนไม่พอ
-
เขียนโดย chardokmai
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.13 น.
2 บท
0 วิจารณ์
1,882 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 21.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) พื้นที่เดียวกัน [2/2]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “อันนี้คีย์การ์ด กับกุญแจห้องนะคะ ของน้องอยู่ชั้น 5 นะ”
ฉันยิ้มและกล่าวขอบคุณพี่นิติบุคคลที่ยื่นของมาให้ หลังจากที่พวกเราช่วยกันขนของเสร็จเรียบร้อย ห้องของฉันเป็นห้องชุดที่ค่อนข้างมีเฟอร์นิเจอร์ครบ พื้นที่ไม่กว้างมากเท่าห้องริม ซึ่งเหมาะกับคนที่อยู่คนเดียวอย่างฉันแล้วล่ะ ทันใดนั้นก็เห็นพวกผู้ชายกำลังเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมปาร์ตี้คืนนี้
“เอาล่ะ พวกแกอยากกินอะไรกัน” ขณะที่พูด ฉันก็เปิดหน้าแอพพลิเคชั่นบริการส่งของค้างไว้ และส่งต่อให้รถถัง “สั่งตามสบายได้เลยนะ”
“ให้ฉันลงไปซื้อเบียร์มั้ย” ชลเสนอ
“ไม่เป็นไร แกรออยู่บนนี้แหละ เดี๋ยวฉันไปเอง” แม้ว่าเราจะสนิทกันก็เถอะ แต่ด้วยนิสัยขี้เกรงใจที่มีมาแต่กำเนิด แค่มาช่วยฉันก็รู้สึกรบกวนจะแย่อยู่แล้ว
“เห้ย ให้ไอ่ต้ามันไปด้วยดิ” เป้โพล่งขึ้นมาก่อนจะหันมองไปทางคนที่ถูกกล่าวถึง “มึงอยู่ที่นี่มาก่อน น่าจะรู้ที่ทางร้านสะดวกซื้อนะ เกิดน้ำขิงหลงขึ้นมาจะแย่”
“เออว่ะ ไปสองคนจะได้ช่วยกันถือของมาด้วย” รถถังเห็นด้วยกับความคิดของเป้
ฉันเบิกตาขึ้น และรีบส่ายหัวพลันวัน ขณะที่ปากไม่ทันได้เปล่งเสียงปฏิเสธออกมา ต้าเดินผ่านหน้าฉันไปทางประตู ก่อนจะหยุดและหันมาเลิกคิ้วใส่ฉัน
“ไม่ตามมา?”
“ปะ.. ไปสิ”
ต้าเดินนำออกมาก่อน ฉันจึงรีบตามมา ตอนนี้เราทั้งคู่กำลังยืนรอลิฟต์ ความเงียบเข้าปกคลุมเนื่องจากไม่มีใครพูดอะไรออกมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราบังเอิญอยู่ด้วยกันสองต่อสองหรอกนะ แต่ทุกครั้งฉันมักทำตัวไม่ถูกเสมอเลย เหมือนกับว่าสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ฉันเผลอแอบมองนัยน์ตาสีเข้ม ยิ่งเป็นชช่วงเวลาตอนกลางคืน ยิ่งดูน่าค้นหา ประกอบกับสันจมูกเข้ารูป องค์ประกอบบนใบหน้าของต้าราวกับถูกจัดวางมาเป็นอย่างดี และเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าถูกฉันมอง ร่างสูงถึงได้ทิ้งสายตาจ้องฉันอย่างเอาคืน แน่นอนว่ากลับเป็นฉันเองไม่กล้าสบตาและเบนหน้าหนี พลันได้เสียงหัวเราะในลำคอของคนข้าง ๆ
ติ๊ง…
เสียงลิฟต์ดังขึ้นช่วยชีวิตฉันพอดี
เราต่างก็เดินเข้ามาอยู่ข้างใน ต้ากดปุ่มไปยังชั้น G สักพัก และเอ่ยเสียงเข้ม
“แล้วตอนไปเรียน เธอไปยังไงล่ะ”
ฉันไม่ทันคาดคิดว่าเขาจะทำลายความเงียบระหว่างเรา ทำให้สะดุ้งเล็กน้อย
“ก็…คงไปกับยัยชลมั้ง”
นั่นสิ นี่ฉันลืมเรื่องสำคัญอย่างเรื่องนี้ไปได้ยังกันนะ อย่างเมื่อก่อนหอพักยังใกล้อาคารเรียน ฉันยังสามารถเดินไปได้ แต่ที่นี่ห่างจากมอฉันไม่น้อยเลย เนื่องจากบ้านเกิดของฉันอยู่ที่กรุงเทพด้วย ที่ตัดสินใจขึ้นมาเรียนในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เพียงแค่เห็นว่าอากาศดีและหลีกหนีจากเซฟโซนเดิม ๆ เพราะฉะนั้นเรื่องยานพาหนะน่ะฉันไม่มีใช้หรอก
“มั้งเหรอ”
“ก็ฉันยังไม่ได้ถามชลเลย ช่วงนั้นวุ่น ๆ กับสอบด้วย”
“อือ ติดขัดยังไงก็บอกละกัน” เขาพยักหน้าเชิงรับรู้
ว่าแต่ ต้าก็อาศัยอยู่คอนโดนี้นี่นา และฉันเคยเห็นเขาขับรถยนต์ไปจอดที่คณะด้วย
หรือว่าจะขอติดรถไปเรียนด้วยดีมั้ยนะ…
อา ไม่ดีๆ หรอก ได้หัวใจวายตายก่อนแน่ยัยน้ำขิงเอ้ย
ในขณะที่ความคิดกำลังตบตีกันอยู่ในหัว เราทั้งสองก็เดินออกมาจากตัวตึกแล้ว ฉันมองเห็นร้านสะดวกซื้ออยู่ข้างหน้า จึงรีบก้าวเดินจนไม่ทันสังเกตเห็นคนเดินเลี้ยวออกมาจากมุมตึก
จังหวะที่ฉันคิดภาพในหัวว่าเราต้องชนกัน เป็นจังหวะเดียวกันที่สัมผัสได้ถึงแรงดึงจากหัวไหล่ เขากำลังโอบฉันไว้ในอ้อมกอด กลิ่นน้ำหอมละมุนชวนมีเสน่ห์ลอยปะทะเข้าจมูก ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าตอนนี้ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ
“ระวังหน่อยสิ”
ใจเจ้ากรรมดันปะทุอยู่ข้างในอก ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง ความรู้สึกเขินสูบฉีดขึ้นมายังใบหน้า
“ขอบคุณนะ”
ฉันใช้แขนดันร่างสูงเพื่อออกห่าง ต้ายอมปล่อยมือบนหัวไหล่ฉันลง ฉันจึงรีบเดินจ้ำอ้าวเพื่อหนีสถานการณ์เมื่อกี้ พร้อมเอาปิดขึ้นมาปิดหน้าแดงจากอาการเขิน ทำยังไงดีหัวใจเต้นแรงไม่หยุดเลย
ไม่ไหว…
น้ำขิงคนนี้ไม่ไหว เสียอาการมากแม่!
ฉันยิ้มและกล่าวขอบคุณพี่นิติบุคคลที่ยื่นของมาให้ หลังจากที่พวกเราช่วยกันขนของเสร็จเรียบร้อย ห้องของฉันเป็นห้องชุดที่ค่อนข้างมีเฟอร์นิเจอร์ครบ พื้นที่ไม่กว้างมากเท่าห้องริม ซึ่งเหมาะกับคนที่อยู่คนเดียวอย่างฉันแล้วล่ะ ทันใดนั้นก็เห็นพวกผู้ชายกำลังเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมปาร์ตี้คืนนี้
“เอาล่ะ พวกแกอยากกินอะไรกัน” ขณะที่พูด ฉันก็เปิดหน้าแอพพลิเคชั่นบริการส่งของค้างไว้ และส่งต่อให้รถถัง “สั่งตามสบายได้เลยนะ”
“ให้ฉันลงไปซื้อเบียร์มั้ย” ชลเสนอ
“ไม่เป็นไร แกรออยู่บนนี้แหละ เดี๋ยวฉันไปเอง” แม้ว่าเราจะสนิทกันก็เถอะ แต่ด้วยนิสัยขี้เกรงใจที่มีมาแต่กำเนิด แค่มาช่วยฉันก็รู้สึกรบกวนจะแย่อยู่แล้ว
“เห้ย ให้ไอ่ต้ามันไปด้วยดิ” เป้โพล่งขึ้นมาก่อนจะหันมองไปทางคนที่ถูกกล่าวถึง “มึงอยู่ที่นี่มาก่อน น่าจะรู้ที่ทางร้านสะดวกซื้อนะ เกิดน้ำขิงหลงขึ้นมาจะแย่”
“เออว่ะ ไปสองคนจะได้ช่วยกันถือของมาด้วย” รถถังเห็นด้วยกับความคิดของเป้
ฉันเบิกตาขึ้น และรีบส่ายหัวพลันวัน ขณะที่ปากไม่ทันได้เปล่งเสียงปฏิเสธออกมา ต้าเดินผ่านหน้าฉันไปทางประตู ก่อนจะหยุดและหันมาเลิกคิ้วใส่ฉัน
“ไม่ตามมา?”
“ปะ.. ไปสิ”
ต้าเดินนำออกมาก่อน ฉันจึงรีบตามมา ตอนนี้เราทั้งคู่กำลังยืนรอลิฟต์ ความเงียบเข้าปกคลุมเนื่องจากไม่มีใครพูดอะไรออกมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราบังเอิญอยู่ด้วยกันสองต่อสองหรอกนะ แต่ทุกครั้งฉันมักทำตัวไม่ถูกเสมอเลย เหมือนกับว่าสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ฉันเผลอแอบมองนัยน์ตาสีเข้ม ยิ่งเป็นชช่วงเวลาตอนกลางคืน ยิ่งดูน่าค้นหา ประกอบกับสันจมูกเข้ารูป องค์ประกอบบนใบหน้าของต้าราวกับถูกจัดวางมาเป็นอย่างดี และเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าถูกฉันมอง ร่างสูงถึงได้ทิ้งสายตาจ้องฉันอย่างเอาคืน แน่นอนว่ากลับเป็นฉันเองไม่กล้าสบตาและเบนหน้าหนี พลันได้เสียงหัวเราะในลำคอของคนข้าง ๆ
ติ๊ง…
เสียงลิฟต์ดังขึ้นช่วยชีวิตฉันพอดี
เราต่างก็เดินเข้ามาอยู่ข้างใน ต้ากดปุ่มไปยังชั้น G สักพัก และเอ่ยเสียงเข้ม
“แล้วตอนไปเรียน เธอไปยังไงล่ะ”
ฉันไม่ทันคาดคิดว่าเขาจะทำลายความเงียบระหว่างเรา ทำให้สะดุ้งเล็กน้อย
“ก็…คงไปกับยัยชลมั้ง”
นั่นสิ นี่ฉันลืมเรื่องสำคัญอย่างเรื่องนี้ไปได้ยังกันนะ อย่างเมื่อก่อนหอพักยังใกล้อาคารเรียน ฉันยังสามารถเดินไปได้ แต่ที่นี่ห่างจากมอฉันไม่น้อยเลย เนื่องจากบ้านเกิดของฉันอยู่ที่กรุงเทพด้วย ที่ตัดสินใจขึ้นมาเรียนในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เพียงแค่เห็นว่าอากาศดีและหลีกหนีจากเซฟโซนเดิม ๆ เพราะฉะนั้นเรื่องยานพาหนะน่ะฉันไม่มีใช้หรอก
“มั้งเหรอ”
“ก็ฉันยังไม่ได้ถามชลเลย ช่วงนั้นวุ่น ๆ กับสอบด้วย”
“อือ ติดขัดยังไงก็บอกละกัน” เขาพยักหน้าเชิงรับรู้
ว่าแต่ ต้าก็อาศัยอยู่คอนโดนี้นี่นา และฉันเคยเห็นเขาขับรถยนต์ไปจอดที่คณะด้วย
หรือว่าจะขอติดรถไปเรียนด้วยดีมั้ยนะ…
อา ไม่ดีๆ หรอก ได้หัวใจวายตายก่อนแน่ยัยน้ำขิงเอ้ย
ในขณะที่ความคิดกำลังตบตีกันอยู่ในหัว เราทั้งสองก็เดินออกมาจากตัวตึกแล้ว ฉันมองเห็นร้านสะดวกซื้ออยู่ข้างหน้า จึงรีบก้าวเดินจนไม่ทันสังเกตเห็นคนเดินเลี้ยวออกมาจากมุมตึก
จังหวะที่ฉันคิดภาพในหัวว่าเราต้องชนกัน เป็นจังหวะเดียวกันที่สัมผัสได้ถึงแรงดึงจากหัวไหล่ เขากำลังโอบฉันไว้ในอ้อมกอด กลิ่นน้ำหอมละมุนชวนมีเสน่ห์ลอยปะทะเข้าจมูก ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าตอนนี้ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ
“ระวังหน่อยสิ”
ใจเจ้ากรรมดันปะทุอยู่ข้างในอก ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง ความรู้สึกเขินสูบฉีดขึ้นมายังใบหน้า
“ขอบคุณนะ”
ฉันใช้แขนดันร่างสูงเพื่อออกห่าง ต้ายอมปล่อยมือบนหัวไหล่ฉันลง ฉันจึงรีบเดินจ้ำอ้าวเพื่อหนีสถานการณ์เมื่อกี้ พร้อมเอาปิดขึ้นมาปิดหน้าแดงจากอาการเขิน ทำยังไงดีหัวใจเต้นแรงไม่หยุดเลย
ไม่ไหว…
น้ำขิงคนนี้ไม่ไหว เสียอาการมากแม่!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ