11
-
เขียนโดย Ghetto
วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 17.12 น.
9 chapter
58 วิจารณ์
7,288 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564 17.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) 11-08
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผมไม่ไหวแล้ว ผมไม่อยาก break down into tears อีกแล้ว เพราะผมต้องก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ไปให้ได้ ผมต้องเข้มแข็ง น้องเจจะต้องไม่มีทางรู้ว่าน้องทำให้พี่เสียใจมากมายขนาดนี้
ผมเปิด clubhouse เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง รู้ตัวอีกที ผมกลับอยู่ในห้องที่คุณดิวเดอะสตาร์เป็นผู้ดำเนินรายการ ห้องที่รวมคนที่อยาก move on จากปัญหาอะไรสักอย่าง
ผมอยาก move on ผมต้องการมันมาก ณ ตอนนี้
ผมรออยู่กว่าชั่วโมง กว่า speaker จะเปิดโอกาสให้ผมเล่าเรื่องที่ผมเพิ่งพบเจอมา แผลผมสดมาก ผมพูดไปกลั้นน้ำตาไป ผมต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้…
ทุกคนให้กำลังใจผมดี ผมขอบคุณ แต่ผมรู้ดีว่าคนที่จะพาผมข้ามเวลาอันยากลำบากแบบนี้ไปได้ มันคือตัวผมเอง ผมขอบคุณทุกคนหลังจากคำแนะนำจบสิ้น ผมพยายามดูนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยจนผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
24 มีนาคม
ตาผมเปิดขึ้นอย่างช้าๆ แต่ความคิดเรื่องน้องเจกลับบุกรุกเข้ามาในหัวผมอย่างรวดเร็ว หัวผมหนักขึ้นทันที ผมรู้สึกไม่สบายตัวและไม่ชอบตัวเองเลยที่เป็นแบบนี้ ผมรีบสลัดความคิดทั้งหมดออกและหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูสิ่งที่ต้องทำในวันนี้ มันช่างมากมายเหลือเกิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะผมจะได้หยุดคิดเรื่องน้องเจได้บ้าง…
ผมไม่มีจิตใจทำการทำงานเลย พอผมนึกถึงน้องเจขึ้นมาทีไร น้ำตาผมก็เอ่อขึ้นมาทันที ผมต้องหลบมานั่งทำงานในมุมของห้อง
ผมไม่อยากให้ใครมารับรู้ ว่าผมเจอกับอะไรมา…
ยิ่งคิดผมก็ยิ่งดิ่ง ดิ่งลงไปยังเหวแห่งความรู้สึกที่มองไม่ออกเลยว่าก้นเหวอยู่ตรงไหน
“ใครก็ได้ช่วยผมด้วย” นั่นคือสิ่งที่ผมอยากตะโกนออกมามากที่สุด.. แต่ผมไม่ทำ.. เพราะผมไม่รู้ว่าผมต้องการให้ช่วยอะไร….
ประมาณ 11.45 โทรศัพท์ผมดังขึ้น
“โหลมึง อยู่ไหน” เสียงสดใสปนเซ็งของพี่สาวที่ผมสนิทคนหนึ่งถามมา ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
เธอชวนผมไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งแถวชานเมือง ผมไม่เคยต้องการคำชวนมากขนาดนี้มาก่อน ผมรีบรับปากอย่างไม่รอช้า และรีบอาบน้ำแต่งตัวออกนอกบ้านทันที
การนั่งทำงานที่ร้านกาแฟมันช่วยผมได้มากกว่าที่คิดเยอะเลย ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา เสียงจากสังคมอันวุ่นวาย เสียงหัวเราะจากโต๊ะข้างๆ มันช่วยทำให้ผมลืมๆ เรื่องของน้องเจไปได้ดีทีเดียว แต่ยังไงก็แล้วแต่ ผมทราบดีว่าผมยังต้องกลับบ้านมาสู้กับความคิดของตัวเองในห้องของผม แค่คิดผมก็เหนื่อยแล้ว…
คืนนั้น
ผมเริ่มถูกความคิดตัวเองครอบงำอีกแล้ว จิตใจผมเริ่มที่จะดิ่งลงพร้อมกับนิ้วมือและสายตาที่พยายามค้นหาว่าน้องเจจากโลกนี้ไปได้อย่างไร ผมนั่งจ้องหน้า facebook profile ของน้องเจอยู่สักพัก
Mutual friend (1)…
จิตใจผมดิ่งหนักลงกว่าเดิม.. เพราะผมกำลังจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องเจ ผมมั่นใจว่าผมต้องรู้ได้อย่างแน่นอน…
ผมรีบส่งข้อความไปถามรุ่นน้องคนนี้อย่างรวดเร็ว เธอบอกว่า ที่บ้านของน้องเจให้ข้อมูลเพียงแค่ว่าน้องเจประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่ได้บอกอะไรเหนือจากนั้น
ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ผมไม่อยากให้น้องเจจากไปเพราะโรคซึมเศร้า แต่ความเคลือบแคลงใจของผมยังไม่หาย
“เหรอ ตอนแรกพี่ตกใจมาก เพราะพี่เคยเห็นน้องเค้าโพสต์เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า พี่เพิ่งเสียพี่สาวที่รู้จักไปเมื่อปีที่แล้ว ถ้ามันซ้ำรอยอีกพี่คงเสียใจมากอะ” ผมบอกรุ่นน้อง
“อือ ตอนแรกหนูก็สงสัยเหมือนพี่แหละ” รุ่นน้องตอบ
“นั่นไง... ลางสังหรณ์กูทำงานละ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าน้องเจจะจากโลกนี้ไปด้วยโรคซึมเศร้าสักหน่อย” ผมพยายามกล่อมตัวเอง เพียงแค่อยากให้ตัวเองได้ move on เร็วๆ
ผมพยายามสืบหาข่าวคราวของน้องเจด้วยสติปัญญาทั้งหมดที่ผมพอจะมี ผมไล่ดูโพสต์ต่างๆ ของเพื่อนๆ น้องเจที่แสดงความโศกเศร้าที่น้องเจจากไป มันทรมานมาก.. ผมรู้ว่าผมไม่ควรทำอะไรแบบนี้เลย มันไม่มีข้อดีแม้แต่น้อย แต่ผมต้องรู้ให้ได้ว่าน้องเจอกับอะไร ใช่โรคซึมเศร้ารึเปล่า ไม่งั้นผมคงรู้สึกผิดมาก ที่ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องรู้สึกไม่ดีก่อนที่จะจากโลกนี้ไป
ในที่สุด ผมก็สามารถติดต่อเพื่อนคนหนึ่งของน้องเจได้ ผมถามน้องว่าผมจะสามารถไปวัดไหนที่จะทำบุญให้น้องเจได้บ้าง น้องบอกว่าพิธีศพน้องเจได้เสร็จสิ้นไปนานแล้วที่วัดแถวชานเมือง เถ้ากระดูกของน้องก็ได้หลับใหลอยู่ในทะเล ซึ่งเป็นสถานที่ที่น้องเจชอบ แต่น้องไม่แน่ใจว่าอัฐิของน้องเจอยู่ที่วัดไหน พร้อมแนะนำให้ไปสอบถามกับพ่อแม่ของน้องเจ แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ ผมไม่อยากเป็นคนรื้อฟื้นเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดที่มันควรจบลงไปได้แล้วให้กับครอบครัวของน้องเจ ถึงแม้ว่าผมจะทรมานจากการไม่รู้มากแค่ไหนก็ตาม
ผมเกรงใจน้องมาก แต่ผมก็ไม่สามารถห้ามจิตใจตัวเองได้
“ขอบคุณนะครับที่ให้ข้อมูล ว่าแต่น้องประสบอุบัติเหตุเหรอครับ” ผมถาม และรีบลบแชททิ้งทันที ด้วยความกลัวว่าน้องจะรู้สึกแย่หรือไม่พอใจที่ผมขุดคุ้ยอดีตที่น้องสมควรจะลืมๆ ไปได้แล้วกลับมาอีก
น้องไม่ตอบข้อความนั้นอีกเลย.. ผมเข้าใจดี ผมผิดเองที่ถามอะไรไร้มารยาทลงไป
แต่ว่า
“ครับ ตกตึกครับ” น้องพิมพ์กลับมาใน 4 ชั่วโมงให้หลัง
ผมอึ้งไปเลย… “ตกตึก หมายความว่าอะไร น้องเจเคยบอกกับผมว่าน้องเจอยู่คอนโดแถวสุขุมวิท หมายถึงน้องตกจากคอนโดตัวเองงั้นเหรอ ตกตึกมันคืออุบัติเหตุ แต่ถ้าโดดตึกมันคือการฆ่าตัวตาย คนเราจะตกตึกลงมาได้ยังไงถ้าไม่ได้เป็นคนที่ทำอาชีพที่ต้องอยู่กับตึกสูงบ่อยๆ” ผมพยายามเข้าใจในสิ่งที่น้องบอก แต่ผมไม่สามารถเชื่อมโยงตรรกะอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องเจได้เลย ผมว้าวุ่นใจมาก พยายามสืบหาข่าวคนโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่ผมก็ไม่เจอข่าวของน้องเจเลย
ผมเหนื่อย ผมทำอะไรก็ไม่รู้ ผมจะรื้อฟื้นอดีตไปเพื่ออะไร นี่ผมกำลังเป็นบ้าใช่ไหม..
“ต่อให้ผมจะทำมากแค่ไหน น้องเจก็ไม่กลับมาอยู่ดี” อยู่ๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว ผมเหมือนโดนกระบองตีเข้าอย่างจัง ผมหยุดฟูมฟาย และทวนประโยคนี้ซ้ำๆ อยู่ในหัวจนผมหลับไป...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ