แม่มดกับนิทานทั้ง…?
เขียนโดย HanaHana[ฮานาฮานะ]
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 15.33 น.
แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2564 15.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) สโนไวท์ V
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความจากตอนนี้ เนื้อเรื่องออกจากผิดเพี้ยนไปเยอะ… สโนไวท์เข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าชายและย้ายสัมมะโนครัวไปอยู่ดินแดนของเจ้าชายและรักกันอย่างมีความสุขจากที่เด็กๆไปสืบมาให้อ่ะนะ ฉันหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านของคนแคระน้อย ถ้าเรียกให้ถูกต้องตามฉบับนิทาน
ส่วนพระราชาโลแกน หลังจากรู้เรื่องว่าแม่มดอย่างฉันหนีออกมาได้ก็สั่งเก็บข่าวเงียบและไล่ล่าอย่างเงียบๆ วันเวลาของฉันผ่านไปอย่างปกติธรรมดาไม่มีการกดปุ่มSkip แต่ยังคงมีเสียงไก่ขันตามมาถึงที่นี่ไม่ลดละ
“วันนี้ก็จะเข้าป่าอีกหรอ? เห็นคนในเมืองเขาลือว่าเจอสัตว์ดุร้ายในป่านะ”
“นี่เจ้าเป็นห่วงข้าหรอโฟร์” ฉันส่งยิ้มหวานให้กับโฟร์น้อยที่ปกติชอบดุฉัน
“นี่เจ้าสติฟั่นเฟือนไปแล้วหรอแม่มด!” ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดังกลบเกือน
จิ๊ก จิ๊ก หลังมือฉันถูกจิ้มด้วยปลายนิ้วเล็กๆของโคทาโร่น้อย ฉันแบมือส่งไปให้เขาเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ‘อันตราย’ พร้อมกับใบหน้าออดอ้อนไม่ให้ไปของโคทาโร่น้อย …แม่ใจไม่ดีนะลูก อย่าทำแบบนี้…
“ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว”
ไม่รู้ว่าเพราะเดินทางในป่ามาบ่อยคร้ัง(ตั้งแต่หลบหนีออกมา) หรือเพราะความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่เข้าป่าบ่อย ทำให้การเดินสำรวจป่าวันนี้ไปได้ไกลกว่าเดิมเป็นหลายกิโล …ตายล่ะ ลืมนึกถึงขากลับเลย ไม่เหนื่อยหอบขาลากก่อนถึงบ้านหรอเนี่ย?…
ฟิ้วววว~
สิ่งของบางอย่างลอยลงมาจากฟ้าหรือมันถูกเขวี้ยงมา มันลอยผ่านหน้าฉันไปไม่กี่เซนฯ …รู้มั้ยว่าหมดไปเท่าไหร่กว่าหน้าจะเนียนใสไร้ฝ้าแบบนี้น่ะ ห๊ะ!… ฉันหันกลับไปมองต้นตอของสิ่งนั้น
“พระราชาโลแกน”
เมื่อเราทั้งคู่สบตากัน ความรักก็เบ่งบาน..ซะที่ไหนกันล่ะ วิ่งสิ!รออะไร ฉันใส่เกียร์ชีต้าวิ่งนำหน้าโดยไม่คิดชีวิต เหมือนภาพหรือตัวหนังสือบางอย่างกำลังแล่นอยู่ในหัวแต่ก็ไม่สามารถหยุดนั่งพักใช้สมองแบบอิคคิวซังตอนนี้ได้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงสั่งของโลแกนไม่ได้ทำให้ฉันหยุดแต่กลับเป็นเเรงขับเคลื่อนชนิดที่แรงม้าก็ต้องถอยและหมอบคลาน
เอี๊ยด.. แต่สุดท้ายและท้ายสุดฉันก็ต้องหยุด เมื่อหลับหูหลับตาวิ่งไม่ดูทางทำให้ก้าวสุดท้ายที่ก้าวไปได้คือเหวและอากาศธาตุที่กำลังเกาะกลุ่มเป็นสีดำ เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด~เปรี้ยงปร้างสว่างไสวอันตรายไปทุกที่~ เนื้อเพลงนี้แล่นเข้าหัวทันทีโดยไม่ต้องอธิบายภาพเพิ่มเติม
“กลับมานี่นะ” โลแกนยื่นมือมาให้ฉันที่ห่างกัน10ก้าวจากปากเหวที่ฉันยืนอยู่
แม้จะอยากยื่นมือไปจับมือคู่นั้นแต่ก็เอือมไม่ถึง เมื่อจู่ๆลมพายุลูกใหญ่ก็ก่อตัวและสายฝนก็เทลงไม่โดยไม่บอกกล่าว ต่อให้สระผมด้วยรีบจอยก็เอาไม่อยู่กับสถานการณ์ตอนนี้ ที่ไม่ต่างอะไรกับโฆษณาเปรียบเทียบยี่ห้อแชมพูธรรมดากับแชมพูพิเศษกลางพายุโซนร้อน
“เจ้าจะไม่เป็นอะไร ยืนนิ่งๆไว้ ข้าจะเข้าไปช่วยเจ้าเอง” เสียงของโลแกนตะโกนผ่านสายลมที่พัดเอาเส้นผมของฉันปลิวปิดหน้าและเข้าปาก ไม่รู้ว่าปลายเส้นผมที่เปียกและฟาดเข้าที่ใบหน้าเป็นน้ำลายตัวเองหรือน้ำฝนกันแน่
“กรี๊ดดดดด~”
จุดที่ฉันยืนไร้ซึ่งสิ่งยึดเหนี่ยวใดๆทำให้พายุที่พัดผ่านเข้ามาโอบเอาตัวฉันไปด้วยอย่าง่ายดาย ก่อนจะทิ้งให้ร่างของฉันลอยเคว้งคว้างกลางอากาศอย่างไม่ใยดี
“จะ..จับได้แล้ว” เสียงของโลแกนที่คว้าแขนฉันไว้ได้ทันทำให้ฉันกล้าที่จะลืมตาขึ้นมาดู “อดทนอีกนิดนะข้าจะดึงท่านขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ปล่อยมือคู่นี้ไปอีก ข้าขอโทษที่มาช้า ข้าขอโทษที่เกิดช้าไป”
เพราะสายลมและพายุที่พัดผ่านอย่างบ้าระห่ำ แค่ยืนทรงตัวก็ลำบากจะแย่…แต่การที่เขายังจับแขนฉันไว้แน่นก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดจะช่วยฉันจริงๆ แล้วไหนจะบทพูดเลี่ยนๆนั่นอีก
หมับ
แขนอีกข้างหนึ่งของฉันถูกมือเล็กๆจับไว้แน่น ประนึ่งเป็นของเล่นชิ้นสำคัญ โคทาโร่น้อยมาพร้อมกับบทบาทเจ้าน้ำตา …อย่าร้องไห้นะลูก แม่ใจบาง… เขาจับปลายนิ้วของฉันไว้แน่นแม้ไม่ได้ช่วยอะไรมากแต่ก็ช่วยบำรุงใจแม่
ด้านหลังของพวกเขาทั้งคู่มีเงาเล็กๆก้อนกลมๆอยู่อีก ทั้ง วัน ทู ทรี โฟร์ ไฟท์ และซิค ความซาบซึ้งกำลังก่อตัวขึ้นเมื่อเหล่ากองทัพแมวน้อยทั้ง7 กับหนุ่มหล่อว่าที่ผ-ัวใหม่หรือไม่ใช่ว่าที่แล้วหว่า? กำลังฉุดกระชากลากดึงอยู่ที่ปลายพื้นดิน
เดี๋ยวก่อนนะ… ปลายผาสูงชันที่ฝนกำลังตกอย่างบ้าระห่ำกับฟ้าร้องเหมือนในนิทานตอนจบของสโนไวท์เลยที่แม่มดถูกไล่ล่าจนตกหน้าผาตาย แต่ของฉันมันผิดตรงที่ไม่ได้ถูกไล่ล่าด้วยความเกลียดชังแต่ดันเสลอวิ่งหนีเพราะความโง่เอง …ไว้อาลัยให้กับตัวเองแปป..
“ฉันยังไม่อยากตาย แง~” ฉันร้องไห้ตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงแต่ก็ไม่อาจสู้เสียงฟ้าที่ร้องอยู่ได้
เปรี๊ยง เสียงฟ้าร้องดังสนั่นทำให้ก้อนกลมๆทั้ง7ถึงกับตัวสั่นที่เห็นได้ชัดก็คงเป็นโคทาโร่น้อยของแม่ …นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่ นิทานเรื่องนี้สุดท้ายแม่มดเลี้ยงก็ต้องตายมันคือบทสรุปของเรื่อง ต่อใหฉันอยากเปลี่ยนแค่ไหนสุดท้ายเนื้อเรื่องมันก็กลับไปสู่เส้นทางเดิมของมัน อาจจะคดเคี้ยวและแวะปั๊มเติมน้ำมันหรือพักโฮเต็ลเติมพลังความแซ่บบ้าง ยังไงมันก็กลับมาหาเนื้อเรื่องของมันอยู่ดี
“พระราชา… โลแกน…” ฉันเรียกชื่อของเขาพร้อมกับส่งยิ้มให้ “ท่านไม่ได้เกิดช้าแต่อย่างใด ข้าดีใจที่ท่านเกิดช้ากว่าข้า หากท่านเกิดเร็วกว่าข้า..เราอาจไม่ได้รู้จักกันเช่นนี้ก็เป็นได้ ข้าดีใจและมีความสุขที่ได้เจอท่านในช่วงเวลานี้จริงๆ”
“นี่ท่านกำลังสารภาพรักกับข้ารึ? รอกลับไปที่ปราสาทก่อน ข้าจะให่ท่านเผยหมดเปลือกเลย” …แอบคิดไม่ดีกับคำพูดของเขาได้มั้ยเนี่ย?…
“โค… เซเว่น ข้าดีใจที่ได้เจอเจ้ากับพี่ๆของเจ้านะ ถึงบางครั้งพวกเจ้าจะเสียงดังและวุ่นวายไปบ้างก็เถอะ ข้าขอบใจพวกเจ้าที่ช่วยเหลือข้าแม้ข้าอยากจะตอบแทนแต่ก็ไม่มีอะไรให้ได้เลย แถมตอนนี้ยังทำให้พวกเจ้าทุกคนลำบากด้วย”
ไม่รู้ว่าน้ำที่กำลังอาบใบหน้าของฉันอยู่นั้นเป็นสายฝนหรือน้ำตากันแน่ ฉันจ้องมองใบหน้าของทั้งคู่ที่ชัดเจน เพราะอีก6คนอยู่ไกลและองศาการมองมันไม่ราบรื่น ก่อนที่จะตัดสินใจได้เสียที
“ม่ายยยยย~~”
เสียงตะโกนที่ปฏิเสธความเป็นจริงที่เกิดขึ้นของโลแกนหนึ่งคน กับเสียงเล็กๆที่ไม่เคยได้ยินอีกหนึ่งคน สุดปลายสายตาของฉันที่อยู่ปลายพื้นดินค่อยๆไกลออกไปอย่างรวดเร็วเหลือผลจากต้นที่ตกลงสู่พื้น ใช่..ฉันเป็นผลลูกนั้น
แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นแม่มดทั้งๆที่ไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้นอกจากมีกระจกวิเศษไว้ครอบครองเพียงอย่างเดียว แต่วันนี้ก็ทำให้รู้ความจริงว่าการตราหน้านั้นเป็นจริง เมื่อเสียงสุดท้ายที่ได้ยินเป็นของเด็กน้อยที่ไม่สามารถเปร่งเสียงออกมาได้ บัดนี้เขาสามารถพูดคุยกับผู้อื่นโดยไม่ต้องใช้ภาษามืออีกต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ