แม่มดกับนิทานทั้ง…?
-
เขียนโดย HanaHana[ฮานาฮานะ]
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 15.33 น.
6 EP
1 วิจารณ์
4,988 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2564 15.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) สโนไวท์ II
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “ท่านตื่นแล้วหรือ? นอนพักอีกสักหน่อยเถอะ เมื่อคืนข้าคงทำให้ท่านร้องมากไป”
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาเจอเพดานสูงโปร่งเหมือนกับตอนแรกที่เข้ามาอยู่ในโลกนิทานแห่งนี้ มันต่างกันตรงที่ว่าตอนแรกฉันตื่นมานอนอยู่คนเดียวเสื้อผ้าครบชิ้น แต่คราวนี้ดันตื่นขึ้นมามีคนนอนกกอยู่ข้างกาย แถมเสื้อผ้าไม่เหลือสักชิ้น
“.....”
แม้อยากจะส่งเสียงพูดออกไป ก็มีเพียงลมปากที่แหบกร้าน ...ทะ ทะ ทำไมเสียงฉันเป็นแบบนี้? รู้สึกแสบคอไปหมด เหมือนจะปวดตาด้วย... สัมผัสร้อนผ่าวและนุ่มนิ่มจากริมฝีปากประทับลงบนหน้าผากของฉันที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด
ประตูเจ้ากรรมถูกเปิดออก พร้อมกับการก้าวเท้าหนักๆเข้ามาของใครบางคนพร้อมกันกับผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงขึ้นมาคลุมหัวของฉันไว้ เสียงไก่ขันที่บ่งบอกถึงเช้าวันใหม่ไม่มี มีเพียงไออุ่นจากคนข้างกายที่ทำให้ฉันตื่นเพราะการกอดรัดอย่างงูหลาม เมื่อเสียงประตูปิดลง..ฉันดึงผ้าห่มที่คลุมหัวไว้ลงมาจ้องใบหน้าของร่างกายเปลือยเปล่าข้างกายฉัน ‘โลแกน’ พระราชาองค์ใหม่
“ข้ามีภารกิจต้องไปจัดการด่วน ท่านนอนพักผ่อนร่างกายต่อเถอะ หากร่างกายท่านรับต่อไม่ไหวข้าคงต้องอดทนอีกหลายวัน”
...รับอะไรไม่ไหว? อดทนอะไร?... เหมือนจะเข้าใจความหมายแต่ก็ไม่เข้าใจความหมายนั้นอยู่ดี โลแกนลุกขึ้นแต่งตัวอย่างง่ายๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอน(เขา)และไม่ลืมที่จะประทับจูบลงที่หน้าผากของฉันก่อนออกไป
“องค์ราชินีเพคะ”
แอนนาก็เข้ามาหลังจากโลแกนออกไปได้สักพัก เธอช่วยเหลือฉันในการขยับร่างกายที่เหมือนพึ่งกลับมาจากสนามรบและจัดการเอาเสื้อผ้ามาสวมใส่บนตัวของฉัน โดยที่ฉันขยับเขยื้อนตัวเพียงเล็กน้อยประนึ่งฝึกซ้อมการเป็นอัมพาต
เมื่อกลับมาถึงห้องนอนตัวเอง ฉันก็นอนคิดถึงเหตุการณ์ที่มันควรจะเป็นให้ได้มากที่สุด ภาพเหตุการณ์สุดท้ายที่หลงเหลือในเซลล์หยักสมองคือฝนตกและโลแกนก็อุ้มมาส่ง และภาพทุกอย่างก็ดับวูบ ตื่นมาก็มีผ-ัวใหม่แล้ว
เนื้อเรื่องมันไม่ควรดำเนินไปแบบนี้สิ มันออกจะผิดเพี้ยน แต่ถ้ามันช่วยไม่ให้ฉันถูกฆ่าในตอนท้ายเรื่องก็ไม่เลวนะ ...แบบนี้ต้องพิสูจน์... หลังจากตั้งสติได้แล้วฉันก็ตรงไปหากระจกวิเศษ
“กระจกวิเศษ”
‘องค์ราชินีผู้สวยสดงดงามของข้า ท่านมีเรื่องอันใดสงสัยที่จะถามข้าหรือ? โอ้~ วันนี้ท่านดูเย้ายวนกว่าปกตินะขอรับ’
“พึ่งรู้ว่ากระจกแบบเจ้าก็มีมุมอิโรติกด้วย แต่ช่างเถอะ...ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้สโนไวท์อยู่ไหน?”
‘สักครู่นะขอรับ’ กระจกวิเศษเงียบไปอยู่ครู่นึง ‘สโนไวท์ เด็กสาวที่งามที่สุดในปฐพี แต่ผู้ที่สวยสดงดงามที่สุดสำหรับข้าคือท่านองค์ราชินี ตอนนี้สโนไวท์อยู่ที่บ้านเล็กหลังป่าแห่งหนึ่งขอรับ’
บนกระจกเงาปรากฎแผนที่พื้นสีน้ำตาลและจุดแดงกำกับไว้ยังสถานที่ของสโนไวท์ หมายความว่ายังไงที่สโนไวท์ไปอยู่กับคนแคระทั้ง7แล้ว ฉันยังไม่ทันสั่งหรือจ้างนายพรานเลยนะ หรือว่าทำไปแล้ว? เพราะโลกนิทานแห่งนี้มักจะกดปุ่มSkipแทนฉันเสมอ
“กระจกวิเศษเจาบอกข้าทีว่าทำไมสโนไวท์ถึงไปอยู่ที่นั้น?”
‘จากบันทึกของข้า สโนไวท์ได้หลบหนีจากชายร่างกายกำยำใหญ่โตที่มีเหล็กกล้าปลายแหลมคม ด้ามจับเป็นไม้ซุงขนาดกลาง ไปพักหลบหนีที่บ้านเล็กหลังป่าขอรับ’
...นายพรานสินะ หมายความว่าเรื่องดำเนินไปถึงตอนที่สโนไวท์อยู่กับคนแคระแล้ว...
เมื่อรู้ว่าเนื้อเรื่องไปถึงช่วงไหนแล้ว ฉันก็เตรียมการที่จะแอบออกจากปราสาท แต่น่าแปลกที่คนภายในปราสาทกลับไม่มีใครสงสัยหรือเอะใจกับการหายตัวไปของสโนไวท์เลย แต่ในนิทานที่ฉันอ่านมาก็ไม่ได้กล่าวถึงส่วนนี้เลย
และน่าแปลก ที่นายพรานไม่ได้กลับมาหาแม่เลี้ยงพร้อมกับหัวใจจอมปลอมของสโนไวท์
“ฮัดชิ้ว~ อุ้บ!”
เสียงจามจากด้านหลังของฉันดังขึ้นพร้อมกับมือคู่เล็กที่อุดปากเขาไว้ ฉันหันกลับไปมองเงาก้อนน้อยๆที่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ ...โอ้แม่เจ้า~ คนแคระน้อย2คน... ถ้ามองดูดีๆแล้วพวกเขาเหมือนเด็กอายุประมา7ขวบที่มีความสูงเพียง120เซนฯซะมากกว่า
“ขะ..ข้าบอกเจ้าแล้ว ระ...รีบไปบอกคนอื่นดะ...ดีกว่า”
น้ำเสียงที่ขี้อายเป็นเหมือนเพียงเสียงกระซิบของร่างเด็กน้อยบอกกล่าวกับคนที่พึ่งจามไป ด้านหลังพวกเขาทั้งคู่มีเด็กเล็กที่ดูแล้วไม่น่าสูงถึง100เซนฯหลบอยู่ ...อ๊ายยยยย~ โซตะค่อนชัดๆแบบนี้...
“ซิค ฮัดชิ้ว~ เซเว่น ฮัดชิ้ว~ อย่าไปกลัวมัน...”
โคร๊กกกกกก~ คร๊ากกกกกก~ เสียงร้องขอความเมตตาจากกระเพาะน้อยๆทั้งสามดังกลบเสียงของพวกเขา ใบหน้าเหลืองๆแดงกล่ำด้วยความเขินอาย ...ไม่เป็นไรนะจ๊ะ พี่สาวไม่ถือน่าร๊ากกกกกก~…
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาเจอเพดานสูงโปร่งเหมือนกับตอนแรกที่เข้ามาอยู่ในโลกนิทานแห่งนี้ มันต่างกันตรงที่ว่าตอนแรกฉันตื่นมานอนอยู่คนเดียวเสื้อผ้าครบชิ้น แต่คราวนี้ดันตื่นขึ้นมามีคนนอนกกอยู่ข้างกาย แถมเสื้อผ้าไม่เหลือสักชิ้น
“.....”
แม้อยากจะส่งเสียงพูดออกไป ก็มีเพียงลมปากที่แหบกร้าน ...ทะ ทะ ทำไมเสียงฉันเป็นแบบนี้? รู้สึกแสบคอไปหมด เหมือนจะปวดตาด้วย... สัมผัสร้อนผ่าวและนุ่มนิ่มจากริมฝีปากประทับลงบนหน้าผากของฉันที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด
ประตูเจ้ากรรมถูกเปิดออก พร้อมกับการก้าวเท้าหนักๆเข้ามาของใครบางคนพร้อมกันกับผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงขึ้นมาคลุมหัวของฉันไว้ เสียงไก่ขันที่บ่งบอกถึงเช้าวันใหม่ไม่มี มีเพียงไออุ่นจากคนข้างกายที่ทำให้ฉันตื่นเพราะการกอดรัดอย่างงูหลาม เมื่อเสียงประตูปิดลง..ฉันดึงผ้าห่มที่คลุมหัวไว้ลงมาจ้องใบหน้าของร่างกายเปลือยเปล่าข้างกายฉัน ‘โลแกน’ พระราชาองค์ใหม่
“ข้ามีภารกิจต้องไปจัดการด่วน ท่านนอนพักผ่อนร่างกายต่อเถอะ หากร่างกายท่านรับต่อไม่ไหวข้าคงต้องอดทนอีกหลายวัน”
...รับอะไรไม่ไหว? อดทนอะไร?... เหมือนจะเข้าใจความหมายแต่ก็ไม่เข้าใจความหมายนั้นอยู่ดี โลแกนลุกขึ้นแต่งตัวอย่างง่ายๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอน(เขา)และไม่ลืมที่จะประทับจูบลงที่หน้าผากของฉันก่อนออกไป
“องค์ราชินีเพคะ”
แอนนาก็เข้ามาหลังจากโลแกนออกไปได้สักพัก เธอช่วยเหลือฉันในการขยับร่างกายที่เหมือนพึ่งกลับมาจากสนามรบและจัดการเอาเสื้อผ้ามาสวมใส่บนตัวของฉัน โดยที่ฉันขยับเขยื้อนตัวเพียงเล็กน้อยประนึ่งฝึกซ้อมการเป็นอัมพาต
เมื่อกลับมาถึงห้องนอนตัวเอง ฉันก็นอนคิดถึงเหตุการณ์ที่มันควรจะเป็นให้ได้มากที่สุด ภาพเหตุการณ์สุดท้ายที่หลงเหลือในเซลล์หยักสมองคือฝนตกและโลแกนก็อุ้มมาส่ง และภาพทุกอย่างก็ดับวูบ ตื่นมาก็มีผ-ัวใหม่แล้ว
เนื้อเรื่องมันไม่ควรดำเนินไปแบบนี้สิ มันออกจะผิดเพี้ยน แต่ถ้ามันช่วยไม่ให้ฉันถูกฆ่าในตอนท้ายเรื่องก็ไม่เลวนะ ...แบบนี้ต้องพิสูจน์... หลังจากตั้งสติได้แล้วฉันก็ตรงไปหากระจกวิเศษ
“กระจกวิเศษ”
‘องค์ราชินีผู้สวยสดงดงามของข้า ท่านมีเรื่องอันใดสงสัยที่จะถามข้าหรือ? โอ้~ วันนี้ท่านดูเย้ายวนกว่าปกตินะขอรับ’
“พึ่งรู้ว่ากระจกแบบเจ้าก็มีมุมอิโรติกด้วย แต่ช่างเถอะ...ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้สโนไวท์อยู่ไหน?”
‘สักครู่นะขอรับ’ กระจกวิเศษเงียบไปอยู่ครู่นึง ‘สโนไวท์ เด็กสาวที่งามที่สุดในปฐพี แต่ผู้ที่สวยสดงดงามที่สุดสำหรับข้าคือท่านองค์ราชินี ตอนนี้สโนไวท์อยู่ที่บ้านเล็กหลังป่าแห่งหนึ่งขอรับ’
บนกระจกเงาปรากฎแผนที่พื้นสีน้ำตาลและจุดแดงกำกับไว้ยังสถานที่ของสโนไวท์ หมายความว่ายังไงที่สโนไวท์ไปอยู่กับคนแคระทั้ง7แล้ว ฉันยังไม่ทันสั่งหรือจ้างนายพรานเลยนะ หรือว่าทำไปแล้ว? เพราะโลกนิทานแห่งนี้มักจะกดปุ่มSkipแทนฉันเสมอ
“กระจกวิเศษเจาบอกข้าทีว่าทำไมสโนไวท์ถึงไปอยู่ที่นั้น?”
‘จากบันทึกของข้า สโนไวท์ได้หลบหนีจากชายร่างกายกำยำใหญ่โตที่มีเหล็กกล้าปลายแหลมคม ด้ามจับเป็นไม้ซุงขนาดกลาง ไปพักหลบหนีที่บ้านเล็กหลังป่าขอรับ’
...นายพรานสินะ หมายความว่าเรื่องดำเนินไปถึงตอนที่สโนไวท์อยู่กับคนแคระแล้ว...
เมื่อรู้ว่าเนื้อเรื่องไปถึงช่วงไหนแล้ว ฉันก็เตรียมการที่จะแอบออกจากปราสาท แต่น่าแปลกที่คนภายในปราสาทกลับไม่มีใครสงสัยหรือเอะใจกับการหายตัวไปของสโนไวท์เลย แต่ในนิทานที่ฉันอ่านมาก็ไม่ได้กล่าวถึงส่วนนี้เลย
และน่าแปลก ที่นายพรานไม่ได้กลับมาหาแม่เลี้ยงพร้อมกับหัวใจจอมปลอมของสโนไวท์
“ฮัดชิ้ว~ อุ้บ!”
เสียงจามจากด้านหลังของฉันดังขึ้นพร้อมกับมือคู่เล็กที่อุดปากเขาไว้ ฉันหันกลับไปมองเงาก้อนน้อยๆที่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ ...โอ้แม่เจ้า~ คนแคระน้อย2คน... ถ้ามองดูดีๆแล้วพวกเขาเหมือนเด็กอายุประมา7ขวบที่มีความสูงเพียง120เซนฯซะมากกว่า
“ขะ..ข้าบอกเจ้าแล้ว ระ...รีบไปบอกคนอื่นดะ...ดีกว่า”
น้ำเสียงที่ขี้อายเป็นเหมือนเพียงเสียงกระซิบของร่างเด็กน้อยบอกกล่าวกับคนที่พึ่งจามไป ด้านหลังพวกเขาทั้งคู่มีเด็กเล็กที่ดูแล้วไม่น่าสูงถึง100เซนฯหลบอยู่ ...อ๊ายยยยย~ โซตะค่อนชัดๆแบบนี้...
“ซิค ฮัดชิ้ว~ เซเว่น ฮัดชิ้ว~ อย่าไปกลัวมัน...”
โคร๊กกกกกก~ คร๊ากกกกกก~ เสียงร้องขอความเมตตาจากกระเพาะน้อยๆทั้งสามดังกลบเสียงของพวกเขา ใบหน้าเหลืองๆแดงกล่ำด้วยความเขินอาย ...ไม่เป็นไรนะจ๊ะ พี่สาวไม่ถือน่าร๊ากกกกกก~…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ