Love Note โลมาไม่ใช่ปลา -Yaoi-
-
เขียนโดย Sawadnaithuang
วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.20 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
3,500 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2564 20.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ทำอย่างที่เขาทำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 4
ทำอย่างที่เขาทำ
โลมา Talkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkk
เช้าวันก่อนผมตื่นขึ้นมาด้วยความเศร้า ครามน้ำตาบนหมอนบอกผมว่าคืนนั้นผมร้องไห้หนักแค่ไหน ความรู้สึกหลังจากลืมตา จิตใจผมมันอ้างว่างอย่างบอกไม่ถูก แต่กลับกันกับร่างกายที่รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้กอดที่ซานไว้ทั้งคืน ถึงในความจริงแล้วสิ่งที่ผมนอนกอดคือหนังสือบันทึกของตัวเองก็ตาม
สุดท้ายพอสติกลับมา ผมก็ยังลืมพี่ซานไม่ได้อยู่ดี ความเมามันแค่ทำให้ผมไม่รู้ตัวไปชั่วขณะเท่านั้นเอง
กีโทรมาถามอาการผมหลังจากตื่นได้ไม่นาน มันเล่าอย่างขำขันว่าผมเมาจนหลับคาที่ มันเป็นคนมาส่งผมก่อนจะกลับบ้านไป….ถ้าคืนนั้นไม่ได้กี ผมก็คงไปนอนตายอยู่ข้างถนน
หลังจากวางสาย ข้อความที่ผมพร่ำเพ้อไปหาที่ซานฝ่ายเดียวตอนเมาก็ปรากฎขึ้นบนหน้าจอ
**พี่ซาน ตอบโลหน่อย พี่ซานอยู่ไหน
**คนนั้นเป็นแฟนใหม่พี่ซานหรอ ?
**โลทำอะไรผิด ทำไมพี่ซานทำกับโลแบบนี้
**กลับมาหโลนะ โลจะไม่โกรอะไรเลย
**โลรกพี่ซายนะ
**เสนารักกัยไม่ใช่หรอ
แล้วข้อความก็เริ่มพิมพ์ผิดและอ่านไม่ออกไปเรื่อยๆ เพราะผมเมา
‘ทำตัวไร้ค่าชิบหายเลยกู’ ผมขยี้หัวตัวเอง หวังให้ความน่าสมเพชของตัวเองกับความคิดโง่ๆที่จะทักไปใหม่อีกรอบถูกสลัดออกไปจากหัว แต่มือใหม่หัดอกหักมันคงทำไม่ได้หรอกครับ ผมโทรไปหาที่ซานเลยด้วยซ้ำ….แต่โดนบล็อกเบอร์ไปแล้วเรียบร้อย
หลังจากวันนั้นถึงตอนนี้ผมซุกตัวอยู่ในหอ แม้แต่ข้าวก็ไม่ได้ออกไปกินเลยสักมื้อ แขนขาไม่มีแรง สมองไม่ทำงาน มีแค่น้ำเปล่าที่พอจะให้ผมจิบประทังชีวิต
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูของเช้าวันที่ 3 ทำให้ผมมุดตัวออกมาจากผ้าห่ม หวังใจว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องจะเป็นพี่ซาน คิดอย่างงั้นผมก็มีแรงลุกขึ้นไปเปิดประตูโดยอัตโนมัติ
“ไง ผิดหวังละสิที่กูไม่ใช่พี่ซานของมึงอะ” เจ้าของใบหน้าหล่อไม่ใช่คนที่ผมคิด กล่าวทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันทีที่ผมแง้มประตูออก
“พาว”
“เออกูเอง คิดว่าเป็นคนทีทิ้งมึงอยู่รึไง”
“เออ ไม่ต้องมาซ้ำเดิมกูหรอก”
“ไม่อยากให้กูซ้ำเติมก็หลบ” มันว่าแล้วเบี่ยงตัวผมออกจากปตะตู ก่อนจะเดินเข้าใปในห้อง
“หน้ามึงไปโดนอะไรมา” รอยฟกช้ำบนหน้ามันเผยให้ผมเห็นระหว่างมันเดินสวนเข้าไป ขอบตามันบวมๆผิดปกติแถมมีรอบช้ำแดงอยู่ที่ปากอีกรอย
“อ่อ วันก่อนมีคนมาจีบแฟร์ กูเลยจัดไปฟัดกับมันมา”
“มึงมีเรื่องกับคนอื่นหรอ” ผมถามด้วยความแปลกใจ พาวเป็นพวกไม่มีเรื่องกับใร เพราะมันไม่แคร์โลก ถึงแม้ใครจะเกลียด นินทา หรือหาเรื่องมัน มันก็จะมองเป็นแค่ธาตุอากาศและปล่อยให้มันผ่านไป
“ก็มีคนมายุ่งกับแฟนกู จะให้กูปล่อยมันไปได้ไง” พาวเพียงหันสายตาจริงจังมาตอบ ผมสัมผัสบางอย่างได้ในคำตอบ แฟร์คงเป็นคนที่มันรักและแคร์มากจริงๆ
“เออ แต่มึงก็ไม่ควรทำอะไรรุนแรงนะ สมัยนี้คนฆ่ากันง่ายจะตาย” ออกข่าวทุกวัน ถึงร่างกายพาวจะดูไม่ได้อ่อนแอร์แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่เจ็บ
“เป็นห่วงกูรึไง”
“..........”
“เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะมึงอะ” สัส ผมยังไม่ทันจะปฏิเสธก็โดนมันพูดดักหน้าเสียก่อน ถึงจะเป็นเพื่อนแต่เรื่องการพูดอะไรหวานๆแบบนี้ผมก็ไม่ชินครับ มันเขินอายบอกไม่ถูก เว้นเสียตอนเมาคืนนั้นที่ผมกล้าแสดงความรู้สึกตรงๆ
“บอกให้กูเป็นห่วงตัวเอง มึงห่วงกูรึไง” ผมแกล้งย้อนมันแก้เงียบ พอดีกับจังหวะที่หันไปมองมันอีกรอบ มันก็คงหันมามองผมพอดีเหมือนกัน
“กูเป็นห่วงกีที่ต้องดูแลคนเมาอกหักแบบมึงอะ”
“กูก็รู้อยู่หรอก คนอย่างมึงก็เป็นห่วงแค่แฟร์ คืนนั้นตอนกูโดนทิ้งถึงได้เทกูไว้ที่ร้านเหล้าไง” ผมแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำที่พูดประโยคนี้ไป สารอาหารที่ไม่ได้เข้าร่างกายทำให้กระบวนการคิดในสมองถอยลงไปหรือเปล่าวะ อยู่ดีๆจิตสำนึกแห่งความน้อยใจมันก็พล่ามพูดออกมาในตอนที่มองหน้ามันเนี่ยนะ
“ตัดพ้อไรของมึง แฟนกูก็ต้องสำคัญเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว”
“เออ แล้วมึงมาหอกูทำไม” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง
“กูว่าจะออกมากินข้าวกับแฟร์ แต่แฟร์ติดธุระด่วน กูเลยแวะมาที่มึง”
“แล้วทำไมมึงไม่แวะไปร้านข้าว แวะมาหากูก็ไม่อิ่มหรอก” ห้องผมไม่มีอะไรกิน มาม่าสักหอยังไม่มี
“5 นาที” มันชูมือข้างหนึ่งขึ้นมาทำเป็นสัญลักษณ์แทนการตอบคำถามของผม
“5 นาทีอะไรของมึง” ผมไม่ได้เข้าใจความหมายที่มันสื่อ
“กูให้เวลามึงอาบน้ำ 5 นาที แล้วออกไปกินข้าวกับกู”
“กูไม่หิว มึงไปกินเถอะ” ผมปฏิเสธทันที ไม่ใช่ไม่หิวหรอก แต่ช่วงเวลาแบบนี้คงกินอะไรไม่ลง ถึงลำไส้มันจะร้องขออาหารมา 2-3 วันแล้วก็เถอะ
“อีก 4 นาที ถ้ามึงยังอาบน้ำไม่เสร็จกูจะอ่านหนังสือบันทึกของมึง แล้วถ้ามึงคิดว่ามึงจะสู้แรงแย่งหนังสือจากกูได้ มึงจะยืนรอให้หมดเวลากูก็ไม่ว่า” นี่มันชวนผมไม่กินข้าวหรือบังคับกันแน่ สายตามันจับจ้องไปตรงโต๊ะหนังสือผมเหมือนเสือจ้องตะปบเหยื่อ แน่นอนว่าผมคงไม่มั่นใจว่าสภาพร่างกายแบบนี้จะปกป้องหนังสือตัวเองไว้ได้
“เออๆ กูไปก็ได้วะ” ผมว่าแล้วเร่งเท้าไปหยิบหนังสือบันทึกบนโต๊ะเข้าไปอาบน้ำด้วย ตั้งไว้ที่เดิมไอพาวได้ไปหยิบมาแอบอ่านแน่
“จะแดกไร” เมนูอาหารถูกยื่นมาตรงหน้าหลังจากผมหย่อนตูดนั่งในร้านอาหารหรูได้ไม่นาน ราคาแต่ละจานแพงจนผมอยากรีบลุกออกไปซื้อมาม่ามาต้มกินเอง
“มึงแดกเหอะ เดี๋ยวกูนั่งรอ” ผมยื่นเมนูยัดกลับใสมือพาว ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านก็คิดอยู่แล้วว่าคงไม่มีปัญญากิน แต่ไอพาวมันก็ลากผมเข้ามานั่งท้องร้องในร้านจนได้
“มึงสั่งๆไปเหอะ มื้อนี้ฟรี นี่ร้านพ่อกู” คนตรงหน้าพูดจาอวดรวย เอาเข้าจริงๆพาวมันไมได้อวดรวยหรอกครับ มันไม่เคยบอกใครด้วยซ้ำว่าบ้านมันเป็นเจ้าของธุรกิจที่ไหนบ้าง แต่ครั้งนี้มันบอกผมตรงๆก็เพราะอยากให้ผมยอมแดกข้าวนั่นแหละ
ผมพนักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้ปริปากสั่งอะไรกับพนักงานที่ยืนรอจดออเดอร์อยู่ ความเศร้ามันทำให้ทุกเมนูมันไม่น่ากินเอาเสียเลย
“เอาทุกอย่างในหน้าแรกของเมนูมาเลย” ระหว่างผมก้มหน้าอ่านเมนูอยู่นาน ก็ต้องรีบเงยหน้ามาทำตาถลึงใส่ไอพาว มันสั่งอาหารไปหนึ่งหน้าซึ่งมีอยู่มากกว่า 10 รายการ
“มึงจะสั่งเยอะเหี้ยไรขนาดนั้นวะ” ผมรีบห้ามก่อนพนักงานสาวคนนั้นจะเดินไปส่งออเดอร์
“ตามนั้นเลย” มันส่งสัญญาณให้พนักงานเดินไป “มึงเลือกนานอะ กูหิว”
“แต่กูเกรงใจไง มึงสั่งเยอะขนาดนั้น แล้วถ้าพ่….”
“หุบปาก” ผมพล่ามมันไม่จบประโยค นิ้วเรียงยาวของมันก็ถูกยกมาปิดปากผมไว้แน่นสนิท “กูบอกว่าตามนั้นก็คือตามนั้น ถ้ามึงไม่แดก กูจะจับยัดลงคอมึงเอง” พาวทำพาวสายตาน่ากลัว มันชอบขู่ผมตั้งแต่สมัยก่อนถึงตอนนี้
“เออแดก” ผมปัดมือมันออก ไม่ได้กลัวมันทำจริงนะครับแค่ไม่อยากมีปัญหา
“2-3 วันนี้มึงไม่มาเรียน ทั้งๆที่มีสอบย่อย มีเช็คชื่อ” พาวเปลี่ยนเรื่องจนผมแทบไม่ทันตั้งตัว สีหน้าน่ากลัวในตอนแรกมันเบาหวิวไปเลยเมื่อเทียบกับตอนนี้
“กูไม่ค่อยสบาย” ผมผลุบสายตาลงได้โต๊ะ เวลาโกหกจะเป็นแบบนี้ตลอดเลย 3วันที่ผ่านมาร่างกายผมสบายดี แต่ป่วยใจ พาวมันก็น่าจะรู้ดี
“เงยหน้าแล้วตอบกู” เป็นรอบที่สองที่ผมโดนมันจับเข้าตรงหน้า แค่ครานี้มันบีบหน้าผมให้แหงนขึ้นมาเลยครับ ไม่ได้เจ็บหรอกแต่ไม่อยากมองหน้ามันตรงๆตอนพูดความเท็จ
“ก็กูเศร้า” ผมสารภาพเสียงเอื่อย
“กูรู้ว่ามึงเศร้า แต่มึงจะมาพาลทำให้เสียการเรียนแบบนี้ไม่ได้” พาวเริ่มเทศนา ประโยคแรกทำให้ผมเกือบซึ้งน้ำใจที่มันเป็นห่วงจนมีประโยคถัดมา “กูหมายถึงมึงจะทำให้กูเสียการเรียนแบบนี้ไม่ได้ ถ้ามึงไม่มาเรียน ใครจะให้กูลอกตอนสอบ ใครจะทำงานส่งให้กู” แม่ง คิดว่าจะแคร์ผมบ้าง สุดท้ายก็ทำตัวไม่ต่างกับพี่ซาน
“นี่มึงกลัวตัวเองเกรดหรอใช่ปะ ไม่ได้กลัวกูติด F” ผมย่อประโยคก่อนหน้าให้มัน
“เออ กูอยากเรียนจบออกมาเกรดสวยๆ เพราะงั้นตั้งแต่พรุ่งนี้กูจะไปรับมึงไปมหา’ลัยทุกวัน” ไม่มีเนื้อความแก้ตัวหลุดออกมาจากปากของพาว ถึงตอนนี้ผมจะไม่อยากไปเรียนเอาเสียเลย แต่ถ้าคนอย่างมันพูดอย่างงี ถ้าผมไปเรียน รับรองได้เลยว่ามันต้องมาแหกปากเรียกผมใต้หอแต่เช้าแน่ๆ
“อืม”
อาหารมากหน้าหลายตาเกือบสิบเมนูค่อยๆทยอยวางลงบนโต๊ะ กลิ่นแต่ละจานตีกันตลบอบอวลแต่ยังหอมกรุ่นและน่ารับประมานเหมือนเดิม แต่เมนูโปรดของผมคือต้มยำปลากระพงหม้อใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ รายล้อมไปด้วยเมนูอื่นที่น่าอร่อยไม่แพ้กัน
“โคตรน่าแดกเลยมึง” ผมหลุดปากตาพูดลุกวาว ลืมตัวเองคนก่อนที่บอกว่าไม่อยากกินไปเสียสนิท
ระหว่างกำล้งเคลิ้มกับเมนูอาหารไปทีละจาน มือยาวของคนตรงข้ามก็เอื้อมมาตัดผ่านสายตาผม “อยากแดกก็แดกดิ” พาวตักยำสลัดอะโวคาโดกุ้งหย่อนลงในจานผมสองช้อนพูน ครั้นมันยังเขี่ยผักเขียวออกให้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนมันชอบเอาผักที่มันไม่กินเขี่ยใส่จานผมด้วยซ้ำ
“มึงเป็นอะไรของมึง ผีเข้าหรอ” ผมเหวอดูการกระทำของมันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีทางที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น พาวไม่มีทางตักอาหารให้ผมแล้วใส่ใจแม้แต่เรื่องที่ผมไม่กินผักเด็ดขาด
“มันเยอะ กูเลยช่วยตัก” เสียงทุ้มตอบ
“ไม่จริงอะ มึงวางยาพิษลงไปแน่ๆ” ผมพูดทีเล่นทีจริง พรางเขี่ยยำในจานไปมา ไม่ใช่ว่ามันจะแอบแกล้งใส่อะไรผิดปกติไปให้ผมกินหรอกหรอ
พาวนิ่งก่อนจะตักของที่มันตักมาในจานของผมเข้าปากตัวเอง “ยาพิษห่าอะไร แดกไปเหอะ อย่ามาเรื่องเยอะ” ผมนั่งมองมันตาปริบๆ ลองหยิกตัวเองดูก็เจ็บ นี่มันไม่ใช่ความฝัน พาวมันผีเข้า “มองอะไรของมึง กินไปดิ” เสียงเข้มทำให้ผมต้องรีบหลบตามันแล้วมุดหน้าก้มไปกินข้าวทั้งๆที่ยังงงๆ อาหารคำแรกที่เข้าปากมันทำให้ผมรับรู้สึกรสชาติของความอร่อยจนอยากจะเงยหน้ามาอีกทีตอนอิ่มเสียทีเดียว
“อร่อยชิบหาย” ผมพูดทั้งที่เคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก ก่อนจะชะงักหยุดเคี้ยวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเดิมพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“อ่ะ กูป้อน”
“เชี่ย” ข้าวผมแทบพุ่งออกมาจากกะเพาะ เมื่อเงยหน้าแล้วพบว่าต้มยำคำโตๆกำลังจ่อใกล้ปาก ผมมองช้อนที่กำลังสั่นในมือพาวสลับกับหน้ามันไปมา น้ำต้มยำในช้อนได้รับการสั่นสะเทือนจนหกเกือบหมด “ทำไรของมึงอะพาว” ผมถามเพื่อความแน่ใจ ถ้าผีเข้ามันจริงๆผมจะยกหม้อตำยำสาดไล่ผีเอง
“กูบอกว่ากูป้อน” เสียงแข็งตอบ มันยัดเข้ามาในปากโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เกือบสำลักต้มยำตาย โชคยังดีที่กลืนลงคอไปทัน
“ที่แท้ก็จะแกล้งป้อนให้กูสำลักข้าวตายสินะ” ผมไขจุดประสงค์ของมันออกในที่สุด ผีไม่ได้เข้าหรอก สันดานผีๆของมันต่างหากที่เข้า จะแกล้งกันตลอดแบบนี้เลยรึไง
“เออกูแกล้ง แต่กูหมดอารมณ์แกล้งต่อละ” พาวว่าอย่างง่ายดาย ผมสังเกตุมือมันที่สั่นเมื่อครู่เริ่มนิ่งขึ้น
“แล้วทำไมเมื่อกี้มือมึงสั่น”
“ต้มยำมันร้อน”
“เออ เสียดายนะที่มันไม่ลวกมือมึงไปเลย” ผมแอบสะใจเล็กๆ
อาหารมื้อนี้คงเป็นอาหารมื้อที่ดีที่สุดในรอบปี ถ้าไม่ได้นับมื้อที่ทานกับพี่ซาน ผมกับพาวกวาดอาหารทั้งโต๊ะเกือบหมดหมดเกลี้ยง เหลือไว้แต่เมนูที่มีผักหรือไม่ค่อยชอบทานเป็นทุนเดิม ผมที่กินเสร็จก่อนไม่นานนั่งรอพาวที่กำลังตักคำสุดท้ายของมันเข้าปาก
“พาว ปากมึงเลอะอะ” ผมมันหยิบทิชชู่ที่วางอยู่ใกล้กว่าส่งให้มัน พาวรับไว้ในมือก่อนมันจะเหลือบตามามองหน้าผมตรงๆ ทิชชู่ที่ผมตั้งใช้ส่งให้มันใช้ในตอนแรกกลับถูกยื่นกลับมาทางผม
“ปากมึงก็เลอะ” มือหนาสัมผัสเข้ากับริมฝีปากผม มีแค่ทิชชู่แผ่นบางๆเป็นตัวกั้น “สะอาดละ” ผมแทบไม่รู้ตัวว่ามันเช็ดปากให้ผมเสร็จไปตอนไหน ตอนนั้นเหมือนสมองมันดับ เรื่องแบบนี้ไม่มีทางจะเกิดขึ้นกับไอพาว
พาวไม่มีทางเช็ดปากให้เพื่อนคนไหนเด็ดขาด
“อะ เออ ขอบคุณ”
“กูไปเครียร์เรื่องเงินกับพนักงานหลังร้านก่อน มึงรอนี่” พาวลุกแล้วเดินไปทิ้งให้ผมงงอยู่อย่างงั้น ยังไงเรื่องราววันนี้ก็คงเป็นความฝัน
แค่หยิกตัวเองมันคงเจ็บไม่พอ หม้อต้มยำตรงหน้าอาจจะช่วยปลุกผมได้ “เชี่ยร้อน” ผมยังมีความรู้สึก เรื่องทั้งหมดคือความจริงสินะ เรื่องที่ว่าวันนี้….ไอพาวผีเข้า
พาว Talkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkk
ไอโลมาอกหักจนไม่ไปเรียน ข้าวไม่ยอมแดก ผมมาหามันที่หอเห็นสภาพโทรมๆของเพื่อนก็รู้ได้ทันทีว่าถ้ามันเศร้าจนไม่เป็นอันกินอันนอน
ผมพยายามคิดหาวิธีให้มันลืมผัวเก่า หรือให้มันกลับไปรู้สึกถูกเติมเต็มแบบเดิม แล้ววิธีโง่ๆผุดขึ้นในหัวผมเมื่อไปนึกถึงเนื้อหาในหนังสือบันทึกของมันที่ผมแอบอ่านในคืนที่ไปส่งมันที่หอ
‘แม่งโคตรเพ้อ’
มันเขียนเรื่องราวของมันในช่วงที่ความรักอิ่มเอมและวางแผนในอนาคนไว้อย่างดี นี่คงเป็นต้นเหตุที่มันยิ่งผูกพันธ์และไม่มีทางลืมไอ้พี่ซานได้
แล้วมันจะเป็นยังไงถ้าผมอยากลบเรื่องราวที่มันคิดว่าโคตรดีนั้นออกจากระบบสมองมันได้ด้วยการเอาตัวเองเข้าไปแทนที่
สิ่งที่พี่ซานทำ,,,,ผมจะทำ อย่างน้อยก็ทำให้มันถูกเติมเต็ม ถึงแม้คนที่ทำให้จะเป็นเพื่อนมันก็ยังดี
ผมเริ่มด้วยการพามันไปกินข้าว แต่แค่ลองทำอะไรดีๆให้มันก็ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก มือผมสั่นตอนป้อนข้าวมันเพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับผู้ชาย ผมพยายามทำเลียนแบบพฤติกรรมที่ซานที่ทำให้มันตามในหนังสือ นี่แค่เรื่องเดียวที่ผมอ่านเจอ….แต่คือนั้นผมอ่านหนังสือบันทึกมันจนถึงเช้า……………….
‘ไอเหี้ย อย่างเยอะ!!’
ทำอย่างที่เขาทำ
โลมา Talkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkk
เช้าวันก่อนผมตื่นขึ้นมาด้วยความเศร้า ครามน้ำตาบนหมอนบอกผมว่าคืนนั้นผมร้องไห้หนักแค่ไหน ความรู้สึกหลังจากลืมตา จิตใจผมมันอ้างว่างอย่างบอกไม่ถูก แต่กลับกันกับร่างกายที่รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้กอดที่ซานไว้ทั้งคืน ถึงในความจริงแล้วสิ่งที่ผมนอนกอดคือหนังสือบันทึกของตัวเองก็ตาม
สุดท้ายพอสติกลับมา ผมก็ยังลืมพี่ซานไม่ได้อยู่ดี ความเมามันแค่ทำให้ผมไม่รู้ตัวไปชั่วขณะเท่านั้นเอง
กีโทรมาถามอาการผมหลังจากตื่นได้ไม่นาน มันเล่าอย่างขำขันว่าผมเมาจนหลับคาที่ มันเป็นคนมาส่งผมก่อนจะกลับบ้านไป….ถ้าคืนนั้นไม่ได้กี ผมก็คงไปนอนตายอยู่ข้างถนน
หลังจากวางสาย ข้อความที่ผมพร่ำเพ้อไปหาที่ซานฝ่ายเดียวตอนเมาก็ปรากฎขึ้นบนหน้าจอ
**พี่ซาน ตอบโลหน่อย พี่ซานอยู่ไหน
**คนนั้นเป็นแฟนใหม่พี่ซานหรอ ?
**โลทำอะไรผิด ทำไมพี่ซานทำกับโลแบบนี้
**กลับมาหโลนะ โลจะไม่โกรอะไรเลย
**โลรกพี่ซายนะ
**เสนารักกัยไม่ใช่หรอ
แล้วข้อความก็เริ่มพิมพ์ผิดและอ่านไม่ออกไปเรื่อยๆ เพราะผมเมา
‘ทำตัวไร้ค่าชิบหายเลยกู’ ผมขยี้หัวตัวเอง หวังให้ความน่าสมเพชของตัวเองกับความคิดโง่ๆที่จะทักไปใหม่อีกรอบถูกสลัดออกไปจากหัว แต่มือใหม่หัดอกหักมันคงทำไม่ได้หรอกครับ ผมโทรไปหาที่ซานเลยด้วยซ้ำ….แต่โดนบล็อกเบอร์ไปแล้วเรียบร้อย
หลังจากวันนั้นถึงตอนนี้ผมซุกตัวอยู่ในหอ แม้แต่ข้าวก็ไม่ได้ออกไปกินเลยสักมื้อ แขนขาไม่มีแรง สมองไม่ทำงาน มีแค่น้ำเปล่าที่พอจะให้ผมจิบประทังชีวิต
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูของเช้าวันที่ 3 ทำให้ผมมุดตัวออกมาจากผ้าห่ม หวังใจว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องจะเป็นพี่ซาน คิดอย่างงั้นผมก็มีแรงลุกขึ้นไปเปิดประตูโดยอัตโนมัติ
“ไง ผิดหวังละสิที่กูไม่ใช่พี่ซานของมึงอะ” เจ้าของใบหน้าหล่อไม่ใช่คนที่ผมคิด กล่าวทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันทีที่ผมแง้มประตูออก
“พาว”
“เออกูเอง คิดว่าเป็นคนทีทิ้งมึงอยู่รึไง”
“เออ ไม่ต้องมาซ้ำเดิมกูหรอก”
“ไม่อยากให้กูซ้ำเติมก็หลบ” มันว่าแล้วเบี่ยงตัวผมออกจากปตะตู ก่อนจะเดินเข้าใปในห้อง
“หน้ามึงไปโดนอะไรมา” รอยฟกช้ำบนหน้ามันเผยให้ผมเห็นระหว่างมันเดินสวนเข้าไป ขอบตามันบวมๆผิดปกติแถมมีรอบช้ำแดงอยู่ที่ปากอีกรอย
“อ่อ วันก่อนมีคนมาจีบแฟร์ กูเลยจัดไปฟัดกับมันมา”
“มึงมีเรื่องกับคนอื่นหรอ” ผมถามด้วยความแปลกใจ พาวเป็นพวกไม่มีเรื่องกับใร เพราะมันไม่แคร์โลก ถึงแม้ใครจะเกลียด นินทา หรือหาเรื่องมัน มันก็จะมองเป็นแค่ธาตุอากาศและปล่อยให้มันผ่านไป
“ก็มีคนมายุ่งกับแฟนกู จะให้กูปล่อยมันไปได้ไง” พาวเพียงหันสายตาจริงจังมาตอบ ผมสัมผัสบางอย่างได้ในคำตอบ แฟร์คงเป็นคนที่มันรักและแคร์มากจริงๆ
“เออ แต่มึงก็ไม่ควรทำอะไรรุนแรงนะ สมัยนี้คนฆ่ากันง่ายจะตาย” ออกข่าวทุกวัน ถึงร่างกายพาวจะดูไม่ได้อ่อนแอร์แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่เจ็บ
“เป็นห่วงกูรึไง”
“..........”
“เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะมึงอะ” สัส ผมยังไม่ทันจะปฏิเสธก็โดนมันพูดดักหน้าเสียก่อน ถึงจะเป็นเพื่อนแต่เรื่องการพูดอะไรหวานๆแบบนี้ผมก็ไม่ชินครับ มันเขินอายบอกไม่ถูก เว้นเสียตอนเมาคืนนั้นที่ผมกล้าแสดงความรู้สึกตรงๆ
“บอกให้กูเป็นห่วงตัวเอง มึงห่วงกูรึไง” ผมแกล้งย้อนมันแก้เงียบ พอดีกับจังหวะที่หันไปมองมันอีกรอบ มันก็คงหันมามองผมพอดีเหมือนกัน
“กูเป็นห่วงกีที่ต้องดูแลคนเมาอกหักแบบมึงอะ”
“กูก็รู้อยู่หรอก คนอย่างมึงก็เป็นห่วงแค่แฟร์ คืนนั้นตอนกูโดนทิ้งถึงได้เทกูไว้ที่ร้านเหล้าไง” ผมแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำที่พูดประโยคนี้ไป สารอาหารที่ไม่ได้เข้าร่างกายทำให้กระบวนการคิดในสมองถอยลงไปหรือเปล่าวะ อยู่ดีๆจิตสำนึกแห่งความน้อยใจมันก็พล่ามพูดออกมาในตอนที่มองหน้ามันเนี่ยนะ
“ตัดพ้อไรของมึง แฟนกูก็ต้องสำคัญเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว”
“เออ แล้วมึงมาหอกูทำไม” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง
“กูว่าจะออกมากินข้าวกับแฟร์ แต่แฟร์ติดธุระด่วน กูเลยแวะมาที่มึง”
“แล้วทำไมมึงไม่แวะไปร้านข้าว แวะมาหากูก็ไม่อิ่มหรอก” ห้องผมไม่มีอะไรกิน มาม่าสักหอยังไม่มี
“5 นาที” มันชูมือข้างหนึ่งขึ้นมาทำเป็นสัญลักษณ์แทนการตอบคำถามของผม
“5 นาทีอะไรของมึง” ผมไม่ได้เข้าใจความหมายที่มันสื่อ
“กูให้เวลามึงอาบน้ำ 5 นาที แล้วออกไปกินข้าวกับกู”
“กูไม่หิว มึงไปกินเถอะ” ผมปฏิเสธทันที ไม่ใช่ไม่หิวหรอก แต่ช่วงเวลาแบบนี้คงกินอะไรไม่ลง ถึงลำไส้มันจะร้องขออาหารมา 2-3 วันแล้วก็เถอะ
“อีก 4 นาที ถ้ามึงยังอาบน้ำไม่เสร็จกูจะอ่านหนังสือบันทึกของมึง แล้วถ้ามึงคิดว่ามึงจะสู้แรงแย่งหนังสือจากกูได้ มึงจะยืนรอให้หมดเวลากูก็ไม่ว่า” นี่มันชวนผมไม่กินข้าวหรือบังคับกันแน่ สายตามันจับจ้องไปตรงโต๊ะหนังสือผมเหมือนเสือจ้องตะปบเหยื่อ แน่นอนว่าผมคงไม่มั่นใจว่าสภาพร่างกายแบบนี้จะปกป้องหนังสือตัวเองไว้ได้
“เออๆ กูไปก็ได้วะ” ผมว่าแล้วเร่งเท้าไปหยิบหนังสือบันทึกบนโต๊ะเข้าไปอาบน้ำด้วย ตั้งไว้ที่เดิมไอพาวได้ไปหยิบมาแอบอ่านแน่
“จะแดกไร” เมนูอาหารถูกยื่นมาตรงหน้าหลังจากผมหย่อนตูดนั่งในร้านอาหารหรูได้ไม่นาน ราคาแต่ละจานแพงจนผมอยากรีบลุกออกไปซื้อมาม่ามาต้มกินเอง
“มึงแดกเหอะ เดี๋ยวกูนั่งรอ” ผมยื่นเมนูยัดกลับใสมือพาว ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านก็คิดอยู่แล้วว่าคงไม่มีปัญญากิน แต่ไอพาวมันก็ลากผมเข้ามานั่งท้องร้องในร้านจนได้
“มึงสั่งๆไปเหอะ มื้อนี้ฟรี นี่ร้านพ่อกู” คนตรงหน้าพูดจาอวดรวย เอาเข้าจริงๆพาวมันไมได้อวดรวยหรอกครับ มันไม่เคยบอกใครด้วยซ้ำว่าบ้านมันเป็นเจ้าของธุรกิจที่ไหนบ้าง แต่ครั้งนี้มันบอกผมตรงๆก็เพราะอยากให้ผมยอมแดกข้าวนั่นแหละ
ผมพนักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้ปริปากสั่งอะไรกับพนักงานที่ยืนรอจดออเดอร์อยู่ ความเศร้ามันทำให้ทุกเมนูมันไม่น่ากินเอาเสียเลย
“เอาทุกอย่างในหน้าแรกของเมนูมาเลย” ระหว่างผมก้มหน้าอ่านเมนูอยู่นาน ก็ต้องรีบเงยหน้ามาทำตาถลึงใส่ไอพาว มันสั่งอาหารไปหนึ่งหน้าซึ่งมีอยู่มากกว่า 10 รายการ
“มึงจะสั่งเยอะเหี้ยไรขนาดนั้นวะ” ผมรีบห้ามก่อนพนักงานสาวคนนั้นจะเดินไปส่งออเดอร์
“ตามนั้นเลย” มันส่งสัญญาณให้พนักงานเดินไป “มึงเลือกนานอะ กูหิว”
“แต่กูเกรงใจไง มึงสั่งเยอะขนาดนั้น แล้วถ้าพ่….”
“หุบปาก” ผมพล่ามมันไม่จบประโยค นิ้วเรียงยาวของมันก็ถูกยกมาปิดปากผมไว้แน่นสนิท “กูบอกว่าตามนั้นก็คือตามนั้น ถ้ามึงไม่แดก กูจะจับยัดลงคอมึงเอง” พาวทำพาวสายตาน่ากลัว มันชอบขู่ผมตั้งแต่สมัยก่อนถึงตอนนี้
“เออแดก” ผมปัดมือมันออก ไม่ได้กลัวมันทำจริงนะครับแค่ไม่อยากมีปัญหา
“2-3 วันนี้มึงไม่มาเรียน ทั้งๆที่มีสอบย่อย มีเช็คชื่อ” พาวเปลี่ยนเรื่องจนผมแทบไม่ทันตั้งตัว สีหน้าน่ากลัวในตอนแรกมันเบาหวิวไปเลยเมื่อเทียบกับตอนนี้
“กูไม่ค่อยสบาย” ผมผลุบสายตาลงได้โต๊ะ เวลาโกหกจะเป็นแบบนี้ตลอดเลย 3วันที่ผ่านมาร่างกายผมสบายดี แต่ป่วยใจ พาวมันก็น่าจะรู้ดี
“เงยหน้าแล้วตอบกู” เป็นรอบที่สองที่ผมโดนมันจับเข้าตรงหน้า แค่ครานี้มันบีบหน้าผมให้แหงนขึ้นมาเลยครับ ไม่ได้เจ็บหรอกแต่ไม่อยากมองหน้ามันตรงๆตอนพูดความเท็จ
“ก็กูเศร้า” ผมสารภาพเสียงเอื่อย
“กูรู้ว่ามึงเศร้า แต่มึงจะมาพาลทำให้เสียการเรียนแบบนี้ไม่ได้” พาวเริ่มเทศนา ประโยคแรกทำให้ผมเกือบซึ้งน้ำใจที่มันเป็นห่วงจนมีประโยคถัดมา “กูหมายถึงมึงจะทำให้กูเสียการเรียนแบบนี้ไม่ได้ ถ้ามึงไม่มาเรียน ใครจะให้กูลอกตอนสอบ ใครจะทำงานส่งให้กู” แม่ง คิดว่าจะแคร์ผมบ้าง สุดท้ายก็ทำตัวไม่ต่างกับพี่ซาน
“นี่มึงกลัวตัวเองเกรดหรอใช่ปะ ไม่ได้กลัวกูติด F” ผมย่อประโยคก่อนหน้าให้มัน
“เออ กูอยากเรียนจบออกมาเกรดสวยๆ เพราะงั้นตั้งแต่พรุ่งนี้กูจะไปรับมึงไปมหา’ลัยทุกวัน” ไม่มีเนื้อความแก้ตัวหลุดออกมาจากปากของพาว ถึงตอนนี้ผมจะไม่อยากไปเรียนเอาเสียเลย แต่ถ้าคนอย่างมันพูดอย่างงี ถ้าผมไปเรียน รับรองได้เลยว่ามันต้องมาแหกปากเรียกผมใต้หอแต่เช้าแน่ๆ
“อืม”
อาหารมากหน้าหลายตาเกือบสิบเมนูค่อยๆทยอยวางลงบนโต๊ะ กลิ่นแต่ละจานตีกันตลบอบอวลแต่ยังหอมกรุ่นและน่ารับประมานเหมือนเดิม แต่เมนูโปรดของผมคือต้มยำปลากระพงหม้อใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ รายล้อมไปด้วยเมนูอื่นที่น่าอร่อยไม่แพ้กัน
“โคตรน่าแดกเลยมึง” ผมหลุดปากตาพูดลุกวาว ลืมตัวเองคนก่อนที่บอกว่าไม่อยากกินไปเสียสนิท
ระหว่างกำล้งเคลิ้มกับเมนูอาหารไปทีละจาน มือยาวของคนตรงข้ามก็เอื้อมมาตัดผ่านสายตาผม “อยากแดกก็แดกดิ” พาวตักยำสลัดอะโวคาโดกุ้งหย่อนลงในจานผมสองช้อนพูน ครั้นมันยังเขี่ยผักเขียวออกให้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนมันชอบเอาผักที่มันไม่กินเขี่ยใส่จานผมด้วยซ้ำ
“มึงเป็นอะไรของมึง ผีเข้าหรอ” ผมเหวอดูการกระทำของมันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีทางที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น พาวไม่มีทางตักอาหารให้ผมแล้วใส่ใจแม้แต่เรื่องที่ผมไม่กินผักเด็ดขาด
“มันเยอะ กูเลยช่วยตัก” เสียงทุ้มตอบ
“ไม่จริงอะ มึงวางยาพิษลงไปแน่ๆ” ผมพูดทีเล่นทีจริง พรางเขี่ยยำในจานไปมา ไม่ใช่ว่ามันจะแอบแกล้งใส่อะไรผิดปกติไปให้ผมกินหรอกหรอ
พาวนิ่งก่อนจะตักของที่มันตักมาในจานของผมเข้าปากตัวเอง “ยาพิษห่าอะไร แดกไปเหอะ อย่ามาเรื่องเยอะ” ผมนั่งมองมันตาปริบๆ ลองหยิกตัวเองดูก็เจ็บ นี่มันไม่ใช่ความฝัน พาวมันผีเข้า “มองอะไรของมึง กินไปดิ” เสียงเข้มทำให้ผมต้องรีบหลบตามันแล้วมุดหน้าก้มไปกินข้าวทั้งๆที่ยังงงๆ อาหารคำแรกที่เข้าปากมันทำให้ผมรับรู้สึกรสชาติของความอร่อยจนอยากจะเงยหน้ามาอีกทีตอนอิ่มเสียทีเดียว
“อร่อยชิบหาย” ผมพูดทั้งที่เคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก ก่อนจะชะงักหยุดเคี้ยวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเดิมพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“อ่ะ กูป้อน”
“เชี่ย” ข้าวผมแทบพุ่งออกมาจากกะเพาะ เมื่อเงยหน้าแล้วพบว่าต้มยำคำโตๆกำลังจ่อใกล้ปาก ผมมองช้อนที่กำลังสั่นในมือพาวสลับกับหน้ามันไปมา น้ำต้มยำในช้อนได้รับการสั่นสะเทือนจนหกเกือบหมด “ทำไรของมึงอะพาว” ผมถามเพื่อความแน่ใจ ถ้าผีเข้ามันจริงๆผมจะยกหม้อตำยำสาดไล่ผีเอง
“กูบอกว่ากูป้อน” เสียงแข็งตอบ มันยัดเข้ามาในปากโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เกือบสำลักต้มยำตาย โชคยังดีที่กลืนลงคอไปทัน
“ที่แท้ก็จะแกล้งป้อนให้กูสำลักข้าวตายสินะ” ผมไขจุดประสงค์ของมันออกในที่สุด ผีไม่ได้เข้าหรอก สันดานผีๆของมันต่างหากที่เข้า จะแกล้งกันตลอดแบบนี้เลยรึไง
“เออกูแกล้ง แต่กูหมดอารมณ์แกล้งต่อละ” พาวว่าอย่างง่ายดาย ผมสังเกตุมือมันที่สั่นเมื่อครู่เริ่มนิ่งขึ้น
“แล้วทำไมเมื่อกี้มือมึงสั่น”
“ต้มยำมันร้อน”
“เออ เสียดายนะที่มันไม่ลวกมือมึงไปเลย” ผมแอบสะใจเล็กๆ
อาหารมื้อนี้คงเป็นอาหารมื้อที่ดีที่สุดในรอบปี ถ้าไม่ได้นับมื้อที่ทานกับพี่ซาน ผมกับพาวกวาดอาหารทั้งโต๊ะเกือบหมดหมดเกลี้ยง เหลือไว้แต่เมนูที่มีผักหรือไม่ค่อยชอบทานเป็นทุนเดิม ผมที่กินเสร็จก่อนไม่นานนั่งรอพาวที่กำลังตักคำสุดท้ายของมันเข้าปาก
“พาว ปากมึงเลอะอะ” ผมมันหยิบทิชชู่ที่วางอยู่ใกล้กว่าส่งให้มัน พาวรับไว้ในมือก่อนมันจะเหลือบตามามองหน้าผมตรงๆ ทิชชู่ที่ผมตั้งใช้ส่งให้มันใช้ในตอนแรกกลับถูกยื่นกลับมาทางผม
“ปากมึงก็เลอะ” มือหนาสัมผัสเข้ากับริมฝีปากผม มีแค่ทิชชู่แผ่นบางๆเป็นตัวกั้น “สะอาดละ” ผมแทบไม่รู้ตัวว่ามันเช็ดปากให้ผมเสร็จไปตอนไหน ตอนนั้นเหมือนสมองมันดับ เรื่องแบบนี้ไม่มีทางจะเกิดขึ้นกับไอพาว
พาวไม่มีทางเช็ดปากให้เพื่อนคนไหนเด็ดขาด
“อะ เออ ขอบคุณ”
“กูไปเครียร์เรื่องเงินกับพนักงานหลังร้านก่อน มึงรอนี่” พาวลุกแล้วเดินไปทิ้งให้ผมงงอยู่อย่างงั้น ยังไงเรื่องราววันนี้ก็คงเป็นความฝัน
แค่หยิกตัวเองมันคงเจ็บไม่พอ หม้อต้มยำตรงหน้าอาจจะช่วยปลุกผมได้ “เชี่ยร้อน” ผมยังมีความรู้สึก เรื่องทั้งหมดคือความจริงสินะ เรื่องที่ว่าวันนี้….ไอพาวผีเข้า
พาว Talkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkk
ไอโลมาอกหักจนไม่ไปเรียน ข้าวไม่ยอมแดก ผมมาหามันที่หอเห็นสภาพโทรมๆของเพื่อนก็รู้ได้ทันทีว่าถ้ามันเศร้าจนไม่เป็นอันกินอันนอน
ผมพยายามคิดหาวิธีให้มันลืมผัวเก่า หรือให้มันกลับไปรู้สึกถูกเติมเต็มแบบเดิม แล้ววิธีโง่ๆผุดขึ้นในหัวผมเมื่อไปนึกถึงเนื้อหาในหนังสือบันทึกของมันที่ผมแอบอ่านในคืนที่ไปส่งมันที่หอ
‘แม่งโคตรเพ้อ’
มันเขียนเรื่องราวของมันในช่วงที่ความรักอิ่มเอมและวางแผนในอนาคนไว้อย่างดี นี่คงเป็นต้นเหตุที่มันยิ่งผูกพันธ์และไม่มีทางลืมไอ้พี่ซานได้
แล้วมันจะเป็นยังไงถ้าผมอยากลบเรื่องราวที่มันคิดว่าโคตรดีนั้นออกจากระบบสมองมันได้ด้วยการเอาตัวเองเข้าไปแทนที่
สิ่งที่พี่ซานทำ,,,,ผมจะทำ อย่างน้อยก็ทำให้มันถูกเติมเต็ม ถึงแม้คนที่ทำให้จะเป็นเพื่อนมันก็ยังดี
ผมเริ่มด้วยการพามันไปกินข้าว แต่แค่ลองทำอะไรดีๆให้มันก็ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก มือผมสั่นตอนป้อนข้าวมันเพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับผู้ชาย ผมพยายามทำเลียนแบบพฤติกรรมที่ซานที่ทำให้มันตามในหนังสือ นี่แค่เรื่องเดียวที่ผมอ่านเจอ….แต่คือนั้นผมอ่านหนังสือบันทึกมันจนถึงเช้า……………….
‘ไอเหี้ย อย่างเยอะ!!’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ