โลกอมตะ
-
เขียนโดย silversoul
วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.51 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
4,820 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 21.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ประกอบพิธี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตึง
ตึง
ตึง
เสียงกลองมังกรประกอบพิธีดังสะท้อนไปทั่วหุบเขามังกรสวรรค์ วันนี้อารามเต๋ามังกรสวรรค์ค่อนข้างร้างผู้คน เพราะอารามจะประกอบพิธีสำคัญในวันนี้ จึงปิดไม่ให้มีผู้คนเข้ามาจุดธูปบูชา
แต่ลูกศิษย์ในวัดยังคงคับคั่งล้วนยืนประจำตำแหน่งของตนรอบแท่นพิธี
แท่นพิธีอารามมังกรสวรรค์สลักขึ้นจากหนกชั้นดี เจ้าอารามยืนสำรวมสวดมนต์อยู่ด้านล่าง บนแท่นมีเด็กชายนอนอยู่ด้านบน ในมือของเด็กชายถือหยกสลักรูปมนุษย์ ผสานกันไว้บนหน้าอกคล้ายคนหลับสนิท
หลังจากเจ้าอารามสวดคาถาเพื่อเตรียมพร้อมเป็นที่เรียบร้อย จึงเดินไปหาหญิงชายวัยกลางคนคู่หนึ่ง
เมื่อเห็นเจ้าอารามเดินมา หญิงวัยกลางคนจึงคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว
“ท่านเจ้าอาราม ขอเพียงท่านกำจัดวิญญาณร้ายได้สำเร็จ พวกเรายินดีบริจาคสมบัติทุกอย่างให้อารามเลยเจ้าค่ะ” หญิงวัยกลางคนอ้อนวอนทั้งน้ำตา
เมื่อเห็นเช่นนี้ชายวัยกลางคนก็คุกเข่าลงเช่นกัน “ใช่ขอรับ ขอเพียงลูกของเราหลุดพ้นจากความทรมาณ เรายินดียกดาบไม้ประจำตระกูลให้กับอารามมังกรสวรรค์”
เมื่อมองฉากนี้เจ้าอารามมังกรสวรรค์ก็ดูทูกทั้งสองคนในใจเล็กน้อย อารามมังกรสวรรค์ไม่เคยขาดสมบัติมีค่าหรือเงินทอง ที่เข้าตาเขาก็มีเพียงดาบไม้ประจำตระกูลเท่านั้นที่นับว่าเป็นของวิเศษหายากที่มีค่า
“ท่านทั้งสองไม่ต้องร้อนใจไป เรารับปากพวกท่านแล้วย่อมทำให้สำเร็จดั่งวาจา แต่โยมทั้งสองก็ต้องทำตามสัญญาที่จะให้บุตรเป็นศิษย์อารามมังกรสวรรค์เช่นกัน” เจ้าอารามมังกรสวรรค์พูดด้วยความเมตตา
อันที่จริงเจ้าอารามไม่ได้ต้องการรักษาเด็กคนนี้ในตอนแรก เพราะปีศาจตนนี้มีพลังไม่ธรรมดาเลย แต่เมื่อเขาเห็นว่าเด็กคนนี้มีร่างกายหายากไม่ธรรมดาเขาจึงคิดใหม่
เด็กคนนี้มีร่างเต๋าสื่อสวรรค์ที่ถือว่าเป็นร่างที่ดีที่สุดที่จะฝึกวิชาเต๋าของพวกเขา
“เอาล่ะ ท่านทั้งสองลุกขึ้นเถิด อีกประเดี๋ยวก็จะเที่ยงแล้ว เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะกำจัดปิศาจร้ายตนนี้” เจ้าอารามเต๋าพูดพร้อมกับเดินจากไป
เจ้าอารามเดินเดินเข้าไปจนถึงกระท่อมที่อยู่ห่างไกลและเงียบสงบ บริเวณนี้เป็นบริเวณที่ถูกหวงห้ามในอารามเต๋าสวรรค์ มีเพียงผู้อาวุโสในอารามเท่านั้นจะเข้ามาได้
เจ้าอารามเดินเข้าไปในกระท่อมอย่างช้า ๆ แล้วคุกเข้าลงหน้าเตียงไม้ไผ่ บนเตียงนี้มีชายชรานอนอยู่ ชายคนนี้ดูเหมือนกับตายไปแล้ว ร่างกายของเขาเหลือเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ลมหายใจของเขาช้ามากจนเหมือนไม่ได้หายใจ กลางหน้าอกของเขามีหยกสลักรูปมนุษย์วางอยู่
ชายชราคนนี้คือผู้ก่อตั้งอารามมังกรสวรรค์เมื่อสองร้อยปีก่อน นักพรตมังกรสวรรค์ เขาฝึกวิชาจนถึงขีดสุดจนมียายุขัยยาวนานถึงสองร้อยหกสิบปี แต่มนุษย์ไม่อาจสู้ฟ้าได้ วันหนึ่งอายุขัยก็ต้องสิ้นสุดลง เขาจึงทำได้เพียงใช้วิชาปกปิดสวรรค์เพื่อยืดอายุไปก่อน แต่ข้อเสียของวิชานี้คือเขาทำได้เพียงนอนอยู่นิ่ง ๆ เท่านั้น มิอาจดำเนินชีวิตตามปกติได้
“ท่านอาจารย์ ในสุดเวลาที่ท่านรอคอยก็มาถึงแล้ว ข้าหาร่างที่ยอดเยี่ยมเหมาะกับท่านได้แล้ว ครั้งนี้ท่านจะได้เกิดใหม่และเป็นผู้นำอารามมังกรสวรรค์ไปสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง” เจ้าอารามพูดออกมาด้วยความแผ่วเบา
ตึง
ตึง
ตึง
เวลาห้าโมงสี่สิบห้านาที เสียงกลองมังกรสะท้อนไปทั่วลานพิธี ควันธูปมงคลฟุ้งขึ้นท้องฟ้า
“อัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”
เสียงผู้ดำเนินพิธีดังก้องกังวาน ทำให้ดูมีมนต์ขลังเป็นพิเศษ
ด้านทิศตะวันออก นักพรตอาวุโสเดินตามมาด้วยบรรดาลูกศิษย์ที่แบกกรงขนาดใหญ่ ข้างในเป็นงูมีเขาประหลาด ลำตัวสีเขียวยาวราวสิบเมตร
ด้านทิศใต้ นักพรตอาวุโสเดินตามมาด้วยลูกศิษย์ที่หามกรงออกมา ข้างในมีไก่ตัวผู้ที่ใหญ่กว่าปกติราวสามเท่า ทั่วทั้งตัวมีสีแดงสด บนหัวมันมีหงอนงดงามราวกับมงกุฏ
ด้านทิศตะวันตก นักพรตอาวุโสเดินตามมาด้วยลูกศิษย์ที่แบกกรงขนาดใหญ่ออกมา ข้างในมีเสือขาวที่ดูดุร้ายมาก
ด้านทิศเหนือ นักพรตอาวุโสเดินตามมาด้วยลูกศิษย์ที่แบกกรองขนาดใหญ่ ข้างในมีเต่าสีดำทมิฬ ที่ตัวใหญ่กระดองกว้างราวสองเมตร
บรรดาลูกศิษย์และคู่สามีภรรยาวัยกลางคนเห็นฉากนี้ก็ประหลาดใจมาก สัตว์เหล่านี้ล้วนไม่เคยพบเห็นได้ในโลกภายนอก
“สวดคาถาสี่จตุรเทพ” ผู้ดำเนินพิธีกล่าวอีกครั้ง
บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายจึงเริ่มท่องคาถาพร้อมกัน
สี่เทพสัตว์สวรรค์
กำราบสี่ทิศ
บูรพามังกรฟ้า
ทักษิณหงส์ชาด
ประจิมพยัคฆ์ขาว
อุดรเต่าทมิฬ
สี่เทพสัตว์สวรรค์
พิทักษ์สี่ทิศ
ขอจงสถิต ณ ที่นี้เทิญ
เหล่าลูกศิษย์ท่องคาถาอย่างพร้อมเพรียง
พระอาทิตย์ค่อย ๆ เคลื่อนมาเป็นเวลาเที่ยงตรง
“บูชายัญสี่สัตว์สวรรค์” ผู้ดำเนินพิธีกล่าวอีกครั้ง
ผู้อาวุโสที่ประจำการอยู่กับสัตว์ทั้งสี่ลงมือพร้อมกัน ลงดาบที่คอสัตว์ทั้งสี่จนเลือดสาดกระจายไปบนแทนพิธีหนกจนแดงฉาน
ตึง
ตึง
เสียงกลองมังกรประกอบพิธีดังสะท้อนไปทั่วหุบเขามังกรสวรรค์ วันนี้อารามเต๋ามังกรสวรรค์ค่อนข้างร้างผู้คน เพราะอารามจะประกอบพิธีสำคัญในวันนี้ จึงปิดไม่ให้มีผู้คนเข้ามาจุดธูปบูชา
แต่ลูกศิษย์ในวัดยังคงคับคั่งล้วนยืนประจำตำแหน่งของตนรอบแท่นพิธี
แท่นพิธีอารามมังกรสวรรค์สลักขึ้นจากหนกชั้นดี เจ้าอารามยืนสำรวมสวดมนต์อยู่ด้านล่าง บนแท่นมีเด็กชายนอนอยู่ด้านบน ในมือของเด็กชายถือหยกสลักรูปมนุษย์ ผสานกันไว้บนหน้าอกคล้ายคนหลับสนิท
หลังจากเจ้าอารามสวดคาถาเพื่อเตรียมพร้อมเป็นที่เรียบร้อย จึงเดินไปหาหญิงชายวัยกลางคนคู่หนึ่ง
เมื่อเห็นเจ้าอารามเดินมา หญิงวัยกลางคนจึงคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว
“ท่านเจ้าอาราม ขอเพียงท่านกำจัดวิญญาณร้ายได้สำเร็จ พวกเรายินดีบริจาคสมบัติทุกอย่างให้อารามเลยเจ้าค่ะ” หญิงวัยกลางคนอ้อนวอนทั้งน้ำตา
เมื่อเห็นเช่นนี้ชายวัยกลางคนก็คุกเข่าลงเช่นกัน “ใช่ขอรับ ขอเพียงลูกของเราหลุดพ้นจากความทรมาณ เรายินดียกดาบไม้ประจำตระกูลให้กับอารามมังกรสวรรค์”
เมื่อมองฉากนี้เจ้าอารามมังกรสวรรค์ก็ดูทูกทั้งสองคนในใจเล็กน้อย อารามมังกรสวรรค์ไม่เคยขาดสมบัติมีค่าหรือเงินทอง ที่เข้าตาเขาก็มีเพียงดาบไม้ประจำตระกูลเท่านั้นที่นับว่าเป็นของวิเศษหายากที่มีค่า
“ท่านทั้งสองไม่ต้องร้อนใจไป เรารับปากพวกท่านแล้วย่อมทำให้สำเร็จดั่งวาจา แต่โยมทั้งสองก็ต้องทำตามสัญญาที่จะให้บุตรเป็นศิษย์อารามมังกรสวรรค์เช่นกัน” เจ้าอารามมังกรสวรรค์พูดด้วยความเมตตา
อันที่จริงเจ้าอารามไม่ได้ต้องการรักษาเด็กคนนี้ในตอนแรก เพราะปีศาจตนนี้มีพลังไม่ธรรมดาเลย แต่เมื่อเขาเห็นว่าเด็กคนนี้มีร่างกายหายากไม่ธรรมดาเขาจึงคิดใหม่
เด็กคนนี้มีร่างเต๋าสื่อสวรรค์ที่ถือว่าเป็นร่างที่ดีที่สุดที่จะฝึกวิชาเต๋าของพวกเขา
“เอาล่ะ ท่านทั้งสองลุกขึ้นเถิด อีกประเดี๋ยวก็จะเที่ยงแล้ว เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะกำจัดปิศาจร้ายตนนี้” เจ้าอารามเต๋าพูดพร้อมกับเดินจากไป
เจ้าอารามเดินเดินเข้าไปจนถึงกระท่อมที่อยู่ห่างไกลและเงียบสงบ บริเวณนี้เป็นบริเวณที่ถูกหวงห้ามในอารามเต๋าสวรรค์ มีเพียงผู้อาวุโสในอารามเท่านั้นจะเข้ามาได้
เจ้าอารามเดินเข้าไปในกระท่อมอย่างช้า ๆ แล้วคุกเข้าลงหน้าเตียงไม้ไผ่ บนเตียงนี้มีชายชรานอนอยู่ ชายคนนี้ดูเหมือนกับตายไปแล้ว ร่างกายของเขาเหลือเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ลมหายใจของเขาช้ามากจนเหมือนไม่ได้หายใจ กลางหน้าอกของเขามีหยกสลักรูปมนุษย์วางอยู่
ชายชราคนนี้คือผู้ก่อตั้งอารามมังกรสวรรค์เมื่อสองร้อยปีก่อน นักพรตมังกรสวรรค์ เขาฝึกวิชาจนถึงขีดสุดจนมียายุขัยยาวนานถึงสองร้อยหกสิบปี แต่มนุษย์ไม่อาจสู้ฟ้าได้ วันหนึ่งอายุขัยก็ต้องสิ้นสุดลง เขาจึงทำได้เพียงใช้วิชาปกปิดสวรรค์เพื่อยืดอายุไปก่อน แต่ข้อเสียของวิชานี้คือเขาทำได้เพียงนอนอยู่นิ่ง ๆ เท่านั้น มิอาจดำเนินชีวิตตามปกติได้
“ท่านอาจารย์ ในสุดเวลาที่ท่านรอคอยก็มาถึงแล้ว ข้าหาร่างที่ยอดเยี่ยมเหมาะกับท่านได้แล้ว ครั้งนี้ท่านจะได้เกิดใหม่และเป็นผู้นำอารามมังกรสวรรค์ไปสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง” เจ้าอารามพูดออกมาด้วยความแผ่วเบา
ตึง
ตึง
ตึง
เวลาห้าโมงสี่สิบห้านาที เสียงกลองมังกรสะท้อนไปทั่วลานพิธี ควันธูปมงคลฟุ้งขึ้นท้องฟ้า
“อัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”
เสียงผู้ดำเนินพิธีดังก้องกังวาน ทำให้ดูมีมนต์ขลังเป็นพิเศษ
ด้านทิศตะวันออก นักพรตอาวุโสเดินตามมาด้วยบรรดาลูกศิษย์ที่แบกกรงขนาดใหญ่ ข้างในเป็นงูมีเขาประหลาด ลำตัวสีเขียวยาวราวสิบเมตร
ด้านทิศใต้ นักพรตอาวุโสเดินตามมาด้วยลูกศิษย์ที่หามกรงออกมา ข้างในมีไก่ตัวผู้ที่ใหญ่กว่าปกติราวสามเท่า ทั่วทั้งตัวมีสีแดงสด บนหัวมันมีหงอนงดงามราวกับมงกุฏ
ด้านทิศตะวันตก นักพรตอาวุโสเดินตามมาด้วยลูกศิษย์ที่แบกกรงขนาดใหญ่ออกมา ข้างในมีเสือขาวที่ดูดุร้ายมาก
ด้านทิศเหนือ นักพรตอาวุโสเดินตามมาด้วยลูกศิษย์ที่แบกกรองขนาดใหญ่ ข้างในมีเต่าสีดำทมิฬ ที่ตัวใหญ่กระดองกว้างราวสองเมตร
บรรดาลูกศิษย์และคู่สามีภรรยาวัยกลางคนเห็นฉากนี้ก็ประหลาดใจมาก สัตว์เหล่านี้ล้วนไม่เคยพบเห็นได้ในโลกภายนอก
“สวดคาถาสี่จตุรเทพ” ผู้ดำเนินพิธีกล่าวอีกครั้ง
บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายจึงเริ่มท่องคาถาพร้อมกัน
สี่เทพสัตว์สวรรค์
กำราบสี่ทิศ
บูรพามังกรฟ้า
ทักษิณหงส์ชาด
ประจิมพยัคฆ์ขาว
อุดรเต่าทมิฬ
สี่เทพสัตว์สวรรค์
พิทักษ์สี่ทิศ
ขอจงสถิต ณ ที่นี้เทิญ
เหล่าลูกศิษย์ท่องคาถาอย่างพร้อมเพรียง
พระอาทิตย์ค่อย ๆ เคลื่อนมาเป็นเวลาเที่ยงตรง
“บูชายัญสี่สัตว์สวรรค์” ผู้ดำเนินพิธีกล่าวอีกครั้ง
ผู้อาวุโสที่ประจำการอยู่กับสัตว์ทั้งสี่ลงมือพร้อมกัน ลงดาบที่คอสัตว์ทั้งสี่จนเลือดสาดกระจายไปบนแทนพิธีหนกจนแดงฉาน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ